...คาสบลังก้า...ดารัลฟาเดล...(จบแล้วค่ะ)
สืบเนื่องมาจากเรื่อง "อะรูซะตี...เจ้าสาวของผม"
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของลูกสาวสุดหวงของหมอดานีส
กับนาดา โดยเรื่องราวของคุณพ่อเมื่ิอครั้งก่อนนั้น
จะเป็นแนา "แต่งก่อนจีบ"
แต่สำหรับรุ่นลูกแล้ว จะเป็นแนว "จีบก่อนแต่ง"

ต้องมาคอยดูกันค่ะว่า จะจีบกันอย่างไร แล้วคุณหมอดานีส
ที่ต้องมารับบทบาทเป็นพ่อของลูกทั้งเจ็ดจะตกอยู่ในสภาพเช่นไร..
แล้วนาดาจะเป็นแม่แบบไหน...



เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของเมือง
"คาสบลังก้า" หรือ "อัดดารัลบัยฎออ์"
ซึ่งแปลว่า..."บ้านสีขาว"
ดินแดนในฝันดั่งต้องมนต์เสน่หาแห่งโมร็อกโก...
กับดินแดนอันแสนอบอุ่นด้วยไอรักแห่งแดนอาทิตย์อุทัย...

พบกับเขาและเธอ...

...ดารัล...ฟาเดล...

หญิงสาวที่หัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความรักความอบอุ่น
จากครอบครัวอันแสนสุขและน่ารัก...
ชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่เคยต้องการสิ่งใดอีกแล้ว
เพราะเธอพอใจทุกอย่างที่มีมาตลอด

จนเมื่อเจอกับเขา...ที่นั่น "คาสบลังก้า"
เขาทำให้เธอไม่อาจลบลืมมนต์เสน่หาของที่นั่นได้เลย
ไม่ว่าจะยามหลับหรือตื่น...

กับ

ชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยรูปเปลือกที่สวยงามสมบูรณ์
หากภายในใจนั้นยังคงโหยหาไออุ่นแห่งรักจากใครสักคน
มาเติมเต็มหัวใจกำพร้าของเขา...

แล้วเธอคือผู้ที่เขาค้นพบว่ามีทุกอย่างที่เขากำลังต้องการอยู่
ดังนั้น...ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาก็จะปล่อยเธอ
ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!




Tags: หวานซึ้งโรแมนติก ดราม่า โมร็อกโก คาสบลังก้า ทะเลทรายซาฮาร่า ดารัล ฟาเดล โสภณพสุธ

ตอน: บทที่ 5 เขาคนนั้น


เขาคนนั้น


เมื่อวันที่นัดหมายมาถึง…ดารัลก็รีบกลับบ้านมาพบกับแขกคนสำคัญ
ที่เธอตั้งหน้าตั้งตารอคอยอยู่…

“ฟารุก…นี่ลูกสาวคนโตของอาจารย์…ชื่อดารัล…”ดานีสแนะนำอีกฝ่่าย
ให้รู้จักกับลูกสาวของตน…ดารัลก้มหน้าก่อนจะกล่่าวคำว่า

“อัสลามุอะลัยกุม…”

“วะอะลัยกุมมุสลาม…”เสียงทุ้มตอบรับคำทักทายนั้น

“ส่วนดารัลเขาพอจะรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเธอจากอาจารย์บ้างแล้ว
เขาบอกว่าอยากเจอเธอ…เพราะสนใจเรื่องสมุนไพรไทยน่ะ…
เห็นเธอเก่งและชำนาญเรื่องนี้ อาจารย์ก็เลยอยากแนะนำให้รู้จักกันไว้”

“ครับอาจารย์…”อดีตลูกศิษย์วัยสามสิบเอ็ดพยักหน้ารับ…


แล้วทั้งสามก็ได้คุยปรึกษากันในเรื่องของตัวยาและเรื่องส่วนตัว…
จนถึงเวลาอาหารค่ำ แขกคนสำคัญของดานีสจึงมีโอกาสได้เข้าร่วม
รับประทานอาหารค่ำพร้อมกับสมาชิกคนอื่นๆ รวมทั้งแขกอีกสองคน
อย่างฟาเดลและฟาฮาน่า…ทั้งหมดได้ทำความรู้จักกันและกัน



“แม่รู้นะว่าเจ้ากำลังจะทำอะไร…ขอบอกไว้เลยว่าแม่ไม่ชอบ…”
อะมานีดึงตัวลูกชายออกมาจากวงสนทนาในห้องรับแขกทันที

“ก็ไม่เห็นเสียหายอะไรนี่ครับ…ฟารุกเขาเป็นลูกศิษย์ที่ผมมองว่ามีอนาคตไกล
ที่สำคัญเขาเป็นคนดี เคร่งครัดเรื่องศาสนาด้วย…”
ดานีสอธิบายในส่วนของความเห็นส่วนตัว

“แต่แม่หมายมั่นน้องรัลไว้กับฟาเดลแล้ว ที่สำคัญนะ…
แม่ตกปากรับคำกับทางโน้นไปแล้วด้วยว่าจะช่วยให้ทั้งสองได้ครองรักกัน…”
อะมานีเริ่มหัวเสีย

“นั่นมันก็สิทธิ์ของแม่…แม่จะทำอะไรผมก็ไม่ขัดนี่ครับ…
และนี่คือสิทธิ์ของผม…ผมเป็นพ่อน้องรัลนะครับแม่…หรือว่าแม่ลืมไปแล้ว…”
ดานีสย้ำถึงสถานภาพของตนเอง ทำเอาอะมานีถึงกับฉุนกึก

“และผมก็จะส่งน้องรัลไปดูงานที่โน่นสักพักนึงด้วย…”

“หา…”อะมานีถึงกับอ้าปากค้าง…มองลูกชายอย่างคาดไม่ถึง

“ไม่ได้เด็ดขาด…”

“ทำไมจะไม่ได้ครับ…”ดานีสถามพร้อมรอยยิ้มที่อะมานีมองว่ามันน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด

“แล้วน้องรัลเขาจะยอมเรอะ…”

“ทำไมจะไม่ยอมล่ะครับ…ลูกน่ะปลื้มคนๆนี้จะตาย…
เขาอยากได้ความรู้จากลูกศิษย์ของผมคนนี้นะครับแม่
แล้วเรื่องอะไรที่ลูกจะปฏิเสธโอกาสดีๆที่ผมหยิบยื่นให้…”
ดานีสพูดราวกับเป็นต่อ

“ทำไมต้องหาเรื่องขัดใจแม่ด้วยนะ…ไม่เข้าใจจริงๆ…”
อะมานีมีสีหน้าขุ่นเคืองลูกชายอย่างไม่อาจห้ามไว้ได้…

“ผมก็แค่ต้องการให้ลูกได้มีโอกาสเลือก…เขาจะเลือกหรือไม่เลือก
หรือตัดสินใจเลือกอะไร…ผมให้สิทธิ์ในการตัดสินใจแก่เขาทั้งหมด
ผมมีหน้าที่แค่ มอบทางเลือกให้เขา…”ดานีสกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ

“แล้วทำไมต้องเป็นคนๆนี้ล่ะ…”

“ผมมองว่าเขาสามารถให้ความสุขกับลูกผมได้…
เพราะน้องรัลนั้นค่อนข้างเอาแต่ใจ หัวดื้อ…
ส่วนฟารุกนั้นเป็นคนใจเย็น สุขุม…รอบคอบ…ซึ่งน้องรัลขาดสิ่งนี้…

แล้วที่สำคัญ…ฟารุกยังเป็นคนจิตใจมั่นคง ไม่โลเล…
ซึ่งตรงนี้แหล่ะครับที่ผมต้องการที่สุด…”

“ก็แล้วฟาเดลล่ะ…เขาก็ไม่ได้เจ้าชู้…”อะมานีกล้ายืนยัน

“แต่ด้วยหน้าตาของเขา ทำให้มีสาวๆมาห้อมล้อม
ยิ่งการงานของเขาด้วยแล้ว คงปฏิเสธเรื่องชู้สาวไปไม่ได้…

ถึงเขาจะไม่ใช่คนเจ้าชู้ แต่ถ้ามีผู้หญิงมาติดพันมากๆเข้า
สักวันก็อาจจะติดหลุมพราง แล้วคราวนี้คนที่จะเสียใจก็ไม่ใช่ใครเลย…”
ดานีสอธิบายให้มารดาฟังด้วยเหตุและผล

“ผู้ชายก็คือผู้ชายครับแม่…ให้แกร่งอย่างไร…หากมีผู้หญิงสวยๆมาคอยคลอเคลีย…
อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหล่ะครับ…ผมไม่อยากเห็นลูกเสียใจ…”

อะมานีลอบถอนใจ

จะว่าไป…คนที่ลูกชายของตนแนะนำมานั้น หน้าตาหรือก็สู้ฟาเดลไม่ได้แม้แต่นิดเดียว…
เพราะแสนจะธรรดา…ไม่มีอะไรโดดเด่นนัก
นอกเสียจากบุคลิกที่ดูดี สมาร์ท การพูดการจาก็ดูรื่นหูน่าฟัง…
และดูเป็นคนมีภูมิความรู้…แลดูอบอุ่นน่าเข้าใกล้…

“เขาสู้ฟาเดลไม่ได้แค่เรื่องหน้าตา แต่ผมมั่นใจว่าเรื่องอื่นๆนั้น
เขาไม่น้อยหน้าแน่ๆครับ…ที่สำคัญ…ผมไม่ได้ต้องการให้ลูกสาวเลือกใครที่หน้าตา
แต่อยากให้เขาเลือกคนจากข้างใน…
และฟารุกนั้นมีข้างในที่สวยงามครับ ผมกล้ารับประกัน…

ไม่ว่าน้องรัลจะดื้อจะเอาแต่ใจอย่างไร ผมก็มั่นใจว่าเขาจะรับมือได้ในทุกสถานการณ์
เพราะเขาเป็นคนที่นิ่งพอ และมีวุฒิภาวะสูง…
ซึ่งผมเชื่อว่า ถ้าได้รู้จักกันจริงๆ น้องรัลจะมองเห็นข้อดีเหล่านี้ในตัวของเขา
และสามารถมองผ่านเปลือกของเขาไปได้แน่ๆ…”

ดานีสกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ ทำเอาอะมานีถึงกับหนักอกหนักใจ
เพราะเธอเองก็ตกปากรับคำทางโน้นไปแล้ว ซ้ำยังจัดการทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
มาเจอตอเข้าอย่างนี้…เธอแทบจะหาทางไปไม่ถูก

“ตามใจ…อยากทำอะไรก็ทำ แม่ไม่ขวาง และเจ้าก็ห้ามมาขวางแม่ด้วยก็แล้วกัน…”

“แน่นอนครับแม่…ผมไม่ขวางใครทั้งนั้น นอกจากหวังให้ลูก
ได้เลือกในสิ่งที่ดีสำหรับเขา…เท่านั้นเองครับ…”

ปิดฉากบทสนทนาที่ทำให้คนที่เสียมารยาทแอบฟังอยู่ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเฮือกๆ…

“พี่รัลจะเลือกใครล่ะทีนี้…”หะบีบี้ยกมือกุมขมับ เครียดแทนพี่สาว…

“แล้วเราควรจะทำยังไงดี…พี่ฟารุกที่เพิ่งพบก็ดูดีมีระดับ…
ส่วนพี่ฟาเดลก็แสนจะหล่อเหลาแถมยังแสนดี…เฮ้อ…
ขนาดบีบี้ยังเลือกไม่ถูก…แล้วพี่รัลล่ะ…”หะบีบี้ลอบถอนใจยาว…
ก่อนจะค่อยๆย่องเดินกลับห้องไป…





ทางด้านดารัลดูจะตื่นเต้นและสนุกสนานที่ได้คุยปรึกษาเรื่องสมุนไพรกับพญา
โดยมีพี่ชายร่วมวงสนทนาด้วย…

“เอาไว้ถ้าได้ไปไทยเมื่อไหร่ ผมจะพาไปทำความรู้จักกับคลังความรู้ของผมกันครับ…
เพราะนอกจากคุณจะมีฟาร์มเป็นของตัวเองให้ศึกษาแล้ว
หนังสือหรือตำราโบราณเกี่ยวกับสมุนไพรก็นับว่ามีค่ามากๆนะครับ…
เพราะในนั้นจะมีสูตรยาดีๆให้เราได้ศึกษา
ผมเองพยายามเดินทางเพื่อค้นหาสูตรยาโบราณแล้วนำมาวิจัยต่อในห้องแล็บ…”

ดารัลฟังเพลิน เพราะได้พูดคุยกันถูกคอ
ทำเอาผู้เป็นพี่ชายถึงกับแอบยิ้ม และแอบคิดไปถึงใครบางคนขึ้นมา
คนที่เขาก็ไม่แน่ใจว่าป่านนี้จะเป็นยังไงหรือว่าจะตกกระป๋องไปแล้วก็ไม่รู้ได้…
เนื่องจากเขาเพิ่งได้รับคำสั่งมาจากบิดาว่าให้เตรียมเดินทางไปเมืองไทยเป็นเพื่อนน้อง
ในการจะไปศึกษาเรื่องสูตรยาสมุนไพร
ซึ่งคงจะอยู่ที่โน่นเป็นเดือนๆ…

สำหรับเขาไม่มีอะไรขัดข้อง เพราะคู่หมั้นของเขาก็อยู่ที่นั่น
ดีเสียอีก จะได้มีโอกาสได้เจอกันบ่อยขึ้น
จะได้ถือโอกาสนี้ไปพบหน้าว่าที่คู่หมั้นเสียด้วย…

“รัลสนใจสูตรยาสมุนไพรรักษาไมเกรนน่ะค่ะ…เพราะไมเกรนเนี่ย
เป็นอะไรที่ทรมานมาก…บางคนทำงานไม่ได้เพราะปวดหัวไมเกรน
แล้วตัวยาที่ใช้อยู่ในปัจจุบันก็มีผลข้างเคียงเยอะ…รัลเลยคิดว่า
หากมียาสมุนไพรมารักษาอาการปวดหัวไมเกรนก็น่าจะดีไม่น้อย…”

ดารัลรู้สึกจะพูดคุยได้มาก โดยเฉพาะเรื่องที่ถูกใจ เธอจะคุยไม่ยอมหยุด
ทำให้พญารู้สึกประทับใจหญิงสาวผู้นี้ไม่น้อยที่มีความสนใจในการแสวงหาความรู้
อีกทั้งดวงหน้าของเธอเองก็งดงามไร้ที่ติ…
จึงอดไม่ได้ที่จะหวั่นไหวไปกับรูปลักษณ์ภายนอกและความน่าสนใจ
ที่ซ่อนตัวอยู่ภายในของเธอ…ซึ่งมันค่อยๆเผยออกมาให้เขาได้เห็น…

“น่าเสียดายนะคะ…ที่คุณพญาจะกลับไทยวันมะรืนแล้ว…”

“หากไม่มีธุระก็อยากจะอยู่เที่ยวต่อเหมือนกันครับ…
แล้วที่นี่ก็น่าอยู่มากด้วย…ดูเป็นบ้านที่อบอุ่นมากครับ”ชายหนุ่มชื่นชมจากใจจริง

“เดี๋ยวเราก็คงจะตามหลังไปน่ะครับ…”ดารุสเอ่ยบ้างก่อนจะอาสาพาแขกไปเที่ยว…

“ยังไงเดี๋ยวพรุ่งนี้ ผมจะพาไปเที่ยวรอบเมืองนะครับ…”

“ขอบคุณครับ…ว่าแต่คุณรัลล่ะครับ…”ชายหนุ่มหันไปถามหญิงสาว

“รัลคงไม่สะดวกน่ะค่ะ…พอดีมีงานที่ต้องรีบสะสาง…เดี๋ยวพ่อจะเหนื่อย
ตอนช่วงที่รัลไม่อยู่…”หญิงสาวบอกปัด…เพราะเรื่องเที่ยวเธอมองว่า
พี่ชายคงให้ความสะดวกได้มากกว่าเธอ และน่าจะเพียงพอแล้ว

ส่วนเธอจะได้ทำหน้าที่ให้เสร็จก่อนเดินทางไปเมืองไทย
ซึ่งงานนี้นับว่าเป็นโอกาสดีที่เธอไม่อยากปฏิเสธ
แม้จะมีบางอย่างมาคอยรบกวนการตัดสินใจนี้อยู่บ้างก็ตาม…










“พี่ฟาเดลคะ…ช่วยฮาน่าด้วย…”

หญิงสาวโทรไปหาพี่ชายต่างสายเลือดให้รีบกลับมาหาเธอที่บ้าน
ฟาเดลที่กำลังดูงานจัดสวนอยู่ที่โรงแรมถึงกับรีบหารถกลับบ้านด่วน
ก่อนจะมุ่งไปยังห้องของหญิงสาว
เห็นเจ้าตัวเดินโอนเอนมาจากห้องน้ำราวกับจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่
เขาก็เลยรีบวิ่งเข้าไปพะยุงตัวให้…

“เป็นอะไรน่ะฮาน่า…”

“ฮาน่าปวดหัวค่ะ…ปวดมากๆเลย…”หญิงสาวยกมือกุมขมับด้วยสีหน้าเจ็บปวด…
ฟาเดลเลยประคองร่างบางในชุดนอนวาบหวิวไปที่เตียง
แต่แล้วอยู่ๆหญิงสาวกลับตวัดสองแขนโอบรอบคอเขา

“ฮาน่ารักพี่ฟาเดลนะคะ…เราแต่งงานกันแล้วไปอยู่ด้วยกันที่คาสบลังก้านะคะ…”
เสียงหวานหยดเอ่ยด้วยแววตาเว้าวอน
ฟาเดลพยายามแกะแขนของหญิงสาวออก แต่มันกลับเหนียวหนึบ

“เธอคงเพี้ยนไปแล้วฮาน่า…เราเป็นพี่น้องกันนะ…”

“ลูกพี่ลูกน้องต่างหาก…”

“ก็นั่นแหล่ะ…”

“แต่ศาสนาเราไม่ได้ห้ามให้ลูกพี่ลูกน้องแต่งงานกันสักหน่อย…พี่ฟาเดลก็รู้…”

“ใช่…เพราะพี่รู้น่ะสิ พี่ถึงไม่ชอบให้เธอมาทำอะไรรุ่มร่ามแบบนี้
มันไม่เหมาะไม่ควรรู้ตัวรึเปล่า…”ชายหนุ่มพูดไปก็พยายามแกะมือ
ที่เหมือนหนวดปลาหมึกนั่นไปด้วย…

“ก็ไม่เห็นเป็นไร เดี๋ยวนี้ใครๆเขาก็ทำกันทั้งนั้นแหล่ะ
ถ้าไม่ลองมีอะไรกันก่อน จะรู้ได้ไงล่ะคะว่าต่อไปจะแต่งงาน
และใช้ชีวิตคู่กันได้รึเปล่า…”
หญิงสาวไม่วายกอดเอวจากทางด้านหลังของอีกฝ่ายที่พยายามจะหนีเธอ

“เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว…พี่ไม่เคยคิดแบบนั้นกับเธอ…และจะไม่มีวันคิดหรือทำด้วย…”
ฟาเดลตวาดอีกฝ่ายเพื่อเตือนสติ


"แล้วถ้าเธอยังรักและศรัทธาในอัลลอฮ์อยู่...พี่ขอให้เธอเลิกคิด
เลิกทำแบบนี้ซะ...มันไม่ใช่แนวทางของอิสลามเลย...รู้รึเปล่า...
หรือว่ารู้ แต่สู้กับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองไม่ไหว..."ฟาเดลเสียงขึ้นจมูก
เขามีจุดอ่อนก็ตรงน้ีแหล่ะ เวลาไม่พอใจกับสิ่งใดแล้ว สีหน้าและน้ำเสียง
จะเป็นตัวบ่งบอกทุกอย่างได้ดี...

"พี่ฟาเดลพูดเหมือนว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษที่ดีซะจนไม่เคยล่วงเกินผู้หญิงเลยนั่นแหล่ะ
ฮาน่าไม่มีทางจะเชื่อหรอกว่าพี่น่ะไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อน อายุพี่ก็ไม่น้อย"

...ฟาเดลถึงกับส่ายหน้า อิดหนาระอาใจกับคนตรงหน้าอย่างไม่รู้จะทำเช่นไรดี
แต่เมื่อนึกว่าเธอก็ไม่ต่างไปจากน้องสาวแม้จะไม่ได้เป็นพี่น้องร่วมสายเลือด
แต่ก็เป็นพี่น้องร่วมสายเชือกเดียวกัน จึงอดไม่ได้ที่ต้องตักเตือนสอนสั่ง

"เวลาเรารักสิ่งใดแล้ว เราก็จะยอมทำทุกอย่างเพื่อสิ่งนั้น...เธอว่ามั้ย..."
ฟาฮาน่าพยักหน้า

"นั่นแหล่ะ...พี่กำลังจะบอกว่า...พี่รักอัลลอฮ์...แม้จะไม่มาก
ถึงขนาดท่านนบีของเราก็เถอะ แต่พี่ก็รักพระองค์
ดังนั้น...มันจะแปลกอะไร ถ้าพี่จะทำตามที่พระองค์สั่งใช้ด้วยความเต็มใจ"

แล้วฟาเดลก็กล่าวอย่างฉะฉาน หนักแน่นว่า

"อย่าบอกว่าศรัทธา...จนกว่าจะยอมจำนนต่อคำสั่งใช้และคำสั่งห้าม
จากผู้ที่เรากล่าวปฏิญาณว่าศรัทธาเพียงหนึ่งเดียวไม่มีสิ่งอื่นใดเป็นภาคีแล้ว..."

ฟาเดลได้ทีตักเตือนอีกฝ่าย ที่ดูยังเด็กกว่าอายุมาก
ปล่อยให้สังคมนำพาไปไหนก็ได้สุดแต่อารมณ์ปรารถนาของตน
จนอดนึกเปรียบเทียบกับหะบีบี้ไม่ได้ แม้จะถูกหลอมกันมาคนละเบ้า
แต่เขาก็ชื่นชมหัวใจของเด็กสาวที่มีชื่อว่าเป็นที่รักอยู่นั่นเอง
เพราะมิใช่เพียงสติปัญญาอย่างเดียวหรอกที่จะทำให้คนๆนึงมีศรัทธามั่นได้
หัวใจของเขาก็สำคัญนัก...

“ไม่…ฮาน่าไม่ยอม…ยังไงพี่ฟาเดลก็ต้องเป็นของฮาน่าคนเดียว...คนอื่นห้ามยุ่ง…”
หญิงสาวดื้อแพ่ง ประกาศเสียงแข็งก่อนจะผลักชายหนุ่มเข้าชิดกับกำแพงห้อง
แล้วใช้มือลูบไล้ไปบนแผ่นอกของอีกฝ่ายเพื่อปลุกเร้า…

ฟาเดลพยายามจับมือนั่นแล้วแกะออกแต่ก็ยังไม่ส่งผลนัก
เขาเองก็ยังไม่อยากใช้ความรุนแรงกับคนตรงหน้า
ตราบเท่าที่ยังสามารถเจรจากันได้อยู่…

“อย่าปฏิเสธฮาน่่าเลย…น้าาาา”หญิงสาวออดอ้อน…

“เธอนี่ฟังไม่รู้เรื่องจริงๆ พี่บอกว่าไม่ก็ไม่สิ…สรุปว่าที่พี่พูดมาทั้งหมด
มันไม่ช่วยให้เธอคิดอะไรเพิ่มขึ้นเลยใช่มั้ย...”ฟาเดลเสียงแข็ง
แม้ว่าร่างกายจะเริ่มมีปฏิกิริยาบ้าง แต่ใจเขามันไม่ยอมรับสิ่งนี้…
เขาละอายเกินกว่าจะกล้าทำมัน!

“ที่บ้านนี้ตอนนี้ไม่มีใคร…มีแค่เราสองคน…จะไม่มีใครรู้
พี่ฟาเดลอย่ากลัวไปเลยนะคะ...ฮาน่ารู้ว่าพี่คงกลัวและเกรงๆคนในบ้านนี้...
เพราะเขาเคร่งครัดเรื่องศาสนานัก...”

หญิงสาวยอมรับว่าชายตรงหน้าช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งอยากใกล้เข้าไปอีก...
เธอรู้สึกชอบเขาตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เห็นเขาไปหาแม่ที่โรงพยาบาลแล้ว
เราเคยเจอกันเมื่อตอนยังเด็กๆ ตอนนั้นเธอแค่ไม่กี่ขวบ
แล้วก็ไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก จนลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีเขาอยู่ในโลกนี้...

แต่เขาก็กลับเข้ามาในชีวิตเธอในสภาพที่ตัวโตพร้อมด้วยขุมพลังเสน่หา

ที่ทำให้เธอไม่อาจหักห้ามใจได้...จนเธออยากกฝากชีวิตที่เหลือไว้กับเขา...

เขาคนที่ดีแสนดีกับเธอตอนที่เธอรู้สึกอ้างว้าง ตอนที่รู้ว่าแม่จะไม่กลับมาหาอีก...
เขาคือคนที่ปลอบประโลมเธอ...ให้เธอก้าวพ้นออกมาจากความเศร้าและว้าเหว่

เธออาจจะเคยทำตัวไม่ดี และปล่อยตัวปล่อยใจไปก้บใครๆมาก่อนโดยไม่คิดผูกพันธ์
แต่กับเขามันไม่ใช่ เขาเป็นเสมือนที่พักพิงสุดท้ายให้เธอได้มีลมหายใจต่อไป...

และมีเพียงเขาคนเดียวที่เธอมอบหัวใจให้...เธอสัญญากับตัวเองแล้วว่า


จะไม่ยุ่งเก่ียวกับชายใดอีก...แค่เขาจะรักเธอและแต่งงานกับเธอ ดูแลเธอไปตลอด...


“พี่ไม่ได้กลัวว่าใครจะเข้ามาเห็น…แต่ที่พี่กลัวน่ะ พี่กลัวพระเจ้า
เพราะพระเจ้ากำลังมองดูเราอยู่…พระองค์ทรงเห็นในทุกสิ่งนะฮาน่า
เธอไม่รู้หรือว่าพระองค์ทรงเห็น...ทรงรู้แม้แต่ในซอกหลืบของหัวใจเธอและพี่”

ฟาเดลยังคงพยายามเตือนสติอีกฝ่าย…แต่ดูเหมือนจะไร้ผล
หญิงสาวยังคงพยายามปลุกอารมณ์และกิเลสของเขาให้ลุกโชนขึ้นเรื่อยๆ

“พี่บอกให้พอไง…”ฟาเดลเริ่มขึ้นเสียง…

“ไม่ค่ะ…ฮาน่ารักพี่…และฮาน่าจะไม่ยอมให้พี่ไปรักใครด้วย…”

หญิงสาวยกมือทั้งสองขึ้นคล้องคอฟาเดลแล้วเขย่งปลายเท้าขึ้นจุมพิตอีกฝ่ายอย่างอุกอาจ
ทำเอาฟาเดลถึงกับตกใจ…อึ้งไปชั่วขณะ

ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าได้ขนาดนี้มาก่อน…

กล้าจนน่าใจหาย!






ส่วนทางด้านดารัล เมื่อส่งแขกคนสำคัญของบิดากลับเรียบร้อยแล้ว…
ดารัลก็รีบกลับมาพักที่บ้านทันที เนื่องจากอยู่ๆก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา…

ขณะกำลังจะเปิดประตูห้อง เธอกลับได้ยินเสียงคนกำลังคุยกันอยู่ในห้องข้างๆ
ซึ่งประตูไม่ได้ปิดสนิท ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เนื่องจากเสียงที่ได้ยินนั้นแสนจะคุ้นหู หญิงสาวเลยเดินเข้าไปแง้มดู
เห็นภาพและเสียงที่ทำเอาเธอเองถึงกับช็อก
เหมือนมีอะไรฟาดลงมาที่กลางกระหม่อมแต่กลับรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจ

“ว้ายยยยยยย…”ดารัลพยายามอุดปากตัวเองแล้วแต่เสียงมันยังเล็ดลอดออกไปจนได้
ทำเอาฟาเดลที่กำลังโดนน้องสาวต่างสายเลือดปล้ำจูบอยู่
ถึงกับผลักหญิงสาวผู้นั้นออกห่างทันทีทันใด ก่อนจะตกใจ
ที่เห็นว่าใครเป็นเจ้าของเสียง…



ที่เขาบอกฟาฮ่าน่าไปเมื่อครู่ว่า ไม่ได้กลัวว่าใครจะเห็นนอกจากกลัวพระเจ้านั้น
เห็นจะไม่ใช่แล้ว
ในเมื่ออีกคนที่เขาแคร์และห่วงใยความรู้สึกหนักหนา
กำลังยืนเอามือปิดปากมองเขาด้วยแววตากลมโตอย่างคนที่ตกใจสุดขีด

แล้วเนื่องมาจากรู้สึกคลื่นไส้อยู่เป็นทุนแล้ว ดารัลที่มาเห็นภาพแบบน้ันเข้าไปอีก
ก็กลั้นเอาไว้ไม่อยู่จนอาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุงเต็มพื้นห้องของฟาฮาน่า…
ก่อนจะพยายามพยุงตัวและสติหาทางกลับห้องนอนที่อยู่ติดกันแค่ฝาผนังกั้น…

แต่ไม่สำเร็จ…เธอหมดแรงล้มลงตรงหน้าประตูห้องของตัวเองเสียก่อน

“น้องรัล…”ฟาเดลรีบวิ่งเข้าไปหาร่างที่เดินโอนเอนแล้วล้มทั้งยืน
ก่อนจะยกร่างนั้นขึ้นอุ้มทันที

“เปิดห้องให้พี่หน่อย…”ฟาเดลสั่งฟาฮาน่าเสียงเข้ม

“เร็วๆสิ…”หญิงสาวได้ฟังก็รีบควานหากุญแจห้องจากกระเป๋าสะพาย
ของดารัลแล้วรีบไขกุญแจห้องนั้น…

“แล้วโทรหาคุณน้าด่วนด้วย…บอกว่าพี่รัลเป็นลม…เร็วสิ”
ฟาเดลสั่งอีกฝ่ายเสียงเข้มเมื่อเห็นว่ายังอยู่เฉย
ทำเอาฟาฮาน่าถึงกับสะดุ้งโหยง รีบทำตามคำสั่งทันที
ด้วยการลงไปยังด้านล่างเผื่อจะเจอใครบ้าง…แต่ก็ไม่เจอ




ฟาเดลวางร่างบางลงบนเตียง แล้วพยายามถอดผ้าคลุมศีรษะออกให้
เพื่อคลายความอีดอัด…รวบผมยาวสลวยนั้นตวัดขึ้นด้านบน
ก่อนจะพยายามมองหาตัวช่วยอื่นๆ…

ชายหนุ่มเดินไปเปิดดูผ้าขนหนูในตู้ก่อนจะเข้าห้องน้ำไป
แล้วกลับมาพร้อมผ้าขนหนูเปียกน้ำบิดพอหมาดๆ

เขามองดวงหน้าซีดเซียวตรงหน้าแล้วใจหาย…จึงใช้ผ้าเช็ดหน้า
เช็ดใบหน้าให้กับเธออย่างเบามือ…

“พี่ขอโทษน้องรัล…พี่ขอโทษ…”ชายหนุ่มพยายามขอโทษอีกฝ่าย
ทั้งๆที่รู้ว่าอย่างไรเธอก็ไม่อาจได้ยิน…

และเมื่อเห็นว่าน้องสาวหายไปนานเลยเริ่่มหงุดหงิิด…
เนื่องจากเขาไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่านี้ เขาจึงเรียกหาน้องสาว

“ฮาน่า…มาช่วยพี่หน่อย…”แล้วไม่นานหญิงสาวก็โผล่หน้าเข้ามา
พร้อมกับก้มหน้ายอมรับผิด

“ฮาน่าไม่เจอใครเลย…ไม่รู้จะโทรหายังไงด้วย…”

“งั้นเธอช่วยเช็ดตัวเปลี่ยนชุดใหม่ให้พี่เขาด้วย เดี๋ยวเรื่องอื่นพี่จัดการเอง…”

พูดจบฟาเดลก็รีบไปหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาอะมานีทันที
เนื่องจากว่าเขามีเบอร์ติดต่อท่านได้อยู่คนเดียว…


ไม่ถึงสามสิบนาที…อะมานี นาดา และก็มารดาของนาดาก็กลับมาถึงบ้าน…

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ…”

“น้องรัลอาเจียนแล้วก็เป็นลมไปครับ…”ฟาเดลบอก

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะน้องรัล…”นาดารีบไปหาลูกสาวที่นอนหน้าตาซึดเซียวอยู่
ทำเอาน้ำตาเธอถึงกับรื้นขึ้นมา

“มีใครเช็ดตัวให้บ้างรึยัง…”นาดาหันไปถาม…

“ฮาน่าเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แล้วค่ะ…”หญิงสาวตอบด้วยสีหน้าหงอยๆ

“เดี๋ยวพ่อเขาก็คงกลับมา…”
อะมานีบอก เพราะเธอได้โทรไปหาลูกชายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“จริงๆเวลานี้น้องรัลต้องอยู่ที่บริษัทสิ…เพราะว่าหลังจากไปส่ง
แขกของพ่อเขาแล้ว เขาก็กะจะเข้าบริษัทอยู่…”อะมานีเปรย

“สงสัยคงรู้สึกไม่สบาย เลยกะจะกลับมาพักผ่อนที่บ้านมั้งคะ…”
นาดาสันนิษฐาน

“ว่าแต่เป็นไงมาไงถึงไปอาเจียนที่หน้าห้องเราได้ล่ะฮาน่า”
อะมานีหันมาถามหญิงสาวอีกคนเมื่อได้ทราบเกี่ยวกับรายละเอียด


“เอ่อ…พี่เขาเข้าไปหาฮาน่าน่ะค่ะ…”แล้วหญิงสาวก็หยุดไว้แค่นั้น
ทำเอาฟาเดลถึงกับใจเต้น…หน้าเปลี่ยนสีทันที

“โชคดีนะที่มีหนูฮาน่ากับฟาเดลอยู่บ้าน ไม่งั้นไม่รู้จะเป็นยังไง…”
มารดาของนาดาเอ่ยขึ้นบ้าง


แล้วเพียงไม่นาน ดานีสก็กลับมาถึงบ้าน เขารีบเข้ามาตรวจดูอาการของลูกสาว
ก่อนจะถอนใจยาว…

“สงสัยจะพักผ่อนน้อย…ร่างกายเลยอ่อนแอ…เมื่อคืนไม่รู้ว่าได้นอนบ้างรึเปล่า
ส่วนเมื่อเช้าก็คงยังไม่ทันได้กินอะไรแน่ๆ ถึงได้คลื่นไส้อาเจียนออกมา…”
ดานีสสรุป ทำเอาอะมานีถึงกับฉุน

“ก็จะให้พักผ่อนยังไง…เล่นอยู่รับรองแขกตลอด…พาไปดูโน่นดูนี่
แถมยังต้องรีบสะสางงานที่บริษัท เห็นหอบเอางานมาทำที่บ้านทุกวัน…
เพราะพ่อตัวดีจะส่งให้ไปดูงานที่ไทย คงจะกลัวว่างานจะถล่มทับพ่อเข้า
เลยไม่ได้กินไม่ได้นอน เพราะคอยแต่จะเคลียร์งานน่ะสิ…”

อะมานีต่อว่่าต่อขานลูกชายเสียยกใหญ่
ทำเอาฟาเดลถึงกับใจหายกับประโยคที่ได้ยิน

เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เธอจะถูกส่งไปดูงานที่ไทย…

ส่วนดานีสก็ได้แต่ถอนใจ ไม่พูดตอบโต้อะไร
เนื่องจากรู้ว่าตนนั้นผิดที่ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป


“ยกเลิกมันได้มั้ย ไอ้ที่จะส่งลูกไปไทยน่ะ…เห็นๆอยู่ว่าช่วงนี้ลูกสาวสุขภาพไม่ค่อยดี…
ไปอยู่ทางโน้น…เกิดเป็นอะไรไป ใครจะดูแล…”
อะมานีได้ที…เลยซัดลูกชายไม่เลี้ยง

“ผมเองเห็นว่าลูกสนใจอยู่ไม่น้อย…ก็เลยจะส่งไป…เขาดูจะสนุกกับงานตรงนี้…
ซึ่งมันเป็นโอกาสที่ดีมากๆ…ดารุสเองก็ไปด้วย…”ดานีสอธิบาย…

“แต่น้ำค้างเห็นด้วยกับคุณแม่นะคะ ว่าเราไม่ควรส่งลูกไปตอนนี้…
ให้เขาโอเคกว่านี้แล้วค่อยไปไม่ได้เหรอคะ…”นาดาหันไปอ้อนวอนสามี
ดานีสได้แต่นิ่ง…

ส่วนฟาเดลเริ่มใจชื้นขึ้นมาได้บ้างแล้ว…
ต่อให้เธอจะโกรธหรือเกลียดเขาก็ตาม แต่เขาก็ยังอยากเห็นหน้าเธอ
ไม่อยากให้เธอจากไปไหนไกลตา…

“สงสัยคงต้องให้น้ำเกลือ…”ดานีสเห็นลูกสาวมีสีหน้าซึดเซียวกว่าปกติอยู่มาก
เลยตัดสินใจให้น้ำเกลือลูกสาวทางสาย…

“พี่รัลเป็นไรไปคะ…ทำไมต้องให้น้ำเกลือด้วย…”หะบีบี้ที่เพิ่งกลับเข้ามา
พร้อมกับพี่สาวฝาแฝดถามด้วยสีหน้าตกอกตกใจ

“พี่เขาอ่อนเพลียน่ะลูก…”นาดาเป็นฝ่ายบอกลูกสาวให้เบาใจลง

“อย่าบอกนะคะว่าเป็นลมไปอีกแล้ว…”นาดีญาถามย้ำ

“จ๊ะ…”นาดาพยักหน้า…

“เฮ้อ…ทำไมช่วงพักหลังๆมานี้ พี่รัลของเราถึงเป็นลมบ่อยนักล่ะคะ”
คนถามไม่วายชำเลืองไปทางฟาเดลที่ยืนพิงขอบประตูห้องอยู่

เธอไม่อยากบอกเลยว่า…ตั้งแต่พี่ฟาเดลเข้ามาอยู่ที่นี่
พี่สาวเธอเล่นเป็นลมไปไม่รู้ตั้งกี่รอบ…

“แม่ว่าเราปล่อยให้พี่เขาพักผ่อนเถอะ…”นาดาเป็นฝ่ายออกตัว
เพราะอยากให้ลูกสาวได้พักผ่อน ไม่อยากให้ใครรบกวนอีก…





เมื่อดารัลรู้สึกตัวและอาการดีขึ้นเรื่อยๆ…อะมานีก็เดินเข้ามาหาหลานสาว
นั่งลงข้างๆหลานสาว มือก็ลูบผมนั่นอย่างรักและเอ็นดู

“เป็นยังไงบ้าง…”หน้าตาที่ดูมีสีชมพูระเรื่อบ้างแล้วยิ้มให้ผู้เป็นย่า

“โอเคแล้วค่ะ…”ตอนนี้เธอไม่มีสายน้ำเกลือแล้ว…

“ที่ย่าเข้ามา…ย่ามีเรื่องอยากจะแจ้งกับน้องรัล…”ดารัลขมวดคิ้วนิดนึง

“เรื่องอะไรคะ…”

“หายดีเมื่อไหร่…ย่าจะให้เราแต่งงานกับฟาเดลสักที…
ย่าจะปล่อยให้อะไรๆมันเป็นแบบนี้ไม่ได้อีก…”ดารัลถึงกับตกใจดวงตาโต อ้าปากค้าง
ก่อนจะพยายามกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก

“ฟาเดลเล่าเรื่องทั้งหมดให้ย่าฟังหมดแล้ว…”

ดารัลกลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง ไม่เข้าใจในสิ่งที่ผู้เป็นย่ากำลังบอก

“เขาเล่าว่ายังไงคะ…”ดารัลถามด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนระโหยโรยแรง
อะมานีหันมาทางหลานสาวแล้วน้ำตาคลอเบ้า



...โปรดติดตามตอนต่อไป....


สงสัยมาแผนสูงแน่ๆงานนี้...

มาติดตามกันต่อค่ะ...


คงต้องบอกกับนักอ่านอีกนิดนึงว่า...

ในอิสลามนั้น...คนที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน สามารถแต่งงานกันได้ค่ะ

คือไม่ได้จัดว่าเป็นบุคคลต้องห้ามในการแต่งงาน...

เพราะหญิงที่ห้ามแต่งงานด้วยนั้นมีหลายประเภท...
แต่ลูกพี่ลูกน้องไม่ได้ถูกห้ามไว้


แต่ในบางทัศนะนั้น...จะหลีกเลี่ยงการแต่งงาน(มองว่าไม่ควร)
กับลูกพี่ลูกน้องที่พ่อของทั้งสองเป็นพี่น้องกัน...
ไม่รวมแม่ที่เป็นพี่น้องกันนะคะ


ดังนั้น เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างลูกพี่ลูกน้องนั้น...
ไม่ใช่เหตุปัจจัยที่มาห้ามให้ไม่สามารถแต่งงานกันได้...

แต่โดยปกติแล้ว...หากเราถูกเลี้ยงดูมาแบบพี่น้องด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ
เห็นกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร มันก็จะรู้สึกรักและผูกพันธ์แบบพี่น้องกัน
เพราะมีสายเลือดที่ใกล้เคียงกันอยู่...แม้จะไม่เหมือนพี่น้องร่วมสายเลือด

บางคนจึงไม่คิดที่จะแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง
เนื่องจากมิได้มีความรู้สึกพิศวาสในทางชู้สาวด้วยนั่นเอง..

แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ถูกเลี้ยงมาด้วยกัน อยู่กันคนละที่...
ก็ไม่แปลกที่จะรู้สึกแบบในเชิงชู้สาวกันได้ เพราะไม่คุ้นเคย...

ซึ่ง...หลักการอิสลามเปิดทางให้ในเรื่องนี้ค่ะ...
มันมิได้เป็นภัยคุกคามแต่อย่างใด
ซึ่งไม่เหมือนพี่น้องร่วมดื่มนมจากแม่นมคนเดียวกัน
อันนั้น ต่อให้เกิดมาคนละสายเลือด แต่น้ำนมคือปัจจัยหลักในเรื่องนี้
และพี่น้องร่วมดื่มนมกันนั้นเป็นบุคคลต้องห้ามค่ะ...
มันได้ถูกห้ามไว้อย่างชัดเจนในคัมภีร์ ต่างจากลูกพี่ลูกน้อง อันนี้ไม่ได้ห้ามไว้...


ในหลักการนั้นมีเหตุที่มาและรายละเอียดมารองรับ...
ซึ่งคงต้องเป็นเรื่องที่จำต้องศึกษาในเชิงลึกค่ะ...

โยเองคงนำมาอธิบายมิได้ทั้งหมด แต่จะพยายามสอดแทรกความรู้ตรงนี้ไว้
ในนิยายนะคะ...^^






...งั้นขอคุยกันนักอ่านจากบทที่แล้วกันนึดนึงก่อนไปหาข้าวกิน...

1.คุณแว่นใส...พุ่งได้ไม่เท่าไหร่ คู่แข่งที่ว่าก็เหมือนจะโดนสะกัดดาวรุ่งซะแล้ว
อิอิอิ...มาดูกันต่อค่ะว่าอีตาพระเอกเขากำลังมาแผนไหน...
ซึ่งคนที่ต้องระวังแทนที่จะเป็นฟาเดล แต่กลับกลายเป็นดารัลซะแล้วล่ะงานนี้...
เหอๆ


2.คุณคิมหันตุ์...แต่ตอนนี้ไม่ใช่ลูกปาดที่เนื้อหอม
เพราะฟาเดลก็เนื้อหอมจนเกือบจะโดนง้าบซะแล้ว...
ดารัลก็น้าาาาาา...หมูเขาจะหามดันเอาคานเข้าไปสอด...
เป็นได้เรื่องเลย...ถูกน็อคกลางอากาศ เป็นลมไปอีกรอบ...ฮ่าๆๆๆ


3.คุณตุ๊งแช่....ขอบคุณค่ะที่ชมเต่า...อิอิอิ
(ชมมาแล้วต้องรีบรับค่ะ เพราะนานๆทีจะได้มา...อิอิอิ)
ตอนนี้ได้เห็นความเป็นสุภาพ-บุ-หลุด แล้วใช่ม้ัยคะ...
เกือบหลุดความสุภาพแน่ะ...นี่ถ้าหนูดารัลไม่มาซะก่อน
เต่าว่า สุภาพบุรุษก็คงจะรอแร่ หลุดรุ่ยนะคะ...ฮ่าๆๆๆ...



สุดท้ายไม่ท้ายสุด

ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่กดไลค์ให้กันแบบไม่บอกไม่กล่าวนะคะ...
แค่เห็นว่า มีคน "ไลค์" คนเขียนก็หน้าชื่นขึ้นมาแว้วววววว...

และขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านกันด้วยค่ะ


..และเช่นเดิมค่ะ..

รักษาสุขภาพนะคะ































yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.ย. 2557, 13:38:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.ย. 2557, 13:38:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 3134





<< บทที่ 4 แขก   บทที่ 6 ความเจ็บปวด >>
ตุ๊งแช่ 8 ก.ย. 2557, 14:44:57 น.
เฮ้อ 1 ที เป็นผู้ชายที่ไม่มีสติจริงๆ ฟาเดล แค่เห็นชุดสาวเจ้าน่าจะเดาเจตนาได้แล้วนะ
แต่ดารัล นี่เจอ เหตุการณืแบบนี้ อ้วกใส่ซะงั้น 555 มีแต่เข้าจะวิ่งเข้าจิกกัดกัน

แอบสงสัย ทีแบบนี้ ทำไมดารัลเปิดหน้าให้ฟารกเห็น ไม่ปิดบังเหมือนตอนฟาเดล เอ๊ะยังไงนี่


แว่นใส 8 ก.ย. 2557, 16:25:18 น.
อธิบายให้รู้เรื่อง แล้วก็แยกฟาฮาน่าออกมาซะนะ


คิมหันตุ์ 9 ก.ย. 2557, 02:14:11 น.
เอ๋ เล่าให้ย่าฟัง แผนไหนเนี้ยะ. เข้าทางผู้ใหญ่ช่ายเป่าตัว???


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account