วังวนวารี [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
คนหนึ่งอบอุ่นอ่อนโยน คนหนึ่งห่ามห้าว ใจร้อน แตกต่างกันราวกับน้ำพุร้อนเดือดพล่านและสายฝนฉ่ำเย็น หากสิ่งหนึ่งที่ทั้งสองเหมือนกัน คือเขาต่างมีใจให้เธอ แล้วเธอล่ะ จะมอบใจรักเพื่อใคร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๗ (จบตอน)

คนที่เผด็จรอคอยอย่างใจจดใจจ่อมาเยี่ยมอีกครั้งก็วันที่เขาเกือบจะได้ออกจากโรงพยาบาลอยู่แล้ว เธอโผล่เข้ามาในเวลาที่เขากำลังเบื่อจากการนอนแบ็บอยู่บนเตียง วิไลวรรณเพิ่งออกไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน หล่อนต้องเข้าไปดูร้าน การต้องนอนอยู่คนเดียวบนเตียงผู้ป่วยเป็นเรื่องน่าเซ็งที่สุด ทว่าคนที่เขารอคอยอย่างใจจดใจจ่อกลับแบกหน้าตาอิดโรยและเหนื่อยล้าเข้ามาด้วย เห็นแล้วยิ่งเพิ่มพูนความน่าเบื่อให้ห้องสี่เหลี่ยมแห่งนี้ แต่ก็อดถามไม่ได้

“หายไปทำอะไรมาตั้งหลายวัน หน้าตาแย่มาก รู้ตัวหรือเปล่า”

“รู้” เธอตอบห้วนๆ ใช้สายตาสำรวจเขาทั่วร่าง คิ้วเข้มเรียงตัวได้รูปสวยขมวดมุ่น ในขณะที่ดวงตาพินิจพิเคราะห์เนิ่นนาน ราวกับจะมองให้ทะลุมาเห็นวิญญาณเขาที่แอบซ่อนอยู่ภายใน และความสงสัยไม่สบายใจฉายชัดจนเผด็จหนาวๆร้อนๆ

“คิดถึงฉันมากหรือไง มองไม่วางตาเชียวนะ” เขาถามรวนๆ และได้ผล

น้ำหนึ่งยอมถอนสายตาจากใบหน้าเขาเสียที เธอวางถุงผลไม้ซึ่งหอบหิ้วมาลงบนโต๊ะเตี้ยข้างเตียง เผด็จเหลือบตามอง มีทั้งส้มเขียวหวาน แอปเปิล ชมพู่ และเงาะ...เงาะอีกแล้ว แค่เห็นก็ขนลุก

“เธอดูดีขึ้นมากแล้วนี่ จำอะไรได้มั่งล่ะ” เธอถาม น้ำเสียงห่างเหินระมัดระวัง คล้ายคนไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อน

“จำได้ว่าตัวเองชื่อวาริ และเธอชื่อน้ำหนึ่ง เราเรียกเธอว่าน้ำ แต่คราวนี้ฉันอยากเรียกเธอว่าเพชร” เผด็จเอ่ยยาวๆเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน สิ่งที่เขาจดจำได้ก็คือเรื่องราวที่ได้รับการถ่ายทอดจากวิไลวรรณอีกที

“อืม ก็ดี อีกไม่นานคงจำได้หมดแหละ เธออยากกินอะไรไหม เราซื้อผลไม้มาฝาก ของชอบเธอทั้งนั้น”

ชายหนุ่มมองถุงผลไม้เหล่านั้นอีกครั้งพลางส่ายหน้า ริมฝีปากบิดเบ้อย่างรังเกียจ

“ฉันไม่ชอบผลไม้ โดยเฉพาะไอ้เงาะขนหงิกๆนั่น น่าเกลียดจะตายใครจะกินลง”

คราวนี้น้ำหนึ่งตวัดสายตามองเขาด้วยความฉงนใจ

เผด็จจึงรีบพูด “รู้ละว่าเมื่อก่อนเคยชอบ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ชอบแล้ว...สมองคงกระทบกระเทือนทำลายต่อมรักเงาะไปแล้ว”
น้ำหนึ่งยิ้มขัน “แล้วผลิตต่อมกวนประสาทเพิ่มมาแทนใช่ไหม”

คนถูกกระเซ้ายิ้มมุมปาก แลเห็นลักยิ้มข้างแก้ม เขาไม่ต่อความยาวใดๆ ย้อนถามกลับมายังเรื่องเดิมที่ตนยังไม่ได้รับคำตอบ

“เธอยังไม่ได้ตอบฉันเลยว่าหายไปไหนมาตั้งหลายวัน”

“ไปหาลูกค้าที่ต่างจังหวัดมา มีปัญหานิดหน่อยก่อนส่งงาน เลยรอเคลียร์ให้จบ” เธอเว้นไปนิด ถอนหายใจเหนื่อยๆ แล้วเอ่ยต่อ “เรากลับก่อนนะ ยังไม่ถึงบ้านเลย พอดีผ่านโรงพยาบาลเลยแวะเยี่ยมเธอก่อน”

“อยากผ่านอยู่แล้วหรือเปล่า ปกติไปต่างจังหวัด ไม่ต้องขับรถผ่านกรุงเทพฯก็ได้ มีทางเลี่ยงเมืองตั้งหลายเส้นทาง”
คำพูดและท่าทางรู้ทันของเขาส่งผลให้ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มขุ่นขวาง

“เรากลับละ”

“เดี๋ยวซี” เผด็จคว้าข้อมือที่เพิ่งละจากขอบเตียงไว้ได้โดยไว

เจ้าของข้อมือตวัดสายตามองเขา ชนิดที่ว่าถ้าเปลี่ยนจากสายตาเป็นฝ่ามือ เขาคงหน้าหันกันทีเดียว ความไม่พอใจฉายชัดในดวงตาคู่สวย ไม่ต้องรอให้เธอสั่ง ชายหนุ่มก็รู้ว่าเขาต้องปล่อย เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เขา ‘เล่น’ ด้วยได้ แต่เขาก็ไม่ปล่อย คนอย่างเผด็จไม่เคยสนใจความต้องการของใคร นอกจากตนเอง...หวงเนื้อหวงตัวแบบนี้ เดี๋ยวได้ไปทึนทึกอยู่บนคานหรอกแม่คุณ ชายหนุ่มเก็บงำคำค่อนขอดไว้เพียงในใจ แล้วอะไรก็ไม่รู้ดลใจให้พูดออกไปว่า

“ฉันต้องการทบทวนความทรงจำระหว่างเรา ฉันยังจำเรื่องราวขอเราสองคนไม่ได้เลยสักเรื่อง”

น้ำหนึ่งสบตาเขาแน่วนิ่ง หลายวินาทีผ่านไป ดวงตาเธอฉายแววสีฟ้าเรืองอย่างประหลาด เธอเอ่ยช้าๆทว่าชัดเจนทุกคำ

“ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้”

แปลก...ผู้หญิงคนนี้แปลกมาก แววตาและน้ำเสียงของเธอมีพลังบางอย่างแฝงอยู่ ชนิดที่ว่าถ้าเขาตั้งตัวไม่ทัน คงงงงวยและยอมทำตามคำสั่งเธอง่ายๆ

จากที่ต้องการใช้เธอเป็นแหล่งข้อมูลต่างๆเพื่อส่งเสริมให้เขาสวมบทบาทวาริได้แนบเนียนยิ่งขึ้น เผด็จกลับไม่ต้องการแค่นั้นเสียแล้ว เขาอยากรู้ว่าพลังลึกเร้นในกายเธอคืออะไร และมีพลานุภาพเพียงใด หาไม่เช่นนั้นแล้ว หากมันกล้าแกร่งขึ้นและเธอสั่งให้เขาออกจากร่างวาริไป เขามิกลายเป็นวิญญาณล่องลอยเร่ร่อน รอให้หน่วยล่าวิญญาณมาลากกลับนรกหรือ

นอกจากข้อมือเล็กๆนั่นจะไม่ได้รับการปลดปล่อยตามที่เจ้าของสั่งด้วยน้ำเสียงเข้มดุแล้ว ยังถูกกำแน่นกว่าเดิมด้วย

เขาสู้สายตาเธอ ไร้ความคิดเลี่ยงหลบ

“ช่วยฉันทบทวนความทรงจำระหว่างเรา”

ดวงตาฉงนฉงายนั่นฟ้องชัดว่าเธอไม่คิดว่าผลจะออกมาเช่นนี้ แสงประหลาดในดวงตาวูบวับดับหาย หญิงสาวอึ้งอยู่อึดใจกว่าจะหาเสียงตัวเองพบ

“ถ้างั้นอย่างแรกที่เธอควรรู้คือ วาริคนเดิมไม่ใช่คนปากว่ามือถึง ปล่อยมือฉันได้แล้ว” พูดพร้อมกับสะบัดข้อมือหลุดจากพันธนาการ
เผด็จยิ้มมุมปาก เขายอมปล่อยหรอก มันถึงหลุดไปอย่างง่ายดายแบบนั้น

“และอีกอย่างที่เธอควรจดจำไว้ให้แม่นยำคือ เธอกำลังจะแต่งงานกับเป๊กกี้ เธอควรตั้งใจทบทวนความทรงจำระหว่างเธอกับเป๊กกี้มากกว่า”

แต่งงาน...เผด็จได้ยินเรื่องนี้จากปากน้ำหนึ่งมาสองหนแล้ว วาริอาจอยากแต่งงาน แต่เผด็จไม่...เขาไม่อยากมีพันธะผูกพันกับใคร เขาแค่ต้องการที่พักพิงระหว่างหลบหนีความทุกข์ทรมานจากขุมนรกเท่านั้น

ชายหนุ่มมองตามแผ่นหลังคนที่เดินออกจากห้องไปอย่างหมายมั่น เธอเลี่ยงไม่ได้หรอกน้ำหนึ่ง
สิ่งใดที่เผด็จอยากได้ สิ่งนั้นเผด็จต้องได้



สิ่งที่น้ำหนึ่งหมกมุ่นครุ่นคิดมาตั้งแต่โรงพยาบาลยังไม่ยุติลงง่ายๆ แม้ว่าเธอจะกลับมาถึงบ้าน อาบน้ำอาบท่าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้าแล้วก็ตาม หลังไหล่แข็งเกร็งและปวดหนึบจากการขับรถนานติดต่อกันหลายชั่วโมง ไม่อาจดึงความสนใจของเธอออกจากวังวนความคิดได้เลย มันวนเวียนอยู่แต่กับสิ่งที่ตนสงสัยราวแมลงหวี่แมลงวันน่ารำคาญ

นอกจากอุบัติเหตุขับรถชนอุโมงค์แล้ว มีสิ่งอื่นใดเกิดขึ้นกับวาริมากกว่าสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนักจนสมองเสื่อมหรือเปล่า ถ้าไม่มีแล้ว เหตุใดเธอจึงเห็นเงาดำทาบทับอยู่บนร่างเขาราวกับคนที่ยืนอยู่ใต้ร่มกลางแดดจ้า นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว วาริไม่มีอะไรเหมือนเดิมสักอย่างเดียว

วาริคนก่อนมักแทนตัวเองว่า ‘เรา’ กับเธอเสมอ ไม่ใช่ ‘ฉัน’ แบบที่ใช้อยู่ตอนนี้ ดวงตาแสนซื่อจริงใจแปรเป็นดวงตาของคนเจ้าเล่ห์เจ้ากล ปากว่ามือถึง พูดจายอกย้อนไล่ต้อนเธอให้จนมุมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แถมผลไม้ที่เคยชอบ กลับออกอาการรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด สิ่งสำคัญเหนืออื่นใด วาริคนใหม่ไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจสะกดของเธออีกแล้ว เขาประสานสายตากับเธอได้แน่วนิ่ง ฟังคำสั่งของเธอ แต่กลับไม่ยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดีเหมือนเคย

คราแรกน้ำหนึ่งคิดว่าอำนาจสะกดจิตได้หายไปจากเธอแล้ว หญิงสาวไม่เสียดายเลยสักนิด กลับดีใจด้วยซ้ำหากเป็นเช่นนั้นได้ กระทั่งมาถึงบ้าน และป้าเจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยวฝั่งตรงข้ามปรี่เข้ามารายงานเรื่องคนบ้าที่กลับมาป้วนเปี้ยนหน้าบ้านเธออีก แถมนางพยายามซักถามว่าเธอไปทำอะไรที่ไหนมาหลายวัน น้ำหนึ่งนึกรำคาญในความพูดมากและอยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกเรื่อง จึงสบตาและสั่งให้ป้ากลับบ้านไปได้แล้ว หญิงสูงวัยชะงักงันและเดินกลับไปด้วยท่าทางเหม่อลอย พร้อมกับสายตาของเธอเกิดพร่ามัวมากขึ้นอีก...อย่างนี้แล้วจะให้เชื่อว่าอำนาจสะกดจิตมันสูญสลายไปจากเธอได้อย่างไรกัน

ว่ากันว่า ทุกอย่างต้องมีจุดอิ่มตัวเสมอ เมื่อมันไต่ระดับขึ้นถึงจุดสูงสูดแล้ว ก็ย่อมตกลงมาไม่ต่างจากฝุ่นละอองในอากาศ
ความคิดก็เช่นเดียวกัน เมื่อมันวกวนสับสนไปมาอยู่หลายชั่วโมงจนสมองเริ่มอ่อนล้า ความคิดทั้งหลายจึงราแรง น้ำหนึ่งลดมือที่ก่ายเกยอยู่บนหน้าผากลง แล้วพลิกตัวกอดหมอนข้างแน่นกระชับ

คิดมากไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด อะไรที่เกิดขึ้นแล้วก็ไม่อาจห้ามปรามได้ ถ้ามีปัญหาค่อยหาหนทางแก้ไขต่อไป

หญิงสาวตระหนักชัดอยู่อย่างหนึ่ง ตั้งแต่สบตาวาริขณะที่เขาคว้าข้อมือเธอไว้ ว่าตนไม่ควรอยู่ใกล้เขาอีกอันตรายเกินไป อาศัยช่วงที่เขาความจำเสื่อมนี่ละถอยห่างออกมา และหากเลือกได้ ขอให้ความทรงจำของเขาในเสี้ยวส่วนที่มีต่อเธอสูญสลายไปเถิด เรื่องราวระหว่างกัน ขอเธอเป็นฝ่ายจดจำรำลึกได้อยู่ข้างเดียวก็พอ




วิไลวรรณกลับมาเยี่ยมบุตรชายอีกครั้งในตอนค่ำ คลาดกับวรุตม์ไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น หล่อนมาพร้อมแจกันแก้วประดับกล้วยไม้สีขาวช่อระย้าซึ่งนำมาเปลี่ยนของเดิม เผด็จอยากบอกว่าไม่ต้องนำดอกไม้ชนิดไหนๆมาเยี่ยมเขาทั้งนั้น เขาไม่ชอบดอกไม้

“ของเก่าดอกโรยแล้ว แม่เลยเอามาเปลี่ยนให้ใหม่ ชอบไหมว่าน”

“ครับ” คนเจ็บเหลือบตามองดอกไม้นิดเดียว แล้วความสนใจทั้งหมดก็พุ่งไปยังหนุ่มต่างชาติที่วิไลวรรณควงคู่มาด้วย

เผด็จจับจ้องรูปร่างสูงโปร่งแลดูสมส่วนในเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวอวดแผงอกแน่นตึง แม้ต้นแขนไม่ใหญ่โตเป็นก้ามปู แต่ก็ดูมีกล้ามเนื้ออย่างคนออกกำลังกายเป็นประจำ ชายหนุ่มเลื่อนสายตาขึ้นสู่ดวงหน้าค่อนข้างเรียว ผิวขาวจัดขับดวงตาสีฟ้ากระจ่างและริมฝีปากแดงเรื่อให้โดดเด่น เรียกสายตาผู้พบเห็นไม่ว่าหญิงหรือชาย ไรหนวดซึ่งผ่านใบมีดโกนทิ้งรอยเขียวจางๆเสริมใบหน้าขาวให้เข้มขึ้น

“ว่าน นี่ริชาร์ดจ้ะ จำริชาร์ดได้ไหม”

เผด็จส่ายหน้าน้อยๆแทนคำตอบ ดวงตายังคงจับจ้องหนุ่มที่ชื่อริชาร์ดแน่วนิ่ง ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน คะเนจากหน้าตาแล้วคงอ่อนกว่าวิไลวรรณหลายปี คงรุ่นราวคราวเดียวกับเขานี่แหละ แต่ดูท่าทางสนิทสนมกันมากจนน่าจะเป็นมากกว่าเพื่อน
“ริชาร์ดเป็นกิ๊กคนล่าสุดของแม่เอง” วิไลวรรณขยายความพร้อมรอยยิ้มสดใส

เผด็จแยกไม่ออกว่าหล่อนพูดจริงหรือพูดเล่น นางเอ่ยเรื่อยไปว่า

“กำลังพยายามขยับฐานะจากกิ๊กเป็นคนรักอยู่”

วิญญาณในร่างวาริแปลกใจเป็นล้นพ้นที่แม่กล้าพากิ๊กมาให้ลูกชายดูตัว ถ้าภรรยาเขาทำแบบนี้ เขาคงบีบคอให้ตายคามือ...
พลันที่คิดถึงตรงนี้ ความเจ็บปวดที่ได้รับจากนรกโลกันตร์ก็ผุดวาบขึ้นในดวงจิต ส่งผลให้กายสะท้านด้วยความหวาดกลัว สองตาละจากหนุ่มหน้าสวยที่ชื่อริชาร์ดหลุบลงมองมือตัวเองซึ่งบัดนี้เกร็งแน่น

“เป็นอะไรว่าน อยู่ดีๆก็ตัวสั่น” น้ำเสียงห่วงใยของคนเป็นแม่มาพร้อมกับมืออบอุ่นที่ลูบลงบนหลังไหล่ “หนาวหรือเปล่า แอร์เย็นไปไหม เดี๋ยวแม่เพิ่มอุณหภูมิให้”

“เปล่าครับ ผมไม่ได้หนาว” เผด็จรีบปฏิเสธ

ความห่วงใยที่วิไลวรรณถ่ายทอดผ่านแววตาและคำพูด ชายหนุ่มสัมผัสได้ด้วยใจอันละเอียดอ่อนที่ซ่อนซุกอยู่ภายใต้เปลือกอันแข็งกระด้างซึ่งเจ้าตัวเพียรสร้างขึ้นมา ความห่วงใยที่เขาโหยหานี่เองทำให้เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงและมีคำลงท้ายอย่างที่ยากนักจะมีใครได้ยิน

“ผมก็แค่...” เขาครุ่นคิดหาต้นเหตุ อันส่งผลให้ร่างกายสะท้านเยือก จนจุดความร้อนใจให้วิไลวรรณเมื่อครู่ “...ปวดฉี่”

คำตอบจากปากชายหนุ่มเรียกเสียงหัวเราะจากทั้งวิไลวรรณและริชาร์ด และเป็นฝ่ายหญิงที่คะยั้นคะยอ

“ริชาร์ด พาว่านเข้าห้องน้ำทีเถอะ ฉันตัวเล็กกว่าเขาเกือบครึ่ง พยุงกันทีทุลักทุเลไปหมด”

“เอ่อ” คนถูกคะยั้นคะยออึกอักลังเล

“เดี๋ยวเรียกพยาบาลก็ได้” เผด็จไม่ได้ปวดฉี่จริงๆ แค่ยกมาอ้างจึงไม่รีบร้อน

ทว่าพ่อหนุ่มต่างชาติคงอยากเอาใจวิไลวรรณ จึงยอมทำตามความต้องการของหล่อน

“ผมพาไปได้ครับ แต่เกรงคุณว่านจะไม่สะดวกใจ”

ภาษาไทยชัดเจนขัดกับรูปร่างหน้าตา สร้างความฉงนใจให้เผด็จ ทว่าปากยังตอบโต้ไปหน้าตาเฉย

“ไม่อายหรอก ผู้ชายด้วยกัน ต่อให้เป็นผู้หญิงก็ไม่อาย”

“ชอบด้วยใช่ไหม” ริชาร์ดดักคอพร้อมรอยยิ้มรู้ทัน

วิไลวรรณหัวเราะ แววตายามมองหนุ่มรุ่นลูกฉายแววหวานและชื่นชมเปิดเผยจนเผด็จนึกห่วง จะโดนเด็กหลอกเสียหรือเปล่าก็ไม่รู้

“ทำไมคุณริชาร์ดพูดไทยชัดนักล่ะครับ” เผด็จทนเก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่

“ผมเป็นลูกครึ่ง แม่เป็นไทย พ่อเป็นฝรั่งเศส หน้าตาได้พ่อมามาก” ริชาร์ดเอ่ยเรื่อยๆขณะพยุงเขาลงจากเตียง คล้ายทบทวนความทรงจำให้เขาไปด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มลงจังหวะสูงต่ำน่าฟังราวกับเสียงดนตรี เสน่ห์เหลือล้นแบบนี้ วิไลวรรณคงหลงน่าดู
ยืนเทียบเคียงกันเช่นนี้ จึงพบว่าริชาร์ดเตี้ยกว่าวาริอยู่ราวๆห้าเซนติเมตรเห็นจะได้

“คุณมีพี่น้องหรือเปล่า” เผด็จถามดังพอให้ได้ยินกันสองคน ขณะนั้นล่วงเข้าเขตห้องน้ำซึ่งอยู่ติดกับระเบียงห้องพักแล้ว

“ไม่มี ผมเป็นลูกคนเดียว” ริชาร์ดตอบหนักแน่น

“ทำไมผมคุ้นหน้าคุณจัง” เผด็จสบตาสีฟ้าคู่นั้นรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

แววประหลาดในดวงตาสีนิลส่งผลให้คนถูกมองเสเบือนหน้าไปทางอื่น ในจังหวะที่เผด็จกำลังทำธุระส่วนตัว

คนเจ็บขมวดคิ้ว ทำหน้ายุ่ง เมื่อเห็นผิวแก้มขาวแต้มไรเคราเขียวๆดันแดงเรื่อขึ้นมาทีละน้อย...อากาศก็ไม่ได้ร้อน อย่าบอกนะว่ามาเขินผู้ชายด้วยกัน

“ก็น่าจะคุ้นนะ เราเจอกันมาสองสามครั้งแล้ว ก่อนคุณว่านจะประสบอุบัติเหตุ”

เผด็จยอมพยักหน้าเออออคล้ายเข้าใจ ทั้งที่คำตอบของริชาร์ดมิได้ขจัดความคลางแคลงในใจเขาได้เลย เพราะเขาไม่ใช่วาริ ไม่เคยเจอหรือรู้จักคนชื่อริชาร์ดมาก่อน เพิ่งเจอครั้งแรกวันนี้ก็คุ้นเลย

เอาเถอะ แค่เรื่องเจอคนหน้าคุ้นนี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เขามีเรื่องสำคัญกว่านี้ที่ต้องสะสาง รอให้ริชาร์ดกลับไปก่อนเถอะ เขาคงต้องคุยกับวิไลวรรณให้รู้เรื่องสักที




เรื่องสำคัญของเผด็จคือการแต่งงานระหว่างเขากับเป๊กกี้ ซึ่งเรื่องนี้หลุดจากปากน้ำหนึ่งมาถึงสองครั้งสองคราวแล้ว แต่เหตุใดวิไลวรรณไม่เคยเอ่ยถึง อีกทั้งว่าที่เจ้าสาวของวาริก็ไม่เคยโผล่หน้ามาเยี่ยมเลยสักครั้ง อย่างนี้มันน่าสงสัยไหมเล่า เขาไม่โง่งั่งพอจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ใส่ใจคนรักหรอกนะ ไม่ว่าจะอยู่ในร่างใครก็ตาม

“เป๊กกี้เป็นใคร” เขาเข้าเรื่องทันทีที่ริชาร์ดลากลับ

วิไลวรรณชะงักมือที่กำลังรวบรวมผลไม้ในถุงซึ่งคนนั้นคนนี้ซื้อมาเยี่ยม ในผู้คนจำนวนนั้น บอกตรงๆว่าเผด็จรู้จักและมักคุ้นแค่วิไลวรรณ น้ำหนึ่ง และวรุตม์ ส่วนเพื่อนฝูงคนอื่นและบรรดาลูกน้องนั้น เผด็จไม่ใคร่ใส่ใจเท่าใด เขาตีบทคนความจำเสื่อมได้อย่างสนิทแนบเนียน

“เป็นเพื่อนคนหนึ่งของว่านจ้ะ”

“แค่เพื่อนเท่านั้นหรือ ไม่ใช่คู่หมั้นหรือแฟนที่กำลังจะแต่งงานกันหรือครับ”

“แม่คิดว่าความสัมพันธ์ของว่านกับเป๊กกี้จบลงไปแล้วนะ เพราะหลังๆไม่เห็นว่านพูดถึงเธอ และไม่เห็นบอกแม่สักคำว่าจะแต่งงาน” คนพูดหลุบตามองถุงผลไม้ และง่วนกับการจัดเรียงลงตะกร้า...ดูวุ่นวายกับงานเกินความเป็นจริง ท่าทางเหมือนเด็กที่กลัวผู้ใหญ่
จับโกหกได้อย่างไรอย่างนั้น

วิไลวรรณคงกลัวเขาไม่เชื่อ จึงให้เหตุผลสำทับด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “คนรักกันจะแต่งงานกัน ก็ต้องมาเยี่ยมเยียนกันบ้างสิ ตั้งแต่ว่านฟื้นขึ้นมา เคยเจอหน้าเป๊กกี้หรือยังล่ะ”

“นั่นสิ” เผด็จยิ้มด้วยความพอใจ เขาไม่สนใจหรอกว่าวาริกับแม่เป๊กกี้ป๊อกกี้อะไรนั่นจะระหองระแหงกันจริงหรือเปล่า หรือว่าไปผิดใจโกรธเคืองกันเรื่องใด ที่รู้ๆคือเขาจะไม่ยอมแต่งงานทั้งที่อยู่ในร่างวาริเด็ดขาด แค่นี้เขาก็ละเมิดกฎมากพอแล้ว

“ว่าแต่ว่านจะไม่เก็บผลไม้พวกนี้ไว้กินบ้างหรือ”

“ไม่ดีกว่า ผมไม่ชอบผลไม้ แม่เอากลับไปบ้านเถอะ ทิ้งไว้ที่นี่เดี๋ยวจะเน่าเสียเปล่าๆ”

คนเป็นแม่เงยหน้าขึ้นสบตาเขา คิ้วงามขมวดมุ่น

“แปลกนะ ว่านเคยชอบผลไม้มาก...เดี๋ยวถ้าหายดีก็คงชอบเหมือนเดิมมั้ง” วิไลวรรณพูดเองเออเองเสร็จสรรพ “แล้วว่านอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า แม่เห็นว่านกินข้าวโรงพยาบาลได้ทีละหน่อย น้อยยิ่งกว่าแมวดมซะอีก อย่างนี้เมื่อไหร่ร่างกายจะฟื้นตัวล่ะ”

ชายหนุ่มนิ่งคิด นั่นสิ เขาชอบอะไร เผด็จพยายามค้นคิดถึงอาหารโปรดสมัยยังมีชีวิต พอจะนึกออกหรอกนะ แต่ทำไมไม่นึกอยากกิน ดวงจิตยังคงหิวโหยอย่างประหลาด มีบ้างบางวันที่รู้สึกอิ่มตื้อไม่อยากกินอะไร แต่ก็น้อยจนแทบจะนับวันได้

“หมอบอกว่าอาการดีขึ้นมากแล้ว อีกสองสามวันก็กลับบ้านได้” ชายหนุ่มตอบเลี่ยงเรื่องอาหารการกินด้วยความจงใจ

“ดีจ้ะ กลับไปคราวนี้ แม่จะดูแลเรื่องอาหารการกินให้ว่านเอง” วิไลวรรณบอกพลางเดินมากอดร่างบุตรชายที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ราวกับเขาเป็นเด็กตัวเล็กๆ

เผด็จแข็งขืนและเกือบจะผลักไส เขาไม่คุ้นเคยกับการกระทำเช่นนี้ มันน่าอายและชวนให้ขัดเขินสิ้นดี ทว่าเมื่อความรักความอบอุ่นซึ่งถ่ายทอดมาจากฝ่ามือบอบบางกระทบเข้ากับเนื้อใจ เกราะแข็งที่สร้างไว้ก็กร่อนบาง

วาริโชคดี มีมารดาอยู่เคียงข้างคอยมอบความรักและเอาใจใส่ในทุกเรื่องราว เมื่อเขามายืมร่างวาริใช้ประโยชน์ เขาก็ควรดูแลและ ‘รัก’ คนที่วาริรักให้เหมือนกัน

สองแขนแกร่งยกขึ้นโอบกอดวิไลวรรณ เมื่อได้รับความรักมา ก็ควรมอบความรักกลับไป เมื่อได้ความเกลียดชังมา ก็สมควรมอบความเกลียดชังกลับไปให้มากยิ่งกว่า นี่คือคติประจำใจของเผด็จ เผดิมชัย

ใจเอิบอาบด้วยความรู้สึกอบอุ่นที่ได้รับจากผู้หญิงตัวเล็กๆในอ้อมแขน เป็นสุขจนไม่อยากนึกถึงวันจากลา และใจดวงเดียวกันนี้เอง มันไพล่ไปคิดถึงผู้หญิงอีกคนด้วยความสงสัยอยู่ครามครัน...ผู้หญิงที่ชื่อน้ำหนึ่ง พรรณเสถียร

วาริรักน้ำหนึ่งหรือเปล่า และถ้ารัก เขาควรสานต่อความรู้สึกนั้นแทนเจ้าตัวไหม

*************************
ทักทายท้ายเรื่อง

เกดซ่า ซาตานถูกใจชิมิล่า ต่อไปเขาจะวาดลวดลายจนน่าเวียนหัว เอิ๊กๆ

น้องยิ้มจัง แน่นอนค่ะ การครอบครองในสิ่งที่เจ้าของไม่อนุญาต ถือเป็นการละเมิด ผิดทั้งศีลธรรมและกฎหมาย (ดูมีสาระมาก)

น้องหนอนน้อยดังปัณณ์ ตอนเขียนจบแล้วมาอ่านทวนก็คิดเหมือนน้องหนอนนั่นแหละว่า เรื่องนี้มันรวมคนรวยมีปัญหานี่นา ต่อจากนี้จะมีเรื่องให้ขำกันเป็นระยะค่ะ คลายเครียดจากปมปัญหาบ้าบอที่คนเขียนสร้างขึ้น

พี่แตงกวาสุดสวย ครอบครองนานเท่าที่เผด็จต้องการ (หรือคนเขียนสั่งการกันแน่ฟระ)

น้องหมีบุลินทร เพราะมันพัวพัน พันพัว กันนุงนังแบบนี้ไงเล่า กว่าจะเขียนจบถึงแทบสิ้นใจ แต่ก็เป็นเรื่องที่รักมากอีกเรื่องหนึ่งเลย

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ คุณเดาได้เป็นฉากๆเลย อีกหน่อยขอยืมมาเปนคนตรวจต้นฉบับได้ไหมคะ แบบว่าถ้าคุณเดาไปทางไหน คนเขียนจะได้หลบหลีกไปอีกทาง ล่อหลอกกันไปจนจบเรื่อง ท่าทางจะสนุก ๕๕๕

คุณโกลเด้นซัน เผด็จไม่ได้ดีงามขนาดนั้นค่ะ มันหนีนรกมาด้วยความหวาดกลัว นึกอยากทำดีก็เพราะเหห็นความโหดร้ายของบทลงโทษ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสันดานเดิมด้วยว่าจะสามารถฉุดรั้งให้มันทำดีได้ขนาดไหน ตอนเป็นคนก็ใช่ย่อย ส่วนเรื่องที่เป็นวาริได้ไม่เนียนนั้น ต้องติดตามค่ะว่าอีเผด็จนี่มีเหตุผลอะไร

คุณสุขุมวิท๖๖ สารภาพว่าตอนเขียนถึงบทนี้ ผุ้เขียนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครจะอยู่ใครจะไป จนถึงตอนเกือบๆสุดท้ายถึงตัดสินใจได้ เพราะเขียนๆไปเผด็จก็น่ารักน่าสงสารขึ้นทุกที อุ๊ต๊ะ เดี๋ยวหนอนน้อยแอบมาอ่าน จะหาว่ายั่ว หาว่าแหย่อีก

หนูบาร์บี้ที่รัก บนหนทางแห่งรัก หนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะครอบครอง ซึ่งจะเป็นใคร ต้องติดตามกันต่อไป ๕๕๕




ภาวิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.ย. 2557, 05:36:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ย. 2557, 05:36:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1227





<< บทที่ ๗ (ครึ่งแรก)   บทที่ ๘ (ครึ่งแรก) >>
ketza 19 ก.ย. 2557, 06:33:15 น.
มาแว้วววๆๆๆ


ketza 19 ก.ย. 2557, 06:42:14 น.
น่านนนนนนน เอาแล้วววว น้ำหนึ่งโดนซาตานขย้ำแน่เบยยย เล็งแล้วเผด็จศึกแน่ๆ 555


yimyum 19 ก.ย. 2557, 06:49:30 น.
หือ........ทำไมถึงสลับร่างกันละคะเนี่ย ??


พันธุ์แตงกวา 19 ก.ย. 2557, 07:50:56 น.
นายเผด็จนี่แซ่บแบบไม่ต้องกัดพริกตามจริงๆ มาอยู่ร่างเขานอกจากจะไม่เนียนแล้วยังจะแนวอีก อกอีแป้นจะแตก
เอ้า เอาให้สุดๆเลยพ่อคุณ เต็มที่ เจ้จะคอยดู


ดังปัณณ์ 19 ก.ย. 2557, 10:39:59 น.
โอ๊ยยยยยยย ม่ายน้าาาาาา อย่าทำแบบนี้เลย แบบนี้เลย เหมือนเผด็จจะมีความหมาย กร๊ากกกกกกกกกกกกก อิตาริชาร์ดนี่จะต้องไม่ใช่คนดีแน่ อร๊ายยยยยยย ทำไมอ่า ทำไมเจ๊ทำกับน้องเช่นนี้ เอาวาริมาหลอกให้เราเคลิ้ม แล้วเอาเผด็จมาล่อให้หัวใจหวั่นไหว อร๊ายยยยยยยยย หนอนกำลังจะเป็นคนหลายใจไปแล้วนะเนี่ย กรี๊ดๆๆๆๆๆ

โถ พ่อเผด็จเริ่มน่ารักแล้วนะแจ๊ะเราน่ะ อาหุ

แต่! พี่ปุ๊กขา กระซิกๆๆๆ วิญญาณว่านกระเด็นหายไปไหนล่ะนั่น อั้ยๆๆๆๆๆๆ


ketza 19 ก.ย. 2557, 11:36:25 น.
เข้ามาถือป้ายไฟเชียร์พ่อหนุ่มซาตาน 55555555++


นักอ่านเหนียวหนึบ 19 ก.ย. 2557, 11:50:47 น.
อร๊ายย ไรเตอร์จะอยากกลั่นแกล้งเค้าไปถึงหนายยย เค้าทำไรให้ตัวหรา 555 ดีๆๆ เค้าจะเดาดักไว้ทุกทางเบย 5555
ว่าแต่หนึ่งจะหลับแล้วฝันถึงวาริไหมอะ หรือวาริจะไปหาเหมือนฝันแทนเอ๊ะ ข้ามเรื่องได้รึเปล่าเนี่ย
อิตาเผด็จศึกเนี่ย เข้าตามตำราที่ว่า ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา จริงๆ นะ
เรื่องเผด็จรักน้ำหนึ่ง ก็ปล่อยให้เจ้าตัวเค้ามาทำเองดีกว่าป้ะ อย่าไปยุ่งเล้ยยย เด๋วหนึ่งหันมาชอบนายขึ้นมา จะไม่อยากกลับนรกนะจ้ะ (แล้วตอนนี้อยากกลับ???)


ริญจน์ธร 19 ก.ย. 2557, 12:18:20 น.


อสิตา 19 ก.ย. 2557, 15:14:04 น.
ลงจี้ตูดมาติดๆนะ วันนี้ข้าชนะเพราะลงก่อนนอน


goldensun 19 ก.ย. 2557, 18:00:51 น.
วาริเงาหัวหายนี่ สรุปว่าถึงฆาต ตายไปแล้ว หรือแค่โดนยึดร่างชั่วคราวคะ
ส่วนเผด็จ ผลบุญอะไร ทำให้หนีนรกมาเสวยสุขบนโลกได้นี่ มาได้รับรู้ความรักจากแม่ที่ไม่เคยได้ซะด้วย
จะกระตุ้นต่อมความดี หรืออีกหน่อยก็ออกลายคะ ยังไม่ค่อยจะทิ้งนิสัยเดิมเลยนี่นา


บุลินทร 19 ก.ย. 2557, 18:03:02 น.
ตาเผด็จนี่กวนจริงๆ ว่าแต่ทำไมคุ้นหน้าริชาร์ด มีประเด็นอะไรรึเปล่านั่น


lovereason 19 ก.ย. 2557, 23:54:43 น.
ลงชื่อค่ะ เดี๋ยวมาตามอ่านนะคะ


Barby 20 ก.ย. 2557, 00:06:29 น.
เผด็จนี่เฉลียวฉลาดอะ ชอบๆ


Sukhumvit66 20 ก.ย. 2557, 02:05:58 น.
โธ่..วาริคนเดิมจะไม่กลับมาแล้วเหรอ

ใครกันแน่ที่หมดบุญตัวจริง โอ๊ย อยากรู้.....


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account