...คาสบลังก้า...ดารัลฟาเดล...(จบแล้วค่ะ)
สืบเนื่องมาจากเรื่อง "อะรูซะตี...เจ้าสาวของผม"
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของลูกสาวสุดหวงของหมอดานีส
กับนาดา โดยเรื่องราวของคุณพ่อเมื่ิอครั้งก่อนนั้น
จะเป็นแนา "แต่งก่อนจีบ"
แต่สำหรับรุ่นลูกแล้ว จะเป็นแนว "จีบก่อนแต่ง"

ต้องมาคอยดูกันค่ะว่า จะจีบกันอย่างไร แล้วคุณหมอดานีส
ที่ต้องมารับบทบาทเป็นพ่อของลูกทั้งเจ็ดจะตกอยู่ในสภาพเช่นไร..
แล้วนาดาจะเป็นแม่แบบไหน...



เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของเมือง
"คาสบลังก้า" หรือ "อัดดารัลบัยฎออ์"
ซึ่งแปลว่า..."บ้านสีขาว"
ดินแดนในฝันดั่งต้องมนต์เสน่หาแห่งโมร็อกโก...
กับดินแดนอันแสนอบอุ่นด้วยไอรักแห่งแดนอาทิตย์อุทัย...

พบกับเขาและเธอ...

...ดารัล...ฟาเดล...

หญิงสาวที่หัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความรักความอบอุ่น
จากครอบครัวอันแสนสุขและน่ารัก...
ชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่เคยต้องการสิ่งใดอีกแล้ว
เพราะเธอพอใจทุกอย่างที่มีมาตลอด

จนเมื่อเจอกับเขา...ที่นั่น "คาสบลังก้า"
เขาทำให้เธอไม่อาจลบลืมมนต์เสน่หาของที่นั่นได้เลย
ไม่ว่าจะยามหลับหรือตื่น...

กับ

ชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยรูปเปลือกที่สวยงามสมบูรณ์
หากภายในใจนั้นยังคงโหยหาไออุ่นแห่งรักจากใครสักคน
มาเติมเต็มหัวใจกำพร้าของเขา...

แล้วเธอคือผู้ที่เขาค้นพบว่ามีทุกอย่างที่เขากำลังต้องการอยู่
ดังนั้น...ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาก็จะปล่อยเธอ
ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!




Tags: หวานซึ้งโรแมนติก ดราม่า โมร็อกโก คาสบลังก้า ทะเลทรายซาฮาร่า ดารัล ฟาเดล โสภณพสุธ

ตอน: บทที่ 9 อาทิตย์อุทัย


แต่เม่ือถูกทิ้งให้อยู่ในห้องกับผู้ชายเพียงลำพัง
ดารัลกลับไม่อาจจะทำในสิ่งที่มารดาและคนอื่นๆกำชับได้เลย…

เขาส่งยิ้มมาให้เธอ…ก่อนจะถอดเสื้อที่สวมอยู่ออก
แล้วเดินมาหาเธอในขณะที่เปลือยท่อนบน…

ดารัลพยายามที่จะไม่มองไปที่เขา…โดยเบี่ยงเบนด้วยการหันมาพยายาม
จะแกะผ้าคลุมบนศีรษะที่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมาทั้งวัน
เนื่องจากมันทั้งหนักและมีการประดับประดาด้วยมุกและอะไรอีกมากมาย
ที่เธอก็ไม่แน่ใจว่ามีอะไรบ้าง
รู้แค่ว่ามันสร้างความอึดอัดให้เธอมากกว่าผ้าคลุมทั่วไปที่เธอสวม

“ให้พี่ช่วยมั้ย…”หญิงสาวกระเถิบกายถอยห่างทันทีเมื่อเขาเข้ามาใกล้
สายตานั้นระแวดระวังราวกับลูกกวางกำลังระแวงพ่อเสือที่จ้องตะครุบเหยื่ออยู่

“คุณอยู่ตรงนั้นแหล่ะ ฉัน...จัดการเองได้…”หญิงสาวเอ่ยด้วยเสียง
ตะกุกตะกัก แววตาดูหวาดระแวงอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด
ทำเอาฟาเดลถึงกับยิ้มที่มุมปาก

“ก็ชุดนี้พี่เป็นคนส่ังออกแบบ เลือก และสั่งตัด…แถมยังจ่ายตังค์ด้วย
พี่ก็ต้องเป็นเจ้าของมันซิ…”ดารัลไม่เข้าใจว่าคนพูดหมายถึงอะไร
ก่อนจะหันไปถามว่า

“อ้อ...อยากได้คืนว่างั้น…”ฟาเดลพยักหน้า

“ได้…เดี๋ยวจะถอดให้เลย…เผื่อคุณแต่งงานคราวหน้าจะได้ไม่ต้องเสียตังค์ตัดชุด
ให้เจ้าสาวคุณอีก...”

พูดจบดารัลก็ตั้งท่าจะเดินไปห้องน้ำ แต่ฟาเดลฉวยข้อมือเอาไว้ก่อน
หญิงสาวหันมาสะบัดข้อมือตัวเองแล้วตวัดสายตาใส่เขา…

“อย่าแตะต้องตัวฉัน…”เสียงนั้นฟังดูเฉียบขาด แววตาดุดัน

“ก็พี่จะช่วยถอดให้ไงล่ะ…เธอถอดคนเดียวไม่ได้หรอก
เพราะพี่เป็นคนสั่งให้เขาออกแบบชุดที่เจ้าสาวไม่สามารถถอดเองได้
คราวนี้เธอคงหาตัวช่วยอื่นไม่ได้ นอกจากพี่แล้วล่ะ…”

ดารัลถึงกับตาโตด้วยความประหลาดใจ เมื่อชุดดังกล่าวเธอไม่สามารถ
ถอดได้เองจริงๆ…เธอคิดผิดจริงๆที่ปล่อยให้เขาเข้ามาบงการ เจ้ากี้เจ้าการ
เรื่องชุดแต่งงานของเธอ…คนอะไรเจ้าเล่ห์ที่สุดเลย…

“มานั่งตรงนี้ซะดีๆ…”ชายหนุ่มสั่งร่างบางระหงพร้อมกวักมือด้วยรอยยิ้มสดใส

"เรื่องอะไร...คิดจะต้อนแกะรึ...อย่าหวัง..."ฟาเดลหัวเราะฮึๆในลำคอ
เมื่อดูอีกฝ่ายจะคิดไปใหญ่...

"มาเถอะน่า...อย่าท่าเยอะ...รึว่าอยากนอนทั้งชุดเจ้าสาว..."

"ใช่..."ดารัลเชิดใส่...
ถ้าต้องให้คนตรงหน้าถอดชุดให้ เธอยินดีจะนอนทั้งชุดเจ้าสาว...

"โดยที่ไม่อาบน้ำ..."ฟาเดลเลิกคิ้วถาม


"โดยที่ไม่ละหมาด...นี่ก็เกือบจะได้เวลาละหมาดอิชาแล้วนะ..."
พอเขาเอาละหมาดมาขู่ ดารัลก็ถึงกับเหลือบตาขึ้นมองนาฬิกา
ปรากฎว่าใกล้จะสองทุ่มแล้ว..

"ตอนนี้พี่จะทำอะไรเธอได้ ยังไงๆก็ต้องละหมาดก่อนอยู่ดี..."ดารัลรู้สึกหายใจทั่วท้อง
ขึ้นมาทันที อย่างน้อยละหมาดก็ช่วยเธอได้เยอะ...และคงจะช่วยได้อีกแยะ...
คิดได้แค่นั้น รอยยิ้มที่มุมปากของดารัลก็ผุดขึ้น และแน่นอนมันไม่ได้พ้นไปจาก
สายตาที่กำลังจับจ้องอยู่ได้...

ฟาเดลจึงประคองร่างบางให้มานั่งตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ทว่าอีกฝ่ายขัดขืน

“เพื่อความปลอดภัยของเธอเอง…พี่ขอเตือนว่าอย่าทำอะไร
ที่เป็นการปลุกอารมณ์พี่ให้ถึงจุดเดือดเหมือนที่เคยทำๆมาเด็ดขาด
เพราะครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งอื่นๆ
พี่สามารถทำอะไรเธอก็ได้โดยไม่ต้องหักห้ามใจอีกแล้ว
เพราะเวลานี้พี่มีสิทธิ์ในตัวเธออย่างที่สามีพึงมีต่อภรรยาของตน…”

ดารัลถึงกับหน้าเปลี่ยนสีเมื่อเขาหันมาใช้ไม้นี้กับเธอ

“ฉันยังไม่พร้อม…”หญิงสาวพูดเสียงติดๆขัดๆซ้ำยังสั่นจนอีกฝ่ายจับอารมณ์ได้

“พี่ก็ไม่ได้จะเร่งรัดเธอนี่…แค่เธอจะไม่หาเรื่องทำให้พี่หงุดหงิด
จนอารมณ์ระเบิดก็เท่านั้น…แค่จะไม่พูด อยู่เฉยๆให้พี่ช่วยจะได้มั้ยครับ…”

ชายหนุ่มพูดพลางจับหญิงสาวมานั่งตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
ก่อนจะเริ่มแกะเข็มหมุดที่ติดผ้าคลุมของเธอออกให้ทีละตัวๆอย่างใจเย็น…
เมื่อค่อยๆแกะ ผ้าคลุมที่ซ้อนทับกันหลายชั้นก็ค่อยๆหลุดออก…
ทำเอาคนแกะอดรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังแกะกล่องของขวัญชิ้นโตอยู่
ทั้งลุ้นทั้งอยากรู้ไม่ได้…อยากรู้ว่าภายใต้ผ้าคลุมนั้น ผมเธอจะนุ่มน่าสัมผัสแค่ไหน
วันที่เธอเป็นลม เขาเพียงแต่มองแต่ยังไม่ได้สัมผัส อีกทั้งตอนนั้นเขาก็ไม่ได้พุ่ง
ึึความสนใจมาที่ผมของเธอ มันห่วงเธอเหนือสิ่งอื่นใด...

…เธอช่างเหมือนของขวัญชิ้นโตที่ทำให้เขาใจเต้นได้มากจริงๆ
ในชีวิตไม่เคยลุ้นระทึกและตื่นเต้นกับของขวัญชิ้นใดเท่าชื้นนี้มาก่อนเลย

เมื่อผ้าคลุมชิ้นสุดท้ายหลุดออกไป ฟาเดลก็ได้พบกับผมสีนิลเหมือนขนกาน้ำ
ที่มันวาวถูกม้วนเกล้าเอาไว้ เขาจึงดึงกิ๊บติดผมนั้นให้เธออย่างเบามือ
กลัวเธอจะเจ็บหนังศีรษะ

ดารัลเองได้แต่นั่งนิ่งๆให้เขาจัดการโดยไม่กล้าแม้แต่จะพูดหรือปริปากออกไป…
จนกลายเป็นตุ๊กตาที่เขาจะจับวางหรือทำอะไรยังไงก็ได้…

“ไม่ดื้อแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย เห็นมั้ยว่าพี่แกะผมให้เธอเสร็จแล้ว”
พูดพลางก็จับผมของเธอให้สยายออก…แล้วสางด้วยมือเบาๆ

อดไม่ได้ที่จะก้มลงสูดดมกลิ่นหอมกรุ่นของมัน...

“ผมเธอนุ่มมือจัง…”ชายหนุ่มออกปากชม…ผมที่ได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
มาจากผู้เป็นมารดา...ทั้งสีและสัมผัส...

“งั้นเหลือชุด…มา…ลุกขึ้น…เดี๋ยวพี่จะดูให้ว่าเราจะเริ่มจากตรงไหนก่อน…”

หญิงสาวหน้าแดงก่ำเมื่ออยู่ๆเขาก็จับเธอหมุนไปมา
แล้วใช้สายตาสำรวจชุดที่เธอสวมอยู่…


เขาถอดเสื้อคลุมตัวนอกแขนยาวออกให้ ทำให้เหลือชุดยาวเกาะอก...

แล้วอยู่ๆเขาก็รูดซิบด้านหลังลงโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว
หญิงสาวตกอกตกใจจนร้องกรี๊ด มือก็พยายามหยิบชุดที่ลงไปกองบนพื้นขึ้นมาใหม่


“ว้ายยยยยยยย…”ชายหนุ่มยกมือปิดปากหญิงสาว
ในขณะที่มือของดารัลรีบคว้าชุดสวยเอาไว้มั่น...เนื้อตัวสั่น
หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขา เขาเห็นเธอโป๊...

"กับสามีเขาให้โชว์ได้เต็มที่ ไม่ผิดกฎหมาย...
หรืออยากโชว์ไปเต้นไปด้วยก็ได้นะ...พี่รอชมอยู่"

เห็นอีกคนมองเขาตาเขียวเรืองแสง ออกอาการเหมือนจะเต้น...
เขาก็เลยอดไม่ได้ที่จะยั่วอย่างนึกสนุก

"หยุดจ้องเดี๋ยวนี้นะ..."ดารังอายจนหน้าแดงก่ำ มือก็พยายามรวบชุดที่หนักแสนหนัก
แถมตอนนี้มันยังหาเรื่องจะหลุดอีกแล้ว เพราะว่าช่วงหลังมันถูกเปิดแยกออกจากกัน
พอจับข้างหน้า ข้างหลังหลุด พอจะจับข้างหลัง ข้างหน้าร่วง...โอ๊ย...

ชุดบ้าอะไรของเขานะ...บ้าที่สุด...ใครออกแบบเนี่ย...

"ของสวยของงาม ขอมองหน่อยก็ไม่ได้...อยู่ต่อหน้าพี่เธอไม่ต้องประหยัดหรอก...
โชว์ได้เต็มที่...พี่ไม่ว่า..."หน้ายิ้มๆนั่นของเขายิ่งกระตุ้นความอายให้กับ

แล้วไอ้คำพูดบ้าๆนั่นอีก...มันน่านัก นี่ถ้ามือเธอว่างล่ะก็ เขาจะไม่มีโอกาส
มายืนยิ้มยั่วเธอในท่ากอดอกสบายอารมณ์แบบนี้แน่...



"ตอนแรกคิดว่าชุดเจ้าสาวถูกออกแบบมาสวยแล้วนะ...แต่ชุดที่เห็นแว้บๆเมื่อกี้
สวยกว่าสิบเท่า...สงสัยต้องให้เธอใส่ให้ดูทุกคืนซะแล้วล่ะ..."ดารัลถึงกับหน้าแดง

ไปจนถึงกกหู...เรื่อยไปถึงลำคอ...



ทั้งสายตา ทั้งคำพูด ทั้งรอยยิ้ม รวมทั้งท่าทางของเขามันทำให้เธออาย...
แถมยังสั่น แต่จะสั่นยังไงก็ต้องสู้...

ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจที่เขาช่างรู้เรื่องชุดนี้เหลือเกิน
นี่เขาคงจงใจสั่งทำมันเพื่อแกล้งเธอแน่ๆ…

เห็นรอยยิ้มของเขาแล้วก็ยิ่งแค้นใจตัวเองที่ปล่อยให้เขาบงการ
เรื่องชุดเจ้าสาวของตัวเอง นี่ถ้าย้อนกลับไปได้
เธอจะไม่ยอมให้เขามีโอกาสได้เข้ามายุ่งวุ่นวายเรื่องชุดเด็ดขาด

“ฮีๆๆๆ…”เขายังคงหัวเราะไม่หยุด…หญิงสาวอายหน้าแดง
จนรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปโดยไม่หันกลับมามองคนที่กำลังหัวเราะเธออยู่
แม้แต่นิดเดียว…



"อย่าหายเข้าไปนานนักล่ะ...เรายังต้องละหมาดนะครับ..."
ฟาเดลตะโกนไล่หลังไปติดๆ...ก่อนจะยืนหัวเราะอย่างสบายอารมณ์...
แล้วไม่วายนึกไปถึงภาพสวยงามเมื่อครู่ แม้จะแค่เสี้ยววินาที
แต่มันก็ถูกฝังลงไปในใจเขาเรียบร้อยแล้ว...


ดารัลเดินออกมาในชุดคลุมอาบน้ำเนื่องจากเมื่อครู่เธอรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไป
โดยลืมเอาชุดนอนติดมือไปด้วย ดังนั้นเมื่อก้าวออกมาในสภาพหมิ่นเหม่เช่นนี้
เธอจึงย่องให้ฝีเท้าเบาที่สุดเพื่อไม่ให้อีกคนรู้ตัว
สายตาก็ควานหาร่างเขาไปด้วยอย่างหวาดระแวง…แต่ก็ไม่พบ…

หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้า
เพื่อหยิบชุดนอนของตัวเองแล้วเดินไปเปลี่ยนในห้องน้ำ…

ก่อนจะกลับออกมาอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่พบร่างเขา
ดารัลจึงเริ่มทำการละหมาดในห้องส่วนตัว...
เมื่อละหมาดเสร็จก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา...

"ไปไหนของเขา..."หญิงสาวกวาดสายตาไปทั่วห้อง เดินไปรอบๆ
แต่ก็ไม่พบ...ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นเขานั่งหัวโด่พับเพียบเรียบร้อย
อยู่บนเตียงของเธอในชุดนอน…





"มาต้ังแต่ตอนไหน..."ดารัลพึมพำเบาๆ...

“พี่รอเธอไม่ไหวก็เลยไปอาบน้ำที่ห้องที่พี่เคยพักอยู่…
แล้วก็ละหมาดซะเลย...กลัวว่าเข้ามาเจอเธอพาลจะเสียน้ำละหมาด...”

ฟาเดลตอบโดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องถาม…เขามองใบหน้าเธอนิ่ง
แล้วยิ้มให้ก่อนจะตบที่นอนข้างๆ โดยไม่รู้เลยว่าประโยคสุดท้ายของเขาทำเอาหญิงสาว
หน้าแดงอีกครั้งหลังจากมันหายไปได้พักใหญ่

“มา มานอนกันเถอะ…พี่ง่วงแล้ว…”เสียงนั้นเชื้อเชิญ ปากก็หาวไปด้วย
ดารัลส่ายหน้า

“คุณนอนไปเถอะ…เดี๋ยวฉันนอนที่โซฟาดีกว่า…”

“อ้าว…ทำไมต้องไปนอนที่โน่นล่ะ เตียงออกจะกว้างขวาง…จุได้ตั้งสามคน…”

“ฉันไม่ชิน…ไม่เคยนอนกับผู้ชาย…”ดารัลตอบด้วยน้ำเสียง
ที่ไม่ค่อยเต็มเสียงนัก แววตาก็ดูหวาดกลัวปนระแวง…

“เดี๋ยวก็ชินไปเอง…มามะ…”ดารัลส่ายหน้า

“เอาแต่ส่ายหน้าแบบนี้ เมื่อไหร่จะได้นอนกันล่ะครับ…”
ชายหนุ่มลุกพรวดพร้อมคว้าร่างบางลงไปนอนบนเตียงด้วยกัน

“ว้ายยยยยย”หญิงสาวร้องกรี๊ด…ฟาเดลยกมือปิดปากเธอเอาไว้

“ชูวว…เดี๋ยวคนอื่นเขาก็ตกใจตื่นกันหมดหรอก…”ชายหนุ่มกระซิบ
ข้างๆหูของหญิงสาว ทำเอาดารัลถึงกับเนื้อตัวสั่นราวกับจับไข้…

“ฉัน…ฉัน…ฉัน…ขอร้อง…ปล่อยให้ฉันไปนอนที่โซฟาเถอะนะ
ไม่งั้นฉันนอนไม่หลับแน่ๆ…”ดารัลเริ่มอ้อน หวังให้อีกฝ่ายใจอ่อน

“ไม่…”ฟาเดลส่ายหน้า

“เรื่องอะไรจะปล่อยให้เมียสวยๆ ตัวหอมๆ ผิวเนียนๆไปนอนที่โซฟาล่ะ…”เขาพูดหน้าตาย

“ปล่อยฉันนะ…”ดารัลพยายามขัดขืนเมื่ออีกฝ่ายกอดเธอเอาไว้แน่น

“ปล่อยก็ได้ แต่เธอต้องหอมแก้มพี่ก่อน…”ดารัลส่ายหน้า

“ถ้าเธอไม่หอม…งั้นพี่หอมเองก็ได้…”ว่่าแล้วเขาก็ฝังจมูก
ลงบนพวงแก้มใสไร้เครื่องสำอางใดๆนั่น
ก่อนจะประทับริมฝีปากหนักๆลงบนริมฝีปากเธอหนึ่งครั้ง
แล้วดีดตัวลุกขึ้นเดินไปนอนบนโซฟาที่่กว้างพอสำหรับให้เขานอนได้
โดยไม่อีดอัดคับแคบด้วยรอยยิ้มที่ระบายไปทั้งหน้า…

ผิดกับดารัลที่ยังนอนตัวแข็งท่ือราวกับหาสติตัวเองไม่เจอ
กว่าจะเรียกมันกลับมาได้ เธอก็หันไปพบว่าเขานอนหลับไปแล้ว…
ทุกอย่่างมันไวมาก เมื่อกี้เขาหอมแก้มเธอ
แล้วก็จูบเธอ…นี่เขา…หญิงสาวยกมือขึ้นทาบแก้ม รู้สึกถึงความร้อน
ก่อนจะแตะริมฝีปากตัวเองแล้วก็กลับมาใจเต้นรัวอีกรอบ
หันไปมองคนที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้

แล้วก็ต้องอายหน้าแดงเม่ือเขาตะแคงข้างหันมาทางเธอ
ดารัลรีบคว้าผ้าห่มมาคลุมโปงมุดหัวเขาไปจนมิด
ทำเอาฟาเดลถึงกับหัวเราะในลำคอกับภาพนั้น




เมื่อเวลาผ่านไป หญิงสาวที่กำลังมุดหัวอยู่ในผ้าห่ม
ซึ่งยังมิอาจข่มตาให้หลับลงได้นั้นก็โผล่หัวออกมาเพื่อดูว่าอีกฝ่ายนั้น
นอนหลับไปหรือยัง…เมื่อเห็นเขานอนเงียบ ดารัลจึงลุกขึ้นนั่ง
ก่อนจะลุกไปเปิดตู้ หยิบผ้าห่มผืนหนาออกมาแล้วนำไปห่ม
ให้คนที่นอนกอดอกอยู่บนโซฟาอย่างเบามือ เพราะเกรงว่าเขาอาจจะรู้สึกตัว
ตื่นขึ้นมาปลุกปล้ำเธอ…

เมื่อทำท่าจะหันกลับไปยังเตียงนอนอยู่ๆเขาก็คว้าข้อมือเธอเอาไว้
แล้วจุมพิตมันหนักๆพร้อมกับกล่าวขอบคุณ

“ขอบคุณนะครับที่ไม่ปล่อยให้พี่นอนหนาว…”แล้วเขาก็ปล่อยมือเธอ

“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ…”หญิงสาวเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินไปปิดไฟแล้วปีนขึ้นไปนอนบนเตียง
กอดผ้าห่มเอาไว้แน่น…

“ฝันดีนะครับ…”เสียงทุ้ม หวานละมุนจากฝั่งโซฟาเอ่ยขึ้น ดารัลยิ้มออกมาแล้วหลับตาลง…



ก่อนจะมารู้สึกตัวตื่นเมื่อตอนตีสาม หญิงสาวเห็นชายหนุ่มยืนละหมาด
อยู่ตรงมุมห้องของเธอ โดยใช้พรมละหมาดส่วนตัวของเธอ

ดารัลระบายย้ิมออกมาเมื่อได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ตื่นขึ้นมาละหมาดในยามค่ำคืน
(ละหมาดตะฮัจยุด) กับเขาด้วย…

หญิงสาวจึงถือโอกาสลุกขึ้นเดินไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำละหมาด
แล้วมายืนต่อท้ายเขาเพื่อละหมาดด้วยอีกคน…

ทั้งสองละหมาดอยู่นาน จนล่วงเข้าสู่เวลาละหมาดซุบฮฺ
ฟาเดลเลยละหมาดซุบฮฺต่อจนเสร็จ แล้วพับเก็บพรมก่อนจะลุกขึ้นนำมันไปเก็บไว้ที่เดิม
แล้วเดินมาทางหญิงสาวที่นั่งยกมือขอพรต่อพระเจ้าอยู่
เมื่อหญิงสาวยกมือขึ้นลูบหน้า ชายหนุ่มก็เลยยื่นมือไปหาเพื่อขอสัมผัส…
ดารัลจึงสัมผัสมือกับเขาแล้วลูบหน้าตัวเองพร้อมรอยยิ้ม

“จะนอนต่อมั้ย…”ฟาเดลถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ดารัลส่ายหน้า

“ตาสว่างแบบนี้ คงนอนต่อยากแล้วค่ะ…”

“งั้นเราไปเดินเล่นในสวนกันมั้ย…”ชายหนุ่มชวน
ดารัลขมวดคิ้วพร้อมกับถามย้ำ

“ตอนตีห้าเนี่ยนะคะ…”ฟาเดลพยักหน้า

“จะลองดูมั้ยล่ะ…แล้วจะติดใจ…”หญิงสาวผลัดชุดละหมาด
แล้วก็เดินไปยังสวนด้านล่างกับเขา…ฟาเดลจูงมือหญิงสาวเอาไว้
แล้วบอกให้เธอถอดรองเท้าเพื่อเท้าจะได้สัมผัสกับต้นหญ้า
ที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำค้าง…ก่อนจะถามว่า

“มันให้ความรู้สึกดีใช่มั้ยล่ะ…”ฟาเดลเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวที่เขา
เดินจูงมืออยู่ระบายยิ้มออกมา

“ค่ะ…รู้สึกสดชื่นขึ้นมาเลย…”

"เรือนกล้วยไม้ของคุณย่าอะมานีใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้วนะ..."
ดารัลพยักหน้า เพราะเธอแอบย่องมาดูมาสังเกตการณ์ทุกวันด้วยความตื่นตาตื่นใจ...

"เธอชอบกล้วยไม้พันธุ์ไหนที่สุดเหรอ..."

"ทำไมล่ะคะ..."

"พี่จะได้หามาให้..."หญิงสาวหันหน้าไปมองคนพูดที่อยู่ข้างๆ
แล้วก็พบกับแววตาของเขาเข้าพอดี...

แววตาจริงใจและจริงจัง...

"คุณย่าบอกว่าเธอชอบกล้วยไม้..."

"ชอบ...กล้วยไม้ป่าน่ะค่ะ...เคยไปเดินป่าตอนเด็กๆที่ไทย
ไปเจอเข้า...มันสวยมาก...และก็หอมมากๆด้วยค่ะ..."
ดารัลเอ่ยถึงกล้วยไม้สวยที่เธอเคยได้เห็นตอนเดินป่ากับพวกพี่ดารุส
และน้องชาย...

"มันเป็นยังไง...แล้วมันสามารถเอามาเพาะได้มั้ย..."ดารัลส่ายหน้้า

"ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ...รู้แต่ว่าไม่เคยเห็นที่ไหนนอกจากที่นั่น
ถ้ามันเพาะได้ ป่านนี้ใครๆก็คงนำมันมาเพาะพันธฺุ์ขายกันเกลื่อนแล้วล่ะค่ะ...
เพราะมันสวยมาก..."

"ของบางอย่าง มันจะสวยเมื่อได้อยู่ในที่ของมัน...
หากเรานำมันออกมาจากที่ของมัน มันก็อาจจะดำรงชีวิตต่อไปไม่ได้..."
ฟาเดลพูดไปก็พลันนึกไปถึงเรื่องหนักใจอีกเรื่องนึงขึ้นมา
ก่อนจะตัดสินใจหันไปทางดารัล...แล้วเอ่ยขึ้นว่า

“พี่แต่งสวนที่นี่ใกล้จะเสร็จแล้วนะ…เสร็จตรงนี้แล้ว
พี่กะจะพาเธอกลับไปคาสบลังก้า เธอจะว่าไง…”
ฟาเดลถามความเห็นของหญิงสาว ทำเอาดารัลถึงกับพูดไม่ออก

“พี่ไม่อยากให้คุณปู่กับคุณย่าอยู่ที่โน่นเพียงลำพัง…พี่เป็นห่วง”
ดารัลหันไปมองคนพูดแล้วก้มหน้านิ่ง…ฟาเดลบีบมือเธอ
แล้วพามานั่งยังม้านั่งที่เปียกน้ำค้างอยู่ เขาเอาผ้าที่ถือมาด้วย
เช็ดที่นั่งแล้วนั่งลง…

“พี่รอได้…รอจนกว่าเธอจะพร้อมนะ…”พูดจบฟาเดลก็นั่งเงียบ
ไปนาน…นานจนดารัลเผลอคิดไปว่าเขาจะนั่งหลับไปแล้ว
หญิงสาวเลยเอียงคอเพื่อจะดูว่าเขานั่งหลับรึเปล่า
แต่พอสบเข้ากับดวงตาของเขาเข้า หญิงสาวก็ถึงกับสะดุ้ง

“ฉันนึกว่าคุณนั่งหลับ…”หญิงสาวเปรย…

“พี่กำลังคิดว่าจะทำยังไงกับชีวิตส่วนตัวและงาน…”
น้ำเสียงของเขาดูจะจริงจัง…


"เมื่อฉันตัดสินใจตอบรับคำแต่งงานของคุณ...นั่นก็หมายความว่า...
คุณอยู่ที่ไหน ฉันก็จะอยู่ที่นั่น..."ฟาเดลหันมามองหน้าคนพูดแล้วยิ้มกว้าง
ไม่คิดว่าเธอจะปลดความหวั่นวิตกในใจเขาได้จนหมดสิ้นด้วยคำพูดไม่กี่คำ...

"ขอบคุณนะครับที่เข้าใจพี่..."ดารัลไม่ได้กล่าวคำใด นอกจากรอยยิ้มบางเท่านั้น

"แล้วงานทางนี้ล่ะครับ..."ฟาเดลอดไม่ได้ที่จะถาม เพราะหญิงสาวข้างกายเขา
มีตำแหน่งหน้าที่การงานสำคัญทางนี้อยู่...

"พี่รุสคนเดียวคุมได้สบายอยู่แล้วค่ะ...น้าๆก็ยังอยู่...
คุณน้าฮานีฟจบด้านสมุนไพรมาค่ะ...เก่งด้วย..."ดารัลเอ่ยถึึงน้าชาย
ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆของมารดาด้วยแววตาภาคภูมิใจ...

"ที่สำคัญ...น้องหญิงอารเบียก็ดูแลอยู่อีกทั้งคน..."ดารัลเอ่ยถึงลูกสาวของดาวิด
ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของบิดาที่เป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วยรอยยิ้มบาง...

เพราะถึงเธอจะไม่อยู่...บริษัทยาของตระกูลก็มีคนดูแลอย่างมิต้องกังวลใดๆ...

เพียงแต่เธอต้องสะสางงานเพื่อส่งต่อให้ผู้รับผิดชอบคนต่อไปให้เรียบร้อยก่อนไปก็เท่านั้น
ซึ่งมันต้องใช้เวลาอยู่เหมือนกัน...

"ฉันน่ะญาติเยอะค่ะ...อย่าห่วงเลย..."

"อิจฉาคนญาติเยอะจัง..."ฟาเดลหันมายิ้มให้คนญาติเยอะด้วยรอยยิ้มกว้าง
ยิ้มทั้งปากทั้งตา ทำเอาคนมองมองเพลิน...จนเผลอชมอีกฝ่ายออกไปว่า

"คุณยิ้มสวย..."คำชมนั้นทำเอาลมหายใจของเจ้าของรอยยิ้มสวยถึงกับสะดุด...
และเหมือนดารัลจะรู้สึกว่าตัว ก่อนจะยิ้มเขินๆ หันไปอีกทาง...



และเมื่อเห็นหญิงสาวห่อตัว ฟาเดลก็เลยจับร่างบางระหงยกขึ้นมานั่งบนตักเขา
ร่างบางเริ่มดิ้นขลุกขลัก...ชายหนุ่มจึงกระซิบเบาๆข้างๆหูของเธอว่า

"อย่าดื้นสิครับ...คนดีของพี่..."ว่าพลางก็หยิบผ้าคลุมผืนหนา
ที่พาดอยู่บนบ่าของเขาออกแล้วคลี่มันออกคลุมบ่าให้เธอด้วย

"ไม่สบายไป พี่คงเหงา...เพราะไม่มีคนคอยส่งเสียงแว้ดๆใส่..."
ดารัลกำลังจะเคลิบเคลิ้ม แต่ก็คงมาสะดุดกับท้ายประโยค ส่งผลให้หญิงสาว
ึค้อนขวับให้คนพูดทันที...ก่อนจะดึงปลายผ้าอีกด้านนึงห่มไหล่

ของเจ้าของตักที่เธอนั่งอยู่ แรกๆเธอรู้สึกเกร็งเพราะไม่ชินและยังหวาดกลัวเขาอยู่ไม่น้อย
แต่เมื่อเห็นเขาเพียงแต่กอดเธอเอาไว้ ซบหน้าบนไหล่เธอ ปัดปอยผมให้เธอ...
ดารัลจึงสงบลง แล้วเอนหลังพิงอกกว้างของเขาอย่างเต็มใจ...
ฟาเดลระบายยิ้มออกมากับปฏิกิริยานั้นของเธอจนอดใจไม่ไหวที่จะหอมแก้มนั้น

ดารัลเบี่ยงหลบ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว...



"อุ่นมั้ยครับ..."ฟาเดลกระชับอ้อมแขนแล้วโยกร่างบางไปมา

ไม่มีเสียงตอบ นอกจากเสียงของนกที่กำลังส่งเสียงร้องต้อนรับอรุณเบิกฟ้า...
แสงตะวันค่อยๆโผล่ขึ้นมาราวกับจะทักทายสองชีวิตที่กำลังรอแสงแรกจากขอบฟ้า...

ดารัลอดคิดไม่ได้ว่า...คนที่นั่งโอบกอดเธอภายใต้ผ้าคลุมผืนเดียวกันนั้น
ไม่ได้แตกต่างจากแสงตะวันเลย...บางครั้งก็แผดเผาใจเธอจนมอดไหม้

พอเจอก็ร้อนรนทุรนทุรายจนอยากจะหนีไปให้ไกลจากเขา...
ไม่อยากพบไม่อยากเจอ...อยากจะผลักใสเขาไปให้ไกลๆ...

แต่ในยามที่ไม่มีเขา...เธอกลับรู้สึกอ้างว้างเหน็บหนาว...
อยากจะพบเขา...อยากให้เข้ามาอยู่ใกล้ๆ อยู่ในสายตาเธอ...

เพราะดวงตะวันอันร้อนแรงนั้นในบางครั้งก็ดูอบอุ่นอ่อนโยนอย่างเช่นยามนี้...

ถ้าเขาจะเป็นอาทิตย์อุทัย เช่นในยามนี้ก็ดีสิ...

ดารัลไม่อยากจะตอบตัวเองเลยว่า ความรู้สึกเหล่านี้คืออะไร...

รู้เพียงแต่ผู้ชายคนนี้ก้าวเข้ามาเพื่อเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล...
ชีวิตที่คงจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...ตั้งแต่แสงแรกของดวงอาทิตย์วันนี้...

...ก่อนหน้านี้ เธอเคยกลัวกับการแต่งงาน...จนอยากจะผลักมันออกไป...
...แต่ตอนนี้...มันมีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่ความกลัว...

...ความรู้สึกที่ดูจะมีพลังมากพอที่จะทำให้เธอก้าวผ่านความกลัวนั้นออกมาได้...
...สักวัน...เธอจะหาคำตอบให้ได้ว่า มันคือ...ความรู้สึกอะไร...


แม้จะสงสัย...แต่เธอยังไม่แน่ใจ...ไม่แน่ใจจริงๆ...



....โปรดติดตามตอนต่อไป.....






มาแล้วค่ะ...เอาฉากหวานๆมาให้อ่านกันไปก่อน...



เพราะฉากดราม่ากำลังจะก่อตัว...ฟ้าใสดวงตะวันในแดนอาทิตย์อุทัย
ย่อมสวยงาม อบอุ่น แต่ดวงตะวันในคาสบลังก้า แห่งโมร็อกโก
จะเป็นเช่นไร...รอติดตามกันต่อค่ะ...





...คุยกับนักอ่านค่ะ...

1.คุณแว่นใส...ต้องมาดูกันต่อไปค่ะว่าฟาเดลจะทำได้อย่างที่รับปากไว้รึเปล่า...อิอิ
ขอบคุณนะคะที่ส่งเสียงให้เต่าโยได้ยินกัน...ขอบคุณค่ะ


2.คุณคิมหันตุ์...เรื่องราวของฮาน่ายังไม่จบค่ะ...ต้องมาตามกันต่อ
ที่คาสบลังก้า...ตอนนี้อาจจะหวาน แต่ชีวิตแต่งงาน
คงไม่หวานทุกวัน...อิอิอิ...
ขอบคุณค่ะที่เข้ามาเป็นกำลังใจให้เต่าโย...




แล้วก็...

ขอบคุณนักอ่านที่เข้ามาอ่านมาติดตามเรื่องนี้ด้วยนะคะ...
ทุกชีวิตย่อมต้องเจออุปสรรค มาดูกันว่าเขาสองคนจะผ่านอุปสรรคขวากหนามต่างๆ
ไปได้ด้วยวิธีใด...






yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ก.ย. 2557, 10:11:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ก.ย. 2557, 10:11:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 4192





<< บทที่ 8 วันวิวาห์   บทที่ 10 สัญญาสงบศึก >>
แว่นใส 14 ก.ย. 2557, 16:16:11 น.
เรื่องอะไรที่จะรออยู่น๊า


คิมหันตุ์ 14 ก.ย. 2557, 20:48:26 น.
เริ่มไปได้สวย. รอติดตามจ้า


ตุ๊งแช่ 15 ก.ย. 2557, 15:42:52 น.
รักแบบมีสติมันดีแบบนี้เอง


pseudolife 16 ก.ย. 2557, 00:58:18 น.
ไม่อยู่บ้านสิบกว่าวัน กลับมาอ่านจุใจไปเลยค่า
ดีใจที่ได้อ่านฉากหวานๆ สงสารพี่ฟาเดลค่ะ ฮ่าๆ
จะได้มีแรงใจไปต้านดราม่าที่จะตามมานะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account