...คาสบลังก้า...ดารัลฟาเดล...(จบแล้วค่ะ)
สืบเนื่องมาจากเรื่อง "อะรูซะตี...เจ้าสาวของผม"
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของลูกสาวสุดหวงของหมอดานีส
กับนาดา โดยเรื่องราวของคุณพ่อเมื่ิอครั้งก่อนนั้น
จะเป็นแนา "แต่งก่อนจีบ"
แต่สำหรับรุ่นลูกแล้ว จะเป็นแนว "จีบก่อนแต่ง"

ต้องมาคอยดูกันค่ะว่า จะจีบกันอย่างไร แล้วคุณหมอดานีส
ที่ต้องมารับบทบาทเป็นพ่อของลูกทั้งเจ็ดจะตกอยู่ในสภาพเช่นไร..
แล้วนาดาจะเป็นแม่แบบไหน...



เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของเมือง
"คาสบลังก้า" หรือ "อัดดารัลบัยฎออ์"
ซึ่งแปลว่า..."บ้านสีขาว"
ดินแดนในฝันดั่งต้องมนต์เสน่หาแห่งโมร็อกโก...
กับดินแดนอันแสนอบอุ่นด้วยไอรักแห่งแดนอาทิตย์อุทัย...

พบกับเขาและเธอ...

...ดารัล...ฟาเดล...

หญิงสาวที่หัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความรักความอบอุ่น
จากครอบครัวอันแสนสุขและน่ารัก...
ชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่เคยต้องการสิ่งใดอีกแล้ว
เพราะเธอพอใจทุกอย่างที่มีมาตลอด

จนเมื่อเจอกับเขา...ที่นั่น "คาสบลังก้า"
เขาทำให้เธอไม่อาจลบลืมมนต์เสน่หาของที่นั่นได้เลย
ไม่ว่าจะยามหลับหรือตื่น...

กับ

ชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยรูปเปลือกที่สวยงามสมบูรณ์
หากภายในใจนั้นยังคงโหยหาไออุ่นแห่งรักจากใครสักคน
มาเติมเต็มหัวใจกำพร้าของเขา...

แล้วเธอคือผู้ที่เขาค้นพบว่ามีทุกอย่างที่เขากำลังต้องการอยู่
ดังนั้น...ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาก็จะปล่อยเธอ
ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!




Tags: หวานซึ้งโรแมนติก ดราม่า โมร็อกโก คาสบลังก้า ทะเลทรายซาฮาร่า ดารัล ฟาเดล โสภณพสุธ

ตอน: บทที่ 7 เหตุผลที่ยอมทน






แล้วฟาเดลก็พาสองสาวนั่งรถไปยังโรงแรม…
ระหว่างอยู่ในรถเขาได้พูดกับดารัลโดยที่ตายังคงมองที่ถนนว่า

“ถ้าไม่อยากไปเลือกแบบชุดด้วยกันก็ไม่เป็นไรนะครับ…เดี๋ยวเรื่องนี้พี่จัดการให้เอง…
รับรองว่าเธอมีชุดใส่ในวันแต่งแน่นอน…”

ดารัลกำหมัดแน่น ไม่แม้แต่จะหันไปมองหน้าคนพูด ทำเอานาดีญาถึงกับแอบขำ…

“เดี๋ยวพี่จะพาไปกินข้าวที่โรงแรม และแวะชมสวนที่พี่จัดเอาไว้ด้วยกัน
ใกล้เสร็จแล้วนะ พี่กะจะเอาให้ทันวันแต่งของเราด้วย
แขกที่มาจะได้ติชมไปพร้อมๆกัน…เป็นการโปรโมทโรงแรมไปด้วยในตัว”

ฟาเดลเอ่ยอย่างไม่รอให้อีกฝ่ายได้ปฏิเสธ

ก็จะปฏิเสธได้อย่างไร ในเมื่อพวงมาลัยรถอยู่ในกำมือของเขานี่!






“พยายามกินให้เยอะๆหน่อยนะครับ…เดี๋ยวชุดเจ้าสาวหลวมขึ้นมา เธอจะแย่…
เพราะสำหรับพี่ หลวมดีกว่าคับ มันถอดง่ายดี…ไม่เสียเวลาพี่ด้วย…”
ฟาเดลกระซิบให้คนที่นั่งกินข้าวเหมือนไก่เขี่ยอยู่อีกฟากนึงให้ได้ยิน…

นาดีญาแอบยิ้มขันพร้อมลอบมองพี่สาวที่อยู่ๆก็หน้าแดงก่ำขึ้นมา…
สงสัยคงจะอายเธอด้วยล่ะ…

…พี่สาวเธอน่ะ…ปากบอกไม่ชอบๆ แต่ดูใบหน้าสิ…นั่นน่ะเขาเรียกว่า
เขินอายชัดๆ…พี่ฟาเดลเองก็ดูจะขยันแหย่พี่สาวเธอเหลือเกิน…

หากมันก็ยังดีกว่าที่ต่างฝ่ายต่างหมางเมินใส่กันมิใช่หรือ…

“ถ้าอันนี้ไม่กิน เดี๋ยวพี่กินให้นะ…สงสารมันที่กว่าจะมาอยู่ในจานนี้ได้
มันอุตส่าห์ว่ายน้ำหนีชาวประมงมา…กินสักหน่อย ชีวิตมันจะได้ตายไปอย่างไม่ไร้ค่า…”

ว่าพลางก็เตรียมจะตักกุ้งตัวโตที่เขาเพิ่งตักส่งไปให้หญิงสาวได้สักพักแล้วกลับคืน
เพราะเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมแตะต้องมัน

ทว่า ดารัลที่หมั่นไส้เขาเป็นทุนอยู่แล้วกลับใช้ส้อมของตัวเอง
สะกัดส้อมของเขาเอาไว้ได้ทันแบบฉิวเฉียด…



นาดีญามองภาพศึกข้ามโต๊ะอาหารตรงหน้าโดยมีส้อมเป็นอาวุธแล้วแอบยิ้ม

เพิ่งรู้วันนี้เองว่า...พี่ฟาเดลมีความสามารถที่จะทำให้นางสาวดารัลผู้เพียบพร้อม
ไปด้วยกิริยาท่าทางงดงามราวกับนางหงส์จนหนุ่มๆหมายปอง
กลายเป็นเด็กหญิงดารัลจอมดื้อดึงที่ไม่เคยยอมลงให้ใครได้...

“ตักให้ก็ไม่กิน พอคนอื่นจะกินก็ไม่ยอม…บอกพี่หน่อยได้มั้ย
ว่าจะทำยังไงกับกุ้งตัวนั้น…” ฟาเดลจึงวางอาวุธ เย้ย
วางส้อมกลับตรงที่เดิมอีกครั้ง

ดารัลเชิดใส่คนที่ขยันกวนประสาทเธอ
ก่อนจะตักกุ้งตัวนั้นแล้ววางไว้ในจานข้าวของน้องสาวที่นั่งอยู่ข้างๆแทน…
ไม่วายหันไปยิ้มเยาะอีกฝ่ายราวกับจะเย้ยว่า
...เขาไม่มีวันจะได้กินมันหรอก...กุ้งตัวนั้นน่ะ...

“กินให้หน่อยนะนีลนะ…”เสียงหวานที่ได้ฟังทำให้นาดีญาถึงกับอมยิ้ม
ก่อนจะหันไปทางว่าที่พี่เขยที่สีหน้าตอนนี้ดูไม่จืดเลย…

…ให้มันได้อย่างนี้สิพี่สาวฉัน…

“จริงๆแล้วนีลกำลังจะอิ่มแล้ว แต่เพื่อไม่ให้ชีวิตกุ้งตัวนี้ตายไปโดยไม่มีใครเหลียวแล
งั้นนีลกินเลยแล้วกันเนอะ…”ว่าแล้วนาดีญาก็ค่อยๆปอกกุ้ง
แล้วส่งเข้าปากไปอย่างเอร็ดอร่อย…

“ไม่ใช่แค่กุ้งตัวนั้นนะนีล…อีกหลายตัวที่ยังเหลือเราก็ต้องช่วยกันจัดการมันด้วย…
อย่าให้เหลือแม้แต่ชีวิตเดียว…”ว่าเสร็จฟาเดลก็ตักอาหารให้นาดีญาช่วยกันกิน
แล้วไม่ลืมตักส่งไปให้อีกฝ่ายที่นั่งทำหน้างอเหมือนตัวกุ้งอยู่ด้วย…

“พี่ฟาเดลนี่กินจุเหมือนกันนะคะ…นีลล่ะยอมให้เลย…”
นาดีญาเอ่ยปากชมอีกฝ่ายท่ีจัดการอาหารทุกจานบนโต๊ะเสียราบเรียบ

“ก็พี่ตัวโต ไม่ได้ผอมบางร่างอ้อนแอ้นเหมือนพี่สาวเรานี่…ที่กินข้าวเหมือนแมวดม…
ได้แต่ทำจมูกร่อนไปร่อนมาเหมือนจะสนใจ แต่ก็ไม่กล้ากิน สงสัยกลัวพี่จะจับได้
ว่ากินจุ...แต่ผอมๆร่างบอบบางน่าทะนุถนอมแบบนี้ก็ดีนะ...พี่ชอบ...
เวลาอุ้มเข้าห้องหอจะได้ไม่เปลืองแรงดี...”
ไม่วายที่อีกฝ่ายจะหาเรื่องยียวนกวนประสาทอีกคนที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่

...ก็แทนที่จะหัดยิ้มให้ว่าที่สามีบ้าง...เปล่าเลย...ไม่มีเลยสักนิดเดียว

“ปกติพี่รัลเขากินไม่น้อยหรอกค่ะ…กินจุกว่าใครในบ้านซะอีก
เขาเป็นประเภทกินเยอะแต่ไม่อ้วนน่ะค่ะ…น่าอิจฉาสุดๆ…”

นาดีญาเอ่ยถึงพี่สาวอย่างไม่รอขออนุญาตใดๆจากเจ้าตัว
ทำเอาดารัลถึงกับส่งสายตาฟาดลงมาให้

“น่าเสียดาย พี่ดันชอบคนผอมๆที่กินน้อยๆซะด้วยสิ อยู่ด้วยกันจะได้ไม่เปลืองกับข้าว…
แล้วพี่จะได้กินคนเดียวให้สนุกปากไปเลย…
เพราะพี่สามารถกินได้หมดนะ…เธอก็เห็นความสามารถของพี่แล้วใช่มั้ยนีล…”
ฟาเดลแกล้งแหย่อีกฝ่าย…แต่ก็ได้ผล…

เพราะหลังจากนั้นเป็นต้นมา ดารัลก็กลับมากินอาหารในแบบฉบับ
ที่เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น

…ให้มันรู้ไปสิว่าเขาจะเลี้ยงเธอไหว…
แม่จะกินให้ย่อยยับไปข้างนึงเลยคอยดู…

ชอบผู้หญิงผอมๆใช่มั้ย…ได้…จะกินให้อ้วนเท่าโอ่งเลยคอยดูนะ…
อยากรู้นักว่าจะมีปัญญาอุ้มเข้าห้องหอได้มั้ย...

ทว่า มันก็เป็นเพียงแค่ความคิด เพราะไม่ว่าจะพยายามกินเท่าไหร่
น้ำหนักเธอก็ยังคงที่อยู่…ไม่เพิ่มขึ้นเลย ไม่รู้ทำไมสิน่า…

“พี่รัลเป็นไรมากมั้ยเนี่ย…บีบี้เห็นแล้วแอบงงๆนะ…”
หะบีบี้เห็นพี่สาวขยันกินผิดหูผิดตาก็เลยแปลกใจ

แม้จะรู้อยู่ว่าพี่สาวเป็นคนกินเก่ง แต่ไม่คิดว่าจะพัฒนาการกินไปได้ไกล
ขนาดหาของหวานมากินก่อนนอนด้วย…โดยเฉพาะเค้กที่มีการแต่งหน้าด้วยครีมแบบนี้
เธอว่่ามันดูประหลาดมากกว่านา…

“ก็มันอยากจะกิน…จะกินด้วยกันมั้ยล่ะ…”หะบีบี้ส่ายหน้า

“ไม่เอาอ่ะ…เดี๋ยวนอนไม่อร่อย…กินก่อนนอนมันแน่นท้องนะ…
เดี๋ยวฝันร้ายว่าโดนใครมานอนทับ สยองล่ะงานนี้...”
น้องสาวถือโอกาสเตือนพี่สาวกรายๆ

“ก็พี่อยากอ้วนนี่…”คนฟังถึงกับตาโต

“อ้วน…พี่นี่นะอยากอ้วน…สงสัยพี่รัลคงจะเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ…”
หะบีบี้เกาหัวตัวเองด้วยสีหน้างงๆ…ก่อนจะหันไปทางพี่สาวฝาแฝด
ที่นั่งยิ้มขันกันอยู่

“ไม่หรอกหะบีบี้…พี่รัลเค้าก็แค่อยากทำให้ชุดเจ้าสาวมันคับน่ะ…
เขาไม่ชอบหลวมๆ…”นาดีญาแกล้งแหย่พี่สาว ซึ่งก็ได้ผล
หญิงสาวหันมาจ้องคนพูดตาเป็นมัน…

“รึไม่จริง…”นาดีญายิ้มหยอก เพราะวันนั้นเธอแอบได้ยินประโยคนั้น
ที่พี่ฟาเดลกระซิบบอกอีกฝ่ายอยู่นะ…

“จริงอ่ะ…ว่าแต่ชุดมันเป็นยังไง ชักอยากเห็นแล้วสิ…”

“พี่ก็ไม่เคยเห็นหรอก…พี่ฟาเดลเขาจัดการเองหมด…
ก็พี่รัลเขาเอาแต่หาเวลาไปฟิตเรื่องน้ำหนักอยู่…ไม่ยอมไปช่วยพี่เขานี่…
ไม่รู้ว่าชุดกับหุ่นจะไปกันคนละทางรึเปล่า...เห็นกินเอาๆแบบนี้...”
นาดีญายังไม่วายแหย่พี่สาวตัวเองต่อ

“แล้วชุดเราสองคนล่ะนีล…จะเอาสีอะไรดี แบบไหนดี…”ดารีญ่า
หันมาปรึกษากับแฝดผู้น้อง

“นั่นน่ะสิ…เราไปปรึกษาแม่ดีมั้ย…แม่น่ะเก่งเรื่องนี้จะตาย…”
นาดีญาเสนอความเห็น ทำเอาหะบีบี้ถึงกับตาโต
เดินมาเกาะแขนพี่สาวทั้งสอง

“บีบี้ก็อยากได้ชุดใหม่สวยๆเหมือนกันนะ…เห็นพ่อบอกว่า
จะให้พี่รัลกับพี่รุสแต่งงานวันเดียวกันเลย…ดังนั้นเราต้องสวยๆกันหน่อย…
พี่สองคนต้องช่วยบีบี้เลือกด้วยนะ…”แล้วพี่สาวสองคน
ก็พร้อมใจกันทำหน้าเมินใส่น้องสาวขณะกล่าวพร้อมกันว่า

“เธอคงต้องไปปรึกษาพี่ฟาฮาน่าแสนสวยของเธอแล้วล่ะ
เห็นเข้ากันดีไม่ใช่เหรอ…น่ันน่ะนางแบบเชียวนะ”

“อะไรอ่ะ…นี่พี่สองคนงอนบีบี้เหรอ…อย่าเลยนะ…เค้าก็แค่เทคแคร์แขก
ไม่อยากให้แขกเซ็ง…แต่เรื่องนี้ พี่สองคนจะทิ้งให้บียี้คิดคนเดียวไม่ได้นะ
บีบี้อยากสวยเข้าเซ็ตกับพี่สองคนด้วยนะ…”หะบีบี้ได้ทีออดอ้อนพี่สาวทั้้งสอง
ทำเอาดารัลที่กำลังตักเค้กเข้าปากอยู่ถึงกับหน้างอ

“นี่ไม่คิดจะถามพี่สักคำเหรอว่าพี่เห็นชอบด้วยมั้ย…”
ทั้งสามหันไปทางพี่สาวคนโตทันทีด้วยสีหน้างงๆ…

“ทำไมล่ะ…”

“พวกเธอก็รู้ว่าพี่ไม่ได้เห็นชอบในการแต่งงานครั้งนี้เลยสักนิดเดียว…”
ดารัลกล่าวอย่างงอนๆ

“แต่ยังไงๆงานแต่งมันก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี ที่สำคัญงานนี้คุณย่า
แล้วก็พ่อกับแม่จัดใหญ่ซะด้วย แขกเหรื่อก็เชิญกันมาเยอะแยะ
เพราะเป็นงานของลูกสองคน…

พ่ออุตส่าห์ยืดเวลางานแต่งของพี่รุสออกไปเพื่อจะได้แต่งพร้อมกันกับพี่รัล…
ถึงขนาดปิดโรงแรมจัดงานกันเลยทีเดียว…
แล้วอย่างนี้พี่รัลจะให้พวกเราแต่งตัวธรรมดาๆเหมือนปกติได้ยังไง…
ไม่รู้แหล่ะ…งานนี้มันต้องจัดหนักจัดเต็ม!”
นาดีญากล่าวจบก็หันไปยิ้มให้กับสองสาวทันที

“พี่ว่าเราไปปรึกษาคุณย่ากับแม่ดีกว่า…”

“จัดงานซะใหญ่โต…ก็ใช่ว่าจะช่วยให้ชีวิตคู่ราบรื่นหรอกนะ…”ดารัลบ่น…

“พี่รัลก็ถือซะว่า…งานนี้ทำเพื่อให้ผู้ใหญ่เขามีความสุขและราบรื่นไปก่อนก็แล้วกันนะ…
ส่วนเร่ืองว่าชีวิตคู่จะราบรื่นหรือไม่…
พี่คงต้องไปตกลงและปรึกษากับพี่ฟาเดลแล้วล่ะ…งานนี้น้องๆไม่สามารถ…”
ดารีญ่าพูดจบก็เดินเข้าไปหอมแก้มพี่สาวฟอดนึง
แล้วจึงหันไปจูงมือสองสาวเดินออกจากห้องนั้นไป…
ปล่อยให้ดารัลนั่งมองจานเค้กด้วยแววตาสลด…

…นี่เธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้วใช่มั้ย…
แม้แต่น้ำหนักตัวเองก็ไม่สามารถทำให้มันขยับขึ้นได้ น่าเจ็บใจนัก...

…แต่งงานน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่หลังจากแต่งงานแล้วนี่สิ
ชีวิตเธอจะเป็นยังไงต่อ…เธอไม่อยากจะคิดถึงมันเลย…







“ไม่อยากคิดก็ไม่ต้องคิด เดี๋ยวพ่ีคิดให้เองครับ…”
ฟาเดลพูดกับดารัลในขณะที่เธอกำลังอ้อนวอนเขาเป็นครั้งสุดท้าย
หากครั้งนี้ยังไม่สำเร็จ เธอก็คงต้องยอมเข้าพิธีแต่งงานกับเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้…

“คุณมันบ้า ไม่มีหัวใจ…”ดารัลต่อว่าอีกฝ่ายไม่เลิก
ไม่สนใจว่าใครที่เดินไปเดินมาในสวนแห่งนี้จะได้ยินด้วย

“ถ้าพี่ไม่มีหัวใจ พี่จะรักเธอได้ยังไงน้องรัล…”ฟาเดลตอบหน้าตาย
ทำเอาคนโดนสารภาพรักจังๆถึงกับคางแข็งไปชั่วขณะ…

“ไม่ใช่ความรักหรอก…คุณแค่อยากครอบครอง…ก็เท่านั้น”

“ถ้าพี่บอกว่าไม่ใช่แค่นั้น เธอจะเชื่อมั้ยล่ะ…
ทำไมเธอไม่คิดบ้างว่าพี่จะยอมให้เธอต่อว่าสารพัดทำไม
ถ้าเพียงแค่พี่ต้องการครอบครองเธอ

เพราะถ้าพี่ต้องการแค่นั้นจริงๆ…พี่ก็แค่ปล้ำเธอโดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเธอเลย…
เธอเองก็คงอายไม่กล้าบอกใครอยู่แล้ว…”ฟาเดลเอ่ย
มาถึงตรงนี้ก็ทำเอาคนฟังถึงกับหน้าแดงด้วยความอาย

“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ…”

“พี่หยุดก็ได้…แต่พี่อยากให้เธอคิดสักนิดว่า…ที่พี่ยอมขนาดนี้
มันไม่ใช่แค่อยากเป็นเจ้าของเธอ ทำไมเธอถึงไม่คิดว่าที่พี่ทำๆมา
เพราะพี่ต้องการความรักจากเธอบ้างล่ะน้องรัล…”

ดารัลถึงกับใจสั่นขึ้นมาทันที…เขาช่างหาเรื่องมากวนใจเธอไม่ให้สงบได้ทุกทีสิน่า

“ด้วยการบีบบังคับ มัดมือชกกันแบบนี้น่ะเหรอ…”

หญิงสาวคาดคั้นอีกฝ่ายด้วยแววตาร้าวราน

เพราะขณะที่เขาบอกว่ารักเธอ แต่กลับปิดกั้นอิสระในการเลือกของเธอ

“ถ้ามันมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ พี่คงเลือกทำไปแล้ว…คงไม่ทำอะไรแบบนี้
ให้เธอต่อว่าและดูถูกพี่อยู่หรอกน้องรัล”ฟาเดลลอบถอนใจ…

“เพราะคุณไม่เชื่อว่าฉันจะเลือกคุณน่ะสิ…คุณกลัวผลลัพธ์
จากการหยิบยื่นอิสระในการเลือกให้ฉัน…คุณมันขี้ขลาด…”

ดารัลพูดแทงใจดำฟาเดลเข้าอย่างจัง…

“คุณไม่อยากขึ้นเวที…ไม่ชอบการแข่งขัน…ไม่อยากต่อสู้กับคู่แข่งแบบตัวต่อตัวด้วยซ้ำ…
คุณเลือกที่จะล้มมวยด้วยวิถีของคนขี้ขลาด…เพราะกลัวตัวเองจะแพ้
และเป็นฝ่ายช้ำใจใช่มั้ยล่ะ…”หญิงสาวตอกซ้ำเข้าไปอีกดอก...

“แล้วที่ผ่านมา ที่เธอพูดที่เธอดูถูกพี่อยู่นี่ล่ะ
เธอคิดว่าพี่ไม่ได้ช้ำใจเลยรึไงน้องรัล…”

ฟาเดลถามกลับหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาเจ็บปวด
เขาไม่เคยเจ็บปวดเพราะใครมาก่อนเลย

เธอเป็นคนเดียวที่ทำเขาเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า…สร้างความปวดใจไม่เคยเว้นวัน…
แต่เขาก็ยังดื้อด้านที่จะรักเธออยู่…

ถ้าเขาตัดใจจากเธอไหว เขาก็คงจะทำมันเสียเดี๋ยวนี้เลย…

“ถ้าพี่ทำได้…พี่คงตัดใจจากเธอไปแล้ว…แต่นี่พี่ทำไม่ได้…
ได้ยินมั้ย…ว่าพี่ทำมันไม่ได้เลย…จึงได้อยู่ให้เธอดูถูกไม่เว้นแต่ละวันแบบนี้ยังไงล่ะ…”

ดารัลถึงกับนิ่งเมื่ือเห็นแววตาร้าวรานของเขา
ดวงตาของเขามีน้ำใสๆคลออยู่…เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้เลย
เขาไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นมาก่อนเลยสักครั้งเดียว

“พี่มานั่งถามตัวเองทุกวัน ว่ามีเหตุผลอะไรถึงได้ไม่ไปให้พ้นๆ
จากผู้หญิงที่ดีแต่ทำให้พี่เจ็บปวดได้ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน…

ไม่เคยมีใครทำให้พี่เจ็บปวดได้เท่าเธอมาก่อนเลยในชีวิตพี่รู้มั้ยดารัล
…ยิ่งทุ่มพี่ก็ยิ่งเจ็บ”

ดารัลถึงกับพูดอะไรไม่ออก

“ถ้าการที่พี่ทนเห็นเธอหลุดลอยไปเป็นของคนอื่นไม่ได้
ทำให้เธอมองว่าพี่เป็นคนขี้ขลาด ขี้แพ้และเห็นแก่ตัว พี่ก็ขอยอมรับ
ว่าพี่มันอ่อนแอ แพ้ใจตัวเอง…”

ฟาเดลทิ้งท้ายไว้ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
เขาไม่อยากให้เธอได้เห็นความอ่อนแอของเขามากไปกว่านี้อีก…










“เป็นอะไรไปฟาเดล…ฉันเห็นนายเอาแต่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นชั่วโมงๆ
ซดนมหมดไปเป็นสิบกว่าแก้วแล้วรู้ตัวรึเปล่า…”
ดารุสทรุดตัวนั่งลงตรงโซฟาข้างๆฟาเดล ซึ่งอยู่ในโซนคาเฟ่ของโรงแรม

ส่วนเขานั้นมาดูแลสถานที่ที่จะใช้เป็นที่จัดงานแต่ง เดินผ่านไปผ่านมา
ก็ยังเห็นว่าที่น้องเขยยังคงนั่งที่เดิมไม่ลุกไปไหน ก็อดห่วงไม่ได้

“มันดูดีกว่าซดเหล้าใช่มั้ยล่ะ…อย่างน้อยฉันก็ยังรักษาสติของฉันไว้ได้”
ฟาเดลลอบถอนใจ…คิดไม่ตกกับเรื่องที่กำลังหนักอกอยู่

“เรื่องน้องสาวฉันล่ะสิ…”

“ฉันไม่เข้าใจผู้หญิงเลยจริงๆ…”ฟาเดลก้มหน้ากุมขมับตัวเอง…



“ให้ตายเถอะ...ผู้หญิงช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยากที่สุดเลยก็ว่าได้…
นี่ถ้าให้ฉันแต่งงานไปกับต้นไม้คงจะใช้ชีวิตด้วยกันง่ายกว่านี้…”

ดารุสถึงกับอมยิ้มให้กับประโยคเปรียบเปรยนั้นของคนข้างๆ…
ก่อนจะตบไหล่นั่นขณะกล่าวว่า

“ผู้หญิงก็อย่างนี้แหล่ะ…เอาแต่ใจ…ปากร้าย…จอมโวยวาย ผีเข้าผีออก
ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่…โกรธไม่มีเหตุผลใดๆ
ขี้ระแวง…เจ้าน้ำตา เจ้าอารมณ์…ตัวยุ่งวุ่นวายเลยล่ะ…”

ฟาเดลหันไปมองคนที่กำลังสาธยายเกี่ยวกับผู้หญิงออกมาได้อย่างแจ่มแจ้ง
แล้วได้แต่อึ้ง ว่ามันจะมาจากปากของผู้ชายที่กำลังจะแต่งงานไปใช้ชีวิตคู่กับผู้หญิง!

“รู้อย่างนี้แล้ว ทำไมนายถึงยอมแต่งงานไปกับผู้หญิงอีกล่ะ”ฟาเดลถาม
ด้วยสีหน้าที่ดูจะสดชื่นขึ้น

“หรือนายจะให้ฉันแต่งงานไปกับผู้ชายล่ะ…”ฟาเดลส่ายหน้า
เพราะแค่คิดก็สยองแล้ว…

“ผู้หญิงส่วนใหญ่ ปากกับใจไม่ค่อยจะตรงกันหรอก…
ปากบอกไม่รักๆ ไม่สนใจ แต่พอลองเห็นเราเดินข้างๆใครสิ…
เป็นได้กลายเป็นคนเจ้าน้ำตาขึ้นมาทันทีล่ะคราวนี้…
เดือดร้อนเราต้องมานั่งปลอบนั่งอธิบายอีก…”ดารุสกล่าวไปก็ยิ้มไป
นึกถึงว่าที่เจ้าสาวของตัวเองขึ้นมา…

“แต่ก็น่าเอ็นดูอยู่นะเวลางอนๆน่ะ ถ้าไม่งอนจนเกินงามอ่ะนะ…”


"ยิ่งเวลาอารมณ์ดีๆ ก็จะเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ แต่อย่าให้ของขึ้นนะ
ลูกแมวตัวน้อยๆก็สามารถกลายร่างเป็นแม่เสือน้อยได้สบายๆในพริบตาเดียว..."

“ดูเหมือนนายจะรู้จักผู้หญิงดีนะ…”ฟาเดลแหย่อีกฝ่าย
ทำเอาคนฟังถึงกับสะดุ้งเฮือก…

“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบน้ัน ฉันไม่เคยคบใครมาก่อนเลย
มิรันตีคือผู้หญิงคนแรก…และจะเป็นคนเดียวที่ฉันจะยอมทน…”

“ทำไมฮ่ะ…”ฟาเดลเลิกคิ้วถาม…

“ก็เพราะว่ารักไง ถึงได้ยอมทน…ถ้าไม่รักไม่สนจะยอมทนได้เหรอ…
เพราะแม้จะไม่ค่อยเข้าใจผู้หญิงทั้งหมด แต่เมื่อรักแล้วก็คงต้องทน…
เขามันคนละเพศกับเรานี่ จะให้เหมือนกันเข้าใจกันหมดก็คงไม่ได้…"ฟาเดลรับฟัง
อย่างเงียบๆ

"แล้วอย่ามัวเสียเวลาไปคิดหาเหตุผลให้กับการกระทำของพวกเธอเข้าล่ะ...
ปวดหัวเปล่าๆ...เพราะเราไม่มีทางจะรู้ได้หรอก...มันเหมือนเป็นอะไรที่อยู่เหนือ...
เหนือเหตุผลมั้ง...ฮึๆ”เสียงหัวเราะในตอนท้ายดูเหมือนจะกำลังหัวเราะ
ให้ชะตากรรมของตัวเองที่ต้องไปผจญภัยในโลกใหม่ที่คงจะหาเหตุผล
หรือทฤษฏีใดๆไปปรับใช้ไม่ได้...



ฟาเดลอดยอมรับไม่ได้ว่าที่คนข้างๆพูดนั้นโดนใจเขา…

และดูเหมือนเขาจะหาเหตุผลที่ยอมทนคนบางคนขึ้นมาได้แล้วล่ะ…

“ถ้าเขาเผยธาตุแท้ของความเป็นหญิงหรือมุมที่ไม่น่าชื่นชมไม่น่ารักของเขา
เวลาอยู่กับเราออกมามากเท่าไหร่
นั่นก็เท่ากับเขากำลังแคร์เราอย่างไม่ต้องสงสัย…เพราะในขณะที่ปาก
บอกว่าไม่แคร์เรา ไม่ห่วงใยเราสักนิดเดียว...
แต่แอบสืบรู้เรื่องของเราแทบทุกซอกทุกมุมน่ะ…
นายว่ามันยังจะใช่อย่างที่ปากเธอพูดอีกรึเปล่าล่ะ…”

ฟาเดลนั่งฟังไปก็คิดตามไป

“ยกเว้นพวกเราแล้ว...อย่างน้อยๆนายก็เป็นผู้ชายคนเดียว
ที่น้องสาวฉันออกฤทธิ์ด้วยมากที่สุด…
เพราะพ่อ ฉัน นาบีล จาลัล รวมทั้งน้าชาย…
เราเจอกันมาหมดทุกรูปแบบแล้ว…”ฟาเดลถึงกับมองคนตรงหน้านิ่ง
อย่างคิดไม่ถึง ดารุสพยักหน้าให้เเป็นการยืนยัน

“เห็นนายดัดต้นไม่เก่ง ฝีมือการทำบอนไซของนายก็ดูเยี่ยมยอด
ยังไงก็รบกวนช่วยดัดน้องสาวฉันด้วยอีกคนนะ
ฉันเชื่ออยู่ลึกๆว่าคนอย่างนายน่าจะดัดน้องรัลให้สวยงามสมบูรณ์ได้...

เพราะพวกเราเริ่มต้นมาจากเอาใจเขาทุกอย่าง ให้อิสระมาตลอด…
พอคิดจะมาดัดเอาตอนนี้ก็คงทำไม่ได้แล้ว…”ดารุสตบบ่า
ว่าที่น้องเขย

“น้องรัลน่ะ ถึงจะหัวดื้อ เอาแต่ใจ แต่ก็เป็นคนน่ารักนะ
จริงใจกับทุกคน…คิดร้ายกับใครเขาไม่เป็นหรอกรายนั้นน่ะ…
เดี๋ยวแต่งงานกันไป นายก็คงจะรู้เองแหล่ะ…”ฟาเดลเห็นด้วย...
ว่าเธอมีมุมน่ารัก แม้บางครั้งจะเฮี้ยวจนน่าตีก็ตาม...

"อ้อ...ถ้านายทำให้น้องรัลรักและเลิกพยศได้ นายจะเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก...
เชื่อฉัน..."ฟาเดลถึงกับขมวดคิ้ว ทำเอาดารุสถึงกับยิ้มที่มุมปาก

"เพราะน้องรัลสามารถทำให้นายรู้ว่า สวรรค์บนโลกมันมีอยู่จริง...
และเมื่อถึงวันนั้น นายจะรู้ว่าฉันไม่ได้พูดเกินจริง..."ดารุสลุกขึ้นพร้อมกับ
เอ่ยชวนอีกฝ่าย


“กลับกันดีกว่ามั้ย…นี่มันก็ดึกมากแล้ว…”ฟาเดลพยักหน้า
ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากสถานที่ที่เขานั่งจับเจ่ามาร่วมหลายชั่วโมง…
ราวกับคนไร้ซึ่งจุดหมายในชีวิต…

…คงต้องขอบคุณดารุสที่ช่วยให้เขาออกมาจากที่ตรงนั้นได้เสียที…





...โปรดติดตามตอนต่อไป....


ตอนหน้า วันวิวาห์จ้าาาาาาาาาา...

คงต้องมาลุ้นกันค่ะว่า...มือปราบของเราจะมีฝืมือแค่หนายยยยย...


...คุยกับนักอ่านค่ะ...

1.คุณคิมหันตุ์...อะไรที่มันยังไม่ลงตัว...มักจะผันผวนเช่นนี้เองค่ะ...
ตอนนี้น่าจะเศร้ากว่าตอนที่แล้ว(คิดว่านะคะ) อิอ

2.คุณตุ๊งแช่...ก็ไม่เด็กกันแล้วทั้งคู่ค่ะ...เฮะๆ...
แต่โยว่าน่าจะลูกดกยากอยู่นา...หนูดารัลเราจะเฉียดสามสิบแล้ว
แต่ก็ยังไม่อยากลงจากคาน อีกคนก็พยายามลากให้ลงเสียเหลือเกิ๊น...ฮ่าๆๆ
เรื่องจำนวนลูกนั้น ยังไงๆก็คงสู้แม่เค้าไม่ได้ค่ะ...อันนั้นเขาช่างอดช่างทนเจงๆ...
เพราะความลำบากทำให้นาดาอึด...แต่ลูกสาวนั้นอยู่สุขสบายมาตลอด...
มันก็เลยอดทนได้ยากนิดนึง...เหอๆ...
ส่วนคุณพ่ออย่างหมอดานีสส่งลูกขึ้นเรือได้เมื่อไหร่ ก็ลอยกรรมไป...ฮ่าๆ
กรรมก็เลยไปตกที่ว่าที่สามีแทน...พอจะเดาได้แล้วใช่มั้ยคะว่าใครน่าสงสารงานนี้...


3.คุณphakarat...ถ้าไม่รู้จะเชียร์ใคร หันมาเชียร์เต่าโย
ให้มีแรงวิ่งไปถึงเส้นชัยไวๆก็ได้นะคะ...ช่างนี้เรี่ยวแรงชักจะถดถอย...อิอิ

4.คุณแว่นใส...มันก็น่าโมโหอยู่หรอกนะคะ...
เล่นมัดมือชกเช่นนั้น...ขนาดโยยังหนีขึ้นมากทม.เลย...
เพราะอยู่บ้านไม่ได้ มีแต่คนหาเรื่องเชียร์ให้ลงจากคาน...
พูดกรอกหูทู๊กวันว่าให้หาสามีเสียที...เราก็อยากมีนะสามีน่ะ
พอดีว่าเคยพยายามลงมาหลายครั้งแล้ว แต่หล่นลงมาอกเดาะทุกที...
คราวนี้เลยขอปีนขึ้นไปบนคาน...นอนก่ายหน้าผาก กระดิกเท้าอยู่บนนั้น
ฝันถึงพระเอกในฝันของเราต่อไปดีกว่า...
ถึงจะมีเหงาๆไปบ้าง แต่ก็สบายกายและใจดี...อิอิ...



สุดท้ายไม่ท้ายสุด

ความจริงกับความฝันมันต่างกันมาก...แต่เราก็ฝันได้ทุกคืน...
ตื่นมาก็พบกับความจริงได้ทุกวัน แล้วกลับไปนอนฝันต่อ...เป็นเช่นนี้อยู่อย่างนั้น...

ขอแค่แยกให้ได้ว่าไหนความฝันไหนความจริงก็เป็นพอแล้วค่ะ...อิอิ

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านมากๆนะคะ...ที่เข้ามาร่วมฝันไปด้วยกัน...
เพราะบางอย่างไม่มีอยู่เลยในความเป็นจริง...
แต่เราก็โชคดีที่เกิดมามีจินตนาการ...ก็เลยทำให้บางอย่างที่ว่า
มีได้ในโลกของความฝัน...



รักษาสุขภาพนะคะ






yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ย. 2557, 21:22:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ย. 2557, 21:22:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 3640





<< บทที่ 6 ความเจ็บปวด   บทที่ 8 วันวิวาห์ >>
คิมหันตุ์ 10 ก.ย. 2557, 22:45:53 น.
ตอนนี้เหมือนโลกจะสว่างรำไรๆแล้วสินะฟาเดล


ตุ๊งแช่ 11 ก.ย. 2557, 09:21:44 น.
ไม่เป็นไรค่ะ คลอดทีแฝดเลย จะได้เยอะๆ 55
ฟาเดลจะน่าสงสารหรือน่าหมั่นไส้ ดี ตอนหน้าวิวาห์หรือวิวาทค่ะ


แว่นใส 11 ก.ย. 2557, 12:39:28 น.
ต้องเลี้ยงลูกคนโตด้วยมั้งเนี่ย ไม่ใช่เมียหรอก


phakarat 11 ก.ย. 2557, 20:48:40 น.
ฟาเดลสู้ๆ


pseudolife 16 ก.ย. 2557, 00:37:42 น.
โถ... พี่ฟาเดล

บียี้ ---> บีบี้


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account