ทิพย์เทวี
เธอลงมาช่วยเหลือผู้มีพระคุณให้พ้นภัย แต่เรื่องดันวุ่นเพราะใช้ฤทธิ์เดชไม่ได้

นางฟ้าเคยเลิศเลอในแดนสรวงกลับไม่ต่างจากวิญญาณง่อยเปลี้ย

ไม่รู้ว่างานนี้นางฟ้าต้องช่วยมนุษย์หรือมนุษย์ต้องช่วยนางฟ้ากันแน่
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 3 (2/2)



“คุณดิ๊นนน”

ได้โปรดเถอะ! เพราะต้นเสียงตกใจสุดๆ นั่นมาจากห้องนอนของเขา

บดินทร์ผละช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากทิ้งไปอย่างไม่ใยดี วิ่งขึ้นไปบนเรือนทันที แล้วก็ได้เห็นความตกใจของยายแร่มเมื่อถึงประตูเรือนชาน

อาการสั่น งกๆ เงิ่นๆ กุมหน้าอกเหมือนหัวใจจะวายของยายแร่มทำให้บดินทร์เสียววูบในอก ใจร่วงไปอยู่ตาตุ่ม มือข้างหนึ่งของแกชี้เข้าไปที่ในห้องนอนของเขา

บดินทร์รีบเดินเข้าไปหายายแร่มที่อยู่หน้าห้องไม่เข้าไป ประคองแกเอาไว้เมื่อถึงตัว กลัวจะเป็นลมไปเสียก่อน

ขาดยายแร่มไปอีกคนเขาคงแย่ แค่นี้ชีวิตก็วุ่นวายมากพออยู่แล้ว แกอายุเจ็ดสิบสามทว่าความแข็งแรงก่อนนั้นพอๆ กับคนอายุห้าสิบ แต่จะมาตายเปล่าอยู่หน้าธรณีประตูเพราะตกใจเรื่องคนในห้องที่เขาช่วยเหลือไม่ได้เชียวนะ

“ยายมีอะไรจ๊ะ” ถามด้วยน้ำเสียงปลอบโยนเต็มที่ ลูบแขนหวังให้ใจเย็น

ยายแร่มไม่ตอบ ได้แต่ชี้มือย้ำๆ ซ้ำๆ ไม่หยุด

บดินทร์เดินเข้าไปในห้อง หยุดเมื่อข้ามธรณีประตูเข้ามา มองเข้าไปข้างใน สะดุ้งทันทีเมื่อโดนจับแขน

“คุณดินทร์” ยายแร่มส่งเสียงกล้าๆ กลัว

บดินทร์แอบถอนหายใจ ยายแร่มมาเกาะแขนของเขาไม่ให้สุ้มให้เสียง เกือบล้มไปทั้งคู่แล้วไหมละนั่น จึงตบที่หลังมือของแกเบาๆ สองสามทีให้กำลังใจ ปล่อยแกยืนอยู่อีกฝั่งของธรณีประตูไปก่อน

เขาค่อยๆ เดินเข้าไปในห้อง กวาดตามองความเคลื่อนไหวรอบด้านไปพร้อมกัน แทบสะดุ้งเมื่อเห็นอะไรตะคุ่มๆ อยู่เยื้องไปทางด้านหลัง

“ยายเข้ามาทำไม”

อาการทำหลังโก่งนิดๆ ของยายแร่มทำให้บดินทร์ถอนหายใจหนักๆ คนยิ่งเกร็งและระมัดระวัง ยังจะตามย่องเข้ามา ไม่รู้ว่าแกกลัวหรือระแวดระวังก็ไม่ทราบได้ แต่อาการเกาะแขนกึ่งเขย่านิดๆ บดินทร์ทำให้บดินทร์สงสัย ไม่เข้าใจอารมณ์ของแกจริงๆ

เมื่อเพ่งมองให้ดี สีหน้าหน้าแววตาของยายแร่มที่เห็นไม่ใช่เพราะตกใจนี่นา เพ่งให้ชัดมากเท่าไหร่ก็เห็นว่ามีความดีใจมากกว่า การยิงฟันประหนึ่งแยกเขี้ยวไม่ใช่เพราะตกใจกลัวแต่อย่างใด ไม่มีอาการหน้าซีด ไม่มีอาการหน้าแหย แต่ที่เห็นคือเดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวจะร้องไห้เพราะตื้นตัน เดี๋ยวตื่นเต้นดีใจ ในแบบที่แสดงอาการให้เห็นสิบอย่างในหนึ่งวินาทีสลับกัน จนสีหน้าออกมาเป็นอย่างที่เห็นจนรู้สึกอ่อนใจ

“ผมนึกว่ายาย...”

“มาแล้วรึเจ้าข้า...ท่านบดินทร์” เสียงหวานใสก้องกังวาน ดังในระดับที่คนในห้องพอได้ยิน

บดินทร์หันไปมองทันที หยุดสิ่งที่จะพูดก่อนนี้ไว้ชะงัด หญิงสาวหน้าตาสวยงามชวนตะลึงยืนอยู่ไม่ห่างจากจุดที่เขากับยายแร่มยืนอยู่ เธอกำลังเดินเข้ามา แต่งกายประหนึ่งนางฟ้านางสวรรค์

บดินทร์มองอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าขึ้นลงหลายครั้งอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ที่ตื่นตะลึงสุดๆ คือแม่นางเปิดอกอล่างฉ่าง เต้างามประหนึ่งกำลังชี้หน้าเขาอย่างท้าทาย และนั่นทำให้อ้าปากค้างกันไปเลยทีเดียว ได้แต่กะพริบตาปริบๆ เพราะพูดอะไรไม่ออก

เขารู้ว่าเครื่องประดับของอีกฝ่ายล้วนงดงาม วิจิตรพิสดาร ไม่ต่างจากรูปร่างหน้าตาของเจ้าตัว ผ้านุ่งที่เธอนุ่งสูงเหนือเอวปิดสะดือเอาไว้เรืองรองดั่งทองคำทอลายประณีตละเอียดงดงาม นุ่งแบบที่เรียกว่าจีบหน้านางเหมือนคนชั้นสูงของไทยโบราณนุ่งกัน ซึ่งด้านหน้านั้นจีบพับทบหลายชั้นอย่างสวยงาม เนื้อผ้ามองผ่านๆ ราวกับทำจากทองคำแทรกอัญมณีชิ้นเล็กๆ ไว้ตลอดเนื้อผ้านั้นอย่างสวยงามลงตัว จึงสะท้อนแสงแวววาวเปล่งประกายอบอุ่นนวลตาตลอดเวลา โดยเฉพาะชายผ้าที่คล้ายว่าทอลาย แต่พอเพ่งมองเข้าไปจึงรู้ว่าแท้จริงคืออัญมณีต่างหาก

ไม่รู้ว่าใช้กรรมวิธีการใดในการทอเข้าไปในเนื้อผ้าเช่นนั้น เพราะคล้ายเป็นเนื้อเดียวกัน แต่ก็รู้ว่าแตกต่างด้วยลวดลายของชายผ้าที่เป็นเอกลักษณ์สวยงาม ซึ่งน่าจะเป็นเพชรหากดูจากแสงที่สะท้อนออกมา ทุกอย่างบนเรือนร่างอรชรล้วนมีเครื่องประดับน่ามองทั้งสิ้น ทั้งสังวาล กรองศอ กำไล พาหุรัด เข็มขัด ปั้นเหน่ง แหวน ทุกชิ้นทำจากทองคำและอัญมณีน้ำงาม รวมมูลค่าบนตัวของอีกฝ่ายคงมีมากทีเดียว ผมสีดำขลับของเธอนั้นเกล้ามวยเอาไว้ ผิวพรรณขาวนวลละเอียดลออ ดวงหน้างดงามผุดผ่อง ยืนอย่างสง่างาม ดวงตากลมโตแต่ก็ดูเข้มสวยนั้นจ้องมองเขานิ่งๆ

และที่ทำให้ตกตะลึงมากกว่าทุกสิ่งเมื่อสติของเขากลับมาแล้วก็คือ

เธอคนนี้... คือคนที่สลบไสลไม่ได้สติตอนนั้น!

บดินทร์ตัวแข็งไปเสียแล้ว ได้แต่กะพริบตาปริบๆ จะพูดก็พูดไม่ออก กลืนน้ำลายลงคอเงียบๆ แบบนั้นไป กว่าครู่หนึ่งจึงเห็นยายแร่มเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างกล้าๆ กลัวๆ ท่าทางพินอบพิเทาสุดกู่

นั่นไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่

บดินทร์มองสตรีต่างวัยสองคนสลับกัน จับต้นชนปลายไม่ถูก

“ยาย...ยาย...” ยายแร่มพูดแค่ ‘ยายๆ’ อยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดคำอื่นออกมา สีหน้าแววตาที่บดินทร์เห็นเทิดทูนบูชารักใคร่หญิงสาวคนนี้มากมาย เพราะยายแร่มค้อมตัวจนแทบจะคุกเข่าอยู่รอมร่อ จับมือหญิงสาวเอาไว้ แนบใบหน้าลงกับหลังมือที่จับอยู่นั้นอย่างระมัดระวัง

บดินทร์มองทุกอย่างและครุ่นคิด เหมือนสติจะกระเจิดกระเจิงอีกรอบเมื่อเผลอมองร่างสะโอดสะอง เธอช่างสวยและรูปร่างงามได้สัดส่วนราวรูปสลัก งามดั่งเทพีแห่งสวรรค์ชั้นฟ้า ทั้งอก ทั้งเอว ทั้งสะโพกผาย ทั้งการแต่งกาย เรียกว่าดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า อรชรอ้อนแอ้นน่าถนอม ใบหน้างดงามเฉิดฉัน รัศมีบางอย่างกระจายออกมาให้เขาได้สัมผัสถึง ความอ่อนโยนรายรอบจนสัมผัสได้ ทว่ามองอย่างไรก็ไม่เห็นว่ามีอะไรแตกต่างจากเขาหรือยายแร่มอย่างเป็นรูปธรรม

“หาเสื้อใส่ก่อนมั้ย” พูดทั้งที่ความจริงก็ไม่อยากให้ทำอย่างที่พูดนัก ของสวยงามอยู่ตรงหน้าใครบ้างจะไม่อยากเห็น

แต่แววตายินดี บริสุทธิ์ใจ ที่อีกฝ่ายมองมาต่างหาก ที่ทำให้เกรงใจ และเหมือนจะไม่สนใจนักกับการเปิดหน้าอกให้ใครดู ราวกับเป็นเรื่องธรรมดานักหนา

ยายแร่มมองบดินทร์ มือยังแตะแขนของหญิงสาวเอาไว้ประหนึ่งจับเครื่องโถลายครามราคาประมาณมิได้ “คุณดินทร์ค่ะ นี่ไง...นางฟ้าที่ยายบอก ที่ยายเคยเห็นท่านติดตามดูแลคุณอยู่ วันนี้ท่านมาปรากฏตัวให้เห็นแล้วจริงๆ นะคะ” พูดจบก็หันไปยิ้มให้หญิงสาวไป มองอย่างเทิดทูนบูชาไม่เปลี่ยนแปลง

บดินทร์ยิ้มไม่ค่อยจะออก ได้แต่กะพริบตาปริบๆ งงและจับต้นชนปลายไม่ถูก เห็นสีหน้ายายแร่มที่มองเขาเหมือนจะบอกว่ายิ้มสิ ไหว้สิ นี่ของสูงนะ แต่เขาก็ได้แค่ยืนนิ่งเท่านั้น จะยิ้มๆ แต่ก็ต้องหุบลง เกือบจะยิ้มแต่ก็หุบลง เพราะยังงงและไม่เข้าใจ

เห็นชัดๆ ว่าคน

สุดท้ายจึงบอกความจริงยายแร่มไปว่า... “ผู้หญิงคนนี้นอนแก้ผ้าอยู่ตรงลานหญ้าข้างล่าง ผมเป็นคนอุ้มขึ้นมานอนในห้องนะยาย จะเป็นนางฟ้าได้ไง นางฟ้าสลบได้ด้วยเหรอ แก้ผ้าไม่รู้เรื่องรู้ราวได้ด้วย” และมองทั้งสองเป็นคำถาม

กลายเป็นยายแร่มที่มองบดินทร์ตาปริบๆ ค่อยๆ หันหน้าไปมองหญิงสาวหน้าตางดงามข้างกายตนเอง มองมือที่จับมือของหญิงสาวเอาไว้ สีหน้าแววตาไม่เข้าใจ แล้วจึงหันกลับมามองบดินทร์อีกครั้ง แล้วอาการที่บอกว่าต่อต้าน ไม่เชื่อคำพูดของเขาพูดก็แสดงออกมาชัดเจน ปกป้องคนที่ยืนคู่กันเต็มที่

“นี่แหละค่ะคุณดินทร์ นางฟ้า!” อารมณ์มาเต็มที่เลยทีเดียว “ท่านเคยบอกว่าจะมาดูแลคุณ คุณอย่าพูดแบบนั้นนะคะ มันบาป!” สีหน้าและน้ำเสียงยายแร่มขึงขังจริงจังสุดๆ พูดแบบเน้นถ้อยคำให้รู้ว่าปกป้องหญิงสาวสุดชีวิต บอกให้รู้ว่าคนนี้ห้ามแตะ

บดินทร์เท้าสะเอว ถอนหายใจออกมา “ถ้าเป็นนางฟ้าจริง ยายจะจับได้มั้ย มองยังไงก็คนชัดๆ นะจ๊ะยาย” พูดอย่างใจเย็นเมื่อเห็นแววตายายแร่มที่เสียใจกับคำพูดของเขา แต่ก็จำต้องทำให้ยายแร่มตาสว่างให้ได้ ว่านี่คน...ไม่ใช่นางฟ้า

ยายแร่มสะบัดหน้าพรืดทันที ยิ้มหวานหยดให้นางฟ้าของยายโดยไม่สนใจบดินทร์ “ท่านเจ้าขา อิฉันจำได้ ท่านจำอิฉันได้ไหมเจ้าคะ” พูดเสียงอ่อนเสียงหวานสุดๆ เลยนะนั่น แล้วหันมามองค้อนบดินทร์เป็นการใหญ่

ชายหนุ่มทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้จะเถียงยังไง กลายเป็นเขาผิดไปเสียอีก แม้ในใจอยากจะเชื่อที่ยายแร่มบอกมา เพราะที่บ้านนี้ไม่มีเครื่องประดับหรือเสื้อผ้าแบบที่หญิงสาวสวมอยู่ แต่ร่างกายที่เปลือยเปล่าก่อนนั้นล่ะคืออะไร การที่เขาจับต้องได้ล่ะคืออะไร ที่ยายแร่มจับอยู่น่ะ...ถ้าไม่ใช่คนจะจับได้ไหม สวยผิดมนุษย์มนานะใช่อยู่ แต่งกายด้วยเครื่องประดับละเอียดประณีตผิดจากที่เคยเห็นก็ใช่อยู่ แต่เท่าที่เขาเห็นและดูจากสภาพก็แค่ก้ำกึ่ง เชื่อไม่ค่อยลง

“หลับตาซิ” เขาสั่ง

อย่างน้อยถ้าหลับตาแล้วออกมาเหมือนกันก็ค่อยว่าอีกที บดินทร์เหลือบมองไปยังเตียงนอน ตรงนั้นว่างเปล่าไม่มีอะไร ไม่ทันคิดสงสัยมากกว่านั้นแม่นางฟ้าของยายแร่มได้ทำตามคำสั่งไปอย่างว่าง่าย แล้วก็แทบตาค้างเสียเอง

พับผ่าสิ! ใช่จริงๆ

ไม่ต้องถามแล้วว่าคนเดียวกันหรือคนละคน

“ถ้าเป็นนางฟ้าจริง คุณหายตัวได้มั้ย ทำให้ดูหน่อยซิ จะได้เชื่อ” พูดเสียงห้วนทีเดียว เขาไม่เชื่อหรอกว่าจะมีนางฟ้าหรือเทวดา นั่นมันเรื่องหลอกเด็กชัดๆ

ดวงตากลมโตแต่ดูคมคายกะพริบปริบๆ แต่ก็ค่อยๆ ยิ้มหวานให้ พูดอย่างอ่อนโยน “ท่านบดินทร์จักให้ข้าพเจ้ากระทำการเยี่ยงนั้น...ย่อมมิง่ายดายดอกเจ้าข้า ข้าพเจ้าใช้เพลาถอยกายละเอียดมาเป็นกายหยาบ ฤๅกายมนุษย์ดังท่านยลเพลานี้ ก็หมดกำลังฤทธิ์แห่งเทพไปมิน้อย ประหนึ่งปูลอกครบ จึ่งอ่อนแรงนัก ครั้นจักทำการเช่นท่านว่าได้ ก็ย่อมเป็นภัยแก่ข้าพเจ้ามากนักเจ้าข้า” ว่าแล้วก็กวาดตามองมองรอบๆ ห้อง สีหน้าไม่สู้ดี

หญิงสาวหันมามองบดินทร์ “ด้วยว่ากลิ่นอายแห่งบุญกุศลมิได้มีมากดังกาลก่อนเลย กลับอุดมไปด้วยกลิ่นอายแห่งอกุศล ตัดทอนกำลังฤทธิ์ทวยเทพฝ่ายกุศลจนมิอาจสำแดงเดช ฤๅทำการใดสำเร็จดังประสงค์โดยง่าย ท่านมิได้เห็นละอองสีดำรายรอบบ้านแลภายนอกฤๅ จึ่งท้าทายข้าพเจ้าให้กระทำการอันเป็นภัยแก่ตนเยี่ยงนี้เจ้าข้า” แววตาเหมือนจะตัดพ้อ แต่ก็แวบเดียวเพราะเธอกำลังยิ้มแย้มแจ่มใสอีกครั้ง

ส่วนยายแร่มก็มองบดินทร์กับหญิงสาวข้างตัวไปมาสลับ ไม่พูดอะไรขัดจังหวะ หรืออาจจะงงอยู่ก็เป็นได้

“อีกนานมั้ยกว่าจะทำได้ แล้วทำไมต้องทำด้วย ” บดินทร์กอดอก รอฟังคำตอบ

“นานเพียงใดมิทราบได้ อันเหตุนั้นจำต้องทำเจ้าข้า ด้วยก่อนนี้ข้าพเจ้าเพียรพูดคุยกับท่าน แต่มิได้ความใดเลย ท่านบดินทร์ยังดื้อรั้น มิยอมเชื่อถือ ว่าข้าพเจ้านั้นมีตัวตน จึ่งจำต้องถอยกายให้หยาบเพื่อจักได้ปรากฏดั่งเพลานี้ จักให้ละเอียดเช่นเดิมย่อมมิอาจมองเห็น แลเหตุต้องปรากฏกาย ก็ด้วยว่าท่านคือผู้มีคุณแก่ข้าพเจ้า อันจักละทิ้งมิได้ เมื่อภัยมาเจ้าข้า”

บดินทร์ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อซึ่งออกแนวหยามเสียมากกว่า “ถ้าอย่างนั้นทำไมตอนแรกคุณถึงแก้ผ้า ไม่มาทั้งชุดแบบที่เห็นนี่ล่ะ”

หญิงสาวทำหน้าว่าไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดด้วยเหรอ

บดินทร์จึงย้ำว่า... “จริง คุณเปลือยหมดทั้งตัวเลยแหละ นอนอยู่ข้างล่างนั่น” และชี้ไปยังจุดที่พบหญิงสาว

ทั้งยายแร่มทั้งคนที่อ้างว่าเป็นนางฟ้าชะเง้อชะแง้มองตามทั้งที่อยู่ในห้อง ไม่ได้เห็นอะไร

ยายแร่มนั้นออกอาการงงงันชัดเจน ส่วนอีกคน...ใบหน้างดงามไม่ปิดบังว่ากำลังคิดอะไรอยู่ มองหน้าก็รู้ว่ากำลังพยายามทบทวนความจำ เธอก้มมองตัวเองอย่างไม่เข้าใจครู่หนึ่ง

ไม่นานนัก ใบหน้าสวยหวานหยดย้อยก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ อาการหน้าแดงขวยเขินก็มีตามมา มองเขา จับมือตัวเองกึ่งบิดเล็กน้อย ยิ้มแห้งๆ ให้ราวกับเพิ่งรู้ว่าทำอะไรผิดพลาดไปอย่างแน่นอน

“เพลาก่อนนี้...” ลากเสียงค้างไว้ ยิ้มแหยๆ เมื่อมองบดินทร์ “ขณะข้าพเจ้าได้ทำการถอยกายละเอียดมาเป็นกายหยาบ ลางที...อาจมีเหตุเช่นท่านว่า...ปรากฏจริง ก็เป็นได้เจ้าข้า” ใบหน้าสวยจัดนั้นปิดอาการเขินอายไม่มิดเสียแล้ว ทิ้งมาดงามสง่าก่อนนั้นไปแทบหมดสิ้น เหลือแต่สาวเปิ่นที่กำลังทำอะไรไม่ถูก

บดินทร์ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ นี่เขาเจอหญิงเพี้ยนสติไม่ดีในบ้านของตัวเองหรือเปล่า ตอนเขาไม่อยู่ผู้หญิงคนนี้อาจจะแอบปีนรั้วเข้ามาจริงๆ ก็ได้ คงต้องไปเดินสำรวจรอบบ้านสักหน่อยถ้าจบเรื่องนี้

“นี่คุณ” บดินทร์พูดอย่างใจเย็น “ผมเคยได้ยินเรื่องราวของพวกเทวดา นางฟ้า เทพองค์นั้นองค์นี้มาก็เยอะนะ แต่บอกตรงๆ ว่าไม่เคยเห็นมาตัวเป็นๆ มาก่อน เลยไม่รู้ว่าเป็นยังไง ยิ่งนางฟ้าแบบคุณยิ่งไม่เคยได้ยิน คือ...เป็นนางฟ้าทั้งที มันควรดูน่าเชื่อถือมากว่านี้มั้ย แต่กับคุณที่ผมเห็นน่ะ...บอกตามตรงว่าเชื่อไม่ลง”

หญิงสาวจะก้าวเข้ามาหาบดินทร์แต่ก็ชะงัก มือที่ยื่นออกมานั้นเก็บไว้ข้างตัว สีหน้าเศร้า แววตาอ้อนวอน ทำให้บดินทร์นึกเสียใจ ความจริงใจที่ส่งผ่านออกมาดั่งจะบอกว่าได้โปรดเชื่อถือเถิด ก็ยิ่งทำให้บดินทร์คิดหนัก แต่ที่มากกว่านั้นคือส่งเสริมความเชื่อของตน

มีที่ไหน หน้าฟ้าจำมาทำหน้าทำท่าทางอะไรแบบนี้ ไม่มี

‘แล้วรู้เหรอว่านางฟ้าทำไง’ คำถามผุดขึ้นมาเสี้ยวหนึ่งใจใน จึงตอบไปว่า

‘ไม่รู้ แต่ก็ไม่น่าใช่แบบนี้ถ้ามีจริง’ และคอยมอง

หญิงสาวก้มหน้า อธิบายเสียงเครือ “อากาศเทวา... แลองค์อธิบดีแห่งปรนิมมิตวสวัตตีภูมิได้เตือนข้าพเจ้าแล้ว การปรากฏกายในมนุษยภูมิแห่งชมพูทวีปในเพลานี้มิได้ง่ายดายนัก เหตุร้ายจักบังเกิดโดยมิได้คาดหมายย่อมมากอยู่ เสี่ยงผิดพลาดแลเป็นอันตรายต่อเทพฝ่ายกุศลมิน้อย มิแคล้วเหตุท่านบดินทร์ว่ามา... จักเป็นไปดั่งองค์เทพตักเตือนเจ้าข้า”

นี่ใช่นางฟ้าจริงหรือนี่ มีแบบนี้ด้วย!

บดินทร์ไม่อยากจะเชื่อหูเชื่อตาตัวเองนัก ฟังก็ไม่ค่อยจะเข้าใจถ่องแท้สักเท่าไหร่ จะขำก็ขำไม่ออก อาการคอตั้ง หน้าเชิด หลังตรงของอีกฝ่ายแทบไม่เหลือ เหลือแต่สาวน้อยหน้าสวย อกเปลือย ยืนก้มหน้า จับมือตัวเองบิดไปมาราวกับทำผิด และส่งยิ้มแห้งๆ ขอความอ้อนวอนให้มา

มีที่ไหน...นางฟ้าที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองทำอะไรป้ำๆ เป๋อๆ ออกไป

ไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ

และในขณะที่กำลังคิดอย่างไม่อยากจะเชื่อถือ สายตาเจ้ากรรมก็พันเผลอเหลือบมองหน้าอกของอีกฝ่ายจนได้ ทั้งที่ก่อนนั้นพยายามจะบังคับสายตามองแค่ใบหน้า จนต้องรีบพูด...

“ยายไปหาเสื้อให้เขาใส่ก่อนนะจ๊ะ อย่าให้แต่งตัวแบบนี้ในบ้าน เสร็จแล้วพาลงไปข้างล่าง ผมจะกินข้าวรอ ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง” พูดจบก็หุนหันออกมา หากช้ากว่านี้คงจะบังคับสายตาตัวเองไม่ได้แน่ๆ อยู่ตรงนั้นได้อีกต่อไป ร่างกายร้อนวูบๆ วาบๆ ไม่หยุด จนขนลุกไปหมด

งานนี้เจอคนสติไม่ดีแต่ดันสวยหวานงามหยดสุดๆ รูปร่างรึก็เร้าใจ... คงสนุกกันพิลึกกันล่ะ

- * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * -



สุชาคริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ส.ค. 2557, 13:01:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ส.ค. 2557, 13:01:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 1224





<< บทที่ 3 (1/2)   บทที่ 4, 5, 6 >>
แว่นใส 30 ส.ค. 2557, 17:13:46 น.
เอาเข้าไป แปลกดีแท้น้อ


นักอ่านเหนียวหนึบ 30 ส.ค. 2557, 23:01:08 น.
ก็เร้าใจกันปายยยย กิกิ้ววว บาปมะเนี่ยย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account