กรงพสุธา [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
ความดีและเลวก็มีแค่เส้นแบ่งบางๆขวางกั้น
หากก้าวผ่านมันไปแล้วคงไม่มีวันย้อนกลับ

คดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ควรจะจบลงเมื่อสิบแปดปีที่แล้วกำลังย้อนรอยกลับมาอีกครั้ง!
เมื่อโชคชะตาพัดพาให้ เหมือนฝัน หลงเข้าไปในห้องแห่งดินของ บ้านปรารถนา ฝันร้ายของเธอก็กลับคืนมา หญิงสาวฝันถึงเหตุฆาตกรรมฝังดิน ซึ่งมีรูปแบบคล้ายคลึงกับคดีเมื่อสิบแปดปีก่อน จึงตัดสินใจออกค้นหาความจริง จนได้รู้จักกับ ปัถวี ชายหนุ่มผู้มีอำนาจจิตในการควบคุมธาตุดิน ทั้งสองพยายามตามหาตัวฆาตกรพร้อมๆกับการเกิดเหตุฆาตกรรมคดีแล้วคดีเล่า และดูเหมือนแต่ละคดีจะโยงใยถึงกัน ที่สุดแล้ว พวกเขาจะตามหาฆาตกรตัวจริงพบหรือไม่ แล้วมันเกี่ยวข้องอย่างไรกับฆาตกรรมต่อเนื่องเมื่อสิบแปดปีก่อน!
Tags: ๕ปรารถนา เหมือนฝัน ปัถวี วังวนวารี ทองพญามาร

ตอน: บทที่ ๑ อดีตไม่หวนคืน



ท้องฟ้าย่ำสนธยาทอแสงแดงฉานฉาบทาทั่วท้องทุ่งประหนึ่งน้ำสีเลือดอาบไล้หมู่เมฆา เลยห่างจากแนวทิวไม้ไหว พงหญ้าเขียวสูงโบกสะบัดตามแรงลมกระโชก ร่างเด็กหญิงตัวน้อยก้าวเดินมาตามทางเล็กๆตัดผ่านทุ่งหญ้าอ้อ มือน้อยข้างหนึ่งอยู่ในอุ้งมือนุ่มของหญิงสาวซึ่งเร่งรุดนำทางเธอให้รีบเดินตัดทุ่งกลับบ้าน

หวีด-ด-ด-ด หวิว-ว-ว-ว สายลมกรีดกรายผ่านช่องว่างของทิวไม้ ก่อเกิดสำเนียงเสียงประหลาดราวกับปีศาจกรีดร้องโหยหวน สร้างความประหวั่นพรั่นหัวใจแก่ผู้สูงวัยกว่าจนสันหลังเย็นเยียบ

“อีกเดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว รีบเดินก่อนฟ้าจะมืดเถอะ” มารดากระตุกแขนบุตรสาว พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น

ทว่าการเดินเท้ามานานตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน สร้างความเหนื่อยล้าแก่เด็กหญิงเป็นอย่างมาก เธอจึงเริ่มงอแง

“แต่แม่คะ หนูเหนื่อย ทำไมเราต้องรีบด้วยล่ะ” เด็กหญิงถามอย่างไม่เข้าใจ พลางเงยหน้ามองแสงสุดท้ายที่กำลังลาลับขอบฟ้าอย่างสงสัย

ตอนนี้บรรยากาศรอบกายตกอยู่ในความวังเวง ท้องฟ้าแปรเป็นสีน้ำเงินมืดเมื่อรัตติกาลแผ่ปีกสยายปกคลุม แต่กระนั้นก็ไม่สามารถสร้างความหวาดหวั่นแก่คนเติบโตมาในบ้านกลางทุ่งอย่างเด็กหญิงเหมือนฝันเลยสักนิด

“ฝัน อย่าดื้อกับแม่ได้ไหม” เธอดุบุตรสาวเสียงดัง เป็นผลให้เด็กหญิงหน้าตูม หย่อนกายลงนั่งบนพื้นดินเปรอะๆอย่างต่อต้าน

“หนูเหนื่อยนี่คะ” เด็กหญิงทำเสียงกระเง้ากระงอดอย่างเอาแต่ใจ

“เหนื่อยไม่ได้ ห้ามเหนื่อย ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะฝัน เราต้องรีบกลับบ้าน พ่อรออยู่รู้ไหม”

ไม่ว่าจะขู่หรือหลอกล่ออย่างไร เด็กหญิงก็ไม่ยอมลุกจากพื้นดิน ท้ายสุดกรัณฑาเลยตัดสินใจอุ้มบุตรสาวขึ้นมา ด้วยน้ำหนักตัวค่อนข้างมากของเด็กหญิงตัวจ้ำม่ำ ทำให้การเดินทางกลับบ้านยิ่งล่าช้ากว่าเก่า จวบจนความมืดโรยตัวทั่วทุกหย่อมหญ้า เธอก็ยังพาบุตรสาวกลับไม่ถึงบ้านเสียที

สวบ เด็กหญิงที่ซบหน้าอยู่กับไหล่มารดาได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากพงหญ้าสูงด้านข้าง จึงผงกศีรษะมองเข้าไปในความมืดมิด เห็นมีเพียงเงาสลัวรางโบกไหวๆ

“แม่คะ” เธอสะกิดมารดา สองมือกำแขนเสื้ออีกฝ่ายมั่น ความหวาดกลัวแล่นผ่านสู่หัวใจดวงน้อย

“ชู่ว์ อย่าเสียงดัง” กรัณฑากอดบุตรสาวแน่น เร่งฝีเท้าจากเดินเป็นวิ่ง

“แต่ว่าหนูได้ยินเสียง”

“แม่รู้” ตอบเพียงเท่านั้น กรัณฑาก็ตั้งหน้าตั้งตาวิ่ง เสียงหอบหายใจดังคละเคล้ามาในสายลมเย็นเยียบ ระยะทางจากโรงเรียนถึงบ้านดูห่างกว่าทุกวัน

สวบ...สาบ เสียงบางอย่างในพงหญ้าตามติดสองแม่ลูก และดูเหมือนมันจะใกล้เข้ามาทุกขณะ

“ฝัน จำทางกลับบ้านได้ไหมลูก” กรัณฑาตัดสินใจวางร่างเด็กหญิงลงบนทางเดิน แกะมือน้อยๆออกจากแขนเสื้อของตัวเอง ดวงหน้าของมารดาในความมืดดูขาวซีด แววตาฉายแววตื่นตระหนก

“จำได้ค่ะ” เด็กหญิงรีบพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย เพราะล่วงรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าไม่ใช่เวลามาดื้อดึงกับมารดา

“งั้นวิ่งกลับบ้านนะลูก วิ่งกลับไปหาพ่อ ไม่ต้องหันกลับมา” กรัณฑารุนแผ่นหลังเด็กหญิงมือสั่นเทา แต่เหมือนฝันยังมีคำถาม

“แล้วแม่ล่ะคะ”

“ไม่ต้องสนใจแม่ วิ่งไป วิ่ง!”

เพราะเสียงดุจริงจังประโยคสุดท้าย เหมือนฝันตัดสินใจตั้งหน้าตั้งตาวิ่งกลับบ้านโดยไม่เหลียวหลัง ไม่นานเธอก็เห็นบ้านไม้ของตนภายใต้ม่านราตรี มีร่างสูงที่เธอคุ้นเคยยืนโดดเด่นอยู่ที่นั่น เขาวิ่งเต็มฝีเท้าเข้ามาหาทันทีเมื่อเห็นเธอ และมันเป็นช่วงเวลาเดียวกับเสียงกรีดร้องของมารดาดังมาจากทางด้านหลัง!



หญิงสาวสะดุ้งตื่น ดวงตาเบิกโพลง เสียงตะโกนของมารดายังก้องเต็มสองหูทั้งที่เวลาผ่านมานานถึงสิบแปดปีแล้ว เธอยกมือสั่นเทาลูบใบหน้า แล้วพบว่าตนเองเผลอฟุบหลับคาโน้ตบุ๊กบนโต๊ะทำงานในห้องนอน ความง่วงงุนและหวาดผวาจากภาพฝันยังตามหลอกหลอน ดวงตาสีน้ำตาลสั่นระริก หยาดน้ำตาเอ่อคลอแล้วกลิ้งตัวดิ่งลงตามพวงแก้มใส ไม่ช้าริมฝีปากบางราวกลีบกุหลาบแรกแย้มก็ลิ้มรสความเค็มอันขมขื่น แต่คนอย่างเหมือนฝันไม่ยอมปล่อยตนเองจมปลักอยู่กับความสูญเสียในอดีตนานนัก เธอรีบลุกจากเก้าอี้ เดินไปล้างหน้าในห้องน้ำ

สายน้ำเย็นช่วยชะล้างความหมองเศร้าในจิตใจ หญิงสาวสลัดศีรษะ สูดลมหายใจเข้าปอดหลายครั้ง สติและสมาธินำเธอกลับสู่ปัจจุบัน ใบหน้านวลรูปไข่เงยมองเงาสะท้อนในกระจก เห็นหญิงสาวผมยาวฟูฟ่อง ดวงหน้าเรียวรับกันอย่างเหมาะเจาะกับเครื่องหน้าปากนิดจมูกหน่อย ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตดูโดดเด่นภายใต้แพขนตาหนาและคิ้วโก่งงาม เหมือนฝันในวันนี้เติบใหญ่ เป็นสาววัยยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ หาใช่เด็กหญิงอย่างวันเก่า ทว่าสิ่งหนึ่งซึ่งไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยก็คือ เธอกลายเป็นเด็กกำพร้านับจากวันนั้น!

ติ๊ง ตอนหญิงสาวเดินออกจากห้องน้ำมีเสียงข้อความเข้าดังจากโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะทำงาน เธอยกมันเปิดดู เห็นข้อความใหม่จากคนเพิ่งวางสายไปก่อนเธอจะผล็อยหลับ

‘อย่าลืมสัญญานะคนสวย จุ๊บๆ’

เหมือนฝันเบ้ปาก ทำหน้าระอาใจยามเห็นข้อความจากอติวัจน์ส่งมาพร้อมตัวการ์ตูนกำลังส่งจูบ เธอนึกถึงบทสนทนาก่อนหน้าระหว่างตนเองกับเพื่อนชายคนสนิท

‘ช่วยหน่อยเหอะฝัน ถ้าไม่ได้แก ฉันคงไม่มีโอกาสใกล้ชิดน้องลุตาอีก’ เสียงคร่ำครวญมาตามสายคล้ายคนกำลังขาดใจตายของอติวัจน์เมื่อตอนเย็น สร้างความปวดหัวแก่ผู้รับสายเป็นอย่างมาก

‘ถ้าน้องเขาไม่สนใจ แกจะจีบเขาไปทำไมวะ’ เหมือนฝันถามเพื่อนอย่างไม่เข้าใจกับความรักซึ่งฝ่ายนั้นมีต่อรุ่นน้องร่วมชมรม

‘โธ่ คนมันหลงรัก มีศรปักอยู่กลางอกแบบนี้ แกไม่เข้าใจหรอก ไม่เคยมีความรักนี่หว่า’

‘ไอ้นี่ ตกลงโทร.มา อยากให้ช่วยหรือด่าซ้ำกันแน่’

‘ช่วยสิช่วย แกพูดงี้แปลว่าตกลงยอมช่วยแล้วนะ’ อติวัจน์มัดมือชกหน้าตาเฉย จากนั้นเขาก็พล่ามเรื่องราวความน่ารักของมาลุตาให้เธอฟังอีกนานพักใหญ่ก่อนจะวางสาย ทิ้งให้เธอปวดหัวอยู่กับคำขอร้องของเขาตามลำพัง

“มันน่าช่วยตายละ” หญิงสาวบ่นกับข้อความในโทรศัพท์ แล้ววางมันทิ้งไว้บนโต๊ะทำงานตามเดิม

ความขมขื่นจากฝันร้ายมลายหายเมื่อนึกถึงเรื่องราวน่าปวดหัวของอติวัจน์ แต่ไม่นานรอยยิ้มบางๆก็ประดับบนดวงหน้ารูปไข่ยามจินตนาการเห็นสีหน้าทะเล้นของเพื่อนชาย เธอรู้จักกับอติวัจน์ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายด้วยกัน เพราะความช่างพูดจนเกือบๆจะเป็นพูดมากของเขา เหมือนฝันซึ่งในตอนนั้นเพิ่งเข้าเรียนต่อมัธยมปลายกลางคันจึงมีเขาเป็นเพื่อนคนแรก ท่าทีทะเล้นสดใส ช่างพูดเล่นอยู่เป็นนิจ ทำให้อติวัจน์เข้ากับคนง่ายและเป็นที่รักของเพื่อนๆในโรงเรียน อีกทั้งเธอและเขาสอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกัน เหมือนฝันเลยคบหาเพื่อนชายคนนี้เรื่อยมา

ทว่ามันไม่รู้เริ่มต้นตอนไหน เธอรู้สึกว่าคำพูดของเพื่อนคนนี้ช่างไร้สาระ ถึงขนาดมีเพื่อนบางคนตั้งสมญานามอติวัจน์ว่า ‘ไอ้ตัวพูดมาก’ เมื่อความช่างพูดเล่นของเขาไม่ได้เติบโตตามวัยวุฒิเลย โดยเฉพาะในยามพวกเธอพ้นจากรั้วมหาวิทยาลัยมาหลายปีแล้ว แต่กระนั้นข้อเสียของอติวัจน์ก็ไม่ใช่เรื่องรับไม่ได้สำหรับเธอ เพราะขึ้นชื่อว่าเพื่อน เหมือนฝันยอมรับได้ทั้งในส่วนดีและเสียเสมอ

“เอาวะ ช่วยก็ช่วย” หญิงสาวบอกตัวเองอีกครั้ง ก่อนพิมพ์ข้อความตอบกลับ

หลังจากนั้นเธอจึงเดินออกจากห้องนอนลงมายังชั้นล่างของบ้าน กลิ่นหอมของอาหารค่ำโชยกรุ่นทักทายเป็นอย่างแรกยามเปิดประตู ตัวบ้านแบบทาวน์โฮมขนาดไม่ใหญ่นัก ดูกะทัดรัด เหมาะเจาะกับการอาศัยในเมืองหลวงตามลำพังสองพ่อลูก หลังเกิดเหตุสะเทือนขวัญกับกรัณฑา พิชญ์ตัดสินใจขายบ้านและสวนผลไม้ทั้งหมดในอำเภอภูตลา พาเธอย้ายจากต่างจังหวัดเข้ามาอาศัยในกรุงเทพฯ ประหนึ่งต้องการทิ้งเรื่องราวบาดหัวใจไว้เบื้องหลัง ชีวิตของเด็กหญิงเหมือนฝันจึงเติบโตมาอย่างเด็กเมืองกรุง ส่วนพ่อทำข้าวแกงขาย แม้รายได้อาจไม่มากมายนัก แต่ก็พอเลี้ยงดูสองปากท้องและส่งหญิงสาวจนเรียนจบปริญญาตรี

“อ้าว ฝัน ลงมาพอดี พ่อกำลังจะขึ้นไปเรียกอยู่เชียว ข้าวเย็นเสร็จแล้วนะลูก” พิชญ์เอ่ยทักบุตรสาวขณะเดินถือชามกับข้าวมาวางบนโต๊ะอาหาร

หลังเหมือนฝันเรียนจบมหาวิทยาลัย เธอได้ทำงานในบริษัทผลิตเสื้อผ้าตามสาขาวิชาเอกออกแบบเครื่องแต่งกายที่ตนเองร่ำเรียน ด้วยมีความคิดสร้างสรรค์ บวกกับอุปนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตน อาชีพการงานของหญิงสาวจึงก้าวไกล มีรายได้มากพอจะจุนเจือครอบครัว จนพิชญ์ไม่ต้องเหนื่อยเข็นรถเข็นออกไปขายข้าวแกงอีกแล้ว

“ค่ะพ่อ แต่พ่อเพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัดเหนื่อยๆ ไม่น่าลำบากทำกับข้าวเลย” หญิงสาวบ่น แต่ก็ชะโงกหน้ามองกับข้าวบนโต๊ะอาหารด้วยทีท่าสนใจ “โห ไข่พะโล้น่าทานจัง ต้องอร่อยมากแน่ๆ”

“คงไม่เท่าฝีมือแม่ของฝันหรอก” หลังคำเปรียบเปรยก็ราวกับบรรยากาศรื่นรมย์เลือนหาย กลายเป็นความเงียบงัน สองพ่อลูกต่างมองหน้ากัน เห็นแววไหวระริกในดวงตาฝ่ายตรงข้าม อีกนานทีเดียวกว่าพิชญ์จะเป็นฝ่ายพูดต่อ “โทษที พอกลับไปภูตลาแล้วก็อดคิดถึงแม่ของลูกไม่ได้”

สามวันมานี้บิดาเดินทางไปยังอำเภอหนึ่งในจังหวัดทางภาคใต้...ภูตลา ดินแดนซึ่งมีทั้งความหลังและความเศร้า ทั้งที่โดยปกติแล้วเมื่อครบวันตายของกรัณฑา เหมือนฝันและพิชญ์มักจะหาเวลาไปทำบุญที่วัดในกรุงเทพฯ เพราะพิชญ์นำอัฐิของภรรยามาฝังไว้ที่นี่ แต่ปีนี้เธอไม่เข้าใจบิดานักว่าเหตุใดพ่อจึงตัดสินใจกลับบ้านเกิด หลังจากไม่เคยเหยียบย่างไปอีกเลยตลอดสิบแปดปี แถมยังห้ามปรามไม่ให้เธอตามไปด้วยอีก

“หนูก็คิดถึงแม่ค่ะ เพิ่งฝันถึงแม่เมื่อกี้” เหมือนฝันตอบเสียงเครือ พลอยให้ผู้เป็นบิดารีบวางชามไข่พะโล้ในมือ

เขาเดินมาหยุดตรงหน้าบุตรสาว มือข้างหนึ่งลูบศีรษะทุยสวยได้รูปของเธอ พร้อมกับถามอย่างห่วงใย “ฝันร้ายรึเปล่า”

“เปล่าค่ะ ความจริงหนูดีใจที่ได้เจอแม่ในฝัน” เธอบอกยิ้มๆ น้ำเสียงแฝงรอยเศร้า

พิชญ์ยิ้มกับคำตอบของบุตรสาว รอยรื้นปรากฏบนดวงตาเขาเพียงแวบเดียวแล้วจางหายเพียงแค่เขากะพริบตา “ทานข้าวเถอะ เดี๋ยวจะเย็นหมดเสียก่อน”

แล้วสองพ่อลูกก็นั่งลงรับประทานอาหาร ในปกติมื้อค่ำของวันหยุดสุดสัปดาห์เช่นนี้ ทั้งคู่จะใช้โอกาสพูดคุยกันนานกว่าปกติ โดยเฉพาะเหมือนฝันมักมีเรื่องราวเกี่ยวกับที่ทำงานและเพื่อนๆมาเล่าให้บิดาฟังเสมอ

“แล้วเรียนจบมาแบบนี้ หนูได้พบครูฤทธิ์บ้างรึเปล่า ท่านสบายดีไหม” พิชญ์ถามถึงอาจารย์ที่ปรึกษาประจำชมรมลี้ลับผู้มีบุญคุณกับบุตรสาว

สมัยเหมือนฝันเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง มีโอกาสเรียนกับอาจารย์ในวิชา ‘วิถีความเชื่อของไทย’ แล้วตามมาเข้าชมรมลี้ลับเพราะท่านเป็นที่ปรึกษาอยู่ แม้หลังจากนั้นไม่นานอาจารย์ลือฤทธิ์จะปลดเกษียณ แต่ท่านยังคงแวะเวียนมาที่ชมรม คอยให้คำปรึกษาแก่เธอและเพื่อนๆเสมอ

คำปรึกษาที่ไม่สามารถหาได้จากอาจารย์ท่านอื่น...

“ไม่ได้พบกันตั้งแต่วันรับปริญญาแล้วค่ะ ท่านเกษียณแล้ว แต่ถ้าว่าง หนูก็อยากกลับไปที่ชมรมบ้างเหมือนกัน” เหมือนฝันยกมือซ้ายจับติ่งหูตนเองขณะพูด ปลายนิ้วเรียวเลื่อนไล่เลยมาถึงต่างหูขนาดใหญ่ เธอมักสวมมันเป็นของประดับคู่กาย...ของสำคัญสุดในชีวิตที่อาจารย์มอบให้ “เพราะครูฤทธิ์ หนูถึงไม่ฝันร้ายอีก”

นับตั้งแต่ยังเด็ก เหมือนฝันรู้ว่าตนเองมีสัมผัสพิเศษเหนือใคร เธอมักฝันถึงคนตายบ่อยๆ หญิงสาวไม่ได้ฝันถึงผีหรือดวงวิญญาณ ไม่ได้ฝันถึงเรื่องที่จะเกิดกับตัวเอง แต่มันเกี่ยวพันถึงการเสียชีวิตของผู้คนส่วนใหญ่ซึ่งเธอไม่รู้จัก และมักเป็นไปในลักษณะผิดปกติ เช่น การฆาตกรรม!

มันไม่ใช่นิมิต ไม่ใช่ลางบอกเหตุ เพราะมันคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว ณ แห่งใดแห่งหนึ่ง คล้ายจะพาเธอย้อนเวลากลับไปยังจุดเกิดเหตุสุดท้ายยามลมหายใจของคนตายหลุดจากร่าง หญิงสาวเกลียดและกลัวความฝันแบบนี้เหลือเกิน ซึ่งฝันร้ายที่น่ากลัวที่สุดและตามหลอกหลอนเธอมาเนิ่นนานก็คือความตายของมารดา ครั้งนั้นฝันของเธอชัดเจนที่สุดในชีวิต!

โชคดีที่ความฝันเหล่านั้นหายไปนับตั้งแต่เธอได้รับเครื่องรางนี้จากอาจารย์ลือฤทธิ์ หญิงสาวจึงทั้งรักและศรัทธาท่านเป็นอย่างมาก เครื่องรางนี้มาจากความเชื่อของชาวเผ่าอินเดียแดง รู้จักกันในนามของ ‘ตาข่ายดักฝันร้าย’ หรือ ‘Dreamcatcher’

เหมือนฝันไม่แน่ใจว่าอาจารย์ลือฤทธิ์เป็นคนถักตาข่ายนี้ให้เธอเองหรือเอามาจากไหน มันมีลักษณะเป็นห่วงวงกลมขนาดใหญ่กว่าเหรียญสิบบาทเล็กน้อย พันทับด้วยเส้นหนังสีน้ำตาลเข้มรอบวง มีเชือกสีเดียวกันถักทอเป็นตาข่ายใยแมงมุมอยู่ตรงกลางวงพร้อมลูกปัดหินเม็ดหนึ่งประดับเด่น ตรงครึ่งวงกลมส่วนล่างมีเชือกประดับหินสีและขนนกร้อยต่อลงมาเป็นพวงระย้า

แรกทีเดียวเครื่องรางชิ้นนี้ถูกนำมาร้อยต่อกับเชือกหนังเพื่อสวมติดกาย แต่พอหนังเส้นนั้นขาด เหมือนฝันเลยนำขอเกี่ยวสำหรับทำต่างหูมาร้อยใส่ กลายเป็นเครื่องประดับประจำตัวยามออกไปไหนมาไหนตลอดเวลา ส่วนในยามนอนเธอจะแขวนมันไว้ตรงหัวเตียง ด้วยเชื่อว่าตาข่ายนี้คอยดักจับฝันร้ายไม่ให้มาถึงเธอ



หลังรับประทานอาหารค่ำเสร็จ เหมือนฝันไม่ได้กลับขึ้นห้องนอนทันที เธอเดินมาดูโทรทัศน์ต่อกับบิดาในห้องนั่งเล่น เสียงผู้ประกาศข่าวไม่ได้เข้าหูหญิงสาวนัก เมื่อเจ้าตัวมัวแต่สนใจอยู่กับการอ่านฟีดข่าวเฟซบุ๊กในโทรศัพท์มือถือ จนกระทั่งรายการข่าวตัดเข้าสู่ช่วงโฆษณา เสียงปลุกเร้าชวนเชื่อถึงสวนสนุกแห่งหนึ่งเรียกความสนใจจากเหมือนฝันให้เงยหน้าขึ้นมองจอสี่เหลี่ยมตรงหน้า ภาพเครื่องเล่นสีสันสะดุดตาดั่งมีมนตร์สะกด หยุดหญิงสาวให้จ้องมองอยู่นาน

“...ดรีมแลนด์แดนหรรษา สวนสนุกเปิดใหม่ไม่ไกลจากตัวเมือง พร้อมเปิดให้บริการท่านแล้ววันนี้”

แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดพรายขึ้นมา ถ้าเป็นที่นี่ อาจชวนมาลุตากับอติวัจน์มาพบกันได้อย่างเนียนๆ

เหมือนฝันตัดสินใจโทร.ไปหยั่งเชิงมาลุตา และมัวแต่สนใจคนปลายสายจนไม่ทันสังเกตว่า วูบหนึ่งโฆษณาบนหน้าจอโทรทัศน์เกิดกระตุกอย่างประหลาด ก่อนภาพสวนสนุกสีสันสดใสจะดับวาบเปลี่ยนเป็นมืดมิด แล้วค่อยๆปรากฏอาคารทรงประหลาดสองชั้นขึ้น!

“ไปค่ะ ลุตากำลังเบื่อๆอยู่เลย ไปเที่ยวสวนสนุกก็ดีเหมือนกันค่ะ”

ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนรุ่นน้องจะตอบรับคำชวนของเธอทันที คนนั่งอยู่หน้าจอหันกลับมามองจอโทรทัศน์ ทันเห็นเพียงเงาดำๆก่อนภาพตัดสู่โฆษณาอย่างอื่น เหมือนฝันขมวดคิ้ว ไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่ตนเองตาฝาดหรืออย่างไร หญิงสาวมองภาพในจอโทรทัศน์เพียงไม่นาน แล้วจึงหันความสนใจกลับมาหาคนในสาย

“ถ้างั้นนัดกันเสาร์หน้า ว่างไหม”

มาลุตาเงียบหายไปพักหนึ่ง ก่อนเจ้าตัวจะสารภาพมาเสียงอ่อยๆ

“ความจริงเสาร์หน้าลุตาตั้งใจจะเข้าไปเยี่ยมครูฤทธิ์ที่บ้านตอนบ่ายๆค่ะ พี่ฝันจะไปสวนสนุกกี่โมงเหรอคะ”

“ยังไม่ได้คิดเลย” เหมือนฝันนิ่งคิดไปนิดหนึ่ง แล้วไม่รู้อะไรดลใจให้เธอตัดสินใจเลือกเวลานัดออกมา “เราไปสวนสนุกสักห้าโมงเย็นก็ได้นะ พี่ดูแล้ว เขาปิดตั้งเที่ยงคืน ไปเที่ยวตอนเย็นๆก็ดีเหมือนกัน อากาศไม่ร้อน คนจะได้ไม่แน่นด้วย แล้วอีกอย่างพี่อยากเข้าไปเยี่ยมครูฤทธิ์เหมือนกัน เดี๋ยวพี่ขับรถไปรับลุตาสักบ่ายโมงดีไหม”

“ได้ค่ะ แล้วแต่พี่ฝันเลย” มาลุตาตอบกลับอย่างว่าง่าย แทบไม่คิดอะไร

“แต่ไปกันสองคนคงไม่สนุกเท่าไร เดี๋ยวพี่โทร.ไปชวนเพื่อนคนอื่นๆในชมรมด้วยดีกว่า คงนัดไปเจอกันที่โน่นตอนห้าโมงเย็น”

มาลุตาไม่มีความเห็นในข้อนี้ เพื่อนรุ่นน้องเออออตามเธอทั้งหมด จนกระทั่งวางสาย เหมือนฝันเลยโทร.กลับหาอติวัจน์เพื่อนัดเวลาไปเที่ยวสวนสนุก แรกทีเดียวชายหนุ่มเกือบจะปฏิเสธเธออยู่แล้ว ถ้าไม่เพราะโดนประโยคเด็ดเข้า

“ลุตาไปด้วยนะแก”

“เฮ้ย ก็ต้องไปสิวะ ถามได้ ไปพรุ่งนี้เลยได้ไหม”

“บ้าเหรอ ยังไม่ได้นัดใครเลย อย่าใจร้อนนักสิ”

“จะต้องนัดใครอีก ไปกันแค่สามคนพอแล้ว” อติวัจน์บอกอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ ก็ความสำคัญของเขามีเพียงมาลุตาเท่านั้น

“ไม่เนียนเลย แล้วถ้าเกิดลุตาเบี้ยวนัดเพราะไม่อยากเจอแกล่ะ”

เจอไม้นี้เข้า อติวัจน์เลยทำเสียงอ่อย “งั้นตามใจแกแล้วกัน เพราะสำหรับฉันสนใจแค่น้องลุตาคนเดียวนั่นแหละ”

“รู้แล้ว ฉันตั้งใจว่าจะโทร.ไปชวนยายเพชรด้วย”

“เออๆ ตามนั้น” อติวัจน์บอกอย่างไม่ใส่ใจก่อนวางสาย เหมือนฝันคาดว่าคืนนี้อีกฝ่ายคงกลับไปนอนฝันหวานถึงมาลุตาแน่

จากนั้นเธอจึงโทร.ไปชวนน้ำหนึ่ง ฝ่ายนั้นตอบรับคำชวนเธอในทันทีเช่นกัน น้ำหนึ่งเป็นเพื่อนที่เธอรู้จักจากชมรมลี้ลับ หญิงสาวเป็นคนสวย ผิวขาว ขาวกว่าเธอซึ่งมีผิวขาวเหลือง ผมสีน้ำตาลเข้มหยักศกเป็นลอนคลื่นยาวถึงกลางหลัง ดูน่าอิจฉาเมื่อเทียบกับผมยุ่งๆแสนจะฟูเป็นไม้กวาดอย่างผมเธอ แถมดวงตากลมโตยังฉายแววฉลาดทันคนเสมอ

เหมือนฝันคุยโทรศัพท์กับน้ำหนึ่งต่อไม่นานนักจึงวางสาย ก่อนเดินกลับขึ้นห้องนอนคืนนี้ เธออดคิดไม่ได้ว่า เหตุใดเพื่อนที่ไม่เจอหน้ากันมานาน ถึงสามารถนัดเจอพร้อมกันอย่างง่ายดาย ราวกับมีอะไรดลใจชักนำคนทั้งหมดออกมาพบกันกระนั้น



วันเสาร์ช่วงบ่ายๆ เหมือนฝันกับมาลุตาแวะมากราบอาจารย์ลือฤทธิ์ บ้านไม้เก่าสองชั้นล้อมรอบด้วยต้นไม้หลากสายพันธุ์ให้ความสงบร่มรื่นไม่ต่างจากตัวเจ้าของบ้าน ทว่าคำเตือนสุดท้ายของอาจารย์ก่อนทั้งคู่จะกลับออกจากบ้านท่านสร้างความฉงนแก่สองสาวเป็นอย่างมาก

‘ระวังตัวให้ดี จะทำสิ่งใดจงใช้สติไตร่ตรองให้มาก’

ใครต้องระวังตัว เธอหรือน้องลุตา หรือทั้งสองคน! คำพูดไม่เจาะจงว่าหมายถึงใครทำให้เหมือนฝันเป็นกังวล

“คิดอะไรอยู่เหรอคะพี่ฝัน ใช่คำเตือนของอาจารย์รึเปล่า” เหมือนมาลุตาจะล่วงรู้ความคิดเธอ ใบหน้าเนียนสวยน่ารักหันมาทักเพื่อนรุ่นพี่เสียงใส

“อืม พี่กำลังสงสัยว่าอาจารย์เตือนเราเรื่องอะไร”

“อาจเป็นเรื่องไปเที่ยวสวนสนุกมั้งคะ ท่านคงอยากให้ระมัดระวังตัวไว้น่ะค่ะ”

เท่านั้นจริงเหรอ เหมือนฝันไม่เชื่อว่าสิ่งที่อาจารย์เตือนจะดูง่ายดายขนาดนี้ แต่คร้านจะเถียง เพราะตัวเธอก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น



เกือบห้าโมงเย็น เหมือนฝันขับรถยนต์มาถึงลานจอดรถของสวนสนุก ลานซีเมนต์กว้างด้านหน้าดูว่างโล่ง เห็นรถยนต์จอดอยู่เพียงประปรายเมื่อผู้คนส่วนใหญ่ล้วนมาเที่ยวสวนสนุกตั้งแต่ตอนสายของวัน คงมีแต่กลุ่มของพวกเธอเท่านั้นกระมังที่นัดกันยามใกล้พลบค่ำเช่นนี้

เจ้าของร่างสูงเพรียว ๑๗๐ สิบเซนติเมตรก้าวลงจากฝั่งคนขับ เดินอ้อมมาเปิดประตูรถทางด้านหลัง เธอหยิบหมวกแก๊ปขึ้นสวมศีรษะ ตามด้วยกระเป๋าผ้าสักหลาดประดับหมุดหัวกะโหลกและพู่สีดำสะพายไหล่ เหมือนฝันในเย็นวันนี้แต่งกายแบบง่ายๆสบายๆ ด้วยเสื้อยืดเอวลอยลายกราฟิกและกางเกงยีน เพราะสูงเกินมาตรฐานหญิงไทย เธอจึงมักใส่รองเท้าผ้าใบเสมอ และมันเข้ากับเธอเป็นอย่างดี

ฝ่ายมาลุตาก็สวมรองเท้าผ้าใบมาเช่นกัน หญิงสาวสวมเสื้อเชิ้ตสีอ่อนกับกางเกงยีนเรียบๆ ไม่โดดเด่น เย็นวันนี้เหมือนฝันจึงรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นยักษ์ตัวใหญ่ไปทันทีเมื่อยืนเคียงข้างสาวน้อยร่างกะทัดรัดอย่างมาลุตา

“ใกล้จะห้าโมงเย็นแล้ว เราไปรอคนอื่นๆตรงหน้าซุ้มทางเข้าดีกว่า” เหมือนฝันชวนมาลุตาขณะส่งข้อความบอกอติวัจน์ว่าเธอเดินทางมาถึงสวนสนุกแล้ว

“แล้ววันนี้มีใครมาบ้างคะ”

“หลายคนอยู่ จากในชมรมลี้ลับนั่นแหละ มียายเพชร พี่เก้า เต แล้วก็...ไอ้อติ” สองชื่อกลางเหมือนฝันเพิ่งรู้จากน้ำหนึ่ง เมื่อฝ่ายนั้นส่งข้อความมาบอกทีหลังว่าชวนนพคุณและตินพลมาด้วย ส่วนชื่อสุดท้ายคือคนที่เธอตั้งใจพามาลุตามาพบ

แต่ดูจากสีหน้าเหยเกของสาวรุ่นน้องแล้ว เหมือนฝันไม่แน่ใจนักว่ามาลุตาอยากจะพบหน้าอติวัจน์บ้างไหม

“ค่ะ” มาลุตาตอบรับคำเหมือนฝันเพียงสั้นๆ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดต่อ

ทั้งคู่เดินจากลานจอดรถมายืนรอเพื่อนๆตรงหน้าซุ้มทางเข้าไม่นาน คนที่เธอเพิ่งส่งข้อความไปบอกก็เดินมาดเท่ ฉีกรอยยิ้มกว้างจนปากแทบจะถึงใบหูมาหา แต่รอยยิ้มนั้นไม่ใช่สำหรับเธอหรอก เมื่อสองตาของอติวัจน์มองเพียงมาลุตา ซ้ำร้ายคำทักทายแรกยังไม่เผื่อแผ่มาถึงเธอด้วยซ้ำ

“ไม่ได้เจอน้องลุตาเกือบปี คงยังไม่ลืมพี่อติคนนี้ใช่ไหมครับ”

“ไอ้อติ น้องลุตาเขาไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์นะแก” เหมือนฝันทั้งขันทั้งระอากับอติวัจน์ อยากจะบ่นอะไรต่ออีกยืดยาวเหมือนกัน แต่หางตาเหลือบเห็นน้ำหนึ่งและนพคุณกำลังเดินตรงมาพอดี เลยหันไปโบกมือ ส่งยิ้มให้

“จบมาหลายเดือนแล้ว สมัครงานที่ไหนไว้บ้างหรือยัง พี่ช่วยหาให้เอาไหม ไม่คิดค่าหัวคิวหรอก สำหรับลุตา พี่ยินดีบริการด้วยหัวใจจริงๆ”

อติวัจน์ยังไม่เลิกอ้อร้อมาลุตา จนคนมาใหม่ทันได้ยินถ้อยคำจีบสาวเข้า เลยแขวะใส่เสียงดัง

“อ้วก!” เป็นน้ำหนึ่งที่เอ่ยคำนี้ ก่อนเหมือนฝันจะต่อทันทีด้วยความหมั่นไส้เพื่อน

“แหวะ! คลื่นเหียนสิ้นดี”

หลังคำค่อนขอดของเธอคือเสียงหัวเราะหึๆในลำคอของนพคุณ เหมือนฝันหันมองเพื่อนรุ่นพี่ที่ส่งยิ้มมาให้ เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูงเพรียว ผิวขาวเหลือง รวบผมยาวเป็นจุกตรงท้ายทอย มีหนวดเคราเล็กน้อยตามแนวคาง พี่เก้าหรือนพคุณอายุมากกว่าเธอสองปี เหมือนฝันรู้จักเขาจากชมรมลี้ลับพร้อมกับน้ำหนึ่งและตินพล แต่เธอไม่สนิทสนมกับเขานัก เพราะทุกครั้งยามพบหน้า เธอมักรู้สึกถึงม่านบางๆกั้นกลางระหว่างตัวเธอกับชายหนุ่มอยู่ ทำให้ไม่สนิทใจมากพอจะมอบความไว้วางใจทั้งหมดให้แบบอติวัจน์

แต่เอาเข้าจริง พี่เก้าอาจนิสัยดีกว่าไอ้อติที่เห็นสาวแล้วลืมเพื่อนอย่างเธอก็เป็นได้ หญิงสาวนึกค่อนเพื่อนที่ยังไม่คิดทักเธอสักคำ แล้วหันความสนใจไปหาน้ำหนึ่ง เมื่อนึกได้ว่ายังขาดเพื่อนร่วมทีมอีกคน

“เพชร ตกลงเตมาด้วยหรือเปล่า ทำไมยังไม่ถึงสักที นี่ก็เกินเวลานัดแล้วนะ” เหมือนฝันถามน้ำหนึ่ง ซึ่งวันนี้รวบผมม้าสูง เผยให้เห็นดวงหน้าเนียนสวย โดดเด่น

“คงมาแหละ ถ้าไม่มาคงโทร.บอกแล้ว แต่ก่อนออกจากบ้าน ฉันก็ไลน์ไปเตือนแล้วนะ”

“ใครจะรอก็รอนะ ฉันไม่รอ ไม่อยากเสียเวลากับคนแบบนั้น” นพคุณบอกรวนๆอย่างไม่คิดไว้หน้าเพื่อน

เป็นที่รู้กันดีว่านพคุณกับตินพลไม่ถูกกันนัก เหมือนฝันไม่รู้ว่าเหตุใดสองหนุ่มถึงไม่ชอบหน้ากัน เธอจำหน้าตินพลได้ดี แหม ก็เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา สมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง อีกทั้งเธอยังเคยเห็นเขามาก่อนหน้าจะรู้จักตัวจริงด้วยซ้ำ เมื่อตินพลเคยเป็นพระเอกเอ็มวีในบทเพลงหนึ่งซึ่งเธอชื่นชอบสมัยมัธยมปลาย ทว่ายามเจอตัวจริง หนุ่มหล่อผู้มีดวงตาฉายแววเจ้าชู้กรุ้มกริ่มไม่ใช่คนน่าสนิทสนมด้วยนัก ตลอดระยะเวลาที่รู้จักกันมาในชมรมลี้ลับ เธอจึงไม่ใคร่สนิทชิดเชื้อกับตินพล กระทั่งเพื่อนคนนี้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัวกับบทบาทพระเอกละครโทรทัศน์ เลยยิ่งไม่มีเวลามาพบหน้าเพื่อนๆดังเก่า หลายปีหลังมานี้เหมือนฝันเห็นเขาจากหน้าหนังสือพิมพ์แทนเสียมากกว่า ล่าสุดก็เรื่องข่าวการเลิกราระหว่างเขากับนางแบบสาวเซ็กซี่อย่างรุ้งพราย

“นั่นสิ นี่ก็เย็นมากแล้ว เดี๋ยวเล่นเครื่องเล่นไม่ครบ เสียดายแย่เลย” ครั้งนี้เหมือนฝันเห็นด้วยกับนพคุณ

ดังนั้นทั้งหมดจึงตกลงใจเข้าไปในสวนสนุกเลย ทั้งห้าชวนกันเล่นเครื่องเล่นผาดโผนหลายชิ้นโดยมีแกนนำคนสำคัญคือน้ำหนึ่ง เธอในเย็นวันนี้ดูบ้าดีเดือดกว่าเคย พาสองหนุ่มและสองสาวตะลุยเครื่องเล่นชวนหวาดเสียวนานาชนิด จนกระทั่งลงจากรถไฟเหาะตีลังกา อติวัจน์ก็มากระซิบบอกเหมือนฝันว่าอยากมีเวลาส่วนตัวกับมาลุตาบ้าง

“ยายเพชรมันเป็นอะไรของมัน ชวนขึ้นแต่เครื่องเล่นโหดๆทั้งนั้น แบบนี้จะสวีทกับน้องลุตาได้ยังไง”

“มาสวนสนุกก็ต้องเล่นเครื่องเล่นสิ”

“เอาอันที่มันโรแมนติกหน่อยไม่ได้เหรอ”

เหมือนฝันส่ายหน้ากับความเรื่องมากของเพื่อนชาย แต่ท้ายสุดก็ปฏิเสธคำขอร้องของเขาไม่ได้ เลยต้องวางแผนให้อติวัจน์ขึ้นชิงช้าสวรรค์ไปกับมาลุตาตามลำพัง หญิงสาวมองตามกระเช้ากลมๆลอยสูงจากฐาน โบกมือส่งยิ้มให้เพื่อนรุ่นน้องที่ทำหน้าคล้ายโดนบังคับให้กลืนยาขมเมื่อต้องขึ้นไปอยู่บนชิงช้าสวรรค์พร้อมอติวัจน์ หลังจากนั้นมาลุตาก็มีสีหน้าตึงๆตอนเดินลงมา เธอเลยไม่กล้าปล่อยสาวรุ่นน้องไว้กับอติวัจน์อีก

ดูท่าทางรักแสนหวานคงไม่เกิดขึ้นง่ายๆ



ท้องฟ้าในค่ำคืนนี้ตกอยู่ในความสลัว ไร้แสงจันทราและหมู่ดารา ชายหญิงทั้งห้าเดินเล่นอยู่ในสวนสนุกลึกเข้ามาเรื่อยๆจนพบบ้านหลังหนึ่งเข้า

“นี่บ้านอะไรวะ” นพคุณเอ่ยถามเป็นคนแรก ฉงนฉงายกับสิ่งก่อสร้างในเงาสลัวรางยามราตรี

“บ้านผีสิงหรือเปล่า” เหมือนฝันกางแผนที่ในมือ พยายามกวาดตาหาตำแหน่งของสถานที่ตรงหน้า แต่หาอย่างไรก็ไม่เจอเสียที เลยยื่นให้มาลุตาช่วยดู

“บ้านผีสิงอยู่ทางโน้นเว้ย เดินผ่านมาแล้ว” นพคุณโคลงศีรษะพลางออกความเห็น “เครื่องเล่นใหม่ของสวนสนุกมั้ง นั่นๆ มีป้ายติดอยู่ตรงนั้น” ชายหนุ่มชี้มือไปยังป้ายชื่อ “แต่ในโบรชัวร์มันไม่มีบ้านหลังนี้นะคะ” มาลุตาบอกหลังจากกวาดตามองกระดาษในมือแล้วไม่เจอเช่นกัน

“มันอาจเพิ่งเปิดใหม่ เลยยังไม่ได้เพิ่มลงในแผนที่ก็ได้”

สองสาวมองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจ แต่นั่นก็ดูเป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผลมากที่สุดแล้ว ทั้งสามจึงเดินตามมาสมทบน้ำหนึ่ง เธอกำลังง่วนอยู่กับการคุยโทรศัพท์อยู่ด้านหน้าทางเข้าบ้าน ทั้งหมดทันได้ยินหญิงสาวเอ่ยกับคนปลายสาย คาดเดาว่าน่าจะเป็นตินพล

“อยู่ที่...บ้านปรารถนา”

คำพูดของเธอเป็นผลให้ทั้งหมดแหงนหน้ามองอาคารสองชั้นพร้อมกัน เห็นป้ายชื่อบ้านแขวนเด่นอยู่หน้าประตูทางเข้า

บ้านปรารถนา คำนี้ให้ความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวแก่เหมือนฝันเป็นอย่างมาก หัวใจเธอเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก เมื่อกวาดตาสำรวจบรรยากาศโดยรอบและตัวอาคาร

ถัดจากจุดที่เธอยืนอยู่คือทางเดินตัดถึงบันไดหิน สู่ประตูหน้าบ้านซึ่งเปิดกว้างรอต้อนรับพวกเธออยู่ บ้านหลังนี้เป็นตัวตึกสองชั้นกึ่งปูนกึ่งไม้ โดดเด่นด้วยหลังคาปีกไม้ซีกใหญ่ลงน้ำมันเงาวับ ส่วนลูกกรงระเบียงเป็นไม้สีน้ำตาล ฉลุลายละเอียดอ่อนช้อย ดูงดงามและขึงขังในคราวเดียวกัน

มันตั้งตระหง่านกลางเนินหญ้าภายใต้เงาสลัวยามราตรี คล้ายอยู่ตรงนี้มานานแสนนาน...นานเกินกว่าจะเป็นเครื่องเล่นใหม่ของสวนสนุก

หวีด-ด-ด-ด หวิว-ว-ว-ว สายลมกรูพัดผ่านมาจากด้านหลัง พาเอาเส้นผมยุ่งเหยิงปลิวปะทะดวงหน้า วูบหนึ่งเหมือนฝันรู้สึกคล้ายมีมือของใครบางคนดุนแผ่นหลังเธอให้ก้าวไปตามทางเดินทอดขึ้นเนิน หญิงสาวชะงัก เหลียวมองข้างๆ พบมาลุตายืนขนาบอยู่ด้วยสีหน้าหวาดหวั่น พร้อมกันนั้นก็เห็นตินพลซึ่งไม่รู้มารวมกลุ่มตอนไหน เดินลิ่วๆแซงหน้าเธอหายเข้าไปทางประตูที่เปิดอ้าอยู่เป็นคนแรก

“พี่ฝัน ลุตาว่าอย่าเข้าไปเลยค่ะ” มาลุตาดึงมือหญิงสาวไว้

ตอนนั้นเองเหมือนฝันเพิ่งสังเกตเห็นว่าตนเองเดินเข้าใกล้บ้านปรารถนามากกว่าควร เธอเดินเข้ามาถึงตรงนี้โดยไม่รู้ตัวได้อย่างไร หญิงสาวถามตนเองอย่างงุนงงสับสน

ชั่วขณะกำลังหยุดคิดนั้น เธอเห็นอติวัจน์เดินดุ่มๆตามตินพลเข้าบ้านไปโดยไม่เหลียวมองเธอกับมาลุตาด้วยซ้ำ คล้ายอีกฝ่ายกำลังงอนหรือโกรธสองสาวอยู่

“ไม่เป็นไร เข้าไปเถอะ สองคนนั้นเข้าไปกันแล้วนี่นา” เหมือนฝันกระชับมืออันเย็นชื้นของมาลุตามั่น แม้จะรู้สึกหวั่นในอก แต่เธอไม่คิดแสดงความหวาดกลัวให้เพื่อนรุ่นน้องเห็น

แค่ของเล่นในสวนสนุก จะน่ากลัวได้อย่างไร เพราะคิดเช่นนั้น หญิงสาวจึงดึงมือมาลุตา พาเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกัน

เลยจากประตูทางเข้าคือห้องโถงกว้างโอ่อ่า ปูพรมสีนวลตา เพดานสูงเป็นโดมกรุกระจกใส มองเห็นท้องฟ้าในคืนเดือนมืด แสงจากไฟคล้ายอัจกลับตามมุมห้องส่องให้ความสว่างสีนวลตา สร้างบรรยากาศทั้งงามสง่าและวิเวกวังเวงในคราวเดียวกัน เหมือนฝันตั้งใจจะเดินมารอน้ำหนึ่งและนพคุณตรงกึ่งกลางห้องโถง จากจุดที่ยืนอยู่นี้ หญิงสาวมองเห็นทางเชื่อมลาดยาวต่อไปยังห้องทางด้านหน้า ประตูสองบานตั้งห่างกันคนละด้าน ซ้ายและขวา และบันไดทางขึ้นชั้นสองติดๆกับประตูด้านขวา ตินพลกำลังสำรวจบานประตูทางซ้ายมือ ส่วนอติวัจน์ผู้ทำตัวประหนึ่งเด็กชายขี้งอน ไม่สนใจเธอและมาลุตา กำลังเดินขึ้นบันไดชั้นสองไป ดูท่าทางจะสนใจประตูอีกบานทางด้านบน

ตึง! ช่วงที่ยืนอยู่ตรงโถงกลางรอเพื่อนอีกสองคน จู่ๆก็มีเสียงดังสนั่นขึ้นจนหญิงสาวสะดุ้ง เหมือนฝันหันไปมองหน้ามาลุตา เห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้วมุ่น จดจ่ออยู่กับความคิดของตนเอง คล้ายไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย

ตึง! อีกแล้ว เสียงดังมาจากทางเชื่อมลาดยาวต่อไปยังอีกห้อง หญิงสาวดึงมือมาลุตาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าทางนั่น เพ่งมองเข้าไปในความสลัวอย่างสงสัย ทางเดินดูชันต่ำลงไปเรื่อยๆ สุดจะรู้ว่ามีอะไรรออยู่ ทันใดนั้น ไฟเพดานก็เกิดกะพริบติดๆดับๆ ก่อนมันจะดับพรึ่บ สองสาวกรีดร้องลั่นเพราะความตกใจกลัว

“พี่คะ เกิดอะไรขึ้น”

เหมือนฝันอยากจะตอบคำถามมาลุตาเหมือนกัน แต่เธอเองก็ไม่รู้ ซ้ำร้ายในทันทีที่กำลังอ้าปากเตรียมจะพูด หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีกระแสพลังงานบางอย่างเอ่อล้นอยู่รอบกาย ผลักมือของมาลุตาหลุดลอยจากอุ้งมือเธอ

เอ๊ะ หรือตัวเธอเป็นฝ่ายถูกดูดเข้าไปในกระแสพลังงานนั้น เหมือนฝันชักไม่แน่ใจ เพราะกว่าจะตั้งสติ ปรับสายตาให้ชินกับความมืด ก็พบว่าตนเองไม่ได้ยืนอยู่ในห้องโถงกลางบ้านอีกแล้ว เธอเดินตามทางลาดยาวลงมาจากด้านบนตั้งแต่เมื่อใดก็สุดรู้ ยามนี้หญิงสาวหยุดอยู่ตรงโถงเล็กๆกลางทางลาด มีทางเดินสองทางแยกหายลับไปในความมืด

กระแสพลังงานบางอย่างชักพาขาเธอก้าวไปสู่ทางลาดด้านซ้าย สุดปลายของทางเดินคือโถงเล็กๆอีกแห่ง มีประตูบานหนึ่งตั้งเด่นเป็นสง่า แสงไฟจากโทรศัพท์มือถือส่องให้เห็นรางๆว่ามันเป็นสีเข้ม เมื่อยกมือลูบจึงรับรู้ถึงฝุ่นผงติดมือ สายตาของเหมือนฝันเพ่งพิศในแสงสลัว ความหวาดกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจ เธอเห็นป้ายหน้าบานประตูมีอักษรสลักไว้ว่า ‘ห้องแห่งดิน’

แอ๊ด-ด-ด เธอสะดุ้งสุดตัว เพราะยังไม่ทันจะออกแรงผลัก จู่ๆบานประตูก็เปิดต้อนรับเธออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยราวกับมีระบบเซ็นเซอร์อัตโนมัติ

เดี๋ยวนะ ไฟในบ้านดับ แล้วระบบเซ็นเซอร์จะทำงานได้อย่างไร ความจริงข้อนี้ทำให้หญิงสาวยังรีรออยู่กับที่ รู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกขณะเพ่งพิศเข้าไปภายในห้องแห่งดิน

ห้องนั้นไม่ใหญ่นัก เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดประมาณสิบหกตารางเมตร เหมือนฝันมองไม่เห็นรายละเอียดของห้องเท่าใดเพราะความมืดบังตา สิ่งที่รับรู้ชัดเจนคือกลิ่นอับชื้นผสานกับไอเย็นอ่อนๆโชยมาจากทางด้านใน แต่พริบตาถัดมาเธอก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างพุ่งเฉียดแก้มซ้ายไป ความตกใจทำให้เขยิบตัวหนีจนสะดุดหกล้ม

ปัง! เสียงบานประตูกระแทกปิดลงอีกครั้งขณะไฟบนเพดานสว่างโร่ เหมือนฝันกะพริบตาปริบๆ งุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอแหงนหน้ามองประตูบานใหญ่อย่างฉงนฉงาย พบว่าบานประตูสีเข้มที่เห็นจากแสงไฟโทรศัพท์นั้น แท้จริงแล้วเป็นสีน้ำตาลแดง ราวกับปั้นจากดินแดงทั้งบาน หญิงสาวพยุงตัวเองลุกจากพื้น เห็นฝ่ามือตนเองเปรอะไปด้วยคราบดินจึงยกสองมือขึ้นปัด แล้วรีบเดินกลับขึ้นไปตามทางลาดสู่ห้องโถงเพื่อรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ

ทิ้งความงุนงงและเรื่องราวชวนฉงนทั้งหมดไว้ยังห้องใต้ดินแห่งนี้






ริญจน์ธร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ย. 2557, 11:14:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ย. 2557, 11:14:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1316





<< บทนำ เสียงเพรียกอันไร้ตัวตน   บทที่ ๒ ฝันร้ายหวนคืน >>
ketza 10 ก.ย. 2557, 11:15:23 น.
เลิฟยูค้าาาาาาาาาาา


ริญจน์ธร 10 ก.ย. 2557, 11:26:07 น.
ตอบคอมเมนต์ค่ะ
คุณ Ketza ขอบคุณที่ตามมาเจิมถึงบ้านนี้ค่า อีกเดี๋ยวพระนางก็ได้เจอกันแระ

คุณ อสิตา พี่เก้าตามมาไวๆน้า อย่ามัวแต่ไปปล้น!

คุณ บุลินทร 5555 นั่นสิ ในที่สุดก็ต้องมา

คุณ ใบบัวน่ารัก ขอบคุณค่า ชุดนี้ ๕ เรื่อง ๕ รส เลยนะคะ ตุลาคมนี้ฝากไว้พิจารณาด้วยน้า

คุณ หนอนฮับ ขอบคุณค่า เรื่องนี้แอบฉีกจากแนวหวานเดิมๆมามีความหลอนปะปนด้วย ฝากติดตามด้วยนะคะ

คุณ yimyum ขอบคุณจ้า ตอนนี้ลงไว้สามที่ สะดวกที่ไหนก็ตามอ่านที่นั่นแล้วกันน้อ

คุณ น้ำหนึ่ง เข้าบ้านปรารถนาแล้ว พรุ่งนี้เรื่องลึกลับคงตามมา

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ 5555 จริงๆฉากนี้อยู่บทสองค่ะ แต่บก.รีเควสขอแทรกเป็นบทนำแทน

คุณ พันธุ์แตงกวา ก๊ากกกกก พี่แตงกวาพูดเหมือนหม่อมเลย ทีแรกหนูไม่ได้ตั้งใจเอาขึ้นบทแรกหรอก แต่หม่อมจัดให้ ได้ผลใช่ม้าาาา


ริญจน์ธร 10 ก.ย. 2557, 11:26:51 น.
^
^
^
Ketza เธอเปิดหน้าเว็บไว้เหรอ มาไวมากกกกกกกกกกกกกกกกกก ยังไม่ทันตอบเมนต์เสร็จก็มาแล้ว


ketza 10 ก.ย. 2557, 11:32:38 น.
555555555555555555+++


นักอ่านเหนียวหนึบ 10 ก.ย. 2557, 11:32:42 น.
เฮือกกกก เรื่องนี้ก็น่ากลัว มิเหมาะกับการอ่านในภาคค่ำเป็นอย่างยิ่งงงขอบพระคุณไรเตอร์ที่อัพให้ในตอนกลางวัน 5555


ริญจน์ธร 10 ก.ย. 2557, 11:35:54 น.
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ เรื่องนี้ไม่มีผีน้าาาาา ผีไปอยู่ในเรื่องคุณอสิตากับภาวินแล้ว ของริญจน์ธรเลยของดเว้นผี แต่มี...แทน


อสิตา 10 ก.ย. 2557, 13:38:33 น.
บ้านปรารถนาตื่นเต้นมาก


บุลินทร 10 ก.ย. 2557, 13:59:17 น.
คึกคักๆ อยากไปบ้านปรารถนา


ภาวิน 10 ก.ย. 2557, 14:13:46 น.
อะฮ้า มาบ้านปรารถนาอย่างพร้อมเพรียงกัน


พันธุ์แตงกวา 10 ก.ย. 2557, 18:21:30 น.
ใครทำอะไรแม่เหมือนฝันล่ะ เจ้ละลุ้นจิกหมอน นี่เข้าไปห้องดินแล้วสินะ ออกมาจะเจออาถรรพ์อะไรบ้างเนี่ย ลุ้นๆ


goldensun 10 ก.ย. 2557, 21:47:25 น.
ตาข่ายดักฝันร้าย น่าจะเป็น nightmare มากกว่า dream นะคะ
พ่อแม่เหมือนฝันน่าจะรู้ว่าอะไรตามอยู่ ที่ฆ่าแม่เหมือนฝัน
ถึงบ้านปรารถนาแล้ว เข้าบ้าน 6 คน แต่ 5 เรื่อง ตัดตัวพูดมากรึเปล่าคะ


ketza 11 ก.ย. 2557, 09:46:11 น.
มารอค้าาา
รอพระเอกกกกกกกกกกก
55555555555++


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account