กรงพสุธา [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
ความดีและเลวก็มีแค่เส้นแบ่งบางๆขวางกั้น
หากก้าวผ่านมันไปแล้วคงไม่มีวันย้อนกลับ

คดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ควรจะจบลงเมื่อสิบแปดปีที่แล้วกำลังย้อนรอยกลับมาอีกครั้ง!
เมื่อโชคชะตาพัดพาให้ เหมือนฝัน หลงเข้าไปในห้องแห่งดินของ บ้านปรารถนา ฝันร้ายของเธอก็กลับคืนมา หญิงสาวฝันถึงเหตุฆาตกรรมฝังดิน ซึ่งมีรูปแบบคล้ายคลึงกับคดีเมื่อสิบแปดปีก่อน จึงตัดสินใจออกค้นหาความจริง จนได้รู้จักกับ ปัถวี ชายหนุ่มผู้มีอำนาจจิตในการควบคุมธาตุดิน ทั้งสองพยายามตามหาตัวฆาตกรพร้อมๆกับการเกิดเหตุฆาตกรรมคดีแล้วคดีเล่า และดูเหมือนแต่ละคดีจะโยงใยถึงกัน ที่สุดแล้ว พวกเขาจะตามหาฆาตกรตัวจริงพบหรือไม่ แล้วมันเกี่ยวข้องอย่างไรกับฆาตกรรมต่อเนื่องเมื่อสิบแปดปีก่อน!
Tags: ๕ปรารถนา เหมือนฝัน ปัถวี วังวนวารี ทองพญามาร

ตอน: บทที่ ๒ ฝันร้ายหวนคืน



‘เข้าใจว่าพี่ฝันหวังดีกับพี่อติ แต่เรื่องแบบนี้ ถ้ามันไม่ใช่ มันก็ฝืนใจลำบากนะคะพี่’ คำพูดของมาลุตาดังก้องอยู่ในหัวเมื่อเหมือนฝันทิ้งตัวลงนอนบนเตียง หญิงสาวเพิ่งขับรถกลับถึงบ้านเมื่อประมาณสิบนาทีที่แล้ว

นึกถึงตอนที่ออกมารวมตัวกันอยู่ตรงโถงกลางของบ้านปรารถนา เธอเห็นมาลุตาเพียงแค่แวบเดียว ก่อนฝ่ายนั้นจะหายตัวไป มีเพียงข้อความทางโทรศัพท์ส่งมาบอกทีหลังว่าเจ้าตัวขอกลับบ้านก่อน อติวัจน์บ่นเป็นห่วงมาลุตาเสียยืดยาวเมื่อฝ่ายนั้นนั่งแท็กซี่กลับบ้านตามลำพัง แต่เหมือนฝันพอเดาได้ว่าสาวเจ้าคงเบื่อหน้าเพื่อนเธอเต็มที

‘พี่ฝันคะ ลุตาคุยกับพี่อติไปแล้ว คิดว่าพี่เขาคงโตพอจะเข้าใจและไม่ฟูมฟายอะไรหรอกค่ะ’ นั่นคงเป็นคำตอบชัดเจนมากแล้วสำหรับสาวน้อยเรียบร้อยน่ารักอย่างมาลุตา ว่าเธอไม่เคยมีใจให้อติวัจน์เลย

เธอคงหมดหนทางช่วยเพื่อนแล้วจริงๆ หญิงสาวตัดสินใจปล่อยเรื่องราวของมาลุตาล่องลอยผ่าน พร้อมกันนั้นความฉงนเกี่ยวกับเครื่องเล่นชิ้นสุดท้ายในสวนสนุกก็กลับมาลอยวนในความคิดเธออีกครั้ง

บ้านปรารถนาคืออะไร จนนาทีนี้เธอยังไม่สามารถหาคำตอบได้เลย หลังถูกผลักออกมาจากห้องแห่งดิน เธอเดินกลับมายังโถงกลางบริเวณชั้นหนึ่งของตัวบ้าน พบมาลุตา นพคุณ และน้ำหนึ่งยืนรออยู่ จากนั้นอติวัจน์และตินพลก็เดินกลับมาหาทุกคน พวกเขาทั้งหมดมีสีหน้าแตกต่างกันไป

นพคุณยังยิ้มน้อยๆ ดูไม่ทุกข์ร้อนใจ เหมือนฝันไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเดินเข้าไปในห้องไหนของบ้านหลังนี้บ้างรึเปล่า

ตินพลบอกว่าตนเองหลุดเข้าไปในห้องแห่งไฟ แต่เขาไม่ได้ขยายความว่าเข้าไปเจออะไรในนั้นบ้าง มีแค่เพียงคำพูดพร่ำถามถึงผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเจ้าตัวคิดว่ากำลังโดนตามตื๊ออยู่ พ่อพระเอกใหญ่พราวเสน่ห์ก็เป็นงี้แหละ

ส่วนอติวัจน์ เธอพอรู้คร่าวๆจากคำพูดของเขาตอนเดินมาส่งที่รถยนต์ในลานจอดรถ ว่าเขาหลงเข้าไปในห้องแห่งลมบนชั้นสองของตัวบ้าน แต่อติวัจน์ไม่ได้เล่าอะไรมากกว่านั้น เพราะใจมัวแต่ห่วงมาลุตาซึ่งนั่งแท็กซี่กลับบ้านตามลำพังมากเกินกว่าจะมาใส่ใจเล่ารายละเอียดของเครื่องเล่นให้เธอฟัง

แค่เครื่องเล่นจริงเหรอ เหมือนฝันเกิดคำถามในใจอีกครั้ง เธอยังไม่เข้าใจจนกระทั่งวินาทีนี้ว่า บ้านปรารถนามอบสิ่งใดให้พวกเธอ ความสนุกงั้นเหรอ...คงไม่ใช่กระมัง เพราะเธอไม่เห็นรู้สึกสนุกสักนิด ดูอย่างน้ำหนึ่งสิ หน้าซีดปากสั่นราวกับคนแช่น้ำมานานนับชั่วโมง หญิงสาวรายนี้ไม่ยอมปริปากบอกใครสักคนว่าเธอไปอยู่ห้องไหนหรือเจออะไร

ทุกคนเจอกับอะไร เหมือนฝันไม่อาจหาคำตอบ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่ตนเองเผชิญมา

“เอาเถอะ คงแค่ของเล่นสับปะรังเคชิ้นหนึ่งละมั้ง” หญิงสาวบอกกับตนเองแบบนั้นแล้วจึงลุกจากเตียง เตรียมตัวอาบน้ำ เธอบรรจงถอดต่างหูข้างซ้ายของตนเองออก แล้วแขวนไว้กับพวงโมบายล์ตรงหัวเตียง...นั่นเป็นตำแหน่งประจำสำหรับแขวนเครื่องรางชิ้นนี้เพื่อป้องกันฝันร้าย

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ กำลังจะล้มตัวลงนอน ภาพอาคารสองชั้นกึ่งปูนกึ่งไม้กลับเด่นชัดขึ้นมาในความคิดของเธออีกครั้ง



กลิ่นอับชื้นคือสิ่งแรกในความรับรู้ของหญิงสาว เมื่อสภาพรอบกายยามนี้มืดสนิท มืด...เสียยิ่งกว่าความมืดใดซึ่งเคยเผชิญมา

เธออยู่ที่ไหน ช่วยด้วย! เหมือนฝันคิดว่าตนเองตะโกนเต็มเสียง แต่เปล่าเลย เธอไม่ได้ตะโกน ไม่มีสุ้มเสียงเล็ดลอดออกจากลำคอสักนิด มีเพียงความอึดอัดราวกับถูกบางสิ่งรัดกายไว้จนไม่อาจดิ้นรนหนีไปไหน

เธอหายใจไม่ออก และกำลังจะตาย! นี่มันอะไรกัน เหมือนฝันร้อนรน พยายามจะขยับมือขยับขา แต่ราวกับทั้งกายถูกมัดแน่นจนไม่สามารถขยับเขยื้อน

ไม่! เธอไม่อยากตายอยู่ตรงนี้

หญิงสาวสะดุ้งพรวด สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เหงื่อเม็ดโตผุดพรายเต็มดวงหน้ารูปไข่ ฝ่ามือบางตะปบโคมไฟตรงหัวเตียง แสงสว่างสีนวลช่วยส่องบรรยากาศรอบกายให้สว่างไสว ขับไล่ความหวาดกลัวในจิตใจออกไปได้พอควร ใช้เวลาตั้งสติไม่นานนัก เหมือนฝันก็รับรู้ว่าตนเองกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงนอน

ฝันร้ายรึ เป็นไปได้อย่างไร หญิงสาวยกมือขึ้นลูบหน้า ประหลาดใจแกมหวาดหวั่น มือเย็นเฉียบเอื้อมไปหยิบตาข่ายดักฝันร้ายตรงหัวเตียงมากำแน่น หัวใจที่เต้นแรงผ่อนเบาลงจนเกือบจะเป็นปกติ ทว่ารอยสัมผัสประหลาด ไม่คุ้นเคยตรงปลายนิ้วทำให้จำต้องก้มมอง เธอจึงเห็นบางสิ่งที่ผิดแปลกเกิดขึ้นกับเครื่องราง ลูกปัดหินตรงกลางของตาข่ายดักฝันร้ายสูญหาย เช่นเดียวกับเชือกบนตัวตาข่ายมีรอยขาดออกจากกัน ตาข่ายดักฝันร้ายขาดตั้งแต่เมื่อใด

เหมือนฝันใจเสีย รู้ในทันทีว่าเหตุใดตนเองจึงกลับมาฝันร้ายดังเก่า ปลายนิ้วเรียวเลื่อนมาคลึงเส้นเชือกขาด ความรู้สึกว่างโหวงในอกแผ่ขยายวงกว้างกว่าทุกครา

‘หึๆๆ’ หูของเธอคล้ายแว่วได้ยินเสียงหัวเราะน่าสะพรึง แล้วจู่ๆวินาทีต่อมาก็ได้กลิ่นเลือดติดปลายจมูก จึงเหลียวมองหาที่มาของกลิ่น พบว่าตนเองไม่ได้นั่งอยู่บนเตียงตามลำพัง เมื่อข้างกายมีผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่

ฝ่ายนั้นอยู่ในชุดนอนสีแดงสลับขาว ผมยาวปรกใบหน้าจนมองไม่เห็น ทว่าสิ่งน่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งกว่าคือสีแดงที่เธอเห็นในตอนแรกหาใช่เนื้อแท้ของเสื้อผ้า แต่มันคือเลือดที่ไหลออกมาย้อมชุดนอนสีสะอาดตาให้กลายเป็นสีแดงฉานไปทั้งชุดอย่างน่าพรั่นพรึง โดยมีมีดเล่มใหญ่เสียบคาอยู่กลางอก!

“กรี๊ด-ด-ด-ด” หญิงสาวกรีดร้องสุดเสียง ลนลานถอยหลังจากเตียงจนตกลงมา

ตอนนั้นถึงรู้ว่าตนเองไม่ได้อยู่บนเตียงนอนของตัวเอง นี่มันเป็นเตียงนอนของใครก็ไม่รู้

สองมือและเท้าอันสั่นเทาค่อยๆพยุงตนเองขึ้นจากพื้น เมื่อมองขึ้นไปบนเตียง กลับไม่มีศพอยู่บนนั้น และเธอไม่ได้อยู่ในห้องนอนอีกต่อไป เหมือนฝันกอดตัวเอง เหลียวมองรอบกายอย่างกล้าๆกลัวๆ เธอยืนอยู่ในสถานที่ซึ่งบอกไม่ได้ว่ามันคือแห่งใด คล้ายกำลังเดินอยู่บนเส้นทางประหลาด มีภาพมากมายแวบผ่านสายตาเข้ามาเรื่อยๆ

ภาพชายร่างกำยำคนหนึ่งกำลังบีบคอผู้หญิง สีหน้าและดวงตาเหลือกโปนของหญิงสาวบ่งบอกว่าวาระสุดท้ายใกล้มาเยือนเต็มที

ภาพหญิงสาวคนหนึ่งกำลังโยนเด็กทารกในอ้อมแขนทิ้งกลางแม่น้ำ สีหน้าลอกแลกและดวงตาหวาดหวั่นของคนยืนอยู่ตรงกลางสะพาน สะท้อนความคิดวิปริตออกมาชัดเจน

นี่มันอะไรกัน เธอยังไม่ตื่นจากฝันใช่ไหม หญิงสาวถามตนเองอย่างหวาดผวา ทั้งเกลียดและกลัวความฝันของตนเองนักหนา เจ้าของร่างเพรียวบางคู้กายต่ำ หมดเรี่ยวแรงแม้แต่จะพยุงตัวเองขึ้นยืน เลยได้แต่นั่งกอดเข่าอยู่ตรงจุดที่ไม่อาจบอกได้ว่ามันคือที่ใด

ฉึก...ฉึก...ฉึก... มีเสียงดังอยู่ทางเบื้องหลัง มันดังซ้ำๆในจังหวะสม่ำเสมอ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเธอ เหมือนฝันเกร็งแขนตนเองแน่น ได้กลิ่นอับชื้นลอยอวลอยู่ใกล้ ใบหน้านวลซบต่ำจนศีรษะแทบจะซุกลงไปในช่องว่างระหว่างหัวเข่า

ไม่เอา เธอไม่อยากรับรู้ ไม่อยากเห็นอะไรอีกแล้ว

ครืด-ด-ด-ด เสียงลากอะไรบางอย่างดังเข้ามาใกล้ตัวยิ่งขึ้น มันใกล้เกินไป ใกล้เสียจนขนคอลุกชัน เหมือนฝันรู้ว่ากำลังมีเหตุการณ์เลวร้ายบางอย่างเกิดขึ้นทางด้านหลัง แต่มันคืออะไรล่ะ หญิงสาวใช้เวลาข่มความกลัวอยู่นานกว่าจะค่อยๆหันกลับไปมอง พบตนเองกำลังนั่งอยู่บนพื้นดินที่ไหนสักแห่ง สิ่งเด่นชัดข้างกายคือห่ออะไรบางอย่างมัดวางอยู่ มันเป็นห่อขนาดใหญ่เท่าตัวคน คลุมด้วยวัสดุสีมืด คาดว่าน่าจะเป็นผืนผ้าใบ มัดทับด้วยเชือกเส้นโตตรงหัวและท้าย

“อื้อ-อ-อ” เสียงครางดังลอดมาจากห่อขนาดใหญ่

หญิงสาวสะดุ้งพรวด กระถดถอยหลังอย่างตื่นตระหนก ห่อซึ่งคิดว่ามีขนาดใหญ่เท่าตัวคน แท้จริงแล้วมันคือตัวคนจริงๆนั่นแหละ...คนโดนมัดอยู่ในผืนผ้าใบ!

“ไม่จริงหรอก” เหมือนฝันคราง ครั้งนี้นอกจากอาการหวาดกลัวแล้ว สมองยังเกิดอาการปวดหนึบทั้งศีรษะ

เธอขยับเข้าไปใกล้เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายอีกครั้ง หมายจะช่วยแก้เชือกให้อีกฝ่าย ทว่าพอมือเอื้อมไปแตะเส้นเชือก กลับจับได้เพียงความว่างเปล่า และช่วยอะไรฝ่ายนั้นไม่ได้เลย

ใช่สินะ ทั้งหมดนี้คือความฝัน...ฝันร้ายเท่านั้น สองมือของหญิงสาวตกลงข้างตัว ทั้งเสียใจและสงสารในชะตากรรมของเหยื่อรายนี้

ทันใดนั้น เธอได้ยินเสียงเคลื่อนไหวมาจากด้านหลัง เมื่อหันกลับไปมอง ก็เห็นร่างกำยำของชายคนหนึ่งยืนค้ำศีรษะอยู่ เขาเป็นคนตัวสูง น่าจะพอๆกับเธอ แต่งกายด้วยชุดสีดำสนิทตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ใบหน้ามีหน้ากากอันหนึ่งปกปิดอยู่ หน้ากากกระเบื้องสีขาวลงลวดลายดำจากปลายพู่กันตวัดเส้นอ่อนช้อย งดงามเป็นรูปปีกผีเสื้อเต็มซีกซ้าย...ทั้งหมดนั้นทำให้หญิงสาวตะลึงงัน ไม่คิดฝันว่าจะเห็นมันอีกครั้ง

ไม่ผิดแน่ เธอเคยเห็นหน้ากากกระเบื้องขาวลายปีกผีเสื้อมาแล้วครั้งหนึ่ง...ฝันร้ายที่เธอจำได้ขึ้นใจ!

ชายคนนั้นเดินทะลุผ่านตัวเธอไปยังเหยื่อเคราะห์ร้าย เขาลงมือแกะผืนผ้าใบออก เผยให้เห็นหญิงสาวคนหนึ่งถูกมัดมือมัดเท้านอนอยู่ ดวงตาฝ่ายนั้นเบิกโพลนและมีสติเต็มร้อย ริมฝีปากคาดด้วยเศษผ้า เหยื่อสาวครางอู้อี้จับใจความไม่ได้ ตามเนื้อตัวยังอยู่ในสภาพปกติ ไม่มีรอยเลือดหรือบาดแผลใด เหมือนฝันกอดตัวเองแน่น รับรู้ได้จากลางสังหรณ์ในทันทีว่ากำลังจะมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอฝันเห็นเหตุการณ์ฆาตกรรมแบบนี้

“อื้อ-อ-อ” เสียงครางของหญิงสาวผู้เคราะห์ดังผ่านหูมาให้ได้ยินตลอดเวลา

ร่างของเหยื่อถูกยกพาดบ่า พาเดินมาหยุดลงตรงหน้าหลุมดินขนาดใหญ่...ที่มาของเสียงดังสม่ำเสมอเมื่อครู่นี้ เมื่อฆาตกรเพิ่งจะขุดหลุมขนาดใหญ่เตรียมฝังเหยื่อ

ใช่ ฝังเหยื่อ ไม่ใช่ศพ!

เหมือนฝันยกมือปิดปากกลั้นเสียงร้อง แม้ไม่จำเป็น ไม่มีใครเห็นเธออยู่แล้ว แต่ความเลวร้ายตรงหน้าทำน้ำตาไหลพราก หญิงสาวเคราะห์ร้ายถูกโยนลงไปในหลุมดินลึกขนาดใหญ่กว่าตัวไม่มากนัก มือและเท้าที่ถูกมัดทำให้ไม่มีโอกาสตะกายขึ้นจากหลุม เหมือนฝันเห็นว่าเหยื่อส่งเสียงครางขอความช่วยเหลือผ่านริมฝีปากที่ถูกมัดอยู่หลายครั้ง อีกทั้งยังพยายามจะชันตัวลุกขึ้น แต่กองดินซึ่งถูกโกยลงหลุมทำให้เสียหลักหงายหลังลงไปเกลือกดินอีก

ร่างกำยำของฆาตกรใส่หน้ากากเงื้อพลั่วตักดินกองใหญ่ใส่หลุมลึกจนตื้นขึ้น...ตื้นขึ้นเรื่อยๆ กลบร่างเหยื่อจมหายลงภายใต้พื้นดิน

“อื้อ...” เสียงครวญครางสุดท้ายเงียบหายพร้อมๆกับภาพทั้งหมดพร่าเลือนจากสายตา

เหมือนฝันสะดุ้งพรวด เหลียวมองรอบกาย พบตนเองกลับมานอนอยู่บนเตียงในห้องตามเดิม แสงอาทิตย์ส่องลอดรอยต่อของผ้าม่านเข้ามาเพียงรำไร เธอผุดกายลุกจากเตียง เดินไปกระชากผ้าม่านเปิดกว้าง แดดจ้ายามอรุณรุ่งทอแสงแรงกล้า ขับไล่ความมืดหม่นของฝันร้ายมลายสิ้น หญิงสาวหยิกแขนตนเองครั้งหนึ่งเพื่อมั่นใจว่าตื่นจากฝันร้ายแล้วจริงๆ จากนั้นจึงกวาดตาสำรวจรอบห้อง

ไม่มีศพ ไม่มีภาพน่าสยดสยองของเหยื่อและฆาตกรใส่หน้ากาก เหมือนฝันถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ความหวาดกลัวยังแล่นริ้วอยู่ในหัวใจไม่คลาย มือเธอสั่นเทาและเย็นชื้นขณะเอื้อมหยิบเครื่องรางขึ้นพิจารณา ดวงตาสีน้ำตาลเบิกโตกว่าทุกครั้งเมื่อความฝันกลายเป็นความจริง

ตาข่ายดักฝันร้ายของเธอขาดจริงๆเสียด้วย



“เป็นอะไร เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ” เสียงทักทายมาพร้อมกับแรงตบเบาๆบนหัวไหล่ข้างหนึ่ง เมื่อหันมอง เหมือนฝันจึงพบว่าคนทักคืออัญญา สาวทอมบอยผู้นั่งทำงานอยู่ข้างๆโต๊ะทำงานเธอ

“อืม ฝันร้าย เลยนอนไม่พอ”

“หา แกโตจนป่านนี้แล้ว แค่ฝันร้ายทำให้นอนไม่พอเชียวเหรอ”

หญิงสาวทำหน้าย่นใส่คนพูด ไม่คิดต่อความยาวสาวความยืด ใช่สิ ฝันร้ายของเธอมันไม่เหมือนคนทั่วไปเสียหน่อย เพราะถ้าเป็นแค่ความฝัน เธอคงไม่หวาดกลัวขนาดนี้

เหมือนฝันยกแก้วกาแฟดื่มด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน ความรู้สึกหวาดกลัวตีวนในอกยามนึกถึงฝันร้ายเมื่อค่ำคืน ความฝันชักนำเธอให้ไปเห็นความตายของผู้คน การฆาตกรรมหาใช่สิ่งน่าปรารถนาจะล่วงรู้เลยสักนิด ทว่าในบรรดาเหตุการณ์ทั้งหลาย เหตุฆาตกรรมฝังดินกลับโดดเด่น สร้างความหวาดผวาแก่เธอมากกว่าเหตุการณ์ใดๆ

มันทำให้เธอนึกถึงเหตุสะเทือนขวัญที่เคยเกิดกับครอบครัว...การเสียชีวิตของกรัณฑา

‘เป็นอะไรไปฝัน ลูกวิ่งหนีใครมา’ เสียงของพิชญ์ถามเธอเร็วรี่ ฝ่ามือใหญ่บีบลงมาบนหัวไหล่น้อยแน่น

ดวงหน้ากลมๆมีแววตระหนกเช่นเดียวกับบิดา

‘มะ...ไม่รู้ แม่บอกให้หนูวิ่ง หนูก็วิ่งหนีมา พ่อ แม่อยู่ไหน ทำไมไม่ตามหนูมา’

สีหน้าของพิชญ์ซีดเผือดตอนเหมือนฝันถาม เขาอุ้มเธอกลับเข้าบ้าน แล้ววิ่งไปหลังบ้าน คว้าขวานด้ามยาวมากำแน่นยามร้องสั่งบุตรสาว

‘ฝันอยู่ในบ้านคนเดียวก่อนนะลูก เดี๋ยวพ่อไปตามแม่เอง ห้ามออกไปไหน และห้ามเปิดประตูรับใคร’ เอ่ยจบ เสียงบานประตูบ้านเปิดออกและปิดตามดังลั่น

เหมือนฝันไม่แน่ใจว่าตนถูกทิ้งอยู่ในความมืดมิดของบ้านตามลำพังนานเท่าใด มันคงนานมากพอดูเมื่อเธอมุดหลบอยู่ใต้โต๊ะกินข้าวจนกระทั่งได้ยินเสียงบานประตูเปิดออกอีกครั้ง

‘ฝัน...’ พิชญ์ตะโกนเรียกเธอลั่นบ้าน

เด็กหญิงรีบมุดออกจากที่ซ่อนมาหาบิดา ใบหน้าของพิชญ์ซีดขาวจนแม้แต่เด็กหญิงอย่างเธอยังรู้สึกได้ถึงบรรยากาศไม่ชอบมาพากล

‘พ่อคะ แม่ล่ะคะ แม่อยู่ไหน’

ไม่มีคำตอบจากบิดา แต่รอยน้ำตาไหลอาบแก้มเป็นสัญญาณร้ายแรกที่เหมือนฝันสัมผัสได้

‘พ่อขอโทษ พ่อหาแม่ไม่เจอ’

สนธยานั้นคือครั้งสุดท้ายที่เหมือนฝันเห็นมารดามีชีวิตอยู่ แม่ไปไหน เกิดอะไรขึ้นกับแม่ เด็กหญิงไม่เข้าใจจนกระทั่งสองคืนให้หลัง เธอฝันถึงคนเป็นแม่ถูกมัดมือมัดเท้า ตกลงไปในหลุมดินลึก ชายคนหนึ่งใส่หน้ากากขาวลายปีกผีเสื้อดำโกยกองดินถมทับร่างมารดาจนจมมิดหายในผืนธรณี สร้างความตระหนกแก่คนสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายเป็นอย่างมาก

‘พ่อต้องไปช่วยแม่นะคะ แม่ถูกฝังอยู่ในดิน’

‘ลูกเห็นที่ไหน แม่ถูกฝังยังไง เล่าให้พ่อฟังซิ’ เสียงของพิชญ์สั่นมากทีเดียวตอนถามบุตรสาว

เด็กหญิงเล่าเรื่องราวในฝันร้ายให้บิดาฟังอย่างละเอียด แรกทีเดียวไม่มีใครเชื่อ แต่หลังจากทำการค้นหาตัวกรัณฑามาตลอดอาทิตย์โดยไร้ร่องรอย ทั้งพิชญ์และนายตำรวจพัทธ์ผู้เป็นลุงของเธอก็ตัดสินใจบุกไปค้นบ้านหลังหนึ่งตามคำบอกเล่าของเหมือนฝัน ในที่สุดเธอก็ได้พบแม่...ศพของแม่

เหมือนฝันซบหน้าลงกับฝ่ามือ เหงื่อเม็ดโตผุดเต็มดวงหน้ารูปไข่ ทั้งที่อากาศภายในออฟฟิศสายวันนี้ไม่ได้ร้อนจัด แต่หัวใจเธอหวาดกลัวกับการย้อนคืนของฝันร้าย เธอไม่ชอบเอาเสียเลยกับอำนาจลึกลับที่มีติดกายนมานับตั้งแต่เยาว์วัย หากเป็นไปได้ หญิงสาวปรารถนาเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่ต้องรับรู้พัวพันกับเหตุสยองขวัญใดทั้งสิ้น

ความหวาดหวั่นเกาะกินจิตใจทำให้เธอเลือกระบายเรื่องราวทุกข์ใจของตนลงในโลกออนไลน์ หญิงสาวถอดต่างหูดรีมแคชเชอร์ออกเพื่อถ่ายภาพมัน อัพโหลดขึ้นบนเฟซบุ๊ก พร้อมข้อความสั้นๆ เล่าถึงความไม่มั่นใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการย้อนกลับมาของสิ่งที่ตนไม่อาจควบคุม เธอรู้ว่าเพื่อนหลายคนในโลกออนไลน์คงไม่เข้าใจ แต่ในบางครั้งคนเราก็เขียนอะไรต่อมิอะไรลงไปเพียงเพื่อต้องการระบาย ไม่ใช่อธิบาย

“ฝัน...ไอ้ฝัน...” เสียงตะโกนดังมาจากโต๊ะทำงานฝั่งตรงข้าม ดึงความสนใจของหญิงสาวออกจากภวังค์

“คะ พี่วาด มีอะไรจะใช้ฝันเหรอ” เหมือนฝันผุดลุกจากเก้าอี้ เดินมาหารุ่นพี่ประจำแผนกซึ่งมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าเธอโดยตรง

“เปล่า ฉันแค่บอกว่าให้เช็กอีเมลด้วย ลูกค้าเมลกลับมาสั่งแก้งานด่วน ยังไม่ได้เปิดใช่ไหม” ฝ่ายนั้นมองสีหน้าเนือยๆแล้วถามต่อด้วยความเป็นห่วง “เป็นอะไรไปฝัน ดูเหนื่อยๆเหม่อๆชอบกลนะวันนี้”

“ขอโทษค่ะ เมื่อคืนฝันไม่ค่อยได้นอน”

“ถ้างั้นรีบทำงานให้เสร็จแล้วกลับไปพักผ่อนเถอะ วันนี้เลิกงานเร็วหน่อยก็ได้”

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยกมือพนมไหว้อีกฝ่าย ก่อนรีบกลับไปทำงานของตัวเองให้เสร็จ

ประมาณสี่โมงครึ่ง เหมือนฝันเคลียร์งานในส่วนของตนเองเรียบร้อย เลยขอตัวกลับบ้านก่อนเวลาเลิกงาน เนื่องจากบริษัทไม่ได้เคร่งครัดเรื่องเวลาเข้าออกมากนัก ตราบเท่าที่สามารถทำงานในความรับผิดชอบสำเร็จ

รถยนต์คันเล็กสีดำแล่นกลับมาจอดภายในโรงรถของบ้านตอนแสงสุดท้ายกำลังลาลับขอบฟ้า เหมือนฝันขมวดคิ้วแปลกใจเมื่อไม่เห็นจักรยานของพิชญ์จอดอยู่ แต่บานประตูบ้านไม่ได้ล็อก

“อ้าว ฝัน เลิกงานแล้วเหรอลูก พ่อเราออกไปตลาดซื้อกับข้าวแน่ะ” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นจากบริเวณห้องรับแขกของบ้าน

เหมือนฝันหันไปมอง พบร้อยตำรวจเอกวัยกลางคนผิวสีเข้มผู้มีศักดิ์เป็นลุงยืนอยู่

“ลุงพัทธ์ มาหาพ่อตั้งแต่เมื่อไรคะ” หญิงสาวยกมือไหว้อีกฝ่ายด้วยท่าทีนอบน้อม ดวงหน้ารูปไข่ปรากฏรอยยิ้มกว้างยามพานพบคนคุ้นเคย

“เพิ่งมาถึงเมื่อกี้เอง โดนพ่อหนูบ่นใหญ่เชียวว่ามาหาโดยไม่บอกกล่าว นี่เลยถีบจักรยานออกไปซื้อกับข้าว กลัวลุงกินไม่พอ” พัทธ์ตอบเสียงติดตลกเล็กน้อย ขณะกวาดตามองหลานสาวผู้ไม่ได้พบหน้ากันนานหลายเดือน เนื่องจากตนมัวติดทำคดีจนไม่มีเวลามาเยี่ยมเยียนหลาน “ทำไมสีหน้าดูเหนื่อยๆล่ะหนูฝัน ทำงานหนักเกินไปรึเปล่า”

“เปล่าค่ะ ไม่ใช่เรื่องงาน” มีความลังเลปรากฏในดวงตาสีน้ำตาลคู่สวย ก่อนเหมือนฝันจะยอมเล่าให้ผู้เป็นลุงฟัง “เมื่อคืนหนูฝันร้าย”

“หือ ยังฝันร้ายอยู่อีกเหรอ”

ลุงพัทธ์เป็นอีกคนที่รู้เรื่องอำนาจจิตของเธอ เมื่อตำรวจอย่างเขาเคยพิสูจน์สัมผัสพิเศษของหลานสาวมากับตา...จากการตามหาตัวฆาตกรและศพของกรัณฑา

“ค่ะ ฝันร้าย แล้วครั้งนี้มันชัดเจนมากเสียด้วย” เธอบอกเสียงแผ่ว รู้ดีว่าสิ่งที่เห็นในฝันไม่ใช่ภาพลวงตา แต่มันคือความจริงที่เกิดขึ้น ณ แห่งใดแห่งหนึ่งบนโลกใบนี้

“เล่าให้ลุงฟังได้ไหมว่าหนูฝันเห็นอะไร” พัทธ์ดึงแขนหลานสาวนั่งบนโซฟาข้างๆกัน มือหยาบกร้านแบบกรำงานยึดมือเรียวบางไว้

“เห็นหลายอย่างค่ะ คนนอนตายบนเตียง ผู้ชายบีบคอผู้หญิง เด็กทารกถูกโยนลงแม่น้ำ แล้วก็...ผู้ชายใส่หน้ากากคนหนึ่งจับผู้หญิงฝังดินทั้งเป็น” ท้ายประโยค เสียงเหมือนฝันแผ่วเบาอยู่ในลำคอ จนพัทธ์จำต้องเงี่ยหูฟัง

“ฆาตกรใส่หน้ากากเหรอหนูฝัน” พัทธ์ค่อนข้างตกใจกับเหตุการณ์สุดท้ายในความฝันของหลานสาว

เหมือนฝันลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนพยักหน้ารับ “ค่ะ หน้ากากสีขาวลงพู่กันลายปีกผีเสื้อสีดำ และผู้ชายคนนั้นก็จับเหยื่อมัดข้อมือข้อเท้า ตอนโยนทิ้งลงหลุมดิน เธอยังมีลมหายใจอยู่เลยค่ะ”

สีหน้าของพัทธ์ซีดเผือดยามได้ยินคำอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ฆาตกรรมในความฝัน เขานิ่งไปนานทีเดียว ศีรษะเอนพิงพนักโซฟา สายตาแหงนมองไฟบนเพดานห้องแล้วครางออกมา

“ไม่น่าเป็นไปได้ มันเหมือนเกินไปรึเปล่า” พัทธ์ครางเสียงระโหย ดวงตาฉายแววเจ็บปวดทุกครั้งยามนึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่เคยเกิดกับครอบครัวของหลานสาว

“ใช่ค่ะ เหมือนมาก”

“เหมือนเกินไปจนไม่น่าเป็นไปได้” ชายวัยกลางคนรำพันคล้ายอยากจะบอกว่าไม่เชื่อในคำกล่าวของหลาน ทว่าลึกๆแล้วเขารู้ดี...ความฝันของเธอคือความจริงอันไม่อาจหลีกเลี่ยง เพราะมันคือเหตุการณ์ล่วงผ่านมาแล้ว

พัทธ์ถอนหายใจ หลังใช้เวลาตั้งสติอยู่นานพักใหญ่ เขาก็กล่าวออกมา “หนูฝันยังไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้พ่อฟังสินะ”

“ค่ะ พ่อยังไม่รู้ หนูไม่แน่ใจว่าควรบอกพ่อดีรึเปล่า” น้ำเสียงของเหมือนฝันเศร้าและสั่นเครือ

“ไม่เป็นไร ยังไม่ต้องบอกแล้วกัน เดี๋ยวลุงจัดการเรื่องนี้เอง” พัทธ์กล่าวหลังจากหยิบสมุดปากกามาจดบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดในความฝันของหลานสาวไว้

หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเป็นเรื่องอื่น เก็บความแคลงใจและวิตกกังวลไว้ลึกๆ เขาอยู่คุยกับพิชญ์และเหมือนฝันต่อจนกระทั่งเกือบสี่ทุ่ม ผู้เป็นลุงจึงขอตัวกลับ

“ไว้ลุงจะลองสืบเรื่องที่หนูฝันอยากรู้ให้นะ” เขาบีบมือบอบบางแน่นครั้งหนึ่ง สบดวงตาไหวระริกของหลานรักแล้วยิ้มปลอบ

“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” เหมือนฝันพนมมือไหว้ แอบคาดหวังอยู่ลึกๆว่าลุงพัทธ์คงไม่พบอะไรเกี่ยวกับความฝันของเธอ หญิงสาวหวังเหลือเกินว่าฝันร้ายจะเป็นเพียงจินตนาการเพ้อเจ้อของตนเองเท่านั้น



ร้อยตำรวจเอกพัทธ์เปิดประตูห้องพักภายในแฟลตของเพื่อนตำรวจด้วยกัน เรียกสายตาเพื่อนร่วมห้องให้หันมามอง

“เป็นอะไรวะ ทำไมกลับมาหน้าเหนื่อยขนาดนั้น ไหนว่าไปเยี่ยมหลานไง ทำหน้าตาอย่างกับไปไล่จับโจร”

“เปล่า ไปเยี่ยมหลานมาจริงๆ” พัทธ์ถอนหายใจ เดินมานั่งหน้าโต๊ะกินข้าว สายตาจ้องมองโทรทัศน์ที่เพื่อนเปิดทิ้งไว้ เขารับกระป๋องเบียร์จากมือเพื่อนไปเปิด แล้วกระดกเข้าปากไปหลายอึก

“คนไหนวะ ใช่เด็กผู้หญิงตาโตๆ สวยๆ ที่เคยอยู่ด้วยกันรึเปล่า”

“กูมีหลานคนเดียวโว้ย ใช่ คนนั้นแหละ” เอ่ยจบ เขาก็กระดกเบียร์เข้าปากอีกรอบ ความเคียดขึ้งขมวดแน่น เต้นเร่าอยู่ตรงขมับทั้งสองข้าง

“เด็กที่ช่วยจับไอ้ฆาตกรโหดใช่ไหม”

พัทธ์หันมองหน้าเพื่อน เห็นอีกฝ่ายกำลังจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว “ใช่ รู้ได้ไงวะ”

“ได้ยินข่าวลือมา เป็นความจริงเหรอวะ เรื่องหลานมึงมีสัมผัสพิเศษขนาดบอกจุดฝังศพได้”

สีหน้ากระเหี้ยนกระหือรืออยากรู้คำตอบหยุดพัทธ์ให้ชั่งใจคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบคำถามเพื่อน

“ไม่จริงหรอก แต่หลานกูอยู่ในเหตุการณ์ด้วยตอน...แม่ของแกถูกจับตัวไป พวกกูเลยตามหาไอ้ฆาตกรนั่นจากคำบอกเล่าของหลานจนเจอ” พัทธ์ตัดสินใจไม่เล่าความจริง เนื่องจากไม่แน่ใจว่าเพื่อนตำรวจคนนี้คิดเห็นอย่างไรกับสัมผัสพิเศษที่เหมือนฝันมี

จากสีหน้าและแววตาเศร้าของพัทธ์ยามเอ่ยถึงเรื่องราวสะเทือนใจ ทำให้อีกฝ่ายไม่คิดเซ้าซี้

“โทษที กูลืมไปว่าเหยื่อรายสุดท้ายของคดีเป็นคนที่มึงรัก” ฝ่ายนั้นกล่าวอย่างเสียใจกับความปากพร่อยของตน

“ไม่เป็นไร กูทำใจได้แล้ว”

ใช่ เขาทำใจได้ เพราะคดีนี้ผ่านมาเกือบยี่สิบปีแล้ว เหยื่อรายสุดท้ายของคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสะเทือนขวัญจบลงพร้อมกับชีวิตของกรัณฑา พัทธ์ยังจำความเกรี้ยวกราดและโศกเศร้าในวันนั้นได้เป็นอย่างดี

คืนเดือนมืด ท้องฟ้าไร้ดวงดาราและจันทรา เขาได้รับโทรศัพท์จากพิชญ์ น้ำเสียงร้อนรนของน้องชายทำนายตำรวจหนุ่มซึ่งกำลังเข้าเวรกะดึกตื่นตระหนก หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง

‘อะไรนะ กรัณหายตัวไป เป็นไปได้ยังไง เกิดอะไรขึ้น’

พิชญ์ตอบคำถามเขาเสียงสั่น จับใจความได้บ้างไม่ได้บ้าง รู้แค่ว่าภรรยายังไม่กลับบ้าน มีเพียงเหมือนฝันวิ่งร้องไห้จ้ากลับมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องอยู่เบื้องหลัง เขาวิ่งย้อนกลับไปตามทางระหว่างบ้านกับโรงเรียน แต่ไม่พบตัวกรัณฑาแล้ว

‘บ้าชิบ มึงปล่อยกรัณเดินกลับบ้านค่ำมืดคนเดียวได้ยังไง รู้อยู่ว่ามันอันตราย มีโจรบ้าออกมาลักพาตัวชาวบ้านอยู่เรื่อยๆ...’ พัทธ์อยากจะด่าน้องชายต่ออีกยาวเหยียด แต่ความเป็นห่วงกรัณฑาทำให้เขากล้ำกลืนคำด่าทอไว้ ‘กูจะออกไปหาเดี๋ยวนี้ละ’

มันเป็นเรื่องน่าหดหู่และเคร่งเครียดสำหรับตำรวจทุกนายในอำเภอภูตลาแห่งนี้ เมื่อตลอดหลายปีที่ผ่านมามีคดีลักพาตัวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเหยื่อส่วนใหญ่เป็นหญิงสาววัยรุ่นไปจนถึงวัยกลางคน หรือไม่ก็เด็กหนุ่มซึ่งยังไม่ล่วงเข้าสู่วัยฉกรรจ์ พวกเขาเหล่านี้ล้วนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เบาะแสเดียวที่พอจะเป็นไปได้จากคำบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์ คือคนร้ายเป็นชายร่างสูงใหญ่กำยำ ใส่หน้ากากสีขาว มีลวดลายปีกผีเสื้อดำอยู่ทางซีกซ้าย

จากคดีคนหายซึ่งนานๆจะมีการแจ้งความสักครั้ง กลับมีคดีต่อเนื่องติดๆกันถึงสี่รายในระยะเวลาหกเดือน โดยเหยื่อแต่ละรายล้วนหายตัวไปในช่วงเวลาหัวค่ำจนถึงก่อนฟ้าสาง

หลังจากวางโทรศัพท์ พัทธ์ระดมกำลังตำรวจจำนวนหนึ่งตรงดิ่งมาบ้านของพิชญ์ พวกเขาช่วยชายหนุ่มค้นหาตัวกรัณฑาจนถึงเช้า แต่ไม่พบร่องรอยเธอเลย จนกระทั่งอีกสองคืนให้หลัง สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเหมือนฝันบอกบิดาว่าเธอฝันเห็นกรัณฑาถูกมัดมือมัดเท้า เอาตัวไปฝังดิน

ความหวาดกลัวแผ่ซ่านสู่ใจของพัทธ์ให้หนาวเยือก แรกทีเดียวเขาไม่เชื่อในคำบอกเล่านั้น แต่ในเมื่อไม่มีเบาะแสอื่น เขาจึงลอบเข้าไปในเขตบ้านหลังหนึ่งตามคำบอกเล่าของหลาน ที่นั่น เขาพบโครงกระดูกมนุษย์ถูกฝังอยู่ จึงตัดสินใจขอหมายศาลและยกกำลังพลบุกเข้าไปอีกครั้ง

ความจริงปรากฏพร้อมความสยดสยองอย่างไม่อาจหาใดเปรียบ เมื่อผืนดินร้างภายในสวนหลังบ้านแห่งหนึ่งคือหลุมฝังศพเหยื่อผู้สาบสูญจำนวนมาก ตลอดหลายปีพวกเขาและเธอไม่ได้หายหรือถูกลักพาตัวไปไหน แต่กลับสิ้นลมหายใจอยู่ภายในหลุมดินลึกฝังทับร่าง นอกจากกรัณฑาแล้ว พวกเขาขุดพบศพเหยื่อถึงยี่สิบรายฝังเรียงรายอยู่ที่นั่น จากการชันสูตรศพพบรอยบาดแผลและการถูกทารุณกรรม แต่สาเหตุการเสียชีวิตกลับเป็นเพราะขาดอากาศหายใจ เหยื่อทั้งหมดถูกนำมาฝังดินทั้งเป็น!

แต่ใครเล่าทำเรื่องราวโหดร้ายขนาดนี้ได้ลงคอ

ถึงวันนี้พัทธ์ยังจำภาพใบหน้าหลังหน้ากากของฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ได้แม่นยำ เขาแทบผงะตอนฆาตกรถอดหน้ากากเผยโฉมหน้าแท้จริง ฆาตกรเป็นชายหนุ่มวัยประมาณสามสิบปลายๆ มีชื่อว่ากษิดิ์ เข้ามาตั้งรกรากและอาศัยอยู่ในภูตลานานหลายปีก่อนเกิดเหตุคดีลักพาตัว ไม่เคยมีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มหน้าตาดี ท่าทีเป็นมิตรกับเพื่อนบ้าน จะมีมุมมืดแสนโหดร้ายและสยดสยองซ่อนอยู่เบื้องหลัง การบุกเข้าจับกุมตัวฆาตกรในวันนั้นทำให้กษิดิ์ยิงต่อสู้กับตำรวจ ก่อนจะฝ่าดงกระสุน กระโดดหนีลงไปในสายน้ำเชี่ยวกราก หลังการค้นหาอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่นานจนครบอาทิตย์ ไม่มีใครพบศพกษิดิ์ คดีนี้จึงยังค้างคายาวนานต่อมาถึงสิบแปดปี

พัทธ์กระดกกระป๋องเบียร์ในมือขึ้นซดอีกครั้ง ความรู้สึกหมองหม่นในจิตใจยังไม่เลือนหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามเขาล่วงรู้ฝันร้ายของหลานสาว แม้ในใจจะเชื่ออยู่ลึกๆว่ากษิดิ์ตายไปตั้งแต่ตอนกระโดดน้ำแล้ว เพราะสายน้ำเชี่ยวแบบนั้น ขนาดคนแข็งแรงปกติดียังอาจเอาชีวิตไม่รอด นับประสาอะไรกับคนถูกยิงทะลุอกหลายนัด แต่การไม่พบศพทำให้พัทธ์ยังเก็บซ่อนความไม่แน่ใจไว้ลึกๆ

หลังเหตุการณ์เสียชีวิตของกรัณฑา พิชญ์ทำใจไม่ได้ เขาถึงกับเสียผู้เสียคนไปพักใหญ่ จนพัทธ์ต้องรับเลี้ยงเหมือนฝันอยู่นานหลายเดือน ก่อนคนเป็นพ่อจะได้สติ กลับมาใช้ชีวิตตามครรลอง พิชญ์ตัดสินใจพาบุตรสาวย้ายมาตั้งรกรากใหม่ที่กรุงเทพฯ คดีสะเทือนขวัญถูกทิ้งร้าง และกรัณฑาถือเป็นเหยื่อรายสุดท้ายของคดี

กระทั่งได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับการฆาตกรรมจากปากเหมือนฝันในวันนี้...

“เออนี่ ช่วงนี้มีคดีความอะไรแปลกๆบ้างรึเปล่า” พัทธ์ถามเพื่อนซึ่งเดินไปหยิบเบียร์อีกกระป๋องมาให้ ระหว่างทั้งคู่นั่งดูโทรทัศน์กันไปพักใหญ่

“จะเอาคดีแบบไหนล่ะ มีเรื่องฆ่ากันตายทุกวันนั่นแหละ”

หลังคำกล่าวของเพื่อน ภาพในจอโทรทัศน์ก็ตัดเข้าสู่ข่าวการพบศพทารกเด็กหญิงคนหนึ่งในแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดหนึ่งของภาคกลาง พัทธ์เงียบ นั่งฟังผู้ประกาศข่าวรายงานจนจบ จึงหันหน้ามาเอ่ยกับเพื่อน

“คดีแบบ...ฆาตกรใส่หน้ากากหรือเหยื่อถูกฆ่าฝังดินทั้งเป็นล่ะ มีไหม”

“เฮ้ย ไม่มีคดีแบบนั้นหรอก” เพื่อนของเขาโวยวายเสียงหลง ก่อนขมวดคิ้วมุ่น “ไม่รู้สิ ไม่น่ามีนะ ทำไมจู่ๆมึงถึงถามเรื่องคดีนี้ขึ้นมา”

“เปล่าหรอก” เสียงของพัทธ์เบาลง คล้ายรำพันกับตนเองมากกว่าตอบคำถามเพื่อน “แค่สงสัยว่าฆาตกรที่คิดว่าตายไปแล้วจะกลับมามีชีวิต ลุกขึ้นมาฆ่าคนตายได้อีกไหม”






ริญจน์ธร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ย. 2557, 09:59:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.ย. 2557, 09:59:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 1359





<< บทที่ ๑ อดีตไม่หวนคืน   บทที่ ๓ ดรีมแลนด์แดนหรรษา (ครึ่งแรก) >>
ริญจน์ธร 11 ก.ย. 2557, 10:09:21 น.
ตอบคอมเมนต์
คุณ Ketza มาไวมากๆ วันนี้จะมาวินคนแรกรึเปล่าน้อ

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ พอเดาได้รึยังคะว่าเรื่องนี้จะสยองยังไง

คุณ อสิตา พี่เก้ายังไม่ตื่นสินะ เช้านี้ยังไม่เห็นออนเลย มัวเล่นกับกระต่ายจนดึกเหรอ

คุณ บุลินทร เสียดายน้องมีนไม่ได้ไปเที่ยวสวนสนุกรอบนี้ด้วยกัน ไม่เป็นไร ไว้ทริปหน้าไปด้วยกันอีกนะ

คุณ ภาวิน กลับจากบ้านปรารถนาแล้วววว มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นจนได้

คุณ พันธุ์แตงกวา สงสัยจังว่าฉากนี้พี่แตงกวาจะจิกหมอนหรือเปล่า 555 เจ้ลุ้นรอเจอพระเอกใช่ม้าาา แต่รอบนี้เจอแต่ศพ ยังไม่เห็นพระเอกเลย

คุณ goldensun เข้าไปหกคนสำหรับห้าเรื่องเพราะมีเรื่องหนึ่งเข้าไปทั้งพระนางค่า ส่วนตาข่ายดักฝันร้าย จริงอย่างคุณ goldensun ว่าเนอะ น่าจะเรียก nightmare จริงๆ แต่พอเสิร์ชหาเป็นภาษาอังกฤษแล้ว เขาใช้กันว่า dream อะค่ะ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไม


ภาวิน 11 ก.ย. 2557, 10:27:52 น.
ว้ายๆวันนี้มาก่อนเกดซ่า เหมือนฝันน่าสงสารอะ ฝันร้ายตลอดๆ


ketza 11 ก.ย. 2557, 10:50:10 น.
กรี๊ดดดดดดดดดดด
ไปเ้ข้าห้องน้ำมาแป๊ปเดียว
มาแย้ววววววว 55555555555


sugar 11 ก.ย. 2557, 12:12:12 น.
ดีใจจังคุณริญจน์ธรลงเรื่องใหม่แล้ว นี่ log in มาตอบเลยนะคะเนี่ย ปกติอ่านอย่างเดียว :)

ส่วน Dream Catcher เนี่ย ตามตำนานคือเป็นตาข่ายกรองความฝันที่แม่ๆทำให้เด็กๆ ซึ่งจะกรองความฝันทั้งหมดนะคะ ส่วนกรองยังไงเนี่ยมี 2 ทฤษฏี กลุ่มนึงบอกฝันดีจะลอดผ่านได้ ส่วนฝันร้ายจะถูกกักไว้ พอพระอาทิตย์ขึ้นก็จะสลายไป อีกกลุ่มนึงบอกว่าฝันร้ายจะลอดผ่านตาข่ายออกหน้าต่างไป ส่วนฝันดีจะถูกกักไว้แล้วไหลไปตามขนนกสู่คนที่หลับอยู่ :)


ketza 11 ก.ย. 2557, 15:57:47 น.
บรื๊อออออออออ
เหมือนฝันแย่แบ้วววว
น่าฉงฉานนนนน T^T
.
.
.
.
.
.
.
รอคุงวี 5555555++


patok 11 ก.ย. 2557, 18:10:04 น.
ทำไมครั้งนี้เรื่องคุณซี แลดูหลอนๆ ไม่มุ้งมิ้งเลย อ่านแล้วบีบหัวใจ 5555


พันธุ์แตงกวา 11 ก.ย. 2557, 18:32:07 น.
แง่ม พระเอกไม่ออก ><
แต่ลุ้นดี สงสารแม่เหมือนฝันจัง สงสารฝันด้วยที่เห็นแม่ถูกทำร้าย มันต้องยังไม่ตายแน่ๆไอ้ฆาตกรโหด ใครที่ถูกยิงถูกแทงแล้วตกน้ำมันไม่ค่อยตายหรอก จับมันให้ได้


goldensun 11 ก.ย. 2557, 18:50:55 น.
ไม่มีประเด็นกับดรีมแคทเชอร์ละกันค่ะ ยังไงก็ดักฝันละ แต่บ้านปรารถนาทำขาดละสิ เรื่องร้ายจริงๆในรูปแบบฝันร้ายเลยเข้าถึงฝันได้เลย น่าสงสารนะคะ รู้แต่ช่วยไม่ได้ สยองมาก


บุลินทร 11 ก.ย. 2557, 21:34:09 น.
ริญจน์ธรมาดใหม่นะเนี่ย โหดมาก


นักอ่านเหนียวหนึบ 11 ก.ย. 2557, 22:53:12 น.
เฮือกกก มันหลอนมากกก ไปนิดนะ
เค้ารีบวิ่งไปล็อกบ้านแทบไม่ทัน กลัววว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account