แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ

คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”

คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”

คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”

และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”

Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา

ตอน: ตอนที่ 28 ขวัญหนีดีฝ่อ (1)


28
ขวัญหนีดีฝ่อ (1)



“รักแก้วไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

(อีกคนแล้ว เจ๊แก้วปกติมาก อีกสองวันหมอก็ให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ห่วงตัวเองเถอะเจ๊ขวัญ ช่วงนี้เค้าสังหรณ์ใจแปลก ๆ) จึงโทรมาถาม แต่กลับหลุดพูดเรื่องแก้วกัลยาจนขวัญชีวันเป็นห่วง

“ทางเจ๊ปกติ นอกจากเรื่องพวกสามมาเฟียก็ไม่มีอะไร”

(แค่อีตาวาทินคนเดียวเค้าก็ห่วงตัวจนไม่รู้จะห่วงยังไงแล้ว นี่มีมาอีกสอง เค้าว่าเราไปขอเงินเจ๊แก้วง่ายกว่าไหม แล้วเราค่อยหาเงินคืน)

“ไม่ คนอย่างแก้วเคยเอาคืนหรอ เอาน่าเจ๊ดูแลตัวเองได้”

(ตัวเนี่ยนะดูแลตัวเองได้ หึ...)

“เธอทำตัวเป็นแม่จงอางห่วงไข่อยู่แบบนี้ขวัญชีวันจะไม่มีวันโตนะ” ขวัญชีวันสะดุ้งด้วยอาราภบทตกใจสุด ๆ ที่อยู่ ๆ เขาก็มาปรากฏตัวที่ด้านหลังพร้อมกับพูดอยู่ข้างโทรศัพท์ เขาเองก็กอดอกยืนฟังอยุ่ด้านหลังขวัญชีวันมาได้พักใหญ่แล้ว เสียงจากปลายดังดังออกมาจนเขาได้ยินแว่ว ๆ และจับใจความได้

“คะ...คุณ”

(นั่นมันเสียงของอีตามาเฟียนี่)

“แค่นี้ก่อนนะรักไว้คุยกันใหม่” ขวัญชีวันกดตัดสายทิ้งไปทันที และหันไปเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง วาทินเดินก้าวอาด ๆ เข้ามาใกล้ขึ้น ขวัญชีวันถอยหลังหนีไปชนกับกำแพงด้านหลังใบหน้าตกใจมากที่อยู่ ๆ เขาก็ก้าวเข้ามา เมื่อถอยหนีต่อไม่ได้เธอก็หลับตาหนีทันที เธอสัมผัสได้ว่าเขาอยู่ตรงหน้าเธอและใบหน้าของก็อยู่ตรงหน้าเธอ เพราะลมหายใจของเขาเป่าลดที่หน้าเธอ ยิ่งทำให้เธอกลัวและใจมันก็พาลสั่นและเต้นแรงไปด้วย

“โทรศัพท์นี่ขอยึดสักสองอาทิตย์นะ” และโทรศัพท์ก็ถูกดึงออกจากมือเธอไปในทันที ขวัญชีวันลืมตาขึ้นทันทีเมื่อรับรู้ มือข้างที่ว่างยังกักตัวเธอไว้

“ถ้าเธอยังทำตัวเป็นลูกแหง่ต้องรายงานน้องสาวทุกสอง ๆ วันเธอจะไม่มีวันโต เธอควรจะเลิกปรึกษาคนอื่น หัดตัดสินอะไรด้วยตัวเองบ้างได้แล้ว เพราะไม่กล้าตัดสินใจ เธอจึงอ่อนแอ เปราะบางไม่เติบโต สุดท้ายก็เป็นได้แค่ลูกไก่” พูดจบเขาก็ผละตัวออกหันหลังเดินไป

“นั่นมันของฉันนะคุณวาทิน คุณทำแบบนี้มันเสียมารยาทนะ” แม้จะเป็นเสียงที่ไม่ดังมาก แต่ก็รับรู้ได้ว่าเธอกำลังไม่พอใจและกำลังมีปากมีเสียง วาทินหันกลับไปมอง

“เก่งขึ้นแล้วนี่ แต่ต้องมากกว่านี้ ฉันหิวข้าว...” ขวัญชีวันทำหน้างง

“ฉันบอกว่าฉันหิวข้าว อีกครึ่งชั่วโมงสปาเก็ตตี้ต้มยำต้องอยู่ที่โต๊ะ และฉันมีธุระจะคุยกับเธอ” แล้วเขาก็เดินไปพร้อมกับมือยังถือโทรศัพท์เธอไว้ ขวัญชีวันเหมือนยังงง ๆ

“แต่ฉันไม่ใช่แม่ครัวนะคุณวาทิน อะไรของเขา แม่ครัวก็มี เฮ้อ...” ขวัญชีวันเดินเข้าไปในครัวและจัดการอาหารตามเมนูที่เขาสั่ง เมื่อสามวันก่อนแม่ครัวลาป่วยเธอเป็นคนทำแทน และแม่ครัวก็ไม่ได้ซื้อของเข้ามา เธอก็ทำเท่าที่ของเหลือ กลายเป็นว่าเขาดูจะชอบเมนูนี้เหลือเกิน เพราะหลังจากนั้นเขาก็มีบัญชาสั่งให้เธอทำอาหารให้อีก

“ขออนุญาตค่ะ” ขวัญชีวันกำลังจะถือถาดอาหารเข้ามา วาทินหันไปมองคิมหันต์ คิมหันต์พยักหน้าและเดินเข้าไปช่วยยกถาดอาหารพร้อมเครื่องดื่มเดินมาวางที่โต๊ะของวาทิน

“นั่งสิขวัญชีวัน”

“แต่ว่า...”

“นั่งสิ ฉันสั่ง” คิมหันต์เลื่อนเก้าอี้ให้ ขวัญชีวันจึงจำใจเดินมานั่ง เธอมองเข้าตักอาหารเข้าปาก อเล็กซ์ที่ชอบอู้งานหลบมาคุยกับเธอเรียกง่าย ๆ ว่าก่อกวนให้เธอวุ่นวายเสียมากกว่า เพราะเขาแกล้งโน่นแกล้งนี่เธอเป็นเด็ก ๆ แต่เขาก็เอ่ยเล่าเรื่องของวาทินให้ฟังว่าปกติวาทินไม่ใช่คนกินเก่ง อาหารวันหนึ่งกินแค่มื้อเดียวถ้ามื้อไหนอยู่บ้านอาจจะกินครบสามเพราะต้องกินพร้อมกับน้องอีฟ แต่ช่วงนี้เขาดูจะกินเก่งผิดปกติ ขนมจากที่ไม่เคยเตะกลับต้องมีของว่างวางอยู่บนโต๊ะ

“คุณมีอะไรหรือเปล่าค่ะ”

“พรุ่งนี้จะมีประชุมที่ในเมือง ฉันจะต้องเข้าประชุมที่นั่น และตอนเย็นจะมีงานเปิดสปาใหม่ของโรงแรม ฉันจะให้เธอไปด้วย ไปดูแลน้องอีฟ”

“บอดี้การ์ดก็เยอะแล้ว ฉันไม่ต้องไปก็ได้ไม่ใช่หรอคะ”

“ไม่ได้ ตอนนี้เธอเป็นลูกจ้างฉันอยู่นะขวัญชีวัน เอาเป็นว่า ฉันสั่งเธอก็ทำ น้องอีฟน่าจะตื่นแล้ว เธอขึ้นไปดูน้องอีฟเถอะ” ขวัญชีวันอยากจะเถียงแต่เขากลับไม่สนใจมองหน้าเธอแล้ว นั่นหมายความว่าเธอปฏิเสธไม่ได้
“แล้วโทรศัพท์ฉันล่ะคะ”

“ฉันบอกแล้วไง ว่าจะคืนอีกสองอาทิตย์ ฉันอยากรู้ถ้าเธอเลิกเป็นลูกแหง่สักสองอาทิตย์จะเป็นยังไง” ขวัญชีวันลุกขึ้นดว้ยทีท่าไม่พอใจ และเดินกลับขึ้นไปด้านบน

“นายครับ ทำแบบนี้คุณขวัญจะไม่พอใจเอานะครับ”

“นั่นแหละที่ฉันอยากเห็นว่าเวลาผู้หญิงคนนี้ไม่พอใจมาก ๆ จะทำยังไง นอกจากก้มหน้ายอม” คิมหันต์มองเจ้านายที่ดูจะเริ่มสนุกมากขึ้นกับการทำให้ขวัญชีวันโมโห




ขวัญชีวันถือกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองเดินออกจากห้องตามคิมหันต์ที่รออยู่เพื่อไปขึ้นเรือที่หน้าเกาะ หลังจากวาทินประชุมเสร็จเขาจะพักอยู่ที่นั่นอีกเกือบอาทิตย์ เขาต้องการมีเวลาให้กับน้องอีฟ พาน้องอีฟไปเปิดหูเปิดตาบ้าง เธอเดินตามคิมหันต์ขึ้นเรือไป บนเรือยอร์ชลำหรูขนาดกลางมีบอดี้การ์ดชุดดำเดินสำรวจเรือ และเตรียมเรือให้พร้อม คิมหันต์ช่วยพยุงเธอขึ้นไปเพราะห่วงสวัสดิภาพของตัวขวัญชีวันเองรวมถึงสวัสดิภาพของเรือ เธอเข้าไปนั่งรออยู่ด้านในสักพักน้องอีฟและวาทินก็เข้ามา เขาพาน้องอีฟมานั่งเล่นอยู่ด้านใน ส่วนเขาก็ไปคุยกับลูกน้อง เธอเล่นกับน้องอีฟจนน้องอีฟหลับไป เธอจึงขึ้นไปด้านบน เธอพยายามเดินห่างออกจากข้าวของ พยายามระมัดระวังตัวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ประสบการณ์ขึ้นเรือแต่ละครั้งทำให้เธอผวา ไม่ไปผลักคนอื่นตก ก็พังเรือ เธอมันตัวหายนะชัด ๆ แล้ววาทินก็ขยันพาเธอขึ้นเรือเหลือเกิน

“น้องอีฟหลับแล้วหรอครับ” อเล็กซ์เอ่ยถามขึ้น ขวัญชีวันแสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อโดนทักจังหวะที่เดินเหม่อลอยคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

“ค่ะ ฉันอยากออกมาสูดอากาศด้านนอก” ขวัญชีวันมองอเล็กซ์ที่ยืนคุยธุระอยู่กับวาทินอยู่ที่หัวเรือ เขาก็หันมามองหน้าเธอ เรือออกจากท่ามาได้สักพักหนึ่งแล้ว ระยะห่างของเกาะภูเก็ตกับเกาะดาราห่างกันอยุ่พอสมควรต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการเดินทาง

“คุณขวัญหิวหรือยังครับ” คิมหันต์เอ่ยถามพร้อมส่งรอยยิ้มอุ่นใจมาให้เธอ

“เอ่อ...”

“หลบครับคุณวาทิน” คิมหันต์ที่หันไปเห็นความผิดสังเกตเมื่อหันไปเจอเรือประมงลำหนึ่งที่จอดดูผิดสังเกต และเขาก็ยิ่งมั่นใจเมื่อผู้ชายที่แต่งตัวเหมือนชาวประมงเดินออกมาและซุ่มเล็งปืนมาทางเจ้านาย

ปัง!!!

เสียงลูกกระสุนแหวกฝ่าอากาศพุ่งเข้ามา แต่เฉียดเป้าหมายไปได้เพราะวาทินหมอบลง ขวัญชีวันยืนช็อค นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ขวัญชีวันตัวชาวาบ และมหกรรมสาดกระสุนก็เริ่มขึ้นเมื่อมือสังหารในเรือประมงไม่ต่ำกว่าเจ็ดคนพากันยิงสวนมา บอดี้การ์ดบนเรือเริ่มยิงโต้ตอบ วาทินเองก็หยิบปืนที่หกยิงโต้กลับไปอย่างดุเดือด แต่ดูเหมือนเรือของเขาจะเป็นเป้านิ่งให้กับเรือประมงที่โจมตีมาจากด้านหลังอีกลำหนึ่ง

ปัง!!!

ปัง!!!

ปัง!!!
ขวัญชีวันยืนนิ่งตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก วาทินที่หลบอยู่อีกด้านหันมอง แต่เขาไม่สามารถลุกขึ้นไปช่วยผู้หญิงที่นั่งกลัวตัวสั่นอยู่กลางเรือนั่นได้ ขวัญชีวันกรีดร้องตัวสั่นแรงขึ้นเมื่อร่างของบอดี้การ์ดคนหนึ่งโดนยิงล้มลงต่อหน้าต่อตา เธอกำลังจะเป็นเป้านิ่งให้คนร้ายเก็บ เขาตั้งใจจะเสี่ยงวิ่งออกไป แต่คิมหันต์กลับเร็วกว่าคว้าตัวขวัญชีวันหมอบต่ำลง วาทินและอเล็กช่วยยิ่งสกัดไว้คิมหันต์พาขวัญชีวันที่กำลังร้องไห้สะอื้น ขวัญของขวัญชีวันกระเจิงหายไปหมดเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เกิดมาชีวิตหนึ่งยังไม่เคยเห็นคนตายตรงหน้าเลยสักครั้ง

“คุณขวัญ”

"เขาตายแล้ว...มีคนโดนยิง ...เขา"
“ผมรู้แล้ว ใจเย็น ๆ นะครับ คุณขวัญรออยู่ตรงนี้ ไม่มีอะไรแล้ว อีกเดี๋ยวคนของเราจะมา ไม่ต้องกลัวอะไร เขาอาจจะไม่ตาย้าคนของเรามาทัน ตอนนี้คุณต้องมีสติ ดีโน่” ดีโน่เดินออกจากห้องนอน เบนกำลังดูแลน้องอีฟอยู่ด้านใน ในขณะที่ดีโน่เองก็มาช่วยดูแลขวัญชีวัน คิมหันต์มองอย่างสงสาร ผู้หญิงธรรมดาที่เคยมีชีวิตธรรมดาแต่กลับต้องมาเจอเรื่องเสี่ยงตายครั้งแล้วครั้งเล่า

“คุณขวัญน้องอีฟร้องหาคุณอยู่ คุณตั้งสติให้ดีก่อนนะครับ” ขวัญชีวันพยายามตั้งสติเมื่อดีโน่อ้างชื่อน้องอีฟ เธอพยายามควบคุมเสี้ยงสะอื้น ดีโน่ถอนหายใจ

“คนของนายกำลังจะมาครับ พวกเราเตรียมตัวไว้อยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องนี้” ดีโนเอ่ยเพราะทันทีที่เขาได้ยินเสียงปืนเขาเป็นคนโทรตามกำลังเสริมที่เตรียมไว้ โดยตามมาทีหลังอย่างทิ้งระยะห่างไม่ให้พวกมันสังเกตเห็นได้ เสียงปืนที่ดังสะท้านน่านน้ำเงียบลงไปแล้ว เสียงเรือกำลังเสริม และเสียงใบพัดคล้ายเฮอริคอปเตอร์ดังขึ้น

“คุณขวัญรออยู่ในห้องกับคุณน้องอีฟสักพักนะครับ เดี๋ยวผมจะไปดูข้างนอก อีกพักเราจะพาคุณกับคุณน้องอีฟขึ้นฮอล์ไปที่ฝั่ง อีกครึ่งชั่วโมงนายจะต้องเข้าประชุม ผมขอตัวนะครับ” ขวัญชีวันพยักหน้า ทั้งที่ยังคงผวากับเหตุการณ์เมื่อครู่ เธอกำลังจะเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องความเป็นความตายมากขึ้นเรื่อย ๆ ขวัญชีวันเดินออกไปหลบอยู่มุมหนึ่งซึ่งเสียงของวาทินที่กำลังคุยอยู่กับลูกน้องก็ดังรอดเข้ามาให้เธอได้ยิน

“นายครับพวกมันตั้งใจจะไม่ให้นายเข้าประชุม ไอ้พวกบนเรือก็พร้อมใจกันยิงตัวตาย อีกกลุ่มก็หนีไปได้”

“พวกมันคงคิดว่าจะขัดขวางไม่ให้นายประกาศเรื่องนี้ต่อที่ประชุม”

“ไม่มีใครขัดขวางฉันได้หรอก ฮอล์มาแล้ว ไปพาตัวน้องอีฟกับขวัญชีวันขึ้นมาได้แล้วดีโน่”
“ครับนาย”




ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ขวัญชีวันที่กำลังเหม่อใจลอยสะดุ้งอย่างตกใจเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น ในหัวของเธอกำลังตีกันเหตุการณ์เมื่อช่วงเช้า ขวัญที่หนีหายเริ่มกลับมา แต่ภาพคนตายยังคงติดตามเธอจนเธอนอนไม่หลับ เธอรู้สึกว่ารอบตัวเธอมันหม่นหมองลง เธอยังรับไมได้กับฉากการตายตรงหน้าของบอดี้การ์ดตรงนั้น เธอเข้าใจว่ามันคือสัจธรรมคนเราต้องตาย แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาตายตรงหน้าเธอ ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเก้าโมงแล้ว หลังจากน้องอีฟหลับวาทินก็ออกจากห้องไปเพื่อเตรียมตัวประชุม เธออยากเกิดเป็นน้องอีฟเหลือเกิน ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวโดนเหลือว่าข้างนอกซ้อมจุดพลุก็เชื่อ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ขวัญชีวันเรียกสติกลับมาอีกครั้งและเดินไปเปิดประตู ซึ่งดีโน่ยืนอยู่หน้าห้องนอน ส่วนเบนหน้าจะยืนอยู่ที่หน้าห้องเฝ้าไม่ให้ใครเข้ามาด้านใน

“คุณขวัญครับ” ขวัญชีวันเงยหน้ามองดีโน่

“มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“มีคนมารอพบคุณอยู่ที่ด้านนอกครับ”

“ใครคะ” ขวัญชีวันถามเพราะเธอแน่ใจว่าไม่รู้จัดใครเป็นการส่วนตัวแน่นอน แล้วคนที่จะมาพบเธอเป็นใครกัน
“คุณลูคัสครับ”

“เขามาทำอะไรคะ ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ที่ห้องประชุมพร้อมกับคุณวาทินไม่ใช่หรอคะ”

“ครับ แต่ผมว่าคุณขวัญรีบไปพบเขาดีกว่าครับ เพราะไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่ไป เขายืนยันว่าต้องการพบคุณให้ได้” ขวัญชีวันพยักหน้าและลุกขึ้นเดินออกไปก็เห็นเขายืนอยู่กับมือซ้ายของเขา

“คุณมีอะไรจะคุยกับฉันหรือคะ”

“นี่ของเธอ” ขวัญชีวันมองกล่องที่ลูคัสยื่นให้อย่างไม่ไว้ใจ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอเริ่มระมัดระวังตัวแจแบบนี้

“ไม่ใช่ระเบิดหรอก เปิดดูได้ ถ้าเธอไม่เปิดฉันไม่ไปนะ แล้วทีนี้ฉันก็จะไม่ได้เข้าประชุม ไอ้วาทินก็คงประชุมไม่ได้ตราบใดที่ฉันยังไม่เข้าห้องประชุม การประชุมครั้งใหญ่ของคาเว่นองค์ประชุมไม่ครบก็ประชุมไม่ได้ เอาไงดีน้า” ขวัญชีวันพยักหน้า แต่ยังไม่กล้ารับจนลูคัสจับกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าใบใหญ่สีน้ำตาลนั่นยัดใส่มือเธอแทน เขายังไม่ยอมขยับเหมือนรอให้เธอเปิดกล่องออกดู ขวัญชีวันที่เห็นนาฬิกาบอกเวลาแปดโมงตรง เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง ถ้าเธอไม่เปิด เขาไม่เข้าประชุม วาทินจะต้องมาว่าเธอแน่ ๆ เขายึดโทรศัพท์เธอไปไม่ยอมคืนเหมือนที่ปากว่าไว้ เขาอาจจะหาทางแกล้งเธออีกก็ได้

“ค่ะ” ขวัญชีวันเปิดกล่องออก ภายในกล่องมีชุดแส็คสีฟ้าอ่อนชุดหนึ่งวางอยู่

“ฉันรู้ว่าไอ้วาทินให้เธอไปงานคืนนี้ด้วย ชุดนี้ฉันให้เธอ หวังว่าเธอจะใส่มัน มันเหมาะกับเธอมาก แม่กระต่ายเฉา ฉันเคยแปลกใจว่าทำไมไอ้วาทินถึงจับตามองเธอ คอยมองเธอ คอยแกล้งเธอ เพราะเธอมันเป็นกระต่ายเฉา ๆ น่าแกล้ง น่าหยอกให้มีชีวิตชีวา”

“คุณพูดอะไรคะ”

“นอกจากจะเป็นกระต่ายเฉา เธอยังเป็นกระต่ายสมองช้าด้วย เป็นผู้หญิงใสซื่อ นี่หรือเปล่านะที่ทำให้เธอคล้ายเอวา...” ขวัญชีวันมองลูคัสที่เอ่ยชื่อผู้หญิงคนหนึ่งเสียงเบา ดวงตาของเขาดูเย็นชาขึ้นมาทันที

“ฉันหวังว่าจะเห็นเธอใส่ชุดนี้นะ แม่กระต่ายน้อย เมื่อเช้าคงตกใจมาก แต่ก็สังคมมาเฟยมันเป็นเรื่องปกติทำใจยอมรับให้ได้นะ...ขวัญชีวัน” ลูคัสเอ่ยจบก็หันหลังเดินหนีไปทันที

“คะ...คุณรู้...เรื่องนี้ด้วยหรอคะ...เป็นคุณ...หรือเปล่าที่ต้องการฆ่าคุณวาทิน” ขวัญชีวันถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยและไม่ดัง ลูคัสที่หยุดยืนอยู่หน้าลิฟต์และหันมามองหน้าเธอด้วยแววตายิ้ม ๆ ก่อนจะเดินเข้าไป

“เป็นเขาหรือเปล่าคะเบน” ขวัญชีวันหันไปถาม

“คุณรู้อะไรน้องที่สุดมันจะเป็นการดีต่อตัวคุณนะครับคุณขวัญชีวัน ส่วนของในกล่องนั่นจะเป้นการดีมากเช่นกันถ้าคุณไม่ใส่มันไปคืนนี้” ขวัญชีวันมองชุดในกล่อง และหันไปมองเบนและดีโน่ที่มองหน้าเธออยู่

“ค่ะ” ขวัญชีวันเดินกลับเข้าไปในห้อง




องค์ประชุมนั่งกันพร้อมหน้าพร้อมตาในเวลาเก้าโมงตรง วาทินนั่งอยู่หัวโต๊ะกลางห้องประชุม การประชุมของคาเว่น คอปเปอเรชั่น กลุ่มองค์กรที่เป็นเจ้าของสถานบันเทิงแห่งใหญ่ไปมากกว่าครึ่งของอิตาลีรวมถึงอีกหลายประเทศ ซึ่งการจตัดประชุมบอร์ดบริหารคาเว่นรวมถึงคณะกรรมการจะจัดขึ้นปีละสามครั้ง คือต้นปี กลางปี และปลายปี นี่เป็นการประชุมครั้งที่สองหลังจากเสียผู้นำคาเว่นคนก่อนไปได้ครบสามเดือน ภายในห้องประชุมใหญ่นี้คือชาวต่างชาติที่ล้วนเป็นคณะกรรมผู้ถือหุ้นอยู่ในคาเว่น คอปเปเร่ชั่น โดยมีผู้ถือหุ้นสูงสุดอยู่สี่คนนั้นคือ อดีตท่านประธาน วาทิน ลูคัส และโจชัว

“นายมีอะไรจะพูดก็รีบพูดดีกว่านะวาทิน”

“ครบรอบสามเดือนที่ท่านประธานเสียไป ตามคำที่ระบุไว้ในหนังสือสั่งการหลังจากวันที่ท่านเสียชีวิตจนครบสามเดือนให้ผมเป็นคนถืออำนาจดูแลบริษัทแทน หลังจากครบสามเดือนให้ทำการเปิดหนังสือการมอบอำนาจให้กับบอร์บริการและคณะกรรมการได้รู้ ที่ผมเรียกประชุมวันนี้ก็เพื่อจตะเปิดหนังสือสั่งการนี้ให้ทุกคนได้รับรู้อย่างเป็นทางการ แต่อยู่ ๆ กลับเกตุเหตุการณ์ไม่คาดฝันมีคนบุกเข้ามาจะชิงหนังสือสั่งการเพื่อทำลาย แต่คงไม่รู้ว่าหนังสือสั่งการที่พวกเขาต้องการอยู่ในมือผมตั้งแต่วันที่อดีตท่านประธานคาเว่นเสียชีวิตลง” อเล็กซ์ถือหนังสือมอบอำนาจมายืนอยู่ข้าง ๆ วาทินและเป็นผู้เปิดผนึกหนังสือมอบอำนาจออกอ่าน

“ข้าพเจ้านายอดัม คาเว่น ผู้ถือหุ้นสูงสุดในคาเว่น คอปเปอเรชั่น ได้เขียนหนังสือมอบอำนาจขึ้น เพื่อมอบอำนาจการบริหารคาเว่นคอปเปอเรชั่นให้กับผู้เหมาะสม ซึ่งหนังสือมอบอำนาจนี้จะสมบูรณ์ได้จะต้องมีองค์ประชุมสำคัญครบทั้งสามคนนั้นคือ นายวาทิน คาเว่น ปัทมพิสุทธิ์ นายลูคัสคาเว่น และนายโจชัว คาเว่น ผู้ที่มีหุ้นถืออยู่คนละเท่า ๆ กัน ผู้ดูแลส่วนต่าง ๆ ของคาเว่น คอปเปอเรชั่น ข้าพเจ้าขอประกาศการมอบอำนาจผู้มีสิทธิ์ในการบริการให้กับบุตรชายในสายเลือดของข้าพเจ้า” ทั้งหมดทิ้งเมื่อเสียงอเล็กซ์เงียบไป ในที่นี้ใครหลายคนก็รู้ว่าบุตรชายแท้ ๆ มีแค่คนเดียวนั่นคือลูคัส ลูคัสกระหยิ่มยิ้มอย่างพอใจ

“ที่เกิดกับนางอนาตาเซีย โรเวนเบิร์ก บุตรชายที่หายสาบสูญไปของข้าพเจ้า รวมถึงหุ้นสามสิบเปอร์เซ็นของข้าพเจ้าขอมอบให้กับบุตรชายของข้าพเจ้า” ทั้งห้องเงียบ ลูคัสลุกขึ้นยืน

“เป็นไปได้ยังไง คุณพ่อไปมีลูกที่ไหนอีก ถึงมีพวกฉันก็ไม่ยอมให้ใครไม่รู้มาชุบมือเปิบ”

“ใครเย็น ๆ สิครับคุณลูคัสผมยังอ่านไม่จบกรุณานั่งลงด้วยครับ” ลูคัสกระแทกตัวนั่งลง เขาคนหนึ่งล่ะที่รับเรื่องนี้ไม่ได้ ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร ไม่ได้มีสิทธิ์อะไร บริหารก็ไม่เคยทำ ไม่เคยเหยียบย่างเข้ามา เข้าไม่มีทางให้บริษัทไปตกอยู่ในมือใครก็ไม่รู้เด็ดขาด เขาเองก็พอรู้เรื่องนี้อยู่แล้วเพราะหนังสือสั่งการได้มีการพูดถึงการตามหาบุตรชายคนนี้ แต่เขาไม่คิดว่าจะยกอำนาจทั้งหมดให้กับมันคนนี้

“ซึ่งระหว่างการตามหาบุตรชายของข้าพเจ้าข้าพเจ้ายังขอมอบสิทธิ์การดูแลทุกอย่างให้กับนายวาทิน คาเว่น ปัทมพิสุทธิ์จนกว่าจะตามหาเจอ หรือจนกว่าจะครบหนึ่งปีหลังจากการเปิดหนังสือมอบอำนาจนี้ ถ้าภายในระยะเวลาหนึ่งปีไม่สามารถตามหาบุตรชายของข้าพเจ้าเจอได้ ข้าพเจ้าขอมอบอำนาจการตัดสินใจการยกมอบอำนาจให้กับนายวาทิน คาเว่น ปัทมพิสุทธิ์ ซึ่งถือตราประทับในการมอบอำนาจของข้าพเจ้าไว้ ข้าพเจ้านายอดัม คาเว่นเขียนหนังสือมอบอำนาจนี้อย่างมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ไม่มีการบังคับใด ๆ” เสียงอเล็กซ์เงียบลง

“นี่อะไร ฉันไม่ยอม แบบนี้ถ้าแกไม่ตามหา เท่ากับหุ้นในมือแกก็มีสิทธิ์ยกให้ตัวเองหรอกหรอ”

“นายช่วยหยุดโวยวายก่อนได้ไหมลูคัส ใครบอกว่าฉันไม่ตามหาล่ะ ฉันตามหาตัวลูกชายของพ่อบุญธรรมตั้งแต่วันเปิดหนังสือสั่งการแล้ว และตอนนี้ฉันตามหาเขาพบแล้ว”

“แก...”

“เหลือแค่พาตัวเขามา ไม่ต้องรอให้ครบหนึ่งปีหรอก”

“แต่นายไม่มีตราประทับ” โจชัวโพล่งขึ้น

“แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่มีโจชัว นายแน่ใจได้ยังไงว่าฉันไม่มีตราประทับนั่น หรือนายทำอะไรไว้” โจชัวเงียบเสียงลง เจสันลุกขึ้นยืน

“เอาเป็นว่านายพาตัวไอ้ลูกชายของอดัมคนนั้นมาให้ได้ก่อน แล้วบอร์ดบริหารจะพิจารณา พวกเราคงยอมให้ใครที่ไหนไม่รู้ว่าชุบมือเปิบทั้งที่ไม่เคยทำอะไรได้หรอก การประชุมเสร็จสิ้นแล้วใช่ไหม โจชัว กลับ” โจชัวเดินตามเจสันออกไป ส่วนลูคัสก็จ้องหน้าวาทินก่อนจะเดินออกไปอย่างหัวเสีย

“ขวัญชีวันเป็นยังไงบ้าง” เขาถามคิมหันต์ที่เป็นคนเข้าไปนั่งคุย และดูแลขวัญชีวันระหว่างที่เขากำลังดูน้องอีฟ

“ยังคงอาการตกใจ ผงาอยู่บ้างครับนาย ผมว่าคืนนี้คงไม่ต้องให้คุณขวัญเธอลงไปดีกว่าครับ ผมเห็นเธอเหม่อตาลอย ๆ อาจจะไปเดินชนโน่นนี่จนงานพัง ปลอดภัยต่อตัวคุณขวัญและงานคืนนี้”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปบอกขวัญชีวัน”

“นายครับผมยังไมได้บอก ก่อนที่คุณลูคัสจะขึ้นมาดีโน่โทรมาบอกว่า คุณลูคัสเธอไปหาคุณขวัญที่ห้อง และก็ให้ชุดคุณขวัญ นายคิดว่ายังไงครับ”

“ฉันจัดการเอง นายไปตามตัวไอ้คนที่มันลอบยิงฉันกลับมา ส่วนตราประทับเอา ยังไงก็ต้องเป็นหนึ่งในสองคนนั่นแหละ ต้องหาให้เจอให้ได้”

“แล้วเรื่องทายาทของอดีตท่านประธานบอกไปแบบนั้นจะดีหรือครับนาย”

“ดีแล้ว พวกนั้นจะได้แตกตื่นออกจากที่ซ่อนซะที นายไปจัดการงานของนายให้เรียบร้อย อเล็กซ์ฉันต้องการบอดี้การ์ดผู้หญิงสามคนให้มาคอยดูแลน้องอีฟ”

“ครับ ผมจะจัดการให้ แต่ว่าให้ดูแลแค่น้องอีฟหรอครับ แค่น้องอีฟไม่ต้องใช้บอดี้การ์ดเยอะก็ได้นะครับ ดีโน่กับเบนที่ก็ระดับอดีตเอฟบีไอเชียวนะครับ ที่ให้จ้างเพิ่มนี่คุ้มครองพี่เลี้ยงด้วยหรือเปล่าครับนาย”

“พูดมากไปแล้วนะอเล็กซ์ ถ้ายังอยากเจอหน้าแอนนา ก็ทำไปอย่าพูดมาก”

“ครับเจ้านาย” อเล็กซ?ไม่หยุดทำหน้าทะเล้นใส่ แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่กำลังเพิ่มระดับความเย้นก็รีบเดินออกไปอย่างรู้งานทันที





“นายครับไอ้วาทินมันหาลูกชายที่ไม่มีตัวตนนั่นเจอจริง ๆ หรือครับ” มือขวาของลูคัสถามขึ้นหลังจากที่เดินเข้ามาในลิฟต์ ใบหน้าของลูคัสกำลังโกรธสุด ๆ เขาเกลียดพ่อของเขา ลำเอียงที่สุด แม้แต่ตายไปแล้วก็ยังทำให้เขาเจ็บ โกรธ และแค้นได้ถึงที่สุดแบบนี้

“จะไปรู้มันหรอ ฉันต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร นายให้คนตามหาตราประทับให้เจอก่อนไอ้วาทิน ไอ้โจชัว ไอ้โจชัวน่ะทำอะไรไม่ได้หรอก จับตาดูเจสันไว้ บางทีมันนั่นแหละที่ขโมยตราประทับไป ฉันไม่ยอมแน่ ๆ”
“ครับนาย”






“ลุงครับ ลุงเจสัน”

“อะไรของแก”

“ทำไมพวกมันถึงกลับมากประชุมทัน มันควรจะมาไม่ทันไม่ใช่หรอครับ” โจชัวถาม

“จะไปรู้มันหรอ เพราะแกนั่นแหละทำงานพลาดตลอด ฉันไม่ยอมให้ใครหน้าไหนแย่งมันไปหรอก ทุกอย่างมันเป้นของแก ไม่ใช่ของไอ้ลูกขี้ข้าอย่างลูคัส ไอ้ลูกนอกไส้อย่างวาทิน หรือแม้แต่ลูกที่พวกเราก็ไม่รู้ว่ามีตัวตนหรือเปล่า”

“ผมว่า...แกไม่ต้องเสนออะไรทั้งนั้น จากนี้ฉันจะจัดการเอง แกอยู่เฉย ๆ รอสั่งการตามที่ฉันบอกก็พอ” เจสันเดินนำไปทันที โจชัวมองตามไปด้วยแววตาไม่สบายใจเอามาก ๆ ถ้าเกิดพลาด ผลลัพธ์ออกมาแพ้ เขาไม่อยากจะนึกถึงสภาพตัวเองและลุงในวันนั้นเลยสักนิด เขามันก็แค่หลานชายของภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายที่ขอมาเป็นลูกบุญธรรม ศิษย์ชอบธรรมมันก็คงไม่มีทางเป็นของเขาแน่นอน และที่เขาต้องการอย่างแท้จริงก็เพียงต้องการเอาชนะวาทิน และลูคัส ผู้ชายสองคนที่พรากเอวาไปจากเขาก็แค่นั้น อำนาจ เกียรติยศ ชื่อเสียง เงินทอง เขาจะเอาไปทำอะไรกัน เมื่อไม่มีเอวานางฟ้าที่คอยนำทางให้กับเขา




...ติดตามตอนต่อไป...

ออกแนวสงสารขวัญขึ้นมานิด ๆ แม้รอบกายจะมีแต่หนุ่ม ๆ แต่ก็ต้องเสี่ยงตายกลางดงกระสุนตลอด
ยังไงก็ต้องลุ้นต่อไป ตกลงแล้วคุณวาทินนี่คิดอะไรกับขวัยหรือเปล่า หรือแค่เฉย ๆ เฮ้อ...

ตอนนี้แต่ละคู่กำลังเข้าสู่ภาวะฉุกเฉิน มาตามลุ้นกันต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อหรือเปล่า
พบกันตอนหน้าค่ะ



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ย. 2557, 15:43:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ย. 2557, 15:47:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 1196





<< 27 คนที่หายไป   29 ขวัญหนีดีฝ่อ 2 >>
แว่นใส 13 ก.ย. 2557, 18:53:24 น.
สรุปว่าญาติ ที่เกี่ยวข้องทำนี่เอง


นักอ่านเหนียวหนึบ 13 ก.ย. 2557, 20:25:14 น.
ขวัญฝ่ออออไปหมดแย้ววววว 555


แก้วจินดา 13 ก.ย. 2557, 21:14:47 น.
โห น่าฉงฉานขวัญ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account