...คาสบลังก้า...ดารัลฟาเดล...(จบแล้วค่ะ)
สืบเนื่องมาจากเรื่อง "อะรูซะตี...เจ้าสาวของผม"
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของลูกสาวสุดหวงของหมอดานีส
กับนาดา โดยเรื่องราวของคุณพ่อเมื่ิอครั้งก่อนนั้น
จะเป็นแนา "แต่งก่อนจีบ"
แต่สำหรับรุ่นลูกแล้ว จะเป็นแนว "จีบก่อนแต่ง"

ต้องมาคอยดูกันค่ะว่า จะจีบกันอย่างไร แล้วคุณหมอดานีส
ที่ต้องมารับบทบาทเป็นพ่อของลูกทั้งเจ็ดจะตกอยู่ในสภาพเช่นไร..
แล้วนาดาจะเป็นแม่แบบไหน...



เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของเมือง
"คาสบลังก้า" หรือ "อัดดารัลบัยฎออ์"
ซึ่งแปลว่า..."บ้านสีขาว"
ดินแดนในฝันดั่งต้องมนต์เสน่หาแห่งโมร็อกโก...
กับดินแดนอันแสนอบอุ่นด้วยไอรักแห่งแดนอาทิตย์อุทัย...

พบกับเขาและเธอ...

...ดารัล...ฟาเดล...

หญิงสาวที่หัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความรักความอบอุ่น
จากครอบครัวอันแสนสุขและน่ารัก...
ชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่เคยต้องการสิ่งใดอีกแล้ว
เพราะเธอพอใจทุกอย่างที่มีมาตลอด

จนเมื่อเจอกับเขา...ที่นั่น "คาสบลังก้า"
เขาทำให้เธอไม่อาจลบลืมมนต์เสน่หาของที่นั่นได้เลย
ไม่ว่าจะยามหลับหรือตื่น...

กับ

ชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยรูปเปลือกที่สวยงามสมบูรณ์
หากภายในใจนั้นยังคงโหยหาไออุ่นแห่งรักจากใครสักคน
มาเติมเต็มหัวใจกำพร้าของเขา...

แล้วเธอคือผู้ที่เขาค้นพบว่ามีทุกอย่างที่เขากำลังต้องการอยู่
ดังนั้น...ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาก็จะปล่อยเธอ
ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!




Tags: หวานซึ้งโรแมนติก ดราม่า โมร็อกโก คาสบลังก้า ทะเลทรายซาฮาร่า ดารัล ฟาเดล โสภณพสุธ

ตอน: บทที่ 6 ความเจ็บปวด



“เขายอมรับกับย่าว่า…เขาเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องรัลต้องเป็นลมในทุกๆครั้ง…
เขาบอกย่าว่า…”อะมานีหยุดนิดนึงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอด

“เขาสารภาพว่าเขาเป็นคนกอดและจูบน้องรัล
แล้วก็เป็นคนทำให้น้องรัลช็อกจนเป็นลมหมดสติ…
และมันคงไม่ใช่แค่ครั้งเดียวใช่มั้ยน้องรัล”ดารัลส่ายหน้าทันทีเมื่อโดนคาดคั้น

“ไม่จริงค่ะคุณย่า…ไม่จริงสักนิด เขาโกหก…”
ดารัลปฏิเสธพร้อมด้วยน้ำตาที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหน
อยู่ๆมันก็ไหลลงมาอย่างไม่อาจสะกัดกั้นได้


“เขาจะโกหกทำไม…อย่าปิดบังย่าต่อไปอีกเลยน้องรัล…เพราะทุกครั้งที่หนูเป็นลม
เขาก็อยู่ด้วยทุกครั้ง...ย่าสังเกตรู้”
อะมานีพยายามแล้วที่จะไม่คาดคั้นเอาอะไรจากหลานสาว
ที่ยังอยู่ในสภาพที่อ่อนแออยู่เช่นนี้

“เขาสารภาพกับย่า…เรื่องนี้มีเพียงย่ากับเขาเท่านั้นที่รู้…
น้องรัลไม่ต้องกังวลนะลูก…เขาไม่พูด ย่าไม่พูด ก็จะไม่มีใครรู้…”

“แต่พระเจ้ารู้ค่ะคุณย่า รู้ว่าเขาโกหก…ปั้นเรื่อง…”

“เขาบอกว่าครั้งแรกที่คาสบลังก้า…ครั้งนั้นทำให้น้องรัลโกรธเขา
จนประกาศว่าจะไม่กลับไปเหยียบที่นั่นอีก…
เขาบอกว่า เขาไม่ได้ตั้งใจจะหยามเกียรติของน้องรัล มันเป็นอุบัติเหตุ”

อะมานีเล่า ดารัลได้แต่ก้มหน้านิ่ง เพราะจะว่าเขาโกหกคงไม่ใช่…
แต่มันก็แค่อุบัติเหตุอย่างที่เขาบอกนี่…

“แล้วครั้งที่สองก็คือในห้องครัว…”ดารัลส่ายหน้า เพราะว่่านี่คือการใส่ไคล้เธอชัดๆ
ตอนนั้นแทบไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ…

ทำไมเขาต้องโกหกด้วย…

“แล้วครั้งที่สามก็คือล่าสุด…เขาบอกว่า ทั้งหมดมันเป็นเพราะเขา...
เขาทำให้น้องรัลป่วย...”

“ไม่จริง!”ดารัลปฏิเสธเสียงแข็ง เธอรับไม่ได้จริงๆ
เพราะครั้งนี้คนที่เขาจูบจริงๆไม่ใช่เธอ…

“ย่ารู้ว่าหนูอาย…แต่เมื่อเหตุการณ์มันเป็นไปแบบนี้…
ย่าว่าแต่งงานเลยก็ดีนะลูก…ไหนๆก็ไหนๆแล้ว
เราจะโกรธย่าที่ชักนำเขาเข้ามาก็ได้ ย่ายอมรับผิด”

อะมานีน้ำตาร่วง เพราะไม่เคยคิดว่า
ตัวเองจะเป็นต้นเหตุก่อให้เกิดเหตุการณ์ไม่เหมาะสมแบบนี้ขึ้น

เรื่องหนุ่มสาวนั้น ช่างควบคุมได้ยากเหลือเกิน…
ทั้งๆที่เธอระวังแล้ว แต่มันก็ยังเกิดขึ้นจนได้…

“เขาโกหกค่ะคุณย่า…เขาโกหก ปั้นเรื่องใส่ร้ายป้ายสีน้องรัล…
คุณย่าต้องเชื่อน้องรัลนะคะ…น้องรัลไม่เคยโกหก คุณย่าก็ทราบ…”
อะมานีกุมมือหลานสาวเอาไว้แล้วถามว่า

“งั้นบอกย่าได้มั้ยว่า ตรงไหนที่เขาพูดไม่จริง…แล้วความจริงมันคืออะไร”
มาถึงตรงนี้ดารัลก็ถึงกับอึ้ง

เธออายที่จะพูดถึงมัน ยิ่งให้เธอพูดความจริงเรื่องเขากับฟาฮาน่าเธอก็ไม่อยากจะทำ…
เธอไม่ต้องการจะเปิดเผยเรื่องน่าอายของคนอื่น
ในเมื่อเจ้าตัวซึ่งเป็นผู้หญิงพยายามปิดไว้ ก็ไม่เป็นเรื่องสมควรที่เธอจะเปิดเผยมัน…
เพราะการเปิดเผยมันออกมา ไม่แตกต่างจากการประจานคนอื่น


“ทำไมไม่พูดล่ะ…บอกย่าสิ…”ดารัลได้แต่นิ่งงัน…

และเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ อะมานีก็ได้แต่ลอบถอนใจ

“เอาเถอะ…เอาไว้ค่อยคุยกันวันหลังก็ได้ ให้หนูแข็งแรงกว่านี้ก่อน…
ย่าก็แค่คิดว่า…อยากทำให้อะไรๆมันถูกต้อง…”

ดารัลคว้าข้อมือผู้เป็นย่าที่กำลังจะลุกจากเตียง
ก่อนจะปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา อะมานีเลยโอบกอดหลานสาวเอาไว้
แล้วลูบหลังเป็นการปลอบโยน…

“น้องรัลเกลียดเขาค่ะคุณย่า…”ดารัลบอกกับอะมานีด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
แววตาลุกวาวด้วยความคับแค้นใจ

“เดี๋ยวอยู่ๆกันไปก็จะรักกันไปได้เองนะลูก…เชื่อย่า…”
อะมานีปลอบหลาน

“ย่าไม่อยากให้ใครมาดูถูกหลานย่า…ว่าหลานย่าไม่รักนวลสงวนตัว
ยอมให้เขาเชยชมแล้วทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไรเหมือนหญิงที่รักสนุก…

ในเมื่อพี่เขายินดีจะรับผิดชอบทุกอย่าง…ย่าก็ไม่เห็นว่าจะไม่มีอะไรที่ไม่ดีนะลูก…
เราจะได้เป็นของเขาแค่เพียงคนเดียว…

ย่าขอโทษที่พาเขามา…ย่าขอโทษ…”อะมานีขอโทษหลานสาว
ด้วยความรู้สึกผิดอย่างแท้จริง…

“คุณย่าไม่ผิด…คนที่ผิดคือเขา…เขาคนเดียว!…”
ดารัลพูดด้วยแววตาเคียดแค้น







ในห้องรับแขกที่ปิดตายของบ้าน…

“ย่าคิดว่า เราสองคนคงมีเรื่องที่จะต้องคุยกัน…ย่าให้โอกาสได้คุยกันสองคน…
ครั้งนี้แค่ครั้งเดียว…”อะมานีหันไปพูดย้ำกับฟาเดลด้วยแววตาคมดุ
ก่อนจะหันไปทางหลานสาวแล้วยิ้มบาง

“ปรับความเข้าใจให้ตรงกันซะนะ…”แล้วอะมานีก็เปิดประตูออกไป
ทิ้งให้ทั้งสองเผชิญหน้ากันเพียงลำพัง…

“ทำไมต้องโกหกด้วย!…”ดารัลเปิดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงเข้มปราศจากความอ่อนหวาน
แววตากระด้าง

“ตรงไหนที่พี่โกหก…”ฟาเดลถามกลับ สีหน้าเรียบตึง แววตานิ่งสงบ

“เรื่องที่ห้องครัวกับที่ห้องฟาฮาน่า มันโกหกทั้งเพ…”

“แต่เธอก็ปฏิเสธไม่ได้ไม่ใช่เหรอว่าเธอโดนพี่จูบแล้ว กอดแล้ว
แล้วก็อุ้มแล้ว ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง…”
ดารัลกัดฟันมองหน้าคนตอบด้วยแววตาเจ็บแค้น

“งั้นทำไมไม่รับผิดชอบฟาฮาน่าซะด้วยล่ะ…”ดารัลตอกกลับอีกฝ่ายอย่างเผ็ดร้อน
ทำเอาฟาเดลถึงกับหน้าเปลี่ยนสี

“พี่ไม่ได้จูบเขา เขาต่างหากที่จูบพี่…”

“พูดเห็นแก่ได้…”ดารัลต่อว่าต่อขานด้วยสีหน้าดูถูกอย่างโจ่งแจ้ง

“พี่พูดเรื่องจริง…เขาโทรมาบอกว่าไม่สบาย พี่ก็มาดู
แล้วเขาก็จะปลุกปล้ำพี่…พระเจ้าเป็นพยานได้”สีหน้าเขาจริงจัง แววตาซื่อตรง
และไม่สะทกสะท้านยามเมื่อกล่าวถึงบุคคลที่สาม


“หยุด!”ดารัลยกมือขึ้นห้าม

“ฉันไม่เชื่อ และไม่คิดจะเชื่อ…อย่าเอาพระเจ้ามาสาบาน”

ฟาเดลลอบถอนใจยาว…ให้เขาอธิบายเรื่องนี้ไปก็ไม่ต่างจากการสาวไส้ให้กากิน
ไม่มีประโยชน์อันใดจะพูด เพราะพูดไปก็มีแต่จะเสียหายกันทั้งเขาและฟาฮาน่า
เขาไม่อยากหยิบยกเรื่องไม่ดีหรือการกระทำไม่ได้ของใครมาแฉซ้ำๆซากๆ


เพราะรู้ว่าพูดไปก็เหมือนแก้ตัว...คนอย่างเธอคงไม่เชื่อ...
ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะไม่พูดถึงมันอีก ด้วยการปิดบทสนทนาเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า

“พี่จะไม่พูดเรื่องนี้อีก…เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะเอามาพูด
เอาเป็นว่าพี่กับฟาฮาน่ารู้ดีที่สุดในเรื่องนี้…”
ฟาเดลหยุดเมื่อมองคนตรงหน้านิดก่อนจะกัดฟันพูดต่อไปว่า

“แต่ที่เรากำลังจะพูดก็คือ เร่ืองระหว่างเราสองคน…”

“มันจะไม่มีอะไรทั้งนั้น…ไม่ว่าจะหมั้นหรือแต่ง…”ดารัลปฏิเสธเสียงแข็ง

“เราหยุดมันไม่ได้แล้ว…คุณปู่กับคุณย่าของพี่กำลังจะเดินทางมา…
และพ่อกับแม่ของเธอก็ยอมรับในเรื่องนี้แล้ว…”ฟาเดลยืนยัน

“แต่ฉันไม่ยอมรับ!”

“อย่าดื้อได้มั้ย…”ฟาเดลพ่นลมหายใจออกมา

“เธอไม่เข้าใจหรือว่าเรื่องนี้มันไม่ได้ส่งผลแค่เราสองคนเท่านั้น”

“ก็เพราะคุณไปบอกคุณย่าในเรื่องที่มันไม่เป็นความจริง…”

"พี่บอกว่าพี่จูบเธอ กอดเธอ อุ้มเธอ ปฐมพยาบาลเธอ เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอ
เป็นลมหมดสติในทุกๆครั้ง...แล้วพี่ทำให้เธอเสียหายโดยที่เธอไม่เคยเต็มใจ
และพร้อมจะรับผิดชอบทุกกรณี…แบบนี้พี่โกหกเหรอน้องรัล”

ฟาเดลเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน

“แต่คุณพูดเกินความจริง…ยังไงฉันก็ไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับคุณ…
เพราะฉันเกลียดคุณ…ได้ยินมั้ยว่าเกลียด…คุณมันน่่ารังเกียจที่สุด…”

ดารัลกัดปากตัวเองจนห้อเลือด…แววตาที่มองเขามีแต่ความเจ็บแค้นปนเกลียดชัง
อย่างที่อีกฝ่ายสามารถรับรู้มันได้ไม่ยากเย็นเลย…

“คำก็เกลียด สองคำก็เกลียด…ทำไมฮะน้องรัล…ทำไมถึงได้จงเกลียดจงจังพี่นัก…”
ฟาเดลตัดพ้อ

“ฮึ…คนที่เห็นแก่ได้ หน้าไม่อาย แล้วก็ฉวยโอกาสแบบคุณ
แค่เกลียดมันอาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ…”ดารัลเย้ยหยัน ในดวงตานั้นหรือมีแต่ความเกลียดชัง…
และรังเกียจอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด

จนฟาเดลเห็นเข้าก็ถึงกับอารมณ์ขาดผึง
อยากจะดึงอีกฝ่ายเข้ามาจูบให้หายแค้นนัก…

ในชีวิตเขาไม่เคยมีใครจะทำร้ายจิตใจเขาให้เจ็บปวด
ได้เท่ากับที่เธอกำลังทำอยู่ขณะนี้มาก่อนเลย

…เธอควรจะถูกสั่งสอนซะบ้าง…จะได้ไม่ทำแบบนี้อีก…

แต่เมื่อนึกถึงแววตาคมดุของท่านหญิงอะมานีก่อนหน้านี้
ท่านไว้ใจเขาเลยทิ้งเขาไว้ตามลำพังกับหลานสาว
เขาจะทำลายความไว้วางใจนี้ลงได้อย่างไร ชายหนุ่มจึงหันหลังให้หญิงสาว
แล้วพยายามข่มอารมณ์โกรธเอาไว้อย่างสุดกำลัง…

…เธอคงจะไม่รู้ตัวเลยสินะ ว่าได้จุดไฟในหัวอกเขาให้ลุกพล่าน
และมันปลุกอารมณ์เขาให้ลุกโชนได้ยิ่งกว่าที่ฟาฮาน่าทำเสียอีก…

“ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง…มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก
พี่ยืนยัน…เธอต้องแต่งงานกับพี่ ไม่ว่าจะรักหรือเกลียดก็ตาม”
ฟาเดลพูดโดยพยายามข่มอารมณ์บางอย่างที่กำลังลุกอยู่ไปด้วย

“บีบบังคับให้คนอื่นแต่งงานกับตัวเองด้วยวิธีแบบนี้…
มันไม่ดูเป็นการเสียศักดิ์ศรีไปหน่อยเหรอ…คุณยังเป็นลูกผู้ชายอยู่รึเปล่า”

ดารัลพูดตรงจุด จนฟาเดลถึงกับกัดฟันกรอด…

เขาพยายามจะไม่หันหน้าไปมองเธอเพื่อจะได้ข่มอารมณ์ได้ง่ายขึ้น…

แต่ดูเธอสิ…เคยคิดบ้างไหมว่าการพูดแบบนี้มันจะส่งผลให้ตัวเองมีภัย


“เสียศักดิ์ศรีก็ช่าง…ขอแค่ได้เธอมาเป็นเมีย ให้ทำมากกว่านี้พี่ก็ยอม”

“หน้าไม่อาย…หน้าด้านที่สุด…คุณมันน่ารังเกียจ”

ดารัลต่อว่าต่อขานอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงปวดร้าว…ดวงตาร้อนผ่าว

“จะด่าว่าอะไรพี่ก็เชิญ…แต่ขอให้รู้เอาไว้ว่า…เธอปฏิเสธที่จะเป็นเมียพี่ไม่ได้แน่…
เตรียมตัดชุดเจ้าสาวไว้รอได้เลย”ฟาเดลหันมายิ้มหยันอีกฝ่าย…ด้วยแววตาเฉียบขาด
และดุดัน...


แล้วเขาก็ได้เห็นน้ำตาของเธอร่วงลง หญิงสาวทรุดเข่าลงตรงพื้น
ก่อนจะยกมือปิดหน้าร้องไห้ตัวโยน…ทำเอาฟาเดลถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ
หัวใจสั่นสะท้านกับภาพตรงหน้าจนอยากจะเข้าไปประคองเธอและปลอบโยนเธอ
แต่จะทำได้อย่างไร ในเมื่อเขาเป็นคนทำให้เธอตกอยู่ในสภาพเช่นนั้นเอง…

“จะให้พี่เสียอะไรพี่ก็ยอมนะน้องรัล…แต่พี่จะไม่ยอมเสียเธอไปให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น…
โดยเฉพาะกับไอ้หนุ่มที่พ่อเธอพามาแนะนำ อย่าหวังว่าพี่จะยอมให้เธอไปเมืองไทย
เพื่อที่จะได้ทำงานร่วมกันกับเขาหรอก…”ดารัลเงยหน้าขึ้นมองคนพูด

“พี่มองออกว่าเขาพอใจในตัวเธอและเธออาจจะชอบเขาก็ได้…ได้ข่าวว่าปลื้มนักปลื้มหนา
ไม่ใช่เหรอ...แต่มันจะไม่มีวันนั้น…ไม่มีวันนั้นหรอก…”

ดารัลลุกพรวดเดียวก็ถึงตัวของฟาเดลก่อนจะฟาดหน้าเขาทั้งแก้มซ้ายและแก้มขวา
ชนิดไม่ยั้งมือหรือกำลังลงเลย…มีเท่าไหร่สาดไปเต็มๆด้วยแรงโกรธและด้วยไฟแค้น
ที่มีต่อเขามันกำลังลุกไหม้ท่วมใจเธอ

หากชายหนุ่มกลับยืนนิ่งเหมือนหินยอมให้เธอประทุษร้ายเขา
ด้วยการตบหน้าเขา ทำร้ายร่างกายเขา
โดยไม่ตอบโต้หรือปริปากบ่นออกมาแม้แต่คำเดียว…
จนหญิงสาวถึงกับเหนื่อยหอบก่อนจะยกมือปิดหน้าก้มหน้าร้องไห้ตัวโยนในที่สุด…

“เกลียดพี่เถอะ…เพราะมันยังดีกว่ารู้สึกเฉยๆกับพี่…
เพราะเธอจะได้ไม่มีเวลาไปคิดถึงใครอีก…
นอกจากคนที่เธอเกลียดจนหมดหัวใจอย่างพี่ไงล่ะ…”

ฟาเดลเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องรับแขกแห่งนั้นไปด้วยสีหน้าเจ็บปวด…

เจ็บกายอีกไม่กี่เสี้ยววินาทีก็คงหาย แต่หัวใจที่เหน็บชาเล่า...

อะมานีที่อยู่หน้าห้องเห็นใบหน้าแดงก่ำเป็นรอยนิ้วมือของหลานชายหัวแก้วหัวแหวน
ของเพื่อนสนิทก็ตกใจ…

…สงสัยหลานสาวเธอจะแผลงฤทธิ์ใส่ให้ไม่ยั้งแล้วแน่ๆ…

คิดได้ดังนั้น อะมานีก็รีบเข้าไปในห้องรับแขก

เห็นหลานสาวกำลังคุกเข่าร้องไห้ตัวโยนกับพื้นห้องก็ตกใจ
รีบเข้าไปหาแล้วคุกเข่าลงโอบกอดร่างนั้นด้วยความรักเท่าชีวิต

“ฟาเดลไม่ได้ทำอะไรเราใช่มั้ยลูก…”
เสียงนั้นร้อนรนปนห่วงใยดารัลส่ายหน้า

“เขาไม่ได้ทำร้ายหรือแตะต้องร่างกายของน้องรัลเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่เขาทำร้ายที่ตรงนี้ค่ะคุณย่า…ที่ตรงนี้…”
ดารัลยกมือขึ้นทาบที่อกข้างซ้ายแล้วร้องไห้สะอื้น

ไม่เคยสักครั้งในชีวิตทีี่เธอจะร้องไห้ได้ถึงขนาดนี้…

อะมานีจึงโอบร่างนั้นมากอดไว้แล้วลูบหลังปลอบประโลม
นาดากับดานีสเข้ามายืนดูอยู่ตรงประตูห้องก็ได้แต่ลอบถอนใจ
ไม่มีใครจะเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ได้หรอกว่า
จะเสียใจแค่ไหนที่เห็นลูกตกอยู่่ในสภาพเช่นนี้

“เราควรจะให้ลูกแต่งงานจริงๆเหรอคะคุณหมอ…น้ำค้างสงสารลูก…”
ดานีสลอบถอนใจ

“มาถึงขั้นนี้แล้ว จะให้ถอยยังไงอีก…ฝ่ายชายเขาก็สารภาพหมดเปลือกไปแล้วนี่
เธอจะให้ฉันปล่อยให้เรื่องทุกอย่างเงียบหายไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง…
ใครรู้เข้าจะมองเราในทางเสียหายได้…
และถึงจะไม่มีใครรู้…แต่ฉันก็ละอายต่อพระเจ้า…
ที่จะปล่อยให้ลูกของเราโดนเขาเอาเปรียบโดยไม่ทำให้มันถูกต้องซะ…”
นาดากุมมือผู้เป็นสามีด้วยสีหน้าอมทุกข์…

“ฉันมันทำหน้าที่พ่อได้ไม่ดีเองแหล่ะน้ำค้าง…”
ดานีสโทษตัวเองด้วยดวงตาแดงก่ำ…

“อย่าโทษตัวเองแบบนั้นสิคะ…ถ้าคุณผิด แล้วน้ำค้างล่ะ…”
นาดามีสีหน้าหน้าเศร้าหมอง…

“เฮ้อ…เรื่องหนุ่มสาวนี่มัน…เหมือนน้ำมันกับไฟแท้ๆ
…เราไม่อาจควบคุมให้เป็นไปตามใจเราได้หมดจริงๆ…
ตอนนี้มันก็เลยลามมาเผาใจเราให้มอดไหม้ไปด้วย…”
ดานีสบ่นออกมาอย่างปลงๆ…

“น้ำค้างเสียใจ…”นาดาร้องไห้กับอกของสามี…

“บางที…เรื่องมันอาจจะไม่แย่อย่างที่เราคาดคิดไว้ก็ได้นะ…
ฉันมองว่า…ไอ้หนุ่มคนนี้…น่าจะเอาลูกเราอยู่นะ…

เห็นดูหงองๆอย่างนั้น…มันยอมให้ลูกเราตบได้ขนาดนี้โดยไม่ทำอะไร
ลูกเรากลับไปเลยสักนิดเดียว…ก็นับว่ามีน้ำอดน้ำทนอยู่ไม่น้อย…

อย่างน้อยก็มีวุฒิภาวะและดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าลูกเราอยู่หลายเท่า…

เธอก็เห็นสภาพลูกแล้วใช่มั้ย…ขนาดทำร้ายเขาแท้ๆ
แต่ก็มานั่งคุกเข่าร้องไห้ตัวโยน…เหมือนตอนเด็กๆเวลาที่ถูกขัดใจไม่มีผิด”

“ลูกคงเจ็บปวดที่ใจน่ะค่ะ…น้ำค้างดูออก…”

“ก็ถ้าต่่างฝ่ายต่างตะลุมบอนใส่กัน เธอว่าสภาพจะเป็นยังไงล่ะ…
ฉันน่ะผิดที่เลี้ยงลูกตามใจมาตลอด…พอจะมาดัดเอาตอนนี้ก็ไม่ได้แล้ว
ส่งไปให้คนอื่นดัดบ้าง ไม่แน่ว่าไอ้หนุ่มคนนี้อาจจะมีวิธีดัดได้สวยงาม
กว่าฉันที่เป็นพ่อก็ได้…ก็คงต้องคอยดูกันต่อไป”

ดานีสพยายามมองโลกในแง่ดี…อย่างน้อยเรื่องร้ายๆมันก็ยังไม่เกิดขึ้น…
สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ยึดมั่นอยู่บนความถูกต้อง…

“เป็นอย่างคุณหมอว่าก็ดีสิคะ…”นาดาอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล

“หัดมองโลกในแง่ดีๆเหมือนเมื่อตอนเธอยังสาวๆอยู่บ้างสิ…
เพราะมันช่วยให้ไม่แก่เร็วเกินไปนะ…”ดานีสแกล้งแหย่ภรรยาเล่นให้หายเศร้า

“ค้าาาาา…พ่อหนุ่มน้อย…”นาดาไม่วายแขวะคนตรงหน้าเล่น…

การใช้ชีวิตร่วมกัน หากพยายามมองแต่ด้านแย่ๆของอีกฝ่าย
ด้วยการประเมินสิ่งต่างๆหรือสถานการณ์ที่วิ่งเข้ามาหาในด้านลบ…
ป่านนี้เธอกับเขาก็คงจะไปกันไม่รอด และคงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันมาจนป่านนี้…

ยิ่งต้องเลี้ยงดูลูกด้วยกัน ยิ่งต้องพยายามมองกันในแง่ที่ดี
อย่างน้อยมันก็ทำให้ลดเรื่องการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างกันลงไปได้เยอะทีเดียว

เพราะเมื่อมีลูกด้วยกันแล้ว คู่สามีภรรยาก็จะมีเรื่องให้ต้องขัดแย้งกัน
มีหัวข้อให้ต้องทะเลาะกันเพิ่มขึ้น…ซึ่งมันขึ้นอยู่กับมุมมองของเรา
ที่มีต่อสิ่งต่างๆที่จู่โจมเข้ามา ซึ่งมันก็ไม่ต่างไปจากเกลียวคลื่นซัดฝั่ง
ที่โหมเข้ามาราวกับจะทำลายทุกสิ่งอย่างที่อยู่ตรงหน้าหรือขวางกั้นอยู่
แล้วสุดท้ายก็หายเงียบไปเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน…

…ดังนั้น…ทัศนคติที่ดี…ย่อมเป็นแรงผลักดันที่ทรงพลังยิ่ง…
ในการจะขับเคลื่อนวิถีชีวิตของเราและคนรอบข้างเรา…







“ปล่อยฉันไปเถอะนะ…ฉันขอร้องล่ะ…”ดารัลถึงกับเอ่ยปากอ้อนวอนอีกฝ่าย
ขณะที่ถูกพามายังร้านตัดชุดเจ้าสาว…ซึ่งมีน้องสาวของเธอตามมาด้วย…
เธอจึงเอ่ยกับเขาเมื่อนั่งเลือกของชำร่วยด้วยกันอยู่...

ในชีวิตเธอไม่เคยต้องอ้อนวอนใครขนาดนี้มาก่อนเลย…
แต่ครั้งนี้ เธอยอม ต่อให้ต้องคุกเข่าอ้อนวอนเขาเธอก็ยินดีจะทำ

“ให้ฉันคุกเข่าต่อหน้าคุณ ฉันก็ยอม…”ฟาเดลมองใบหน้าหมองเศร้านั้น
แล้วก็ถึงกับเจ็บปวดไปถึงขั้วหัวใจ

…นี่เธอคงรังเกียจเขาจริงๆ…เขาคงไม่เคยอยู่ในสายตาเธอเลยสักนิดสินะ...
เธอถึงได้ยอมลดศักดิ์ศรีตัวเองลงถึงเพียงนี้…ผู้หญิงที่หยิ่งอย่างเธอ
ใจแข็งอย่างเธอ ยอมลงทุนคุกเข่าเพื่อขอร้องให้เขาปล่อยเธอไป…

“ได้โปรดคืนชีวิตที่เหลือให้ฉันเถอะนะ…อย่าพรากมันไปจากฉันเลย”

“มันไม่มีประโยชน์หรอกน้องรัล…”
ดารัลถึงกับจ้องตาคนพูดด้วยแววตาเจ็บปวดระคนเคียดแค้น
อกมันคับแน่นไปด้วยความโกรธที่มีต่อเขา

…เพราะเขา…เพราะเขาคนเดียว…

“หัวใจคุณทำด้วยอะไร…ทำไมมันถึงเย็นชาไม่รู้สึกรู้สาแบบนี้…
นี่คุณเห็นฉันเป็นอะไรกันแน่…ถึงได้ทำแบบนี้กับฉัน…”

ดารัลตัดพ้ออีกฝ่ายพร้อมน้ำตาอาบแก้ม…
เขากำลังจะพรากชีวิตอันแสนสุขและสงบมาตลอดของเธอไป…

“ถ้าพี่ปล่อยเธอไป…เธอก็จะบินหนีพี่ไปจนสุดตา…
ไม่ให้พี่ได้เจอหน้าอีก…พี่ทำไม่ได้หรอก…ต่อให้ต้องกักขังเธอ...พี่ก็จะทำ…
และเพื่อไม่ให้เธอบินหนีพี่ไปไหนได้อีก…พี่ยอมทำทุกวิธี…
ต่อให้เธอด่าว่าพี่หน้าไม่อายหรือเห็นแก่ตัว...พี่ก็ยอม…”
ฟาเดลเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งสนิท แววตาคมลึก

…เมื่อก่อนต่อให้ต้องตัดขาทิ้งเพื่อรักษาชีวิตไว้
แล้วยอมพลีชีวิตเพื่อคำว่าศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายเขาก็ยินดีทำ
แต่ตอนนี้…ดูเขาสิ...เขากลับยอมแลกศักดิ์ศรีเพื่อสิ่งเดียว…เพื่อการไม่เสียเธอไป


มันช่างอ่อนแอและหวั่นไหวได้ง่ายเหลือเกิน...
ไม่คิดเลยสักนิด ว่าความรักมันจะทำให้เขาเข้มแข็งได้พอๆกับอ่อนแอ...

“อย่าหวังว่าจะกักขังหัวใจฉันได้…”ดารัลประกาศเสียงเข้ม สีหน้าจริงจัง

“เพราะมันจะไม่มีวันเป็นของคุณ…”หญิงสาวปาดน้ำตาแล้วเดินไปหาน้องสาว
ที่อยู่ด้านนอกห้อง ซึ่งกำลังคุยอยู่กับทางเจ้าของร้านอยู่


“กลับกันเถอะนีล…พี่ไม่อยากลองชุดแล้ว…จะชุดไหนก็จัดมาเถอะ…
มันก็แค่ชุดที่เอาไว้ปกปิดร่างกายเหมือนชุดอื่นๆ…ก็เท่านั้น!”

ดารัลจงใจพูดให้อีกฝ่ายที่เดินตามหลังมาได้ยินด้วย…

“ไม่ได้นะพี่รัล…นี่มันวันสำคัญ…แม่ให้นีลมาเป็นเพื่อนช่วยเลือกให้
พี่รัลอย่าทำให้นีลเสียชื่อสิ…”นาดีญาแอบบ่นท่ีเห็นพี่สาวเริ่มออกฤทธิ์
ก่อนจะหันไปทางตัวช่วยที่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้แค่ไหนกัน…

“เดี๋ยวพี่เลือกให้เอง…จะได้ถูกใจพี่ไง…”ฟาเดลเอ่ยพร้อมรอยยิ้มยั่ว

“หรือจะให้เขาออกแบบให้เป็นพิเศษดี…”ชายหนุ่มไม่วายยั่วอีกฝ่ายเล่น
ดารัลจึงหันมาตวัดสายตาคมใส่อย่างไม่ลดราวาศอกให้อีกฝ่าย

ทว่า ชายหนุ่มกลับยักไหล่ทำเป็นไม่ใส่ใจ เดินไปหาดีไซเนอร์ของทางร้าน

“พอดีว่าผมอยากได้ชุดที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครน่ะครับ”

“ได้ค่ะ…อยากได้แบบไหน ขอให้บอกเรา ทางเรามีทีมช่างชำนาญอยู่หลายท่านค่ะ…”

“งั้นถ้าผมอยากได้แบบแนวๆอิสลาม…อารมณ์แบบเจ้าหญิงๆหน่อยๆ
เอาแบบสีขาว มีลูกไม้สีชมพูและใบสีเขียวประดับเล็กๆดูน่ารักๆ
จะพอช่วยสะเก็ตมาให้ดูสักสองสามแบบได้มั้ยครับ…เรื่องราคาไม่จำกัด
ขอให้ถูกใจเจ้าบ่าวเป็นพอครับผม…”

ดารัลถึงกับฉุน นั่นมันชุดที่เธอจะใช้สวมใส่นะ
เขามีสิทธิ์อะไรมาเจ้ากี้เจ้าการคอยบงการด้วย…

มันจะเผด็จการจนเกินไปแล้ว!


“ไม่ได้นะ!…”เสียงนั้นเฉียบขาด หญิงสาวออกอาการไม่พอใจขึ้นมา
ฟาเดลจึงหันไปเลิกคิ้วให้เป็นเชิงยั่วอีกฝ่ายราวกับจะสื่อว่า

...ให้เลือกแล้วนะ แต่ไม่เลือกเองนี่...คราวนี้ก็ถึงตาผมล่ะ...


“ส่วนชุดเจ้าบ่าวก็หาที่มันเข้ากันพอดีๆกับชุดเจ้าสาวเลยครับ…
ก็แค่ดูแล้วไปด้วยกันและเข้ากันได้ลงตัว…จัดมาให้เลือกหน่อยนะครับ
ผมอยากเป็นเจ้าบ่าวที่หล่อและมีเสน่ห์จนเจ้าสาวปฏิเสธคำตอบรับแต่งงาน
ไม่ลงน่ะครับ...”

ฟาเดลหันไปพูดกับเจ้้าของร้านต่อราวกับไม่สนใจอีกฝ่าย

ทว่า ถ้อยคำกลับลงหนักราวกับจงใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ไปด้วย



“แล้วว่าแต่ จะสามารถมาเลือกแบบได้อีกทีวันไหนครับ…”ฟาเดลถาม

“ทางคุณต้องการด่วนมั้ยคะ…”ฟาเดลชำเลืองไปทางว่าที่เจ้าสาว
แล้วหันมายิ้มกับเจ้าของคำถาม

“ครับ…ต้องการด่วน…เพราะว่าผมอยากรีบแต่งงานแล้วน่ะครับ…
ไม่อยากรอ…กลัวเจ้าสาวเขาจะเปลี่ยนใจ…แย่เลยคราวนี้…”

ดารัลกัดฟันกรอด จ้องอีกฝ่ายตาเป็นมัน ส่วนนาดีญาถึงกับอมยิ้ม
ไม่คิดเลยว่าจะมีใครหน้าไหนกล้าขัดใจพี่สาวเธอและทำให้พี่สาวเธอ
ออกอาการฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียดได้มากขนาดนี้…

“งั้นอีกสองวันมาเลือกได้เลยค่ะ…ทางเราจะเร่งให้เลย…”

“งั้นตามนี้เลยนะครับ…”ฟาเดลยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะหันมาทางสองสาวแล้วยิ้มพราย…
แววตาเขาดูมีชีวิตชีวาจนคนมองถึงกับทนดูไม่ได้


“งั้น…วันนี้เรากลับกันเลยก็แล้วกัน…”เมื่อพูดจบก็หันไปทางเจ้าของร้าน

“อีกสองวันผมจะกลับมา…”

“มาพร้อมกับเจ้าสาวนะคะ จะได้วัดสัดส่วนด้วย…”เจ้าของร้านย้ำเหมือนจะเตือนอยู่ในที

“ครับ…จะพยายาม แต่ถ้าเจ้าสาวดื้อไม่ยอมมา…
ผมจะพยายามเอาสัดส่วนอย่างละเอียดของเธอมาให้แทนครับ…
คิดว่าทางร้านคงไม่น่าจะมีปัญหาใช่มั้ยครับ…”ฟาเดลกล่าวสรุป


"ส่วนเรื่องน้ำหนักของเธอ เดี๋ยวผมจะควบคุมมันให้เองครับ...
รับรองว่าจะไม่ผอมไปกว่านี้แน่..."อันนี้ชายหนุ่มกระซิบกับทางเจ้าของร้าน
ให้ได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้น...

ทำเอาหญิงวัยกลางคนถึงกับอมยิ้มแทนที่จะรู้สึกแปลกใจ…
เพราะเธอเองผ่านร้อนผ่านหนาว…เห็นหลายคู่ที่เข้ามาใช้บริการมามากต่อมาก…
นับว่าคู่นี้ดูจะมีเรื่องให้โหดมันฮาอยู่ไม่น้อยก็ว่าได้…



ทางฝั่งว่าที่เจ้าสาวก็ดูจะแสนงอน...ส่วนคนง้อก็ง้อได้น่าตีนัก
ไม่แปลกเลยที่จะเห็นแก้มสีแดงระเรื่อของคนโดนแซวจะแดงขึ้นเรื่อยๆ...
มันประสานความเขินอายกับความโกรธความหมั่นไส้ได้อย่างลงตัวในดวงตาคู่นั้น

และเพราะเหตุนี้เอง…ไอเดียเรื่องชุดแต่งงานของบ่าวสาวคู่นี้จึงหลั่งใหลเข้ามา
จนเจ้าตัวอยากจะรับออกแบบและตัดเย็บงานนี้ด้วยตัวเอง
หลังจากที่ปล่อยให้ลูกน้องรับทำเสียส่วนใหญ่…






...โปรดติดตามตอนต่อไป...

กำลังจะเดินเข้าไปติดบ่วงนายพรานแล้วนางเอกเรา...อิอิอิ
แม้จะรวบหัวรวบหางได้สำเร็จแล้ว ก็ใช่ว่าจะจับยัดใส่กระเป๋าเดินทาง
กลับคาสบลังก้าได้ง่ายนะคะ...ก็ต้องมาดูว่าเจ้าตัวจะยอมให้ยัดใส่่ถุง(คลุม)
รึเปล่า...อิอิ...




...ขอคุยกับนักอ่านจากบทที่แล้วกันค่ะ...

1.คุณตุ๊งแช่...สงสัยเป็นเพราะความห่วงใยนำหน้า
เลยไม่ทันได้เอะใจเรื่องเสื้อผ้าน่ะค่ะ...อิอิ...

อีกอย่างน้าาาา...เต่าโยไม่ค่อยถนัดแนววิ่งเข้าจิกตบน่ะสิคะ...
ถ้าไม่อ่อนหวานเรียบร้อยเหมือนนาดา
ก็ออกแนวห้าวๆเหมือนอากิโกะ(นางเอกเรื่องรังรัก)ไปเลยโน่นแหล่ะค่ะ...อิอิ
หรือไม่ก็จัดหนักแบบแยบยลอย่างหนูรักเขา...ถ้าจะเศร้าก็เศร้าแบบรันทดกดดัน...อิอิอิ
เรื่องจิกตบโยไม่ถนัดเขียนเจงๆนะ...
เพราะชีวิตเต่าน่ะ ไม่มีจิกมีแต่ต่อยหน้าคว่ำอ่ะจิ...เจงๆ...ฮ่าๆๆๆๆ
มีแต่เขาบอกว่า เต่าโยหน้าตาท่าทางเหมือนผ้าพับไว้
(ก็คงจะมีรอยยับอยู่บ้างตามกาลเวลา^^)...
แต่กลับห้าวเกินกว่าจะเป็นหวานใจได้...
อ่ะแน่ละ...เรามันเปรี้ยวใจ ไม่ใช่หวานใจเนอะ...อิอิอิ
ปล.คงต้องมาดูกันค่ะ ว่าหนูรัลจะโดนจับใส่ถุง(คลุม)สำเร็จมั้ย...อิอิ

2.คุณแว่นใส...ผู้หญิงเราให้อธิบายอะไรให้เข้าใจคงยากน่ะค่ะ
ยิ่งเห็นตำตานี่...คงยากสุดๆ...พ่อหนุ่มฟาเดลของเราเขาก็เลยใช้หมัดดุ้น
พุ่งเข้้าใส่แทน...แสบไม่แสบไม่รู้ล่ะงานนี้...รวบหัวรวบหางได้แล้ว
ก็ไม่แน่ใจว่าจะจับยัดใส่ถุงพากลับคาสบลังก้าได้รึเปล่านะนั่นน่ะ...
ต้องมาดูกันต่อค่ะ...มันก็มีอะไรให้แสบๆคันๆแน่ค่ะงานนี้...ฮ่าๆ

3.คุณคิมหันตุ์...เขาว่าเข้าทางผู้ใหญ่หมาไม่กัด(สำนวนสุภาษิดบ้านเต่าค่ะ)อิอิ
ฟาเดลเขาก็เลยจัดไปอย่าให้เสีย...เรื่องเสียหน้าและเสียใจก็ไม่สู้เสียเธอไปนะคะ....



สุดท้ายไม่ท้ายสุด


ขอบคุณนักอ่านมากๆเลยนะคะ...

ชอบหรือไม่ชอบเรื่องนี้อย่างไร ส่งเสียงบอกกันบ้างนะคะ...
เผื่อจะได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงค่ะ...






yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.ย. 2557, 13:19:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.ย. 2557, 13:19:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 3521





<< บทที่ 5 เขาคนนั้น   บทที่ 7 เหตุผลที่ยอมทน >>
คิมหันตุ์ 9 ก.ย. 2557, 15:00:18 น.
น่าสงสารทั้งคุ่เลย. ช่วงนี้ยิ้มๆ. แล้วน้ำตาก็ไหลสินะคะ. เอาใจช่วยฮ่ะ


ตุ๊งแช่ 9 ก.ย. 2557, 15:07:03 น.
อายุเท่าไหร่นี่ คู่นี้ ฟัด เอ๊ย งัดข้อกันซะแล้ว อย่างงี้ลูกดกนะคะ 55


phakarat 9 ก.ย. 2557, 17:06:20 น.
เอาใจช่วยทั้งคู่เพราะไม่รู้จะเชียร์ใครดีต่างก็มีเหตุผลทั้งฟาเดลและดารัล


แว่นใส 9 ก.ย. 2557, 21:30:57 น.
ทำไมต้องโมโหเสียใจขนาดนั้นนะ ม่ายเข้าจาย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account