...คาสบลังก้า...ดารัลฟาเดล...(จบแล้วค่ะ)
สืบเนื่องมาจากเรื่อง "อะรูซะตี...เจ้าสาวของผม"
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของลูกสาวสุดหวงของหมอดานีส
กับนาดา โดยเรื่องราวของคุณพ่อเมื่ิอครั้งก่อนนั้น
จะเป็นแนา "แต่งก่อนจีบ"
แต่สำหรับรุ่นลูกแล้ว จะเป็นแนว "จีบก่อนแต่ง"
ต้องมาคอยดูกันค่ะว่า จะจีบกันอย่างไร แล้วคุณหมอดานีส
ที่ต้องมารับบทบาทเป็นพ่อของลูกทั้งเจ็ดจะตกอยู่ในสภาพเช่นไร..
แล้วนาดาจะเป็นแม่แบบไหน...
เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของเมือง
"คาสบลังก้า" หรือ "อัดดารัลบัยฎออ์"
ซึ่งแปลว่า..."บ้านสีขาว"
ดินแดนในฝันดั่งต้องมนต์เสน่หาแห่งโมร็อกโก...
กับดินแดนอันแสนอบอุ่นด้วยไอรักแห่งแดนอาทิตย์อุทัย...
พบกับเขาและเธอ...
...ดารัล...ฟาเดล...
หญิงสาวที่หัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความรักความอบอุ่น
จากครอบครัวอันแสนสุขและน่ารัก...
ชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่เคยต้องการสิ่งใดอีกแล้ว
เพราะเธอพอใจทุกอย่างที่มีมาตลอด
จนเมื่อเจอกับเขา...ที่นั่น "คาสบลังก้า"
เขาทำให้เธอไม่อาจลบลืมมนต์เสน่หาของที่นั่นได้เลย
ไม่ว่าจะยามหลับหรือตื่น...
กับ
ชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยรูปเปลือกที่สวยงามสมบูรณ์
หากภายในใจนั้นยังคงโหยหาไออุ่นแห่งรักจากใครสักคน
มาเติมเต็มหัวใจกำพร้าของเขา...
แล้วเธอคือผู้ที่เขาค้นพบว่ามีทุกอย่างที่เขากำลังต้องการอยู่
ดังนั้น...ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาก็จะปล่อยเธอ
ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของลูกสาวสุดหวงของหมอดานีส
กับนาดา โดยเรื่องราวของคุณพ่อเมื่ิอครั้งก่อนนั้น
จะเป็นแนา "แต่งก่อนจีบ"
แต่สำหรับรุ่นลูกแล้ว จะเป็นแนว "จีบก่อนแต่ง"
ต้องมาคอยดูกันค่ะว่า จะจีบกันอย่างไร แล้วคุณหมอดานีส
ที่ต้องมารับบทบาทเป็นพ่อของลูกทั้งเจ็ดจะตกอยู่ในสภาพเช่นไร..
แล้วนาดาจะเป็นแม่แบบไหน...
เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของเมือง
"คาสบลังก้า" หรือ "อัดดารัลบัยฎออ์"
ซึ่งแปลว่า..."บ้านสีขาว"
ดินแดนในฝันดั่งต้องมนต์เสน่หาแห่งโมร็อกโก...
กับดินแดนอันแสนอบอุ่นด้วยไอรักแห่งแดนอาทิตย์อุทัย...
พบกับเขาและเธอ...
...ดารัล...ฟาเดล...
หญิงสาวที่หัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความรักความอบอุ่น
จากครอบครัวอันแสนสุขและน่ารัก...
ชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่เคยต้องการสิ่งใดอีกแล้ว
เพราะเธอพอใจทุกอย่างที่มีมาตลอด
จนเมื่อเจอกับเขา...ที่นั่น "คาสบลังก้า"
เขาทำให้เธอไม่อาจลบลืมมนต์เสน่หาของที่นั่นได้เลย
ไม่ว่าจะยามหลับหรือตื่น...
กับ
ชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยรูปเปลือกที่สวยงามสมบูรณ์
หากภายในใจนั้นยังคงโหยหาไออุ่นแห่งรักจากใครสักคน
มาเติมเต็มหัวใจกำพร้าของเขา...
แล้วเธอคือผู้ที่เขาค้นพบว่ามีทุกอย่างที่เขากำลังต้องการอยู่
ดังนั้น...ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาก็จะปล่อยเธอ
ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!
Tags: หวานซึ้งโรแมนติก ดราม่า โมร็อกโก คาสบลังก้า ทะเลทรายซาฮาร่า ดารัล ฟาเดล โสภณพสุธ
ตอน: บทที่ 2 ที่เห็นว่าสงบไม่ได้แปลว่ายอมสยบนะ
แล้วทั้งสามก็หยุดนั่งอยู่ตรงม้านั่งในสวนของบ้าน…
เสียงนกร้องและบรรยากาศดีๆทำให้ฟาเดลถึงกับสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด
“ที่นี่สวยและเป็นธรรมชาติดีนะครับ…”ชายหนุ่มเปรย
อะมานีที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองจึงระบายยิ้มออกมา
“ชอบเหรอ…”
“ครับ…”
“แต่ย่าคิดว่า…ย่าอยากปรับปรุงสวนนี้เพิ่มเติม…”ชายหนุ่มตั้งใจฟัง
แล้วอดนึกไปถึงดวงหน้าของอีกคนไม่ได้…ไม่รู้ว่าตอนนี้หน้าตาเธอ
ดวงตาดุๆของเธอจะเป็นยังไงที่โดนจับให้มานั่งคุยกันกับเขาแบบนี้
“ย่าอยากได้ไม้ไทยมาประดับเพิ่มเติม…คิดถึงเมืองไทยน่ะ…
แต่จะกลับไปบ่อยๆเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่ได้แล้ว สังขารณ์มันไม่เอื้ออำนวย…”
อะมานีเริ่มเล่าเท้าความ
“แล้วน้องรัลน่ะเขารู้จักไม้ไทยเยอะมาก โดยเฉพาะสมุนไพรไทย
เขารู้จักแทบเกือบทุกชนิด เพราะเขาเคยไปขลุกอยู่กับฟาร์มสมุนไพร
ที่เมืองไทยกับพ่อเขาตั้งแต่ยังเล็กๆ แล้วพอโตขึ้นก็ไปศึกษาเรื่องสมุนไพรไทย
เพิ่มเติมที่นั่นอีก…ย่าเลยอยากให้ท้ังสองช่วยกันตกแต่งสวนนี้ด้วยกัน
เพราะฟาเดลมีความสามารถเรื่องจัดสวน ส่วนน้องรัล
ก็เก่งเรื่องพันธุ์ไม้ไทย…น่าจะช่วยย่าจัดสวนได้…เข้าใจอิมเมจของย่าใช่มั้ย…”
อะมานีหันไปมองทั้งสองพร้อมรอยยิ้มเอื้อเอ็นดู…
“เข้าใจครับ/เข้าใจค่ะ…”ทั้งสองกล่าวออกมาพร้อมกัน
“แล้วย่าว่าตรงนั้น…ย่าจะทำที่เพาะพันธุ์กล้วยไม้หลากหลายชนิด…”
อะมานีชี้ไปยังสถานที่ที่เธอหมายมั่นปั้นมืออยากทำสวนกล้วยไม้
“คุณย่านึกยังไงถึงอยากทำสวนกล้วยไม้ล่ะคะ…”อะมานีหันมายิ้ม
ให้หลานสาวแล้วตอบว่า
“เมื่อตอนสาวๆย่าเคยอยากทำสวนกล้วยไม้ แต่ไม่มีเวลาดูแลต้นกล้วยไม้
ที่ปู่ของเราเขาขยันซื้อหามาเป็นแม่สื่อตอนเข้ามาจีบ เพราะพ่อของย่าน่ะดุเป็นที่สุด
ถ้าไม่เข้าตามตรอกออกทางประตูล่ะเป็นได้โดนลูกซองแน่...
เพราะนั่นน่ะนักแม่นปืนทีมชาติเลยนะ...
แล้วตอนนั้นมันหมั่นไส้เขาด้วยแหล่ะ ก็เลยแสร้างทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็ไม่ยอม
ให้ใครแตะต้องมันด้วยนะ...เพราะหวงน่ะ...มันก็เลยค่อยๆตายไปทีละต้น…
กว่าจะรู้ตัวมันก็เป็นโรคจนระบาดไปทั่วสวน เกินเยียวยา
ย่าเสียใจ ปู่ของเราเขาก็น้อยใจย่าว่าไม่ดูแลแม่สื่อให้เขา...
ย่าก็เลยเลิกปลูกกล้วยไม้มาตั้งแต่บัดนั้น…
ตอนนี้มีเวลาเหลือเฟือก็เลยอยากกลับมาทำน่ะ…สงสัยคงคิดถึงปู่เขาด้วยมั้ง...”
ดารัลยิ้มบาง พยายามจินตนาการภาพสวนกล้วยไม้ที่คุณย่่าหมายมั่นปั้นมือ
อยากให้เกิดขึ้นไปพลางก็นึกถึงภาพคุณปู่กำลังถือต้นกล้วยไม้เข้ามาจีบคุณย่า
แล้วภาพคุณตาทวดที่ถือปืนด้ามยาวส่องหน้าคุณปู่ไปด้วย
อยู่ๆรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่...
เธอว่า คนสมัยก่อนเขาจีบกันน่ารักดี...ความเสียหายก็เลยเกิดขึ้นน้อยลง
“เห็นคุณย่าเคยบอกว่าน้องรัลเองก็ชอบดอกกล้วยไม้…”
ฟาเดลเอ่ยขัดขึ้นทำเอาดารัลถึงกับเลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจ…
“ใช่มั้ยครับ…”ชายหนุ่มตั้งใจถามอีกคนที่ไม่ค่อยเจรจาพาที
“ค่ะ…”ดารัลตอบสั้นๆ จึงตกเป็นภาระที่อะมานีต้องอธิบายเสริม
“ชอบกล้วยไม้ แต่เลี้ยงกล้วยไม้ไม่รอด…ปลูกต้นไม้ไม่ได้
ปลูกต้นใดต้นนั้นตาย…โบราณเขาว่าเป็นคนมือร้อน…”
ฟาเดลถึงกับอมยิ้มที่ได้ยินคำตอบเช่นนั้น…
“ย่าจึงต้องหาคนมาช่วยเลี้ยงดูไง…เห็นชอบปลูกต้นไม้ดูแลต้นไม้เก่งไม่ใช่เหรอเรา…”
อะมานีหันไปขอคำยืนยันจากฟาเดล อีกฝ่ายพยักหน้ารับ
"อยู่กับต้นไม้แล้วสบายใจดีครับ ผมไม่มีพี่น้อง ก็เลยไม่รู้จะทำอะไรเวลาอยู่กับบ้าน
พอจะออกไปข้างนอกก็ไม่ค่อยชอบความวุ่นวายอีก แรกๆก็เริ่มจากการช่วยคุณปู่
เพาะพันธุ์ต้นกล้า พอเห็นมันค่อยๆโผล่พ้นมาจากดินตอนนั้นตื่นเต้นมาก
ผมยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี ว่ารู้สึกดีใจและตื่นเต้นแค่ไหน...
ต่อจากนั้น...ผมกับคุณปู่ก็เลยชอบจะขลุกอยู่แต่ในสวนน่ะครับ...
เวลาเครียดๆกับงานหรือเจอความวุ่นวายภายนอกมารบกวนจิตใจ
ต้นไม้ก็ช่วยเราผ่อนคลายได้เยอะทีเดียวครับ"
ฟาเดลอธิบายเป็นฉากๆ ทำเอาอีกคนที่นั่งฟังเงียบๆถึงกับยิ้มที่มุมปาก...
"ดีแล้วล่ะ...ต่อไปจะได้หัดเพาะพันธุ์ต้นรักด้วย...ขึ้นง่ายแต่ตายเร็วนะ
เจ้าต้นนี้น่ะ...เวลาเห็นมันออกดอกนะ แสนจะตื่นตาตื่นใจ สีสันของมัน
ชวนให้เพลิดเพลิน...แต่พอมันเหี่ยวลงสิ...เราจะทำอย่างไร..."อะมานีเอ่ยถึง
ธรรมชาติโดยสอดแทรกสัจธรรมของชีวิตเข้าไปด้วย...
"ถ้าเราเพาะรักเป็น...รู้จักดูแล เอาใจใส่ ตั้งใจศึกษาเกี่ยวกับมัน
ให้น้ำให้ปุ๋ยที่เหมาะสมสำหรับมัน...มันก็ไม่จากเราไปก่อนเวลาอันควรหรอก...
บางต้นนะ ออกดอกไม่ทันไรก็เหี่ยวเฉาตายซะแล้ว...
นั่นเพราะคนปลูกไม่ได้ให้ความใส่ใจถึงความต้องการที่แท้จริงของมัน...
เหมือนกล้วยไม้ของย่าไง..."ฟาเดลได้ฟังถึงกับนิ่ง...
ดารัลเองก็เช่นกัน...
"องค์ประกอบของการสร้างครอบครัว ไม่ได้มีแค่ความรักเท่านั้น...
มันมีมากกว่านั้นอีกหลายเท่าเชียวล่ะ...อย่างน้อยก็ต้องรู้จักให้อภัย
อดทน...และยอมรับซึ่งกันและกัน รู้จักปรับเปลี่ยน
เพราะคนๆนึงเกิดมาต่างที่ต่างวัฒนธรรม การดูแลก็แตกต่างกันเพราะว่าเติบโต
มาคนละแบบ...ความคิดอ่านก็ต่างกัน
พอมาอยู่ด้วยกัน มานอนด้วยกันในห้องเดียวกัน มาใช้ชีวิตร่วมกัน
มันก็ต้องมีการปรับความเข้าใจ ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตด้วยการพูดคุยเปิดอกกัน...
พยายามที่จะหาหนทางที่จะทำให้คนสองคนอยู่ด้วยกัน แล้วหลอมรวม
เป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้...หากทำได้ เราก็จะอยู่ด้วยกันนานๆ...
ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งผูกพัน...ความผูกพันนั่นแหล่ะที่จะเป็นสายใยคอยเกี่ยวรักของเราเอาไว้...
ไม่ให้เปราะบางหรือแตกหักลงง่ายๆ...
คนที่รักกันจึงต้องหมั่นสร้างความผูกพันในด้านดีๆด้วยกันให้มากๆ...
ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันให้มากๆ...อย่าทอดทิ้งอีกฝ่ายเมื่อเขามีความทุกข์ยากลำบาก...
ถึงแม้ที่สุดแล้วจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตราบฟ้าดินสลาย...
แต่อย่างน้อยความรักและความผูกพันนั้นก็จะได้อยู่กับเราไปจนลมหายใจสุดท้าย...
เป็นดั่งน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจเราอยู่ตลอดเวลา..."
อะมานีวางมือทั้งสองลงบนหลังมือของสองหนุ่มสาวที่เธอหมายมั่นปั้นมือ
อยากให้ร่วมเรียงเคียงหมอนกัน...เธอเพียงแค่รู้สึกว่า สองคนนี้มีอะไรที่แตกต่างกัน
อย่างมากมายก็จริง แต่ในความต่างนั้นจะสามารถเติมเต็มกันและกันได้ในที่สุด
ขอแค่ให้ทั้งสองได้รู้จักกันรักและผูกพันกัน...
“แล้วเรื่องสวนที่บริษัทล่ะ…ไปถึงไหนแล้ว…”อะมานีหันมาถามเรื่องงานแทน
เมื่อเห็นทั้งสองดูเงียบๆไป...
“กำลังเอาต้นไม้มาลงครับ…ส่วนเรื่องศาลากลางสวนกับอาคารที่จะสร้างใหม่นั้น…
แบบที่ผมให้ดู หากคุณย่าไม่ติดขัดหรืออยากให้แก้อะไรเพิ่มเติม
ผมก็สามารถเริ่มสร้างได้เลยครับ…ตอนนี้ติดต่อบริษัทรับเหมาเอาไว้เรียบร้อยแล้วครับ…”
ชายหนุ่มเริ่มคุยอย่างเอางานเอาการ
“ย่าดูไม่ไหวหรอก…หูตาไม่ค่อยดีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว…
เอาไว้ให้น้องรัลเขาเป็นคนดูให้ก็แล้วกัน…
ส่วนย่าจะนั่งเป็นที่ปรึกษาให้…”ดารัลถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ…
เพราะรู้ดีว่านี่คือแผนการของผู้เป็นย่าที่ต้องการจับเธอคลุมถุงชน
“ว่าไงน้องรัล…”อะมานีหันมาถามความเห็นหลานสาวคนโต
“น้องรัลจะว่าไงได้ล่ะคะคุณย่า…”หญิงสาวก้มหน้ายอมรับชะตากรรม
ทำเอาฟาเดลถึงกับอมยิ้ม…
“งั้นเดี๋ยวก็พาพี่เขาไปดูงานที่บริษัทด้วยกันซะเลยก็แล้วกัน…
ย่าจะให้แม่เราไปเป็นเพื่อนด้วย…นั่งกันไปสองต่อสองเห็นจะไม่เหมาะสม…
ส่วนย่ามีนัดกับยายเราแล้ว ตามประสาคนแก่น่ะ...”
อะมานีที่หวังอยากให้ตั้งสองได้รู้จักกันมากขึ้น
แต่ก็อยากให้ตั้งอยู่บนความเหมาะสม จึงจัดให้ทั้งสอง
เดินทางไปบริษัทด้วยกันโดยมีนาดาเป็นคนกลาง…
“แต่คุณย่าคะ…”ดารัลทำท่าจะขัด ทว่าอะมานีรู้ทัน
“ไปด้วยกันจะได้ประหยัดช่วยลดพลังงานไง…พี่เขาก็ต้องไปดูสวนให้เราอยู่แล้วนี่”
แล้ววันหยุดที่แสนสุขของดารัลก็ถูกใครบางคนรบกวนทั้งวัน
ด้วยการคอยติดตามเธอไปทุกหนทุกแห่ง…โดยมีมารดาของเธอเป็นคนกลางคอยสนับสนุน…
วันนี้ก็เลยมีเขาช่วยถือข้าวปลาอาหารสดเพื่อใช้ประกอบอาหารเย็นให้ด้วย…
ซ้ำยังออกปากว่าจะช่วยเข้าครัวเป็นลูกมือให้…เพราะไม่อยากคอยแต่จะกินฟรี
คอยดูนะ…จะใช้ให้ล้างจานซะให้เข็ด!
“วันนี้จาลัลกับพี่ๆเขาไม่อยู่ ขอไปเที่ยวนอกเมือง เห็นว่าจะค้างคืนที่โน่นด้วย…”
นาดาบอกลูกสาวที่กำลังจัดแจงของสดบางส่วนที่ยังไม่ใช้ไว้ในตู้เย็น
“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะ…วันนี้เรามีคนช่วยล้างจานอยู่แล้วทั้งคน…”
ดารัลพูดกับมารดาแต่จงใจเน้นเสียงให้อีกฝ่ายที่กำลังยืนล้างผักอยู่ให้ได้ยินไปด้วย…
“ด้วยความเต็มใจครับ…จะให้ช่วยทำอาหารด้วยก็ได้…”
ฟาเดลขันอาสา ทำเอานาดาถึงกับยิ้มกว้าง…ก่อนจะเอ่ยปากถาม
“แล้วเราพอทำอะไรได้บ้างล่ะ…”
“ผมทำอาหารไทยได้บ้างบางอย่างครับ…”ดารัลกระตุกคิ้วนิดนึง
“อะไรล่ะจ๊ะ อาหารไทยที่ว่า…”นาดาซักด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“ยำวุ้นเส้นทะเล ผัดไท แล้วก็ผัดกะเพราไข่เยี่ยวม้าครับ…
ผมแอบซื้อไข่เยี่ยวม้ามาด้วย แล้วเมื่อกี้แอบเห็นในตู้เย็น
มีวัตถุดิบและเครื่องปรุงอยู่ด้วย…”ชายหนุ่มชูไข่เยี่ยวม้าในมือ
ให้ทั้งสองดูแล้วเดินไปสำรวจตู้เย็นอีกรอบเพื่อให้แน่ใจ…
แล้วเขาก็หยิบเครื่องปรุงกับวัตถุดิบเหล่านั้นออกมา…
“นับว่าเป็นครัวที่มีทุกอย่างพร้อมสรรพเลยนะครับ…สามารถทำอาหาร
ได้หลากหลายเชื้อชาติเลยทีเดียว…”เขายังไม่วายหันไปสำรวจครัว
สร้างความประหลาดใจให้แก่สองสาวต่างวัยจนต้องหันมาสบตากันโดยมิได้นัดหมาย
“งั้นลองทำให้น้าทานได้มั้ยจ๊ะ น้าอยากลองชิมรสมือดู…”
นาดาเอ่ยปากสนับสนุนอีกฝ่าย…ทำเอาคนเป็นลูกสาวอดยิ้มไม่ได้กับท่าทางเห่อเขา
จนออกหน้าออกตาของมารดา…
เพราะสำหรับเธอแล้วไม่เห็นแปลกเลยที่ผู้ชายจะทำอาหารได้
อย่างจาลัลน้องชายของเธอนั่นล่ะ เก่งกาจเรื่องปากท้องจะตายไป…
อายุแค่นั้นเอง ซ้ำยังมีความกระตือรือร้นที่จะคิดค้นสูตรอาหารใหม่ๆ
อยู่อย่างสม่ำเสมอ…
ดังนั้น…อย่าคาดหวังว่าคนอย่างเธอจะตื่นเต้น
ไปกับความสามารถด้านนี้ของเขาเด็ดขาด…ไม่มีทาง!
สุดท้ายเป็นดารัลที่จะต้องกลายเป็นลูกมือให้กับพ่อครัวหน้าใหม่
หญิงสาวจัดส่งข้าวของต่างๆไปให้เขา…แล้วรับจานอาหารมาจัดวาง
ให้หน้าตาของมันดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น…
ฟาเดลแอบหันมามองหญิงสาวเป็นระยะๆโดยไม่ให้เจ้าตัวรู้…
บ้างก็แอบมองเธอลอดตามช่องตะแกรง ซึ่งนับว่าเป็นความปวดร้าว
ที่ชายอกสามศอกอย่างเขาต้องมาแอบทำอะไรแบบนี้
ความกล้าหาญ ไม่เคยกลัวใครที่ควรจะมีหายเข้ากลีบเมฆ…
แทบหาทางไปไม่เป็น เพิ่งรู้ว่าตัวเองนั้นจีบผู้หญิงไม่เป็นเอาเสียเลย
ยิ่งได้เห็นเธอดูมีความสุขกับการจัดแจงอาหารที่เขาลงมือทำ
ให้หน้าตาน่าทานก็ยิ่งสร้างความประทับใจและความสุขในหัวใจให้เขายิ่งนัก
หัวใจที่เคยแกร่งก็ดูจะหลอมละลายไปกับรอยยิ้มที่เธอเผลอยิ้มให้…
จนแอบเผลอฝันหวานไปถึงอนาคต…
หากมีเธอมาเป็นคู่ชีวิตมันจะดีขนาดไหนหนอ…
จะเสียศักดิ์ศรีมากกว่านี้เขาก็ยอมล่ะถ้าแลกกับรอยยิ้มแก้มบุ๋มของเธอ…
ซึ่งตอนนี้ทำอะไรไม่ได้มากนัก คงต้องแอบมองเธอไปแบบนี้
แม้จะมีความผิดอยู่บ้างที่ใช้สายตามองเธอครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความพิศวาส
ซึ่งมันผิดหลักการทางศาสนาอยู่เหมือนกัน…
แต่เขาก็คงต้องยอมทำผิด เพราะมันห้ามใจไม่ให้มองเธอไม่ได้จริงๆ…
ขอแอบรักเธอด้วยสายตาไปก่อนก็แล้วกัน…
ยิ่งมารดาของเธอประกบลูกสาวแจขนาดนี้ ยิ่งทำให้เขาไม่สามารถเข้าใกล้ได้มากยิ่งนัก
จนอดยอมรับไม่ได้ว่า…บ้านนี้รักและห่วงลูกสาวอย่างจริงใจและจริงจัง
ซ้ำยังเคร่งครัดเรื่องศาสนาอีกด้วย…
ถึงจะส่งเสริมและสนับสนุนเขาแค่ไหน
แต่ก็ไม่ยอมปล่อยให้ลูกสาวอยู่กับเขาตามลำพังโดยไม่จำเป็น
แล้วอยู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น นาดาจึงขอตัวไปรับโทรศัพท์
ทำให้ทั้งสองที่อยู่กันคนละมุมของครัวที่ต่างฝ่ายต่างจดจ่ออยู่กับหน้าที่ตรงหน้าของตน
โดยที่ฟาเดลกำลังผัดเส้นอยู่บนเตา
ส่วนดารัลกำลังนั่งจัดจานอยู่…แล้วผัดไทก็ถูกส่งมายังหญิงสาว
ที่กำลังจะลุกขึ้นไปเตรียมแก้วน้ำ…
“หอมจัง…”ดารัลเผลอลืมตัวเอ่ยปากชมอาหารที่ถูกยื่นมาให้ตรงหน้า
“ลองชิมดูสิว่าอร่อยรึยัง…หรือต้องเพิ่มอะไรอีกมั้ย เพราะพี่ชอบรสชาติแบบนี้
แต่คนอื่นอาจจะไม่ชอบเหมือนพี่ก็ได้…พี่อยากให้เธอชิมดู…”ฟาเดลคะยั้นคะยอ
“เดี๋ยวรอให้แม่มาชิมดีกว่าค่ะ…”ดารัลบอกปัด
ก่อนจะพยายามหันเหความสนใจไปที่แก้วน้ำแทน…
“หน่านะ…ชิมให้หน่อย…”ชายหนุ่มยังไม่เลิกตอแยอีกฝ่าย
จนทำให้ดารัลไม่อาจปฏิเสธได้ เธอก็เลยหยิบส้อมขึ้นมาม้วนเส้นผัดไท
ในจานที่เขาถืออยู่ มือบางยกขึ้นประคองจานด้วยอีกแรงราวกับ
หวงแหนกลัวว่ามันจะร่วงลงพื้นให้เสียของ…
“ระวังนะ…มันยังร้อนอยู่เลย…”หญิงสาวเลยเป่่าอาหารแล้วนำเข้าปาก
ก่อนจะเคี้ยวตุ้ยๆ คนมองก็มองภาพนั้นเสียเพลิน…
มองเรื่อยมาตั้งแต่หน้าผากมน คิ้วโค้งเรียวสวยดังคันศรอันดกดำ
โดยไม่ต้องเขียนคิ้วหรือตัดแต่งใดๆ ดวงตากลมโต
ที่มีขนตางอนเรียวยาวดกดำเป็นแพสวยน่่ามองโดยไม่มีร่องรอย
ของอายไลเนอร์หรือมาสคาร่า มันคือขนตาของจริงมิใช่ของปลอม
ส่วนจมูกนั้นโด่งมองจากด้านข้างจะโค้งสวย เป็นรูปหยดน้ำตรงช่วงปลายของจมูก
เป็นรูปทรงที่เป็นไปได้ยากที่หมอศัลยกรรมจะทำออกมาได้เหมือน…
ตามด้วยริมฝีปากหยักสวยและอวบอิ่มปราศจากลิปสติก แต่กลับมีสีชมพูระเรื่อ
บ่งบอกว่าเป็นคนสุขภาพดี
ส่วนผิวหน้าก็ดูสะอาดเกลียงเกลา ไม่ได้ขาวเผือดอย่างชาวตะวันตก
แต่ขาวอมเหลืองดูอร่ามตา สว่างใส ไร้เม็ดสิว ฝ้า กระหรือจุดด่างดำใดๆให้เห็น
มันดูนวลเนียนน่ามองน่าสัมผัสเหลือเกิน…
ชายหนุ่มเผลอไผลมองไปจนจรดปลายคางมนสวยนั่น
จนสรุปในใจว่า เท่าที่มีโอกาสได้เห็นนั้นนับว่าเธอเป็นสตรีที่งามพร้อมสรรพ
เป็นต้นตำรับของลูกผสมจากหลายเชื้อชาติที่ผสานกันลงตัวเลยก็ว่าได้
ซึ่งส่วนที่เหลือจากนั้น เขาไม่อาจมองเห็นได้
เพราะเธอได้ซ่อนที่เหลือเอาไว้ในร่มผ้าทั้งหมด…
แม้กระทั่งมือ เธอก็ยังสวมใส่ถุงมือทำกับข้าว…
แต่พอสายตาคมดุของหญิงสาวตวัดมาที่เจ้าของผัดไท
ซึ่งกำลังจับจ้องสำรวจเธออยู่ก่อนแล้วนั้นก็พลันสำลักเส้นผัดไทนั้นทันที…
เดือดร้อนชายหนุ่มจนต้องรีบวางจานผัดไท
แล้วหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่เทน้ำใส่แล้วรีบยกป้อนให้หญิงสาวดื่ม…
มือนั้นก็อยากจะช่วยลูบหลังให้หญิงสาวที่สำลักผัดไทจนหน้าแดงก่ำอยู่หรอก
แต่ก็ไม่กล้าพอ อีกทั้งเกรงว่าจะไม่บังควร
เขาไม่อยากฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวเธออีก ไม่อยากให้เธอแสดงท่าทางรังเกียจเขา
มองเขาเป็นคนฉวยโอกาสอย่างเมื่อครั้งตอนเจอกันที่คาสบลังก้าอีก…
แต่พอยิ่งเห็นแก้มแดงๆของเธอ มือที่กำลังป้อนน้ำให้เธออยู่ก็เริ่มสั่น
รู้สึกเสียความมั่นใจขึ้นมาอีก ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้
ผู้ชายอกสามศอกอย่างเขาตอนนี้เหมือนจะเหลืออยู่แค่สามเซ็น
เพียงแค่เห็นแก้มแดงๆของเธอ เขาก็ใบ้กิน ลิ้นพันกัน ไปไม่ถูกขึ้นมา
“ค่อยๆนะ…ค่อยๆดื่ม”ชายหนุ่มพยายามควานหาเสียงตัวเอง
ถึงขนาดนี้แล้วเขาก็ยังคงประหม่าอยู่ดี…
“ขอบคุณค่ะ…”ดารัลกล่าวขอบคุณเมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้ว
ก่อนจะก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย…แล้วบ่นพึมพำเบาๆ
ราวกับบ่นกับตัวเอง แต่อีกฝ่ายหูดีเลยได้ยินชัดเจน
“หายสาปสูญไปเป็นปี กลับมาอีกทำไมก็ไม่รู้…”
ฟาเดลได้ฟังถึงกับอมยิ้ม
“พี่ต้องเคลียร์โปรเจคทางโน้นเป็นปีกว่าจะเสร็จสมบูรณ์
เพื่อจะได้เดินทางมารับโปรเจคใหม่ที่นี่ จะได้มีเวลาอยู่กับใครบางคนนานๆ
นานเท่าที่เขาต้องการจะให้อยู่…”ฟาเดลเองก็ไม่เข้าใจ
ว่าทำไมเขาต้องอธิบายให้อีกฝ่ายรู้ด้วย รู้แค่ว่า ไม่อยากให้อีกคน
เข้าใจผิดว่าเขาไม่สนใจเธอ ไม่คิดถึงเธอเลยตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา
ทั้งๆที่เคยลั่นวาจาไว้ว่าจะตามมาสอนมารยาทการพูดให้เธอถึงที่นี่
แม้จะรู้ว่าเธอไม่ได้ต้องการให้เขามา แต่เขาก็ยังหวัง หวังว่าเธอ
จะเปิดใจรับเขาบ้าง…สักนิดก็ยังดี…
“พี่จริงใจและจริงจังกับเธอนะน้องรัล…”อยู่ๆฟาเดลก็รวบรวมความกล้าประกาศออกไป…
ทำเอาหัวใจของหญิงสาวเต้นไม่เป็นจังหวะราวกับจะเต้นออกมานอกอกเสียอย่างนั้น…
“ให้บอกว่ารักตอนนี้มันก็ดูเร็วเกินไป พี่ไม่แน่ใจว่าใช่รักรึเปล่า
แต่ที่แน่ๆก็คือ…พี่ลืมเธอไม่ลง ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหนก็ตาม…
แม้ที่ผ่านมาหนึ่งปีพี่จะพยายามตัดใจจากเธอสักกี่ครั้ง…พี่ก็ทำไม่ได้อยู่ดี
ต่อให้เธอจะเกลียดจะรังเกียจพี่…ใจร้ายกับพี่ ไม่แคร์พี่สักนิดเดียว
แต่จะให้ตัดเธอไปพี่ก็ทำไม่ลงสักที…สงสัยพี่คงต้องมนต์ของเธอเข้าให้แล้วล่ะ…”
ดารัลยังคงก้มหน้าซ่อนความอาย ไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย
แล้วจะให้พูดอะไรตอบเขาไปตอนนี้เธอก็ทำไม่ได้ซะด้วย
เพราะแค่จะขยับปากเธอก็ไม่สามารถทำได้ด้วยซ้ำไป…
มันเหมือนโลกหมุนคว้าง หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นส่ำ
รู้สึกมือเท้าสั่น ไร้เรี่ยวแรงจะประคองตัวเอง เหมือนทุกอย่างดูล่องลอย รู้สึกตัวเบา…
แล้วอยู่ๆมันก็ค่อยๆมืดลง มืดลงเรื่อยๆ
“น้องรัล…”ฟาเดลรีบรับร่างของดารัลที่อยู่ๆก็ทรุดลงพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะ
สร้างความแตกตื่นให้กับเขาและนาดาที่เพิ่งเข้ามาเห็นภาพลูกสาวเป็นลม
อยู่ในอ้อมอกของว่าที่ลูกเขยหลังจากที่เธอออกไปรับโทรศัพท์ทางไกล
จากเมืองไทยเพียงไม่กี่นาที…
ไม่คิดว่ากลับมาอีกทีจะพบกับสภาพลูกสาวเช่นนี้
“พาน้องไปที่ห้องนอนหน่อย สงสัยโรคเก่าอาจจะกำเริบ…”
นาดาสังเกตว่าลูกสาวหน้าแดงก่ำเลยสันนิษฐานออกไปเช่นนั้น
ฟาเดลเลยอุ้มร่างบางขึ้นไปยังห้องนอนของเธอ แล้วปล่อยให้นาดาปฐมพยาบาลคนป่วย
ส่วนตัวเขาก็เดินไปเดินมาอยู่หน้าประตูห้องด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจ…
“น้องรัลเป็นยังไงบ้างแล้วครับคุณน้า…”ฟาเดลรีบถามอาการคนป่วยทันที
ที่นาดาเปิดประตูออกมา
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกจ๊ะ…น้าเช็ดหน้าเช็ดตัวให้เขาแล้ว
อีกสักพักคงดีขึ้น…เมื่อกี้ก็รู้สึกตัวแล้ว…ให้นอนสักพักก็กลับมาเป็นปกติ…”
นาดายิ้มให้อีกคนที่ดูจะเป็นห่วงลูกสาวของตนด้วยใจจริง
“ขอผมเข้าไปดูได้มั้ยครับ…”เขาขออนุญาต แม้จะรู้ว่ามันไม่เหมาะเลย
ที่จะขอเข้าไปดูเธอในห้องนอนของเธอแบบนี้
แต่เขาเป็นห่วง อยากเห็นว่าเธอสบายดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วจริงๆ
“ปล่อยให้น้องเขานอนหลับเถอะจ๊ะ…เชื่อน้านะ…น้องรัลไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ…”
นาดายิ้มบางให้อีกฝ่าย ก่อนจะชวนกันลงไปยังด้านล่าง
ที่ได้ยินเสียงคนอื่นๆกำลังกลับเข้ามา…
“เสียงท่านหญิงอะมานีแน่ะ…สงสัยจะกลับกันมาแล้ว…”
นาดาเอ่ยขึ้นก่อนจะส่งเสียงทักทายทุกคนที่เพิ่งกลับมาจากเดินซื้อของที่ห้างใหญ่…
“ได้อะไรมาบ้างคะเนี่ย…”
“เพียบเลยล่ะ…เมื่อกี้ได้แวะเอาของไปให้เด็กๆที่มูลนิธิด้วย
เสียดายที่ไม่ได้ไปด้วยกัน…เด็กๆที่นั่นน่าสงสารและน่าเอ็นดูเหลือเกิน”
อะมานีเอ่ยถึงเด็กที่มูลนิธิที่ลูกชายของเธอก่อตั้งขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน
“เอาไว้วันหลังย่าจะให้น้องรัลพาเราไปนะฟาเดล…ทำบุญกับเด็กๆน่ะ
จิตใจจะได้ปลอดโปร่ง…”อะมานีหันไปทางหลานชายของเพื่อนสนิท
ที่หน้าตาดูเซื่องซึม หงอยเหงาผิดหูผิดตานัก
“เป็นอะไรรึเปล่า…ฮึ…”หญิงสูงวัยถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“เปล่าครับ…”ชายหนุ่มปฏิเสธ เพราะอยากให้อีกฝ่ายสบายใจ
ก่อนจะขอตัวไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
“เดี๋ยวผมขอตัวไปดูในครัวก่อนนะครับ…”อะมานีได้ฟังถึงกับขมวดคิ้ว
นาดาจึงเป็นฝ่ายเฉลยข้อสงสัยนั้นแทน
“พอดีเราช่วยกันทำอาหารเย็นด้วยกันค่ะ…เห็นฟาเดลเขาบอกว่าทำอาหารไทยได้
น้ำค้างก็เลยให้เขาโชว์ฝีมือทำอาหารให้ทานดู…ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะค่ะ…
เดี๋ยวจะได้กินกัน…”นาดาเลี่ยงที่จะไม่เอ่ยถึงลูกสาว…
เพราะไม่อยากให้ผู้สูงวัยเป็นกังวล ยิ่งมารดาของตนด้วยแล้วยิ่งไม่อยากให้รู้…
“อ้าว…แล้วน้องรัลล่ะ…”อะมานีถามหาหลานสาวทันทีเมื่อไม่เห็น
“ไม่ค่อยสบายนิดหน่อยค่ะ…น้ำค้างเลยให้ขึ้นไปพักผ่อนข้างบน…”
นาดายิ้มบางขณะตอบ
“เป็นอะไรมากรึเปล่า…”
“ไม่เป็นอะไรมากค่ะคุณแม่…คงนอนพักผ่อนน้อย…
เพราะช่วงหลังๆมานี้ ลูกทำงานหนักแทบทุกวัน…”นาดาอธิบายให้ผู้สูงวัยเบาใจลง…
“ไม่เป็นไรมากก็ดี…ยังไงเดี๋ยวพ่อเขากลับมา ลองให้ตรวจดูอาการหน่อยก็ดีนะ…”
อะมานีแนะนำก่อนจะเดินไปยังโซฟาแล้วจึงเอนหลังพักผ่อน
“แม่ล่ะคะ…เหนื่อยมั้ย…”นาดาหันไปถามไถ่มารดา…
“ไม่หรอกจ๊ะ รู้สึกดีออก ได้ออกไปพบเด็กๆ…”
“งั้นเดี๋ยวเราสองคนจะเข้าไปช่วยในครัวก็แล้วกันนะคะพี่ค้าง”
น้องสาวฝาแฝดของนาดาเอ่ยขอตัวเข้าครัวไปช่วยแขกของบ้าน
“ตามสบายจ๊ะ…”
เมื่อได้เวลาอาหาร ฟาเดลกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของดารัล
เธอไม่ได้ลงมารับประทานอาหารร่วมกับคนอื่นๆ
สร้างความกังวลใจให้กับชายหนุ่มไม่น้อย จนทานข้าวไม่ลง
“กับข้าวไม่อร่อยเหรอ…”อะมานีถามเมื่อเห็นอาหารในจานของอีกฝ่ายไม่พร่องลงเลย…
“เปล่าครับ…สงสัยคงอิ่มกลิ่นไปหน่อย…”ฟาเดลแก้ต่างได้สมเหตุสมผล
ทำเอาคนฟังไร้ซึ่งข้อกังขา
“ลูกเราเป็นไงบ้างดานีส…”อะมานีหันมาถามอาการหลานสาวคนโต
กับพ่อลูกชายตัวดี
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ…แค่ดูอ่อนเพลียเท่านั้นเอง…
ให้นอนพักผ่อนสักหน่อยก็หายครับ…”ดานีสตอบ สายตาก็ชำเลือง
ไปยังแขกของบ้านไปด้วย
“ตรวจดีแล้วแน่ๆนะ แม่ล่ะกลัวว่าจะเป็นโน่นเป็นนี่น่ะสิ
เห็นพักหลังๆไม่สบายบ่อยเหลือเกิน…งั้นพรุ่งนี้ก็ให้พักผ่อน
อยู่กับบ้านไม่ต้องไปทำงานก็แล้วกันนะ…”อะมานีลอบถอนใจ
เมื่อนึกถึงอาการของหลานสาว
“สงสัยคงต้องขึ้นไปดูหน่อยแล้ว…”หญิงสูงวัยเปรยออกมา
...โปรดติดตามตอนต่อไป...
สาเหตุแห่งการเป็นลม ช่างสมสมัยจริงๆ หญิงดารัลของเต่าโย...อิอิอิ..
ขอบคุณนักอ่านที่เข้ามาอ่านเรื่องใหม่แกะกล่องเรื่องนี้กันนะจ๊ะ...
เรื่องราวจะค่อยๆเริ่มเข้มข้นเรื่อยๆค่ะ...เหมือนการเคี่ยวน้ำคาลสดเลย...
(ถ้าคนเขียนไม่เผลอทำให้มันไหม้ น้ำตาลที่ว่าก็คงจะไม่ขม...เฮะๆ)
...ขอคุยกับนักอ่านจากสองตอนที่แล้วกันค่ะ...
1.น้องpseudolife...ขอบคุณมากๆเลยจ้าาาาที่เข้ามาส่งกำลังใจให้เป็นคนแรกเลย
เรื่องจัดสวนพี่ชอบนะ...แต่พี่เหมือนกับดารัล เป็นคนมือร้อน...ปลูกอะไรไม่ค่อยได้เรื่อง
แต่ชอบอยู่ในสวน ชอบมากๆ ชอบเป็นชีวิตจิตใจ ชอบทั้งไม้ดอกและไม้ประดับ
รู้จักว่าต้นอะไรเป็นต้นอะไร...แต่ก็ไม่รู้ลึกนัก เนื่องจากหากจะให้รู้จักมันจริงๆ
เราต้องปลูกมัน ดูแลมัน แต่พี่น่ะ ปลูกไม่ทันข้ามสัปดาห์ มันก็มีอันเป็นไปแล้ว...เหอๆ...
เวลาเห็นใครปลูกต้นไม้เก่งๆ...ก็จะประทับใจมากๆ...
ประมาณว่า...อะไรที่เราทำไม่ได้ เราก็จะชอบคนที่ทำมันได้อ่ะนะ...เฮะๆ
เรื่องนี้เลยนำคาแรกเตอร์ของหนุ่มจัดสวนมาให้อ่านกันไงล่ะจ๊ะ...
เพราะตัวพี่อยู่ในวงการที่คิดและตกแต่งของที่ไม่มีชีวิต...ไอ้ที่มีชีวิตน่ะ ไม่อาจควบคุมมันได้
เลยไร้ความสามารถตรงจุดนี้...
ปล.ขอบคุณมากๆเลยจ๊ะเรื่องที่ช่วยพี่ตรวจดูคำผิด จับเป็ดมาฝากแบบนี้ให้น่ะ...เฮะๆ
2.คุณphakarat...มาให้อีกแล้วนะคะ...ขอบคุณค่ะที่ส่งเสียงตอบรับ
ผลงานล่าสุดของเต่าโยเรื่องนี้...แล้วมาดูกันต่อนะคะ...
3.คุณแว่นใส...เค้าก็ดีใจนะ ที่เห็นชื่อคนคุ้นเคยเข้ามาให้กำลังใจกันต่อ
ในเรื่องนี้อีก...ขอบคุณมากๆค่ะ...
4.คุณChii...ฟารัล? นี่ใครกันค่ะ...
อย่าบอกนะคะว่าเป็นการรวมกันสองพระนางในเรื่องนี้...อิอิ
แต่โยเข้้าใจว่าคุณChii น่าจะหมั่นใส้ ฟาเดล ใช่มั้ยคะ...
เพราะเห็นบอกว่า อยู่ทีมหมอดานีส...อิอิอิ
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจที่มอบให้กันต่อในเรื่องนี้
5.คุณคิมหันตุ์...เพราะสาวบ้านนี้มีพ่ออย่างหมอดานีสนี่แหล่ะค่ะ...
มันก็เลยต้องยากนิดนึง...พ่อเขาชอบจะให้ลูกอยู่บนคานทอง...
ดังนั้น...ใครปองของสูง...ถ้าไม่คิดปีนป่ายก็คงจะไม่ได้...อิอิอิ
แต่ถ้าปีนไปปีนมาเจองูนอนแอ้งแม้งอยู่บนนั้น ก็คงดูไม่สวยนัก...ฮ่าๆๆ
สุดท้ายไม่ท้ายสุด...
ขอบคุณนักอ่านทุกๆคนนะคะที่เข้ามาอ่านกัน...
อยากได้ยินเสียงที่ไม่เคยได้ยินบ้างจัง...
ส่งเสียงให้ฟังกันบ้างนะคะ...
มะต้องเกรงใจเค้านะ...อยากติหรือชม จัดเต็มจัดหนักมาได้เลย...
หรือใครมีอะไรอยากจะเสนอแนะ...ก็เข้ามาบอกได้ค่ะ...
รอฟังทุกๆความเห็น...
...รักษาสุขภาพนะคะ...
yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.ย. 2557, 09:10:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.ย. 2557, 09:10:54 น.
จำนวนการเข้าชม : 4525
<< บทที่ 1 สวยแล้วหยิ่ง | บทที่ 3 ไม่รู้ตัว >> |
ตุ๊งแช่ 5 ก.ย. 2557, 11:42:05 น.
แน๊ ไหนบอกไม่ชอบเขาแล้วมาค่อนขอดเขาทำไมนี่หนูดารัล แอบคิดอะไรๆใช่ไหมนี่ ฟาเดลอดทนๆหน่อยละกัน
แน๊ ไหนบอกไม่ชอบเขาแล้วมาค่อนขอดเขาทำไมนี่หนูดารัล แอบคิดอะไรๆใช่ไหมนี่ ฟาเดลอดทนๆหน่อยละกัน
คิมหันตุ์ 5 ก.ย. 2557, 12:03:14 น.
โดนสารภาพรักซะเป็นลมเลย
โดนสารภาพรักซะเป็นลมเลย
แว่นใส 5 ก.ย. 2557, 16:17:42 น.
ต้องทำใจหน่อยนะหนุ่ม 55555
ต้องทำใจหน่อยนะหนุ่ม 55555