วังวนวารี [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
คนหนึ่งอบอุ่นอ่อนโยน คนหนึ่งห่ามห้าว ใจร้อน แตกต่างกันราวกับน้ำพุร้อนเดือดพล่านและสายฝนฉ่ำเย็น หากสิ่งหนึ่งที่ทั้งสองเหมือนกัน คือเขาต่างมีใจให้เธอ แล้วเธอล่ะ จะมอบใจรักเพื่อใคร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๑๑ (ครีึ่งแรก)

นี่คือบ้าน บ้านของเขา วรุตม์บอกตัวเองขณะก้าวช้าๆขึ้นบันไดหินอ่อนหน้าตึก บ้านหลังนี้สร้างจากน้ำพักน้ำแรงของเขา แต่เหตุใดเขาจึงพาตัวและหัวใจออกไปไกลบ้านทุกที...ทุกที

คำตอบเด่นชัดในใจ เพราะสิ่งที่เขารักล้วนอยู่นอกบ้านอย่างไรล่ะ ทั้งการงานและผู้คน

จริงหรือ...ความคิดฟุ้งซ่านตามติดเขาไปทุกฝีก้าว หากบ้านนี้ไม่มีคนที่เขารัก เขาจะมาหยุดยืนตรงนี้ทำไม...หน้าห้องนอนวาริ
มือกำหลวมๆเตรียมเคาะชะงักค้าง เมื่อประตูห้องถูกเปิดออกมาจากด้านในอย่างแผ่วเบา ระมัดระวัง

เห็นชัดว่าคนที่กำลัง ‘ย่อง’ ออกจากห้องสะดุ้งเมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบเขา

“ทำไมต้องทำลับๆล่อๆแบบนี้ด้วยล่ะวี”

วิไลวรรณยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากตนเองส่งสัญญาณไม่ให้เขาเสียงดัง ปิดประตูห้องแล้วนั่นละ หล่อนจึงกล้าพูดเต็มเสียง

“ว่านหลับน่ะ”

ขณะเดินเคียงกันไปตามโถงทางเดิน วรุตม์อดถามไม่ได้

“ทำไมวันนี้อยู่บ้านได้ล่ะ”

วิไลวรรณหันขวับมามองหน้า แววตาหมางเมิน

“ฉันอยู่ติดบ้านตั้งแต่ลูกบาดเจ็บ มีแต่คุณนั่นแหละที่ไม่เคยอยู่ดู”

วรุตม์เข้าใจโดยที่หล่อนไม่ต้องแจกแจงละเอียด ที่ว่าไม่เคยอยู่ดู ใช่ว่าไม่อยู่ดูว่าเธออยู่ติดบ้าน แต่ไม่อยู่ดูอาการลูกต่างหาก
“ถึงไม่เคยอยู่ดู แต่ก็เป็นห่วง” เขาสารภาพ และไม่รอให้หล่อนยอกย้อนเยาะเย้ยใดๆ รีบถามต่อโดยพลัน “ว่านเป็นไงบ้าง พอจะจำอะไรได้บ้างหรือยัง”

คงมีเรื่องลูกเรื่องเดียวกระมังที่จะฉุดรั้งวิไลวรรณให้ยอมคุยกับเขาได้นานๆ หล่อนถอนหายใจหนักหน่วงพลางส่ายหน้าช้าๆ กระแสความกลัดกลุ้มกังวลขังอยู่ในดวงตาคู่สวย

“ไม่เลยค่ะ ฉันรู้สึกว่าคนที่ฉันพูดคุยด้วยไม่ใช่ลูกเรายังไงก็ไม่รู้ เขาไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลย อยู่ดีๆก็ลุกขึ้นมาไว้หนวดเคราเสียหน้าเข้มแทบจำไม่ได้ ของที่ชอบก็กลับไม่ชอบ รู้ไหมวันนี้ว่านอยากกินอะไร”

เขาไม่ได้คาดเดา เพียงแค่เลิกคิ้วด้วยความสงสัย อีกฝ่ายก็เปิดปากเล่า

“ลาบเลือดค่ะ ร้อยวันพันปีว่านเคยแตะของพวกนี้ที่ไหนกัน แต่ก็แปลกนะ...” สาวใหญ่เอียงคอครุ่นคิด ท่าทางไม่รู้ตัวสักนิดว่าเดินตามวรุตม์เข้ามาในห้องนอนใหญ่แล้ว

ครั้งหนึ่งหล่อนก็เคยนอนในห้องนี้ ก่อนแยกออกไปนอนห้องว่างซึ่งอยู่ติดกันเพราะยอมรับพฤติกรรมของเขาไม่ได้
หล่อนเงียบไปนานจนเขาต้องถามด้วยความอยากรู้

“แปลกยังไง”

“พอกินลาบเลือดเข้าไป ว่านก็ดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที หน้าตาเนื้อตัวที่ดูซีดๆก็มีสีสันขึ้น”

“ตอนเกิดอุบัติเหตุคงเสียเลือดเยอะมั้ง เลยต้องการเลือดเข้าไปเพิ่ม”

“ก็คงแบบนั้นแหละ” วิไลวรรณเออออ แต่หน้าตาดูไม่เห็นด้วยเท่าใดนัก “แล้ววันนี้ตอนหัวค่ำ ฉันเล่าเรื่องสมัยเขาเด็กๆให้ฟัง คุณรู้ไหมคะว่าว่านพูดยังไง”

วรุตม์รู้ว่าคนถามไม่ต้องการคำตอบ แต่หล่อนต้องการเล่าความแปลกประหลาดของบุตรชายผู้สูญเสียความทรงจำ ความหลากใจขับไล่แววกังวลในดวงตาหล่อนไปจนสิ้น

“ว่านมานอนหนุนตัก ขอให้ฉันเล่านิทานให้ฟัง พอเล่าให้ฟังก็หลับปุ๋ยไปอย่างกับเด็กที่เล่นซนมาทั้งวันจนหมดแรง ทั้งที่คืนก่อนๆฉันแอบเห็นว่านนอนไม่หลับ ลงไปเดินเล่นข้างล่างจนดึกดื่นค่อนคืน”

“คงอยากรำลึกถึงอดีตมั้ง”

“ก็ขอให้เป็นแบบนั้นเถอะ ไม่ใช่สมองกลับตาลปัตรไปเป็นเด็กอีกหนหรอกนะ”

คนฟังยิ้ม พลางส่ายหน้า “ไม่หรอก เด็กที่ไหนจะมาเถียงผมฉอดๆ แถมพูดมาแต่ละคำ ผมไม่รู้จะตอบโต้ยังไง วีก็ได้ยินไม่ใช่เหรอ วันที่ออกจากโรงพยาบาล”

วิไลวรรณพยักหน้าช้าๆ แววตาบอกชัดว่ารำลึกนึกถึงเรื่องราววันนั้นได้ และเหมือนหล่อนจะรู้ตัวว่าก้าวล้ำเข้ามาในห้องนอนใหญ่ของวรุตม์เข้าแล้ว จึงรีบขอตัวกลับไปนอน

“เดี๋ยวสิวี” พร้อมกับเรียก วรุตม์คว้าแขนภรรยาไว้ รีบเอ่ยต่อโดยไม่รอให้หล่อนถาม “ขอบใจนะที่ดูแลลูกเรามาอย่างดี ตั้งแต่เล็กจนโต ถ้าไม่มีวี ก็ไม่รู้ว่าว่านจะโตมาเป็นแบบไหน...ผม...ผมไม่อยากให้เขาเหมือนผม”

ริมฝีปากบอบบางเหยียดยิ้มเยาะหยัน สะบัดแขนหลุดจากพันธนาการพลางส่งเสียงหึในลำคอ

“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ เพราะฉันไม่ได้ทำตามหน้าที่ ไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ทำตามที่หัวใจต้องการและมีความสุขที่ได้ทำ ฉันไม่เคยลืมว่าลูกเกิดจากความรักของฉัน...ของฉันคนเดียว” ท้ายประโยคเครือจนเกือบสะอื้น

เหมือนมีก้อนแข็งๆแล่นมาจุกตรงคอหอย วรุตม์พูดไม่ออก แต่ในที่สุด เขาก็เอ่ยสิ่งที่ตนต้องการออกมาจนได้ วิไลวรรณทำตามที่หัวใจต้องการฉันใด วรุตม์ก็ทำฉันนั้น

“คุณสนิทกับว่านมาก ว่านเชื่อฟังคุณ คุณน่าจะช่วยเกลี้ยกล่อมให้ลูกกลับไปทำงานได้ สหทรัพย์ต้องการเขา”

ต้องการไปสืบสานต่อยอดความเจริญรุ่งเรือง เสริมส่งความยิ่งใหญ่ในตลาดน้ำเมา วรุตม์ไม่ต้องการให้สิ่งที่เขาก่อร่างสร้างขึ้นจบอยู่แค่คนรุ่นเขา มันต้องถูกสืบทอดส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลาน ชื่อเขาจะต้องถูกจารึกไว้รำลึกจดจำในฐานะผู้สร้าง

“ขอโทษค่ะ ฉันทำไม่ได้”

วิไลวรรณก้าวถอยหลังออกห่างจากเขาด้วยท่าทีรังเกียจ

“ความสุขของลูกสำคัญกว่าความสุขของคุณค่ะ คุณมันเห็นแก่ตัว คิดถึงแต่ความสุขของตัวเองยังไม่พอ ยังคิดเบียดเบียนยัดเยียดความทุกข์ให้คนอื่นเพื่อให้ตัวเองได้ในสิ่งที่ต้องการ คุณทำกับฉันได้ แต่ฉันไม่มีทางให้คุณทำกับว่านได้อีกเด็ดขาด ว่านทนทำเพื่อคุณมามากพอแล้ว ลูกรอดตายมาครั้งนี้ ควรได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักบ้าง ไม่ใช่ก้มหน้ารับใช้คุณไปทั้งชาติ” หล่อนกางปีกปกป้องบุตรชายเต็มที่ “คุณจะเอาเปรียบฉันอย่างไรฉันไม่ว่า เพราะฉันหาทางเอาคืนได้เท่ากัน แต่คุณเป็นพ่อประสาอะไร คิดจะเอาเปรียบกระทั่งลูก”

“ผมไม่ได้เอาเปรียบ ผมแค่มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เขา”

“ดีที่สุดสำหรับคุณคนเดียวน่ะสิ เลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย เชิญคุณมีความสุขในอาณาจักรของคุณ ในโลกของคุณเถอะ”

วิไลวรรณเดินกระแทกเท้าออกไปแล้ว วรุตม์ซวนเซไปนั่งบนเตียง มือใหญ่กดบริเวณชายโครงขวาซึ่งเจ็บแปลบขึ้นมาอีกแล้ว ร่างกายล้าแรงจนต้องล้มตัวลงนอนไปทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำผลัดเสื้อผ้า

ในวัยเพียงห้าสิบปี เขาหมดสิ้นเรี่ยวแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ




คู่ทุกข์คู่ยากมันเป็นแบบนี้นี่เอง มาลินบ่นกระปอดกระแปดอยู่ในใจ ขณะชุบผ้าขนหนูผืนเล็กลงในอ่างแก้วใบย่อมซึ่งบรรจุน้ำอุ่นอยู่ค่อนอ่าง บิดจนหมาดแล้วนำไปเช็ดตัวให้คนบนเตียงซึ่งนอนซมด้วยพิษไข้ แม้ไม่ถึงกับสลบไสลไม่ได้สติ แต่ก็ดูสะลึมสะลือคล้ายครึ่งหลับครึ่งตื่น มาลินพันผ้ารอบฝ่ามือแล้วเช็ดทวนรูขุมขนเพื่อระบายความร้อน

สตรีวัย ๕๒ มองสามีแล้วถอนหายใจ ไม่ควรเลย...ไม่ควรสงสารเขาเลยจริงๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่ต้องยกเลิกนัดและป่านนี้ก็คงมีความสุขสำราญบานใจไปแล้ว ไม่ต้องมาอดตาหลับขับตานอนเฝ้าเช็ดตัวคนป่วยอยู่แบบนี้ มันเป็นงานน่าเบื่อมากถึงมากที่สุด

แล้วเต็มใจทำหรือเปล่า...แน่นอนละ คนอย่างมาลิน หากไม่เต็มใจใครก็บังคับไม่ได้ คิดถึงตรงนี้หล่อนก็ถอนหายใจออกมาอีกคำรบ

หล่อนเข้าใจว่าความรักของหล่อนเลือนหายไปนานแล้ว ตั้งแต่รู้ความจริงว่ารัฐมนตรีบดินทร์มิอาจให้ความสุขกับตนได้เช่นคู่สามีภรรยาทั่วไป แต่ความจริงแล้วรักนั้นยังคงอยู่ แต่เป็นหล่อนเองที่เกลื่อนกลบมันไว้ด้วยไม่อยากสมเพชเวทนาตนเอง ความต้องการอันมากล้นไม่ได้รับการเติมเต็ม หล่อนต้องออกไปแสวงหาความสุขนอกบ้านจนเคยชินและแทบขาดไม่ได้ หากคนเป็นสามีไม่ป่วยถึงขั้นล้มหมอนอนเสื่อ เชื่อว่าหล่อนก็คงยังไม่ย้อนกลับมามองใจตนเองอย่างที่กำลังกระทำอยู่ตอนนี้

ถ้าวันหนึ่งเขายอมหย่าตามคำท้าของหล่อนจริงเล่า จะทำอย่างไร เพียงคิด มาลินก็ใจหาย

“ขอบใจนะที่อยู่ดูแล” เสียงแผ่วโหยลอดผ่านริมฝีปากบุรุษวัย ๕๕ ปีที่นอนซมอยู่บนเตียง

มาลินละความสนใจจากผ้าขนหนูในมือ ช้อนสายตาขึ้นมอง พบรอยยิ้มบางๆ ดวงตาหรี่โรยด้วยพิษไข้

“ฉันเป็นภรรยา ก็ต้องดูแลสามีสิ” หล่อนตอบเสียงสะบัด ใจกระหวัดถึงความสุขที่รออยู่นอกบ้าน

“ทั้งที่ฉันไม่เคยทำหน้าที่สามีที่ดีเลย”

“ถ้าพูดมากได้ขนาดนี้แปลว่าหายแล้วสิ งั้นก็ดูแลตัวเองไปละกัน” มาลินทิ้งผ้าขนหนูลงอ่างน้ำอย่างไม่อินังขังขอบ หล่อนไม่ชอบให้ใครมาจี้จุดด้อยในชีวิตคู่ของตน แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นสามีหล่อนเองก็ตาม

ภรรยารัฐมนตรีปึงปังลงจากเตียง เดินหายไปยังห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ซึ่งมีประตูเชื่อมถึงกัน แต่งตัวเสร็จจึงหยิบกระเป๋าสะพาย แต่แล้วมือข้างนั้นก็ตกลงข้างตัว กระเป๋าถูกวางลงดังเดิม เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดนอน เช็ดเครื่องสำอางจนเหลือเพียงใบหน้ากลมขาวเกลี้ยงเกลา ล้างหน้าให้สะอาดแล้วคลานขึ้นเตียง

เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน...หรือเกือบปีกระมังที่หล่อนได้นอนเคียงข้างเขา กอดเขาไว้หลวมๆ ซึมซับไออุ่นจากคนที่ได้ชื่อว่าสามี...แก่ๆกันแล้ว ได้เท่านี้ก็พอ จะหมกมุ่นต้องการสิ่งใดมากมายอีกเล่า




ดวงตาคมกล้าเปิดขึ้นช้าๆท่ามกลางความสลัวราง เขานอนไม่หลับ และไม่รู้ว่าอีกกี่ชั่วโมงกว่าจะหลับลงได้ การนอนหลับดูไม่จำเป็นสำหรับเขาเลย ความมืดทำให้เขาตื่นตัวจนอยากสลับมาใช้ชีวิตกลางคืน และนอนหลับกลางวัน แต่หากทำเช่นนั้นเขาจะยิ่งดูเหมือนผีดิบเข้าไปใหญ่ เขาไม่อยากเป็นผี อยากใช้ชีวิตแบบคนปกติธรรมดาทั่วไป

กลิ่นกล้วยไม้ขาวเจือจางอยู่ในอากาศที่เขาสูดเข้าไป...ลมหายใจบ่งบอกความมีชีวิต เผด็จยันกายลุกขึ้นนั่ง มองแจกันกล้วยไม้ที่วิไลวรรณบรรจงจัดแต่งมาประดับห้องนอนทุกวี่ทุกวัน หล่อนว่าวาริชอบกล้วยไม้ขาว นั่นมันวาริ แต่นี่มันเผด็จ เขาไม่ชอบดอกไม้ มันงดงามแต่ดูอ่อนแอ บานอวดความงามให้กลิ่นหอมจรุงไม่นานก็เหี่ยวเฉา

ตายไปแล้วจึงรู้ ชีวิตคนเราก็เฉกเช่นเดียวกับดอกไม้ เต่งตูม เบ่งบาน และวันหนึ่งก็เหี่ยวเฉาโรยรา ส่วนชีวิตของเขาก็คงเหมือนดอกไม้ในแจกันนี่ ถูกเด็ดจากต้นตั้งแต่เบ่งบาน ไร้โอกาสร่วงโรยคาต้นตามธรรมชาติ

‘ไม่ต้องเอาดอกไม้มาปักแจกันแล้วนะครับ’ เขาบอกวิไลวรรณเมื่อตอนหัวค่ำที่ผ่านมา

‘ทำไมล่ะ ว่านเคยชอบดอกไม้นะ บอกว่ามีอยู่ในห้องแล้วสดชื่นดี’

‘ปล่อยให้มันเหี่ยวร่วงคาต้นไปเถอะ คนอื่นเดินผ่านไปมาจะได้ชื่นชมมันบ้าง เอามาปักแจกันในห้องนี้ ผมก็อยู่ดูวันละไม่กี่ชั่วโมง’
วิไลวรรณมองหน้าเขา คล้ายค้นหาวาริคนเดิมว่าไปซุกซ่อนอยู่ที่ใด ยังหรอก หล่อนยังไม่มีวันหาพบจนกว่าเวลาของเขาจะหมด เมื่อไรกันเล่า...เขาเองก็ไม่รู้รู้แต่ว่าแค่คิดก็ใจหาย ไม่อยากไป

‘ผมอยากฟังเรื่องสมัยผมเด็กๆ’ อยากรู้นักว่าวาริเป็นเด็กแบบใด จึงได้เติบโตมาแบบเซื่องซื่อและอ่อนโยนเช่นนั้น
หากเรื่องราวในวัยเยาว์ของวาริที่กำลังเลื่อนไหลผ่านการบอกเล่าของวิไลวรรณเป็นดั่งสายน้ำ สมองและการรับรู้ของเผด็จก็เปรียบดุจผืนทรายซึ่งซึมซับสายน้ำนั้นไว้ ทุกบททุกตอนเขาจดจำได้แม่นยำ

‘ว่านชอบทะเลมาก ชอบเล่นน้ำ ตอนเด็กๆว่านเล่นน้ำจนเหนื่อยเพลียไปหมด ทำท่าเหมือนตาจะปิดตั้งแต่กินข้าวเย็น’ ภาพเด็กชายวารินั่งตาปรืออยู่บนโต๊ะอาหารถูกหยิบขึ้นมาอวด ‘แต่พอถึงเวลาเข้านอนแทนที่จะหลับ ก็ยังอุตส่าห์มาหนุนตักอ้อนให้แม่เล่านิทานให้ฟัง ขาดนิทานไม่ได้เลย’

เผด็จไม่รู้ว่าความรู้สึกร้อนๆในดวงจิตนี่เรียกว่าความริษยาหรือเปล่า แต่มันส่งผลให้เขาล้มตัวลงนอนบนตักวิไลวรรณ กอดเอวหล่อนไว้ แล้วเอ่ยเสียงอ้อนอย่างที่ชีวิตนี้ไม่เคยทำมาก่อน

‘ผมอยากฟังนิทานอีก แม่จำได้ไหมว่าวันนั้นแม่เล่าเรื่องอะไรให้ผมฟัง’

มือนุ่มลูบศีรษะที่มีผมสั้นเกรียนของเขาช้าๆ ทั้งอบอุ่นและอ่อนโยนเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความปรารถนาดี ขนาดเขาไม่ใช่ลูกยังซึมซับรับไว้เต็มหัวใจ ไม่แปลกหรอกหากวาริจะเติบโตมาเป็นชายหนุ่มผู้อบอุ่นอ่อนโยนนุ่มนวลไปทุกกระเบียดนิ้ว...จนน่าหมั่นไส้

น้ำเสียงสดใสเริ่มเล่าเรื่องราวของพินอคคิโอที่ยามโกหกครั้งใด จมูกก็จะยื่นยาวออกมาอย่างเห็นได้ชัด เผด็จเผลอลูบจมูกตัวเองแล้วขำ หากคนเราโกหกแล้วจมูกยื่นออกมาเหมือนเด็กชายในการ์ตูนได้ คงเลิกนิสัยโกหกกันได้เด็ดขาด และเขาเองก็คงไร้โอกาสเข้ามาซุ่มซ่อนอยู่ในร่างของวาริแบบนี้

เผด็จแสร้งทำเป็นหลับเพื่อเปิดใจให้ซึมซับบรรยากาศอบอุ่นระหว่างแม่ลูก ซึ่งเขาโหยหามาตลอดชีวิต วาริโชคดีที่มีแม่แบบวิไลวรรณ หล่อนเติมเต็มในส่วนที่วรุตม์ทำขาดหาย แม้หล่อนจะดูประเปรียวทันสมัย ไม่แคร์สื่อ ไม่แคร์สังคม แต่ยามรับบทแม่ หล่อนทิ้งภาพเหล่านั้นจนหมดสิ้น เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาที่มีหัวใจรักอันยิ่งใหญ่

ชายหนุ่มรู้ว่าตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงกับวาริ วิไลวรรณก็ทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่มาดูแลบุตรชาย ยอมห่างเหินจากริชาร์ด หล่อนเห็นลูกสำคัญกว่าใครทั้งหมด หล่อนพร้อมทิ้งทุกอย่างเพื่อลูก เหมือนที่วรุตม์พร้อมทิ้งทุกอย่างเพื่องานที่เขารักและชีวิตส่วนตัวแบบที่เขาชอบ

‘เราไปทะเลกันเมื่อไหร่ดีครับ แม่กับริชาร์ดจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน’

เผด็จเป็นฝ่ายออกปากชวนโดยที่ยังคงนอนหลับตาให้วิไลวรรณลูบศีรษะอย่างทะนุถนอมอยู่อย่างนั้น

‘แม่ตั้งใจว่าจะอยู่กับว่านสองคน ใช้เวลากับว่านให้เต็มที่ถ้าริชาร์ดอยู่ด้วย ว่านจะเหงานะรู้ไหม เพราะแม่จะจี๋จ๋ากับริชาร์ดทุกนาที’ หล่อนเอ่ยอย่างคนมีอารมณ์ขัน

เผด็จยิ้มชอบใจ ‘ตามสบายเลยครับ ผมว่าจะชวนเพชรไปด้วย’

‘เขาจะยอมไปเหรอ ว่านเคยเล่าให้แม่ฟังว่าเพชรสนิทกับคุณตินพล และสงสัยว่าเขาจะชอบๆกันอยู่’

เผด็จลืมตา ทำเสียงหยัน ‘หมอนั่นนะเหรอ’ ใจนึกถึงผู้หญิงที่พ่อดาราหนุ่มคิวทองแอบซุกไว้ในคอนโด คิดแล้วก็สงสาร ยิ่งตามอ่านข่าวตินพลย้อนหลัง ยิ่งเห็นว่าเขาคบใครได้ไม่นานก็เลิก ไม่รู้เธอผู้นั้นจะมีชะตากรรมเช่นไร แต่ที่รู้ๆ เผด็จไม่อยากให้น้ำหนึ่งตกอยู่ในสภาพเดียวกับสาวๆที่ตินพลเคยควง

‘ผมว่าตอนนี้เขาไม่สนใจเพชรหรอกครับ เพราะมีคนอื่นน่าสนใจกว่า’

วิไลวรรณทำหน้าฉงน คงสงสัยว่าเขาไปรู้อะไรมา แต่ก็มิได้ถาม กลับเอ่ยว่า

‘ถ้าว่านมั่นใจแบบนั้นก็เอาสิ ชวนเพชรไปด้วย ว่านพร้อมเมื่อไหร่ล่ะ’

‘ปลายเดือนนี้ก็ได้ครับ’

เมื่อได้ข้อสรุป เขาก็แกล้งอ้อนขอนิทานอีกเรื่อง ใครว่าผู้ชายไร้มารยา...ไม่จริง ห้าร้อยเล่มเกวียนของผู้หญิงน่ะ มักแพ้ลูกอ้อนของผู้ชายเสมอ

คราวนี้เผด็จแสร้งทำเป็นหลับคาตักไปอย่างนั้นเอง เขาอยากเป็นเด็กอีกครั้ง และอยากเป็นเด็กชายวาริ สหทรัพย์ เสียด้วยสิ

******************************

ทักทายท้ายเรื่อง

คาดว่าตอนนี้คงจะทำให้คนที่เชียร์วาริหมั่นไส้เผด็จมากมาย แต่ฮีฝากบอกมาว่าฮีไม่สนนะ ฮียืนยันว่าระหว่างที่วาริไม่อยู่ ฮีจะปฏิบัติหน้าที่แทนอย่างเต็มความสามารถ ๕๕๕

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ ใครจะเป็นพระเอก ใครจะเป็นพระรอง ต้องติดตามจนจบโน่นแหละค่ะกว่าจะรู้ แต่เชื่อเถอะ คนอย่างเผด็จ ไม่มีใครยัดเยียดตำแหน่งพระรองให้เขาได้หรอก เพราะเขาจะทำตัวเป็นพระเอกในแบบของเขาตลอดเวลา

น้องยิ้มจัง ใช่ค่ะ บ้านเป็นสถานที่พักกายพักใจที่ดีที่สุด และจะดีมากถ้าบ้านนั้นไม่รุมร้อนหรือเยียบเย็นจนคนอยู่ไม่เป็นสุข

ยายเกศราซ่าแสบ เธอยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยนะ มีเบื้องลึกเบื้องหลังอันใดสารภาพมาเสียดีๆ

น้องหนอนน้ออยดังกี้ ช่วงนี้แบ่งลง อาจมีสั้นบ้างยาวบ้าง เดี๋ยวท้ายๆจะลงเต็มตอนเลยจ้า อ่านที่น้องหนอนมโมแล้วพี่เสียวด้านหลังวาบๆ แต่เหมือนจะไม่ใช่หนอนคนเดียวที่คาดเดาเช่นนั้น เอาเถอะ จะมโนอันใดก็เอา แล้วมาลุ้นกันว่าหวยจะออกที่ใคร ถ้าเป็นครูฤทธิ์ละก็...ฮาาาา

คุณโกลเด้นท์ซัน เรื่องผีประจำตึกนี่เล่าลือกันมาจนคนฟังเองยังสยอง ยิ่งมโนภาพตอนเขียนดึกๆแล้ว กรึ๋ยยย รักแรกของวรุตม์เป็นใคร นั่นสิ นั่นสิ

คุณสุขุมวิท ๖๖ อิฉันได้กลลิ่น Y คละคลุ้งจากคอมเม้นท์ของนักอ่านนี่แหละค่ะ ๕๕๕ แต่ละคน เม้นท์มาแบบว้ายยยย วาย

คุณหมีบุลินทร แต่วิไลวรรณก็เป็นฝ่ายยินดีให้คลุมนะ แต่พอเปิดถุงมาดูแล้วตาชักสว่าง นางเลยไประเริงที่อื่นดีกว่า

ไอ้พี่เก้า พักนี้ลงก่อนตลอดๆ ขยันนักนะ

คุณ Minnie Befearm สองเพลงที่นึกถึงได้อารมณ์มาก เพลงแรกพาให้คิดถึงประโยคนี้ เลือด เลือด ข้าต้องการเลือดดดดด




ภาวิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ก.ย. 2557, 03:51:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.ย. 2557, 03:51:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 1238





<< บทที่ ๑๐ (จบตอน)   บทที่ ๑๑ (จบตอน) >>
อสิตา 26 ก.ย. 2557, 04:35:06 น.
แม่วาริน่ารัก //แกมาลงก่อนเช้าจนได้นะ


ketza 26 ก.ย. 2557, 06:35:59 น.
มาแล้วค้าาา


yimyum 26 ก.ย. 2557, 07:26:52 น.
เผด็จจะกลายเป็นเด็กชายแล้ว 555


นักอ่านเหนียวหนึบ 26 ก.ย. 2557, 08:42:20 น.
ชิชะ เด็กขี้อิจฉา!!
คิดจะแย่งทุกอย่างไปจากเฮียริใช่มะ
แย่งร่างกาย แย่งแฟน แย่งกระทั่งแม่ นี่มันซีนพระเอกจรงไหนยะ ชริๆๆ รีบไปเลยนั เด๋วใจอ่อนนน 5555


ketza 26 ก.ย. 2557, 09:04:23 น.
อ้าว เผด็จเริ่มเคลิ้มมม คุณแม่คนสวยก็น่าร๊ากกกก


Barby 26 ก.ย. 2557, 09:57:35 น.
ชอบประโยคที่ว่า มารยาผู้หญิงแพ้ลูกอ้อนของผู้ชาย555
มาลินคงไม้กิ๊กกับวรุตหรอกนะ


ดังปัณณ์ 26 ก.ย. 2557, 11:22:03 น.
บ่องตง ถ้าเป็นครูฤทธิ์ หนอนจะวิ่งไปผูกคอตายใต้ต้นผักชี! กร๊ากกกกกกกกกกกกก

เด็จจี้นี่นางอ้อนมากอ่ะ ขุ่นพี่ภาวี่ อ้อนได้อย่างน่าหมั่นไส้ แต่วรุฒน์นี่เห็นแก่ตัวเองจริงๆแฮะ ถือเอาความรักความต้องการของตัวเองเป็นใหญ่จริงๆ คงเป็นที่การถูกปลูกฝังจินะ นี่ฮีเป็นโรคหัวใจอีก จะรอดได้อีกกี่ตอนล่ะนั่น หุๆๆ

ขุ่นพี่...ตอนนี้มโนเกิน 50% เรื่องนี้มีคู่เกย์ฟันธง! 555+


goldensun 26 ก.ย. 2557, 18:59:08 น.
กลายเป็นผีขี้อิจฉาไปซะแล้ว เผด็จแค่สวมร่าง ไม่ได้กลายเป็นคนแน่ ยังรับส่วนบุญแล้วอิ่ม
แต่ที่กินลาบเลือดนี่ เพราะหนีนรกมา เลยชอบคาวๆ รึเปล่าคะ
บทจะเนื้อหอม น้ำหนึ่งถูกรุมชอบแล้ว ก็วาริทั้งตัวจริง ตัวปลอม ปักใจกับน้ำหนึ่งทั้งคู่เลย


บุลินทร 26 ก.ย. 2557, 19:11:53 น.
ภาวินมาลงเกือบตีสี่ ยังไม่นอนหรือเพิ่งตื่นนั่น / ตอนนี้แต่ละครอบครัวก็ต่างมีปมปัญหากันทั้งน้านนน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account