วังวนวารี [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
คนหนึ่งอบอุ่นอ่อนโยน คนหนึ่งห่ามห้าว ใจร้อน แตกต่างกันราวกับน้ำพุร้อนเดือดพล่านและสายฝนฉ่ำเย็น หากสิ่งหนึ่งที่ทั้งสองเหมือนกัน คือเขาต่างมีใจให้เธอ แล้วเธอล่ะ จะมอบใจรักเพื่อใคร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๑๐ (จบตอน)

เมื่อกลับมาถึงรถ อาการมือไม้สั่นใจเต้นแรงจึงค่อยบรรเทาลง น้ำหนึ่งพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก พยายามตั้งสติไว้ให้มั่นคง หากยังไม่เลิกมองเห็นสิ่งลี้ลับ คงไม่กล้าย่างกรายมาที่นี่อีก

“ไม่สบายหรือเปล่า”

คนที่เอนหลังพิงเบาะเหลือบตามองเจ้าของเสียงห้าวทุ้ม

“เรา...” หญิงสาวไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร วาริเพิ่งเล่าเรื่องวิญญาณในรั้วมหาวิทยาลัยให้ฟังมาก่อนหน้าที่เธอจะเจอเองไม่นาน หากเล่าไป เขาอาจคิดว่าเธอจิตหลอนไปเอง

แต่เธอรู้ว่ามันไม่ใช่ เธอเคยฟังเรื่องราวน่ากลัวเหล่านั้นมาไม่น้อย เพราะเธอก็เคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ เคยอยู่หอในมาก่อน แต่ไม่เคยเจอกับตัวแม้จะทำอวดดีไปพิสูจน์อย่างท้าทายก็ยังไม่พบสิ่งใด ผิดกับคราวนี้ที่เจอจะจะแก่ตา...ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ เธออาจจับไข้หัวโกร๋นเข้าสักวัน

รู้อยู่แล้วว่าสถานที่เก่าแก่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเช่นนี้ ย่อมมีวิญญาณที่เคยเสียชีวิตในอดีตวนเวียนอยู่ แต่เจอมาเดินลากตรวนอยู่ในระยะประชิดแทบจะชนกันแบบนี้ แถมศีรษะก็ไม่รู้ถูกตัดขาดหายไปไหน แม้บอกตนเองว่าชินแล้ว ก็ยังอดตกใจไม่ได้

“เราไม่เป็นไร อยากกลับบ้านแล้ว”

พูดจบ ร่างเพรียวก็ดึงกายขึ้นนั่งตัวตรง สตาร์ตรถและขับออกจากตรงนั้น

ก่อนกลับเข้าบ้าน น้ำหนึ่งแวะที่ทำการไปรษณีย์เพื่อรับหนังสือที่สั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ต เป็นหนังสือรวมสูตรเกมมาริโอครบทุกภาค เธอสั่งซื้อเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้ตินพลซึ่งจะมาถึงปลายเดือนนี้ หวังว่าจะถูกใจคอเกมอย่างเขา

“เธอกลับไปได้แล้วละว่าน เราอยากพักผ่อน” น้ำหนึ่งออกปากไล่ตรงๆ เมื่อจอดรถส่งเขาที่หน้ารั้วไม้ระแนง

รถของวาริยังคงจอดนิ่งสงบอยู่ที่เดิม แปลก ทำไมมารดาไม่ไถ่ถามสักนิดว่ารถใครมาจอดทิ้งไว้หน้าบ้าน หรือท่านเข้าใจว่าลูกค้าร้านก๋วยเตี๋ยวป้าช้อยมาอาศัยหลบร่ม หรืออีกที ท่านรีบร้อนจนไม่สังเกตสิ่งใด

“ทำไมบ้านเงียบอย่างนี้ ได้ยินว่าแม่เธอไปปฏิบัติธรรม”

น้ำหนึ่งตวัดสายตามองเขาด้วยความไม่พอใจ

“ฉันไม่ได้แอบฟังเธอพูดโทรศัพท์หรอกนะ แต่ฉันนั่งอยู่ในรถด้วย แล้วเธอก็เสียงดังขนาดนั้น ฉันไม่ได้หูตึงนี่” เขารีบแก้ตัว และถามต่อ “เธออยู่บ้านคนเดียวหรือ”

หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงกล้าบอกเล่าความจริงกับเขา แต่ยามนี้เขาไม่เหมือนเดิม ห่ามห้าว เกเร เอาแต่ใจ และไม่น่าไว้ใจ ไม่ตอบอะไรดีที่สุด

“ฝนเริ่มโปรยแล้ว เธอรีบไปเถอะ ถ้าฝนลงหนักจะขับรถลำบาก เพิ่งจะหายบาดเจ็บมาหมาดๆด้วย”

คนพูดก้าวลงจากรถเพื่อไขกุญแจเลื่อนประตูรั้วเปิด ชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องผลักประตูก้าวลงจากรถบ้าง ละอองฝนบางเบาพร่างพรมอยู่ภายนอก ลมเย็นโชยเฉื่อย เย็นจนเกือบหนาว ทว่าชายหนุ่มกลับดูสดชื่นราวกับดอกไม้ได้น้ำ

“ขอบใจนะที่เป็นห่วง”

พร้อมกับพูด เขาพาดแขนลงบนบ่าและดึงร่างประเปรียวของน้ำหนึ่งเข้าหาตนเองจนชิด ไหล่มนแนบแขนแกร่ง แม้มีเนื้อผ้ากางกั้น เธอยังสัมผัสได้ในความเยียบเย็นราวกับนั่นไม่ใช่เลือดเนื้อของคนมีชีวิต

เพียงสัมผัสแล้วผละออกห่าง มิได้อ้อยอิ่งเนิ่นนานให้คิดได้ว่ามันคือการลวนลาม เมื่อเขาปล่อยให้เป็นอิสระ หญิงสาวได้แต่ยืนอึ้งมองตามร่างสูงในอาภรณ์สีดำเดินขึ้นรถคันงามและขับออกไปจนลับสายตา




เผด็จเคยพบน้ำหนึ่งมาก่อนจริงๆ เขาจำได้แล้ว ในค่ำคืนที่อ่อนล้าจากการหลบหนีหน่วยล่าวิญญาณ เขาพยายามเข้าไปหลบในบ้านไม้สองชั้นหลังนั้น แสงไฟจากห้องชั้นบนยังสว่างไสว หน้าต่างเปิดกว้าง เจ้าของห้องเดินมารับสายลมยามดึกตรงหน้าต่างบานนั้น เขายังคงจดจำหญิงสาวผมยาวสยายในชุดนอนสีฟ้าอมเทาได้ แต่จู่ๆเธอก็ผงะตกใจคล้ายมองเห็นภาพอันชวนสยองใจอย่างนั้นละ หากไม่ถูกท่านพระภูมิเจ้าที่ขับไล่ไสส่ง เขาคงเข้าไปพิงพักตรงมุมใดมุมหนึ่งในบ้านหลังนั้น

ใครจะคิด ไม่นานต่อมาเขาก็ได้มาแฝงเร้นอยู่ในร่างเพื่อนสนิทของเธอ แม้ไม่แนบเนียน พฤติกรรมต่างๆแตกต่างจากคนที่เธอเคยมักคุ้นอย่างสิ้นเชิง แต่ใครจะคิดเล่าว่าเรื่องแบบนี้มีอยู่จริง โดยเฉพาะในยุคสมัยที่คนเตรียมซื้อตั๋วไปทัวร์ต่างดาวกันแล้ว
น้ำหนึ่งเองก็คงไม่คิด ภูตจากอเวจีตนนั้น กับวาริคนนี้ ได้หลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

การซุ่มซ่อนอยู่ในร่างวาริ ทำให้เขาไม่ถูกพระภูมิเจ้าที่ที่ไหนขับไล่ไสส่งเหมือนตอนยังระหกระเหินเร่ร่อนในรูปวิญญาณ
เสียงทอดถอนหายใจแทรกขึ้นมาในความเงียบงันอันวังเวงภายในห้องทึบทึม ไร้แสงไฟ บ่งบอกให้รู้ว่าเขามีชีวิต และเขาจะใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้ดีงามที่สุดเท่าที่คนเลวๆอย่างเขาจะทำได้

แต่เวรกรรมอันใดเล่าจึงดลให้ร่างซึ่งเข้ากับเขาได้เป็นทายาทตระกูลสหทรัพย์ ผู้ผลิตสุรารายใหญ่ของประเทศ เพียงคิดถึงน้ำอมฤตสีทองอร่ามในขวดแก้วทรงสวย น้ำลายก็เอ่อท้นขึ้นมาในปากอย่างสุดระงับ สันดานเดิมที่ติดมาใช่จะละลายมันออกได้ง่ายนัก ทุกครั้งยามเดินผ่านบาร์เครื่องดื่ม เผด็จต้องข่มใจจนเต็มกำลังความสามารถ ไม่ข้องแวะกับของมึนเมาชนิดใดอีก

เนื่องจากตระหนักชัดจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เมื่อใดขาดสติ เมื่อนั้นย่อมขาดจากความเป็นคน และพร้อมจะทำสิ่งใดก็ได้ที่ใจต้องการโดยไร้การยับยั้ง ทำได้แม้กระทั่งการฆ่า!

เพราะน้ำเมา...เขาจึงดิ่งลงนรกอเวจีทันทีที่วิญญาณหลุดลอยจากร่าง รับโทษทัณฑ์สาหัสที่ตนก่อไว้ บนหนทางแห่งกรรม ไร้การผ่อนปรน ไม่ว่าความผิดนั้นจะกระทำไปโดยมีสติหรือไม่ก็ตาม

โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงสั่นและส่งเสียง เผด็จหยุดความคิดทั้งหมดทั้งมวลไว้เพียงเท่านั้น ดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงกว้างมานั่งห้อยขา รับโทรศัพท์ซึ่งวิไลวรรณเป็นคนโทร.มา

“ว่าน มีคนรายงานแม่ว่าเราหนีไปเที่ยวทั้งวัน หายดีแล้วหรือไง”

หล่อนยังคงดูแลห่วงใยเขาอย่างเสมอต้นเสมอปลาย หากเผด็จมีภรรยาแบบนี้คงรักและอยู่ติดบ้าน แล้วน้ำหนึ่งเล่า เธอจะเป็นภรรยาแบบใด...

เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว เผด็จดุตนเอง แล้วนึกสงสัยอยู่ครามครันว่า เหตุใดวรุตม์จึงหมางเมินเหินห่างภรรยา เป็นไปได้ว่าเขาคงมีคนอื่น เพราะบางคืนเขาก็กลับค่อนสว่าง บางวันกลับรุ่งสาง อาบน้ำแต่งตัวแล้วไปทำงานเลยก็มี ช่างเถอะ ไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองจะต้องไปยุ่ง ถึงสงสารและเห็นใจวิไลวรรณเพียงใดก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ตนอยู่ในฐานะลูก และวิไลวรรณก็มีริชาร์ดคอยดูแลอย่างดี
ริชาร์ด ผู้ชายคนนี้ชวนให้คิดถึงใครคนหนึ่งในอดีตอีกแล้ว

“ว่าไงว่าน ทำไมเงียบไป”

“ผมกำลังทบทวนความทรงจำอยู่ครับ”

“อย่าบอกนะว่าไปไหนมาบ้างก็จำไม่ได้ ถ้าอย่างนี้เขาเรียกอัลไซเมอร์แล้ว”

“ผมไปหาเพชรมาครับ ให้เธอเล่าเรื่องเก่าๆให้ฟัง” เผด็จเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ

“ดีแล้ว คนเคยทำงาน ให้มานั่งๆนอนๆอยู่บ้านจะยิ่งเฉาลงไปเรื่อยๆ” วิไลวรรณสนับสนุน ก่อนจะเสริมว่า “แต่จะดียิ่งกว่านี้ถ้าชวนหนูเพชรมาเล่าที่บ้านเรา แม่ยังหลอนกับอุบัติเหตุครั้งนั้นนะ รู้ว่าว่านขับรถออกจากบ้านทีไรก็เป็นห่วงไปสารพัด”

“อย่าห่วงเลยครับ ผมจะไม่ประมาทอีก”

“คราวก่อนไม่ได้ประมาทนะ เราเมาต่างหาก หมอบอกพบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดสูงมาก ถ้าเราความจำไม่เสื่อม แม่ก็จะถามหรอกว่าเกิดอะไรขึ้นถึงไปนั่งดื่มจนดึกดื่น บาร์เทนเดอร์ที่ร้านนั้นเขามาเยี่ยมตอนว่านยังไม่ฟื้น เล่าให้แม่ฟัง แม่ถึงรู้ว่าว่านไปนั่งดื่มตั้งแต่ค่ำยันร้านเกือบปิด ทั้งที่ปกติไม่ใช่คนดื่มจัดขนาดนั้น”

“นั่นแหละประมาท แค่เอาเหล้าเข้าปากก็ประมาทแล้ว” น้ำเสียงดูแคลนไม่ปิดบัง โธ่ นึกว่าไอ้วาริจะเป็นเทพบุตรแสนดี ที่แท้ก็ขี้เมาพอกะเขานั่นแหละ

“แหม พักนี้ธรรมะธัมโมนะจ๊ะ” วิไลวรรณกระเซ้า “แล้วว่านอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม แม่มาธุระเลยแวะตลาด อ.ต.ก. ของกินเยอะแยะเชียว ทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง”

เผด็จเบ้ปากให้กับผลไม้ตามฤดูกาลเหล่านั้น หากถามว่าเขาอยากกินอะไรไหม แน่นอนละ เขามีสิ่งที่อยากกิน และบอกไปอย่างไม่ลังเล

“ลาบเลือดครับ”

ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกเนื้อของป้าช้อยทำให้เขาค้นพบ...พบว่าเลือดช่วยให้เขาอิ่มอย่างประหลาด เขาติดใจกลิ่นคาวและรสชาติเข้มข้นของมัน ทำไมเขาจะไม่เห็นว่าน้ำหนึ่งพยายามซ่อนสีหน้าสะอิดสะเอียน หากยามนี้วิไลวรรณมายืนอยู่ตรงหน้า เผด็จก็อาจพบสีหน้าแบบนั้นเหมือนกัน เห็นแล้วจะทำอะไรได้ ถึงอย่างไรเขาก็จะกินจนหนำใจอยู่ดี

เมื่อครั้งเป็นคนชอบเล่นเหล้าเล่นยา พอตายมาเป็นวิญญาณก็ชอบเล่นเลือดสด นี่เขาจะกลายเป็นผีดิบไปแล้วหรือ มีทางใดสามารถหักห้ามความปรารถนาอันแผกเพี้ยนนี้ได้บ้างเล่า ในเมื่อเขาใจไม่แข็งพอ




อ่อนแอ...วรุตม์ไม่เคยรู้จักคำนี้มาจนชั่วชีวิตของเขา จนกระทั่งวันนี้ ความอ่อนเพลียรุมเร้าจนเขาแทบไร้แรงกายในการทำงาน ทว่าพลังใจอันเปี่ยมล้น ความภาคภูมิที่สั่งสมทำให้เขากัดฟันอดทนนั่งฟังความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมประชุมด้วยท่าทีสงบ เคร่งขรึม สิ่งต่างๆที่ลูกน้องทั้งฝ่ายการตลาดและฝ่ายกฎหมายนำเสนอ ถูกคิดตาม พินิจพิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อยเพื่อเฟ้นหาสิ่งดีที่สุดให้แก่สหทรัพย์ อมฤตจะต้องโลดแล่นล้ำหน้าสุราไทยยี่ห้อไหนๆ ส่วนเมรัยที่กำลังจะเปิดตัวต้องก้าวทันสิ่งที่มีอยู่ก่อน เป้าหมายคือแซงขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในตลาดล่างเช่นกัน

ทั้งอมฤตและเมรัยจะถูกขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดอันเฉียบแหลม แม้มีกฎหมายคอยควบคุมเรื่องการโฆษณา แต่ทุกกฎเกณฑ์ย่อมมีช่องว่างเล็กๆน้อยๆเสมอ และใครที่มองเห็นช่องว่างนั้นก่อน ก็สามารถฉกฉวยสร้างผลประโยชน์ได้มหาศาล

หากวาริไม่ประสบอุบัติเหตุจนความจำเสื่อม และกลับกลายเป็นคนดื้อรั้นเอาแต่ใจ งานนี้ เขาจะได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่

ความคาดหวังสูงลิบลิ่วที่มีต่อบุตรชายคนเดียวกลับไม่มั่นคงแข็งแรงดังเก่าก่อน วาริมิได้มีทีท่าจะก้มหน้าเดินไปตามทิศทางที่วรุตม์ชี้แนะ ไม่ว่าหนทางนั้นจะถูกถากถางจนว่างโล่ง อีกทั้งมีสองมือของตนคอยหนุนส่งผลักดันให้เขาไปยืนโดดเด่นล้ำหน้าใครๆ วาริคนใหม่แสดงชัดว่าไม่ปรารถนาในสิ่งที่เขาก่อร่างสร้างไว้ให้

เอาเถอะ สักวัน เมื่อความทรงจำกลับคืน เขาอาจได้บุตรชายผู้เปี่ยมความสามารถและอยู่ในโอวาทคืนกลับมาด้วยเช่นกัน ประธานสหทรัพย์ยังคงมีความหวัง

เขาจะต้องยิ่งใหญ่ในตลาดน้ำเมา ไม่มีการค้าใดจะกอบโกยรายได้มากเท่าขายสิ่งที่คนเสพแล้วติดได้อีกแล้ว และความฝันของเขามันต้องคงอยู่และถูกสืบทอดเรื่อยไป ดุจขุนเขายิ่งใหญ่ ไม่มีใครโค่นล้มได้ง่ายๆ

ในที่สุด การระดมสมองก็ยุติลงในเวลาสามทุ่ม เป็นครั้งแรกที่วรุตม์แอบเฝ้ารอเวลาเลิกประชุมอยู่ลึกๆในใจ เขาอยากพัก อยากได้รับการเอาอกเอาใจดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่จากวิไลวรรณ แต่จากใครอีกคนซึ่งไม่อาจเปิดเผยแก่สังคมได้

รักครั้งแรก แรมร้าง จำพรากจาก
ดุจดั่งฟาก ฟ้ากว้าง สิ้นแสงโสม
ดาวร้อยพัน ประชันแข่ง แย่งประโลม
มิอาจโน้ม น้อมแสงจ้า สาดฟ้างาม

วิไลวรรณไม่สามารถทำให้เขาลืมรักครั้งแรกครั้งนั้นได้เลย

มันเกิดขึ้นสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ในวันรับน้อง แน่ละ สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ยามรุ่นพี่รุ่นน้องพบกันคือเหล้า เมื่อกรึ่มได้ที่ อะไรก็เกิดขึ้นได้ คืนนั้น วรุตม์ต้องพารุ่นพี่คนหนึ่งไปส่งบ้านเนื่องจากรถของฝ่ายนั้นเกิดเสีย ต้องจอดทิ้งไว้รอช่างมาลากไปอู่ซ่อมในวันถัดไป เพราะดึกมากแล้ว

วรุตม์ได้รับการเชื้อเชิญอย่างมีน้ำใจให้เข้าไปล้างหน้าล้างตาและรับเครื่องดื่มร้อนๆให้สร่างซาจากความมึนเมา ภาพที่เขาก้าวตามรุ่นพี่เข้าบ้านตามคำเชื้อเชิญยังติดตรึงอยู่ในใจ

บ้านใหญ่กว้างเงียบงันวังเวง ร้างไร้ผู้คน ดูโดดเดี่ยวอ้างว้างและต้องการความรักมาเติมเต็มไม่ต่างจากคนที่เขายืนสบตาด้วย เมื่อทราบว่าคนในบ้านพากันไปเที่ยวต่างประเทศ อีกหลายวันกว่าจะกลับ วรุตม์ก็นึกเห็นใจ...คงเหงา เพราะบริวารในบ้านก็พักอยู่ในเรือนด้านหลัง

การร่ำสุรามาตั้งแต่หัวค่ำจวบจนดึกดื่นทำให้กรึ่มและครึ้มใจ ความละอายในผิดชอบชั่วดีถูกหลงลืม ไร้การระงับอกระงับใจใดๆทั้งนั้น เขากล้าดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดปลอบใจ เมื่อกายแนบกาย ก็เหมือนมีพลังงานดึงดูดอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ไฟปรารถนาคุโชนเรืองโรจน์จนเขาไม่อยากระงับยับยั้ง มิหนำซ้ำยังโหมกระพือด้วยริมฝีปากซุกซนซอนไซ้ไปตามซอกคออุ่นจัด ติ่งหูขาวเนียน และมาหยุดที่ริมฝีปากนุ่มชื้นเนิ่นนาน

เมื่อคนถูกปลุกเร้ายินดีตอบสนองอย่างเร่าร้อนถึงใจ เหตุการณ์จึงเลยเตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับ ประสบการณ์รักครั้งแรกอุบัติขึ้น ทั้งคู่จับจูงกันทะยานไปสุดขอบฟ้าในราตรีนั้น

แม้เหตุการณ์นั้นจะเกิดจากความใคร่และใจซึ่งขาดสติยับยั้ง ทว่าเขาติดใจในรสเสน่หาจนไม่อาจถอนตัวถอนใจออกได้ง่ายๆ
‘ขอให้เราจบกันแค่นี้เถอะ ไม่ควรถลำลึกไปไกลกว่านี้ ฉันมีคู่หมั้นแล้ว ถ้าพ่อแม่รู้เข้าว่าฉันทำอะไรลงไป ท่านจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน’

คำตัดรอนสั่นเครือในวันที่ฝ่ายนั้นสำเร็จการศึกษายังจารึกอยู่ในใจ

คู่หมั้น...เขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ความเจ็บปวดเสียใจถาโถมใส่เขาจนตั้งตัวแทบไม่ทัน อยากดื้อรั้น ดึงดัน ขอคบหากันแบบลับๆ แต่เป็นการเห็นแก่ตัวเกินไป อีกทั้งรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่มีพ่อแม่คนไหนยอมรับเรื่องผิดจารีตแบบนี้ได้หรอก
หากคืนนั้นเขาไม่ดื่มเหล้า ชีวิตเขาอาจไม่เจ็บปวดวุ่นวายก็ได้

เมื่อวรุตม์เรียนจบ บิดามารดาก็หมั้นหมายวิไลวรรณให้เขา ด้วยเหตุผลใดนั้นทุกคนรู้ดีแก่ใจ เพียงแต่ไม่มีใครอยากพูดถึง แม้เขาไม่ได้รักวิไลวรรณ แต่ก็เห็นเธอเป็นน้องสาวที่น่ารักคนหนึ่ง และมองออกว่าเธอชื่นชมเขาเพียงใด จึงยอมเข้าพิธีหมั้น เพราะรู้ว่าหากปฏิเสธ ทั้งบิดาและมารดาคงเลือกเฟ้นหญิงอื่นมาและหว่านล้อมเขาจนไม่อาจทัดทานได้อยู่ดี

วรุตม์ไม่รู้ตัวว่าเขาถูกเลี้ยงมาให้ ‘ยอม’ ทำตามความต้องการของพ่อแม่ เมื่อเขามีลูกก็นำวิธีการนั้นมาใช้ โดยไม่คิดถึงความอิสรเสรีที่เขาได้รับยามหลุดจากอ้อมอกบุพการี วิไลวรรณนั่นละที่ดึงเขาออกมา

หลังแต่งงาน เขาจึงใช้ชีวิตแบบที่ตนต้องการเต็มที่ คือเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ แม้เป็นไปอย่างลับๆเนื่องจากตนเริ่มมีหน้าตาทางสังคม ใครเล่าอยากดูแย่ในสายตาคนอื่น

เขากล้าทำทั้งที่รู้ว่าผิด แต่ก็อยากได้คำชื่นชม ไม่เหมือนวิไลวรรณ หล่อนกล้าทำอย่างเปิดเผยโดยไม่เคยแคร์ใครหน้าไหน ความต้องการของตนเองยิ่งใหญ่เสมอ อาจเพราะเขาเองที่ทำให้หล่อนมีทัศนคติเช่นนั้น แรกๆเขาก็อับอายเมื่อภรรยาประพฤติไม่เหมาะสมงดงาม แต่เมื่อคิดถึงความทุกข์ที่เขายัดเยียดให้หล่อนแล้วก็นึกเห็นใจ เขายังมีคนอื่นไปทั่ว ใครไม่รู้ แต่เขาและวิไลวรรณรู้ดี ให้เขาห้ามปรามอย่างไรหล่อนก็คงสวนกลับได้ทุกประตู

ชีวิตเขานั้น หาคนรักและจริงใจด้วยได้น้อยเต็มที แต่ในผู้คนจำนวนน้อยนิดนั้น เขากลับเห็นวิไลวรรณยืนโดดเด่นแซงหน้าใครๆ ไม่ว่าหล่อนจะทำตนอย่างไร หล่อนก็ยังรักเขา อยู่เคียงข้างเขา...ในฐานะเพื่อนรู้ใจ และรู้ทัน

แล้วเหตุใดเขาไม่กลับไปหาหล่อนเล่า กลับโทรศัพท์หาใครอยู่ได้

ใครคนนั้นที่เปิดประตูหัวใจและเข้ามาหยัดยืนอยู่เต็มพื้นที่

‘ขอให้เราจบกันแค่นี้เถอะ คุณก็มีคู่หมั้นอยู่แล้ว ไม่ควรถลำลึกไปไกลกว่านี้ ถ้าพ่อแม่รู้เข้าท่านจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน’

คนที่พูดประโยคนี้นั่นละ วันเวลาพาให้กลับมาพบกันอีกครั้ง ในงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสของลูกค้า อมฤตถูกแจกจ่ายแขกเหรื่อทั่วงาน เขาเองก็ดื่มไปไม่ใช่น้อย แอลกอฮอล์มีคุณสมบัติทำให้ไฟติด ไม่เว้นแม้กระทั่งถ่านไฟเก่าซึ่งไม่เคยมอดดับไปจากหัวใจ
พบกันครั้งนี้ ทั้งคู่ไม่มีพ่อแม่ให้เกรงใจ ท่านเสียชีวิตกันไปหมดแล้ว ทว่าสิ่งที่ทำให้ลำบากใจคือต่างฝ่ายต่างมีครอบครัว มีลูก และมีหน้ามีตาในสังคม เป็นที่รู้จักของใครต่อใคร การผิดประเวณีถือเป็นเรื่องน่าละอายอันควรประณาม แต่ก็นั่นละ ยามมึนเมา ใครเล่าจะคิดถึงผิดชอบดีชั่ว ความต้องการในส่วนลึกของจิตใจเท่านั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่น

‘นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน’ เขาเป็นฝ่ายเข้าไปทักทาย

คนถูกทักทำหน้าฉงน แล้ววินาทีต่อมา แววยินดีปรีดาก็รื้นขึ้นมาในดวงตาคู่นั้น เพียงวูบแล้ววับดับหายคล้ายแสงดาวตก เหลือแต่ใบหน้าเรียบสนิท...ทว่าแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว วันและวัยล่วงผ่าน ประสบการณ์สอนให้เขามองออกว่าควรเดินต่อหรือควรหยุด และคราวนี้เขารู้ว่าหากเดินต่อ...ก็ไม่ยากเย็นนักเลย

ในที่สุด คืนนั้นทั้งคู่พากันไปดื่มต่อยังบ้านพักริมทะเล เงียบสงบเป็นส่วนตัว อยู่เหนือการรับรู้รับเห็นของชาวบ้านและเหยี่ยวข่าวซึ่งอาจนำไปเขียนแนวจิกกัด โดยใช้ตัวย่อให้คนดักเดากันไปเรื่อย และส่วนใหญ่มักจะเดาถูกเสียด้วยสิ

ความสัมพันธ์ครั้งเก่าถูกรื้อขึ้นมาสานต่อ ยืดเยื้อ ยาวนานจนวันนี้ เกือบแปดปีแล้ว

เสียงรอสายดังอยู่นานจนวรุตม์เริ่มถอดใจจะวางสาย อีกฝ่ายคงติดงานหรือมีธุระสำคัญ ทว่ายังไม่ทันทำอย่างใจคิด คนในห้วงความคิดก็รับสายด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแย่เต็มที

“เป็นอะไรหรือเปล่า” เขาเป็นห่วงจับใจ นึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าเคยเป็นห่วงวิไลวรรณขนาดนี้บ้างไหม

“เหนื่อยน่ะ”

ฟังเสียงก็รู้ว่าคนพูดเหนื่อยจริงๆ วรุตม์เองก็เหนื่อย จะดีสักเพียงใดหนอ หากได้อยู่ร่วมกันอย่างเปิดเผย กลับไปพบหน้ากันทุกวัน ได้นั่งอิงไหล่กุมมือเป็นกำลังใจให้กันยามอ่อนล้า

วรุตม์รีบเสือกไสความคิดนี้ออกไปจากหัว ย้ำกับตนเองว่าไม่มีทางเป็นไปได้ อย่าฝันในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ จงรักษาสิ่งที่เป็นไปได้ให้ดีที่สุดก็พอ

“ถ้างั้นก็พักผ่อน ดูแลตัวเองด้วยนะ”

วรุตม์วางสายอย่างเหงาๆ โยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทำงาน คลายเน็คไท พับแขนเสื้อขึ้นมาถึงข้อศอก จู่ๆก็เจ็บชายโครงด้านขวาจนต้องใช้มือกดไว้ครู่หนึ่ง เมื่ออาการทุเลาก็เดินไปยังบาร์เครื่องดื่มส่วนตัวซึ่งแบ่งโซนไว้เป็นสัดส่วนลงตัวสวยงามอยู่มุมหนึ่งในห้องทำงานกว้างขวาง

น้ำอมฤตสีทองอร่ามในขวดแก้วใสทรงสวยถูกรินใส่แก้วแล้วกระดกรวดเดียวหมด สมองวิ่งวุ่นครุ่นคิดว่าสถานที่ใดจะช่วยละลายความเหนื่อยล้าที่สะสมอยู่ในตัวและหัวใจออกไปได้บ้าง แห่งเดียวที่คิดออก ณ เวลานี้คือ...บ้าน

********************************
ทักทายท้ายเรื่อง

ไอ้พี่เก้า มาโพสต์ก่อนน้ำหนึ่งอีกแล้ว

น้องยิ้มจัง เขาเคยเจอกันแว้บเดียวจ้ะ

เกดซ่าาาา เธอตื่นเต้นขนาด เอ้า อยากรู้ก็ให้รู้ เอิ๊กๆ

เหมือนฝันรินทร ขอบคุณที่ตามมาไลค์ค่าาา

น้อนหนอนน้อยดังกี้ (ดีกว่าดัง...อะนะ) ตอนนี้หม้อที่ขังวาริอยู่ในวังวนวารี ก๊ากๆ เลยออกมาไม่ได้ เขาถือว่าตนเหนือกว่าน่า เลยปล่อยให้เผด็จทำคะแนนไป ฮีมั่นใจว่าฮีเอาอยู่...รึ

หนูบาร์บี้ที่รัก เจอกันที่ไหนยังไง เฉลยแล้วจร้าาา

คุณโกลเด้นท์ซัน เผด็จตั้งชมรมทิ้งไว้แล้วโดนไทน์ น้องๆไม่รู้จักเผด็จค่ะ ฮีโตกว่าเด็กๆกลุ่มนี้เจ็ดปี ตอนฮีตั้งชมรม น้องๆยังเรียนมัธยมกันอยู่เลย

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ การได้สิ่งที่ดีมาด้วยความยากลำบากจะทำให้คนเห็นคุณค่าของสิ่งนั้น แล้วน้ำหนึ่งจะได้รับผลตอบแทนอย่างสาสมเท่าที่ใจเธอปรารถนา...อย่างสาสมรึ ฮ่าๆ ไม่น่าใช้กับเรื่องดีนะ

คุณน้องหมีบุลินทร อิฉันเองก็ใกล้หมดแรงเช่นกัน ตาปรือปรอยเต็มทีแล้ว

อติน นายตินพลรูปหล่อ นานๆแวะมาเยี่ยมทีนึง แต่น้ำหนึ่งก็ดีจายยย ป้าช้อยคิดถึงแล้ว

คุณ Moona Narak คอมเม้นท์ได้เสมอค่ะ แต่อย่าดุนักสิคะ ดิฉันกลัวคุณนะเออ ๕๕๕




ภาวิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.ย. 2557, 03:33:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.ย. 2557, 03:33:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 1633





<< บทที่ ๑๐ (ครึ่งแรก)   บทที่ ๑๑ (ครีึ่งแรก) >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 25 ก.ย. 2557, 05:58:10 น.
โฮกกกก ทุกคนก็มีปมของตัวเองเนอะ
วาริจะได้กลับมาทันพ่อตัวเองมั้ยนะ
จกลงนายเด็จ จะเป็นพระเอกแทนแล้วววววช้ะ
มีความหลังกะหนึ่งตลอดเลยนะ!!!


yimyum 25 ก.ย. 2557, 06:25:04 น.
บ้านน *0* สถานที่ๆ ดีที่สุดแล้ว ^^


ketza 25 ก.ย. 2557, 06:32:59 น.
รู้แย้วว่าเจอกันได้ไง เคยถูกเจ้าที่ไล่นี่เอง 5555555

... อุ๊ต่ะ แต่ละคนทีความหลังฝังจายยยย


ดังปัณณ์ 25 ก.ย. 2557, 10:18:58 น.
นั่นไง ยั่ว....555+

ขุ่นพี่ภาวี่ขา พ่อของวานี่เป็นโรคหัวใจอ่ะดิ๊น่ะ แล้วรักแรกนี่ทำไมหนอนคิดถึงพ่อชรัณ 555+ ทำไมในมโนสองคนนี้กลายมาเป็นคู่จิ้นกันด้าายยยยยยยยยยยยยยย 555+ โว้ะ มโนไปไกลมาก ว่าแต่รักแรกนี่เป็นใครล่ะน้อ แต่ก็สงสารขุ่นพ่อวานี่นะเคอะ อยู่ด้วยกันมานาน มันก็ต้องรักแม่ของวานี่มั่งละ
อ่ะเช...รอต่อไป ช่วงนี้มาน้อย ประท้วงๆๆๆ


ดังปัณณ์ 25 ก.ย. 2557, 10:20:30 น.
ปล.วะฮะฮ่า หนอนเดาถูก ฮิ้วววววววววว ว่าอิผีนั่นต้องเป็นเด็จจี้ โฮะๆๆๆๆๆ ทำไมซื้อหวยไม่แม่นงี้ 555+


goldensun 25 ก.ย. 2557, 12:47:45 น.
เจอผีประจำตึกนี่เอง น้ำหนึ่งถึงได้กลัวซะ มาแบบไม่มีหัว สยองตอนกลางวันแท้ๆ
ผีริมรั้วที่น้ำหนึ่งเห็นนี่เผด็จหรือคะ มินา ถึงว่าเคยเห็น
ว่าแต่ รักแรกฝังใจของวรุตน์นี่ใคร ชายหรือหญิง ไม่ระบุเพศตอนนึกถึงความหลังแบบนี้ พาคิดลึกนะนั่น


Sukhumvit66 25 ก.ย. 2557, 19:12:20 น.
ทำไมคิดว่าพ่อของวาริเป็นเกย์หว่า ได้กลิ่น ( y) ตุตุ

ใช่ไหมคะ ไรเตอร์ อิอิ


บุลินทร 25 ก.ย. 2557, 22:21:05 น.
มีการจับคลุมถุงชนด้วย แต่ไม่หวานแหววเหมือนนิยายที่มารักกันทีหลัง อันนี้แบบอิงชีวิตจริง


อสิตา 26 ก.ย. 2557, 02:07:23 น.
มาเม้นต์ทันไหม ก่อนตอนใหม่จะลง


Barby 26 ก.ย. 2557, 09:39:05 น.
แม่อัญชันถูกเกดซ่าพาไปเลย ไม่ได้เข้าบ้านอะป่าวงะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account