วังวนวารี [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
คนหนึ่งอบอุ่นอ่อนโยน คนหนึ่งห่ามห้าว ใจร้อน แตกต่างกันราวกับน้ำพุร้อนเดือดพล่านและสายฝนฉ่ำเย็น หากสิ่งหนึ่งที่ทั้งสองเหมือนกัน คือเขาต่างมีใจให้เธอ แล้วเธอล่ะ จะมอบใจรักเพื่อใคร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่๑ (จบตอน)

ร้านกาแฟสดตรงหัวมุมถนนสังเกตเห็นได้แต่ไกล เพราะมีตู้ไปรษณีย์สีแดงสดตั้งโดดเด่นอยู่หน้าร้าน ตัวร้านเป็นตึกแถวไม้สูงสองชั้นแบบเก่า ประตูไม้แบบบานเฟี้ยมถูกผลักไว้จนสุดทางทั้งสองฟาก เผยให้เห็นการตกแต่งภายในอย่างน่ารัก เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นทำจากไม้เก่า แม้แต่กรอบรูปขนาดเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มซึ่งเรียงรายบนฝาผนังนั่นด้วย โปสต์การ์ดภาพสวยๆที่ทางร้านมีไว้ขาย ก็กลายเป็นของประดับร้านได้อย่างเก๋ไก๋ เสียงเพลงคลอเบาๆให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

วาริปักหลักรออยู่ตรงโต๊ะหน้าร้านนั่นเอง น้ำหนึ่งเดาได้ว่าทำไมเขาเลือกโต๊ะนี้ เพราะเขาชอบดอกไม้น่ะสิ โดยเฉพาะกล้วยไม้สีขาวอวดดอกระย้าในรางไม้ที่ทางร้านวางประดับตรงทางเข้า พอหญิงสาวหย่อนกายลงนั่ง เขาก็บอกอย่างเอาใจ...และรู้ใจ

“สั่งเอสเปรสโซไว้ให้”

เอสเปรสโซที่น้ำหนึ่งโปรดปรานคือเอสเปรสโซจริงๆแบบต้นตำรับ...น้ำคั้นเข้มข้นจากเมล็ดกาแฟคั่วบดหนึ่งช็อตร้อนๆ ไม่ต้องเติมนม น้ำตาล หรือครีมเทียมใดๆแบบไทยสไตล์ซึ่งบั่นทอนกลิ่นและรสชาติแท้ๆของกาแฟให้เจือจางลง

“จำได้ว่าน้ำชอบ”

วาริเป็นเพื่อนคนเดียวที่เรียกเธอว่าน้ำ คนอื่นๆชอบเรียกชื่อเล่นจริงๆของเธอ ‘เพชร’ ชื่อที่มารดาตั้งให้ หวังให้เธอแข็งแกร่งดุจเพชรน้ำหนึ่ง

“ขอบใจ...แล้วคิดไงมาหาเราถึงนี่”

“คิดถึงน่ะสิ” ชายหนุ่มตอบโดยไม่เสียเวลาไตร่ตรองแม้สักน้อย

หัวใจในอกซ้ายของน้ำหนึ่งเกือบจะพองฟูอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่มีความตื่นเต้นไหวระริกอยู่ในดวงตาแสนซื่อยามเอ่ยว่า

“อยากให้น้ำช่วยออกแบบเรือนหอให้หน่อย เดือนหน้าเราจะหมั้นกับเป๊กกี้แล้วนะ ไม่อยากหมั้นทิ้งไว้นาน ตั้งใจว่าเรือนหอเสร็จก็แต่งเลย”

“ไม่” น้ำหนึ่งปฏิเสธแข็งขันตั้งแต่วาริยังพูดไม่ทันจบดีด้วยซ้ำ นี่เป็นครั้งที่สามแล้วนะที่เขาพูดกับเธอเรื่องนี้

สองครั้งแรกเขาเอ่ยปากตอนเธอยังทำงานประจำอยู่ที่บริษัทแอดมีดีไซน์ บริษัทรับออกแบบสร้างบ้านและตกแต่งภายในที่น้ำหนึ่งทำงานมาตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ เธอพบวาริอีกครั้งที่นี่...ในฐานะคู่รักของเปมิกา ลูกสาวเจ้าของบริษัท

น้ำหนึ่งรู้จักและแอบสนใจวาริมาตั้งแต่เรียนมัธยมต้น เขาเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับตินพล แต่ไม่สนิทกันนักเพราะอยู่คนละห้อง เธอชอบรอยยิ้มไร้เดียงสาที่ก่อให้เกิดลักยิ้มเล็กๆตรงมุมปากทั้งสองข้างและแววตาแสนซื่อของเขา...แน่ละ เธอชอบผู้ชายซื่อๆ ไม่ใช่ผู้ชายรูปหล่อเสน่ห์แรงอย่างตินพล...เธอกลัวว่าหัวเข่าทั้งสองข้างจะไม่พอให้เช็ดน้ำตา

และคนอย่างเธอ ถ้าชอบใครแล้วละก็ ไม่มีทางปล่อยให้เขาเดินผ่านหน้าไปเฉยๆหรอก อย่างน้อยก็ขอทำความรู้จักสักนิด ในฐานะเพื่อนก็ยังดี เธอสบโอกาสตอนไปติวที่สถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่ง ไม่แปลกอะไรที่เธอจะเลือกนั่งที่ว่างข้างๆเขาและชวนเขาคุยด้วยเรื่องธรรมดาสามัญ เช่นตัวอย่างข้อสอบที่อาจารย์มอบหมายให้ทดลองทำ เรื่องลมฟ้าอากาศ แล้วค่อยๆขยับเข้าไปสู่รสนิยมส่วนตัวอย่างอาหารที่ชอบ ดาราคนโปรด ประเภทหนังที่พลาดไม่ได้...เธอคืบคลานเข้าสู่ความเป็นส่วนตัวของเขาอย่างเงียบเชียบและแนบเนียน

ถึงเขาจะเป็นคนเรียบเรื่อย ดูไม่ค่อยอนาทรร้อนใจกับสิ่งใด อย่างที่ตินพลให้คำนิยามว่า ‘น่าเบื่อ’ น้ำหนึ่งกลับชอบที่เขาเป็นผู้ฟังที่ดี และยังเป็นผู้ให้คำปรึกษาที่ดีอีกด้วย อยู่ที่ว่าเขาจะพูดหรือเปล่าเท่านั้น

ตอนย้ายมาอยู่ที่โพธารามซึ่งเป็นบ้านเกิดของมารดานั้น น้ำหนึ่งคิดว่าคงลืมเขาได้ มันเป็นแค่ความรักแบบเด็กๆ มิได้จีรังยั่งยืนอะไรหรอก เหมือนสายลมวูบผ่านมาแล้วก็เลยผ่านไป เธอเพิ่งประจักษ์แจ้งแก่ใจว่าความรู้สึกครั้งเก่าก่อนไม่ใช่สายลม หากใจเธอคือโลกใบหนึ่ง ความรักครั้งแรกก็เปรียบเหมือนสสารที่ไม่มีวันสูญหายไปจากโลกใบนั้น

“ทำไมล่ะ เรื่องค่าจ้างไม่ต้องห่วงนะ แพงแค่ไหนเราก็สู้ เพราะเรารู้ว่าน้ำฝีมือดี เป๊กกี้เขาก็ชอบงานของน้ำ”

เป๊กกี้ หรือเปมิกา เป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด อีกทั้งยังเป็นบุตรสาวคนเดียวของประยุทธ เจ้าของบริษัทแอดมีดีไซน์ที่น้ำหนึ่งเพิ่งลาออกมาด้วยเหตุจำเป็น คือมารดาซึ่งอยู่ในวัยกลางคนมีอาการป่วยทางจิต ประกอบกับพยาบาลผู้ดูแลลาออกไปแต่งงาน น้ำหนึ่งจึงจำเป็นต้องออกจากงานประจำมาดูแลมารดาระหว่างที่ยังหาคนดูใหม่ไม่ได้

น่าขำ...เธอยื่นใบลาออกในวันที่วาริมาทำเซอร์ไพรส์ขอเปมิกาแต่งงานถึงบริษัท สาวสวยอ่อนหวานเอียงอายขณะรับดอกไม้ช่อใหญ่ คนให้หรือก็ยิ้มกว้างกว่าครั้งไหนๆที่น้ำหนึ่งเคยเห็น รอยยิ้มของทุกคนที่รุมล้อมร่วมยินดี เสียงหัวเราะชื่นมื่นที่ดังอยู่แทบตลอดทั้งวัน ทำให้สมองน้ำหนึ่งแน่นตื้อพูดอะไรไม่ออก เหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างแล่นมาจุกที่คอหอย ขอบตาร้อนผ่าว

‘ก้อนอิจฉาน่ะสิ’ ตินพลยอกย้อนอย่างรู้ทัน เมื่อเธอเล่าเรื่องราวให้เขาฟังทางโทรศัพท์ในค่ำวันนั้น

“เราไม่ว่าง” น้ำหนึ่งใช้เสียงตัวเองดึงความคิดออกจากเรื่องราวเก่าๆที่ทำให้ปวดใจ “ติดงานอื่นอยู่ ยังไงก็ทำไม่ทัน...” ถึงทันก็ไม่ทำ เธอละประโยคนั้นไว้ในใจ

บอกแล้ว ถ้าต้องให้ไปออกแบบเรือนหอให้วาริละก็ เอามีดมาเฉือนใจกันเลยเถอะ บางทีอาจเจ็บน้อยกว่า

“น้ำ” วาริเรียกพลางจ้องลึกลงในตาเธอ

หญิงสาวสู้สายตาโดยไม่เลี่ยงหลบ

“ทำไมเดี๋ยวนี้น้ำทำเหมือนไม่เต็มใจอยากเจอเรา ทั้งที่เมื่อก่อนเราสนิทกัน”

ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ในความคุ้นเคยกันอยู่
มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ว่าเพื่อนคนหนึ่ง
มันแอบมันคิดอะไรไปไกล กว่าเป็นเพื่อนกัน

น้ำหนึ่งปล่อยให้เสียงเพลงช่างไม่รู้เลย ของศิลปินพีชเมคเกอร์ ที่คลอคลองอยู่ในบรรยากาศเข้ามาแทรกกลางระหว่างบทสนทนา...ใครนะ เป็นคนเลือกเพลงได้เหมาะเจาะเช่นนี้ นิ้วเรียวหมุนแหวนทองคำจารึกนามสกุลพรรณเสถียรบนนิ้วนางข้างขวาเล่นอย่างลืมตัว เธอมักทำเช่นนี้เสมอยามอยู่ในภาวะกดดัน เคร่งเครียด หรือขบปัญหาไม่แตก

“เราเหนื่อยน่ะ”

หญิงสาวแสร้งทำเสียงอ่อนล้า บางครั้งการพูดความจริงแบบตรงไปตรงมาอย่างที่เคย มันก็ไร้ประโยชน์ โดยเฉพาะเรื่องของหัวใจ

‘ไอ้คุณวารินี่มันมีอะไรน่าสนใจนักฮะยายเพชร เธอถึงได้ชอบมันนักหนา หล่อก็ไม่หล่อ โง่ก็โง่ ผู้หญิงเขาแอบรักยังทำทึ่มทื่อเป็นกระบือไถนา มันน่าเอามาเป็นพ่อของลูกไหมเนี่ย’

มีตินพลคนเดียวละที่กล้าเอ่ยวาจาเราะร้ายแบบนี้

‘เขาไม่ได้โง่หรอก ฉันเก็บความรู้สึกได้ดีต่างหาก เขาเลยมองไม่ออก’

เธออดออกรับแทนไม่ได้ ก็ แหม ถ้าเชี่ยวชาญลื่นไหลอย่างนายตินพล เธอคงรักไม่ลง

‘เหรอ-อ-อ-อ-อ’ ตินพลลากเสียงยาวประชดประชัน

จนนาทีนี้...น้ำหนึ่งเพิ่งคิดเหมือนที่ตินพลพูด...ผู้ชายอะไร โง่ เอ๊ย ซื่อเหลือเกิน

“อืม เราเข้าใจ” เสียงห้าวทุ้มหม่นลง ดวงตาคมอ่อนแสงแสดงความเห็นใจ

วาริรู้เหมือนที่เพื่อนสนิททุกคนรู้ ว่าชีวิตครอบครัวเธอมันโคตรดราม่า มีพ่อขี้เหล้าเมายางานการไม่ทำ แถมพอเมาขึ้นมาก็อาละวาดตบตีลูกเมีย วันไหนพ่อเมากลับมา น้ำหนึ่งจะเห็นความหวาดกลัวเอ่อท้นในดวงตาของแม่ขณะกำชับให้ลูกสาวทั้งสองเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้อง บางคืนแม่ละเมอกรีดร้องมือไม้ปัดป้องเป็นพัลวัน เพราะพ่อตามเข้าไปทำร้ายแม้กระทั่งในฝัน

จนวันหนึ่ง กระสอบทรายมีชีวิตอย่างแม่ก็ทนไม่ไหว หอบลูกสาวสองคนหนีมาอยู่โพธารามโดยความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิทของแม่ น้ำหนึ่งไม่เคยเห็นเพื่อนแม่คนนั้น รู้เพียงว่าเขาให้คนขับรถไปรับในวันที่พ่อไม่อยู่บ้าน ไม่มีใครสนใจว่าพ่อจะรู้สึกอย่างไร เขาทำทุกคนบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจมามากเกินพอแล้ว

ไม่มีใครเศร้าโศกกับการแยกทางของพ่อกับแม่ ทุกคนดูมีความสุขขึ้นด้วยซ้ำ แม่เปิดร้านตัดเสื้อเหมือนตอนที่อยู่กรุงเทพฯ แต่ลูกค้าหนาแน่นกว่า เพราะการแข่งขันน้อยและแม่มีฝีมือ จากที่เป็นคนเงียบขรึม แม่ก็ยิ้มแย้มหัวเราะได้ ความสุขในครอบครัวคงดำรงอยู่อีกนาน ถ้าหากว่าไม่เกิดเรื่องร้ายขึ้นกับพิมพ์แพร

เรื่องร้ายที่ว่าทำร้ายจิตใจของเธอและมารดาอย่างสาหัส พิมพ์แพรถูกฆ่าข่มขืนอย่างน่าเวทนา เมื่ออัญชันทราบข่าวก็เป็นลมล้มพับไป จากนั้นก็มีอาการป่วยทางจิตเนื่องจากได้รับความกระทบกระเทือนใจอย่างรุนแรง บางครั้งก็อาการดีขึ้นเหมือนไม่เคยเป็นอะไรมาก่อน แต่บางคราวก็คลุ้มคลั่งอาละวาดอย่างที่เห็นเมื่อครู่ที่ผ่านมา...

แต่ต่อให้อาการดี ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นปกติ หากพบหน้าวาริครั้งใด อัญชันก็สามารถโกรธเกรี้ยวร้ายกาจขึ้นมาได้ทันที เนื่องจากนางไม่ชอบเขา...เข้าขั้นเกลียดด้วยซ้ำ

เพราะวาริเป็นบุตรชายของบดินทร์ สหทรัพย์ เจ้าของบริษัทสหทรัพย์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเหล้ารายใหญ่ของประเทศ น้อยคนนักจะไม่รู้จักเหล้ายี่ห้ออมฤต...แม่เกลียดคนกินเหล้า เพราะคนกินเหล้าคนหนึ่งตบตีทำร้ายแม่และลูกๆ และเพราะคนกินเหล้าอีกคนหนึ่ง ลูกสาวที่แม่รักดุจดวงใจถึงต้องตายอย่างน่าสมเพช หลังพิมพ์แพรตาย น้ำหนึ่งต้องเก็บงำข้าวของเครื่องใช้ของพี่สาวให้พ้นหูพ้นตามารดา รวมทั้งปลดภาพถ่ายต่างๆที่มีพิมพ์แพรร่วมเฟรมด้วยลงจากฝาผนัง เพราะสิ่งเหล่านี้ กระตุ้นตะกอนความโศกเศร้าในใจมารดาให้ลอยคว้างทุกครั้งที่พบ

น้ำหนึ่งก็เกลียดคนกินเหล้า แต่ไม่ได้เกลียดวาริ เพราะเขาไม่ใช่คนดื่ม

‘มันไม่กิน แต่สนับสนุนให้คนกินกันเยอะๆ มันก็ผิดเหมือนกัน แล้วทำเป็นมาพิมพ์คำเตือนไว้ข้างขวด ว่าการดื่มสุราทำให้เสียสุขภาพ มึนเมาขาดสติ และทำให้ความสามารถในการขับขี่ลดลง เฮอะ ถ้าห่วงคนกินขนาดนั้น เลิกผลิตเลยดีกว่า’ อัญชันประชดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว

เมื่อสิ้นพิมพ์แพร แม่ที่เคยอ่อนหวานใจดีก็กลับก้าวร้าวดุดันอย่างน่ากลัว

จริงอย่างที่แม่ว่า วาริดูแลเรื่องการตลาดให้กับบริษัทของผู้เป็นพ่อ เขาเป็นคนส่งเสริมให้คนดื่มเหล้า ยิ่งคนดื่มมากเท่าไร รายได้ของเขาก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น...ไม่มีบริษัทไหนหรอกที่ไม่กระตุ้นยอดขาย ต่อให้สิ่งที่ขายเป็นพิษเป็นภัยก็ตาม...เป็นหน้าที่ของผู้บริโภคที่ต้องรู้เท่าทันและลด ละ เลิกด้วยตนเอง

แต่ขึ้นชื่อว่ายาเสพติด ลองติดแล้วก็เลิกยาก เพราะมันไม่ได้ติดแค่กาย แต่มันซึมลึกไปถึงดวงจิตเชียวละ

‘คอยดูเถอะ สักวันมันจะตายเพราะเหล้า ต่อให้มันไม่กินเองก็เถอะ’ อัญชันเคยอาฆาตสาปแช่งไว้เช่นนั้น

“ถ้าเหนื่อยนัก ก็หาเวลาไปเที่ยวพักผ่อนบ้างสิ มีคนมาช่วยดูแลแม่แล้วไม่ใช่เหรอ เธอดูเครียดมาหลายปีแล้วนะ รู้ตัวหรือเปล่า”

เสียงอาฆาตมาดร้ายของอัญชันถูกลบไปด้วยน้ำเสียงทุ้มทอดอ่อนโยนของคนตรงข้ามที่เธอนั่งสบตาอยู่ครู่ใหญ่

“มีเวลาสังเกตด้วยหรือ” น้ำหนึ่งย้อนยิ้มๆ

ตั้งแต่เกิดเรื่องกับพิมพ์แพรเมื่อสามปีก่อน น้ำหนึ่งก็เดินทางไปกลับกรุงเทพฯ-โพธารามทุกวันที่ทำงาน เธอไม่อยากทิ้งอัญชันไว้กับคนดูแลเพียงลำพัง กระทั่งคนดูแลคนเก่าลาออกไปและเธอหาคนใหม่ไม่ได้จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำมารับงานอิสระแทน เพื่อจะได้มีเวลาดูแลมารดา เธอเพิ่งได้เกศรามาช่วยเดือนที่แล้วนี่เอง โดยเจ้าตัวเดินเข้ามาสมัครด้วยตนเอง ท่าทางมั่นอกมั่นใจนัก

‘รู้ได้ไงว่าที่นี่อยากได้คนดูแลผู้ป่วย’

‘หนูมากินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านฝั่งตรงข้ามน่ะค่ะ ป้าคนขายบอกว่าบ้านนี้อยากได้คนทำงาน’ พร้อมกับพูด เด็กสาวบุ้ยใบ้ไปยังอีกฟากฝั่งถนนอันเป็นที่ตั้งของร้านป้าช้อยชวนชิม ร้านก๋วยเตี๋ยวลือชื่อของย่านนี้ ไม่ใช่ลือเลื่องเรื่องรสชาติก๋วยเตี๋ยวหรอกนะ แต่ลือชื่อในเรื่องศูนย์รวมข่าวสารของชุมชน ใครอยากรู้เรื่องใดถามแกได้ ป้าช้อยรู้ ป้าช้อยเห็นเกือบทุกความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในซอยเล็กๆแห่งนี้

น้ำหนึ่งเห็นว่าเกศราน่ารักดี ท่าทางไว้ใจได้ สบตากันครั้งแรกก็ถูกชะตา ครั้นได้พูดคุยก็ทราบว่าเกศราต้องดร็อปเรียนเพื่อทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง เนื่องจากบ้านแตกสาแหรกขาด เด็กสาวอยู่กับมารดาขี้เมา วันๆเอาแต่ดื่มเหล้า งานการไม่ทำ น้ำหนึ่งเข้าใจดีว่าการอยู่กับบุพการีที่เป็นนักเลงสุรานั้นทุกข์ใจเพียงใด และออกจะเห็นใจเด็กไม่น้อย เลยรับมาทำงานด้วยกัน และเธอไม่ได้คิดไปเอง ตั้งแต่เกศรามาดูแลอัญชัน จากอาการทรงๆทรุดๆมาหลายปี กลับดีขึ้นจนผิดหูผิดตา

“ไม่เห็นต้องสังเกต” วาริดึงเธอหลุดจากเรื่องราวเก่าก่อน “เจอกันกี่ครั้ง คิ้วเนี่ย...” คนพูดใช้นิ้วเรียวจิ้มลงมาบนหว่างคิ้วพลางนวด

คลึงเบาๆอย่างสนิทสนม โดยที่เธอเองก็ไม่ทันตั้งตัวและไม่คาดคิดมาก่อน ก่อให้เกิดกระแสวาบไหวอย่างประหลาดจนฟังประโยคถัดมาแทบไม่รู้เรื่อง “มันก็ขมวดมุ่นจนแทบจะผูกเป็นโบอยู่แล้ว ระวังหน้าจะแก่เร็ว หาเวลาหย่อนใจเสียบ้างเถอะ”

ชายหนุ่มละนิ้วจากหว่างคิ้วเธอไปแล้ว แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นยังคงค้างคาอยู่ในความรู้สึก

“นั่นสิ ถ้าเธอไม่พูดเราคงลืม วันนี้เรามีนัด”น้ำเสียงกระตือรือร้นขึ้นมานิด

“กับนายดาราที่กำลังมีข่าวฉาวคนนั้นเหรอ” วาริถามเสียงขึ้นจมูกนิดๆ ดูท่าทางเขาไม่ค่อยชอบตินพลเท่าไร อาจเพราะตินพลเป็นคนเจ้าชู้ เปลี่ยนคู่ควงเป็นว่าเล่นก็ได้ วาริเคยบอกว่าเขาไม่ชอบคนเจ้าชู้ ไม่ว่าหญิงหรือชาย

น้ำหนึ่งพยักหน้า แต่ไม่ได้อธิบายหรอกว่าไม่ใช่ตินพลคนเดียว

เมื่ออาทิตย์ก่อน เหมือนฝันโทร.มาชวนไปเที่ยวดรีมแลนด์แดนหรรษา สวนสนุกเปิดใหม่แห่งหนึ่งย่านชานเมือง เธอตกปากรับคำทันที เนื่องจากข่าวการแต่งงานของวาริที่อ่านพบจากคอลัมน์แซวคนดังในหนังสือพิมพ์ส่งผลให้สมองตันคิดงานไม่ออกไปทั้งวัน และเชื่อว่าคงเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกสักพักจนกว่าจะทำใจและรวบรวมสมาธิได้นั่นละ การออกไปเปิดหูเปิดตาและพบปะเพื่อนฝูงเสียบ้าง คงดีกว่าการมานั่งจมอยู่กับความเจ็บปวดเพียงลำพัง

น้ำหนึ่งจินตนาการถึงสวนสนุกที่เต็มไปด้วยสีสันและเครื่องเล่นผาดโผนนานาชนิดแล้วอดนึกถึงเพื่อนสนิทอีกสองคนไม่ได้ ตินพลและนพคุณ เธออยากให้คนทั้งคู่ไปด้วยจึงตัดสินใจโทร.ไปชวนโดยไม่รู้ว่าทั้งสองหนุ่มจะว่างมาหรือเปล่า ก็แค่สวนสนุก จะดึงดูดใจให้อยากมาได้สักแค่ไหนกัน ทุกคนต่างก็เติบโตพ้นวัยสนุกสนานและมีหน้าที่การงานต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะตินพลนั้น เขาเป็นดาราคิวทองเชียวละ

อันที่จริงถ้าตินพลกับนพคุณจะไม่ไป เธอก็คงหาความสนุกได้ไม่ยาก แต่อะไรก็ไม่รู้กระตุ้นเตือนให้เธอกระตือรือร้นที่จะชักชวนพวกเขาไป อาจเพราะอายุมากขึ้น จึงเริ่มโหยหาบรรยากาศเก่าๆที่เคยร่วมสร้างด้วยกันมาก็เป็นได้
ช่างน่าแปลกที่ทั้งคู่กลับตอบตกลงง่ายกว่าที่คิด ตินพลนั้นมีลังเลนิดหน่อยเพราะติดงาน

‘ฉันติดถ่ายแบบตอนสิบเอ็ดโมง ขอผัดเป็นวันอาทิตย์ได้ไหม’

‘น่าจะเสร็จทันนะ เขานัดกันตั้งห้าโมงเย็น’ น้ำหนึ่งกะการ

‘เขาน่ะ ใคร’ ดาราหนุ่มย้อนถาม น้ำเสียงคาดคั้นกลายๆ

‘ก็...’ เธอเกือบหลุดปากว่าทั้งนพคุณทั้งเหมือนฝันนั่นแหละ แต่มั่นใจว่าถ้าตินพลรู้ว่านพคุณไปด้วย งานนี้เขาชิ่งหนีแน่ สองคนนี้ก็เหมือนเสือสองตัว อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ค่อยได้ แต่ลึกลงในใจเธอกลับเชื่อว่าหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดกำลังเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือ อีกฝ่ายก็คงเต็มใจช่วย...ช่วยแบบเชิดๆหยิ่งๆนั่นละ

หญิงสาวเสหัวเราะกลบเกลื่อน ‘เพื่อนๆชมรมเรื่องลี้ลับไง’ เธอเว้นไปนิด และไม่รอให้ตินพลเอ่ยคำใด รีบอ้างต่อโดยพลัน ‘ทุกคนบ่นอยากเจอนายกันทั้งนั้น ยายฝันเอย ลุลาเอย’

‘แล้วไอ้คุณพี่เก้าล่ะ ไปด้วยหรือเปล่า’ ตินพลถามตรงๆ

‘ยังไม่ได้ชวนเลย ตอบไม่ได้’ เธอโกหกหน้าตาเฉย ความจริงนพคุณตอบรับคำชวนไปแล้วสดๆร้อนๆ

‘เถอะน่ะ อย่าไปสนใจพี่เก้าเขาเลย ถือเสียว่ามาเจอฉันก็พอแล้ว ตกลงเรานัดกันแล้วนะ ห้าโมงเย็น วันเสาร์นี้ ห้ามลืมเด็ดขาด’ เธอรีบมัดมือชกก่อนเขาจะเลี้ยวลดไปทางอื่นอีก

น้ำหนึ่งแสร้งมองนาฬิกาบนผนังร้าน...ทั้งที่ตั้งใจว่าจะโทร.ไปเลิกนัด เนื่องจากมารดาอาการไม่ค่อยดี จะทิ้งไว้ให้เกศราดูแล แล้วตัวเองไปเที่ยวสนุกก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ทั้งที่คิดเช่นนั้นแต่กลับบอกวาริไปว่า

“เราคงต้องรีบกลับไปเตรียมตัวแล้วละ เดี๋ยวจะสาย”

“แล้วเรื่องเรือนหอ...”

“ก็บอกไปร้อยครั้งแล้วไง ว่าไม่รับงานนี้ เธอไปหาคนอื่นเถอะ” น้ำหนึ่งตัดรอนอย่างไร้เยื่อใย ก่อนจิบน้ำเปล่าและลุกขึ้นแสดงให้เห็นว่าการสนทนายุติลงแล้วเพียงเท่านี้

วาริก้าวยาวๆนำไปยังเคาน์เตอร์คิดเงินตรงข้างประตูร้าน น้ำหนึ่งมองตามแผ่นหลังกว้าง ภาพที่เห็นทำให้หญิงสาวใจหายวูบ ตัวชาวาบเหมือนถูกราดรดด้วยน้ำเย็นถังใหญ่

“ว่าน” เธอร้องเรียกเสียงหลงด้วยความตกใจจนพนักงานในร้านยังต้องหันมอง

“หืม” คนถูกเรียกหันกลับมา ทำหน้าประหลาดใจ “มีอะไรเหรอ”

“ปละ...เปล่า” เธอปฏิเสธเสียงตะกุกตะกัก ยืนกะพริบตาปริบๆ จากที่ตั้งใจจะแยกกลับบ้านเลยก็เปลี่ยนใจเป็นรอให้วาริขึ้นรถเรียบร้อย

“โชคดีนะว่าน ขับรถดีๆล่ะ”

“เราไม่ไปไล่ชนใครหรอกน่า” เขาเอ่ยยิ้มๆ “ว่าแต่...ไม่มีอะไรแน่นะ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นน้อยๆ

“อืม ไม่มี ไปเถอะ ขับรถดีๆ” น้ำหนึ่งย้ำคำเดิม

“เห็นเรียกซะเสียงดัง นึกว่าจะเปลี่ยนใจ”

น้ำหนึ่งเพียงแค่ยิ้มและมองตามท้ายรถจนเลี้ยวลับหายไปจากสายตา...จะให้บอกได้อย่างไรว่า ที่เธอเรียกเขาด้วยความตกอกตกใจจนใครๆเหลียวมอง เป็นเพราะในชั่วพริบตานั้น เธอเห็นร่างสูงของเขาปราศจากศีรษะโดยสิ้นเชิง!

************************************************

ทักทายท้ายเรื่อง

มาเจอกันอีกแล้ว ดูๆจากเวลาแล้ว คิดว่าต่อไปน่าจะต้องลงทุกวันนะ เพราะไม่งั้นมันจะได้ไม่ทันถึงครึ่งเรื่อง ก็จะถึงงานหนังสือเดือนตุลาเสียก่อน อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ กลับมาพบกันอีกครั้งแล้ว ดีใจ ดีใจ

พี่แตงกว่าสุดสวย วันนี้ก็ทิ้งปริศนาไว้อีก เมื่อไหร่ท่านชายจะตามมาพบนะ อ๊ะ ไม่ใช่แระ ๕๕๕

คุณใบบัวน่ารัก ถามมาว่ามีเรื่องอะไร ตอนนี้วาริเลยมาตอบให้แล้ว ดีใจที่คุณใบบัวแวะมาเยี่ยมชมวังวนวารีค่ะ

นางเอกเกดซ่า ตอนนี้เปรยถึงเล่มอื่นนิดหน่อยจ้า จะได้เข้าใจฟามสัมพันธ์ของตัวละคร ใครชอบผู้ชายคนไหนก็ไปตามอ่านได้ในเรื่องอื่นๆที่เหลือในชุดเบย

คุณ sweetbutter ยินดีต้อนรับสู่งวังฯ ค่ะ

หนูยิ้มจัง ใช่แล้วจ้า เกดซ่าเป็นนักแสดงรับเชิญในเรื่องนี้ แต่เธอไม่คิดค่าตัว ขอให้จัดปู้จายหล่อๆให้ครองคู่เท่านั้นพอ

น้องหนอนน้อยดังปัณณ์ ปู้จายเรื่องนี้ ถูกรับเชิญมาจากเรื่องอื่นๆในชุดด้วยจ้า ไม่ได้ดกดื่นอย่างที่เห็น เรื่องนี้เจ๊ก็เขียนไปตื่นเต้นไป (ตื่นเต้นว่าจะจบทันไหม ๕๕)

น้องหมีบุลินทร เกดซ่ามาสายขำ นางขำไปจนเกือบจบเรื่องละ กว่าจะเป็นผู้เป็นคนกับเขาน่ะ

ไว้ติดตามตอนต่อไปวันพฤหัสนะ อย่าเพิ่งทิ้งกันไไปไหนน้าาาา



ภาวิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.ย. 2557, 02:03:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.ย. 2557, 02:03:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1409





<< บทที่ ๑ (ครึ่งแรก)   บทที่ ๒ >>
พันธุ์แตงกวา 9 ก.ย. 2557, 06:07:28 น.
ปริศนานี่น่าสงสารนะ ถูกทิ้งไว้หลายที่เลย ยังจะเล่นกันต่อ เอิ้กๆๆๆ
สงสารน้ำหนึ่งอ่ะ ชีวิตนางดราม่า จะรินักก็ต้องเป็น มดแดงแฝงพวงมะม่วง อยากจะจับวาริมาเขย่าให้หัวสั่นนัก เผื่อจะตาลายมองเห็นน้ำหนึ่งบ้าง


ketza 9 ก.ย. 2557, 08:08:21 น.
เกดซ่าาาามาแย้ววววว
วาริแย่แว้ววว ซาตานกะลังมาาา 0;0


yimyum 9 ก.ย. 2557, 08:55:49 น.
เฮ้ยยยยย หายหัว เอ๊ย หัวหาย (ก็คื้อกันแหละ--) มีคำว่าจังด้วย 555 เรียกหนูบิ้ม เหมือนพี่ซีเลย ^^


ใบบัวน่ารัก 9 ก.ย. 2557, 09:08:55 น.
มีเพื่อนหล่อๆดีที่เค้าใส่ใจเรา
คนที่เค้าไม่รู้ก็ไม่ต้องใส่ใจมากนัก
คิดมากหรือเปล่าเพชร


ดังปัณณ์ 9 ก.ย. 2557, 10:08:41 น.
อั้ยย่ะ! เจ้ขาาาาาาาาาาาา ถึงจะบื้อแต่ก็รักนะวาริ หุๆ

หัวขาดก็แสดงว่าตายดิ งั้นก็ไม่มีทางฟื้นกลับมาดิ แล้วอิตัวที่มาเข้าร่างว่านอีก นางจิเป็นพระเอกชิมิ แต่ตินพลกับไอ้พี่เก้าเนี่ยน่าจับตามอง หรือสองคนนี่จิเป็นพระเอกแทน 555+
เจ้ปุ้กขราาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา (แขน) เจ้ทำให้หนอนรู้สึกเหมือนเป็นนางเอก ช้านจิเลือกครายดี 555+

ปล.มาทุกวัน รอทุกวัน ทำตาปริบๆๆๆ ขอเป็นสามเวลาหลังอาหารได้มั้ยฮ่ะ เลิฟยู้วววววววววววววววววววว


ริญจน์ธร 9 ก.ย. 2557, 10:24:01 น.
มาต่อทุกวันเลย เดี๋ยวไม่จบ


บุลินทร 9 ก.ย. 2557, 11:49:06 น.
ตามมาให้กำลังใจจจ เดี๋ยวจะอุดหนุนในงาน


หนอนฮับ 9 ก.ย. 2557, 12:12:07 น.


นักอ่านเหนียวหนึบ 10 ก.ย. 2557, 00:01:18 น.
อ๋าาาาาา เค้าอยากร่วมเป็นนักแสดงสมทบด้วยอ๊ะ!
แล้ววว ตกลง เพชรน้ำหนึ่ง เธอมีเซนส์ช้ะ!!!


Barby 16 ก.ย. 2557, 13:03:22 น.
อ่านต่อเลยเน่อะ ขออ่านรวดเดียวหลายหน้าละกัน ได้ไม่ต้องนั่งคอย


patok 1 ต.ค. 2557, 16:50:33 น.
โอ๊ยยย ตื่นเต้นจังเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account