วังวนวารี [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
คนหนึ่งอบอุ่นอ่อนโยน คนหนึ่งห่ามห้าว ใจร้อน แตกต่างกันราวกับน้ำพุร้อนเดือดพล่านและสายฝนฉ่ำเย็น หากสิ่งหนึ่งที่ทั้งสองเหมือนกัน คือเขาต่างมีใจให้เธอ แล้วเธอล่ะ จะมอบใจรักเพื่อใคร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๗ (ครึ่งแรก)

ณ ที่แห่งนั้นกว้างใหญ่ไพศาลและคลาคล่ำไปด้วยวิญญาณบาป ความร้อนมหาศาลอันหาสิ่งเปรียบมิได้พวยพุ่งจากทุกทิศทางโดยไร้เปลวเพลิง แผดเผาวิญญาณเหล่านั้นอย่างสาสมยุติธรรมกับกรรมชั่วที่ก่อไว้โดยไร้การผ่อนปรน ความทุกข์ทรมานจากการลงทัณฑ์หาได้จบลงง่ายๆไม่ หากตราบาปที่กระทำไว้ยังไม่สิ้นสุด เสียงร่ำร้องครวญครางโหยหวนชวนสมเพชเวทนา มันทั้งน่าหวั่นหวาดและสะทกสะท้านใจไปในคราเดียวกัน เสียงเหล่านั้นระงมฟังไม่ได้ศัพท์ บ้างแหบโหยต่ำพร่า บ้างเครือครางชวนสังเวช บ้างแหลมสูงเสียดโสตประสาท สอดแทรกประสานกันไม่ได้หยุด

บนพื้นอันแผ่ไพศาลร้อนฉ่าดุจแผ่นเหล็กเผาไฟ แออัดยัดเยียดไปด้วยสัตว์นรกไม่ต่างจากหนอนไหน่ที่รุมชอนไชซากศพ ผิดกันแต่ว่าพวกมันมิได้สุขสมอย่างสัตว์ที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารชิ้นโปรด แต่กำลังดิ้นพราดๆด้วยความเจ็บปวด น้ำเดือดพล่านจากกระทะทองแดงขนาดมโหฬารถูกกรอกลงคอพวกมันครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนไม่มีวันจบสิ้น สัตว์นรกทุกตัวตนล้วนต้องการหลุดพ้นจากดินแดนร้อนร้ายนี้ ทว่ามีผู้คุมแน่นหนาอยู่ทั่วอาณาบริเวณ กักกันไม่ยอมให้วิญญาณตนใดเล็ดลอดหลุดไปจากนรกโลกันต์ได้ง่ายๆ จนกว่าจะถึงวาระอันสมควร

แต่กระนั้น วิญญาณบาปดวงหนึ่งก็ยังพยายามหาทางหลบหนี แม้โอกาสจะมีน้อยยิ่งกว่าน้อย หากเปรียบเป็นช่องว่างก็เล็กยิ่งกว่ารูเข็มไม่รู้กี่ล้านเท่า ทว่ายังอุตส่าห์มองเห็นและฉกฉวยไว้ได้อย่างที่มันเองก็ไม่อยากเชื่อ ดวงจิตของมันเจ็บปวดสาหัสจากการถูกลงทัณฑ์ มันเป็นผลของกรรมชั่วที่ก่อไว้ แต่อิสรภาพอันหอมหวานเป็นแรงผลักดันให้มันตะเกียกตะกายอย่างน่าเวทนา ป่ายปีนออกจากกำแพงเหล็กสูงลิ่วลิบ หาได้อนาทรต่อความร้อนสาหัสสากรรจ์ที่แทบจะหลอมมันให้แหลกเหลว มันใช้พลังจากความหวาดกลัวทั้งหมดเป็นตัวผลักดัน โผนทะยานแล่นลิ่วผ่านภพภูมิต่างๆอย่างเหนื่อยอ่อน แต่มิได้ระย่อท้อแท้ จนกระทั่ง...ถึงแดนมนุษย์ แดนที่มันจากมานานเท่าใดก็สุดรู้

มันสอดส่ายสายตาหาที่หลบซ่อนพักพิงเพราะรู้ อย่างไรต้องถูกติดตามอย่างแน่นอน หน่วยล่าวิญญาณคงไม่ปล่อยให้มันลอยนวล
มันพยายามมองหาร่างที่เข้ากันได้อยู่หลายวัน ต้องทำให้สำเร็จก่อนถูกตามตัวกลับไป หากมีร่างพักพิงหน่วยล่าวิญญาณจะตามหาได้ยากยิ่ง มันถึงต้องการยังไงล่ะ

และในที่สุดมันก็พบ...ท่ามกลางกระแสฝนฟ้าคะนอง ท้องฟ้าครึ้มคล้ำคำรามครืนครั่น ดวงจิตเปี่ยมบาปลิงโลดลำพองขณะเผ่นโผนโลดลิ่วสู่เป้าหมาย ใช้พลังที่มากกว่าเบียดแทรก ดึงดันจนได้ครอบครอง

แสงฟ้าแลบแปลบปลาบหงิกงอยาวเหยียดดุจรากไม้ ตามมาด้วยเสียงฟ้าคำรามสนั่นหวั่นไหว

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

ร่างสูงเพรียวที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงดุจไร้ลมหายใจผวาสะดุ้งเฮือก ดวงตาคมกล้าค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ ริมฝีปากแสยะยิ้มสมใจ...ถึงเวลาเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วสินะ




“ว่าน” กระแสเสียงเปี่ยมความยินดีหลุดจากปากหญิงสาวที่เขาพบเป็นคนแรกยามลืมตาในร่างใหม่ สวย ท่าทางฉลาด ทำไมรู้สึกคุ้นๆเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก ช่างมันเถอะ มีเวลาให้คิดอีกเยอะ แล้วเธอเกี่ยวพันอะไรกับร่างใหม่ของเขาด้วย

“เธอเป็นใคร” เขาถามไปอย่างใจคิด

คนถูกถามนิ่งไปนิด หัวคิ้วถูกกดเข้าหากัน สีหน้าครุ่นคิดกังวล ช้าจนน่ารำคาญกว่าจะตอบออกมาได้

“น้ำหนึ่งไง เธอจำไม่ได้เหรอ”

คำตอบของเธอทำให้เขาหงุดหงิดรำคาญใจเป็นที่สุด หน้าตาก็ฉลาดดี ทำไมตอบอะไรโง่ๆแบบนี้ออกมาได้

“ฉันถามว่าเป็นใคร ไม่ได้ถามว่าชื่ออะไร” น้ำเสียงคาดคั้นเอาเรื่องด้วยความหงุดหงิด นึกขัดใจที่ร่างใหม่นี้ยังไม่สมประกอบดี
สงสัยจะสลบไปหลายวัน สุ้มเสียงถึงผะแผ่วอ่อนระโหย ใช้ตวาดใครก็ไม่ได้ดั่งใจ

“เพื่อนไง เราเป็นเพื่อนกัน”

“นึกว่าเมีย” เขาโพล่งไปด้วยความโล่งอก แน่ละ เขาไม่อยากมีพันธะผูกพันกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น

ความไม่พอใจผ่านวูบเข้ามาในดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มฉายแววเฉลียวฉลาดที่เขามองสบ

เฮอะ ให้ฉลาดอย่างไรก็คงไม่มีทางรู้ว่าเพื่อนคนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ชายหนุ่มคิดอย่างลำพอง

“ยัง เธอยังไม่มีเมียหรอกว่าน แต่กลับออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ก็ไม่แน่”

“หมายความว่ายังไง”

“เธอกำลังจะแต่งงาน...”

ดูออกว่าเธอพยายามเล่าอย่างใจเย็นที่สุดแล้ว ทำไมจะไม่รู้ ดวงตาสีสวยของเธอมันวับวาวเหมือนอยากจะด่าตั้งแต่เขาพูดว่า ‘นึกว่าเมีย’ นั่นแล้ว คงรับไม่ได้สินะกับคำบ้านๆ โธ่เอ๊ย ก็คำไทยแท้ๆ ทำเป็นดัดจริตไปได้ เอาเถอะ แล้วจะระวังคำพูดให้นะแม่คุณ ยังไงฉันก็ยังต้องพึ่งเธอนี่แหละสืบสาวข้อมูลของร่างใหม่นี้ เพื่อจะแสดงออกได้อย่างกลมกลืนแนบเนียน

สงสัยจะไม่พอใจมาก ดูสิ หมุนแหวนที่นิ้วนางข้างขวาเหมือนมันจะช่วยระงับอารมณ์ได้อย่างนั้นแหละ แหวนสลักตัวอักษรอ่อนช้อยว่าพรรณเสถียร คงเป็นแหวนนามสกุลที่ได้รับสืบทอดมาอีกที เพราะแบบมันเชยสะบัด ไม่เหมาะกับคนสวยเก๋อย่างเธอด้วยประการทั้งปวง

“แต่เราไม่รู้ว่าเธอคิดยังไง จู่ๆถึงไปกินเหล้าจนเมาแล้วเกิดอุบัติเหตุอย่างนี้ เธอขับรถชนอุโมงค์ บาดเจ็บสาหัส”

“อ่อนจริงๆ”

เขาเบะปาก นึกดูแคลน จะเมาแล้วยังโง่ขับรถเองอีก สมควรแล้วที่ต้องมานอนเงกอยู่แบบนี้ ไม่รู้ป่านนี้วิญญาณล่องลอยไปอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ สงสัยว่าเขาจะไม่สามารถเป็นเหมือนหมอนี่ได้ทุกกระเบียดนิ้วเสียแล้ว...เพราะเขาไม่อาจทำเรื่องโง่ๆแบบที่ไอ้บ้านี่ทำได้หรอก

ว่าแต่แม่คนสวยที่ทำตาวับๆเล่าเรื่องให้เขาฟังอยู่นี่คิดกับร่างใหม่ของเขาแค่เพื่อนจริงหรือ แล้วเพื่อนที่ไหนแอบมาจูบเพื่อนเล่า เขาเห็นนะ ก่อนจะเข้าร่างน่ะ

“เธอแอบรักผู้ชายคนนี้ใช่ไหม” เขายกมือที่มีสายน้ำเกลือชี้เข้าหาตนเอง เมื่อรู้สึกตึงและเจ็บจึงผ่อนลงวางลงดังเดิม

“เธอจำเรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวเองได้บ้าง”

เหอะ ดู เปลี่ยนเรื่องเฉยเลย แบบนี้เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อแหงๆ ว่าแต่ไอ้เจ้าทึ่มที่เขามาสิงร่างนี่มันมองไม่ออกเชียวหรือว่ามีเพื่อนสนิทสาวสวยแอบหลงรัก

“ไม่รู้” เขาตอบตามตรง ถ้ารู้ก็คงจำได้ แต่นี่ไม่รู้อะไรสักอย่าง “เล่าให้ฟังหน่อยสิ”

“เธอชื่อวาริ สหทรัพย์”

เธอทำท่าจะเล่าต่ออีกยาว แต่ดันถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตูเสียก่อน

“ได้เวลาเช็ดตัวคนไข้แล้วค่ะ”

พยาบาลเอ่ยเสียงใส น้ำหนึ่งคนสวยเลยถอยฉากไปนั่งจุ้มปุ๊กบนโซฟาตัวเดิม เขาเองก็รู้สึกขัดใจ ทำไมต้องมาเช็ดตัวกันตอนนี้ด้วยก็ไม่รู้

เอาเถอะน่า อย่างน้อยก็รู้อย่างหนึ่งแล้วว่าต่อไปนี้เขาชื่อวาริ สหทรัพย์ ไม่ใช่เผด็จ เผดิมชัย เหมือนก่อน

เผด็จ เผดิมชัย ตายไปแล้ว ตายไปนานแค่ไหนก็ยังไม่รู้ เดือนปีในนรกโลกันต์แห่งนั้นช่างยาวนานจนไม่อาจเปรียบกับโลกมนุษย์ได้ แค่คิดถึงสถานที่ที่ตนเพิ่งจากมา เนื้อตัวก็เกิดสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เขาไม่อยากกลับไปที่นั่นอีก สัญญาเลยว่าจะเป็นวาริ สหทรัพย์ ให้ดีที่สุด

วาริ สหทรัพย์ งั้นหรือ อืม เริ่มคุ้นๆแล้ว นามสกุลนี้ดังใช่ย่อยนี่นา ทำไมเขาเพิ่งคิดออกนะ คงหาข้อมูลไม่ยากนักหรอก




แหล่งข้อมูลที่เผด็จหมายตาไว้ไม่ใช่ใครอื่น คือน้ำหนึ่ง หญิงสาวผมหยักศกเป็นลอนสลวย เจ้าของดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มที่เขาพบเมื่อแรกลืมตาขึ้นมาอีกครั้งนั่นเอง

ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิด เพราะตั้งแต่เธอกลับไปเย็นวันนั้นแล้วไม่ได้มาเยี่ยมเขาอีกเลย นี่ก็ปาเข้าไปสามวันแล้ว คนที่มาทุกวันทั้งเช้าและเย็น ตลอดจนนอนเฝ้าเขาหลังจากย้ายมาอยู่ห้องพิเศษ คือวิไลวรรณ สตรีวัย ๔๙ ปี หน้าตาหล่อนอ่อนกว่าอายุจริง
มากมายนัก หล่อนทบทวนให้เขารำลึกนึกได้ว่าเป็นแม่ของวาริ ต้องเป็นแม่ของเขาซีนะ เพราะตอนนี้เขาคือวาริ สหทรัพย์ ทายาทตระกูลดังเจ้าของธุรกิจค้าน้ำเมารายใหญ่ของประเทศ

เพียงคิดถึงน้ำอมฤต น้ำลายก็เอ่อท้นขึ้นในปาก โหยหารสขมปร่าที่สามารถแปรเป็นหวานนุ่มละมุนลิ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ อีกทั้งยังช่วยให้อารมณ์ดี ครึกครื้นรื่นเริงได้แม้ลึกลงในใจจะแสนเศร้า...

ทว่าก่อนความอยากจะลุกลามใหญ่โต มันก็ถูกหยุดไว้ด้วยภาพการลงทัณฑ์ที่ตนเองได้รับฉายชัดขึ้นในหัว น้ำเดือดพล่านในกระทะทองแดงถูกกรอกลงคอครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไร้ความปรานี ปากคอถูกลวกยับเยินจนมิหลงเหลือรูปรอยเดิม น่าเกลียดน่ากลัวจนกระทั่งว่าถ้าผุดขึ้นมาให้ใครเห็นในเวลานั้น คนธรรมดาคงเผ่นหนีกันกระเจิดกระเจิง แต่ยามนั้นไม่มีวิญญาณตนใดสนใจรูปร่างหน้าตา ด้วยจิตจดจ่ออยู่กับความเจ็บปวดทรมานจนไม่อาจหาสิ่งใดมาเปรียบได้

โทษของการดื่มสุรายังชำระสะสางไม่เสร็จสิ้น เผด็จก็สุดจะทานทน ใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดแอบเล็ดลอดหนีออกมาได้ แล้วบาปกรรมต่างๆที่ยังเหลือเล่า ทั้งการผิดประเวณี ทั้งการฆ่า และการเอ่ยวาจาอันเป็นเท็จ...ศีลทั้งห้าข้อแทบไม่เหลือ เพียงเพราะเหล้าอย่างเดียวเท่านั้น เหล้าที่เขาชอบดื่ม บั่นทอนทั้งสุขภาพและสติสัมปชัญญะ ทำให้เขาขาดความยับยั้งชั่งใจซึ่งปกติก็ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว

ตอนนี้เขามีโอกาสได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แม้จะในร่างคนอื่นก็เถอะ เขาคงอยู่ไปได้อีกสักพัก ไม่รู้ว่าจะนานเท่าไร หน่วยล่าวิญญาณที่ถูกส่งมาคงพลิกแผ่นดินหาเขาจนพบ แต่เขาจะใช้ช่วงเวลานี้เปลี่ยนแปลงตัวเองสักครั้ง ให้สมกับโอกาสที่ฉกฉวยมาได้

ชายหนุ่มทอดถอนลมหายใจ หากไม่ได้ลงไปรับรู้รับเห็นว่านรกมีจริงและน่าสยดสยองปานใด เชื่อเลยว่าความคิดแบบนี้คงไม่มีทางกระเด็นเข้ามาในสมองเขาได้

“คิดอะไรอยู่ว่าน เหม่อเชียว”

วิไลวรรณถามขณะวางจานเงาะที่คว้านเมล็ดออกเรียบร้อยแล้วบนโต๊ะอาหารผู้ป่วย

สองสามวันมานี้ วิไลวรรณขลุกอยู่กับเขาทั้งวัน พยายามทบทวนความทรงจำต่างๆให้เขา ทั้งนำรูปภาพมาให้ดู ทั้งเล่าเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างวาริกับหล่อน เรื่องราวเหล่านั้นบ่งชัดว่าแม่ลูกคู่นี้สนิทกันมาก วิไลวรรณมีความรักท่วมท้นมอบให้วาริ แม้เผด็จไม่ได้สนใจข่าวสารทางสังคม แต่เขาก็พอจะนึกออกว่าภาพวิไลวรรณที่เขาเคยเห็นผ่านตาตามหนังสือพิมพ์นั้น หล่อนเป็นสาวใหญ่ที่เปรี้ยวและเปลี่ยนคู่ควงเป็นว่าเล่น ตอนนั้นเขายังนึกแปลกใจว่าวรุตม์ผู้เป็นสามีทนได้อย่างไร จนเมื่อเขาได้พบวรุตม์ซึ่งมาเยี่ยมเขานับครั้งได้ ทุกครั้งที่มาก็บอกแต่ว่า

“ช่วงนี้พ่อยุ่งนะว่าน เลยไม่ได้มาเยี่ยม ว่านเข้าใจพ่อใช่ไหม”

ทุกอย่างที่พูด ทุกประโยคที่เอ่ย เขามักติดคำว่า “ว่านเข้าใจพ่อใช่ไหม”

เพราะวรุตม์เป็นแบบนี้ มีตนเองเป็นศูนย์กลาง ทุกคนต้องเข้าใจเขา ในขณะที่เขาไม่มีเวลามาใส่ใจหรือเข้าใจใครเลย ไม่แปลกที่วิไลวรรณจะไม่ทน หล่อนกล้าออกไปหาความสุขนอกบ้านอย่างเปิดเผยทั้งที่ยังครองทะเบียนสมรสอยู่ในมือ

เผด็จเข้าใจและซาบซึ้งดีเชียวละ ว่าการไม่ได้รับความรักความใส่ใจจากพ่อน่ะเป็นอย่างไร วาริโชคดีกว่าเขาหลายเท่านักที่มีแม่อย่างวิไลวรรณ...เขาไม่มีใครเลย มารดาป่วยด้วยโรคหัวใจตายไปตั้งแต่เขาอายุสิบขวบ จากนั้นพ่อแต่งงานใหม่แล้วทุ่มเทเวลาให้งาน จนหลงลืมว่าเขาก็ต้องการความรัก ความใส่ใจ เขาทำตัวก้าวร้าวเลวเกวเพื่อดึงดูดความสนใจ คนเป็นพ่อยังไม่เหลียวแล เขาไม่อยากเอ่ยถึงแม่เลี้ยงเพราะไม่เคยนึกยินดีต้อนรับสักคน ชีวิตวัยรุ่นเขามีแต่เหล้าและกลุ่มเพื่อนที่ไม่จริงใจ คบหากับเขาเพราะเงินในกระเป๋าเป็นหลัก เขารู้ แต่ก็คบไว้ เพราะชีวิตเขาไม่มีใครไยดีไงเล่า

ไม่รู้ว่าป่านนี้ครอบครัวพ่อจะเป็นอย่างไร จากวันเดือนปีที่ทราบ ทำให้รู้ว่าเขาตายไปสามปีแล้ว หากยังมีชีวิตป่านนี้เขาก็อายุ ๓๒ และคงทำอะไรแย่ๆให้พ่อปวดหัวได้อีกมาก ให้หายดีก่อน เขาจะกลับไปดูว่าพ่อสุขสบายดีแค่ไหนยามไร้ลูกเลวระยำอย่างเขา

“ว่าน ได้ยินที่แม่ถามหรือเปล่าลูก”

เผด็จเบนสายตาที่ทอดมองออกนอกหน้าต่างกระจกบานใส กลับมายังใบหน้าสะสวย แลอ่อนกว่าวัย

“ผู้หญิงคนนั้นไปไหน” คำถามห้วน สั้น ไร้คำลงท้ายแบบที่เผด็จคุ้นชินและใช้เป็นประจำยามเป็นคน

“คนไหนจ๊ะ” วิไลวรรณทำหน้าฉงน

ไอ้นายวาริมันมีผู้หญิงพัวพันหลายคนหรือไงนะ เผด็จยอกย้อนอยู่ในใจ ก่อนเอ่ย “คนที่ชื่อน้ำหนึ่ง”

“อ๋อ นั่นเพื่อนสนิทของว่าน ปกติว่านเรียกเธอว่าน้ำ แต่ชื่อเล่นจริงๆเธอชื่อเพชร”

เผด็จหงุดหงิด เขารำคาญคำพูดยาวๆเหล่านี้เต็มที ก็เข้าใจว่าคนเป็นแม่อยากทบทวนความทรงจำ แต่ช่วยตอบให้ตรงคำถามหน่อยได้ไหม

“แล้วเธอหายไปไหน” คนหงุดหงิดถามซ้ำ น้ำเสียงบ่งชัดว่าไม่ชอบใจ

วิไลวรรณยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่ทราบจ้ะ เธอไม่ได้บอกแม่ไว้นี่ คงเห็นว่านดีขึ้นแล้วมั้งเลยไม่ได้มาเยี่ยม”

“ดีขึ้นอะไรกัน ยังนอนแหมะอยู่แบบนี้”

คนเป็นแม่หัวเราะ “ฟื้นมาคราวนี้ ว่านดูใจร้อนนะ ขี้หงุดหงิดอย่างกับคนแก่”

อะไร มีแต่คนแก่เท่านั้นหรือที่หงุดหงิดได้ เขาเป็นอย่างนี้ตั้งแต่อายุสิบขวบแล้ว

“แน่ะ มาค้อนแม่อีก เกิดมาแม่ก็เพิ่งเคยเห็นว่านค้อนนี่แหละ” วิไลวรรณหัวเราะขำ ท่าทางเอ็นดูยิ่งนัก

ชายหนุ่มทำหน้าบึ้งแล้วเสมองออกนอกหน้าต่าง เขาคงต้องศึกษาจากผู้หญิงคนนั้นแล้วว่าไอ้วาริคนนี้มันเป็นคนยังไง จะได้แสดงออกมาได้แนบเนียน ไม่งั้นคนพวกนี้สงสัยขึ้นมา อาจหาคนเก่งวิชามาไล่วิญญาณเขาออกจากร่าง เขายังไม่อยากไปตอนนี้นะ

“อย่ามัวแต่งอนแม่อยู่เลยว่าน”

อะไรวะ ไม่มองหน้าก็หาว่างอน ทำตัวไม่ถูกแล้วนะ คนหน้าบึ้งคิดรวนๆ ทว่ายังรักษาความเคร่งขรึมในหน้าไว้ดังเดิม

“มากินเงาะดีกว่า แม่คว้านเม็ดออกให้อย่างที่ว่านชอบไง เมื่อก่อนว่านกินเป็นกะละมังเลยนะ”

“ตะกละ” เขาสวนกลับทันควันตามใจคิด

“แม่ก็ว่างั้นแหละจ้ะ แต่ตอนนั้นว่านเกลียดคำนี้นะ บอกว่าเอาไว้ใช้กับหมูกับหมาเถอะ ว่านเป็นคน แม่เลยต้องเลี่ยงเป็นกินจุแทน”

“กระแดะจริง” เผด็จออกปาก นี่เขามาอยู่ในร่างผู้ชายแบบไหนกัน

วิไลวรรรณเขม้นมองบุตรชาย นิ่วหน้ามองอย่างไม่ค่อยชอบใจ “ผู้ชายเขาไม่ค่อยพูดคำว่ากระแดะกันหรอกนะว่าน มันดูไม่แมน”

“จะให้ใช้คำว่าดัดจริตงั้นหรือ” เผด็จถามหน้าตาย

คุณแม่ยังสาวได้แต่โคลงศีรษะ “รู้ไหม ว่าฟื้นมาครั้งนี้ว่านเปลี่ยนไปมากมายจริงๆ เหมือนแม่ไม่เคยรู้จักลูกคนนี้มาก่อน คงจะเป็นเพราะสมองถูกกระทบกระเทือนอย่างหนักน่ะ...เอาเถอะ จะเปลี่ยนไปอย่างไร แม่ก็รับได้ ขอให้ลูกยังอยู่กับแม่ พูดคุยเดินเหินไปมาได้ ไม่เป็นเจ้าชายนิทรานอนแหมะให้แม่เช็ดอึเช็ดฉี่ก็พอ”

ชายหนุ่มยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม...ไม่ใช่ยิ้มซาบซึ้งใจ แต่เป็นยิ้มหยันเหยียดเย้ยอย่างประหลาด...พ่อเขาจะคิดแบบนี้มั่งไหมนะ คงไม่หรอก พ่อไม่เคยรักไม่เคยสนใจเขาเลย พอแม่ตายก็แต่งงานใหม่ ครั้งหลังสุดนี่แต่งงานกับแม่หม้ายลูกติด อยู่กันไปไม่นาน พ่อก็ทำท่าว่ารักลูกเลี้ยงคนนั้นแบบที่สามารถจะประเคนทุกอย่างให้ได้ แน่สิ หมอนั่นมันปากหวาน พูดจาดี ทำไมพ่อจะไม่หลง ตอนเขาตาย พ่อคงดีใจด้วยซ้ำที่ลูกเลวๆอย่างเขาพ้นไปจากชีวิตของพ่อสักที...ชีวิตที่พ่อพยายามทำให้มันสมบูรณ์แบบในทุกๆด้าน เขาอยากบอกว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก โลกนี้มันไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ แต่ถ้าแย่จนหาที่ชมไม่ได้ละพอจะมี...ก็เขานี่ไงล่ะ

เผด็จเคยได้ยินใครบางคนพูดไว้ว่า ถ้าคนเราผิดศีลหนึ่งข้อ ความเป็นคนจะหายไป ๒๐เปอร์เซ็นต์ ถ้าผิดห้าข้อ ความเป็นคนก็หมดสิ้นไปจากตัวถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อทบทวนดูแล้ว ความเป็นคนแทบไม่หลงเหลืออยู่ในเนื้อตัวเขาเลย มันหมดสิ้นไปเมื่อเหล้าเข้าปากและมึนได้ที่ อยากทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น ไม่มีความเกรงกลัวในบาปกรรม ไร้ความยับยั้งชั่งใจ

วันนี้รู้แล้วว่าที่เขาทำตัวแย่จนน่าระอาเป็นเพราะขาดสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ไม่รู้จะทำดีไปเพื่ออะไรหรือเพื่อใคร ทว่าบัดนี้เขารู้แล้ว คนเราควรทำความดีเพื่อตนเองนั่นแหละ เพราะทำเลวทำร้ายไป สุดท้ายแล้ว ผลของบาปกรรมที่ทำไว้เราก็ต้องเป็นคนรับไว้ทั้งหมด ไม่อาจผัดผ่อนหรือแบ่งปันให้ใครได้

จากนี้ไปเขาจะพยายามทำความดี จนกว่าหน่วยล่าวิญญาณจะหาเขาพบและลากตัวกลับนรก แล้วการฉกฉวยร่างคนอื่นมาครอบครองโดยที่เจ้าของไม่อนุญาต มันผิดและบาปมากไหม เผด็จฉุกคิด และป่ายปัดมันออกไปโดยไว...

ช่างมันเถอะ ไอ้วิญญาณเจ้าของมันไปล่องลอยอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เดี๋ยวกลับมาแล้วจะคืนให้ ขอยืมใช้สักพักก่อนจะเป็นไรไป

*********************************

ทักทายท้ายเรื่อง

อสิตาราที่รัก ไอ้พี่เก้ากะน้ำหนึ่งเป็นพวกกะกลางคืน เลยเจอกัน พูดคุยหนุงหนิงมุ้งมิ้งกันสองคน

เกดซ่า อยากให้ซาตานมา ซาตานก็มาให้ทันที ความจริงมันคือผีนรก เห่อ เห่อ

น้องยิ้มจัง ทุกคนล้วนมีเรื่องน่าสงสารค่ะ ^_^

พี่แตงกวาสุดเลิฟ ได้เวลาลืมน้ำดื่มเพื่อสุขภาพ แล้วเตรียมปากไว้ซี๊ดกับน้ำตกเนื้อรสแซ่บเจือเลือดสุกๆดิบๆกันดีกว่า

น้องหนอนน้อยดังปัณณ์ แหมๆ มาว่าวานี่คุงทึ่มทื่อมะลื่อ เค้าบอกตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วน้าาาา ไม่ได้โกหกสักหน่อย ระวังใจไว้ให้ดีเต๊อะ รายไหน รายนั้น เจอเผด็จ ไม่ต้องไปเสม็ดก็เสร็จได้ กร๊ากกก

หนูบาร์บี้ เป็นอีกคนที่ต้องระวังใจ ไม่งั้นเผด็จจะฉกไปครอง นี่บอกเลย แล้วจะมาร้องไห้ตอนจบไม่ได้นะ (ก็บอกแล้วว่าอีวาริมันทึ่มจะตาย)

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ นี่ภาวินกลายเป็นนักเขียนนิยายดราม่าสะท้อนสังคมไปแล้วหรือนี่ เค้าเป็นนักเขียนนิยายรักหวานชื่นรื่นอารมณ์นะ การเดาก่อให้เกิดอรรถรสในการเสพนิยาย เพราะคนเขียนก็ทิ้งปมให้คนอ่านเดาเช่นกัน แปลว่าผู้เขียนทำสำเร็จแล้ว

น้องหมีคุงบุลินทร สารภาพว่าตัดชื่อน้องมาเป็นชื่อรัฐมนตรีบดินทร์ นักแสดงสมทบฝ่ายชาย ไว้ประชันกับเกดซ่า ใครจะฝีมือการแสดงล้ำเลิศกว่ากัน ๕๕๕

คุณ goldensun ดีใจค่ะที่ติดตามกันมาอย่างต่อเนื่อง ตาเสื่อมลงจากการใช้พลังจิตค่ะ เมื่อได้มา ก็ต้องเสียไป ไม่งั้นคงใช้พร่ำเพรื่อ สะกดวาริแล้วปล้ำไปตามคำแนะนำของนักอ่านบางคนแล้ว ๕๕๕

คุณสุขุมวิท ๖๖ ฮูเร่ ยังตามอ่านอยู่ รอดูกันต่อไปว่าแท้จริงแล้ว ใครจะอยู่ ใครจะไป

แล้วติดตามตอนต่อไปวันพรุ่งนี้ค่ะ มาดูซิว่าน้ำหนึ่งจะรับมือกับเผด็จยังไง จะเสร็จไหม เอ๊ะ ไม่ใช่แระ พอดีกว่า เดี๋ยวหนอนน้อยหาว่ายั่ว



ภาวิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ย. 2557, 02:24:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ย. 2557, 02:24:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 1447





<< บทที่ ๖    บทที่ ๗ (จบตอน) >>
ketza 18 ก.ย. 2557, 06:16:40 น.
มาแล้วค้าาาา


ketza 18 ก.ย. 2557, 06:24:31 น.
กรี๊ดดดดดดดดด ซาตานหนีออกมาจากนรกกกก กรี๊ดดดดดดด
ห่าม โหด โฉด แซ่บ เอิ้กๆๆๆๆๆ


yimyum 18 ก.ย. 2557, 06:41:06 น.
ทำบาปปปป ข้อหาขโมย(ร่าง) คนอื่น


ดังปัณณ์ 18 ก.ย. 2557, 08:49:20 น.
โอ๊ะโอ ผีเผด็จคือลูกชายรัฐมนโทพ่อเลี้ยงของนายชรัณสินะ เจ่ขาาาาาาาาาาาา อ่าฮะๆๆ พยักหน้าหงึกๆๆๆ

เรื่องนี้รวบรวมคนมีปมทั้งน้านนนนนนนนนน 555+

ตอนนี้ไม่มีอะไรเม้นท์มาก ออกแนวซีเครียด โถ....ขอขำแป๊บ!!!! กระแดะ ดัดจริต อร๊ายยยยยยยยยยยย นังเผด็จ นางแน่ใจนะปากคอที่สุดยอดร้ายเหลือทนแล้วคุณ ปากจัดชะมัดยาดเลย 555+

ปล.เสร็จๆๆเสม็ดอัลไลลลลลลงี้ไงเล้าาาาาาาา ขุ่นพี่ชอบพาหนอนใจแตก เอ๊ย ไม่ใช่ เอ๊ะ หรือไม่ ฮี่ๆๆๆ


พันธุ์แตงกวา 18 ก.ย. 2557, 09:18:12 น.
เผด็จ เผดิมชัย นายแน่มาก นรกโลกันต์ก็เอาไม่อยู่ พ่อดิกกล้วยไม้ขาวของเจ้ กลายเป็นซ๊กเล๊กไปแล้ว แต่นายก็เอาอยู่น้า ชวนซี๊ดปากจริงๆด้วยพ่อคุณ
แล้วจะยืมร่างชาวบ้านเขาถึงเมื่อไหน่ล่ะเนี่ยพ่อ


บุลินทร 18 ก.ย. 2557, 10:50:39 น.
ทำไมมันพัวพันพันพัวแบบนี้ รอตั้งสติอ่านอีกรอบในหนังสือ ตอนนี้ขอคร่าวๆไปก่อน ฮ่าๆๆ ตาเผด็จปากร้ายมาก ส่วนชื่อบดินทร์ไม่กล้าทัก กลัวไม่ใช่ สรุปได้แสดงด้วยเหรอเนี่ย ฮ่าๆๆๆ ท่าทางจะเจอแต่คนคุ้นเคยนะซีีรี่ส์นี้


นักอ่านเหนียวหนึบ 18 ก.ย. 2557, 12:48:32 น.
เอ่ออ นิยายสะท้อนสังคมจิงๆ ด้วยยยย
โถๆๆๆๆ น่าสงสาร หนุ่มสาวเค้าเพิีงมารุ้ใจกัน อิตาเผด็จก็ดั๊นนนนมาแทรกกลางได้ ทำดีให้ได้เท่าที่นายริเค้าทำเถอะ แอบหนีมาเข้าร่างคนอื่นเค้า เด๋วกลับลงไปก็ต้องกลับไปใช้กรรมอีก อ่อ นายวิตัวจริงคงไปวนเวียนรอบยัยหนึ่งละสิ เข้าทางนายละ ทร่เหลือ ก็รอยัยหนึ่งจับไต๋ตัวปลอมได้ แล้วก๋ส่งหน่วยซีลมาตามล่า แฮ่ เอ้ยยย นี่มัน CSI ป้ะเนี่ยย 5555


goldensun 18 ก.ย. 2557, 17:50:48 น.
หนีนรกมาสะสมบุญหรือ เผด็จ มีกลัวบาปซะด้วย เชื่อแล้ว คุกแหกได้จริงๆ แม้แต่นรก
ไม่เนียนอย่างแรง แถมยังไม่พยายามปรับซักเท่าไหร่ อย่างนี้จะเรียกว่ากลัวจับได้อีกหรือเนี่ย
ว่าแต่ ทำไมต้องให้เพชรเป็นคนเล่าล่ะ ทีแม่เล่าทำรำคาญ ทั้งที่รายละเอียดตามจากแม่น่าจะได้เยอะกว่านะ
เผด็จคิดอะไรอยู่


Sukhumvit66 18 ก.ย. 2557, 18:21:37 น.
ยังว่า เผด็จมาจากไหน โป๊ะเชะ ลูกรัฐมนตรีคนนั้นนี่เอง

มารอดูว่าไผ๋ซิอยู่ ไผ๋ซิไป อิอิ


Barby 18 ก.ย. 2557, 21:46:17 น.
ซาตานเหมือนจะสำนักผิดอะ ถ้าทำให้รักให้หลง อย่าทิ้งซาตานสิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account