ม่านลวง
การแต่งงานเพราะผลประโยชน์ทำให้เธอได้พบกับเขา ผู้ชายคนแรกในคืน one night stand น่าขำที่เธอตกหลุมรักชายคนนี้ทั้งที่ก่อนนั้นไม่อยากแต่งงาน และนั่นไม่ได้อยู่ในข้อตกลง แล้วเขาล่ะ...คิดกับเธออย่างไร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 8 (2/2)





ปล. ช่วงนี้ภารกิจล้นพ้นตัวมากค่ะ อัพนิยาย ไม่ได้แว้บตอบคอมเม้นท์ แต่ยังรักและคิดถึงกันเหมือนเดิมนะจ๊ะ จุ๊บๆ

อ้อย/สุชาคริยา


--------------------------------------------------------------




‘อยากให้พี่มัตถ์ได้เห็นจัง’ คิดแบบนั้นก็ยืนรอกว่าครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ยินเสียง

เวลาผ่านไปอีกระยะจึงลองแง้มประตูดู ไม่เห็นใครอยู่ตรงนี้จึงปิดและหันกลับมา มองตัวเองในกระจกอีกครั้ง ‘เมื่อยก็ไปนั่งเถอะเลิฟ ปวดขามากแล้ว’ และตัดสินใจออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อ กว่าสี่ชั่วโมงที่ยืนอยู่เริ่มจะทำให้ยืนไม่ไหว ขอนั่งพักสักนิดก็ยังดี

ถิรมนตรงไปที่โซฟา เดินมาเกือบถึงกลางโถงห้องเสื้อก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งตรงหน้าร้าน เธอหันไปมอง แต่กลายเป็นว่าโดนชนล้มพับลงไปกองกับพื้นเรียบร้อย โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดราคาแพงของผู้ชายคนนี้ร่วงตกลงมาพร้อมๆ กัน สงบนิ่งอยู่ไม่ห่างจากเธอ

“ขอโทษครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ” พูดไปก็พยายามลุกขึ้น แต่ก็ไม่ง่าย เพราะชายกระโปรงถูกอีกฝ่ายเหยียบอยู่ รู้สึกจุกนิดๆ เมื่อก้นจ้ำเบ้า

และเหมือนเขาจะรู้ตัว รีบยกเท้าหลบเร็วไว ถิรมนตลบชายผ้าเข้าหาตัว ค่อยๆ ลุกขึ้น ยังดีที่อีกฝ่ายช่วยพยุงกึ่งประคอง จึงลุกขึ้นยืนได้ง่ายกว่าที่คิด

“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ” เขาถาม

“ไม่ค่ะ” ถิรมนตอบ รีบมองความเสียหายของชุดนี้ เกรงใจปภาวีเหลือเกินหากต้องเสียเงินค่าชุด ราคาก็ไม่ได้ถูกๆ จากที่เห็นเป็นผ้าลูกไม้อย่างดีนำเข้าจากต่างประเทศจึงรู้สึกเป็นกังวล

ผู้ชายคนที่ชนถิรมนถอยห่างออกไปเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยืนได้มั่นคงแล้ว “ผมขอโทษจริงๆ ครับ” เขาพูดและหันไปหาเจ้าของร้านที่กำลังรีบเดินเข้ามา

“ไปนั่งก่อนเถอะค่ะ” เสียงห้าวดัดเล็กของสาวประเภทสองดังอย่างเป็นห่วง สีหน้าเป็นห่วงเป็นห่วงใย หล่อนเป็นเจ้าของร้านที่นี่ ตัวจริงนั้นสวยกว่าผู้หญิงแท้ๆ น่าเสียดายที่เสียงห้าวมากเกินไปหน่อย ไม่อย่างนั้นจะเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบเลยเชียวล่ะ

“ขอบคุณค่ะ ไม่เป็นไร” ถิรมนปฏิเสธและยิ้มให้เมื่อเจ้าของร้านเข้ามาช่วยประคอง

หญิงสาวเดินไปนั่งที่โซฟาด้วยตนเอง เมื่อนั่งลงเรียบร้อยและเป็นจังหวะหันมา จึงได้มีโอกาสพิจารณาคนที่ชนเธอ

เขาเป็นผู้ชายหน้าตาดีมากคนหนึ่งแต่ความพิถีพิถันเรื่องการแต่งกายช่าง...แตกต่าง ไม่น่ามองเหมือนหน้าตาสักเท่าไหร่ ชุดสูทไม่เรียบร้อยเพราะกระดุมสูทไม่ได้กลัด กระดุมคอเสื้อเชิ้ตก็ยังไม่ได้ติด ไม่มีเน็กไท ชายเสื้อหลุดออกมานอกกางเกง ผมชี้ฟูไม่เข้าทรง เขาคงมีเหตุบางอย่างให้เร่งรีบติดขัด จึงปล่อยให้ตัวเองมีสภาพเช่นนี้กระมัง

อดไม่ได้ที่จะคิดเปรียบเทียบกับปรมัตถ์ เพราะรายนั้นทุกครั้งที่เห็นมักแต่งตัวเนี้ยบ หรืออย่างน้อยเสื้อผ้าก็เรียบสนิท ไม่มีรอยยับให้เห็น จีบเป็นจีบกันเลยทีเดียว รองเท้าก็มันเป็นเงา แม้แต่เสื้อยืดกับกางเกงยีนวันนั้นที่เจอกันในคลับก็ยังดูดี ไม่มีสภาพยับยู่ยี่โดยเฉพาะทรงผม เรียกว่าทุกลุคของปรมัตถ์ต้องดีที่สุดสำหรับการแต่งตัวสไตล์นั้นๆ

“ผมขอโทษจริงๆ ครับ” เขามายืนอยู่ตรงหน้า ขยับเสื้อผ้าและลูบผมให้เรียบร้อยกว่าเดิมนิดหนึ่ง และยิ้มอย่างขอโทษ

ถิรมนยิ้มให้เล็กน้อย พยักหน้าว่าเข้าใจ “ไม่เป็นไรค่ะ” และไม่พูดอะไรต่อจากนั้น สายตามองหาปรมัตถ์ไปพลาง

“คุณปรมัตถ์เดินออกไปข้างนอกเมื่อครู่เองค่ะ คุณน้องต้องการอะไรมั้ยคะ” เจ้าของร้านถาม

“ไม่ค่ะ ขอบคุณ”

หล่อนพยักหน้าและยิ้มให้ถิรมนพองาม ก่อนจะหันไปหาชายหนุ่มคนนี้ที่ยืนอยู่คู่กัน เขาไม่พูดอะไรนอกจากส่งบัตรแข็งๆ ใบหนึ่งให้เจ้าของร้านไป คงไม่แคล้วว่าชำระค่าใช้จ่ายของชุดหรูไม่ชุดใดก็ชุดหนึ่ง

“คุณรุจรอสักครู่นะคะ” เจ้าของร้านบอกหลังจากรับบัตรใบนั้นไว้ในมือด้วยกิริยานอบน้อมไม่เสแสร้ง สัมผัสได้ถึงการให้เกียรติและเอาใจใส่ อีกทั้งยังให้ความเป็นส่วนตัวไปพร้อมกัน ซึ่งเป็นแบบนี้ตั้งแต่ถิรมนเข้ามา

“ผม...รุจิครับ เรียกรุจก็ได้ รุจิ กฤตอศล เกรย์” เขาแนะนำตัวเป็นทางการ เพราะมาทั้งชื่อต้น ชื่อกลาง และนามสกุล เขายื่นมือมา

ถิรมนลุกขึ้น ยืนได้มั่นคงจึงยื่นมือเชคแฮนด์ “ถิรมนค่ะ” ยิ้มและมองอย่างจริงใจ คิดไม่ผิดว่าหน้าตาของเขาออกสไตล์ลูกครึ่ง แล้วก็ใช่จริงๆ

ทว่าขณะที่เขย่ามือตามธรรมเนียมสากลเธอก็เผลออุทานออกมานิดหนึ่ง

“เป็นอะไรมั้ยครับ”

“ไม่ค่ะ ไม่มีอะไร” ปฏิเสธแล้วนั่งลง กุมข้อมือข้างขวาของตนเองที่ปวดแปลบกะทันหัน ก่อนนี้เจ็บบ้างแต่ไม่มากเท่าตอนเช็กแฮนด์ คงเพราะยันพื้นผิดจังหวะกระมัง แต่ก็พยายามไม่แสดงอาการอะไรออกไป

รุจินั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกันนี้ เว้นระยะห่างไว้พอประมาณ สีหน้าแววตาขอโทษ “ดูแล้วคุณน่าจะเจ็บพอควร ไปหาหมอไหมครับ คือ...ผมรีบ เลยไม่ทันมองว่าคุณเดินมาพอดี”

และถิรมนก็เห็นแบบนั้น เขารีบมากจนไม่มองอะไร คุยโทรศัพท์ไม่พอยังมองออกไปนอกร้านอีก เธอกำลังจะส่งเสียงเตือนให้ระวังก็ยังไม่ทันทั้งที่เห็นชัดๆ ว่าเขาเพิ่งก้าวเข้ามาในร้านได้ไม่เท่าไหร่เท่านั้นแต่กลับชนเธอกระเด็นล้มลงได้ ย่อมยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเร่งรีบมากขนาดไหน

รุจิหันไปหาพนักงานหญิงของร้านคนหนึ่งที่เดินเข้ามา หล่อนยื่นโทรศัพท์มือถือที่ตกพื้นเมื่อครู่คืน รุจิพยักหน้าเล็กน้อย “ขอบคุณครับ” รับมาใส่กระเป๋าอย่างไม่สนใจนัก มองถิรมนด้วยสีหน้าแววตาเป็นห่วงจากใจ “ไปหาหมอมั้ยครับ”

“ไม่ค่ะ ไม่ได้เจ็บมาก” พูดไปก็มองหาปรมัตถ์ไปด้วย

“คุณรุจคะ” เจ้าของร้านเรียก คืนบัตรใบนั้นให้ชายหนุ่ม

พนักงานอีกคนถือกล่องขนาดใหญ่ซึ่งคงบรรจุชุดราตรีเอาไว้ในนั้นกำลังเดินตามมา

“เอาขึ้นรถเลยครับ” รุจิกดรีโมทปลดล็อกประตูรถจากตรงนี้ทันที รับบัตรใบนั้นคืนและเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ เขาวางนามบัตรของตนเองไว้บนโซฟา เลื่อนมาไว้ตรงหน้าของถิรมนอย่างพองาม

“หากมีอะไรขอให้ติดต่อมานะครับ ผมต้องขอโทษอีกครั้งจริงๆ” พูดแล้วก็หันไปมองที่รถยนต์ของตนเอง

ถิรมนมองตาม ไม่นานนักพนักงานคนดังกล่าวก็วางกล่องไว้ด้านหลังคนขับ ปิดประตูให้เรียบร้อย กำลังเดินกลับ รถของรุจิขนาบข้างกับรถของปรมัตถ์ แต่เธอไม่เห็นปรมัตถ์เลย เขาไปไหนกันแน่นะ

“ห้องน้ำอยู่ทางไหนคะ” ถิรมนหันมาถามเจ้าของร้านที่ยืนอยู่ใกล้กันนี้

“ทางนั้นค่ะ” หล่อนผายมือออกไป

ไม่มีวี่แววของปรมัตถ์จริงๆ คงทำธุระแถวนี้กระมัง ถิรมนยิ้มให้เจ้าของร้าน “ขอบคุณค่ะ”

รุจิลุกขึ้น “ผมคงต้องไปแล้ว หวังว่าเราคงมีโอกาสได้พบกันอีกนะครับ”

ถิรมนยิ้มโดยไม่พูดอะไร แค่พยักหน้าให้เป็นการรับรู้ ปล่อยนามบัตรของเขาอยู่ที่เดิมแม้ว่าเจ้าของจะเดินพ้นประตูร้านไปแล้วเพราะเร่งรีบ แต่อวัจนะภาษาที่รุจิแสดงออกด้วยการให้นามบัตรย่อมมีนัย การเดินชนคู่กรณีซึ่งไม่ได้บาดเจ็บมากมายย่อมไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูลติดต่อ แค่ขอโทษก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอซึ่งไม่ได้คิดจะเรียกร้องอะไรจากเขา

ถิรมนมองรถของรุจิที่เคลื่อนตัวออกไป มองหาปรมัตถ์ไปพลาง แต่ไม่เห็นแม้เงา จึงก้มมองข้อมือของตนเองที่เจ็บหนึบและปวดแปลบสลับกัน คงไม่ดีถ้าปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ อาการเหมือนจะเจ็บมากขึ้นทุกที จึงตัดสินใจลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาเป็นชุดทำงานที่ใส่มา เลิกสนใจว่าปรมัตถ์จะไปที่ไหนหรือทำอะไร เพราะอาจลำบากถ้าทิ้งช่วงไว้นานและทำให้เปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ถนัดนัก

“เดี๋ยวพี่ทายาให้นะคะ คุณน้องดูจะเจ็บไม่น้อยเลยค่ะ” เจ้าของร้านเอ่ยอย่างห่วงใยเมื่อถิรมนกลับออกมาอีกครั้งในชุดเดิมที่ใส่มาตอนแรก ในมือของหล่อนมีหลอดยาคลายกล้ามเนื้ออยู่ด้วย

“ไม่เป็นไรค่ะพี่ ขอบคุณค่ะ” ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงขอบคุณที่หล่อนช่วยดูแล

เจ้าของร้านไม่พูดอะไร ส่งยาหลอดนั้นให้พนักงานเอาไปเก็บ เลื่อนนิตยสารเกี่ยวกับเสื้อผ้าไว้ใกล้ๆ เธอ

ถิรมนยิ้มขอบคุณ เจ้าของร้านขยับมานั่งใกล้ๆ ชวนพูดคุยเป็นเพื่อนระหว่างรอปรมัตถ์กลับมา

ไม่นานนัก...

“ทำไมเปลี่ยนมาเป็นชุดนี้ล่ะน้องเลิฟ” เสียงเขาติดหอบ นั่งลงชิดติดกับเธอ

ถิรมนหันหลังไปมอง ประมาณสามสิบนาทีที่เขาหายไปนับจากที่บอกเธอขณะอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อ

“พี่ออกไปพบลูกค้าที่ร้านกาแฟตรงนั้น” เขาพาดแขนข้างหนึ่งไว้ทางด้านหลังในลักษณะโอบ หายใจแรงจนรู้สึกได้ว่าเหนื่อย

เขาวิ่งมาจริงๆ หรือนี่

ถิรมนหันไปมองตามทิศทางที่มือของปรมัตถ์ชี้ก่อนนี้ และเห็นร้านกาแฟตรงนั้นจริงๆ

“ลองชุดต่อสิ นี่พี่รีบเคลียร์งานเร็วที่สุดเลยนะ จะได้กลับมาดู กำลังเพลินเชียว”

“ไม่แล้วค่ะ”

“งอนพี่เหรอ” เขาทำหน้าไม่เข้าใจ ขยับนั่งหลังตรง ส่งยิ้มมหาเสน่ห์ให้มา ยื่นหน้าเข้ามาใกล้

ถิรมนไม่ตอบ แต่หันไปมองเจ้าของร้านที่นั่งอยู่ไม่ห่างกัน จากสายตาคนภายนอกคงมองว่ากริยาท่าทางที่ปรมัตถ์ที่แสดงออกคือกำลังง้อภรรยาเป็นแน่แท้ เพราะเขาแนะนำเธอเช่นนั้นกับเจ้าของร้าน

“คุณน้องเจ็บข้อมือน่ะค่ะ” เจ้าของร้านยิ้มให้เล็กน้อย หล่อนดูสนิทสนมคุ้นเคยกับปรมัตถ์ระดับหนึ่ง

ปรมัตถ์มองมือถิรมนทันที “ไปทำอะไรมา” เสียงเข้มขึ้นทันทีทันใด แตะแขนขวาของถิรมนอย่างระมัดระวัง ไม่จับหมุนหรือทำอะไรรุนแรง “ทำไมข้อมือบวมขนาดนี้” และมองอย่างคาดคั้น

ถิรมนไม่ทันสังเกตอาการบวมแดงที่เกิดขึ้น ก่อนนี้ยังไม่มีอะไร แค่รู้สึกเจ็บแปลบไม่หยุด อาจเป็นเพราะถอดชุดและเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าเมื่อครู่จึงทำให้อักเสบมากกว่าเดิมจากการเคลื่อนไหวก็เป็นได้

“ล้มน่ะค่ะ ไม่ได้เจ็บอะไรมาก พี่มัตถ์เคลียร์งานเรียบร้อยแล้วเหรอคะ” เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน

ปรมัตถ์ไม่ตอบ เขาหันไปหาเจ้าของร้านพร้อมกับเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อเชิ้ตตัวในรวดเร็ว ส่งกระดาษที่พับไว้ติดมาในมือให้เจ้าของร้านทันที “ตัดชุดตามที่ผมเขียนรายการในนี้นะครับคุณพริซซี่” และหันมองถิรมน “เซ็งไปเลย...อดซะ” พึมพำคนเดียวแต่ก็มากพอจะได้ยินกันถ้วนหน้า อาการนั้นเหมือนเด็กถูกขัดใจ “กลับบ้านเถอะ” เขาลุกขึ้น

ถิรมนอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อยกับอาการนี้ของปรมัตถ์ เขากล้าทำหน้าตาแบบนั้นไปได้อย่างไรกันนะ ทำแก้มป่องน้อยๆ แบบไม่สนใจใคร แววตาเห็นชัดว่าออดอ้อนมากขนาดไหน แม้ไม่ได้แสดงอาการหวือหวา แต่ทุกอย่างที่เห็นทำให้ทุกคนในที่นี้อมยิ้มไปตามๆ กัน

“ไปกันเถอะ” ปรมัตถ์ประคองถิรมนให้ยืนคู่กัน หันไปหาเจ้าของร้าน “เรียบร้อยแล้วช่วยโทรบอกด้วยนะครับ ขอหนึ่งชุดก่อนวันพฤหัสที่จะถึงนี้ ต้องไปงาน”

“ได้ค่ะ เดี๋ยวพริซซี่จะเร่งงานให้อย่างด่วนเลย”

ปรมัตถ์ไม่พูดอะไร เขาแค่ยิ้มและพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการรับรู้ หันมาพูดกับถิรมน “ไปหาหมอแล้วกลับบ้านเลยดีกว่า ไม่ต้องไปดูงานแล้ว เย็นมากแล้วด้วย เดี๋ยวพี่โทรบอกพี่มุกเอง” พูดจบก็พาถิรมนเดินไปด้วยกัน

หญิงสาวเกร็งตัวนิดหนึ่งเพราะปรมัตถ์โอบไหล่ไม่ยอมปล่อยมือ “น้องเลิฟเดินเองได้ค่ะ” หวังว่าปรมัตถ์จะทำตาม

แต่ความเป็นจริงคือไม่... เขาไม่ปล่อย แถมยังบอกด้วยอาการกระซิบตอบว่า...

“อุ้มได้พี่จะอุ้มไปแล้ว นี่เกรงใจคนอื่นนะ เลยแค่ประคอง”

ถิรมนรีบหันไปมองด้านหลัง เจ้าของร้านกับพนักงานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กันก่อนจะยิ้มให้เธอจนกลายเป็นว่าต้องยิ้มตอบไปเสียอีก ได้แค่เหลือบมองปรมัตถ์เมื่อหันกลับมา สีหน้าของเขาบอกชัดเจนว่าเธอจะขัดขืนก็ได้...เขาไม่ว่าอะไร แต่หลังจากนั้นคืออุ้มแน่นอนถ้ายังดื้อดึง

- * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * -

ถิรมนยังอยู่กับปรมัตถ์ในเวลาหนึ่งทุ่มกว่าๆ ที่โรงพยาบาล อาการเจ็บและบวมที่ข้อมือก่อนนั้นไม่ใช่แค่กล้ามเนื้ออักเสบอย่างที่คิดในตอนแรก แต่เป็นเพราะกระดูกข้อมือของเธอร้าว ต้องเข้าเฝือกอ่อนสองวัน จากนั้นวันที่ห้าจึงเปลี่ยนเป็นเฝือกแข็งพลาสติก และอีกสองสัปดาห์คุณหมอให้กลับมาเอ็กซ์เรย์ใหม่

ไม่คิดว่าการล้มโดยใช้มือค้ำจะทำให้เจ็บตัวได้มากถึงเพียงนี้ เดิมทีคิดว่าแค่อาการบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ ไม่น่าจะมีอะไร ทิ้งไว้สามหรือสี่วันก็คงหายดี

“ขอบคุณพี่มัตถ์มากๆ นะคะ” เอ่ยขณะนั่งรอรับยา ยิ้มให้ปรมัตถ์เมื่อเขาหันมามอง ยิ้มให้เธอเล็กน้อย

นั่นก็เพราะหากปรมัตถ์ไม่บังคับหรือพามาทั้งที่ถูกเธอทัดทานและปฏิเสธ เห็นทีว่าต้องทนเจ็บไปนานกว่านี้เป็นแน่ ไม่ได้หายเร็วอย่างที่คิดเอาไว้ตามผลการตรวจที่ได้รู้

คุณหมอบอกว่าโชคดีที่เธอมาโรงพยาบาลทันที อาการนั้นไม่หนักมากนัก แต่ถ้าทิ้งไว้... ก็อาจเรื้อรังหรืออาการหนักขึ้นกว่าเดิมเพราะไม่ได้รับการรักษาและดูแลอย่างถูกต้อง เป็นเรื่องดีที่เข้ามารับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่รักษาด้วยการคิดเอาเอง

ความรู้เพิ่มเติมที่ได้มาครั้งนี้คือเมื่อไหร่ที่ล้มควรบิดตัวเบี่ยงเอาด้านกว้างของไหล่และหลังลงสัมผัสพื้น ให้ส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อและส่วนกว้างของไหล่เป็นช่วงสัมผัส สังเกตได้จากการล้มตัวของผู้รักษาประตูทีมฟุตบอลของคนทั่วโลกหรือซอกเกอร์ในคำเรียกของคนอเมริกัน ซึ่งการล้มในลักษณะนั้นจะเป็นการเซฟร่างกายให้ได้ปลอดภัยมากกว่าการล้มท่าอื่น ส่วนการใช้มือค้ำยันอันตรายมาก เสี่ยงกระดูกแตกหรือหัก ไม่ว่าจะเป็นกระดูกแขน กระดูกข้อมือ กระดูกมือ และกระดูกนิ้ว

ทว่าเหตุการณ์ตอนนั้นสำหรับเธอเกิดขึ้นค่อนข้างรวดเร็ว ไม่ทันตั้งตัว จึงเผลอเอามือค้ำเพราะสัญชาตญาณ ไม่ทันคิดว่าเป็นอันตราย หรือควรล้มท่าไหนจึงจะปลอดภัยที่สุด แม้ความจริงเรื่องนี้ก็เคยมีสอนที่โรงเรียน แต่ในเวลาฉุกเฉินกลับลืมไปเสียได้ คิดแล้วก็น่าตีตัวเองนัก แต่นับจากนี้เธอจะระมัดระวังให้มากขึ้นและตั้งสติให้ดี

“ขอบคุณพี่ก็มองหน้าพี่สิ นั่งเหม่อคิดถึงพี่ทำไมในเมื่อพี่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว”

สติเริ่มกระเจิดกระเจิงอีกครั้งก็เพราะคำพูดของปรมัตถ์นี่แหละ เขายื่นหน้าเข้ามา ส่งยิ้มละลายใจให้เธอหมดแรงอยู่ตรงนี้

ถิรมนรู้สึกว่ายากจะต้านทานความรู้สึกตัวเองที่ให้ความคุ้นเคยกับปรมัตถ์อย่างรวดเร็วกว่าที่คิด ประกายบางอย่างในแววตาของเขา ความขำขันและความสดใส อาการนั่งไขว่ห้างและแกว่งเท้าเล็กน้อยอย่างสบายใจ เป็นกริยาที่ไม่เหมือนก่อน ให้ความเป็นกันเอง และแน่นอนว่าไม่ทำให้เธอเกร็ง สนิทสนมมากขึ้นในความรู้สึก

“คิดเรื่อยเปื่อย แต่ไม่ได้คิดถึงค่ะ”

“เฮ้อ... เราก็นึกว่าจะทำคะแนนได้ เซ็งหนักเลยทีนี้”

ถิรมนก็ยิ้ม “ขอบคุณนะคะ”

“ดูแลเมียตัวเองจะเป็นไรไปเล่า” ว่าแล้วก็ยิ้มให้

แต่ในสายตาของถิรมน... รอยยิ้มของเขาช่างดูเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ สีหน้า ท่าทาง และแววตาของปรมัตถ์มีความหมายแอบแฝงซึ่งไม่พ้นเรื่องที่ทำให้เธอหน้าแดงไปได้

เขากุมมือข้างไม่เจ็บของถิรมนเอาไว้ “พี่ดีใจที่อย่างน้อยเธอก็ไม่งี่เง่าหรือดื้อกับพี่มากนักนะ”

เกือบงอนที่เจอคำพูดว่างี่เง่า

“ขอจูบทีได้ไหม... คิดถึงจะแย่” เอ่ยดั่งว่าจะกระซิบ

แต่นั่นไม่เข้ากันเลยกับสถานการณ์นี้ เขาทำให้เธอรู้สึกแปรปรวนเหลือเกิน หน้าแดงแบบไม่ทันตั้งตัวสักนิด รีบแลซ้ายแลขวาทันใด แอบโล่งใจที่แถวนี้ไม่มีใครนั่งอยู่ ไม่อย่างนั้นคงมองตาค้างเป็นแถว

“คุณถิรมน ปรมัตถ์ไอศูรย์ รับยาค่ะ” เสียงจากเจ้าหน้าที่ดังมา

ปรมัตถ์ถอยห่างออกไป ถิรมนแอบถอนหายใจที่การจ้องมองเธอประหนึ่งหวังให้หลอมละลายได้จบลง

ถิรมนลุกขึ้น ตามหลังปรมัตถ์ ตรงไปยังเคาน์เตอร์ เขาสอบถามว่ายาตัวไหนเป็นอะไร เพื่ออะไร ควรทำอย่างไรทั้งก่อนและหลังการกินยา ซึ่งกลายเป็นว่าถิรมนทำได้แค่รับฟัง มองเขาสลับกับเจ้าหน้าที่ที่คุยกันโดยไม่ต้องทำอะไร

ปรมัตถ์รับถุงยามาไว้ถือเองหลังจากชำระเงินเรียบร้อยแล้ว แกว่งถุงเล็กน้อยขณะเดินออกมาด้วยกัน มือข้างหนึ่งของเขานั้นซุกไว้ในกระเป๋ากางเกง กริยาอาการที่เห็นดูเป็นธรรมชาติ น่ามองอย่างไม่รู้เบื่อ จนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อย

เขามองเธอเหมือนจะถามว่ามีอะไรแปลกประหลาดอย่างนั้นหรือและก้มมองตัวเองด้วยความสงสัย

แต่เธอจะบอกได้อย่างไร ว่าไม่ได้มองอะไรที่แปลกประหลาดสักนิด แต่กำลังมองผู้ชายน่ารักคนหนึ่ง เขาอยู่ในชุดสูทราคาแพง ดูดีทุกกระเบียดนิ้วตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ท่าทางของเขาสบายๆ เป็นผู้ชายที่ดูเข้มแข็งแต่ก็อบอุ่นน่าค้นหา เป็นผู้ใหญ่แต่บางมุมมีความร่าเริงเหมือนเด็ก ใบหน้าหล่อเหลาอมยิ้มน้อยๆ ขณะเดินเคียงกันยิ่งดูอบอุ่น เสน่ห์ของเพศบุรุษกระจายล้อมรอบตัว ยิ่งดวงตาของเขานั้นคมกริบดึงดูใจ มีเสน่ห์เย้ายวนให้เข้าใกล้อย่างร้ายกาจ ทุกอย่างที่เป็นปรมัตถ์ช่างผสมผสานลงตัว มองได้ไม่รู้เบื่อ

“อย่ามองพี่แบบนี้... พี่ใจสั่นรู้ไหม” เขาเอียงหน้าก้มกระซิบโดยไม่ได้หยุดเดิน

ถิรมนเงยหน้ามองปรมัตถ์ ตาสบตา และนั่นทำให้หน้าร้อนเฉียบพลัน ความวูบวาบแผ่ซ่านพล่านวนไม่หยุดเมื่อเห็นรอยยิ้มสวยงามของเขา

แล้วหัวใจอุ่นวาบขึ้นมาทันใด แววตาของปรมัตถ์ที่เธอเห็นช่างอ่อนโยน ไม่มีความไม่จาบจ้วงให้สัมผัสถึง มีแต่ความอบอุ่นมอบให้ ถิรมนหันหน้าออกไป มองเส้นทางและอมยิ้มกับตัวเอง ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบคลุม และเดินไปเรื่อยๆ

มือของปรมัตถ์ที่เคยซุกกระเป๋ากางเกงก่อนนั้นเปลี่ยนมาโอบไหล่ของถิรมนขณะเดินเคียงคู่ไปที่รถ ความสุขลึกๆ เกิดขึ้นในส่วนลึกจนต่างฝ่ายต่างยิ้มออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

- * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * -



สุชาคริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ก.ย. 2557, 03:33:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ก.ย. 2557, 03:43:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1625





<< บทที่ 8 (1/2)   บทที่ 9 (100%) >>
Pat 1 ก.ย. 2557, 06:53:44 น.
ทำคะแนนตลอดเวลาเลยนะพี่มัตถ์


ใบบัวน่ารัก 1 ก.ย. 2557, 07:28:12 น.
เจ็บตัวน้องเลิฟก็อ้อนๆพี่เค้าบ้างนะ คิริๆๆ


แว่นใส 1 ก.ย. 2557, 08:48:45 น.
จะสมหวังกันเมื่อไหร่เนี่ย


pseudolife 1 ก.ย. 2557, 09:48:09 น.
โอยยย พี่มัตถ์น่ารักจังเลย


คิมหันตุ์ 1 ก.ย. 2557, 10:39:49 น.
รอวิธีจีบเมียของพี่มัตถ์ต่อจ้า


แล่นแต๊ 2 ก.ย. 2557, 00:38:38 น.
เป็นผู้ชายที่มั่นใจในตัวเองอย่างร้ายกาจ "...นั่งเหม่อคิดถึงพี่ทำไม ในเมื่อพี่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว" โอ๊ยยยยยเขิน


นักอ่านเหนียวหนึบ 2 ก.ย. 2557, 12:30:42 น.
โอ๊ยยยน้องเลิฟ ยอมๆ ไปเถ๊อออออ เค้าอะ ยอมนานแล้ววว 5555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account