พิมพ์ลภัส
พิมพ์ลภัสเด็กสาวร่างอ้วนแก้มยุ้ยด้วยน้ำหนักตัวเกือบร้อยกิโลกรัมแอบรักพี่ชายขัางบ้านที่โตมาด้วยกัน ทว่าภีรมัตเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น..เธอรู้
ระหว่างเธอกับภีรมัตแตกต่างกันราวผีเน่ากับเทพบุตร ใครจะไปสวยเท่าแฟนสาวสิตาภาที่ครั้งหนึ่งเขาเคยประกาศต่อหน้าเธอว่าใช่สเป็ก นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ และการกลับมาพบกันอีกครั้งระหว่างเธอกับภีรมัตเรื่องยุ่งๆของหัวใจจึงเริ่มต้นขึ้น

Tags: พิมพ์ลภัส ภีรมัต รักหวานซึ้งปนเศรา้้

ตอน: บทที่ 10

บทที่ 10 นางแบบสมัครเล่น(จนได้เรื่อง)

บ่ายนี้พิมพ์ลภัสรีบกลับมาที่บ้านเพราะมารดาบอกมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ แต่พอมาถึง..จึงได้รู้ว่าถูกหลอก ธุระสำคัญที่ว่าคือคุณหญิงแสงพิไลและลูกชายแวะมาที่บ้าน

ตั้งแต่จบงานละครเวที เธอได้พบจุลกานต์บ้างครั้งสองครั้งจากการถูกมารดาบังคับให้ตามไปที่สมาคมและเขาก็มักจะอยู่ที่นั่นทุกครั้ง พิมพ์ลภัสถอนหายใจเซ็งนิดหน่อยที่พลาดท่าให้มารดาอีกจนได้ เธอนั่งคุยกับเขาริมสระน้ำในบ้าน

ดูๆไปแล้วจุลกานต์ก็มีเสน่ห์ใช่ย่อย เขาไม่ได้พูดจาเลี่ยนๆจีบเธอเหมือนอย่างที่นึก ตรงกันข้ามมีแต่เรื่องตลกมาเล่าให้ฟัง ช่วยให้คลายความอึดอัดลงได้บ้าง ไม่ต้องเกร็งอย่างที่ผ่านมา พอเขาเล่าเรื่องงานในวงการให้ฟัง เธอจึงพูดถึงเรื่องที่ถูกทาบทามให้ถ่ายปกนิตยสารเล่มหนึ่งให้เขาฟังบ้าง เขาก็ให้ข้อคิดหลายอย่าง ทั้งดีไม่ดีในวงการบันเทิง ใช่ทุกอย่างจะมีเพียงด้านเดียวขึ้นอยู่กับตัวเราจะเลือกทางไหนมากกว่า ซึ่งเธอเห็นด้วยกับเขา

“แต่ดีแล้วล่ะครับ ที่คุณพิมไม่คิดจะเข้าวงการบันเทิง” เขาเอ่ยยิ้มๆนัยต์ตาเป็นประกายพราวระยับส่งมาเป็นครั้งแรก

“ทำไมคะ” เธอทำสีหน้าฉงน

“เพราะผมไม่อยากให้คุณเป็นจุดสนใจ..คงมีคู่แข่งเยอะครับ ผมกลัวแพ้” เขาเอ่ยรื่นเรื่อย แต่แววตาคู่นั้นที่มองสื่อความหมายลึกซึ้งเป็นครั้งแรกให้เธอเห็น แต่แค่แวบเดียวเท่านั้น เขารู้ดีว่าพิมพ์ลภัสไม่ชอบ เพราะมันทำให้เธออึดอัดและอาจจะไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้แบบนี้อีก

พิมพ์ลภัสส่งยิ้มบางกลับไป เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เขาทำให้เธอเขิน

------------------------------------------------------------------**************------------------------------------------------------------

เกือบหกโมงเย็นภีรมัตถึงเสร็จจากงานเปิดตัวสินค้ายี่ห้อหนึ่งกลางห้างสรรพสินค้าชื่อดัง สองสามวันนี้เขาวิ่งรอกรับงานอีเว้นท์ติดๆกันจนแทบไม่ได้พัก กะว่าหลังจากจบงานนี้แล้วจะขอหยุดยาวๆบ้าง

พอหลังจากเสร็จงานปุ๊บก็ตรงดิ่งกลับบ้านเลย เดิมทีนัดกับสิตาภาไว้ จะรับเธอไปทานข้าวแล้วก็ฟังเพลง แต่เพราะร่างกายอ่อนเพลียจนรบเร้าให้เขาต้องพักผ่อน จึงปฏิเสธที่จะไปพบสิตาภาตามนัด สิตาภาเองก็ตอบตกลงโดยง่ายซึ่งผิดวิสัยของเธอ ปกติแล้วจะรบเร้าออดอ้อนให้เขาออกไปเจอจนได้

ภีรมัตเลี้ยวรถคู่ใจเทียบจอดประจำที่ ก้าวลงจากรถแวะทักทายเจ้าสนุขสองตัวนิดหน่อย ก่อนจะเข้าบ้านด้วยความอ่อนล้า ตรงดิ่งเข้าไปกอดมารดาถึงในครัวที่กำลังกำกับเด็กรับใช้ให้ทำอาหารจากด้านหลัง ก้มหอมแก้มมารดาอีกฟอดใหญ่ อิงศีรษะซบบนไหล่นุ่มของมารดาอย่างอ่อนล้า

“เหนื่อยเหรอลูก..ไปอาบน้ำซะก่อนจะได้สดชื่นขึ้น”

“ก็ดีฮะ วันนี้มีของโปรดผมรึเปล่าครับแม่” เขาถามเพราะโทร.มาบอกก่อนหน้านั้นแล้วว่าจะกลับบ้าน

“ไม่มี..มีแต่ของพ่อ ก็เราโทร.มาบอกแม่กะทันหัน เตรียมของไม่ทัน ก็เลยไม่ได้ทำของโปรดลูกเอาไว้”

“ไม่เป็นไรครับ แม่ทำอะไรก็อร่อยหมดแหล่ะ” ทิ้งลูกยอเอาไว้ให้คนเป็นแม่ปลื้มเหมือนเดิม แล้วจึงผละขึ้นข้างบนไป

พออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในชุดสบายๆ ความอ่อนล้าทางกายที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ก็จางลง รู้สึกสดชื่นขึ้นหน่อย จึงเดินออกมารับลมริมระเบียงชั้นสองซึ่งเป็นมุมโปรด นานๆครั้งจะมีโอกาสได้ยืนมองท้องฟ้ายามแดดร่มลมตกเช่นวันนี้ พอจะคลายอารมณ์ตึงเครียดจากงานมาทั้งวันได้บ้าง

แดดอ่อนแสงลงในยามเย็นแล้ว ภีรมัตจึงวาดสายตามองโน่นนี่ไปเรื่อย กระทั่งสะดุดเข้ากับร่างเพรียวบางของพิมพ์ลภัสกำลังยืนสนทนากับใครบางคน ร่างสูงนั้นช่างคุ้นตาเขาเสียจริง จวบจนเจ้าของร่างสูงๆก้าวห่างออกมาเตรียมจะขึ้นรถ เขาถึงมองได้ชัดถนัดตาขึ้น จุลกานต์ นั่นเอง

ความไม่พอใจแล่นจู่โจมกลางอกโดยไม่มีสาเหตุ เขาไม่รอที่จะหาตำตอบว่าเพราะอะไร เท้าแข็งแรงก็ก้าวดุ่มๆลงจากห้องพัก ผ่านห้องรับแขกที่มารดานั่งอ่านหนังสืออยู่หลังจากเข้าครัวเสร็จเรียบร้อย นางฉวยเรียกบุตรชายเอาไว้ซะก่อนที่ภีรมัตจะเดินผ่านไป ภีรมัตไม่ทันเห็นด้วยซ้ำว่ามารดานั่งอยู่ตรงนี้

“ภีมจะไปไหนลูก” เพราะอาการรีบร้อนของลูกชายที่เดินลิ่วๆลงมาจากชั้นบนสีหน้าตึงๆทำให้นึกสงสัย

“ผมจะไปบ้านโน้น" เขาบอกเสียงเครียดจนเกือบจะเป็นโกรธ ก่อนจะพูดต่อด้วยท่าทางหัวเสีย "แม่รู้มั้ยฮะว่าไอ้หมอนั่นมันเจ้าชู้แค่ไหน” จากนั้นก็สาวเท้าออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รอฟังคำตอบจากมารดาซึ่งอ้าปากเตรียมจะพูด นางเพ็ญมณีถึงกับงุนงงไม่เข้าใจท่าทางร้อนรนของบุตรชายที่ไม่เคยมีให้เห็นมาก่อน

----------------------------------------------------------*****************------------------------------------------------------

ภีรมัตก้าวยาวๆรวดเดียวก็ข้ามรั้วมาถึงบ้านวีรภากานต์สวนกับรถของจุลกานต์ที่เพิ่งจะแล่นออกไปพอดี นึกอยากกระชากคอคนที่อยู่ในรถลงมาถาม..มายุ่งเกี่ยวกับพิมพ์ลภัสทำไม แต่กลับทำได้แค่เพียงยืนมองตาขุ่นขวางด้วยความไม่สบใจแทนเท่านั้น

จุลกานต์นึกแปลกใจที่เห็นภีรมัตเดินสวนเข้ามาในบ้านพิมพ์ลภัส สังเกตจากท่าทางแล้วคงคุ้นเคยกับบ้านนี้ดี สายตาเมื่อครู่ที่มองปะทะกับเขา ฉายชัดว่าไม่ชอบใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก ไม่ยักเคยรู้มาก่อนว่าพิมพ์ลภัสเกี่ยวข้องกับภีรมัตด้วย ทว่ายังไม่คิดที่จะหาคำตอบเอาในเวลานี้ งานแสดงโชว์แฟชั่นเสื้อผ้าที่รับไว้ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว จึงปล่อยให้ความสงสัยเกาะกุมจิตใจไปก่อน เขาจะต้องหาคำตอบแน่

ภีรมัตก้าวเร็วจนกระทั่งทันร่างบางที่เตรียมจะเข้าบ้าน

“เมื่อวันก่อนอีกคน มาวันนี้อีกคน จัดขบวนรถไฟเก่งจังนะพิม" เสียงห้วนๆเอ่ยกร้าวกระด้าง

เธอหยุดลงที่บันได แล้วถอนใจเฮือกใหญ่รู้สึกอ่อนใจกับพี่ชายคนี้ซะจริง อะไรอีกล่ะคราวนี้ เธอหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา มองตอบเสียงเข้มนิ่งๆพยายามไม่ยินดียินร้ายใดๆกับคำพูดดูถูกนั่น

“ถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกันนะคะ” เธอตอบเรียบๆไม่ได้อยากหาเรื่อง แต่มันอดไม่ไหว

“พิมพ์ลภัส” คิ้วหนาขมวดยุ่งหน้าตึงขึง บ่งบอกชัดว่าโกรธที่เธอย้อนเขา สีหน้าเย็นชากับแววตากระด้างกระเดื่องนั่นทำให้รู้สึกได้ถึงกระแสไอเย็นจากน้ำเสียงกดต่ำจนแทบจะเป็นเค้นออกมา คล้ายพายุที่กำลังก่อตัว รอยสันกรามนูนขึ้นลงสลับกันเป็นพักๆให้เห็น

พิมพ์ลภัสหน้าถอดสีนึกหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย ไม่น่าหาเรื่องเลย ยอมเขาซะเรื่องก็จบ เธอมองสบดวงตาสีนิลกร้าวกระะด้างนั่นด้วยความหวาดระแวง กลัวว่าภีรมัตจะกระโจนมาบีบคอเธอ มองตอบเขานิ่งๆพยายามทำใจดีสู้เสือแม้จะหวาดเกรงอยู่มากด้วยไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน ทำใจกล้าสบตาเขาทั้งที่ตอนนี้หวาดกลัวขึ้นมาจริงๆ ใบหน้าหล่อเหลา..นิ่งขรึมจนดูเครียด สายตาที่มองเธอเรียบนิ่งเฉยเมย แม้ภายนอกจะดูนิ่งสงบ แต่ท่าทีแบบนี้ เขากำลังโกรธ..เธอรู้

"แค่เพื่อนเท่านั้นค่ะ ไม่มีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ” เธอกลับต้องเป็นฝ่ายอ่อนลงซะเอง ยืนกรานชัดถ้อยชัดคำ ใบหน้าเนียนละเอียดรู้สึกผิดที่ยั่วโมโหเขา

“รู้จักมันดีแค่ไหน ไว้ใจมันได้เหรอพิม ถึงไปมาหาสู่กัน..ไม่รู้หรือไงว่าไอ้จุลกานต์มันเจ้าชู้แค่ไหน ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าข่าวก็มีให้เห็นทุกวัน.. เว้นซะแต่ว่า..พิมอยากเป็นผู้หญิงในฮาเร็มหมอนั่นอีกคน” เสียงทุ้มเอ่ยห้วนๆรัวเป็นชุดคล้ายกับเธอทำผิดพลาดไปแล้วใหญ่โต

ไปโกรธใครมา พิมพ์ลภัสเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแทนการตอบคำถามของคนชอบหาเรื่อง อารมณ์ร้อน

“ได้ยินที่พี่พูดรึเปล่า” ภีรมัตถามซ้ำ

“ค่ะ” เธอตอบสั้นๆเบื่อหน่ายเต็มที จึงรับปากคำส่งๆ เพื่อแสดงว่าเธอเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดทุกอย่าง แต่ภีรมัตกลับคิดไปคนล่ะทาง เข้าใจว่าพิมพ์ลภัสอยากเป็นผู้หญิงของจุลกานต์อีกคนก็ยิ่งเดือดดาลมากขึ้น

“ว่าไงนะ” ภีรมัตเอ่ยเนิบนาบเสียงเรียบเย็น พร้อมทั้งค่อยๆสืบเท้าเข้าหาพิมพ์ลภัสอีกนิด

กว่าเธอจะรู้ตัวว่าตอบสั้นเกินไปจึงทำให้ภีรมัตเข้าใจผิด เขาก็ยืนเท้าเอวจ้องเธอตาเขียวปั้ด แทบจะหักคอกันอยู่แล้ว เธอไม่ได้ตั้งใจให้เขาเข้าใจแบบนั้น จึงคิดที่จะอธิบาย ทว่าก็ช้าไปกว่าปากหยักที่พ่นวาจาให้แสบสรรไปทั้งทรวง
“เด็กดื้อ... ใจแตกแล้วรึไง ” เสียงผรุสวาทด้วยโทสะจากปากหยัก ทำให้เธอกลืนคำพูดที่จะอธิบายลงไป

พิมพ์ลภัสมองเขาแบบอึ้งสนิท คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดร้ายกาจจากปากหยักที่เธอชื่นชมนักหนาว่ามันสวย ความผิดหวังเผยชัดเต็มวงหน้างาม น้ำอุ่นใสเริ่มเอ่อคลอหน่วยตา จ้องมองเขาอย่างผิดหวังระคนเจ็บปวดรวดร้าว เสียใจที่คำๆนี้มาจากปากเขา คนที่เธอเฝ้าเทิดทูลบูชามาโดยตลอด พิมพ์ลภัสกะพริบตาถี่พยายามขับไล่น้ำอุ่นๆให้ย้อนกลับ

“ถามจริงๆ พี่ภีมต้องการอะไรกันแน่” เธอเชิดหน้า

ภีรมัตรู้สึกได้ถึงความเย็นชาจากน้ำเสียงที่เปล่งออกมา อีกทั้งสายตาก็ว่างเปล่ายามมองทอดมา ราวหมดศรัทธาในตัวเขา อาการหวิวๆวูบในช่องท้องเกิดขึ้นอย่างไม่เคยมี ก่อนจะสำนึกได้ว่าเขาพูดแรงเกินไปเพราะความใจร้อน

“พี่ห่วงพิม..พิมเป็นน้องพี่นะ ใครจะทนได้ ถ้าไอ้นายแบบนั่นมันคิดแค่จะควงพิมเล่นๆเหมือนผู้หญิงที่ผ่านๆมา และถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆพี่คงรู้สึกผิดต่อคุณอาไปตลอดชีวิต” ท้ายประโยคน้ำเสียงอ่อนลงจนเกือบเป็นปกติ ทำไมเขาถึงรู้สึกเจ็บปวดเวลาที่มองพิมพ์ลภัสแล้วพบกับความว่างเปล่าในสายตาเธอ

“คุณพ่อนี่เอง ถ้าไม่ใช่เพราะรับปากท่าน พี่ภีมจะห่วงพิมรึเปล่า” ถามออกไปอย่างนั้น ทั้งที่รู้ดีอยู่แล้วว่าเขาจะตอบเช่นไร

“แน่สิคะ.. พี่ต้องห่วงพิมอยู่แล้ว พี่เห็นพิมมาตั้งแต่เด็ก..ไม่ห่วงน้องจะห่วงใคร แต่ไหนแต่ไรพี่ก็ห่วงพิมแบบนี้เสมอ พิมก็รู้” เขาพูดยิ้มๆอารมณ์เย็นลงจนเป็นปกติ พลางเอื้อมมือหนาโคลงศรีษะทุยเบาๆ

พิมพ์ลภัสพยักหน้ารับรู้

กี่ครั้งแล้วที่เขาย้ำชัดถึงสถานะของเธอว่าเป็นได้แค่ไหนสำหรับเขา ทั้งที่ก็รู้ดี แต่ทำไมกลับเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้ยิน เธอพร่ำบอกกับใจตัวเองมาโดยลอด ว่าเขาไม่มีวันคิดกับเธอได้มากกว่านั้น และเธอก็ขอเพียงแค่ได้รักเขาอยู่เงียบๆ ในมุมของตัวเอง..ก็เพียงพอแล้ว แต่...อย่าย้ำบ่อยๆได้มั้ย

“ขอบคุณนะคะ พิมรู้..พิมเข้าใจดีมาตลอด” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นเบาโหวงในความรู้สึกของภีรมัต หัวใจเขาแกว่งแปลกๆ

พอพูดจบ พิมพ์ลภัสก็เตรียมจะผละจากกลับเข้าบ้านทันที ก่อนที่บ่อน้ำตาซึ่งพยายามสะกดกลั้นเอาไว้มันจะล้นทะลักออกมาต่อหน้าเขา

ภีรมัตอ้าปากจะเรียก ทว่าก็ยั้งปากไว้ก่อนเพราะเธอหายเข้าไปในบ้านแล้ว ดวงตาเศร้าลึกแปลกๆของพิมพ์ลภัสติดอยู่กลางใจเขา..ทว่ามันเพราะอะไร เขาพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอ

พิมพ์ลภัสเดินเร็วๆผ่านสายตาพี่เลี้ยงคนสนิทขึ้นข้างบน พอเปิดและปิดประตูห้องเสียงได้ก็ปล่อยให้น้ำตาแห่งความเสียใจไหลออกมาราวเขื่อนพัง เพื่อเป็นทางออกสำหรับทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเธอในขณะนี้ เธอรักเขา ตัวเองนั้นรู้ดีมาตลอด ไม่เคยคาดหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะรู้สึกเดียวกันกับเธอ ขอเพียงแค่..

“ไม่ต้องย้ำบ่อยๆก็ได้มั้ง” คำว่าน้องสาวน่ะ เธอสบถมันออกมาอย่างอัดอั้นปาดน้ำอุ่นใสเหมือนเด็กๆ

ทำไมเธอจะต้องรักคนที่เขาไม่มีทางมองเธอเป็นอย่างอื่นได้นอกจากน้องสาวคนหนึ่ง ทำไมจะต้องเจ็บซ้ำๆกับคำพูดหวังดีจากเขาที่มีให้ เธอควรยินดีไม่ใช่หรือที่เขาแสดงความห่วงใย ทั้งที่คิดว่าตัวเองทำใจให้เข้มแข็งเพียงพอแล้วสำหรับการกลับมาพบเขอีกครั้ง และก็คิดว่าตัวเองพร้อมที่จะเผชิญกับวันนี้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่มากพอที่จะยอมรับความจริงอยู่ดี

--------------------------------------------------------***************------------------------------------------------------------

แวบนึงภีรมัตเหมือนเห็นแววความน้อยใจจากดวงตาพิมพ์ลภัส หยาดน้ำกลอกกลิ้งเหมือนคนน้ำตาคลอเบ้า พิมพ์ลภัสน้อยใจเขาหรือ แล้วมันเรื่องอะไรกันล่ะ! ภีรมัตเดินกลับมาที่บ้านแล้วทิ้งตัวนั่งบนโซฟาข้างมารดาหน้านิ่ว

“มีอะไรเหรอลูกหน้ายุ่งเชียว ทะเลาะกับน้องมารึ” เห็นลูกชายตีหน้ายุ่งก็อดสงสัยไม่ได้

“เปล่าครับ ผมแค่...”เขาเงียบนิดกำลังครุ่นคิดว่าควรจะพูดต่อหรือไม่ “แม่ฮะ..พิมเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ บอกเตือนอะไรก็ไม่ฟัง ดื้อเงียบรั้นซะไม่มี” นางเพ็ญมณีฉงนต่อสิ่งที่บุตรชายกล่าวหาพิมพ์ลภัส

“ลูกหมายถึงเรื่องนายแบบคนนั้นรึเปล่า”

“ครับ..หมอนั่นเจ้าชู้จะตาย ผมไม่อยากให้พิมไปยุ่งกับมัน”เขาพูดตามที่คิด

“คงไม่มีอะไรมั้งลูก สองคนนั้น..เค้าเล่นละครเวทีการกุศลด้วยกันเมื่อปีที่แล้ว ก็คงจะรู้จักกันเป็นธรรมดา อีกอย่างนายแบบคนนั้นก็เป็นลูกชายคุณหญิงแสงพิไลเพื่อนของแม่ทิพย์ คงไม่กล้าทำอะไรให้หนูพิมเสื่อมเสียจนต้องเดือดร้อนไปถึงคุณหญิงแสงพิไลหรอกน่า” นางอธิบายให้บุตรชายฟังเพื่อจะได้คลายความกังวลลงบ้าง

“อะไรนะครับแม่ หมอนั่นเล่นเป็นพระเอกคู่พิม ทำไมผมไม่เคยรู้มาก่อน” เขาเร็วเสียงสูง

“ก็วันๆเราสนใจใครซะที่ไหนกันล่ะ ถ้าไม่อยู่ที่กองถ่าย ก็อยู่กับแม่สิตาภา ไม่แปลกที่น้องจะโกรธ..ดีสมน้ำหน้า คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกดัง สาวๆจะต้องเข้าหา แต่กับน้องดันดูแลไม่ได้” โดนบ่นเป็นชุดจนต้องเงียบไป กลับกลายเป็นว่าเขาโดนตำหนิซะเอง

“อะไรกันครับ คุยเรื่องพิมอยู่แท้ๆกลายเป็นเรื่องผมได้ไง ไม่เอาแล้วกินข้าวกันดีกว่า ผมหิวแล้ว” ทิ้งลูกอ้อนใส่มารดาเหมือนเคย ต้องรีบเปลี่ยนเรื่องไม่งั้นยาวไม่จบง่ายๆแน่

-----------------------------------------------------------------------********************----------------------------------------------

‘นายแบบหนุ่มสุดฮอตกำลังมาแรง จุ๊น จุลกานต์ เปลี่ยนสาวควงคนใหม่แซ่บกว่าเดิม เคยร่วมงานการกุศลด้วยกันมาก่อน ละครหมดรอบแสดงนานแล้ว นอกรอบคือดูใจกันอยู่รึเปล่า’

“เฮ้ย!ไท..ช่วยดูหน่อยใช่ไอ้พิมรึเปล่า” เพียงอรหน้าตาตื่นหลังจากอ่านพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับวันนี้ เธอเลื่อนหนังสือไปตรงหน้าเขาซึ่งนั่งจิบกาแฟอยู่ข้างๆช่วยดูอีกแรง

“ตาลายรึเปล่า..ไหน” แทนไทวางช้อนที่กำลังคนกาแฟลงข้างแก้วเอียงหน้าดูภาพในกรอบสี่เหลี่ยมที่เพียงอรชี้ ภาพขนาดเท่าฝ่ามือใต้หัวข้อข่าวเด่นหราหน้าหนึ่งเป็นจุลกานต์แน่ และหญิงสาวที่นั่งตรงข้ามก็คล้ายพิมพ์ลภัสจริง ทั้งคู่หันมาสบตากันหลังจากมั่นใจว่าใช่พิมพ์ลภัสชัวร์ ไม่รอช้า..เพียงอรกดมือถือหาเพื่อนรักทันที

“ฮัลโหล..พิม ขับรถอยู่เหรอ” เธอรู้ได้จากเสียงเพลงที่เพื่อนรักชอบเปิดฟังเวลาขับรถ

“อืม.. มีอะไรเสียงตื่นเต้นเชียว”

“อ่านหนังสือพิมพ์เช้าวันนี้รึยัง” เพียงอรถาม น้ำเสียงแปลกๆของเพื่อนทำให้พิมพ์ลภัสนึกสงสัย

“มีอะไรน่าสนใจเหรอ”

ถ้าเป็นข่าวเกี่ยวกับภีรมัตเธอรู้หมดทุกอย่างแล้ว ภาพสวีทแสนหวานระหว่างเขากับแฟนสาวก็เห็นออกบ่อย ยังมีอะไรน่าตื่นเต้นแปลกตาอีกนะ..ช้ำจนไม่รู้จะช้ำยังไงแล้ว

“ก็นิดหน่อย มีข่าวแกด้วยลองไปหาอ่านดู” เพียงอรเอ่ย แล้ววางสายเหลือบมองคนข้างๆที่นั่งจิบกาแฟหน้าตึง นึกอยากปลอบใจแต่เลือกที่จะเฉยดีกว่า เกรงจะเป็นการตอกย้ำ เพราะพูดปลอบใจไม่เก่งนัก

“ไม่มีอะไรหรอกมั้ง ถ้ามี..คงเล่าให้ฉันฟังบ้างแล้วล่ะ” เพียงอรเอ่ยลอยๆขึ้น เมื่อเห็นแววกังวลคิดมากบนใบหน้าคมเข้ม แทนไทละสายตาจากแก้วกาแฟตวัดหางตามองเพียงอรนิด วางหน้าไม่ถูกที่เพียงอรอ่านใจเขาได้ทะลุปรุโปร่ง

----------------------------------------------------------------***********----------------------------------------------------------

“บ้าชะมัด เด็กดื้อ” ภีรมัตสบถอย่างหงุดหงิด ดังพอให้คนที่อยู่ใกล้ๆได้ยิน ต่างก็สงสัยว่าพระเอกสุดหล่อหัวเสียอะไรแต่เช้า
ภีรมัตโยนหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะเสียงดังปัง ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าใครจะมองอย่างไร เขาทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ผ้าใบที่ทีมงานจัดไว้ให้ซะแรง ข่าวของพิมพ์ทำเขาหงุดหงิดนิดหน่อย มือหนายกแก้วกาแฟขึ้นดื่มไม่รับรสชาติสักนิด หมดอารมณ์ดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเช้าและกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นทันที

“เป็นอะไรคะภีม ดูเครียดแต่เช้า” ร่างเพรียวหุ่นนางแบบเดินเฉิดฉันท์นวยนาดเข้ามาหาเขา หย่อนก้นนั่งตรงที่พักแขนบนเก้าอี้ที่ภีรมัตนั่งอยู่ โน้มตัวลงจุมพิตที่แก้มทักทายเขาอย่างไม่เกรงสายตาคนรอบข้าง

“เปล่าครับ” ภีรมัตตอบเลี่ยงไปพร้อมหยักยิ้มที่มุมปากแบบขอไปที “คุณมีถ่ายแบบแถวนี้เหรอครับ ดื่มอะไรมารึยัง..เดี๋ยวผมให้กองถ่ายจัดให้” เขาพูดเอาใจ ไม่อยากโดนซักไซร้มากไปกว่านี้ ภีรมัตกวักมือเรียกเด็กในกองถ่าย ขอกาแฟเพิ่มอีกหนึ่งแก้วสำหรับสิตาภา

“ก็ดีค่ะ สิตารู้ว่าคุณมีถ่ายละครแถวนี้เลยแวะมาหา..” สิตาภาวางมือบนหน้าอกเขาลูบไล้ไปมาเบาๆ

“ภีมคะ..หมู่นี้คุณไม่เข้าไปหาสิตาที่คอนโดเลย สิตาคิดถึงคุณนะคะ” สายตายั่วยวนแพรวพราวน้ำเสียงออดอ้อนซึ่งเขาเข้าใจความหมายดี

ภีรมัตจับมือที่กำลังลูบไล้บนแผงอกเขาซึ่งเธอตั้งใจปลุกปั่นเร้าอารมณ์ ทว่าตอนนี้มันไม่มีผลใดๆนอกจากความรำคาญ จึงดึงมากุมไว้แทนเพราะไม่ชอบให้สิตาภาทำอะไรประเจิดประเจ้อนักและตอนนี้เขาก็กำลังหงุดหงิดด้วย

“ช่วงนี้ผมยุ่งและคุณก็กำลังดัง ผมไม่อยากให้คุณมีข่าวเสียหายมากนัก เกรงจะมีผลกระทบต่องานคุณ” เขาพูดเอาตัวรอด ยิ้มบางๆให้แฟนสาว

เพราะความห่วงใยที่ภีรมัตมีต่อเธอ ซึ่งแตกต่างจากผู้ชายคนก่อนๆที่เคยคบมา สิตาภาถึงยอมไม่ได้ถ้าจะต้องเสียเขาไป ภีรมัตเป็นสุภาพบุรุษเสมอ บุคลิกก็โดดเด่นหน้าตาหล่อเหลาราวเทพบุตร ผู้หญิงทั้งเมืองแห่เสนอตัวให้เขาเป็นพรวน แต่ไม่มีใครแทรกตัวเข้ามาได้สำเร็จ หลายรายที่มาป้วนเปี้ยนพยายามชายตาทอดสะพานให้เขา มักจะถูกเธอกำจัดออกไปซะจนไม่กล้าข้องแวะกับเขาอีก

ภีรมัตยกกาแฟขึ้นจิบนิ่งๆทั้งที่ใจร้อนรุ่ม เขาอยากต่อสายถึงพิมพ์ลภัสซะเดี๋ยวนี้ แต่ติดตรงที่สิตาภานั่งอยู่ด้วยจึงทำอะไรไม่ได้ รอให้กลับถึงบ้านก่อนเถอะคงต้องถามกันให้รู้เรื่อง


-----------------------------------------------------***************----------------------------------------------------------




รจนาไฉน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ย. 2557, 12:14:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ธ.ค. 2557, 18:15:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 1767





<< บทที่ 2   บทที่ 11 >>
ร้อยวจี 10 ก.ย. 2557, 13:40:37 น.
นายภีมแย่มาก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account