ติดบ่วงหัวใจ
นายตำรวจหนุ่มมาดขรึม..ผู้ไม่เคยเห็นผู้หญิงสำคัญเกินกว่างานจับผู้ร้าย
กับพริตตี้สาวสวยนุ่งสั้น..ผู้พ่วงตำแหน่งเมียน้อยญาติผู้ใหญ่ของเขา

สำหรับกวินท์..
หล่อนตำ่ต้อยเกินกว่าเขาจะยอมรับมายืนเคียงข้าง

สำหรับบุศนีย์..
เขาวางตัวเองเอาไว้เสียสูงส่ง..มองหล่อนเหมือนดอกไม้ข้างถนนที่ไม่คิดจะเด็ดดม
แต่ใครจะรู้..ว่าผู้หญิงที่เขามองว่าต้อยตำ่คนนี้..เธอคือคนที่กำหัวใจของเขาเอาไว้แล้วทั้งดวง !


เป็นนิยายอีกเรื่องของโอชินค่ะ พระ-นาง ปะทะเชือดเฉือนสไตล์ตบจูบทั่วไป ดราม่านิดหน่อยตรงชีวิตนางเอก..มาตามลุ้นตามเชียร์การฟาดฟันหัวใจรักของคนสองคนกันค่ะ..

เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์ที่ตำรวจหล่อๆอนาคตรุ่งทั้งหลายอย่างหมวดแคน แล้วก็อีกหลายท่านต้องมาตายลงเพราะการปฎิบัติหน้าที่..อยากให้เมืองไทยมีตำรวจดีๆเยอะๆบ้านเมืองเราจะได้สงบสุข

แต่เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับงานของตำรวจนะคะ ไม่มีบทบู๊แอคชั่นของพระเอกเพราะบอกแล้วว่านี่มันนิยายแนวตบจูบค่ะ เราแค่จำลองภาพตำรวจหนุ่มตงฉินคนหนึ่งมาเป็นพระเอกของเราเท่านั้นเอง เรื่องนี้แม้จะมีรสขมอยู่บ้างแต่ก็จบแฮปปี้นะคะ ฝากให้อ่านอีกเรื่องค่ะ



Tags: ตำรวจหล่อ,พริตตี้ , ตบจูบ ,

ตอน: ตอนที่ 2.

“รอด้วยค่ะคุณ รอด้วย!”

เสียงเล็กๆเสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับเสียงซอยถี่ยิบของรองเท้าส้นสูงที่ดังกระทบพื้นหินอ่อนมาแต่ไกลทำให้กวินท์ต้องกดลิฟต์ค้างเอาไว้อย่างนั้น รอจนกระทั่งเจ้าของเสียงก้าวผ่านเข้ามาภายในลิฟต์เรียบร้อยแล้วนั่นแหละลิฟต์จึงได้ปิดลงตามปกติ

“ชั้นไหนครับ?”

กวินท์เอ่ยถามผู้ร่วมโดยสารลิฟต์คนใหม่ตามมารยาท

“ชั้นหกค่ะ ขอบคุณ”

เพราะเสียงใสๆหวานหูนั่นแท้ๆที่ทำให้กวินท์เบนสายตาจากหมายเลขบอกลำดับชั้นหันมามองผู้ร่วมโดยสารลิฟต์เพียงคนเดียวอย่างสนใจ ดูรวมๆเสื้อผ้าหน้าผมใช้เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีชายหนุ่มก็สรุปกับตัวเองสั้นๆว่า…สวย!

“อุ้ย!”

กวินท์ได้ยินเสียงอุทานจากหญิงสาวในขณะที่ไฟดับพรึ่บลงกระทันหัน ลิฟต์ที่กำลังเคลื่อนที่อย่างราบเรียบสะดุดกึกหยุดเคลื่อนไหวในทันที

“คุณ! ทำไมลิฟต์หยุดคะ ลิฟต์ค้างเหรอ?”

เสียงเล็กๆนั่นดังแทรกมาจากความมืด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

“ฝนตกหนัก ระบบไฟฟ้าคงมีปัญหา”

กวินท์ตอบเรียบๆคลำมือเปะปะไปยังผนังลิฟต์เพื่อควานหาปุ่มโทรศัพท์ฉุกเฉิน ร่างเล็กๆในความมืดเริ่มมีท่าทีกระสับกระส่าย

“ตายจริง! แล้วเราจะทำยังไงกันดีคะ ไม่ต้องติดอยู่ในนี้อีกนานเลยหรือ อุ้ย! คุณ!”

หล่อนอุทานเสียงหลงเมื่อลิฟต์กระชากสองสามหน มือเย็นๆสั่นๆเกาะหมับที่ต้นแขนของกวินท์อย่างพยายามจะหาที่ยึดเหนี่ยว กวินท์ควานหาปุ่มโทรศัพท์ฉุกเฉินจนพบแต่เขายังไม่ทันได้ทำอะไรไฟฟ้าภายในลิฟต์ก็สว่างไสวขึ้นมาเสียก่อน ลิฟต์เริ่มเคลื่อนตัวตามปกติพร้อมกับเสียงถอนหายใจเฮือกของหญิงสาวข้างกาย กวินท์กลั้นยิ้มขณะก้มลงมองคนข้างกายเป็นจังหวะเดียวกับที่คนตัวเล็กกว่าแหงนเงยใบหน้าขึ้นมองเขาตรงๆ

ตาต่อตาสบกันอย่างจัง...วินาทีนั้น...เหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุน!

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดมือเล็กๆนั้นจึงค่อยๆคลายออกจากแขนของกวินท์ หญิงสาวเอ่ยคำขอโทษเขาเบาๆก่อนจะถอยห่างออกไปยืนสงบนิ่งอยู่ที่มุมในสุดของลิฟต์เปิดโอกาสให้กวินท์ได้สำรวจคนตรงหน้าอย่างเต็มตาอีกครั้ง

หล่อนมีใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ จมูกเล็กขึ้นสั้นโด่ง ริมฝีปากบางเฉียบได้รูปสวย ที่เด่นสุดบนใบหน้าของหล่อนดูเหมือนจะเป็นดวงตาคู่โตและลูกนัยน์ตาดำขลับวับแวมเป็นประกายคู่นั้น ผมของหล่อนยาวสลวยจรดกลางหลัง ด้านหนึ่งทัดหูเอาไว้ทำให้เห็นกรอบหน้าสวยหวานด้านข้างและต่างหูเพชรเม็ดจิ๋วที่กำลังส่องประกายวาววับยามเมื่อต้องกับแสงไฟ

กวินท์ไล่สายตาลงมาตามลำคอระหงเปลือยเปล่าพยายามจะตวัดสายตาเร็วๆมองผ่านบริเวณทรวงอกของหญิงสาวเรื่อยลงมาตามความยาวของชุดราตรีสีชมพูหวาน สายตาของชายหนุ่มเดินทางมาหยุดนิ่งอยู่ที่บริเวณต้นขาขาวๆอวบชิดที่โผล่พ้นออกมาจากชายกระโปรงแสนสั้น คิ้วเข้มของกวินท์ขมวดยุ่งเกิดอาการหายใจติดๆขัดๆ ก็ไอ้ชุดราตรีที่หล่อนใส่มันสั้นเสียจนแทบจะเสมอ...

เจ้าของร่างบางที่มีส่วนเว้าส่วนนูนถูกที่ถูกทางเริ่มขยับตัวอย่างอึดอัด ดวงตาคู่สวยมองตรงมาที่กวินท์อย่างตำหนิ วินาทีนั้นเองกวินท์จึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขาได้กระทำการเสียมารยาทกับคนตรงหน้าเพียงใด ชายหนุ่มจึงเบนสายตาหนีห่างออกมาจากขาขาวๆน่ารักคู่นั้นไปจับจ้องอยู่ที่หมายเลขบอกลำดับชั้นใช้กริยาสงบเคร่งขรึมกลบเกลื่อนทุกสิ่งจนมิด

ลิฟต์มาจอดที่ชั้นหกหญิงสาวเหลือบมองกวินท์แว้บหนึ่งก่อนจะก้าวนำออกไปก่อน กวินท์ก้าวตามหญิงสาวออกมาติดๆ มองดูร่างระหงแบบบางนั้นก้าวเดินฉับๆอย่างมาดมั่นไม่แคร์สายตาใครต่อใคร ชุดราตรีสีชมพูดอกกุหลาบเนื้อผ้าพลิ้วบางยิ่งเน้นให้เห็นรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นของคนใส่ได้เป็นอย่างดี

มองจากเบื้องหลังกวินท์เห็นชัดว่าเอวเล็กๆนั่นคอดกิ่วรับกับสะโพกกลมมนเพียงใด สุดความยาวของชุดราตรีแสนสั้นคือเรียวขาขาวๆปลีน่องเนียนๆ ขาสวยๆแบบนี้มันน่าจะไปเดินเฉิดฉายอยู่ตามแคทวอล์กเสียแหละดี!

หญิงสาวคนนั้นเดินตรงดิ่งไปที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม มางานเดียวกับกวินท์เสียด้วย พอหล่อนลงชื่อในสมุดอวยพรที่ทางเจ้าภาพจัดไว้ให้หล่อนก็หายตัวเข้าไปภายในงานทันที กวินท์ไหวไหล่ปัดความรู้สึกสนใจหญิงสาวผู้นั้นออกไปจากสมองเดินตรงเข้าไปทักทายเจ้าภาพที่กำลังยืนรับแขกอย่างคุ้นเคย

“อ้าว! กวินท์ มาคนเดียวหรือ?”

“ครับคุณลุง คุณพ่อมีเคสผ่าตัดด่วนเลยให้ผมมาแทน ยินดีด้วยนะครับคุณพหล เจ้าสาวของคุณคุณสวยมาก ขอให้มีความสุขนะครับ” กวินท์กล่าวอวยพรไปตามมารยาท เจ้าบ่าวและเจ้าสาวยิ้มรับคำอวยพรนั้นก่อนจะขอตัวไปรับแขกเหรื่อคนอื่นๆที่กำลังทยอยเดินเข้ามาในงาน

กวินท์ถูกพามานั่งที่โต๊ะใหญ่หน้าเวทีซึ่งบรรดาญาติๆของเขานั่งรวมตัวกันอยู่ที่นั่น นั่งสนทนากับบรรดาญาติๆที่สนิทสนมบางคนไปเรื่อยๆเป็นการฆ่าเวลา โดยปกติชายหนุ่มไม่ใช่คนช่างพูดอะไรนักเขาจึงทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีเท่านั้น สักพักใหญ่ๆชายหนุ่มจึงขอตัวออกจากโต๊ะเพื่อไปทำธุระส่วนตัวที่ห้องน้ำ

เสร็จธุระจากห้องน้ำแล้วกวินท์ก็เดินเตร็ดเตร่มาทางมุมเครื่องดื่มและอาหาร ขณะที่กำลังจะก้าวพ้นออกมาจากมุมหนึ่งของงานร่างเล็กๆของใครคนหนึ่งก็ถลาเข้ามาชนเขาอย่างแรง

“อุ้ย!”

เสียงเล็กๆนั้นดังขึ้นขณะที่เจ้าของร่างเสียหลักเซแซ่ดๆไปข้างหลัง กวินท์คว้าหมับที่ต้นแขนเล็กๆออกแรงยึดและดึงร่างของคนที่เพิ่งจะชนเขาเมื่อครู่เอาไว้ได้ทันก่อนที่เจ้าหล่อนจะได้หงายเก๋งก้นจ้ำเบ้า

“ขอโทษค่ะ ขอโทษ!”

หญิงสาวรีบบอกขณะเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่ช่วยเหลือตนเองไม่ให้ขายหน้าเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด คนร่างเล็กถึงกับชะงักกึก ตาคู่สวยเบิกโต ริมฝีปากบางจิ้มลิ้มเคลือบสีชมพูมันวาวเผยอขึ้นน้อยๆอย่างลืมตัว ในขณะที่กวินท์ยังคงยืนนิ่งทำหน้าขรึมอยู่เช่นเดิม

“ยัยแป้ง! ซุ่มซ่ามอีกแล้วนะหล่อน จะรีบร้อนอะไรนักหนา ข้าวปลาอาหารมันไม่หนีหล่อนไปไหนหรอก ดูสิ! ตะกละจนได้ดี!”

เสียงแหว๋นั้นดังมาจากกลุ่มสาวๆที่เดินตามติดกันมาด้านหลัง

กวินท์ก้มลงมองหน้า“คนตะกละ”อย่างอดสงสัยไม่ได้ ไม่อยากจะเชื่อ! ตัวเล็กๆบางๆแบบนี้จัดเข้าประเภทคนตะกละได้อย่างไร ดูเอาเถอะ! เมื่อมายืนประจันหน้ากันอย่างนี้ เจ้าหล่อนสูงพ้นหัวไหล่ของเขาขึ้นมานิดเดียวเท่านั้น กวินท์วิจารณ์ในใจโดยลืมคิดไปว่าตนเองนั้นต่างหากที่ตัวสูงใหญ่เกินมาตรฐานชายไทยเพราะชายหนุ่มมีความสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบห้า
เซนติเมตรเลยทีเดียว

“ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะคะ ยัยแป้งมันซุ่มซ่ามแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

เพื่อนสาวร่างท้วมสุดภายในกลุ่มเป็นคนแก้ต่างให้หญิงสาว บุคคลต้นเรื่องเหวี่ยงสายตาไปค้อนขวับเพื่อนร่วมแก๊งค์จนตากลับก่อนจะหันมายิ้มแหยๆและกล่าวคำขอโทษเขาอีกครั้งอย่างเป็นทางการ

“ขอโทษนะคะ พอดีว่ารีบ...ไม่ทันมอง”

กวินท์ยิ้มนิด นิดเดียวจริงๆก่อนจะกล่าวตอบไปว่า

“ไม่เป็นไรครับ”

กล่าวจบกวินท์ก็เดินเลี่ยงออกมา หูยังแว่วได้ยินเสียงสนทนาของสาวๆ ก๊วนนั้นลอยมาตามลม

“หล่อชะมัด! ตางี้คมกริบ รู้จักกันเหรอแป้ง?”

“เปล่า ไม่รู้จัก...”

“ไม่จริงอ่ะ หน้าตาหล่อนมีพิรุธ สารภาพมาซะดีๆ”

“อาร๊ายย…ก็บอกว่าไม่รู้จัก หิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว ขอกินก่อนได้มั้ย”

“นี่ๆ ยัยชูชกกลับชาติมาเกิด กินจุชะมัด แบบนี้ใครมันจะเลี้ยงหล่อนไหวยะ!”

กวินท์ยิ้มนิดที่มุมปากขณะเดินออกมาไกลมากจนไม่ได้ยินเสียงสนทนาของสาวๆกลุ่มนั้นแล้ว

“คนสวย” ของกวินท์ชื่อ “แป้ง” อย่างนั้นหรือ?

สวยแต่ซุ่มซ่าม...แถมยังตะกละจนเพื่อนๆของหล่อนยกให้เป็นชูชกกลับชาติมาเกิด

ตัวก็เท่านั้น...กินจุนักหรือไง?

ใครเลี้ยงไม่ไหว…กวินท์จะรับเลี้ยงเสียดีมั้ย?

กวินท์คิดไปเรื่อยเปื่อยอย่างสบายอารมณ์ เสียงโทรศัพท์มือถือที่หวีดดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มหยุดความคิดในเรื่องอื่นๆทันที

“ว่าไง?”

“สี่ทุ่มเจอกันที่อะเดล ต้องมานะวินท์ แกเบี้ยวมาหลายงานแล้วนะ”

กวินท์รับคำง่ายๆก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะรวมญาติของตนเอง

++++++++++++++++++++++





โอชิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.ย. 2557, 01:30:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 พ.ย. 2560, 10:22:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 2354





<< ตอนที่ 1.    ตอนที่ 3. >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account