แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ
คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”
คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”
คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”
และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ
คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”
คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”
คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”
และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”
Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา
ตอน: 27 คนที่หายไป
27
คนที่หายไป
(ตัวไม่ต้องมาหรอกเจ๊วัน ทางนี้เค้าดูเอง กรรมตามสนองน่ะ อยากเอาชีวิตมาล่อเล่นดีนักสมน้ำหน้า แต่น่าเหลือเชื่อจริง ๆ ตกลงมาสูงขนาดนั้น แต่กลับไม่เป็นอะไรมาก ชีกระดูกแข็ง กะโหลกก็หนาทนทานมากอ่ะ เป็นคนอื่นก็ต้องแขนหักขาหักบ้างล่ะ เค้าว่านะยัยเจ๊แก้วน่าจะแขนหักอย่างที่ปากเคยพูดไว้ จะได้เข็ดได้หลาบสักที ...ไอ้รัก แกแช่งฉันหรอ เพล้ง!!!” เสียงเซาวน์เอฟเฟ็กซ์ปลายสายทำให้วันวิวาห์ต้องถอนหายใจออกมา
(เจ๊แก้ว ตัวเล่นแรงไปนะ เค้าอุตส่าห์ใจดีมาเฝ้า ตัวทำร้ายคนที่ช่วยเจ๊อย่างนี้หรอ ... แกกลับไปเลย ฉันจะให้คุณมงกุฎมาเฝ้าฉันแทน... ใสเจียนะเจ๊แก้ว คุณมงกุฎกลับไปแล้ว ตัวต้องพึ่งเค้า โชคดีแค่หัวแตกตัวช้ำ อย่ามาเรื่องมาก ตามจริงตัวน่าจะแขนหักจริง ๆ ไปเลยนะจะได้รู้สึก)
“พอแล้วรัก” วันวิวาห์กรอกเสียงดักรักจิราก่อนที่เจ้าตัวจะก่อเรื่องไปมากกว่านี้
(เจ๊วันขอไว้หรอกนะ เอาเป็นว่าตัวอยู่ที่นั่นแหละ อาอี๊ก็ป่วยอยู่ ตัวดูแลอาอี๊ดีอยู่แล้ว เรื่องเจ๊แก้วเค้าจัดการเอง ว่าแต่คุณคีตะเป็นยังไงบ้างคะ)
“ก็...ดี...เดี๋ยวเจ๊ไปดูอาม้าก่อน ฝากแก้วด้วย เจ๊ติดต่อขวัญไม่ได้เลยรัก ช่วงนี้เจ๊รู้สึกแปลก ๆ เป็นห่วงขวัญ รู้สึกเหมือนจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับขวัญ”
(เดี๋ยวเค้าจะลองโทรอีกที บางทีอาจจะยุ่งอยู่ก็ได้ ตัวไม่ต้องกังวลนะ แค่นี้นะเจ๊วัน) และสายก็ตัดไป วันวิวาห์เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าและหันไปมองมารดาที่นอนออยู่บนเตียงคนไข้ หลังจากหมอมาฉีดยาวันวิภาก็หลับไป วันวิวาห์เดินมายืนอยู่ข้างเตียงเอื้อมมือเข้ามาจับมือของมารดามากุมไว้
“วัน...” วันวิวาห์เงยขึ้นมองมารดาที่ที่กำลังจะได้สติ
“แม่คะ...วันขอโทษ” วันวิภายิ้มน้อย ๆ ส่งมาให้วันวิวาห์และยกมืออีกข้างขึ้นแตะแก้มของวันวิวาห์พลางส่ายหน้าเป็นการบอกว่าไม่เป็นอะไร ก่อนมือจะไล้ขึ้นไปแตะที่ดวงตาของเธอ วันวิภายิ้มก่อนที่ดวงตาของวันวิภาจะปิดลงอีกครั้งอย่างเหนื่อยล้า
“ถ้านี่คือความหวังสุดท้ายของแม่ วันก็จะตามหาเขา วันจะให้แม่ได้พบกับเขา แต่วันไม่สัญญานะคะว่าจะยกโทษให้เขาได้ไหม แต่วันจะพยายามทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด วันรักแม่นะคะ” วันวิวาห์จับมือของมารดาขึ้นมาแนบที่แก้มนวล น้ำตาล่วงหล่นลงอย่างช้า ๆ
วันวิวาห์เดินกลับเข้ามาในบ้าน หลังจากป้าจิตมาทำหน้าที่เฝ้าแทน วันวิวาห์กำลังจะเดินกลับห้องตัวเองแต่ก็ชะงักเท้าไว้และหันไปมองบานประตูห้องของมารดา วันวิวาห์เปลี่ยนเส้นทางเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องของแม่ ภายในห้องเงียบสนิท วันวิวาห์มองสภาพห้องที่ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงข้ามของทุกชิ้นในห้องแม่คือสิ่งต้องห้าม ไม่ว่าจะเป็นแจกันสีขาวที่มีรอยบิ่น โต๊ะทำงานไม้ตัวเก่าที่มันเก่ามากจนแทบจะพัง รวมถึงดอกไม้อบแห้งที่ใส่กรอบแวนไว้ ของทุกอย่างในห้องคือความทรงจำของมารดาในช่วงที่บิดาของเธอยังอยู่ วันวิวาห์เดินไปที่ตู้เปิดตู้ออกหยิบกล่องเหล็กใบหนึ่งออกมา วันวิวาห์เปิดมันออก ภายในมีหนังสือบันทึกเล่มเก่าสีน้ำตาลซีด ซองจดหมายที่จ่าหน้าซองถึงวันวิภา ซึ่งมันส่งมาจากบิดาของเธอ ข้าวของชิ้นเล็กชิ้นน้อยบรรจุอยู่ในกล่องนี้ รวมถึง ..รูป... วันวิวาห์หยิบรูปใบเก่านั้นออกจากกล่อง รูปที่เหลือเพียงใบเดียว รูปเพียงใบเดียวที่มารดาของเธอถ่ายคู่กันบิดา รูปที่เก่าจนซีด มีร่องรอยของการเปียกน้ำ น้ำที่ว่าก็คือหยดน้ำตาของมารดาเธอ ทุกครั้งที่มองรูปนี้มารดาของเธอจะเอาแต่นั่งร้องไห้จนเธอคิดจะขโมยไปทิ้ง แต่ก็กลัวมารดาจะใจสลายมากไปกว่านี้ เธอไม่เข้าใจว่าถ้าทุกข์ทำไมมารดาถึงยังทนอยู่กันทุกข์นี้
“คุณวัน...” วันวิวาห์ไม่ได้มีท่าทีสะดุ้งตกใจ เธอปิดกล้องใบนั้นลงและหันกลับไปมองผู้ชายที่เดินมาหาเธอ ใบหน้าของเขายังคงตราตรึงไปด้วยรอยยิ้ม เขายังคงยิ้มอบอุ่นราวกับดวงอาทิตย์ที่แสงสว่างส่งมาให้กับเธอ ทั้งที่เจอเรื่องมามากมาย แต่ไม่เคยมีเรื่องราวใดพรากรอยยิ้มออกไปจากใบหน้าหวานล้ำของเขาได้
“ฉันจะตามหาเขา...” คีตภัทรเข้าใจในทันทีว่าเขาในที่นี้คือใคร
“คุณแน่ใจหรอครับคุณวัน”
“แน่สิ เมื่อแม่อยากเจอเขา เมื่อเขาคือความสุขของแม่ ฉันก็จะยอม...”
“แล้วคุณอยากเจอเขาไหม...”
“คุณไม่ต้องถามมาก คุณบอกว่าคุณจะช่วยฉัน ถ้าจะช่วย ช่วยอย่าล้ำเส้นมามากกว่านี้ ฉันขีดเส้นให้คุณได้แค่นั้น ฉันไม่มีอะไรตอบแทนคุณถ้าวันหนึ่งเจอเขานอกจากขอบคุณ”
“ผม...อยากเป็นเพื่อนกับคุณ แค่นั้น ถ้าจะตอบแทนผมจริง ๆ ก็แค่ยอมรับผมเป็นเพื่อนคุณอีกสักคน” วันวิวาห์ไม่ได้ตอบยังแสดงท่าทีเฉยชาทั้งท่าที ใบหน้า และแววตา
“เราจะเริ่มเมื่อไหร่ครับ”
“วันนี้” วันวิวาห์มองเขานิ่ง ๆ
“เรามีเวลาไม่มากคุณน่าจะเข้าใจ ผมเองก็มีเวลาไม่มาก ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ผมอยากได้รูปพ่อของคุณสักใบ” วันวิวาห์ส่งรูปในมือให้กับเขา รูปที่ถูกส่งมาแทบจะเป็นสีขาวอยู่แล้ว ภาพจึงไม่ชัดใบหน้าของบิดาวันวิวาห์
“คุณรู้จักไหม...”
“ไม่ครับ ภาพเก่ามาก แถมไม่ค่อยชัด แต่ผมไม่เคยเห็น พ่อคุณชื่ออะไรคะ...”
“เอกรินทร์ค่ะ ฉันรู้แค่ว่าเขาชื่อเอกรินทร์ ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน รู้เพียงว่าเขาเป็นนักร้อง เขามาเดินสายร้องเพลงที่ระยองจนพบกับแม่ฉันอย่างบังเอิญ แล้วจากนั้นพ่อก็จีบแม่ฉันมาตลอดแวะเวียนมา ส่งจดหมายมา แต่แม่ฉันไม่รู้อะไรไปมากกว่านี้”
“หมายความว่านอกจากพ่อคุณเป็นนักร้องคุณก็ไม่รู้”
“ค่ะ บ้านหลังนี้เขาก็ซื้อให้แม่ และโอนเป็นชื่อแม่ ถ้าว่างเขาจะแวะมาที่นี่...คุณกำลังคิดว่าแม่ฉันไม่ต่างจากเมียเก็บของเขาใช่ไหมคะ...” วันวิวาห์เอ่ย แววตาของเธอยังคงนิ่งไม่แปรเปลี่ยนเมื่อพูดประโยคนั้นออกมา เธอเองไม่เคยดูถูกแม่เธอ เธอคิดแค่ว่าแม่คือผู้มีพระคุณสูงสุด คือคนที่อดทนเลี้ยงดูเธอท่ามกลางเสียงประณามของคนทั้งตลาด แต่แม่ก็ไม่หวั่นเกรงยังรัก เลี้ยงดูเธอ และยังคงคอยบิดาของเธอ
“เปล่าครับ”
“คุณอย่าโกหกเลยค่ะ ใคร ๆ ก็คิดแบบนั้น”
“ผมไม่เคยโกหกนะครับ ไม่เคยเลย ถ้าบอกไม่ก็ไม่ ถ้าบอกใช่ก็ใช่ แต่ผมกำลังคิดว่าพ่อคุณอาจจะมีชื่อเสียงมากในยุคนั้น ถึงต้องเก็บเงียบ บางทีเราน่าจะลองเช็กข้อมูลจากเน็ตก่อน ถ้ามี...”
“ฉันเคยลองแล้ว แต่นักร้องที่ชื่อเอกรินทร์เยอะมาก” เขาหันไปมองวันวิวาห์ที่หลุดปากพูดออกมา วันวิวาห์หันหน้าหนีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเผลอพูดความลับตัวเองออกไป
“ผมว่าเราน่าจะลองหานักร้องที่ชื่อเอกรินทร์ที่ดังมาก ๆ ในช่วงปีที่พ่อคุณเจอกับแม่คุณ ยังไงฐานข้อมูลนักร้องไม่ว่าจะเก่าแค่ไหนมันก็ต้องมีแน่ ๆ พ่อแม่คุณเจอกันช่วงปีไหน” เขาพูดโดยเลือกที่จะไม่ล้อเธอ เขารู้ถ้าเกิดเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นเธอจะไม่มองหน้าเขาอีกแน่นอน
“น่าจะประมาณปี 2526 หรือไม่ก็ 2527” เขาพยักหน้าเหมือนกำลังนึก เขาหยิบมือถือออกมา ถ้าอยากได้ฐานข้อมูลแน่ ๆ ก็ต้องถามจากค่ายเพลง คีตภัทรหยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาตัวช่วยในครั้งนี้ วันวิวาห์ขยับเข้ามายืนใกล้ ๆ เพราะต้องการจะได้ยินบทสนทนานั้นด้วย
(ว่าไงคีตะ)
“สวัสดีครับพี่จีน่า ผมมีเรื่องจะให้พี่จีน่าช่วยผมหน่อยได้ไหมครับ”
(ว่ามาสิ)
“คือผมกำลังตามหาคน ๆ หนึ่ง เขาเป็นน้องร้องชื่อเอกรินทร์ พี่ช่วยเช็คข้อมูลให้ผมหน่อยได้ไหมครับว่ามีนักร้องที่ชื่อเอกรินทร์ที่ดังในช่วงปี 2527 มีกี่คน เป็นนักร้องค่ายไหน แล้ววานช่วยส่งรูปกับประวัติให้ผมด้วย”
(ได้สิ แต่เอาไปทำไมหรอ สนใจอะไรหรือเปล่า)
“ครับ ผมมีเรื่องต้องการพบเขานิดหน่อย”
(จะเอาวันไหนล่ะ)
“วันนี้ครับ”
(ว่าไงนะ!!! ข้อมูลคนนะจะหาให้ได้ภายในชั่วโมงสองชั่วโมงได้ยังไง แต่...จะพยายามแล้วกัน แค่นี้ก่อนนะ อ่อ...พี่ลืมบอกตอนนี้ทางค้ายกำลังประชุมกันเรื่องครตะ อาจจะมีคำสั่งยกเลิกที่สั่งพักงานไม่มีกำหนดของเรา เราอาจจะได้กลับมาทำงานเร็ว ๆ นี้เตรียมตัวให้พร้อมพักผ่อนยาวคงดีขึ้นบ้างนะ) คีตภัทรนั่งเงียบกับข่าวใหม่ ด้วยเรื่องคลี่คลายไปหนึ่งเรื่อง กระแสความนิยมของตัวนักร้องทุกคนค่อย ๆ กลับมา คีตภัทรเองแม้จะรักงาน แต่ช่วงเวลาหยุดที่แสนยาวนานไม่ได้ผ่านมาบ่อย ๆ และช่วงเวลาที่จะได้อยู่กับวันวิวาห์ก็เริ่มน้อยลงทุกที ๆ ขณะที่เจ้าตัวยังคงเฉยเมย ยังคงสร้างกำแพงน้ำแข็งหนาวเย็นสูงรีบที่แสงอาทิตย์อย่างเขาสาดส่องไปไม่ถึง หรืออาจจะไม่มีวันถึง
“เมล์มาหรือยังคะ” วันวิวาห์เอ่ยถาม
“ยังครับ นี่ยังไม่ครบชั่วโมงเลยครับ ผมว่าเราออกไปซื้ออะไรกินกันดีไหมครับ วันนี้ป้าจิตออกไปแน่เช้าไม่ได้ทำอะไรทิ้งไว้” วันวิวาห์จ้องจอคอมและพนักหน้า เธอกำลังจะเดินไปหยิบกุญแจรถ แต่คีตภัทรไว้กว่า
“ผมขอขับรถนะครับ แขนผมดีขึ้นแล้ว” วันวิวาห์พยักหน้า และเดินออกไปรอนอกบ้านด้วยใจที่กังวลสุด ๆ
“เราแวะตลาดของอากงคุณกันนะครับ คุณวันเป็นเจ้าถิ่นช่วยแนะนำผมด้วยนะครับว่าอะไรอร่อย” วันวิวาห์พยักหน้าและเดินขึ้นไปบนรถ
“เราจะไปไหนกันครับ”
“ไป...”
“คุณวัน” วันวิวาห์หันไปมองเสียงผู้ชายที่เอ่ยเรียกเธอ สีหน้าเธอยังเรียบเฉย มีเพียงมุมปากที่กระตุกขึ้นเล็กน้อย ยสวินนายตำรวจหนุ่มที่วันนี้แต่งกายนอกเครื่องแบบเดินเข้ามาหาวันวิวาห์ ใบหน้าแสดงออกถึงความยินดี
“อ้าวคุณคี...”
“คีย์เฉย ๆ ดีกว่าครับ”
“ครับ คุณคีย์”
“ผมแวะมาทำคดีแถวนี้เลยแวะมาซื้อขนมไปฝากแม่ครับไม่คิดว่าจะมาเจอคุณวัน วันนี้คุณวันว่างเราไปทานข้าวด้วยกันนะครับ...คุณด้วยครับคุณคีย์” ยศวินเอ่ย
“ผมกับคุณวันกำลังจะไปทานข้าวกันอยู่แล้วครับ”
“อ้าวอย่างนั้นผมก็ต้องขอพวกคุณ”
“ไปด้วยกันก็ได้ค่ะ” วันวิวาห์เอ่ย ซึ่งคีตภัทรรู้สึกไม่ชอบเลย เขาไม่ชอบผู้ชายตรงหน้า สายตาเขาชัดมาก ว่าต้องการมาจีบวันวิวาห์ แต่ไม่ได้จีบแบบตรง ๆ จนวันวิวาห์รู้สึกอึดอัด ถ้าใครจะจีบวันวิวาห์ ยศวินเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวจริง ๆ ตีเนียนเข้ามาเรื่อย ๆ แบบที่วันวิวาห์ไม่รู้ตัว
“คุณวันอยากทานอะไรครับ” วันวิวาห์หันมองสองหนุ่มที่พูดพร้อมกัน ยศวินพอมองออกว่าคีตภัทรเองก็ชอบวันวิวาห์ แต่เขาไม่มีวันยอมแพ้คู่แข่งตรงหน้าหรอก และเขายังถือไพ่เหนือกว่าผู้ชายทุกคนตรงที่เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่วันวิวาห์ยอมให้เข้าใกล้และคุยด้วย
“ไปร้านประจำคุณไหมครับคุณวัน”
“ค่ะ” วันวิวาห์พยักหน้าและเดินตีคู่ไปกับยศวินอย่างรู้ทางในขณะที่คีตภัทรต้องเดินตามรั้งท้ายเมื่อถูกกันออก เขาไม่ต่างจากคนนอกเลย คีตภัทรมองอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น คีตภัทรกดรับสายทันที
“ฮัลโหล ว่ายังไงนะครับ ส่งไฟล์ข้อมูลมาแล้ว ขอบคุณครับพี่จีน่า” คีตภัทรที่เร่งเท้าเร็วขึ้นและเดินพูดอยู่ด้านหลังวันวิวาห์กะให้วันวิวาห์ได้ยินและหันมาสนใจ และเป็นดังที่เขาคิดเมื่อเงยขึ้นมองวันวิวาห์หันมามองหน้าเขา
“พี่จีน่าบอกว่าส่งข้อมูลมาให้เราแล้วครับ” วันวิวาห์เดินถอยกลับมาหาคีตภัทร
“ฉันว่าเราซื้อของกลับไปที่บ้านดีกว่าค่ะ” คีตภัทรพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ข้อมูลอะไรหรือครับ” ยศวินถาม วันวิวาห์หันไปมองเขา
“ข้อมูลงานน่ะค่ะ ยังไงฉันกับคุณคีย์ขอตัวก่อน เอาไว้มื้อหน้านะคะ” วันวิวาห์เอ่ยและหันหลังเดินนำคีตภัทรไปที่รถ คีตภัทรหันไปมองหน้ายศวินที่มองหน้าเขาอยู่
“ขอตัวนะครับผู้กอง”
“เดี๋ยว” คีตภัทรหันหลังกลับไปมองยศวิน
“คุณคิดว่าคุณเก่งพอจะเอาหัวใจคุณวันไปได้หรือครับคุณคีตะ” คีตภัทรยิ้ม
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าผมเก่งพอไหม แต่อย่างน้อยวันนี้คุณวันก็ยอมเดินมาหาผมหนึ่งก้าว วันข้างผมจะทำให้คุณวันเชื่อใจในตัวผม อย่างที่เธอไม่มีวันให้ใคร ผมขอตัวนะครับ แล้วเจอกันใหม่ครับคุณผู้กอง” วันวิวาห์หันไปมองยศวินใบหน้าสวยก้มนิด ๆ เหมือนเป็นการขอโทษของวันวิวาห์ และเดินนำคีตภัทรไปที่รถ แต่กลับไปเดินชนไหล่ของเด็กสาวคนหนึ่งเข้า
ตุ๊บ!!!
“พี่คีตะ!!!” เด็กสาววัยรุ่นอายุน่าจะสักประมาณสิบห้าสิบหกมองใบหน้าที่ไร้แว่นกันแดดสีชา ก่อนจะส่งเสียงเรียกชื่อเขาอย่างตื่นเต้น พาเอากลุ่มเพื่อนที่มาด้วยสามสี่คนแต่เดินนำไปหันกลับมามองและวิ่งกรูกลับมาและล้อมหน้าล้อมหลังเขาไว้ เหมือนจำได้แม่นว่าเขาคือนักร้องคนดัง
“พี่คีตะจริง ๆ ด้วย หนูเป็นแฟนคลับพี่คีตะ ติดตามผลงานพี่มาตั้งแต่แรก หนูชอบพี่มาก ๆ หนูขอลายเซ็นพี่ได้ไหมคะ” คีตภัทรหันไปมองวันวิวาห์ที่หันมามองเขา แววตาเฉยชาไม่ได้แปลเปลี่ยนไป แต่เขารู้ว่าเธอกำลังหงุดหงิดแน่ ๆ เพราะเธออยากจะรีบกลับบ้านจะตายอยู่แล้ว เธอกอดอกยืนพิงรถและหันหน้าไปทางอื่นเหมือนเป็นการบอกว่ารีบจัดการปัญหาให้เสร็จ คีตภัทรหันกลับมามองกลุ่มเด็กสาวที่กำลังรอคำตอบขากเขา และเขาจะปฏิเสธก็คงไม่ทันแล้ว และเขาไม่กล้าพอทำให้ดวงตาประกายอย่างมีความหวังนั่นต้องผิดหวัง เขารับสมุดของเด็กสาวกลุ่มนั้นมาเซ็นให้
“ขอบคุณค่ะ พี่คีตะถ่ายรูปกับพวกเราสักรูปนะคะ นะคะ” เขาพยักหน้า เด็กสาวมองหาคนที่จะถ่ายรูปให้
“พี่วันคะ ช่วยถ่ายรูปให้พวกเราหน่อยได้ไหมคะ” วันวิวาห์หันมามองเด็กสาวที่รู้จักเธอ เธอเคยเห็นหน้าของเด็กสาวกลุ่มนี้ เพราะเป็นลูกหลานของคนในตลาดรวมถึงคนแถว ๆ บ้านอากงเธอ แบะไม่แปลกที่เด็กสาวกลุม่นี้จะค่อนข้างรู้จักเธอ วันวิวาห์มองใบหน้าใส ๆ ดูซื่ออย่างเด็กในท้องถิ่นทำให้เธอไม่ปฏิเสธเดินไปรับโทรศัพท์มาช่วยถ่ายให้ วันวิวาห์ถ่ายให้สี่ห้ารูปและส่งโทรศัพท์คืนให้
“ขอบคุณค่ะพี่วัน พี่วันคะ มาถ่ายด้วยกันไหมคะ” วันวิวาห์ส่ายหน้า
“นะคะ พี่วันไม่รู้หรอว่าพี่คีตะน่ะเขาถึงตัวยาก ถ้าไม่เจอแบบบังเอิญโอกาสจะถ่ายรูปไม่บ่อยมาค่ะ พวกเราช่วยถ่ายให้ อีกอย่างพี่วันก็สวย ถ่ายรูปกับคุณคีตะต้องออกมาฟินแน่ ๆ” แล้วเด็กสาวก็ลากเธอเข้าไปยืนข้าง ๆ คีตภัทรจนสำเร็จ คีตภัทรยิ้มน้อย ๆ เมื่อวันวิวาห์ไม่กล้าที่จะปฏิเสธเด็ก ๆ พวกนั้น
“พี่วันคะ ยืนห่างถ่ายออกมาก็ไม่สวยสิคะ เข้าไปใกล้ ๆ เลยค่ะ พี่คีตะคะ พี่วันไม่ขยับพี่คีตะขยับเข้าไปใกล้ ๆ พี่วันหน่อยนะคะ นั่นแหละคะ น่าอิจฉาคนสวยคนหล่อจริง ๆ” คีตภัทรก้มมองผู้หญิงข้าง ๆ ที่แม้จะถ่ายรูปหน้าเธอก็ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด
“พวกเราขออีกรูปนะคะ พี่วันช่วยคล้องแขนพี่คีตะด้วยสิคะ นะคะพี่วัน พวกเราขอรูปสุดท้ายนะคะ นะคะพี่วัน” วันวิวาห์ยอมยกมือขึ้นคล้องแขนคีตภัทรเพื่อตัดปัญหา เด็กสาวทั้งสี่ยิ้มมองเหมือนกับฟินสุด ๆ
“พี่คีตะขยับเข้าไปใก้ล ๆ สิคะ พี่วันถึงจะชอบทำหน้านิ่ง ๆ เย็น ๆ แต่เธอไม่ดุนะคะ” คีตภัทรยอมขยับเข้าไปใกล้กัน วันวิวาห์ไม่เคยอยู่ใกล้ผู้ชายใกล้ในสถานการณ์ธรรมดาแบบนี้ คีตภัทรเองแม้จะเจอผู้หญิงมามาก แต่ละนางก็สวยระดับนางเอก แต่ไม่มีใครสวยมากเท่าผู้หยิงข้าง ๆ ไม่มีใครเคยทำให้เขารู้สึกใจสั่นได้เท่าผู้หยิงคนข้าง ๆ แล้วผู้หญิงคนข้าง ๆ จะรู้สึกแบบเขาบ้างไหมนะ แต่จากสีหน้าที่เรียบเฉยแล้ว คงไม่มีวันสินะ
“เสร็จแล้วพี่ขอตัวนะ” วันวิวาห์ปลดแขนออกทันที
“พวกเราขอถ่ายกับพี่วันกับคุณคีตะอีกรูปนะคะ” แล้วเด็กสาวสามคนก็วิ่งเข้าไปยืนข้าง ๆ วันวิวาห์อย่างรวดเร็วเพราะกลัววันวิวาห์จะหนีไปก่อน แต่เพราะรีบมากทำให้ร่างชนปะทะเข้ากลับวันวิวาห์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คีตภัทรเซไปหาเขาในทันที ร่างบางที่อยู่บนส้นสูงเซเกือบล้มลงไปแต่คีตภัทรก็โอบเอววันวิวาห์ไว้เพื่อพยุงไม่ให้เธอต้องล้มลง สองมือของคีตภัทรโอบร่างสมบูรณ์แบบของวันวิวาห์ไว้ ดวงตาของทั้งสองจ้องกัน หัวใจของคีตภัทรเต้นรัวไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง ส่วนใบหน้าของวันวิวาห์ไม่ได้แปลกเปลี่ยนไป เธอยืนทรงตัวได้ก็พลักคีตภัทรออก
“พี่ขอตัวนะ” และวันวิวาห์ก็เดินหนีขึ้นรถไป คีตภัทรไม่รู้หรอก ว่าผู้หยิงที่มีใบหน้าเฉยชาคนนี้กำลังเดินเอามือกุมหัวใจตัวเองที่กำลังเต้นรัว ใบหน้าเฉยชากลับมีร่องรอยของความหวัน่ไหว และเขาจะไม่มีทางได้รู้แน่นอน เพราะแม้แต่ตัววันวิวาห์เองยังไม่เข้าใจอารมณ์ที่เกิดขึ้นนี้เลย คีตภัทรมองเด็กสาวสี่คน และอยากขอบคุณเหลือเกินที่ช่วยทำให้เขาได้ใกล้วันวิวาห์ถึงขนาดนี้
“พี่คงต้องไปแล้ว พี่มีธุระต่อ ขอตัวนะครับ”
“ค่ะ ...พี่คีตะ พวกเราเป็นกำลังใจให้นะคะพี่คีตะ พวกเราอยากเห็นผลงานใหม่ของพี่เร็ว ๆ”
“ขอบคุณครับ” และคีตภัทรก็เดินขึ้นรถไปพร้อมกับวันวิวาห์ เด็กสาวสี่คนพากันมองตามไปอย่างตื่นเต้นกับการได้เจอขวัญใจตัวเป็น ๆ
“ฉันจะอัพรูปไปโชว์พวกไอ้หมิว”
“เอาสิ พวกมันต้องอิจฉาแน่ ๆ ที่พวกเราได้ถ่ายรูปกับพี่คีตะ”
“คุณวันครับ เปิดไฟล์ได้แล้วครับ” วันวิวาห์เดินมายืนอยู่ข้างและก้มลงมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ ใบหน้าของวันวิวาห์ชะโงกมาอยู่ ๆ ข้างหน้าของเขาเธอกำลังไล่สายตาอ่านประวัติข้อมูลเหล่านั้น กลิ่นสบู่หอมอ่อน ๆ ลอยปะทะเข้าที่ปลายจมูก คีตภัทรรู้สึกใจสั่นและเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เอ่อ...ผมว่าผมอ่านให้ฟังดีไหมครับ” วันวิวาห์หันมามองเขา ใบหน้าที่อยู่ใกล้กันมาก ทั้งที่ใบหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนสี ใจเต้นแรงขึ้น แต่วันวิวาห์ยังคงนิ่งมองตาเขาและพยักหน้าก่อนจะเลื่อนใบหน้าออกห่าง
“นักร้องที่ชื่อเอกรินทร์และมีชื่อเสียงในช่วงนั้นมีสี่คนครับ แต่เสียชีวิตไปแล้วสอง คนที่ยังมีชีวิตอยู่สองคนครับ” ใบหน้าเฉยชาแสดงร้องรอยของความเศร้าออกมาเพียงวูบหนึ่งก่อนจะปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติ
“เราคงต้องสืบว่าคุณพ่อของคุณวันคือคนไหน ใบไฟล์ที่ส่งมามีรูปด้วย คุณวันจะลองดูไหมครับเผื่อจะคุ้นบ้าง” วันวิวาห์พยักหน้า คีตภัทรเปิดไฟล์รูปทั้งสี่รูปนั้นให้วันวิวาห์ดู
“ถ้ารูปใบที่มีไม่ซีดจนมองไม่เห็นเราอาจจะรู้ก็ได้ว่าคนไหนคือพ่อคุณวัน คุณวันพอจะคุ้นหน้าไหมครับ”
“ฉันไม่เคยเห็นหน้าเขา ไม่เคยคุ้นเคย”
“หรือเราจะลองไปถามคุณป้าดีครับ”
“ไม่ได้ ฉันไม่อยากให้แม่รู้ ถ้าเกิดว่าเราหาเขาไม่พบจริง ๆ ฉันไม่อยากให้แม่ต้องเสียใจอีก ฉันอยากให้เราสืบเรื่องนี้กันเงียบ ๆ” คีตภัทรพยักหน้าและมองภาพของผู้ชายห้าคน ทั้งห้าคนหน้าตาอยู่ในระดับว่าดีมากทุกคน วันวิวาห์ไม่ได้ค่อนไปทางพ่อเลย มีเพียงสิ่งเดียวที่วันวิวาห์ต่างจากแม่คือดวงตากลมโต ซึ่งมันไปคล้ายกับหนึ่งในสี่คนนี้ แต่เขาก็ไม่ได้มั่นใจอะไร
“ในสี่คนที่ส่งมา มีอยู่สองคนที่มีครอบครัวแล้ว ตั้งแต่เป็นนักร้อง” คีตภัทรมองใบหน้าที่กำลังหวั่นวิตก
“พ่อคุณอาจจะไม่ใช่สองคนที่ว่าก็ได้นะครับ”
“แต่มันก็มีโอกาสใช่ไม่ใช่หรอคะ ในเมื่อเขาปกปิดตัวเองขนาดนั้น”
“คุณพ่อคุณคงมีเหตุผล”
“เหตุผลของนักร้องที่ดังแล้วไม่ยอมรับว่าตัวเองมีครอบครัว”
“ผมไม่อยากทะเลาะกับคุณวันนะครับ เรามาช่วยกันคิดต่อดีกว่าครับว่าเราจะหาพ่อคุณยังไง คุณแม่คุณไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับพ่อคุณเลยหรือครับ”
“ฉันไม่เคยถามแม่เรื่องพ่อ ตั้งแต่รับรู้ว่าเขาทิ้งเราไปและไม่มีวันกลับมาอีก ฉันไม่เคยฟังเรื่องราวของพ่อ ฉันจำได้แค่ชื่อของเขาที่แม่เคยบอก นอกนั้นฉันก็ไม่รับรู้อีก แร่แม่ฉันเองก็ไม่รู้อะไรไปมากกว่าที่ฉันบอกคุณหรอก เขาปกปิดตัวเองมากขนาดนั้น”
“ในกล่องที่คุณถือเมื่อเช้านอกจากรูป ผมเห็นจดหมาย จดหมายพวกนั้นใช่จดหมายที่พ่อคุณเขียนให้แม่คุณหรือเปล่าครับ” วันวิวาห์พยักหน้า “ถ้าพ่อคุณส่งจดหมายมาเขาน่าจะเขียนชื่อที่อยู่ไว้”
“หน้าซองชื่อที่ส่งมาเหมือนจะไม่ใช่ชื่อของเขา ที่อยู่ก็ไม่ใช่”
“ในจดหมายล่ะ เขาอาจจะบอกอะไรแม่คุณบ้าง” วันวิวาห์นิ่งไป
“ฉันไม่กล้าเปิดอ่าน”
“ถ้าอย่างนั้นเราต้องลองเปิดแล้วล่ะครับ เพราะเราไม่สามารถสืบได้ถึงแม้จะได้ชื่อสี่คนนี้มาแล้ว เราต้องรู้อะไรมากกว่านี้” วันวิวาห์เดินขึ้นไปหยิบกล่องของแม่ลงมาอีกครั้ง ทั้งที่ลังเลใจ เธอไม่อยากรับรู้เรื่องของเขาเลยสักนิด แต่เมื่อมันคือทางเดียวที่จะตามเขามาพบแม่เธอได้ และทั้งสองก็เริ่มช่วยกันเปิดวองจดหมายออกอ่าน ภายในจดหมายเล่าเรื่องราวของชีวิตประจำวัน การทัวร์คอนเสิร์ต
“คุณวัน...” วันวิวาห์ละสายตาจากจดหมาย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอหยิบจดหมายเหล่านี้ออกมาอ่าน เธอมักจะเห็นแม่หยิบมันออกมาอ่านและนั่งน้ำตาไหลด้วยความโหยหา จดหมายเหล่านี้ส่งมาทุก ๆ สิ้นเดือน จบลงท้ายด้วย ...พี่เอก...
“มีอะไรคะ”
“นี่เป็นจดหมายฉบับสุดท้ายของพ่อคุณก่อนที่เขาจะหายเงียบไป คุณอยากลองอ่านไหม ลองอ่านนะครับ” วันวิวาห์มองเขาเงียบ ๆ และรับมาอ่านเหมือนจำใจ
...ถึงคุณวันของผม...
เกือบสามเดือนแล้วที่ผมไม่ได้ไปหาคุณ ช่วงนี้ผมต้องไปทัวร์คอนเสิร์ตหลายที่ และงานที่บริษัทก็ยุ่งมาก ลูกของเราใกล้จะคลอดแล้ว คุณต้องดูแลตัวเองให้ดี กินของบำรุงที่ผมส่งไปให้มาก ๆ ลูกคนแรกของเราจะได้แข่งแรง คุณสุขภาพไม่ดีบ่อย ๆ ดังนั้นห้ามทำงานหนัก ๆ นึกถึงลูกของเราด้วย ที่คุณเคยถามผมว่าลูกคนแรกของเราคุณจะให้ผมตั้งชื่อให้ จะให้ผมตั้งชื่อว่าอะไร ผมนอนคิดมาเกือบสามเดือน ถ้าเป็นลูกชายผมยกให้คุณตั้ง เพราะชื่อลูกชายให้ชื่อวรวิทย์ วรวิทย์เป็นชื่อที่พ่อของผมเคยจะตั้งให้กับผม แต่เถียงไม่ชนะแม่ผมเลยชื่อเอกรินทร์แทนที่จะเป็นวรวิวทย์ ถ้าเป็นลูกชายต้องชื่อนี้เท่านั้น แต่ถ้าเป็นผู้หญิง ผมอยากให้เธอชื่อวันวิวาห์ ชื่อของลูกเราจะได้คล้องกับชื่อของคุณ และมันมันถึงว่าเธอคือของขวัญวันแต่งงานที่ดีที่สุดของเรา ผมฝากบอกลุกในท้องด้วยนะว่าผมคิดถึงตัวเล็กของผม ฝากบอกเขาด้วยผมจะรีบเคลียร์ตัวเองให้ว่างให้ทันก่อนที่แม่ของเขาจะคลอด ผมจะไปนั่งรอเจอหน้าเขา
ต้นเดือนหน้าผมจะมีไปคอนเสิร์ตที่ระยอง หลังเสร็จคอนเสิร์ตผมจะไปหาคุณนะครับ และไปหาคุณครั้งนี้ผมจะพาคุณมาอยู่กับผม ผมไม่อยากให้คุณอยู่ที่นั่นคนเดียว หลังจากเสร็จงานนี้เรา...แต่งงานกันนะครับ... มันอาจจะช้าไปสำหรับคำนี้ แต่ผมจะไปขอคุณแต่งงานด้วยตัวเอง มันอาจจะไม่โรแมนติก แต่ผมขอให้คุณวันรอผมนะครับ ผมรักคุณมาก จากนี้ชื่อเสียงไม่สำคัยอีกแล้ว ผมรักคุณและลูกที่สุด
รักและห่วงใยเสมอ
เอกรินทร์ วรโชติ
วันวิวาห์นิ่งและเงียบไปเมื่ออ่านจดหมายจบ เธอรับรู้ได้ถึงความรัก ความห่วงใยที่ส่งผ่านออกมาทางจดหมาย แต่เธอก็ยังโกรธที่เขาไม่กลับมาตามสัญญา ทิ้งแม่เธอไปอย่างไม่น่าให้อภัย
“เอกรินทร์ วรโชติ”
“คุณวันหนึ่งในสี่คนมีชื่อพ่อคุณจริง ๆ ด้วย” วันวิวาห์มองข้อมูลนักร้องนั่นทันที
“เราเจอเขาแล้วคุณวัน แถมยังเป็นคนที่ผมว่าเราน่าจะคุ้นเคยด้วยครับคุณวัน...” วันวิวาห์ไม่ได้สนใจข้อมูล แต่เธอกำลังมองรูปของผู้ชายที่ชื่อเอกรินทร์ วรโชติ ผู้ชายที่ทิ้งแม่เธอไป เธอเคยคิดว่าทำไมแม่ถึงชอบใช้มือแตะที่ตาของเธอ ชอบมองตาของเธอ เธอมีดวงตาเหมือนผู้ชายในรูปนี่ไงล่ะ เธอไม่รู้ว่าถ้าได้พบเขา เธอจะกล้าไปเผชิญหน้าเขาไหม เธอกล้าพอจะเรียกเขาว่าพ่อไหม เธอจะกล้าต่อว่าเขาที่เขาทิ้งแม่เธอไปหรือเปล่า เธอไม่รู้อะไรทั้งนั้น สิ่งเดียวที่รับรู้คือเธอเกลียดเขาที่สุด เธอจะไม่มีวันให้อภัยในสิ่งที่เขาทำกับแม่
หญิงสาวมองรูปภาพรูปหนึ่งในอินสตราแกรมที่พึ่งถูกอัพไม่กี่นาทีก่อน เธอโดยเพทายและแก้วกัลยาปั่นหัวหลอกให้เธอตามตัวปลอมไป แต่กลับมารู้ทีหลังว่าเขาไปหลบอยู่ที่ระยอง เธอคิดว่าคงเป็นแผนของใครอื่นไม่ได้ หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ออกมา
“ฉันเจอคีตะแล้ว จับตาดู อย่าพึ่งลงมือ รายงานฉันด้วยว่าคีตะทำอะไร อยู่กับใคร ฉันต้องการรู้เดี๋ยวนี้” ดวงตาคมมองรูปคีตะแววตากรุ่นไปด้วยความโกรธและแค้นใจ
....ติดตามตอนต่อไป....
หายไปหนึ่งาอาทิตย์เต็ม วันนี้เลยนำตอนมาฝาก
วันของเราเริ่มหวั่นไหวบ้างแล้ว แต่จะใจอ่อนบ้างไหมก็ต้องไปลุ้น
ขนาดกับพ่อเธอยังใจแข็งยีงโกรธขนาดนี้ ต้องไปรอติดตามกันในตอนต่อไป
ทิ้งตอนไว้ให้ค้างคาอีกนิด พบกันตอนหน้าค่ะ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.ย. 2557, 18:00:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ก.ย. 2557, 18:00:52 น.
จำนวนการเข้าชม : 1353
<< 26 พายุเฮอริเคน | ตอนที่ 28 ขวัญหนีดีฝ่อ (1) >> |

แว่นใส 7 ก.ย. 2557, 20:21:05 น.
ตัวร้ายยังไม่เลิกก่อเรื่องเดือดร้อนนะ
ตัวร้ายยังไม่เลิกก่อเรื่องเดือดร้อนนะ

yimyum 7 ก.ย. 2557, 20:58:14 น.
ตัวร้าย ...... ออกโรงงงง!!!!
ตัวร้าย ...... ออกโรงงงง!!!!


นักอ่านเหนียวหนึบ 8 ก.ย. 2557, 19:25:46 น.
รบกวนตัดฉากไปตีอกันที่ห้องพักใน รพ. คะ 5555
รบกวนตัดฉากไปตีอกันที่ห้องพักใน รพ. คะ 5555