เพียงใจปรารถนา
อดีตอันแสนโหดร้ายในวัยเด็กทำให้ เวหา เติบโตมาเป็นผู้ชายแข็งกร้าวและเย็นชา ผู้หญิงคนไหนก็ไม่สามารถผ่านด่านหัวใจเขาไปได้ แต่ใช่ว่าเขาจะไร้ความรู้สึก เมื่อผู้หญิงที่เขาแอบรัก แต่ไม่สามารถครอบครอง ถูกคนรักของตนเองขอเลิกและไปแต่งงานกับ ปริญดา หญิงสาวผู้ซึ่งเพียงต้องการหนีปัญหา เธอจึงต้องตกเป็นจำเลยแห่งความโกรธแค้นของชายหนุ่ม ที่สำคัญ...เขาทำให้เธอตกหลุมรัก ยอมจำนน และทิ้งขว้างอย่างไม่ใยดีเพื่อแก้แค้นให้สมน้ำสมเนื้อที่เธอทำให้ผู้หญิงที่เขารักต้องเสียใจ!

แต่เมื่อความเข้าใจผิด การโกหกปิดบัง ได้ถูกเปิดเผย จะช่วยให้เธอและเขาเปลี่ยนความแค้น และความชิงชัง ให้เป็นความรักได้หรือไม่......ขอเพียงแค่ใจปรารถนา...รักของทั้งคู่คงไม่เกินความจริง

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอน 28

สวัสดีค่ะนักอ่านเว็บเลิฟทุกท่าน^^

รู้สึกว่าช่วงนี้ไฟในการเขียนนิยายเริ่มริบหรี่เพราะมัวแต่เครียดเรื่่องงานที่ตัวเองทำพลาด T_T แต่ยังไงก็จะพยายามมาอัพเรื่อย ๆ ให้ได้อ่านกันค่ะ ถ้ามีตรงไหนผิดพลาดหรือเนื้อหาไม่เคลียร์บอกกล่าวกันได้นะคะ ^^

ตอนนี้ไม่อยากบอกว่าจะมาลงได้วันไหนกลัวว่าจะมาไม่ได้ตามนัด แหะๆ ^^'' แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ อ่านนิยายให้สนุกนะคะ!!


เพียงใจปรารถนา ตอน 28



เสียงอาเจียนของปริญดาที่ดังมาจากห้องน้ำทำเอาเวหาทนยืนนิ่งต่อไปไม่ไหว เขาเคาะประตูเร็ว ๆ เอ่ยบอกคนข้างในว่าเขาจะเข้าไป และโดยไม่รอให้เธอตอบรับ เขาก็ถือวิสาสะผลักประตูออก เห็นเธอยืนโก่งคออาเจียนอยู่ที่อ้างล้างหน้าก็รีบเข้าไปลูบหลังเธอเป็นการใหญ่

“เป็นยังไงบ้างปริม คุณไหวไหม อยากให้ผมพาไปโรงพยาบาลหรือเปล่า” น้ำเสียงเป็นกังวลเมื่อเห็นหน้าตาซีดเซียวของหญิงสาวผ่านกระจก

ปริญดาโบกมือบอกว่าไม่เป็นไรโดยที่ใบหน้ายังก้มอาเจียนไม่หยุด

“แน่ใจนะ ดูคุณสิ อ้วกใหญ่เลย หรือว่าเป็นเพราะอาหารเมื่อเย็นนี้ทำให้คุณแพ้ท้องหนัก” พูดแล้วก็ทำสีหน้าหงุดหงิด “ผมอุตส่าห์เตือนแม่แล้วนะว่าให้เลือกอาหารให้ดีก่อน คอยจะแต่ให้คุณกินเยอะ ๆ ท่าเดียว”

เธอเปิดก๊อกน้ำล้างปาก แล้วใช้มือรองน้ำล้างหน้าที่มีเหงื่อผุดพราย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วบอกเวหาเสียงอ่อนแรง “ฉันโอเคค่ะ แค่แพ้ท้องปกติ ไม่เกี่ยวกับอาหารที่คุณแม่ทำหรอกค่ะ”

คิ้วดกหนาของเวหายังชนกัน “แล้วนี่คุณไหวแน่นะ ไม่ไปหาหมอแน่ใช่ไหม” เขายังรบเร้าพลางหยิบผ้าขนหนูที่แขวนอยู่มาคอยเช็ดหน้าให้เธอ

ปริญดาพยักหน้า “ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ เดี๋ยวนั่งพักสักหน่อยก็คงดีขึ้น”

เวหาจึงค่อย ๆ จูงมือเธอออกมาจากห้องน้ำ แล้วพาไปนั่งที่ปลายเตียง มือก็คอยปัดผมเปียกชื้นที่ปรกหน้าผากเธอขึ้น
ปริญดาหันมามองเขาขณะเขาใช้มือไล้ไปตามเส้นผมเธอด้วยหัวใจที่อบอุ่น ไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้ชายที่ภายนอกดูเย็นชาและก้าวร้าวอย่างเขาจะมีมุมอ่อนโยนแบบนี้ซ่อนอยู่ เธอไม่รู้ว่าในบรรดาผู้หญิงมากมายที่ผ่านมาของเขาเคยได้รับการปฎิบัติเฉกเช่นเดียวกันกับเธอตอนนี้หรือไม่ เธอขอเพียงแค่ว่าจากนี้และตลอดไป ขอให้เขาเป็นผู้ชายอ่อนโยนดูแลแบบนี้ต่อไปไปเรื่อย ๆ และมีแค่เธอคนเดียวที่จะได้รับความอ่อนโยนนั้นจากเขา

“มีอะไรติดหน้าผมอยู่เหรอ” เวหาเลิกคิ้วถาม เมื่อเห็นเธอจ้องเขาตาไม่กระพริบ มือที่สางผมเธออยู่ชะงักงัน

ปริญดาส่ายหน้าเล็กน้อย “เปล่าค่ะ ฉันก็แค่อยากมองคุณ” รอยยิ้มสวยใสจุดสว่างบนใบหน้า

เวหาหัวเราะ “มองหน้าผมเนี่ยนะ?”

“ค่ะ ก็ฉันมองหน้าคุณแล้วมีความสุขนี่” เธอตอบคำถามเขาง่าย ๆ รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้ตัวเองเริ่มเปิดใจให้เขามากยิ่งกว่าเดิมจนกล้าพูดในสิ่งที่ใจคิดออกไป

แววตาของเวหาเข้มขึ้นขณะที่จ้องเข้าไปในดวงตาที่เต้นระริกทอประกายสดใสของเธอ “ผมดีใจที่คุณอยู่กับผมแล้วมีความสุข” เขาใช้นิ้วโป้งไล้ตรงขมับเธอแผ่วเบา แล้วไล่ลงมาตามแนวกราม ไล้วนอยู่บริเวณพวงแก้มเนียนนุ่ม

หัวใจเธอเริ่มเต้นแรง เหมือนเช่นทุกครั้งที่ถูกเขาแตะต้องสัมผัส ขนคอของเธอลุกชันด้วยความหวาบหวิว สายตาไม่ละไปจากใบหน้าคมเข้มของเวหา ขณะขยับริมฝีปากเอ่ยถามเสียงพร่า

“แล้วคุณล่ะคะ มีความสุขเวลาอยู่กับฉันหรือเปล่า”

เวหาหัวเราะ แล้วบีบจมูกเธอเบา ๆ “มีสิ ถ้าผมไม่มีความสุข แล้วผมจะมานั่งอยู่กับคุณแบบนี้เหรอ”

ปริญดาแทบหลอมละลายกับคำพูดตอบรับง่าย ๆ ของเขา ท่าทางหยอกล้อที่เขาทำกับเธอก็ยิ่งสร้างความสุขสมเบิกบานในใจ แก้มของเธออุ่นซ่านด้วยความอายแล้วต้องเสมองไปทางอื่นเมื่อเขาเลื่อนมือมาคลึงเคล้ากลีบปากล่างของเธอเล่น

“ผมพูดจริง ๆ นะ” เขาบอกแล้วจับปลายคางเธอให้สบตาเขา “ผมไม่เคยอยู่กับผู้หญิงคนไหนแล้วรู้สึกเป็นตัวของตัวเองได้เท่าอยู่กับคุณเลยนะปริม” เวหาคลี่ยิ้ม มองดวงตาที่มีประกายเขินอายของหญิงสาวแล้วก็อดใจไม่ไหว เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้ แล้วค่อย ๆ จุมพิตลงบนหน้าผากเธอแผ่วเบา

ปริญดาปิดเปลือกตาด้วยอารมณ์เคลิบเคลิ้มเมื่อเขาลากริมฝีปากจากหน้าผากของเธอไปเรื่อย ๆ ลงมาตามหัวคิ้ว มายังโหนกแก้มและประพรมจูบไปทั่วบริเวณนั้นเกือบพักใหญ่ และเพื่อไม่ให้แก้มที่ว่างอีกข้างน้อยหน้า เขาจึงขยับริมฝีปากช้า ๆ ผ่านปลายจมูก จุ๊บเบา ๆ ทีหนึ่ง แล้วลากเรื่อยมาจนถึงแก้มอีกข้าง สูดดมความหอมเข้าไปเต็มปอด

ดูเหมือนว่าร่างกายของเธอจะคุ้นชินกับจูบสัมผัสจากเขามากขึ้นทุกที มันเย้ายวนชวนให้เธอใจอ่อนจนมือไม้แข้งขาที่เคยอ่อนแรงทุกครั้งเวลาถูกสัมผัสกลับมีแรงแห่งความกล้าหาญที่จะยกมือขึ้นโอบรอบคอชายหนุ่ม แล้วเงยหน้าแหงนรับจุมพิตแล้วจุมพิตเล่าจากเขาที่ประทับลงไปทั่วใบหน้าเธอ

“ชื่นใจจัง” เวหาพึมพำชิดลำคอสะอาด

ริมฝีปากเธอขยับยิ้มอย่างพอใจ ความซาบซ่านสุขสมโถมกระหน่ำจิตใจจนเธอกลั้นน้ำตาแห่งความปลื้มปิติเอาไว้ไม่อยู่ น้ำอุ่น ๆ ซึมล้นเอ่อคลอหน่วยแล้วไหลไปตามร่องแก้มช้า ๆ ทำให้เวหาที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับการจุมพิตผิวเนียนนุ่มต้องชะงักค้าง เมื่อริมฝีปากของเขาสัมผัสกับรสเค็มของน้ำตา เขาจึงรีบผละออกห่าง

“ปริม คุณร้องไห้ทำไม” เวหาขมวดคิ้ว สีหน้าตื่นตระหนก หัวใจเขาหดเหลือนิดเดียวเมื่อเห็นน้ำตาเธอ เขารีบใช้หลังมือเช็ดน้ำตาให้ แล้วสบถกับตัวเอง

“ผมขอโทษนะปริม ผมนี่แย่จริง ๆ เลย คุยกำลังแพ้ท้องอยู่แท้ ๆ แต่ผมกลับ..”

คำพูดที่เหลือยังไม่ทันหลุดออกจากปากเวหาเพราะปริญดารีบยกนิ้วแตะริมฝีปากเขาแผ่วเบาห้ามเอาไว้

“ฉันขอโทษที่ทำให้คุณตกใจ ฉันแค่ดีใจและมีความสุขที่ได้อยู่กับคุณ” เธอกระซิบตอบ ยิ้มทั้งน้ำตา ลดมือที่แตะริมฝีปากเขาลง แล้วจับมือใหญ่ข้างหนึ่งของเขาขึ้นมาวางลงบนเนินอกข้างซ้ายใกล้หัวใจ บีบมือเขาไว้แน่น เธอสังเกตุว่าหน้าตาเขาดูตกตะลึงกับการกระทำของเธอ

ปริญดาสบตาเขานิ่ง แล้วโพล่งความในใจออกไปด้วยเสียงอันสั่นเครือ “คุณได้หัวใจฉันไปค่ะเวย์ ได้ทั้งตัวและหัวใจ ไม่มีผู้ชายคนไหนที่กุมหัวใจฉันทั้งดวงได้นอกจากคุณ และมันจะเป็นของคุณคนเดียวไปตลอดชีวิตค่ะ”

ลมหายใจของเขาติดขัด พึมพำเสียงแหบพร่า “ปริม...” พูดได้แค่นั้น ก่อนจะคว้าร่างบางของเธอเข้ามากอดแน่น ซุกใบหน้าตรงซอกคอหอมกรุ่นแล้วถอนหายใจด้วยความตื้นตัน รู้สึกถึงมือเล็ก ๆ ของหญิงสาวโอบรอบเอวเขาตอบและกระชับอ้อมกอดแน่น ซุกซบใบหน้าลงบนบ่ากว้างเขาเอาไว้

“ฉันรักคุณค่ะ...เวหา หลงใหลคุณ บูชาคุณ ถึงแม้ว่าคุณจะเคยทำให้ฉันเจ็บช้ำน้ำใจมากแค่ไหน แต่ฉันก็ไม่เคยหมดรักคุณเลย...” เธอพรั่งพรูความในใจออกมาจนหมด อยากให้เขาได้รับรู้และซึมซับความรู้สึกของเธอเอาไว้ แม้ว่าเขาจะไม่เคยบอกรักเธอตอบก็ตาม

เวหาได้แต่กอดเธอนิ่ง แม้ว่าสิ่งที่เธอบอกเขามันไม่ได้เป็นคำพูดแปลกใหม่ที่เขาเพิ่งจะเคยได้ยิน ตรงกันข้าม ผู้หญิงมากมายที่เขาเคยคบหาด้วยต่างก็เคยพูดคำว่ารัก บอกว่าเทิญทูนบูชาเขาต่างๆ นานา และเขาไม่เคยมีความรู้ยินดียินร้ายกับคำบอกรักหวานหูเหล่านั้นจากพวกเธอเลยสักครั้ง

แต่เมื่อคำพูดเหล่านี้หลุดออกมาจากปากของปริญดา หัวใจของเขากลับตอบสนองเต้นแรงอยู่ในอก เขาไม่เคยยอมปล่อยให้ผู้หญิงคนไหนมามีบทบาทอยู่เหนือหัวใจอันแข็งแกร่งของเขาได้ แม้แต่นิรชาที่เขาเคยคิดว่ารักจนหมดใจ ก็ไม่เคยข้ามผ่านปราการกำแพงที่เขาสร้างไว้อย่างแน่นหนาตรงส่วนลึกของหัวใจนั้นไปได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงต่อสู้ไขว่คว้าแย่งเธอมาจากก้องเกียรติเพื่อครอบครองไปนานแล้ว

แต่อยู่ ๆ คนที่ทำลายกำแพงในหัวใจเขาได้กลับเป็นปริญดา...ผู้หญิงที่เขาเคยต่อต้านตั้งแง่รังเกียจและไม่คิดที่จะสนใจ...มันเกิดขึ้นเมื่อไรกันนะ ความรู้สึกที่อยากจะมีเธออยู่ในอ้อมกอดแบบนี้ตลอดไป หรืออาจจะเป็นเพราะความรักอันบริสุทธิ์ที่เธอมอบให้เขาซึ่งเขาไม่เคยพานพบจากคู่ควงคนไหน ได้กัดกร่อนกำแพงหัวใจเขาทีละนิด ๆ เหมือนก้อนหินที่ย่อมมีวันสึกกร่อนตามกาลเวลา

สิ่งเหล่านี้มันเรียกว่าความรักได้หรือไม่ นี่ใช่ไหมคือความรู้สึกของคนที่อยู่ในห้วงแห่งความรักที่แท้จริง เขายังไม่อยากยอมรับ เพราะเขาไม่แน่ใจ ความสุขที่มีเธออยู่ข้างกายน่ะใช่ แต่รักน่ะเหรอ...

เวหาลูบผมของเธอด้วยอาการเชื่องช้า จูบขมับเบา ๆ พร้อมสูดความหอมจากผมของเธอ ปล่อยจิตใจให้ล่องลอยไปกับความรู้สึกเปรมปรีย์ที่มีเธออยู่ใกล้ ๆ ส่วนเรื่องรักหรือไม่รัก แม้ว่าเขาจะยังคงไม่สามารถสัมผัสถึงแก่นแท้ของมัน แต่สักวัน เธอคงจะพาเขาไปพบกับความรักที่เขากำลังตามหานั้นได้

“ทำไมคุณเงียบไปล่ะคะ” ปริญดาเอ่ยขึ้นขัดความคิดของเวหาเมื่อเธอเห็นว่าเขาเอาแต่กอดเธอนิ่งไม่พูดไม่จา

ชายหนุ่มดึงเธอออกห่างและขยับริมฝีปากยิ้มพราวที่แผ่กระจายไปถึงดวงตาคมเข้มของเขา “ผมแค่รู้สึกทึ่งในความรักที่คุณมีให้กับผมจนผมพูดอะไรไม่ออก และผมก็ขอบคุณที่คุณไว้ใจและรักผมมากขนาดนี้”

ถึงแม้ว่ามันไม่ใช่ประโยคที่เธอกำลังคาดหวังจะให้เขาพูด แต่เธอก็ยิ้มรับ พอใจในความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาที่เป็นอยู่ขณะนี้ ในเมื่อเธอตัดสินใจก้าวข้ามความกลัวที่จะรักเขามาแล้ว ต่อจากนี้เธอก็แค่มอบความรักให้กับเขาให้ได้มากที่สุด เผื่อว่าสักวันเธอจะได้ความรักนั้นตอบแทนกลับมาอย่างเท่าเทียมกัน

“นั่นเป็นสิ่งที่ฉันมีให้คุณเสมอมาและตลอดไปค่ะ” พูดด้วยรอยยิ้มจริงใจ จากนั้นก็ถอนหายใจยาว แล้วบิดตัวซ้ายทีขวาทีไล่ความขี้เกียจออกไป

“ฉันง่วงแล้วล่ะค่ะ เราไปนอนกันดีกว่าไหมคะ” เธอลุกขึ้นแล้วยื่นมือมาให้เขา ยิ้มอ่อนหวาน สายตาที่มองเขามีแววของความรักเต็มเปี่ยมทอแสงเจิดจ้าออกมา

หัวใจเวหาเต้นลิงโลดกระแทกอก และเพิ่งรู้ตัวเดี๋ยวนี้เองว่า เขาคงโศกเศร้าเหงาใจหากปราศจากรอยยิ้มอบอุ่นและแววตาเป็นประกายสดใสของปริญดา

เวหายื่นมือไปจับมือเธอแล้วลุกขึ้นตาม จูงมือเธอเดินไปปิดไฟดวงใหญ่ที่ด้านข้างประตูห้องนอน ใช้แสงไฟสลัวจากโคมโฟข้างหัวเตียงนำเธอมายังที่นอน จัดหมอนจัดผ้าห่ม แล้วพาเธอก้าวขึ้นเตียงพร้อมกัน

ชายหนุ่มปิดโคมไฟที่เหลือ จากนั้นก็จัดแจงห่มผ้าให้ทั้งคู่แล้วหมุนตัวเธอให้นอนตะแคงหันหน้ามาหาเขา ดึงเข้ามากอดไว้ จ้องมองใบหน้าหญิงสาวลาง ๆ ในความมืดนิ่งนาน ก่อนจะค่อย ๆ บรรจงจูบเธอที่ริมฝีปากเบาผะแผ่ว ตั้งใจจะจูบราตรีสวัสดิ์เท่านั้น แต่พอได้สัมผัสกับความอุ่นซ่านของริมฝีปากเธอแล้ว ก็ทำให้ผละจากกลีบปากหอมหวานนั้นไม่ได้ และเธอเองก็จูบตอบเขาอย่างยินดี ยิ่งทำให้เขาได้ใจ จากจูบอ่อนหวานที่แค่เป็นการประทับริมฝีปากของกันและกัน เวหาก็สอดแทรกลิ้นควานหาความหวานจากริมฝีปากของเธอ พร่าพรายไปกับกลิ่นและรสสัมผัสจากเธอ และมือของเขาเริ่มไม่อยู่สุขเมื่อมันค่อย ๆเลื่อนขึ้นมาลูบไล้ต้นแขนนวลเนียนอย่างยากจะห้ามใจ

“เวย์...” ปริญดาเรียกชื่อเขาเสียงหอบเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระชั่วขณะเพราะเขากำลังคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอและกำลังไล้ต่ำลงไปที่เนินอกของเธอ

เสียงเรียกนั้นทำให้เวหาได้สติ เขาหยุดการกระทำกะทันหัน พร้อมกับพยายามปรับลมหายใจให้กลับมาเป็นปกติ แล้วเอ่ยกับเธอเสียงหอบพร่าไม่แพ้กัน “ผมขอโทษ” เขายิ้มอย่างรู้สึกผิด

“จูบคุณแล้วผมหยุดไม่ได้...” เวหาขยับตัวออกห่าง พลิกร่างมานอนหงาย เอามือขึ้นกายหน้าผาก พยายามไม่สนใจเสียงหอบหายใจถี่ของหญิงสาวข้างกาย

“กู๊ดไนท์ ฝันดีนะปริม” แล้วขยับนอนตะแคงหันหลังให้เธอ จากทีแรกที่ตั้งใจว่าจะนอนกอดเธอจนหลับไปด้วยกัน แต่ก็ต้องเปลี่ยนแผนเพราะกลัวว่าตัวเองจะทำอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรแล้วเธอจะยิ่งเกลียดเขาเข้าไปอีก

“กู๊ดไนท์ ฝันดีเช่นกันค่ะ” เธอบอกเขาผ่านแผ่นหลังกว้างในความมืด ใจยังคงเต้นกระหน่ำหลังจากได้รับจูบที่เธอไม่ได้รู้สึกถึงมันมานาน

เธอรู้ว่าเขาพยายามทำตัวเป็นสุภาพบุรุษกับเธอ น่าอายที่ตัวเธอเองกลับมีความรู้สึกตรงกันข้ามและอยากให้เขาทำในสิ่งเขาปรารถนา และเธอเองก็ต้องการตอบสนอง

ปริญดาส่ายหน้ากับหมอน ก่อนจะดึงผ้าห่มคลุมกายชิดต้นคอ แล้วข่มตาให้หลับ พยายามปัดภาพใบหน้าคมเข้มของเวหาออกไปจากความคิด จนเวลาผ่านไปพักใหญ่นั่นแหล่ะเธอถึงเข้าสู่นิทราจนหลับสนิทได้
/
/
/

งานเลี้ยงฉลองแต่งงานแบบเล็ก ๆ ถูกจัดขึ้นในตอนเย็นวันถัดมาที่ลานกว้างสนามหญ้าหลังบ้าน โดยที่มีแต่คนในครอบครัวของเวหารวมถึงป้าเดือนและลุงคม หัวหน้าคนงานดูแลสวนกุหลาบคนเก่าคนแก่ที่ลาวัลย์ชวนมาร่วมแสดงความยินดีด้วยกัน

อาหารส่วนใหญ่ที่ป้าเดือนกำลังทยอยนำมาวางไว้บนโต๊ะเป็นอาหารเน้นสุขภาพพวกผักต่าง ๆ และเนื้อสัตว์ไร้มันเพื่อคนที่กำลังตั้งครรภ์โดยเฉพาะอย่างปริญดา ซึ่งทั้งหมดนี้มีเวหาเป็นคนสั่งการในเรื่องการจัดหาอาหารทุกอย่างถึงแม้จะมีลาวัลย์และไหมฝันคอยค้านว่าให้เตรียมอาหารทั่วไปอย่างอื่นไว้ด้วยเผื่อว่าป้าเดือนและลุงคมจะกินไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าเวหาจะเป็นห่วงเป็นใยว่าที่เจ้าสาวท้องอ่อน ๆ อย่างปริญดาเกินเหตุ สั่งให้จัดอาหารตามที่เขาสั่งเท่านั้นเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะเหม็นกลิ่นอาหารแล้วเกิดอาการแพ้ท้องหนักอย่างเมื่อคืนอีก

ระหว่างรับประทานอาหาร ทุกคนก็ต่างพากันคุยสนุกสนาน ยิ่งลาวัลย์ ไหมฝันและป้าเดือนแล้ว ทั้งสามคนคอยหาเรื่องคุยกับปริญดาได้ไม่หยุด ทั้งเรื่องการตั้งครรภ์ เรื่องการจัดงานแต่งงาน แม้แต่เรื่องทำอย่างไรถึงจะมัดใจสามีให้อยู่หมัด ลาวัลย์ที่นั่งอยู่ใกล้กับปริญดาที่สุดก็คอยกระซิบกระซาบบอกจนหญิงสาวถึงกับอายหน้าแดงหลายต่อหลายครั้ง

ส่วนเวหาที่นั่งข้างปริญดามองหญิงสาวที่กำลังคุยกับครอบครัวเขาอย่างออกรสด้วยอารมณ์เบิกบานสุดขีด ริมฝีปากยิ้มกว้างไม่หุบ ดวงตาเป็นประกายวาววับ มองด้านข้างของเธออย่างกับคนละเมอเพ้อฝัน

เสียงหัวเราะกังวานใสของเธอที่กำลังคุยเรื่องอะไรสักอย่างกับมารดาเขาดังให้ได้ยิน คละเคล้ากับเสียงหัวเราะของคนอื่น ๆ ที่นั่งพูดคุยกันอยู่บนโต๊ะ เสียงชนแก้วดังเคร้งคร้างกลางอากาศ ทำให้เวหาต้องถอนหายใจออกมาอย่างเป็นสุข เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นของการมีครอบครัวและมีคนที่รักรายล้อมแผ่กระจายไปทั่วอยู่รอบกายเขา

และเขาจำไม่ได้ว่าเคยรู้สึกถึงบรรยากาศอันอบอวลไปด้วยความสุขของครอบครัวแบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไร...รู้แค่ว่ามันนานมาก...นานเหลือเกิน
/
/
/

เกือบชั่วโมงหลังจากนั้น ทุกคนต่างพากันย้ายเข้าไปทานของว่างต่อข้างในบ้าน ด้วยคำสั่งของเวหาที่ให้เหตุผลว่าข้างนอกยุงเยอะอาจจะสร้างความรำคาญให้ปริญดาได้ และเหตุผลที่แสดงความห่วงใยต่อหญิงสาวออกนอกหน้าของเขาก็ทำให้ไหมฝันเอ่ยแซวชายหนุ่มจนปริญดาอายหน้าแดงก่ำ

เมื่อทั้งหมดเข้ามาในบ้าน ป้าเดือนก็ยกถาดขนมคุ้กกี้และแก้วเครื่องดื่มกาแฟและชาร้อน ๆ โดยมีไหมฝันคอยช่วยมาวางบนโต๊ะหน้าโซฟา

“ให้ปริมช่วยไหมคะป้าเดือน” ปริญดาขันอาสา ปรี่จะเข้าไปช่วยยกจานขนมในถาดมาวาง

ป้าเดือนรีบร้องบอก “อุ๊ย ไม่ต้องค่ะคุณปริม ป้ากับคุณไหมสองคนก็พอแล้วค่ะ คุณปริมไปนั่งเถอะ เดี๋ยวป้าโดนคุณหนูเอ็ดเอาว่าใช้คนท้อง” หล่อนยิ้มตอบ พยักเพยิดไปที่เวหาซึ่งกำลังเดินมายังทั้งคู่ แล้วขอตัวเดินไปก่อน

“ปริม ไปนั่งเถอะ ปล่อยให้ป้าเดือนแกจัดการเองดีกว่า” เวหาจับข้อศอกเธอให้เดินกลับไปนั่งที่โซฟา

ปริญดาออกเดินตามแต่ก็อดบ่นไม่ได้ “โธ่ จะให้ฉันนั่งเฉย ๆ ไม่ขยับเขยื้อนเลยหรือไงคะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แค่นี้เอง”

“ไม่ได้สิ คุณกำลังท้องอ่อน ๆ ต้องระวังให้มาก” เขาเตือน

“แต่ว่า...”

เวหาทำเสียงจุ๊ปาก “อย่าดื้อสิ มานั่งนี่มา” เขาบอกแล้วพาเธอมานั่งที่โซฟา

“โอ๊ย ตาเวย์ จะประคบประหงมหนูปริมอะไรขนาดน้าน อย่างกับแม่ไก่กกไข่ ปล่อยให้เธอเดินบ้างเถอะลูก ถือว่าเป็นการออกกำลังเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอนคลอดจะได้คลอดง่าย ๆ” ลาวัลย์บ่นลูกชาย

ทรงยศเองที่กำลังเลือกหาซีดีเพลงอยู่ก็เอ่ยห็นด้วยกับภรรยา “นั่นน่ะสิเวย์ ถูกของแม่นะ เดินนิด ๆ หน่อย ๆ จะเป็นอะไรไป”

เวหากำลังจะค้านแต่ลาวัลย์รีบยกมือห้าม แล้วเดินไปยังปริญดา ยื่นมือให้จับ แล้วดึงเธอให้ลุกขึ้นยืน “นี่เลยจ้ะหนูปริม เรามาเต้นรำกันดีกว่า หนูเต้นเป็นไหมจ๊ะ” หล่อนพาเธอไปยังที่ว่างด้านหน้าโต๊ะกลางโซฟา

ปริญดายิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่เป็นค่ะ ปริมไม่เคยเต้นรำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวแม่จะสอนหนูง่าย ๆ นะ เอาแบบจังหวะวอลซ์ช้า ๆ หนูเคยเห็นในทีวีมาบ้างใช่ไหมจ๊ะ” ว่าแล้วหล่อนก็ขยับขาให้เข้าที่ ยืนหลังตรง เชิดหน้าเล็กน้อย แล้วยื่นมือไปจับเอวหญิงสาว

“สมมุติว่าแม่เป็นผู้ชายนะ หนูเป็นผู้หญิงมือนึงต้องจับไหล่แม่ไว้แบบนี้ อีกข้างก็จับมือแม่ไว้” ลาวัลย์จัดท่าทางของปริญดาให้อยู่ในท่าพร้อมเต้นรำ แล้วสอนเธอก้าวขาจังหวะพื้นฐานง่าย ๆ พลางนับเลขตาม พอเห็นว่าเธอจับจังหวะได้แล้วจึงเรียกให้เวหามายืนแทนหล่อน

“จะดีเหรอครับแม่ ผมว่าปริมจะเหนื่อยเอามากกว่านะครับ”

ลาวัลย์บ่นขัดใจ “ไม่เหนื่อยหรอกน่า เต้นรำนะไม่ใช่ให้วิ่ง” บอกแล้วเข้าไปดึงแขนชายหนุ่มที่ทำหน้าตาบอกบุญไม่รับมายืนตรงข้ามปริญดา จัดแจงให้ทั้งคู่อยู่ในท่าที่พร้อมเต้น

“เดี๋ยวเวย์เต้นช้า ๆ นะ เพราะหนูปริมยังไม่คล่อง ส่วนเวย์แม่คงไม่ต้องสอน เพราะเป็นคู่เต้นให้แม่บ่อย ๆ เต้นได้สบายอยู่แล้วหนิ” ลาวัลย์ถอยออกห่าง แล้วหันไปบอกกับสามีให้เปิดเพลงได้

เวหายิ้มเจื่อน ๆ ให้ปริญดา “ผมขอโทษแทนแม่ผมด้วยนะที่จู้จี้กับคุณ”

“ขอโทษทำไมกันคะ อีกอย่าง ฉันก็ไม่เคยเต้นรำอะไรแบบนี้ด้วย น่าสนุกออกค่ะ” เธอยิ้มตอบ ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นระคนเขินอายที่ได้อยู่ในอ้อมกอดเวหาต่อหน้าครอบครัวเขาเช่นนี้

และแล้วเสียงเพลงที่มีท่วงทำนองของแซ็กโซโฟนนำดังขึ้นเบา ๆ เธอหันไปมองลาวัลย์ที่ส่งยิ้มพลางพยักหน้าเป็นเชิงให้เริ่มได้มาให้เธอ ส่วนตัวหล่อนเองนั้นก็เรียกสามีให้มาเต้นด้วยกัน เธอมองผู้ใหญ่ทั้งสองคนขยับเท้าก้าวตามจังหวะอย่างคล่องแคล่ว พยายามจดจำจังหวะการก้าวเท้าของลาวัลย์

“เริ่มกันเลยไหม”

เสียงนุ่มนวลของเวหาเรียกให้ปริญดากลับมาสนใจคนตรงหน้า มือใหญ่ที่กุมมือเธอไว้กระชับแน่นก่อนยกสูงข้างกาย มืออีกข้างของเขาที่เกาะเอวเธอไว้ก็เลื่อนโอบแน่น เลิกคิ้วเป็นเชิงถามอีกครั้งว่าเธอพร้อมแล้วหรือยัง

ปริญดาพยักหน้ารับ จากนั้นเวหาจึงค่อย ๆ ก้าวเท้านำเธอช้า ๆ ออกเสียงคอยนับเลขเพื่อให้เธอก้าวขาตามไปพร้อมกับเขา และเมื่อปริญดาสามารถจับจังหวะดนตรีได้ เขาก็ชมเธอเปราะว่าหัวไวเต้นเก่ง ทำเอาหญิงสาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หน้าแดงเขินอายกับคำชมของเขา

“สองคนนี้นี่เขาเหมาะสมกันดีนะคะ หนูล่ะดีใจจริง ๆ ที่พี่เวย์จะแต่งงานสักที” ไหมฝันนั่งมองปริญดาและเวหาเต้นรำด้วยความรู้สึกปลาบปลี้มดีใจ เห็นทั้งคู่มองสบตากันอย่างมีความหมายเด็กสาวก็ถอนหายใจออกมาอย่างเป็นสุข

“นั่นสิคะ ป้ายังเคยคิดเลยว่าชาตินี้คงได้เห็นคุณหนูอยู่เป็นโสดไปจนแก่ แต่ไม่นึกเลยว่าวันนี้จะได้เห็นคุณหนูกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงดี ๆ อย่างคุณปริม แล้วนี่ก็กำลังจะมีลูกด้วยกันอีก” ป้าเดือนตอบเสียงเครือ น้ำตาพลันเอ่อคลอขอบตาเพราะความตื้นตัน

“แต่ฉันก็ยังงง ๆ อยู่ว่าคุณเวย์ไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไร ถ้าวันนี้คุณท่านไม่ได้ชวนฉันมาฉันก็คงไม่รู้” ลุงคมที่เป็นคนไม่ค่อยพูดค่อยจาออกความเห็นหลังจากนั่งเงียบอยู่นาน

“แกจะไปรู้อะไรล่ะ เอาแต่ขลุกอยู่แต่ในสวนทำงานทั้งวัน ไม่โผล่มาดูเดือนดูตะวันซะบ้าง” ป้าเดือนแขว่ะเข้าให้ขณะยกแก้วน้ำชาขึ้นจิบ

ลุงคมเกาหัวแกรก ๆ งงที่จู่ ๆ หล่อนก็เอ่ยเหน็บเขาซะอย่างนั้น “อ้าว งานฉันมีฉันก็ต้องทำสิ ไม่มีเวลาว่างมานั่งสอดส่องดูชีวิตคนอื่นเขาหรอกนะ”

ป้าเดือนหันขวับทำตาขวางใส่ “เอ๊ะ นี่แกว่าฉันชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นเหรอ”

“เอ๊า ก็จริงไหมล่ะ” ลุงคมถามท้า

ไหมฝันที่นั่งขั้นตรงกลางระหว่างทั้งคู่รีบยกมือห้ามปราม “เอาล่ะค่ะๆ วันนี้วันดีนะคะ ป้าเดือนกับลุงคมจะมาทะเลาะกันทำไม” เธอพูด มองสองคนที่เชิดหน้าหนีใส่กันแล้วอดขำกับคู่กัดรุ่นใหญ่คู่นี้ไม่ได้

“ดีนะคะที่ปาหนันกลับบ้านต่างจังหวัด ไม่งั้นถ้าได้เห็นพี่เวย์กับพี่ปริมที่นี่คงจะรีบขึ้นมาวนเวียนที่บ้านใหญ่ทั้งวัน” ไหมฝันเปลี่ยนเรื่องคุย พยายามทำให้บรรยากาศคุกรุ่นของทั้งสองคนเจือจางลง

“ครับ ดีหน่อยคราวนี้ปาหนันไปหลายวัน ผมล่ะสบายหูสบายกายขึ้นเยอะเลย” ลุงคมบ่นอุบ ถึงปาหนันจะเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของเขา แต่เรื่องการกระทำอันขึ้นชื่อลือชาก็สร้างความหนักใจให้เขาอยู่หลายครั้ง

“ปาหนันไปนาน ๆ ก็ดีนะ อยู่ที่นี่ก็มีแต่จะสร้างเรื่องให้คนอื่นปวดหัว” ป้าเดือนที่ไม่ชอบหน้าปาหนันอยู่แล้วรีบเอ่ยทับถม
แต่ลุงคมที่รู้นิสัยป้าเดือนดีจึงไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอะไร เพียงแต่ส่ายหน้าแล้วกลับไปมองคู่เต้นรำสองคู่ที่ดูจะเพลิดเพลินกับการเต้นรำเคล้าเสียงเพลงเสียจนลืมคนรอบตัวไปเสียสนิท

เขามองดูลาวัลย์และทรงยศเจ้านายที่เขารักและเทิดทูญขยับตัวก้าวขาตามจังหวะเพลงด้วยความชื่นชม เขาอยู่กับทั้งสองคนมาเนิ่นนานและไม่เคยเห็นสองคนนี้ทะเลาะกันหนัก ๆ เลยสักครั้ง ส่วนใหญ่จะแสดงความรักต่อกัน พากันไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ตลอดเวลาจนหลายคนอิจฉากับความรักของทั้งคู่ที่แม้ยามแก่ตัวไปแล้วก็ยังรักกันหวานชื่นไม่มีเปลี่ยน

พอเขาหันไปมองอีกคู่ที่เต้นรำอยู่ไม่ห่าง ดูแววตาของคนทั้งคู่ที่สบตากัน ยิ้มให้กัน แค่นี้ก็พอจะเดาได้ว่าอนาคตชีวิตครอบครัวของทั้งสองคนคงจะดำเนินรอยตามคู่ของลาวัลย์และทรงยศอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะแววตาของเวหาที่ดูเคลิ้มฝัน ดูอ่อนไหวหลงใหลยามมองหญิงสาวนั้น มันฉายแสงเปล่งประกายสื่อความหมายของความรักที่มีต่อเธอออกมาชัดเจน

เห็นแล้วก็อดยิ้มดีใจกับชายหนุ่มไม่ได้ เด็กชายตัวน้อยหน้าตาน่ารักที่มีคราบน้ำตาเต็มหน้าตอนที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ บัดนี้ได้โตเป็นหนุ่มใหญ่และกำลังจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเป็นของตัวเอง และหลังจากนี้ต่อไป เขาก็หวังว่าเวหาจะมีแต่ความสุขและเลิกทำร้ายตัวเองด้วยการติดอยู่ในวังวนความเศร้าโศรกในอดีตที่ตัวเขาไม่ได้เป็นคนก่อขึ้นนั้นเสียที
/
/
/

“วันนี้คุณสนุกไหมปริม” เวหาถามขณะพาเธอเดินกลับเข้าห้องหลังจากบอกราตรีสวัสดิ์กับทุกคนแล้ว

“สนุกมากเลยค่ะ ครอบครัวคุณน่ารักมาก ๆ โดยเฉพาะคุณแม่ของคุณ ท่านใจดีกับฉันมากจริง ๆ”

“แม่ผมชอบคุณมากเลยรู้ไหม ก่อนหน้าที่คุณจะมาที่นี่ก็คอยโทรมาหาผมแต่ถามถึงคุณอยู่เรื่อย”

ปริญดาคลี่ยิ้ม “เมื่อตอนเย็นได้คุยกับคุณแม่คุณท่านก็บอกว่าอยากให้ฉันมาอยู่ที่นี่ จะได้มีเพื่อนคุยแก้เหงา”

เวหาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เปิดประตูตู้แล้วหยิบชุดนอนออกมาเตรียมไว้ “ผมว่าท่านก็เหงาจริง ๆ น่ะแหล่ะ พ่อผมบางวันงานก็ยุ่งมาก ส่วนยัยไหมเองไปเรียนกลับมาทำการบ้านอ่านหนังสือก็เหนื่อยแล้ว ถ้าคุณมาอยู่ที่นี่แม่คงดีใจน่าดู” พูดเสร็จเขาก็เดินกลับมาเธอที่ยืนอยู่กลางห้อง ยื่นผ้าขนหนูผืนใหม่กับชุดนอนที่ป้าเดือนเตรียมไว้ให้เมื่อบ่ายนี้

“คืนนี้คุณอาบน้ำที่ห้องนี้ไปนะ เดี๋ยวผมลงไปอาบข้างล่าง วันนี้ผมว่าจะโกนหนวดซะหน่อย คงใช้เวลานานอยู่” พูดไปพลางลูบเคราตนเองที่ตอนนี้ขึ้นหนารอบคาง

“ถ้าอย่างนั้นคุณอาบก่อนก็ได้ค่ะ ฉันรอได้”

เวหาหัวเราะ “อย่าเลย ผมกลัวคุณจะรอจนหลับไปน่ะสิ ผมโกนหนวดใช้เวลาอย่างต่ำเป็นชั่วโมง ผมเลยว่าไปอาบน้ำข้างล่างจะดีกว่า คุณอาบบนนี้แหล่ะ จะได้ไม่ต้องรีบร้อนกังวลว่าผมรออาบอยู่”

ปริญดาจึงพยักหน้ารับ “ก็ได้ค่ะ” ยิ้มตอบเสียงเศร้า รู้สึกอ้างว้างแปลก ๆ เมื่อรู้ว่าเขาจะไม่อยู่ที่ห้องนี้กับเธอ แค่คิดว่าออกจากห้องน้ำมาแล้วไม่เห็นเขาอยู่ในห้อง แล้วเธอจะต้องนั่งรอเขาอยู่คนเดียว ก็รู้สึกใจหายวาบอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เขาแค่ลงไปอาบน้ำแล้วเดี๋ยวก็ต้องกลับเข้ามาอยู่ดี เฮ้อ...ท่าทางเธอจะหลงเขามากนะยัยปริม

เวหาเห็นแววตาหม่นลงของเธอก็นึกแปลกใจ “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าเศร้าอย่างนั้นล่ะ”

เธอส่ายหน้า “ฉันจะเศร้าทำไมกันล่ะคะ วันนี้ฉันออกจะมีความสุข” ว่าแล้วก็ฉีกยิ้มกว้าง อวดฟันขาวให้เขาดู เวหาถึงกับหัวเราะขำ อดใจไม่ได้ที่จะดึงเธอมากอดไว้แล้วจูบกระหม่อมของเธอแผ่วเบา

“เดี๋ยวนี้คุณทำอะไรก็น่ารักไปเสียหมด” พูดเสร็จไม่วายก้มลงจูบหน้าผากเธออีกรอบ ก่อนจะผละออกห่าง

“งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะ ถ้าคุณอาบเสร็จก่อนแล้วง่วงก็นอนก่อนได้เลยไม่ต้องรอผม” เขาหอบเสื้อผ้าแนบอกแล้วเดินไปเปิดประตูห้อง และก่อนจะปิดประตูเขาก็หันมามองที่หญิงสาวอีกครั้งอย่างอ้อยอิ้ง ส่งยิ้มหวานให้อีกที จากนั้นก็ปิดประตูออกจากห้องไป

ปริญดายิ้มกรุ้มกริ่มเขินอายอยู่กลางห้อง เธอยกมือขึ้นลูบใบหน้าตนเองไปมาเพื่อไล่ความร้อนที่แผ่กระจายไปทั่วหน้า บุคคลิกที่แสดงท่าทีอ่อนโยนของเขาแบบนี้มันทำให้กระดูกกระเดี้ยวของเธออ่อนเปลี้ย การแตะต้องร่างกายเธอเล็ก ๆ น้อย ๆ สร้างความมึนงงพร่าพรายให้สมองของเธอได้ทุกครั้ง และเพียงเขาออกจากห้องไปแค่ครู่เดียวเท่านั้น ใจเธอก็โหยหาคิดถึงเขาอีกแล้ว

หญิงสาวทอดถอนใจ กอดเสื้อผ้าไว้แน่นอก หลับตาพริ้มพลางนึกไปว่ากำลังกอดชายหนุ่มอยู่ จากนั้นเธอก็เดินเหมือนคนละเมอไปยังห้องน้ำพร้อมรอยยิ้มเป็นสุข

<><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><
จบตอน

K. Nandii หวานแล้วนะคะ แต่ไม่รู้ว่าจะหวานได้สักกี่ตอน แหะๆ ^^''

K. kaelek 55 เดี๋ยวนี้เวย์เขาทำตัวดีแล้วนะคะ ^_^

K. lamyong เวย์จะทำได้ไหมน๊าาา อิอิ ^^

K. Liez ต้องลองลุ้นตอนต่อ ๆ ไปนะคะ ว่าจะเป็นอย่างที่คิดไว้หรือเปล่า คิกๆ ^v^

K. pkka คริคริ นาน ๆ จะหวานกันสักทีค่ะ ^^


ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และจิ้มชอบรวมถึงนักอ่านทุกท่านที่ติดตามผลงานของเปลวหอมนะคะ ขอบคุณมากค่ะ!




เปลวหอม
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ก.ย. 2557, 12:06:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ก.ย. 2557, 12:07:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 2606





<< ตอน 27   ตอน 29 >>
Nandii 2 ก.ย. 2557, 14:08:18 น.
เวย์นี่รักปริมเข้าแล้วใช่มั๊ยนี่ ระวังนะอยู่ใกล้กันมากๆจะหลงรักไม่รู้ตัว อิอิอิอิ


lamyong 2 ก.ย. 2557, 20:30:21 น.
ไงล่ะพี่เวย์ ทำเป็นสับสนไม่รู้ว่ารักหรือเปล่า อาการแบบนี้เขาเรียกว่ารักนะแจ๊ะอย่ามาทำเป็นเก็ก


pkka 2 ก.ย. 2557, 20:48:54 น.
รักคุณเข้าแว้วววว


Zephyr 7 ก.ย. 2557, 11:02:36 น.
ปริมนี่เป็นเอามากนะเนี่ย 555
พี่เวย์ได้ใจแล้ว เหลิงลอย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account