กลิ่นตองหอมรัก
น้ำไท ใช้ชีวิตสงบๆ มาตลอดยี่สิบแปดปี
จู่ๆ ยายก็ขุดเรื่องเก่าก่อนในเหตุการณ์ที่ตาเสียมารื้อฟื้น
เขาไม่เคยลืม และก็ยังต้องการเห็นน้ำหน้าของเด็กหญิงที่คงจะโตขึ้นมาแล้วอีกครั้ง!

นภิสาช่างเป็นผู้หญิงที่นิสัยเสีย หยิ่ง เชิด ไม่เห็นหัวใคร ที่สำคัญสุดคือ เจ้าหล่อนฉลาดมาก!
เขาพยายามที่จะสั่งสอน และลบความเย่อหยิ่งที่เจ้าตัวสร้างมา
แต่ดูท่าสุดท้ายก็เหมือนจะเข้าตัว คนร้ายๆ อย่างนั้น กลับมาสั่นหัวใจเขาเสียได้

นภิสาคิดอย่างไรนั้นคงต้องไปถามอับดุลเอ้ยอย่างเดียว

Tags: น้ำไท หอมเล็ก นภิสา จอมฟ้า

ตอน: บทที่ 3 ไม่มีคุณหนูในสวนตองหอม

(3)

“ไม่หมดอีกเหรอวะ” ปราณยกกระเป๋าเสื้อผ้าใบที่สองออกมา หลังจากที่ขนกระเป๋าใส่รองเท้า และกระเป๋ามาก่อนหน้าแล้วอย่างละใบ มองขวางใส่น้ำไทที่กอดอกไม่ยื่นมือมาช่วยเลยสักนิด “แกจะใจจืดไม่ช่วยกันเลยใช่ไหม”

“เออ!” น้ำไทจงใจพูดเสียงดังให้นภิสาที่นั่งเอกเขนกตรวจตราอยู่บนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ข้างรถได้ยิน

“ไม่ได้ดั่งใจก็พาล คุณให้ฉันไปก็ไปให้แล้ว ยังจะเรื่องมากอีก จะให้ฉันไปแบบพรรคกระยาจกเหรอ” นภิสาเหน็บเบาๆ ด้วยหน้ายิ้มเยื้อน

“คุณทำไม่ได้หรอก คงจะติดโทรศัพท์ ติดการมีเงินไม่ขาดมือ แน่จริงคุณก็เลือกสิ เอาของไปครบครัน แต่ห้ามพกกระเป๋าเงิน แล้วก็โทรศัพท์ กล้าไหมล่ะ”

“ท้าฉันเหรอ”

“คุณทำไม่ได้หรอก” น้ำไทเลิกคิ้วกวน มุมปากเป็นรอยยิ้มหยามหยัน มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะลอยหน้าลอยตาต่อไปได้อย่างสบายใจ

นภิสาหัวเราะเบาๆ ส่ายหน้าอย่างกับคนท้าทายนั้นเป็นเด็กตัวน้อย มือหยิบกระเป๋าเงินสีครีมส่งให้ไม่อิดออด ส่วนโทรศัพท์เธอกลับกดหาเบอร์ที่โทรออกล่าสุด ต่อสายไม่ถึงนาที เสียงห้าวก็รับ

“ครับคุณหนู มีอะไรให้กระผมเพื่อนวิชญ์รับใช้”

“จะโทรมาบอกว่าจะไม่อยู่บ้าน เกิดฉันเป็นตายร้ายดียังไง นายจะได้มีเบาะแสในการตามกลิ่นไปหาฉันเจอ” ปราณเดินเข้าไปในบ้าน และขนตู้เย็นเล็กมาวางบนกระบะรถยกมือปาดเหงื่อ หูได้ยินบทสนทนาของนภิสาชัดเจน และเพื่อนเขาก็กำลังเท้าสะเอวฟังอย่างใกล้ชิด หน้าตาทมึงทึง

“คนหนึ่งชื่อน้ำไท มีสวนกล้วยชื่อตองหอม ส่วนอีกคน” นภิสาเหลือบมองปราณก่อนจะส่ายหัว “ช่างเถอะ จำแค่นายน้ำไทก็พอ ฉันไม่รู้ชื่ออีกคน”

ปราณค้อนคนพูดตาเหลือก รู้สึกตัวกลายเป็นส่วนเกินของงาน ทั้งที่เขากำลังทำหน้าที่เพื่อนที่ดี และเป็นสุภาพบุรุษช่วยหญิงสาวขนของแท้ๆ แต่ไม่ยักจะมีใครเขาเห็นความดีสักคน

“ไว้เสร็จงานจะรีบไปหานะ”

นภิสายิ้มจางกับคำพูดของวิชญ์ อย่างน้อยๆ เธอก็ยังมีเพื่อนที่คุยได้อยู่ตั้งคนหนึ่ง โทรศัพท์ที่เพิ่งใช้เสร็จจึงส่งให้พร้อมกระเป๋าเงินอย่างว่าง่ายให้น้ำไทที่รับไปอย่างงงๆ

“คุณมีแผนอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า”

สายตาจับผิดของน้ำไทไม่ได้ทำให้นภิสาเกรงกลัว เธอกลับแบมือด้วยท่าทางที่เป็นต่อ “ขอกุญแจรถด้วยค่ะ”

“ทำไมผมต้องให้คุณ”

“เกิดพวกคุณคิดไม่ดีกับฉัน ฉันจะได้ขับรถแหกโค้งตายยกคันได้ไง”

ปราณกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อก แยกเขี้ยวใส่น้ำไทที่ทำตัวไม่เป็นมิตรกับนภิสาอยู่ได้ ผู้หญิงอย่างนภิสามองปราดเดียวเขาก็รู้ว่าไม่ควรไปขัดความตั้งใจ ดูท่าแล้วนภิสามีสิทธิ์ทำจริงตามที่พูดอยู่สามในสี่ส่วน อีกหนึ่งส่วนก็คือขู่ให้กลัวจนหงอ สำหรับเขานั้นได้ผลเต็มที่ แต่กลับ...น้ำไท ปกติก็ไม่ใช่ผู้ชายขวางโลกอะไร แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมถึงแสดงท่าทางไม่เป็นมิตรกับนภิสาทั้งที่ยังไม่รู้จักกันดี เขาก็ไม่รู้

“คุณชื่ออะไรนะคะ” ปราณสะดุ้งเมื่อกลายเป็นคนถูกถามหลังจากเป็นเนื้องอกในเหตุการณ์นี้ได้พักใหญ่

“ปราณครับ”

“ขนของลงรถด้วยนะคะ ฉันไม่ไปแล้ว”

หุ่นเพรียวกำลังจะหมุนตัวกลับเข้าบ้าน ปราณถึงกับยื่นกุญแจรถจากกระเป๋ากางเกงของน้ำไทส่งให้ทันที “นี่ครับ”

...ให้ขนของอีกรอบ เปลี่ยนอาชีพเขาจากเจ้าของสวนกล้วยไม้เป็นกรรมกรเลยเถอะ

“ขอบคุณนะคะ เดี๋ยวฉันไปตรวจความเรียบร้อยในบ้านอีกครั้งก่อนไปกัน” นภิสาหันไปยิ้มมุมปากสาแก่ใจให้น้ำไทที่พ่นลมหายใจออกมาอย่างเหลืออด เขาสามารถร่ายข้อเสียของนภิสาได้ยาวเป็นหางว่าว ทั้งที่เพิ่งได้คุยกันในวันนี้

“เดี๋ยวผมไปดูให้เอง”

“รบกวนการยืนเฉยๆ ของคุณเปล่าๆ ค่ะ ไปนั่งรอในรถเถอะ”

หางตาคนฟังกระตุก น้ำไทสะบัดหนี เริ่มรู้สึกอยากจะโกรธ โมโหคนช่างกระแนะกระแหนนี้บ้าง “ดี!” น้ำไทเดินเข้าไปในบ้านไม่สนคำของนภิสาอีก เขารู้ว่ารอยยิ้มขันของนภิสาในยามนี้คงไม่ต่างจากการมองเห็นเขาเป็นตัวตลก

เขาเห็นร่างเพรียวชี้นิ้วสั่งแทบจะทันทีที่ตามเข้ามาในบ้านว่าประตูอยู่ตรงไหนบ้าง และต้องตรวจหน้าต่างอย่างไร ขณะที่เขาจัดการทุกอย่างตามคำสั่งเจ้าของบ้านเรียบร้อย กำลังจะเดินกลับมาทางหน้าบ้าน กรอบรูปที่หลบมุมอยู่กรอบหนึ่งข้างโต๊ะวางของที่ระลึกก็สะดุดตาเขาอย่างจัง ภาพของนภิสากับผู้ชายคนหนึ่งในฉากหลังเป็นทะเลยิ้มให้กันอย่างที่เขาไม่คุ้น ดวงตาของนภิสาระยับด้วยความสุข และมือของคนทั้งคู่ก็สัมผัสกันอย่างแผ่วเบา

ผู้ชายคนนั้นที่เขาจำได้ดีว่าเป็นคนเดียวกับที่นภิสาตบหน้าไป และก็โดนคนๆ นั้นตบคืน

“คุณจะเอาไปด้วยไหม” เสียงฝีเท้าที่ดังมาด้านหลังทำให้น้ำไทเบี่ยงตัวออกเพื่อให้เห็นว่าเขากล่าวถึงสิ่งไหน

ดวงตาของนภิสาจ้องภาพนั้นนิ่ง แววตายากจะอ่านออกว่าหญิงสาวกำลังคิดอะไร กระทั่งเธอเมินไปทางอื่น และเดินนำออกไป “ทิ้งไว้ที่นี่แหละค่ะ”

“ไม่เสียดายเหรอ” น้ำไทเดินตามมาขนาบข้าง เขาอยากจะเห็นว่านภิสาเก็บกดความรู้สึกไว้มากน้อยเพียงใด

“ก็แค่ช่วงหนึ่งของชีวิต ลบไปไม่ได้ ก็ต้องจำเอาไว้ คนที่บอกว่าลืม ส่วนใหญ่ก็เป็นมนุษย์ที่หลอกตัวเองว่าโดนตะปูทิ่มแล้วไม่เจ็บเท่านั้นเอง”

“ผมเพิ่งเห็นว่าคุณมีสาระบ้างก็ตอนนี้”

คำพูดติดตลกของน้ำไทเรียกเสียงหัวเราะของนภิสาไม่ได้ นอกจากอาการตาขวาง และไม่คิดเสวนากับเขาต่ออีก แต่เพียงแค่นั้นสำหรับการได้เห็นนภิสาเหวี่ยงเงียบได้ก็สนุกสำหรับเขาพอตัว

สำหรับเขานภิสาไม่ใช่นางฟ้าจากไหน เธอก็เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง แต่น่าแปลกที่เธอพูดเรื่องจำอดีตพวกนี้ได้หน้าตาเฉย ทั้งที่เรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อน เด็กอายุหกขวบก็ไม่ใช่เด็กหนึ่งขวบที่จะลืมเรื่องราวได้ง่ายๆ นั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องตามหาว่าหลังจากวันนั้น มีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตของนภิสาบ้าง


เสียงกรนดังลั่นตั้งแต่รถยังไม่พ้นจากกรุงเทพฯ นภิสาต้องอดทนฟังเสียงกรนของชายร่างบึกที่นั่งครองเบาที่นั่งด้านหลังเพียงคนเดียวด้วยความอดทน เธอขับรถมาตามทางที่น้ำไทบอก เพราะอย่างไรเธอก็ไว้ใจตัวเองในการขับรถมากกว่า คนแปลกหน้าตั้งสองคน พูดอย่างไรเธอก็ไว้ใจเต็มร้อยไม่ได้

“จอดข้างหน้าเลย เดี๋ยวผมลงไปเปิดประตู” นภิสาเคลื่อนรถให้ช้าลง ก่อนจอดยังหน้าประตูไม้ระแนงที่ปิดสนิท ไฟโคมหน้าบ้านส่องสว่างพอให้เห็นถึงความร่มรื่นของเงาไม้ใหญ่หลายชนิดที่ระบุไม่ได้ว่าต้นอะไรบ้าง เพราะเวลาเกือบเที่ยงคืนในคืนเดือนมืดเธอไม่เห็นอะไรอย่างอื่น นอกจากดวงดาวที่พร่างอยู่เต็มฟ้า เห็นจุดเล็กสีขาวกะพริบดาษดื่นทั่วฟ้าได้ดีกว่าจากบ้านของเธอ

น้ำไทเปิดประตูลงจากรถไปไขกุญแจเปิดประตูบ้าน ปราณจึงเพิ่งจะสะลึมสะลือตื่น ยกหลังมือปาดน้ำลายตรงมุมปาก และพยุงตัวขึ้นนั่ง “ถึงบ้านไอ้หอมเล็กแล้วนี่ครับ”

“ชื่อเล่นเขาเหรอคะ” นภิสาสงสัยตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยิน คนอะไรชื่อหอมเล็ก

ปราณยกมือปิดปากขำคิก “ครับ เป็นพันธุ์กล้วยครับ ชื่อน้ำไทของมันก็เป็นชื่อกล้วย มันไม่ค่อยชอบให้เรียก เวลามีใครเรียกก็จะหน้าหงิก คนเลยชอบเรียกว่าเล็กมากกว่า แต่ผมชอบแกล้งเรียกหอมเล็กตั้งแต่เด็กจนชิน เลยไม่เปลี่ยน พี่สาวของหอมเล็กก็ชื่อพี่หอม ชื่อจริงหอมทองครับ บ้านนี้กล้วยทั้งบ้าน”

“เขาทำเหมือนรู้จักฉันเลยนะคะ ทั้งที่ฉันจำไม่ได้”

“ผมก็คุ้นๆ คุณจอมฟ้านะครับ” ปราณยิ้มตาละเมอ “เหมือนนางฟ้าเดินดินเลย”

นภิสาแค่นเสียงหัวเราะ เลิกสนใจมนุษย์จอมป้อเบื้องหลังแล้วกลับมาสนใจน้ำไทที่เปิดประตู และส่งสัญญาณให้เธอขับรถเข้าไปในบ้าน นภิสามองตัวบ้านกึ่งปูนกึ่งไม้หลังใหญ่เบื้องหน้าขณะเธอขับรถไปจอดอยู่ใกล้ทางขึ้นบ้านที่อยู่ใต้ร่มเงาไม้อย่างถูกใจ เธอกำลังคิดหาสถานที่เพื่อพักผ่อน หลบลี้หนีความเบื่อหน่ายอยู่พอดี สถานที่แห่งนี้ก็น่าจะไม่เลวนัก

“อย่าคิดว่ามาเที่ยวพักร้อน เพราะคุณกำลังคิดผิดมหันต์”

นภิสาได้ยินทันทีที่ก้าวลงมายืนบนพื้น เธอไม่จำเป็นต้องแหงนหน้ามองเขาก็รู้ว่าน้ำไทคงกำลังวางแผนเล่นงานเธอตลอดการอยู่ที่สวนนี้อย่างแน่นอน

“ถ้าฉันกลัว ฉันก็คงไม่มาหรอกค่ะ”

“กล้าดีนี่” สาวเสียงเข้มดังมาจากในบ้าน ก่อนที่ตัวจะปรากฏร่างสมส่วนไม่ผอมไม่อ้วนในชุดนอนกางเกงขาสั้นสวมสบาย เสื้อยืดที่มีรอยขาด และปะด้วยผ้าลายต่างกันนั้นทำให้หอมทองต่างจากนภิสาที่อยู่ในชุดแซ็กสีอ่อนอย่างฟ้ากับดิน

หอมทองสำรวจหลานสาวของยายปทุมมาลย์ ก่อนจะส่งเสียงจิ๊จ๊ะในคอ และเบะปากใส่อย่างกับเจอยาจืด “คิดจะมาแย่งตำแหน่งเจ้าแห่งสวนตองหอมกับฉันหรือไง” พูดจบหอมทองก็เดินมาดูหลังรถกระบะ ก่อนจะส่ายหัว และสั่งกับปราณที่เพิ่งมุดออกมาจากในรถ “เอาของพวกนี้ไปเก็บในห้องเก็บของให้หมด ล็อกประตูให้แน่นหนา อย่าให้มันกลับไปหาเจ้าของ”

“แต่ว่า...เอ่อ จะดีเหรอ” ปราณหัวเราะแหะๆ ทั้งที่อยากจะร้องไห้ เมื่อเป็นคนกลาง เขาอยากจะทำตามคำสั่งหอมทองอยู่แล้ว แต่ก็เกรงใจนภิสา ในเมื่อของพวกนั้นนภิสาเองก็ตั้งใจจัดลงกระเป๋า แล้วคนอย่างนภิสาหากไม่ได้สวมของแพงหรูมีระดับ จะทนได้ไหม เขาไม่อยากจะนึกภาพ

“ทำไปเถอะ อย่าลีลาโว้ย เกิดสงสารนางทาสขึ้นมาหรือไง” น้ำไทเป็นคนกระตือรือร้นในงานนี้ขึ้นมาเอง เขาขนกระเป๋ามาวางลงบนพื้นจนครบ และยังเผื่อแผ่รอยยิ้มสะใจไปยังนภิสาที่ใบหน้าเรียบสนิท

“มาถึงที่นี่จะไม่คิดแนะนำตัวหน่อยหรือไง หรือต้องให้คนแก่กว่าพนมมือไหว้” ก่อนจะยกของไปเก็บน้ำไทก็อดแขวะเล็กๆ กับนภิสาที่ยืนนิ่งเป็นหินไม่ไหว เขาพบดวงไฟกองโตที่มองเขาอย่างอาฆาต แต่ก็ไม่พูด และเก็บกักไว้ เพียงกะพริบตาใบหน้าเรียบเฉยก็คืนสู่สภาพ ท่าไหว้อันนอบน้อมไม่แข็งกระด้าง และดูจริงใจเมื่อไหว้หอมทอง และเผื่อแผ่ไปยังผู้ใหญ่อีกสามคนที่เพิ่งเดินมาถึงทำให้น้ำไทประหลาดใจเล็กๆ

“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อนภิสา เรียกง่ายๆ ว่าจอมฟ้าหรือจอมก็ได้ค่ะ” ปิดท้ายด้วยรอยยิ้มหวาน และปราณที่กำลังยกตู้เย็นเล็กลงจากกระบะก็มองอย่างเผลอไผลมือปล่อยตู้เย็นที่ถือร่วงลงเท้าของน้ำไทที่บังเอิญไปอยู่ตรงนั้นพอดิบพอดี
น้ำไทกระโดดเหยง หน้าแหย แทบจะยั้งเท้าเตะเพื่อนโชว์หน้าพ่อแม่พี่และยายแทบไม่ไหว ถ้าไม่เพราะว่ามีสายตาใสซื่อ เหลือบแลมาอย่างคนที่ไม่มีพิษสงล่ะก็ เขาจะอาละวาดไปแล้ว

งานนี้นภิสาต้องจงใจหว่านเสน่ห์ใส่เพื่อนเขา แล้วมาสร้างผลกระทบกับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

คนคิดซับซ้อนคาดโทษนภิสาไว้อีกข้อในใจ ในขณะที่นภิสาเดินตามหอมทองเข้าไปในบ้าน และเริ่มเรียนรู้การใช้ชีวิตในสวนตองหอมอย่างจริงจัง

“แกช่วยมีสติหน่อยได้ไหม มือไม้อ่อนไปได้” น้ำไทหงุดหงิด เมื่อเพื่อนยกของหนักออกไปให้ห่างจากเท้าเขา ปราณหัวเราะร่า ทำหน้าตาอารมณ์ดี

“ก็แกใช้ข้าดีนัก ทำเป็นผู้ชายโหดเข้าสิง แกไม่สงสารคุณจอมเขา ก็เรื่องเอ็ง แต่ข้าสงสารนี่หว่า”

“แปบเดียวก็เปลี่ยนข้างแล้วนะ” หนุ่มโหดเข่นเขี้ยว ถึงปราณจะรับว่าทุกอย่างเกิดความจงใจของตัวเอง แต่เขาก็หาเรื่องโบ้ยความผิดไปให้นภิสาได้ร้อยข้อได้ ข้อสำคัญก็คือ ผู้หญิงที่ดูทำอะไรไม่เป็น นิสัยก็แย่ มีดีแค่หน้าตาทำไมถึงจับปราณไปเป็นพวกได้!

เพื่อนเขาก็แค่หลงผิดไปวูบหนึ่ง คนหลงรูปพอเห็นธาตุแท้ก็จะรีบหันหลังกลับไม่ทัน


รูปหนุ่มรุ่นพ่อของเธอยืนยิ้มใจดี ในมือแบกกล้วยไว้บนบ่า และมีเด็กชายตัวผอมคนหนึ่งยืนข้าง ดูทโมนและมีเค้าหน้าคล้ายน้ำไทมีขนาดหนึ่งเมตรหยุดให้นภิสาต้องมองด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก หญิงสาวฟังกฎมากมายที่หอมทองร่ายมาตั้งแต่ให้ตื่นมาทำงานอย่างมนุษย์ปกติ และจะมีค่าจ้างแรงงานต่ำวันละสามร้อยให้ นอกจากนั้นเธอก็ไม่ได้ยิน ดวงตาของผู้ชายใจดีตรงหน้านี้ต่างหากที่กำลังดึงดูดเธอ

“คุ้นไหมหนู” เสียงของทิพรส สตรีสูงวัยที่ยังดูคล่องแคล่ว นั่งเอนหลังอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้านที่เธอกำลังนั่งอยู่ถามขึ้น

“ทำไมหนูต้องคุ้นคะ หนูรู้สึกว่าหนูเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก”

เจ้าของผิวขาว ร่างเจ้าเนื้อหัวเราะเบาๆ สายตาเปี่ยมรักหันมองรูปของสามีอย่างแสนคิดถึง “หนูไม่น่าลืมเจ้าหนี้ของหนูเลยนะ”

“เจ้าหนี้?”

“ใช่ ไม่ใช่แค่ยายของหนูที่เป็นลูกหนี้ฉัน หนูเองก็เป็นหนี้ตาตองเขานะ ถึงเขาจะมาทวงหนี้คืนไม่ได้ แต่ฉันจะทวงหนี้แทนเขา”

ยังมีอีกหลายเรื่องที่นภิสาไม่เข้าใจ ทั้งเรื่องหนี้ลูกหนี้ที่คนบ้านนี้พูดถึงกันบ่อยเหลือเกินทั้งที่ความทรงจำของเธอว่างเปล่า แม้แต่หน้าของยายเธอยังนึกไม่ออก ไม่สิ ยี่สิบปีมานี้ยายที่ไม่มีใครเคยพูดถึงกลับอยากมาปรากฏตัวให้เธอเห็น นภิสาจำเรื่องราวในชีวิตได้ตอนที่ตัวเองเกือบจะเจ็ดขวบ เวลานั้นพ่อกับแม่ก็หย่าร้าง แม่ไปต่างประเทศ และอยู่ที่นั่นเริ่มชีวิตครอบครัวใหม่ ส่วนเธอก็ยังเติบโตในเมืองไทย กับพ่อและพี่ชาย แต่คนที่เธอใช้เวลาด้วยมากที่สุดกลับเป็นสารภี

“ยังมีเวลาทบทวนความทรงจำอีกมาก วันนี้หนูควรจะไปพักก่อน”

“ทำไมไม่ให้หนูไปอยู่บ้านยายของหนูคะ”

ทิพรสยิ้มเอ็นดูสาวงามเบื้องหน้า กิริยาที่ดูเรียบง่าย แต่ก็ยังไว้ตัวทำให้นภิสาไม่ใช่ผู้หญิงที่ดูเข้าถึงง่ายเท่าไหร่ “ยายของหนูเขาต้องการให้เป็นแบบนี้”

แม้นภิสาจะไม่เข้าใจความต้องการแปลกประหลาดของยายบัว แต่เธอก็แก้ไขเรื่องราวในครั้งนี้ไม่ได้นอกจากยอมรับ และเดินไปตามเกมที่มีคนขีดนำไว้ บางทีทุกสิ่งที่คนพวกนี้ทำก็อาจจะเป็นประโยชน์กับเธอในเรื่องนึกถึงช่วงเวลาที่หายไปได้ น้อยคนที่จะรู้ว่าเรื่องราวในวัยเด็กก่อนที่เธอจะอายุเจ็ดขวบนั้น เธอจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว

หอมทองเดินนำเธอไปยังห้องพักที่ตั้งอยู่ชั้นบนซึ่งมีห้องของหอมทอง และน้ำไทอยู่ ส่วนผู้ใหญ่จะนอนอยู่ห้องชั้นล่าง และส่งเสื้อผ้าเก่าๆ ของตัวเองมาให้นภิสา

“รังเกียจไหม ฉันจะอนุโลมเรื่องชั้นใน ให้ใช้ของเธอเอง เดี๋ยวน้ำไทก็คงเอามาให้”

“คุณบอกให้เขาค้นกระเป๋าฉันเหรอคะ”

หอมทองกระตุกยิ้มมุมปาก ทั้งที่จริงเธอเองค้นกระเป๋าด้วยตัวเอง และให้น้ำไทเป็นคนแบกขึ้นมา “ทำไมล่ะ รับไม่ได้เหรอ”

นภิสาฝืนยิ้มทั้งที่รู้สึกทั้งอายทั้งโกรธ เธอขอตัวเข้าห้องไปสงบสติอารมณ์หลังจากโดนคนบ้านนี้ป่วนอารมณ์ เธอรู้ว่าคนที่นี่พยายามท้า และทดสอบความอดทนเธออยู่ แต่พวกเขาอาจจะประเมินความอดทนของเธอต่ำจนเกินไป ถึงเท้าเธอจะไม่เคยแตะพื้นปูน ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีวันแตะ เธอก็แค่ต้องลองเรียนรู้เดินเท้าเปล่าบนพื้นปูนสักครั้ง

และไม่กี่นาทีต่อมาเสียงเคาะประตูห้องก็ทำให้นภิสาต้องกลั้นใจไปเปิดประตูรับกระเป๋าสัมภาระที่เหลือเพียงใบเดียวมา และก็ต้องอดกลั้นเมื่ออีกฝ่ายพูดออกมาหน้าตาย

“ในห้องนอนคุณไม่มีห้องน้ำ คุณต้องใช้ห้องนั้น” น้ำไทชี้นิ้วบอกทิศทางของห้องน้ำที่ตั้งอยู่หน้าบันไดที่ขึ้นมาจากชั้นล่าง พร้อมส่งถุงพลาสติกที่ใส่ผ้าไว้ภายใน “ผ้าถุงสองผืนเอาไว้ผลัด ส่วนการซักเสื้อผ้าทุกอย่างก็ต้องทำเอง หลังบ้านมีที่ให้ซัก มีราวไม้ให้ตาก”

“ให้ฉันซักเผื่อคุณด้วยเลยไหม” นภิสาถามเสียงเย็นต่ำ หน้าตาไม่สบอารมณ์หนักขึ้น อย่างไรชีวิตสะดวกสบายของเธอก็ยากจะเปลี่ยนได้ในวันเดียว

“ผมใส่เอง ซักเองได้ ไม่ต้องเผื่อแผ่น้ำใจมาให้ผมหรอก แต่ก็ขอบคุณ” น้ำไทบอกหน้าระรื่น รู้สึกครื้นเครงเมื่อท้ายที่สุดเขาก็ได้เห็นหน้าปากเม้มแน่น และเบือนหน้าหนีเขาจากนภิสา “จะหนีก็ยากหน่อยล่ะ ที่นี่ห่างจากตัวเมืองหลายสิบกิโลเมตร อีกอย่าง” น้ำไทยกนิ้วชี้นิ้วกลางชี้ตรงตาของตัวเอง และหมุนมือไปยังใบหน้าของนภิสา “ผมจะดูคุณทุกฝีก้าว คุณหลวมตัวมาแล้ว อย่าคิดว่าผมจะปล่อยทาสในเรือนเบี้ยไปง่ายๆ”

นภิสาเก็บความไม่พอใจที่ตีรื้นในอกควบคุมมือไม่ให้ผลักกระแทกปิดใส่หน้าของน้ำไทแรงๆ แล้วมานั่งสงบสติอารมณ์บนที่นอนเล็กแคบที่คงจะเป็นหนึ่งในสี่ส่วนของที่นอนในบ้านของเธอ ซ้ำร้ายที่นี่ยังไม่มีเครื่องปรับอากาศ ยังดีที่หน้าต่างไม้เปิดออกไปให้ลมเข้านั้นมีลมเย็นพัดมาอยู่เนืองๆ ไม่อบอ้าว

หญิงสาวหลับตา ปลอบให้ตัวเองใจร่ม เพียงวันแรกเท่านั้น เธอจะไม่ถอดใจก่อนเป็นอันขาด เธอจำเป็นต้องรู้เรื่องยาย และเรื่องของตัวเองก่อน แม้ว่าการอยู่นี้จะไม่ง่ายเลยก็ตาม

.......................................................
คุณ Chii ขอบคุณค่า ^^

อ่านแล้วเป็นยังไงบอกได้นะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ย. 2557, 19:43:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ย. 2557, 19:43:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 955





<< บทที่ 2 บุกบ้านจอมฟ้า   บทที่ 4 : แผนร้ายเข้าตัว >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 12 ก.ย. 2557, 00:29:12 น.
นางเอกเท่ขาดใจ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account