กรงพสุธา [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
ความดีและเลวก็มีแค่เส้นแบ่งบางๆขวางกั้น
หากก้าวผ่านมันไปแล้วคงไม่มีวันย้อนกลับ
คดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ควรจะจบลงเมื่อสิบแปดปีที่แล้วกำลังย้อนรอยกลับมาอีกครั้ง!
เมื่อโชคชะตาพัดพาให้ เหมือนฝัน หลงเข้าไปในห้องแห่งดินของ บ้านปรารถนา ฝันร้ายของเธอก็กลับคืนมา หญิงสาวฝันถึงเหตุฆาตกรรมฝังดิน ซึ่งมีรูปแบบคล้ายคลึงกับคดีเมื่อสิบแปดปีก่อน จึงตัดสินใจออกค้นหาความจริง จนได้รู้จักกับ ปัถวี ชายหนุ่มผู้มีอำนาจจิตในการควบคุมธาตุดิน ทั้งสองพยายามตามหาตัวฆาตกรพร้อมๆกับการเกิดเหตุฆาตกรรมคดีแล้วคดีเล่า และดูเหมือนแต่ละคดีจะโยงใยถึงกัน ที่สุดแล้ว พวกเขาจะตามหาฆาตกรตัวจริงพบหรือไม่ แล้วมันเกี่ยวข้องอย่างไรกับฆาตกรรมต่อเนื่องเมื่อสิบแปดปีก่อน!
หากก้าวผ่านมันไปแล้วคงไม่มีวันย้อนกลับ
คดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ควรจะจบลงเมื่อสิบแปดปีที่แล้วกำลังย้อนรอยกลับมาอีกครั้ง!
เมื่อโชคชะตาพัดพาให้ เหมือนฝัน หลงเข้าไปในห้องแห่งดินของ บ้านปรารถนา ฝันร้ายของเธอก็กลับคืนมา หญิงสาวฝันถึงเหตุฆาตกรรมฝังดิน ซึ่งมีรูปแบบคล้ายคลึงกับคดีเมื่อสิบแปดปีก่อน จึงตัดสินใจออกค้นหาความจริง จนได้รู้จักกับ ปัถวี ชายหนุ่มผู้มีอำนาจจิตในการควบคุมธาตุดิน ทั้งสองพยายามตามหาตัวฆาตกรพร้อมๆกับการเกิดเหตุฆาตกรรมคดีแล้วคดีเล่า และดูเหมือนแต่ละคดีจะโยงใยถึงกัน ที่สุดแล้ว พวกเขาจะตามหาฆาตกรตัวจริงพบหรือไม่ แล้วมันเกี่ยวข้องอย่างไรกับฆาตกรรมต่อเนื่องเมื่อสิบแปดปีก่อน!
Tags: ๕ปรารถนา เหมือนฝัน ปัถวี วังวนวารี ทองพญามาร
ตอน: บทที่ ๓ ดรีมแลนด์แดนหรรษา (ครึ่งแรก)
ขอเกริ่นตรงนี้หน่อยน้าาา
เริ่มนิยายมาสองบท เข้าใจว่านักอ่านหลายคนที่เคยอ่านผลงานริญจน์ธรที่ผ่านมาอาจเริ่มตกใจกับเรื่องใหม่
อยากบอกว่าเรื่องนี้เขียนออกมาไม่เหมือนแนวเดิมๆที่ริญจน์ธรเขียนจริงๆค่ะ น่าจะเป็นครั้งแรกที่ฉีกงานตัวเองออกมาเยอะขนาดนี้ ถ้าจะให้นิยามเรื่องนี้ก็คงเป็น โรแมนติกทริลเลอร์ กระมัง
ถึงอย่างนั้น อยากบอกว่างานชิ้นนี้เป็นงานที่ตั้งใจและทุ่มเทเวลาในการเขียนเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ได้รับโอกาสร่วมงานกับสนพ.ใหม่ ทำให้เกิดความตั้งใจที่อยากจะลองเขียนอะไรใหม่ๆ หลุดจากกรอบเดิมที่เคยวางไว้ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังคงเป็นนิยายรัก มีความหวานตามแบบฉบับพระนางของริญจน์ธรดังเดิม แต่อาจเพิ่มเติมเรื่องความโหดปนสยองเข้ามาให้สมกับแก่นหลักของเรื่องนี้
ขอตัดบางส่วนจากคำนำเกี่ยวกับนิยายเรื่องกรงพสุธามาให้อ่านพอเห็นแนวของเรื่องนะคะ
...ตัวละครหลายตัวในนิยายเรื่องนี้มีแรงบันดาลใจมาจากการอ่านคดีฆาตกรรมหลายคดี จนเกิดคำถามขึ้นในใจว่า “อะไรคือเหตุผลที่ทำให้มนุษย์เราปรารถนาเอาชีวิตผู้อื่น” มันเป็นผลมาจากการเลี้ยงดู ความวิปริตในจิตใจมนุษย์ ความโกรธ หรือความคับแค้นใจกันแน่ ที่ทำให้คนคนหนึ่งก้าวเข้าสู่หนทางแห่งบาป...
มาตามอ่านกันต่อเนอะ ตอนนี้พระเอกของเรามาแล้วค่า >___<
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
๓
ชีวิตของเหมือนฝันยังผจญกับฝันร้ายตามหลอกหลอนทุกคืน จนต้องพึ่งยาเพื่อให้สามารถหลับลึกโดยไม่ฝันเห็นสิ่งใด และในเช้าวันนี้ เหมือนฝันลางานเพื่อจะเดินทางไปหาอาจารย์ลือฤทธิ์ เธอหวังจะได้รับคำแนะนำดีๆจากท่าน หรือถ้าเป็นไปได้ เธอก็อยากให้อาจารย์ช่วยซ่อมรอยขาดของตาข่ายให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิม ดังนั้นหลังจากใช้เวลาแต่งตัวและรับประทานอาหารเช้าไม่นานนัก เธอก็ขับรถออกจากบ้านมุ่งหน้าสู่ชานเมือง บ้านของอาจารย์ลือฤทธิ์ตั้งอยู่ทิศทางเดียวกับสวนสนุกดรีมแลนด์แดนหรรษาซึ่งเธอเพิ่งไปเที่ยวกับเพื่อนๆเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
สัญญาณไฟแดงปรากฏตรงเบื้องหน้าทำให้หญิงสาวต้องเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถก่อนจะแล่นถึงสี่แยก ปลายนิ้วเรียวเคาะลงบนพวงมาลัย รอคอยสัญญาณไฟเปลี่ยนสี แล้ว...ไม่รู้มันเกิดขึ้นเมื่อใด จู่ๆภาพถนนหนทางเบื้องหน้าพลันเลือนหาย และเธอไม่ได้อยู่ในรถยนต์อีกต่อไป
เหมือนฝันเหลียวมองสภาพรอบกาย พบแต่ความมืดสนิท มืดเสียจนไม่อาจรับรู้บรรยากาศโดยรอบ เธอต้องใช้เวลาตั้งสติอยู่พักใหญ่กว่าจะได้กลิ่นอับชื้นของดินลอยกรุ่นอยู่ตรงปลายจมูก คล้ายเธอกำลังนั่งอยู่กลางกองดินชื้นแฉะ แต่สัมผัสต่อมาของประสาทกายบอกว่าไม่ใช่ เธอไม่ได้นั่งอยู่กลางกองดิน แต่...กำลังอยู่ใต้กองดินต่างหาก!
ใช่ ตอนนี้รอบกายคือกองดินมหาศาล น่าแปลกที่เธอไม่รู้สึกหนัก และนอกจากกลิ่นอับชื้นของดิน เธอก็เริ่มได้กลิ่นเหม็นคลื่นเหียนประหนึ่งเนื้อกำลังเน่าเฟะ พลันนั้นประสาทตาเริ่มทำงาน เหมือนฝันตอบไม่ได้ว่าทำไมจึงมองเห็นในที่มืด แต่เธอก็เห็นมัน เห็นอย่างชัดเจนทีเดียว...ศพของหญิงสาวคนหนึ่งในระยะประชิด จมูกชนจมูก!
ผิวของศพบวมและคล้ำจัด หนังบริเวณใบหน้าหลุดลุ่ยในบางส่วน ริมฝีปากถูกคาดทับด้วยผ้าปิดปากแน่น แต่ดวงตาซึ่งควรจะปิดสนิทกลับถลนออกมาคล้ายอีกฝ่ายกำลังจ้องมองเธออยู่
“กรี๊ด-ด-ด-ด”
เหมือนฝันคิดว่าตัวเองกรีดเสียงร้องดังลั่น แต่กลับไม่ได้ยินอะไรเลย เธอทะลึ่งพรวด พุ่งกายออกจากกองดินที่ถมทับอยู่ พยายามลนลานตะกายออกจากหลุม และพบว่าตนเองถูกขังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแห่งหนึ่งขนาดไม่ใหญ่นัก น่าจะไม่เกินสิบหกตารางเมตร เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทั้งผนังห้อง เพดาน และพื้นล้วนมีสภาพเป็นดินแดง บริเวณผนังฟากหนึ่งมีบานประตูขนาดใหญ่ทะมึนตั้งเด่นอยู่
นี่เธอหลงมาอยู่ที่ไหนกัน หญิงสาวถามตัวเองด้วยความงุนงง สับสน
ปรี๊น-น-น-น เสียงแตรจากรถยนต์คันหลังบีบไล่ดังลั่น หญิงสาวสะดุ้งตื่นจากฝัน เหลียวมองโดยรอบอีกครั้ง พบตนเองนั่งอยู่ในรถยนต์คันเดิม โดยมีเสียงแตรจากรถคันอื่นไล่หลัง
หญิงสาวเงยหน้ามองสัญญาณไฟจราจร เห็นมันเป็นสีเขียวแล้ว เธอรีบเข้าเกียร์ ขับรถผ่านสี่แยกไปแล้วตัดสินใจเลี้ยวเข้าจอดยังปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง
บ้าชะมัด เธอเผลอหลับในได้ยังไงกัน เหมือนฝันบ่นอย่างฉุนๆ ความหวาดกลัวยังตามหลอกหลอนแม้ยามลืมตาตื่น
ปลายนิ้วเรียวนวดลงบนหัวคิ้วทั้งสองข้าง ลมหายใจถี่กระชั้นค่อยๆกลับคืนสู่สภาวะปกติ เธอผงกศีรษะออกจากพนักเบาะ เห็นร้านกาแฟขนาดย่อมตั้งเด่นถัดจากรถยนต์ไปไม่ไกล
สิบนาทีต่อมา เจ้าของร่างระหงในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงยีนขาเดฟก็เดินกลับมายังรถยนต์พร้อมกับแก้วกาแฟเย็นในมือ เอสเปรสโซดับเบิลช็อตคงพอช่วยให้ตื่นจากฝันร้ายได้
เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายดังตอนหญิงสาวกำลังไขกุญแจรถยนต์ จึงล้วงมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ แล้วกรอกเสียงไปตามสาย
“ค่ะ ลุงพัทธ์”
“ลุงโทร.มากวนเวลาทำงานหนูฝันรึเปล่า สะดวกคุยไหม”
“สะดวกค่ะ วันนี้หนูไม่ได้ไปทำงาน” เธอตอบขณะเปิดประตูรถ กลับเข้ามาสตาร์ตเครื่องนั่งอยู่ภายใน
“ลุงลองถามเพื่อนๆเกี่ยวกับเรื่องที่หนูเล่าให้ฟังแล้วนะ”
เหมือนฝันเผลอกำแก้วกาแฟในมือแน่น รู้สึกว่าเสียงตนเองสั่นน้อยๆตอนถามอีกฝ่ายต่อ
“พวกเพื่อนๆตำรวจของคุณลุงเหรอคะ พวกเขาว่ายังไงกันบ้าง ความฝันของหนูคือความจริงใช่ไหม”
“จ้ะ ลุงตามข่าวพบคดีความสองรายใกล้เคียงกับความฝันของหนู เรื่องศพเด็กทารกถูกโยนลงแม่น้ำ แล้วก็สามีพลั้งมือฆ่าภรรยาตัวเอง”
“แล้ว...เรื่องผู้หญิงโดนแทงตายบนเตียง กับคนถูกฝังอยู่ในดินล่ะคะ”
“ไม่มีเลย เหมือนจะยังไม่มีใครแจ้งความเรื่องศพสองรายนี้”
ต้องมีสิ เหมือนฝันมั่นใจในจิตสัมผัสของตนเอง เพราะอย่างน้อยสองในสี่คดีก็เป็นจริง แสดงให้เห็นว่าสัมผัสของเธอกลับคืนมาอีกครั้งหลังจากตาข่ายดักฝันร้ายขาด
“ฝัน ฟังลุงอยู่รึเปล่า”
“ฟังอยู่ค่ะ คุณลุงคะ หนูมั่นใจว่าต้องมีผู้หญิงอีกสองคนถูกฆ่าตายแน่ๆ โดยเฉพาะรายที่ถูกฝังดิน หนูเห็นมันชัดเจนมาก...มากเหมือนตอนเห็นศพของแม่”
ความสนใจของเหมือนฝันพุ่งตรงไปหาเหยื่อรายที่ถูกฝังดิน เนื่องจากฆาตกรที่เธอเห็นในความฝันสวมใส่หน้ากากลักษณะเดียวกับฆาตกรต่อเนื่องผู้สังหารมารดาเธอ
“แต่กษิดิ์น่าจะตายไปตั้งแต่เมื่อสิบแปดปีก่อนแล้วนะหนูฝัน เขาถูกยิงหลายนัดจนไม่น่าจะมีชีวิตรอด”
เหมือนฝันกัดริมฝีปากแน่น ไม่รู้ ไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง แม้ในความฝันจะเห็นหน้ากากในลักษณะเดียวกัน แต่เธอไม่อาจบอกได้ว่าคนร้ายคือฆาตกรคนเดียวกันรึเปล่า
นี่คือฆาตกรรมลอกเลียนแบบ หรือฆาตกรตัวจริงยังลอยนวลอยู่กันแน่
“หนูไม่ทราบหรอกค่ะ” หญิงสาวตอบอย่างจนใจ “รู้แต่ว่าคนร้ายใส่หน้ากากแบบเดียวกัน และลักษณะการฆ่าเหยื่อก็เหมือนกับกรณีของแม่หนูมาก”
พัทธ์นิ่งฟังรายละเอียดจากหลานสาวอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงถามต่อ “แล้วหนูฝันพอจะบอกตำแหน่งฝังศพได้ไหม”
“หนู...ไม่แน่ใจ ครั้งนี้ศพถูกฝังอยู่ในห้องมืดๆ เป็นห้องก่อจากดินแดง มีผนัง เพดาน และพื้นเป็นดินทั้งหมด...” เสียงหญิงสาวขาดหายยามนึกถึงสภาพห้องในฝัน
ห้องดิน...ห้องแห่งดิน! ใช่แล้ว เธอเคยเห็นห้องแห่งนี้มาก่อนนี่นา
“หนูฝันเป็นอะไรไป”
“หนูนึกออกแล้วค่ะ หนูเคยเห็นห้องนี้ มันตั้งอยู่ในเครื่องเล่นของสวนสนุก ในบ้านปรารถนา”
“บ้านปรารถนางั้นเหรอ” พัทธ์ทวนชื่อบ้านงงๆ
“ค่ะ มันเป็นเครื่องเล่นชิ้นใหม่ในสวนสนุกดรีมแลนด์แดนหรรษา คุณลุงคะ เดี๋ยวหนูจะไปสวนสนุกตอนนี้เลย”
“เดี๋ยวสิหนูฝัน แล้วหนูจะไปคนเดียวได้ยังไงกัน” พัทธ์ร้อนรน ถามอย่างเป็นห่วง
เหมือนฝันชะงักกับคำทักท้วงของผู้เป็นลุง ความหวาดกลัวจากสภาพศพในความฝันทำให้เกิดอาการลังเล เธอควรเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้งั้นเหรอ
“ถ้างั้นหนูควรทำยังไงดีคะ หนูอยากให้มีใครสักคนเจอศพเธอ”
“เดี๋ยวลุงไปเอง เรื่องแบบนี้คงแจ้งความไม่ได้จนกว่าจะพบศพ”
“คุณลุงจะไปคนเดียวเหรอคะ แล้วถ้าเกิด...”
“คงไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกมั้ง ศพนั่นน่าจะถูกฝังมาหลายวันแล้ว ฆาตกรคงไม่ย้อนกลับไปที่เกิดเหตุหรอก แถมจุดเกิดเหตุน่าจะอยู่ในเขตคนพลุกพล่านไม่ใช่หรือ”
“หนูไม่แน่ใจค่ะ แต่เครื่องเล่นชิ้นนี้เป็นบ้านที่ประกอบด้วยห้องหลายๆห้อง...” เหมือนฝันเล่ารายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับบ้านปรารถนาให้พัทธ์ฟัง จากนั้นก็ย้ำให้อีกฝ่ายระมัดระวังตัว ก่อนวางสายไปด้วยความเป็นห่วง
หญิงสาวคิดจะโทรศัพท์หาลุงพัทธ์เป็นระยะๆ จึงขับรถออกจากปั๊มน้ำมัน เดินทางไปหาอาจารย์ลือฤทธิ์ตามความตั้งใจแรก
รถซีดานขนาดเล็กสีดำแล่นเข้ามาบนถนนลูกรัง แล้วจอดลงตรงกลางซอยหน้าบ้านไม้สองชั้นขนาดกลางหลังหนึ่ง ตัวบ้านไม้ดูเก่าแก่ แต่ยังมีสภาพแข็งแรงน่าอยู่ เนื่องจากได้รับการดูแลเอาใจใส่จากผู้อาศัยเป็นอย่างดี ลึกเข้าไปจากรั้วระแนงไม้ทางด้านหน้าคือสนามหญ้าตัดเรียบ มีไม้ยืนต้นตั้งตระหง่านเรียงราย ให้ความร่มรื่นได้ดีในยามเที่ยงวัน มองเลยถัดจากตัวบ้านไปทางด้านข้างทั้งสอง เหมือนฝันเห็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่หลายต้นแผ่กิ่งก้านครึ้มจัด แลดูแน่นขนัดประหนึ่งผืนป่าโอบล้อมบ้านหลังน้อยไว้
หญิงสาวดับเครื่องยนต์ เดินลงจากรถไปกดกริ่งหน้าประตูรั้ว เป็นเวลานานพักใหญ่ทีเดียวที่เธอยืนตากแดดอยู่ตรงนั้น บานประตูบ้านด้านในไม่มีทีท่าจะยอมเปิดออกต้อนรับเธอเลย
หรือครูฤทธิ์จะไม่อยู่บ้าน หญิงสาวหวั่นในอก ตัดสินใจยกโทรศัพท์ขึ้นกดหา เสียงสัญญาณรอสายดังอยู่สักพักก่อนตัดสาย
เหมือนฝันมองโทรศัพท์ในมืออย่างฉุนๆ โทษความสะเพร่าของตนเองว่าไม่ยอมโทร.มานัดกับอาจารย์ก่อน จากนั้นไม่ถึงหนึ่งนาทีเธอก็กดโทร.ออกอีกครั้ง คราวนี้เสียงสัญญาณรอสายดังเพียงไม่นานก็มีการกดรับ
“ฮัลโหล ครูฤทธิ์คะ เหมือนฝันนะคะ ตอนนี้หนูอยู่หน้าบ้านครูแล้ว ไม่ทราบว่าครูอยู่บ้านรึเปล่าคะ” หญิงสาวกรอกเสียงลงไป
ทว่าที่ดังกลับมาคือเสียงซ่าๆ แล้วตามด้วยเสียงครืดคราดเหมือนโลหะหนักถูกลากผ่านพื้น
“ฮัลโหล ครูคะ ได้ยินหนูไหม” เหมือนฝันถามย้ำกลับไปอีกครั้ง แต่ไม่มีคำพูดใดตอบกลับมา
ท้ายสุดเลยจำต้องวางสายด้วยความงุนงง เธอมองโทรศัพท์ราวกับมันเป็นของแปลก แล้วรีบเก็บมันใส่กระเป๋า หญิงสาวยืนรีรออยู่อีกประมาณสิบนาที เมื่อมั่นใจว่าคงไม่มีใครอยู่บ้าน จึงเดินออกห่างจากประตูรั้วมาสำรวจบริเวณโดยรอบของซอย ก็ไม่พบใครพอให้ถามไถ่ สุดท้ายแสงแดดร้อนแรงยามเที่ยงวันก็ทำให้เธอถอดใจ เดินกลับรถที่จอดหลบอยู่ใต้เงาไม้ ขณะกำลังจะก้าวขึ้นรถยนต์ จู่ๆก็มีเสียงทุ้มต่ำของชายคนหนึ่งทักมาจากด้านหลัง
“คุณ เจ้าของบ้านหลังนี้ไม่อยู่เหรอ”
เหมือนฝันหันมองตามเสียง เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนเด่นอยู่ท่ามกลางแสงแดดจ้า เขาเป็นชายผิวเข้ม รูปร่างบึกบึน สูงประมาณเธอ ช่วงอกหนา กล้ามแขนเป็นมัด มีรอยสักรอบแขนซ้าย และมีรูปหน้าคมสันอย่างผู้ชายหน้าตาดี ทว่าสิ่งที่โดดเด่นกว่าคือกลับเป็นรอยแผลเป็นทางยาวประมาณหนึ่งนิ้วเด่นชัดอยู่บริเวณโหนกแก้มซ้าย
“ค่ะ น่าจะไม่อยู่” หญิงสาวขมวดคิ้วมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างสงสัย “คุณมาหาครูฤทธิ์เหรอคะ”
“ครูฤทธิ์...” เขาทวนชื่อที่อีกฝ่ายบอกคล้ายคนไม่คุ้นเคย “อ้อ ใช่ ผมมาหาแก”
หัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันอยู่แล้ว ยิ่งขมวดแน่นจนแทบจะชิดกัน เหมือนฝันตงิดใจกับสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกอาจารย์ ปกติไม่เคยมีใครเรียกอาจารย์ของเธอว่า ‘แก’ นี่นา
“ท่านไม่อยู่บ้านหรอกค่ะ ฉันมารออยู่นานเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ขอตัวกลับก่อนนะคะ” เหมือนฝันตอบ ขณะก้าวขึ้นรถยนต์แล้วขับออกจากซอย
จากกระจกหลัง หญิงสาวมองเห็นชายคนนั้นเดินไปเมียงมองประตูรั้วระแนงอยู่พักหนึ่ง ก่อนเจ้าตัวจะผละจากมา
เพียงไม่ถึงสิบห้านาทีหลังจากทั้งสองกลับออกไป อาจารย์ลือฤทธิ์ก็เดินทางกลับมาถึงบ้าน แม่กุญแจเก่าขึ้นสนิมเขรอะถูกไขเพื่อปลดล็อกบานประตูรั้ว ไม่นานชายชราวัยหกสิบเศษก็เดินตัดทางเดินสนามเข้ามาถึงหน้าประตูบ้าน เจ้าของร่างยังดูแข็งแรง เดินเหินอย่างคล่องแคล่ว ผิวที่โผล่พ้นอาภรณ์สีขาวสะอาดตาเป็นสีเข้มคล้ำแดด ดวงหน้าปรากฏริ้วรอยเด่นชัดตามวัย แต่ยังมีเค้าความคมเข้มหลงเหลือมาจากวัยหนุ่มให้เห็น โดยเฉพาะนัยน์ตาคมทอประกายลึกล้ำบ่งบอกอำนาจและความน่ายำเกรง
เขายืนนิ่งอยู่ตรงทางเดินหน้าบ้านเพียงครู่ ดวงตาปรากฏรอยวิตกกังวลชัดเจน คล้ายซึมซับกลิ่นอายของธรรมชาติ สายลม และเสียงกระซิบพร่ำบอกของอะไรบางอย่างถึงเหตุการณ์หน้าบ้านเมื่อสิบห้านาทีก่อน ลือฤทธิ์ล้วงมือลงไปในย่าม หยิบโทรศัพท์มือถือสีดำรุ่นเก่าคร่ำครึออกมากดดู หน้าจอแสดงสายไม่ได้รับสองสาย ระบุชื่อเจ้าของเบอร์โทร.ว่าเป็นหนึ่งในบรรดาลูกศิษย์ของเขา
เหมือนฝัน...เหมือนดั่งความฝันที่เธอเกิดมา ชายชราถอนหายใจกับโชคชะตาของลูกศิษย์
บางครั้งคนเราก็หนีไม่พ้นโชคชะตา
ดรีมแลนด์แดนหรรษาตั้งโดดเด่นอยู่ตรงจุดเดิมท่ามกลางแสงอาทิตย์ร้อนแรงยามเที่ยงวัน พัทธ์กวาดตามองบรรดาเครื่องเล่นต่างๆที่ล้วนมีขนาดใหญ่ มองเห็นได้จากระยะไกล ทว่าในบรรดาเครื่องเล่นทั้งหลายที่เขาเดินผ่านกลับไม่พบบ้านปรารถนา
‘ไม่มีนะคะ สวนสนุกของเราไม่มีเครื่องเล่นชื่อบ้านปรารถนาค่ะ’ พนักงานในสวนสนุกบอก ยามเขาเดินไปถามหาที่ตั้งของมัน
‘คุณแน่ใจนะครับ หลานผมบอกว่าอาจเป็นเครื่องเล่นใหม่’
‘สวนสนุกของเราเพิ่งเปิดให้บริการค่ะ เครื่องเล่นทุกเครื่องเป็นของใหม่หมดอยู่แล้ว’ พนักงานหญิงเริ่มมองเขาด้วยแววตาไม่พอใจ
‘แล้วยังมีเครื่องเล่นบางส่วนยังไม่เปิดให้บริการรึเปล่า’
‘ไม่มีค่ะ ทางดรีมแลนด์เปิดให้บริการเครื่องเล่นครบหมดแล้ว ไม่มีเครื่องเล่นที่คุณถามถึงแน่นอน’ เอ่ยจบ เธอก็หันไปให้ความสนใจกับลูกค้ารายอื่นต่อ ไม่เปิดโอกาสให้พัทธ์ถามอีก
ร้อยตำรวจเอกนอกเครื่องแบบยืนสับสนอยู่กลางทางเดิน เขาเดินสำรวจรอบสวนสนุกครบสองรอบแล้ว แต่ไม่พบบ้านปรารถนาตามคำกล่าวของเหมือนฝันเลย
หรือบ้านหลังนั้นจะไม่มีอยู่จริง ทุกอย่างเป็นเพียงความคิดเพ้อเจ้อของหลานเขาเท่านั้น พัทธ์ถอนหายใจ กะจะเดินวนดูอีกรอบ ถ้าไม่พบก็คงกลับบ้าน ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น เหมือนฝันโทร.หาเขา
“คุณลุงเข้าไปในบ้านปรารถนารึยังคะ” น้ำเสียงของคนปลายสายบ่งบอกความเป็นห่วงชัดเจน
“ยังเลยหนูฝัน ลุงหาบ้านหลังนั้นไม่เจอ”
“ไม่เจอเหรอคะ เป็นไปได้ยังไงกัน บ้านหลังนั้นตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านผีสิงนะคะ”
“ตอนนี้ลุงยืนอยู่หน้าบ้านผีสิงแล้ว จากตรงนี้มองไม่เห็นเครื่องเล่นอื่นที่มีลักษณะเป็นบ้านเลย”
เหมือนฝันฟังแล้วได้แต่ขมวดคิ้วสงสัย เธอพยายามนึกถึงแผนที่ในสวนสนุก
“แล้วจากตรงนั้น คุณลุงเห็นต้นก้ามปูไหมคะ ถ้าเดินอ้อมต้นก้ามปูมาจะเห็นบ้านปรารถนาค่ะ”
หลังคำอธิบายของเหมือนฝัน พัทธ์เหลียวมองดูสวนรกทึบข้างบ้านผีสิง แล้วสายตาก็ปะทะกับไม้ใหญ่ต้นหนึ่งแผ่กิ่งก้านตระหง่านเงื้อม ลำต้นใหญ่โตประมาณสี่คนโอบ นายตำรวจนอกเครื่องแบบลองเดินอ้อมต้นก้ามปูไป ทว่ากลับเจอรั้วขนาดใหญ่รกเรื้อด้วยพันธุ์ไม้เลื้อยขึ้นแน่นขนัด บ่งบอกว่าอาณาเขตสวนสนุกสิ้นสุดลงตรงนี้
“หนูฝันจำทางถูกแน่นะ ลุงเดินมาตามที่หนูบอก แต่นี่มันสุดทางของสวนสนุกแล้ว”
“สุดทางเหรอคะ”
“ใช่ มีกำแพงกั้นอยู่ตรงหน้าลุงนี่แหละ ไม่น่าจะมีบ้านปรารถนาอยู่หลังกำแพงนะ” เขากล่าว พยายามมองลอดออกไปนอกกำแพงไม้เลื้อย เห็นทุ่งร้างรกด้วยทิวธูปฤๅษีสีเขียวตัดสลับน้ำตาล ลำต้นของมันเอนไหวไปตามสายลมโบกโบย
‘หึๆๆๆ’ วูบหนึ่ง สายลมพัดกรูจากทุ่งธูปฤๅษีปะทะใบหน้าพัทธ์ มันมาพร้อมกับเสียงหัวเราะประหนึ่งเยาะเย้ย นายตำรวจผู้เคยเผชิญกับสิ่งต่างๆมากมายถึงกับขนคอลุกชัน เขาพยายามเหลียวมองโดยรอบเพื่อหาที่มาของเสียงหัวเราะอันน่าสะพรึง แต่ไม่พบสิ่งใด
“คุณลุงไม่เจอบ้านปรารถนาจริงๆเหรอคะ” เสียงของเหมือนฝันเรียกสติของเขากลับมาหาคนปลายสาย
มือข้างที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์ล้วงหยิบสร้อยพระขึ้นมากำไว้ขณะตอบคำถามหลาน
“ไม่เจอเลยหนูฝัน เดี๋ยวลุงจะลองเดินดูอีกสักรอบนะ แล้วยังไงจะโทร.หาอีกที”
เหมือนฝันจ้องโทรศัพท์ในมืออย่างครุ่นคิด เมื่อครู่ลุงพัทธ์โทร.กลับมาหาเธออีกครั้ง บอกว่าออกจากสวนสนุกแล้ว และตามหาบ้านปรารถนาไม่พบ อีกทั้งพนักงานในสวนสนุกก็ไม่มีใครสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับบ้านปรารถนาได้สักคน
เป็นไปได้อย่างไร ถ้าบ้านปรารถนาไม่ได้อยู่ในสวนสนุก แล้วเธอกับเพื่อนๆเห็นอะไรมา หญิงสาวไม่เข้าใจ
จากบ่ายจวบจนเย็นย่ำ เหมือนฝันนั่งครุ่นคิดถึงคำบอกเล่าของลุงพัทธ์อยู่นานหลายชั่วโมง รวมถึงความฝันที่ตามหลอกหลอน ท้ายสุดเธอก็คิดถึงเหตุการณ์ตอนตนเองกับเพื่อนๆเข้าไปในบ้านปรารถนาเมื่อวันอาทิตย์
หรือบ้านหลังนั้นจะไม่ใช่บ้านธรรมดา แล้วถ้ากลับไปที่นั่นอีกครั้ง เธอจะตามหาบ้านปรารถนา ตามหาศพพบไหม หญิงสาวตั้งคำถามอย่างสงสัย ศพของผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เหตุใดถึงเคราะห์ร้ายโดนฆ่าตายอย่างทารุณขนาดนี้
ภาพศพถูกฝังดินทั้งเป็นตามหลอกหลอนเธอทั้งในยามหลับและตื่น คล้ายร่ำร้องให้ออกตามหา ดวงตาถลนออกมานอกเบ้านั้นดูสยดสยองและน่าสงสารระคนกัน ด้วยมันทำให้เธอหวนคิดถึงการตายของมารดาขึ้นมา
บางทีการพบเหยื่อรายนี้อาจนำไปสู่ความจริงเกี่ยวกับตัวคนร้ายที่ฆ่าแม่ เหมือนฝันคิด เหนืออื่นใด หญิงสาวแคลงใจเกี่ยวกับฆาตกรรายนี้...ใครกันที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากสีขาวลายผีเสื้อ เขาจะใช่กษิดิ์ที่หายสาบสูญไปหรือไม่
เหมือนฝันข่มความกลัวในจิตใจ หยัดกายยืนขึ้นจากโซฟา คว้ากระเป๋าสะพายและพวงกุญแจรถยนต์ขึ้นมา สองเท้าก้าวฉับๆตรงดิ่งไปที่ประตูหน้าบ้าน
“อ้าว ฝัน เพิ่งกลับมาเมื่อตอนบ่าย นี่จะออกไปข้างนอกอีกแล้วเหรอ” เสียงของพิชญ์ฉุดขาเธอไว้ไม่ให้ก้าวออกจากบ้าน
“ค่ะพ่อ หนูจะไปสวนสนุก”
“หือ เย็นป่านนี้แล้วเนี่ยนะ จะไปทำอะไรที่สวนสนุก”
เหมือนฝันไม่ตอบคำถาม เธอยังไม่พร้อมจะเล่าฝันร้ายให้พิชญ์ฟัง จึงเลือกเดินเข้ามากอดเอวหนา แล้วชะโงกหน้าแตะริมฝีปากกับแก้มสากๆของบิดา
“หนูคงกลับดึกๆนะคะ พ่อเข้านอนไปก่อนเลย ไม่ต้องรอหนูนะคะ” เอ่ยจบ เจ้าของร่างเพรียวระหงก็เดินตัวปลิวออกจากบ้าน ซุกซ่อนดวงตาหวาดหวั่นไว้ภายใต้ท่าทีสงบนิ่ง
พิชญ์มองตามแผ่นหลังของบุตรสาวจนอีกฝ่ายขึ้นรถยนต์ขับออกจากบ้านไป เขายืนนิ่ง ครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่หน้าบ้านครู่ใหญ่ ท้ายสุดพ่อม่ายซึ่งถูกทิ้งให้อยู่บ้านตามลำพังก็ตัดสินใจเดินกลับมาหยิบโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์ ปิดประตูบ้านแล้วเดินออกไปเช่นกัน
ตอนที่เหมือนฝันขับรถมาถึงสวนสนุกเป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว ลานจอดรถค่อนข้างโล่งและร้างไร้ผู้คน เธอจึงวนรถมาจอดในซองห่างจากซุ้มประตูทางเข้าสวนสนุกไปไม่ไกลนัก โชคดีที่ซุ้มขายบัตรยังเปิดไฟให้บริการอยู่
“ดรีมแลนด์แดนหรรษาจะปิดให้บริการตอนเที่ยงคืนนะคะ” พนักงานกำชับเธอก่อนยื่นตั๋วเข้าสวนสนุกให้
“ค่ะ ขอบคุณ” หญิงสาวรับบัตรผ่านสีขาวขนาดไม่ใหญ่นักมาถือไว้ พลันความสงสัยหนึ่งก็ผุดพราย “ขอโทษนะคะ ขอถามอะไรหน่อย สวนสนุกนี้มีเครื่องเล่นชื่อบ้านปรารถนาไหมคะ”
สีหน้าของพนักงานขายตั๋วแสดงความประหลาดใจกับคำพูดของเหมือนฝัน แต่ก็ตอบกลับมาทันที
“ไม่มีนะคะ”
เหมือนฝันขมวดคิ้ว กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายเบาๆ แล้วเร่งฝีเท้าเดินผ่านซุ้มทางเข้าสวนสนุก แสงไฟหลากสีประดับเด่นวิบวับอยู่ในยามราตรี ย้อมบรรยากาศควรทะมึนให้กลายเป็นโลกสีลูกกวาดราวกับภาพวาดในฝัน แต่สำหรับหญิงสาวผู้กำลังจดจ่ออยู่กับความคิดของตนเอง ไม่มีกะจิตกะใจจะเหลียวมองบรรยากาศรื่นรมย์ของสวนสนุกเลยสักนิด สองเท้าก้าวยาวๆไปตามทางเดินซีเมนต์อย่างรวดเร็ว...ในที่สุดเธอก็เดินมาลึกจนถึงต้นก้ามปูใหญ่ข้างบ้านผีสิง
หญิงสาวเงยมองไม้ใหญ่ยืนต้นโดดเดี่ยวโดยไม่ได้ประดับไฟหลากสี ส่งผลให้บรรยากาศแถวบ้านผีสิงแลดูวิเวกวังเวงผิดกับส่วนอื่นๆ เธอรวบรวมแรงใจ เดินอ้อมต้นไม้ใหญ่ไปจนสุดทาง แล้วสิ่งที่เห็นก็ทำเอาความตั้งใจทั้งหมดสั่นคลอน
ไม่มี ทำไมถึงไม่มีบ้านปรารถนาอยู่ตรงนี้!
สุดปลายทางเดินในความสลัวรางยามค่ำคืนคือกำแพงไม้เลื้อยขนาดใหญ่กั้นอาณาเขตของสวนสนุก ไม่ผิดจากคำกล่าวของลุงพัทธ์ เหมือนฝันงุนงง ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น มั่นใจว่าตนเองจำทางมาบ้านปรารถนาไม่ผิดแน่ มันเคยตั้งอยู่ตรงนี้ให้เธอและเพื่อนๆทั้งห้าเดินเข้าไปค้นหา ทว่าคืนนี้มันกลับหายสาบสูญ!
ไม่สิ มันอาจไม่ได้หายไป แต่อาจถูกกำแพงไม้เลื้อยขวางกั้นอยู่ก็เป็นได้ เหมือนฝันไม่เข้าใจว่าเหตุใดกำแพงไม้เลื้อยซึ่งไม่เคยมีอยู่ในทีแรกจึงปรากฏให้เห็น ทว่าความรู้สึกอยากตามหาบ้านปรารถนาแรงกล้าเกินกว่าจะทำให้เธอคิดถอย
ใบหน้านวลรูปไข่แหงนมองกำแพงสูงท่วมศีรษะ สองมือเอื้อมไปเกาะเกี่ยวเถาไม้ ก้าวขาตะกายขึ้นสู่เบื้องบน
“ถ้าผมเป็นคุณคงไม่ทำแบบนั้น” จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง
เหมือนฝันตกใจ เผลอเหยียบเท้าพลาดจนทั้งร่างดิ่งวูบ หงายหลังลงมา แต่กลับมีความอบอุ่นรองรับอยู่ทางด้านหลัง
จากหางตา หญิงสาวเห็นร่างสูงใหญ่ช่วยประคองเธอไว้ไม่ให้หงายหลังล้มฟาดพื้น กลิ่นหอมอ่อนๆจากน้ำหอมของผู้ชายลอยกรุ่นมาแตะจมูก หญิงสาวหน้าแดง รีบพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน แล้วหันมามองชายแปลกหน้าด้วยท่าทีระแวดระวัง
เขาเป็นผู้ชายตัวโต บึกบึน และสูงมากกว่าเธอซึ่งปกติสูงเกินมาตรฐานหญิงไทย บ่ากว้างรับกันอย่างเหมาะเจาะกับช่วงตัวเพรียว ยิ่งประกอบกับรูปหน้าคมเข้ม และชุดเสื้อแจ็กเกตสีดำขนาดพอดีตัวกับกางเกงยีนขายาว ยิ่งส่งผลให้อีกฝ่ายแลดูหล่อเข้ม แต่แฝงแววดุดันจนเกิดความรู้สึกไม่น่าไว้วางใจ
“เอ่อ ขอบคุณค่ะ” เหมือนฝันตอบ สองขาเขยิบก้าวถอยหลังห่างจากชายแปลกหน้ามาเล็กน้อย เธอเงยหน้าสบดวงตาสีดำลึกล้ำที่ตอนนี้อ่อนแสงแลดูเป็นมิตร ทำให้รู้สึกวางใจขึ้นมาได้หน่อย แต่ไม่มากพอจะคิดเข้าใกล้
“คุณจะขึ้นไปทำอะไรบนกำแพงแบบนั้นครับ” น้ำเสียงของชายหนุ่มอ่อนโยน ฟังดูคล้ายผู้ใหญ่กำลังตั้งคำถามกับเด็กเล็กๆเสียมากกว่า
“ฉัน...ขอโทษค่ะ ฉันแค่นึกอะไรสนุกๆขึ้นมานิดหน่อย” เหมือนฝันหลบตา คาดเดาว่าอีกฝ่ายอาจเป็นพนักงานของสวนสนุก น่าประทับใจที่พนักงานในสวนสนุกจะหล่อเหลาปานนี้
“ปีนกำแพงคงไม่สนุกนักมั้งครับ” เขาเปรย พลางกวาดตามองโดยรอบ “แล้วเพื่อนๆคุณไปไหนหมดล่ะครับ หลงทางหรือตั้งใจเดินมาคนเดียว ถึงจะอยู่ในสวนสนุก แต่เดินมาในที่มืดๆคนเดียวแบบนี้อาจไม่ดีนัก”
“ฉันมาคนเดียวค่ะ เอ่อ คิดว่าจะกลับแล้ว” เธอตอบรับความห่วงใยของเขาด้วยการตั้งใจจะกลับบ้าน ไม่เห็นประโยชน์อันใดที่จะตามหาบ้านปรารถนาต่อ ในเมื่อมันไม่อยู่ในที่ที่ควรจะอยู่
หญิงสาวนึกอย่างปลงๆ มั่นใจเต็มร้อยว่าค่ำคืนนี้คงต้องพึ่งยา เพื่อจะได้ไม่ฝันถึงศพคนตายอีก
หวีด-ด-ด-ด หวิว-ว-ว-ว ‘หึๆๆ’ ขณะเดินกลับ หญิงสาวแว่วได้ยินเสียงสายลมพัดผ่านมาพร้อมกับเสียงหัวเราะของใครบางคน ขาเรียวหยุดกึกยืนนิ่งอยู่กับที่ พลอยให้คนเดินตามหลังมาหยุดเท้าตาม ทว่าคำถามของฝ่ายนั้นกลับทำให้ใจเต้นรัวแรง
“คุณได้ยินเสียง?” น้ำเสียงเขามีร่องรอยความลังเลปนไม่แน่ใจแฝงอยู่
ดวงตาของเหมือนฝันเบิกโต หันกลับมามองอีกฝ่ายอย่างสงสัย “คุณด้วยงั้นเหรอ”
“ใช่ เสียงคนกำลังหัวเราะ”
คำตอบของเขาทำให้ขนคอเธอลุกชัน เหมือนฝันเหลียวมองรอบกายไม่พบใครอื่น นอกจากชายหนุ่มแปลกหน้าที่เผอิญเจอกัน เธอเห็นร่อยรองความแคลงใจบนใบหน้าคมสัน ได้ยินอีกฝ่ายตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมา
“ผมขอถามได้ไหมครับ คุณมาทำอะไรที่สวนสนุกคนเดียว แถมยังเดินลึกเข้ามาถึงด้านหลังสวน แถวนี้ไม่มีเครื่องเล่นอะไรน่าสนใจเสียหน่อย”
เหมือนฝันกัดริมฝีปาก เธอควรจะบอกจุดประสงค์ของการมาเยือนที่นี่ให้เขารู้ดีหรือไม่ ที่สำคัญเขาจะเชื่อเธองั้นหรือ
เริ่มนิยายมาสองบท เข้าใจว่านักอ่านหลายคนที่เคยอ่านผลงานริญจน์ธรที่ผ่านมาอาจเริ่มตกใจกับเรื่องใหม่
อยากบอกว่าเรื่องนี้เขียนออกมาไม่เหมือนแนวเดิมๆที่ริญจน์ธรเขียนจริงๆค่ะ น่าจะเป็นครั้งแรกที่ฉีกงานตัวเองออกมาเยอะขนาดนี้ ถ้าจะให้นิยามเรื่องนี้ก็คงเป็น โรแมนติกทริลเลอร์ กระมัง
ถึงอย่างนั้น อยากบอกว่างานชิ้นนี้เป็นงานที่ตั้งใจและทุ่มเทเวลาในการเขียนเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ได้รับโอกาสร่วมงานกับสนพ.ใหม่ ทำให้เกิดความตั้งใจที่อยากจะลองเขียนอะไรใหม่ๆ หลุดจากกรอบเดิมที่เคยวางไว้ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังคงเป็นนิยายรัก มีความหวานตามแบบฉบับพระนางของริญจน์ธรดังเดิม แต่อาจเพิ่มเติมเรื่องความโหดปนสยองเข้ามาให้สมกับแก่นหลักของเรื่องนี้
ขอตัดบางส่วนจากคำนำเกี่ยวกับนิยายเรื่องกรงพสุธามาให้อ่านพอเห็นแนวของเรื่องนะคะ
...ตัวละครหลายตัวในนิยายเรื่องนี้มีแรงบันดาลใจมาจากการอ่านคดีฆาตกรรมหลายคดี จนเกิดคำถามขึ้นในใจว่า “อะไรคือเหตุผลที่ทำให้มนุษย์เราปรารถนาเอาชีวิตผู้อื่น” มันเป็นผลมาจากการเลี้ยงดู ความวิปริตในจิตใจมนุษย์ ความโกรธ หรือความคับแค้นใจกันแน่ ที่ทำให้คนคนหนึ่งก้าวเข้าสู่หนทางแห่งบาป...
มาตามอ่านกันต่อเนอะ ตอนนี้พระเอกของเรามาแล้วค่า >___<
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
๓
ชีวิตของเหมือนฝันยังผจญกับฝันร้ายตามหลอกหลอนทุกคืน จนต้องพึ่งยาเพื่อให้สามารถหลับลึกโดยไม่ฝันเห็นสิ่งใด และในเช้าวันนี้ เหมือนฝันลางานเพื่อจะเดินทางไปหาอาจารย์ลือฤทธิ์ เธอหวังจะได้รับคำแนะนำดีๆจากท่าน หรือถ้าเป็นไปได้ เธอก็อยากให้อาจารย์ช่วยซ่อมรอยขาดของตาข่ายให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิม ดังนั้นหลังจากใช้เวลาแต่งตัวและรับประทานอาหารเช้าไม่นานนัก เธอก็ขับรถออกจากบ้านมุ่งหน้าสู่ชานเมือง บ้านของอาจารย์ลือฤทธิ์ตั้งอยู่ทิศทางเดียวกับสวนสนุกดรีมแลนด์แดนหรรษาซึ่งเธอเพิ่งไปเที่ยวกับเพื่อนๆเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
สัญญาณไฟแดงปรากฏตรงเบื้องหน้าทำให้หญิงสาวต้องเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถก่อนจะแล่นถึงสี่แยก ปลายนิ้วเรียวเคาะลงบนพวงมาลัย รอคอยสัญญาณไฟเปลี่ยนสี แล้ว...ไม่รู้มันเกิดขึ้นเมื่อใด จู่ๆภาพถนนหนทางเบื้องหน้าพลันเลือนหาย และเธอไม่ได้อยู่ในรถยนต์อีกต่อไป
เหมือนฝันเหลียวมองสภาพรอบกาย พบแต่ความมืดสนิท มืดเสียจนไม่อาจรับรู้บรรยากาศโดยรอบ เธอต้องใช้เวลาตั้งสติอยู่พักใหญ่กว่าจะได้กลิ่นอับชื้นของดินลอยกรุ่นอยู่ตรงปลายจมูก คล้ายเธอกำลังนั่งอยู่กลางกองดินชื้นแฉะ แต่สัมผัสต่อมาของประสาทกายบอกว่าไม่ใช่ เธอไม่ได้นั่งอยู่กลางกองดิน แต่...กำลังอยู่ใต้กองดินต่างหาก!
ใช่ ตอนนี้รอบกายคือกองดินมหาศาล น่าแปลกที่เธอไม่รู้สึกหนัก และนอกจากกลิ่นอับชื้นของดิน เธอก็เริ่มได้กลิ่นเหม็นคลื่นเหียนประหนึ่งเนื้อกำลังเน่าเฟะ พลันนั้นประสาทตาเริ่มทำงาน เหมือนฝันตอบไม่ได้ว่าทำไมจึงมองเห็นในที่มืด แต่เธอก็เห็นมัน เห็นอย่างชัดเจนทีเดียว...ศพของหญิงสาวคนหนึ่งในระยะประชิด จมูกชนจมูก!
ผิวของศพบวมและคล้ำจัด หนังบริเวณใบหน้าหลุดลุ่ยในบางส่วน ริมฝีปากถูกคาดทับด้วยผ้าปิดปากแน่น แต่ดวงตาซึ่งควรจะปิดสนิทกลับถลนออกมาคล้ายอีกฝ่ายกำลังจ้องมองเธออยู่
“กรี๊ด-ด-ด-ด”
เหมือนฝันคิดว่าตัวเองกรีดเสียงร้องดังลั่น แต่กลับไม่ได้ยินอะไรเลย เธอทะลึ่งพรวด พุ่งกายออกจากกองดินที่ถมทับอยู่ พยายามลนลานตะกายออกจากหลุม และพบว่าตนเองถูกขังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแห่งหนึ่งขนาดไม่ใหญ่นัก น่าจะไม่เกินสิบหกตารางเมตร เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทั้งผนังห้อง เพดาน และพื้นล้วนมีสภาพเป็นดินแดง บริเวณผนังฟากหนึ่งมีบานประตูขนาดใหญ่ทะมึนตั้งเด่นอยู่
นี่เธอหลงมาอยู่ที่ไหนกัน หญิงสาวถามตัวเองด้วยความงุนงง สับสน
ปรี๊น-น-น-น เสียงแตรจากรถยนต์คันหลังบีบไล่ดังลั่น หญิงสาวสะดุ้งตื่นจากฝัน เหลียวมองโดยรอบอีกครั้ง พบตนเองนั่งอยู่ในรถยนต์คันเดิม โดยมีเสียงแตรจากรถคันอื่นไล่หลัง
หญิงสาวเงยหน้ามองสัญญาณไฟจราจร เห็นมันเป็นสีเขียวแล้ว เธอรีบเข้าเกียร์ ขับรถผ่านสี่แยกไปแล้วตัดสินใจเลี้ยวเข้าจอดยังปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง
บ้าชะมัด เธอเผลอหลับในได้ยังไงกัน เหมือนฝันบ่นอย่างฉุนๆ ความหวาดกลัวยังตามหลอกหลอนแม้ยามลืมตาตื่น
ปลายนิ้วเรียวนวดลงบนหัวคิ้วทั้งสองข้าง ลมหายใจถี่กระชั้นค่อยๆกลับคืนสู่สภาวะปกติ เธอผงกศีรษะออกจากพนักเบาะ เห็นร้านกาแฟขนาดย่อมตั้งเด่นถัดจากรถยนต์ไปไม่ไกล
สิบนาทีต่อมา เจ้าของร่างระหงในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงยีนขาเดฟก็เดินกลับมายังรถยนต์พร้อมกับแก้วกาแฟเย็นในมือ เอสเปรสโซดับเบิลช็อตคงพอช่วยให้ตื่นจากฝันร้ายได้
เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายดังตอนหญิงสาวกำลังไขกุญแจรถยนต์ จึงล้วงมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ แล้วกรอกเสียงไปตามสาย
“ค่ะ ลุงพัทธ์”
“ลุงโทร.มากวนเวลาทำงานหนูฝันรึเปล่า สะดวกคุยไหม”
“สะดวกค่ะ วันนี้หนูไม่ได้ไปทำงาน” เธอตอบขณะเปิดประตูรถ กลับเข้ามาสตาร์ตเครื่องนั่งอยู่ภายใน
“ลุงลองถามเพื่อนๆเกี่ยวกับเรื่องที่หนูเล่าให้ฟังแล้วนะ”
เหมือนฝันเผลอกำแก้วกาแฟในมือแน่น รู้สึกว่าเสียงตนเองสั่นน้อยๆตอนถามอีกฝ่ายต่อ
“พวกเพื่อนๆตำรวจของคุณลุงเหรอคะ พวกเขาว่ายังไงกันบ้าง ความฝันของหนูคือความจริงใช่ไหม”
“จ้ะ ลุงตามข่าวพบคดีความสองรายใกล้เคียงกับความฝันของหนู เรื่องศพเด็กทารกถูกโยนลงแม่น้ำ แล้วก็สามีพลั้งมือฆ่าภรรยาตัวเอง”
“แล้ว...เรื่องผู้หญิงโดนแทงตายบนเตียง กับคนถูกฝังอยู่ในดินล่ะคะ”
“ไม่มีเลย เหมือนจะยังไม่มีใครแจ้งความเรื่องศพสองรายนี้”
ต้องมีสิ เหมือนฝันมั่นใจในจิตสัมผัสของตนเอง เพราะอย่างน้อยสองในสี่คดีก็เป็นจริง แสดงให้เห็นว่าสัมผัสของเธอกลับคืนมาอีกครั้งหลังจากตาข่ายดักฝันร้ายขาด
“ฝัน ฟังลุงอยู่รึเปล่า”
“ฟังอยู่ค่ะ คุณลุงคะ หนูมั่นใจว่าต้องมีผู้หญิงอีกสองคนถูกฆ่าตายแน่ๆ โดยเฉพาะรายที่ถูกฝังดิน หนูเห็นมันชัดเจนมาก...มากเหมือนตอนเห็นศพของแม่”
ความสนใจของเหมือนฝันพุ่งตรงไปหาเหยื่อรายที่ถูกฝังดิน เนื่องจากฆาตกรที่เธอเห็นในความฝันสวมใส่หน้ากากลักษณะเดียวกับฆาตกรต่อเนื่องผู้สังหารมารดาเธอ
“แต่กษิดิ์น่าจะตายไปตั้งแต่เมื่อสิบแปดปีก่อนแล้วนะหนูฝัน เขาถูกยิงหลายนัดจนไม่น่าจะมีชีวิตรอด”
เหมือนฝันกัดริมฝีปากแน่น ไม่รู้ ไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง แม้ในความฝันจะเห็นหน้ากากในลักษณะเดียวกัน แต่เธอไม่อาจบอกได้ว่าคนร้ายคือฆาตกรคนเดียวกันรึเปล่า
นี่คือฆาตกรรมลอกเลียนแบบ หรือฆาตกรตัวจริงยังลอยนวลอยู่กันแน่
“หนูไม่ทราบหรอกค่ะ” หญิงสาวตอบอย่างจนใจ “รู้แต่ว่าคนร้ายใส่หน้ากากแบบเดียวกัน และลักษณะการฆ่าเหยื่อก็เหมือนกับกรณีของแม่หนูมาก”
พัทธ์นิ่งฟังรายละเอียดจากหลานสาวอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงถามต่อ “แล้วหนูฝันพอจะบอกตำแหน่งฝังศพได้ไหม”
“หนู...ไม่แน่ใจ ครั้งนี้ศพถูกฝังอยู่ในห้องมืดๆ เป็นห้องก่อจากดินแดง มีผนัง เพดาน และพื้นเป็นดินทั้งหมด...” เสียงหญิงสาวขาดหายยามนึกถึงสภาพห้องในฝัน
ห้องดิน...ห้องแห่งดิน! ใช่แล้ว เธอเคยเห็นห้องแห่งนี้มาก่อนนี่นา
“หนูฝันเป็นอะไรไป”
“หนูนึกออกแล้วค่ะ หนูเคยเห็นห้องนี้ มันตั้งอยู่ในเครื่องเล่นของสวนสนุก ในบ้านปรารถนา”
“บ้านปรารถนางั้นเหรอ” พัทธ์ทวนชื่อบ้านงงๆ
“ค่ะ มันเป็นเครื่องเล่นชิ้นใหม่ในสวนสนุกดรีมแลนด์แดนหรรษา คุณลุงคะ เดี๋ยวหนูจะไปสวนสนุกตอนนี้เลย”
“เดี๋ยวสิหนูฝัน แล้วหนูจะไปคนเดียวได้ยังไงกัน” พัทธ์ร้อนรน ถามอย่างเป็นห่วง
เหมือนฝันชะงักกับคำทักท้วงของผู้เป็นลุง ความหวาดกลัวจากสภาพศพในความฝันทำให้เกิดอาการลังเล เธอควรเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้งั้นเหรอ
“ถ้างั้นหนูควรทำยังไงดีคะ หนูอยากให้มีใครสักคนเจอศพเธอ”
“เดี๋ยวลุงไปเอง เรื่องแบบนี้คงแจ้งความไม่ได้จนกว่าจะพบศพ”
“คุณลุงจะไปคนเดียวเหรอคะ แล้วถ้าเกิด...”
“คงไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกมั้ง ศพนั่นน่าจะถูกฝังมาหลายวันแล้ว ฆาตกรคงไม่ย้อนกลับไปที่เกิดเหตุหรอก แถมจุดเกิดเหตุน่าจะอยู่ในเขตคนพลุกพล่านไม่ใช่หรือ”
“หนูไม่แน่ใจค่ะ แต่เครื่องเล่นชิ้นนี้เป็นบ้านที่ประกอบด้วยห้องหลายๆห้อง...” เหมือนฝันเล่ารายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับบ้านปรารถนาให้พัทธ์ฟัง จากนั้นก็ย้ำให้อีกฝ่ายระมัดระวังตัว ก่อนวางสายไปด้วยความเป็นห่วง
หญิงสาวคิดจะโทรศัพท์หาลุงพัทธ์เป็นระยะๆ จึงขับรถออกจากปั๊มน้ำมัน เดินทางไปหาอาจารย์ลือฤทธิ์ตามความตั้งใจแรก
รถซีดานขนาดเล็กสีดำแล่นเข้ามาบนถนนลูกรัง แล้วจอดลงตรงกลางซอยหน้าบ้านไม้สองชั้นขนาดกลางหลังหนึ่ง ตัวบ้านไม้ดูเก่าแก่ แต่ยังมีสภาพแข็งแรงน่าอยู่ เนื่องจากได้รับการดูแลเอาใจใส่จากผู้อาศัยเป็นอย่างดี ลึกเข้าไปจากรั้วระแนงไม้ทางด้านหน้าคือสนามหญ้าตัดเรียบ มีไม้ยืนต้นตั้งตระหง่านเรียงราย ให้ความร่มรื่นได้ดีในยามเที่ยงวัน มองเลยถัดจากตัวบ้านไปทางด้านข้างทั้งสอง เหมือนฝันเห็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่หลายต้นแผ่กิ่งก้านครึ้มจัด แลดูแน่นขนัดประหนึ่งผืนป่าโอบล้อมบ้านหลังน้อยไว้
หญิงสาวดับเครื่องยนต์ เดินลงจากรถไปกดกริ่งหน้าประตูรั้ว เป็นเวลานานพักใหญ่ทีเดียวที่เธอยืนตากแดดอยู่ตรงนั้น บานประตูบ้านด้านในไม่มีทีท่าจะยอมเปิดออกต้อนรับเธอเลย
หรือครูฤทธิ์จะไม่อยู่บ้าน หญิงสาวหวั่นในอก ตัดสินใจยกโทรศัพท์ขึ้นกดหา เสียงสัญญาณรอสายดังอยู่สักพักก่อนตัดสาย
เหมือนฝันมองโทรศัพท์ในมืออย่างฉุนๆ โทษความสะเพร่าของตนเองว่าไม่ยอมโทร.มานัดกับอาจารย์ก่อน จากนั้นไม่ถึงหนึ่งนาทีเธอก็กดโทร.ออกอีกครั้ง คราวนี้เสียงสัญญาณรอสายดังเพียงไม่นานก็มีการกดรับ
“ฮัลโหล ครูฤทธิ์คะ เหมือนฝันนะคะ ตอนนี้หนูอยู่หน้าบ้านครูแล้ว ไม่ทราบว่าครูอยู่บ้านรึเปล่าคะ” หญิงสาวกรอกเสียงลงไป
ทว่าที่ดังกลับมาคือเสียงซ่าๆ แล้วตามด้วยเสียงครืดคราดเหมือนโลหะหนักถูกลากผ่านพื้น
“ฮัลโหล ครูคะ ได้ยินหนูไหม” เหมือนฝันถามย้ำกลับไปอีกครั้ง แต่ไม่มีคำพูดใดตอบกลับมา
ท้ายสุดเลยจำต้องวางสายด้วยความงุนงง เธอมองโทรศัพท์ราวกับมันเป็นของแปลก แล้วรีบเก็บมันใส่กระเป๋า หญิงสาวยืนรีรออยู่อีกประมาณสิบนาที เมื่อมั่นใจว่าคงไม่มีใครอยู่บ้าน จึงเดินออกห่างจากประตูรั้วมาสำรวจบริเวณโดยรอบของซอย ก็ไม่พบใครพอให้ถามไถ่ สุดท้ายแสงแดดร้อนแรงยามเที่ยงวันก็ทำให้เธอถอดใจ เดินกลับรถที่จอดหลบอยู่ใต้เงาไม้ ขณะกำลังจะก้าวขึ้นรถยนต์ จู่ๆก็มีเสียงทุ้มต่ำของชายคนหนึ่งทักมาจากด้านหลัง
“คุณ เจ้าของบ้านหลังนี้ไม่อยู่เหรอ”
เหมือนฝันหันมองตามเสียง เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนเด่นอยู่ท่ามกลางแสงแดดจ้า เขาเป็นชายผิวเข้ม รูปร่างบึกบึน สูงประมาณเธอ ช่วงอกหนา กล้ามแขนเป็นมัด มีรอยสักรอบแขนซ้าย และมีรูปหน้าคมสันอย่างผู้ชายหน้าตาดี ทว่าสิ่งที่โดดเด่นกว่าคือกลับเป็นรอยแผลเป็นทางยาวประมาณหนึ่งนิ้วเด่นชัดอยู่บริเวณโหนกแก้มซ้าย
“ค่ะ น่าจะไม่อยู่” หญิงสาวขมวดคิ้วมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างสงสัย “คุณมาหาครูฤทธิ์เหรอคะ”
“ครูฤทธิ์...” เขาทวนชื่อที่อีกฝ่ายบอกคล้ายคนไม่คุ้นเคย “อ้อ ใช่ ผมมาหาแก”
หัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันอยู่แล้ว ยิ่งขมวดแน่นจนแทบจะชิดกัน เหมือนฝันตงิดใจกับสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกอาจารย์ ปกติไม่เคยมีใครเรียกอาจารย์ของเธอว่า ‘แก’ นี่นา
“ท่านไม่อยู่บ้านหรอกค่ะ ฉันมารออยู่นานเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ขอตัวกลับก่อนนะคะ” เหมือนฝันตอบ ขณะก้าวขึ้นรถยนต์แล้วขับออกจากซอย
จากกระจกหลัง หญิงสาวมองเห็นชายคนนั้นเดินไปเมียงมองประตูรั้วระแนงอยู่พักหนึ่ง ก่อนเจ้าตัวจะผละจากมา
เพียงไม่ถึงสิบห้านาทีหลังจากทั้งสองกลับออกไป อาจารย์ลือฤทธิ์ก็เดินทางกลับมาถึงบ้าน แม่กุญแจเก่าขึ้นสนิมเขรอะถูกไขเพื่อปลดล็อกบานประตูรั้ว ไม่นานชายชราวัยหกสิบเศษก็เดินตัดทางเดินสนามเข้ามาถึงหน้าประตูบ้าน เจ้าของร่างยังดูแข็งแรง เดินเหินอย่างคล่องแคล่ว ผิวที่โผล่พ้นอาภรณ์สีขาวสะอาดตาเป็นสีเข้มคล้ำแดด ดวงหน้าปรากฏริ้วรอยเด่นชัดตามวัย แต่ยังมีเค้าความคมเข้มหลงเหลือมาจากวัยหนุ่มให้เห็น โดยเฉพาะนัยน์ตาคมทอประกายลึกล้ำบ่งบอกอำนาจและความน่ายำเกรง
เขายืนนิ่งอยู่ตรงทางเดินหน้าบ้านเพียงครู่ ดวงตาปรากฏรอยวิตกกังวลชัดเจน คล้ายซึมซับกลิ่นอายของธรรมชาติ สายลม และเสียงกระซิบพร่ำบอกของอะไรบางอย่างถึงเหตุการณ์หน้าบ้านเมื่อสิบห้านาทีก่อน ลือฤทธิ์ล้วงมือลงไปในย่าม หยิบโทรศัพท์มือถือสีดำรุ่นเก่าคร่ำครึออกมากดดู หน้าจอแสดงสายไม่ได้รับสองสาย ระบุชื่อเจ้าของเบอร์โทร.ว่าเป็นหนึ่งในบรรดาลูกศิษย์ของเขา
เหมือนฝัน...เหมือนดั่งความฝันที่เธอเกิดมา ชายชราถอนหายใจกับโชคชะตาของลูกศิษย์
บางครั้งคนเราก็หนีไม่พ้นโชคชะตา
ดรีมแลนด์แดนหรรษาตั้งโดดเด่นอยู่ตรงจุดเดิมท่ามกลางแสงอาทิตย์ร้อนแรงยามเที่ยงวัน พัทธ์กวาดตามองบรรดาเครื่องเล่นต่างๆที่ล้วนมีขนาดใหญ่ มองเห็นได้จากระยะไกล ทว่าในบรรดาเครื่องเล่นทั้งหลายที่เขาเดินผ่านกลับไม่พบบ้านปรารถนา
‘ไม่มีนะคะ สวนสนุกของเราไม่มีเครื่องเล่นชื่อบ้านปรารถนาค่ะ’ พนักงานในสวนสนุกบอก ยามเขาเดินไปถามหาที่ตั้งของมัน
‘คุณแน่ใจนะครับ หลานผมบอกว่าอาจเป็นเครื่องเล่นใหม่’
‘สวนสนุกของเราเพิ่งเปิดให้บริการค่ะ เครื่องเล่นทุกเครื่องเป็นของใหม่หมดอยู่แล้ว’ พนักงานหญิงเริ่มมองเขาด้วยแววตาไม่พอใจ
‘แล้วยังมีเครื่องเล่นบางส่วนยังไม่เปิดให้บริการรึเปล่า’
‘ไม่มีค่ะ ทางดรีมแลนด์เปิดให้บริการเครื่องเล่นครบหมดแล้ว ไม่มีเครื่องเล่นที่คุณถามถึงแน่นอน’ เอ่ยจบ เธอก็หันไปให้ความสนใจกับลูกค้ารายอื่นต่อ ไม่เปิดโอกาสให้พัทธ์ถามอีก
ร้อยตำรวจเอกนอกเครื่องแบบยืนสับสนอยู่กลางทางเดิน เขาเดินสำรวจรอบสวนสนุกครบสองรอบแล้ว แต่ไม่พบบ้านปรารถนาตามคำกล่าวของเหมือนฝันเลย
หรือบ้านหลังนั้นจะไม่มีอยู่จริง ทุกอย่างเป็นเพียงความคิดเพ้อเจ้อของหลานเขาเท่านั้น พัทธ์ถอนหายใจ กะจะเดินวนดูอีกรอบ ถ้าไม่พบก็คงกลับบ้าน ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น เหมือนฝันโทร.หาเขา
“คุณลุงเข้าไปในบ้านปรารถนารึยังคะ” น้ำเสียงของคนปลายสายบ่งบอกความเป็นห่วงชัดเจน
“ยังเลยหนูฝัน ลุงหาบ้านหลังนั้นไม่เจอ”
“ไม่เจอเหรอคะ เป็นไปได้ยังไงกัน บ้านหลังนั้นตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านผีสิงนะคะ”
“ตอนนี้ลุงยืนอยู่หน้าบ้านผีสิงแล้ว จากตรงนี้มองไม่เห็นเครื่องเล่นอื่นที่มีลักษณะเป็นบ้านเลย”
เหมือนฝันฟังแล้วได้แต่ขมวดคิ้วสงสัย เธอพยายามนึกถึงแผนที่ในสวนสนุก
“แล้วจากตรงนั้น คุณลุงเห็นต้นก้ามปูไหมคะ ถ้าเดินอ้อมต้นก้ามปูมาจะเห็นบ้านปรารถนาค่ะ”
หลังคำอธิบายของเหมือนฝัน พัทธ์เหลียวมองดูสวนรกทึบข้างบ้านผีสิง แล้วสายตาก็ปะทะกับไม้ใหญ่ต้นหนึ่งแผ่กิ่งก้านตระหง่านเงื้อม ลำต้นใหญ่โตประมาณสี่คนโอบ นายตำรวจนอกเครื่องแบบลองเดินอ้อมต้นก้ามปูไป ทว่ากลับเจอรั้วขนาดใหญ่รกเรื้อด้วยพันธุ์ไม้เลื้อยขึ้นแน่นขนัด บ่งบอกว่าอาณาเขตสวนสนุกสิ้นสุดลงตรงนี้
“หนูฝันจำทางถูกแน่นะ ลุงเดินมาตามที่หนูบอก แต่นี่มันสุดทางของสวนสนุกแล้ว”
“สุดทางเหรอคะ”
“ใช่ มีกำแพงกั้นอยู่ตรงหน้าลุงนี่แหละ ไม่น่าจะมีบ้านปรารถนาอยู่หลังกำแพงนะ” เขากล่าว พยายามมองลอดออกไปนอกกำแพงไม้เลื้อย เห็นทุ่งร้างรกด้วยทิวธูปฤๅษีสีเขียวตัดสลับน้ำตาล ลำต้นของมันเอนไหวไปตามสายลมโบกโบย
‘หึๆๆๆ’ วูบหนึ่ง สายลมพัดกรูจากทุ่งธูปฤๅษีปะทะใบหน้าพัทธ์ มันมาพร้อมกับเสียงหัวเราะประหนึ่งเยาะเย้ย นายตำรวจผู้เคยเผชิญกับสิ่งต่างๆมากมายถึงกับขนคอลุกชัน เขาพยายามเหลียวมองโดยรอบเพื่อหาที่มาของเสียงหัวเราะอันน่าสะพรึง แต่ไม่พบสิ่งใด
“คุณลุงไม่เจอบ้านปรารถนาจริงๆเหรอคะ” เสียงของเหมือนฝันเรียกสติของเขากลับมาหาคนปลายสาย
มือข้างที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์ล้วงหยิบสร้อยพระขึ้นมากำไว้ขณะตอบคำถามหลาน
“ไม่เจอเลยหนูฝัน เดี๋ยวลุงจะลองเดินดูอีกสักรอบนะ แล้วยังไงจะโทร.หาอีกที”
เหมือนฝันจ้องโทรศัพท์ในมืออย่างครุ่นคิด เมื่อครู่ลุงพัทธ์โทร.กลับมาหาเธออีกครั้ง บอกว่าออกจากสวนสนุกแล้ว และตามหาบ้านปรารถนาไม่พบ อีกทั้งพนักงานในสวนสนุกก็ไม่มีใครสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับบ้านปรารถนาได้สักคน
เป็นไปได้อย่างไร ถ้าบ้านปรารถนาไม่ได้อยู่ในสวนสนุก แล้วเธอกับเพื่อนๆเห็นอะไรมา หญิงสาวไม่เข้าใจ
จากบ่ายจวบจนเย็นย่ำ เหมือนฝันนั่งครุ่นคิดถึงคำบอกเล่าของลุงพัทธ์อยู่นานหลายชั่วโมง รวมถึงความฝันที่ตามหลอกหลอน ท้ายสุดเธอก็คิดถึงเหตุการณ์ตอนตนเองกับเพื่อนๆเข้าไปในบ้านปรารถนาเมื่อวันอาทิตย์
หรือบ้านหลังนั้นจะไม่ใช่บ้านธรรมดา แล้วถ้ากลับไปที่นั่นอีกครั้ง เธอจะตามหาบ้านปรารถนา ตามหาศพพบไหม หญิงสาวตั้งคำถามอย่างสงสัย ศพของผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เหตุใดถึงเคราะห์ร้ายโดนฆ่าตายอย่างทารุณขนาดนี้
ภาพศพถูกฝังดินทั้งเป็นตามหลอกหลอนเธอทั้งในยามหลับและตื่น คล้ายร่ำร้องให้ออกตามหา ดวงตาถลนออกมานอกเบ้านั้นดูสยดสยองและน่าสงสารระคนกัน ด้วยมันทำให้เธอหวนคิดถึงการตายของมารดาขึ้นมา
บางทีการพบเหยื่อรายนี้อาจนำไปสู่ความจริงเกี่ยวกับตัวคนร้ายที่ฆ่าแม่ เหมือนฝันคิด เหนืออื่นใด หญิงสาวแคลงใจเกี่ยวกับฆาตกรรายนี้...ใครกันที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากสีขาวลายผีเสื้อ เขาจะใช่กษิดิ์ที่หายสาบสูญไปหรือไม่
เหมือนฝันข่มความกลัวในจิตใจ หยัดกายยืนขึ้นจากโซฟา คว้ากระเป๋าสะพายและพวงกุญแจรถยนต์ขึ้นมา สองเท้าก้าวฉับๆตรงดิ่งไปที่ประตูหน้าบ้าน
“อ้าว ฝัน เพิ่งกลับมาเมื่อตอนบ่าย นี่จะออกไปข้างนอกอีกแล้วเหรอ” เสียงของพิชญ์ฉุดขาเธอไว้ไม่ให้ก้าวออกจากบ้าน
“ค่ะพ่อ หนูจะไปสวนสนุก”
“หือ เย็นป่านนี้แล้วเนี่ยนะ จะไปทำอะไรที่สวนสนุก”
เหมือนฝันไม่ตอบคำถาม เธอยังไม่พร้อมจะเล่าฝันร้ายให้พิชญ์ฟัง จึงเลือกเดินเข้ามากอดเอวหนา แล้วชะโงกหน้าแตะริมฝีปากกับแก้มสากๆของบิดา
“หนูคงกลับดึกๆนะคะ พ่อเข้านอนไปก่อนเลย ไม่ต้องรอหนูนะคะ” เอ่ยจบ เจ้าของร่างเพรียวระหงก็เดินตัวปลิวออกจากบ้าน ซุกซ่อนดวงตาหวาดหวั่นไว้ภายใต้ท่าทีสงบนิ่ง
พิชญ์มองตามแผ่นหลังของบุตรสาวจนอีกฝ่ายขึ้นรถยนต์ขับออกจากบ้านไป เขายืนนิ่ง ครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่หน้าบ้านครู่ใหญ่ ท้ายสุดพ่อม่ายซึ่งถูกทิ้งให้อยู่บ้านตามลำพังก็ตัดสินใจเดินกลับมาหยิบโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์ ปิดประตูบ้านแล้วเดินออกไปเช่นกัน
ตอนที่เหมือนฝันขับรถมาถึงสวนสนุกเป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว ลานจอดรถค่อนข้างโล่งและร้างไร้ผู้คน เธอจึงวนรถมาจอดในซองห่างจากซุ้มประตูทางเข้าสวนสนุกไปไม่ไกลนัก โชคดีที่ซุ้มขายบัตรยังเปิดไฟให้บริการอยู่
“ดรีมแลนด์แดนหรรษาจะปิดให้บริการตอนเที่ยงคืนนะคะ” พนักงานกำชับเธอก่อนยื่นตั๋วเข้าสวนสนุกให้
“ค่ะ ขอบคุณ” หญิงสาวรับบัตรผ่านสีขาวขนาดไม่ใหญ่นักมาถือไว้ พลันความสงสัยหนึ่งก็ผุดพราย “ขอโทษนะคะ ขอถามอะไรหน่อย สวนสนุกนี้มีเครื่องเล่นชื่อบ้านปรารถนาไหมคะ”
สีหน้าของพนักงานขายตั๋วแสดงความประหลาดใจกับคำพูดของเหมือนฝัน แต่ก็ตอบกลับมาทันที
“ไม่มีนะคะ”
เหมือนฝันขมวดคิ้ว กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายเบาๆ แล้วเร่งฝีเท้าเดินผ่านซุ้มทางเข้าสวนสนุก แสงไฟหลากสีประดับเด่นวิบวับอยู่ในยามราตรี ย้อมบรรยากาศควรทะมึนให้กลายเป็นโลกสีลูกกวาดราวกับภาพวาดในฝัน แต่สำหรับหญิงสาวผู้กำลังจดจ่ออยู่กับความคิดของตนเอง ไม่มีกะจิตกะใจจะเหลียวมองบรรยากาศรื่นรมย์ของสวนสนุกเลยสักนิด สองเท้าก้าวยาวๆไปตามทางเดินซีเมนต์อย่างรวดเร็ว...ในที่สุดเธอก็เดินมาลึกจนถึงต้นก้ามปูใหญ่ข้างบ้านผีสิง
หญิงสาวเงยมองไม้ใหญ่ยืนต้นโดดเดี่ยวโดยไม่ได้ประดับไฟหลากสี ส่งผลให้บรรยากาศแถวบ้านผีสิงแลดูวิเวกวังเวงผิดกับส่วนอื่นๆ เธอรวบรวมแรงใจ เดินอ้อมต้นไม้ใหญ่ไปจนสุดทาง แล้วสิ่งที่เห็นก็ทำเอาความตั้งใจทั้งหมดสั่นคลอน
ไม่มี ทำไมถึงไม่มีบ้านปรารถนาอยู่ตรงนี้!
สุดปลายทางเดินในความสลัวรางยามค่ำคืนคือกำแพงไม้เลื้อยขนาดใหญ่กั้นอาณาเขตของสวนสนุก ไม่ผิดจากคำกล่าวของลุงพัทธ์ เหมือนฝันงุนงง ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น มั่นใจว่าตนเองจำทางมาบ้านปรารถนาไม่ผิดแน่ มันเคยตั้งอยู่ตรงนี้ให้เธอและเพื่อนๆทั้งห้าเดินเข้าไปค้นหา ทว่าคืนนี้มันกลับหายสาบสูญ!
ไม่สิ มันอาจไม่ได้หายไป แต่อาจถูกกำแพงไม้เลื้อยขวางกั้นอยู่ก็เป็นได้ เหมือนฝันไม่เข้าใจว่าเหตุใดกำแพงไม้เลื้อยซึ่งไม่เคยมีอยู่ในทีแรกจึงปรากฏให้เห็น ทว่าความรู้สึกอยากตามหาบ้านปรารถนาแรงกล้าเกินกว่าจะทำให้เธอคิดถอย
ใบหน้านวลรูปไข่แหงนมองกำแพงสูงท่วมศีรษะ สองมือเอื้อมไปเกาะเกี่ยวเถาไม้ ก้าวขาตะกายขึ้นสู่เบื้องบน
“ถ้าผมเป็นคุณคงไม่ทำแบบนั้น” จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง
เหมือนฝันตกใจ เผลอเหยียบเท้าพลาดจนทั้งร่างดิ่งวูบ หงายหลังลงมา แต่กลับมีความอบอุ่นรองรับอยู่ทางด้านหลัง
จากหางตา หญิงสาวเห็นร่างสูงใหญ่ช่วยประคองเธอไว้ไม่ให้หงายหลังล้มฟาดพื้น กลิ่นหอมอ่อนๆจากน้ำหอมของผู้ชายลอยกรุ่นมาแตะจมูก หญิงสาวหน้าแดง รีบพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน แล้วหันมามองชายแปลกหน้าด้วยท่าทีระแวดระวัง
เขาเป็นผู้ชายตัวโต บึกบึน และสูงมากกว่าเธอซึ่งปกติสูงเกินมาตรฐานหญิงไทย บ่ากว้างรับกันอย่างเหมาะเจาะกับช่วงตัวเพรียว ยิ่งประกอบกับรูปหน้าคมเข้ม และชุดเสื้อแจ็กเกตสีดำขนาดพอดีตัวกับกางเกงยีนขายาว ยิ่งส่งผลให้อีกฝ่ายแลดูหล่อเข้ม แต่แฝงแววดุดันจนเกิดความรู้สึกไม่น่าไว้วางใจ
“เอ่อ ขอบคุณค่ะ” เหมือนฝันตอบ สองขาเขยิบก้าวถอยหลังห่างจากชายแปลกหน้ามาเล็กน้อย เธอเงยหน้าสบดวงตาสีดำลึกล้ำที่ตอนนี้อ่อนแสงแลดูเป็นมิตร ทำให้รู้สึกวางใจขึ้นมาได้หน่อย แต่ไม่มากพอจะคิดเข้าใกล้
“คุณจะขึ้นไปทำอะไรบนกำแพงแบบนั้นครับ” น้ำเสียงของชายหนุ่มอ่อนโยน ฟังดูคล้ายผู้ใหญ่กำลังตั้งคำถามกับเด็กเล็กๆเสียมากกว่า
“ฉัน...ขอโทษค่ะ ฉันแค่นึกอะไรสนุกๆขึ้นมานิดหน่อย” เหมือนฝันหลบตา คาดเดาว่าอีกฝ่ายอาจเป็นพนักงานของสวนสนุก น่าประทับใจที่พนักงานในสวนสนุกจะหล่อเหลาปานนี้
“ปีนกำแพงคงไม่สนุกนักมั้งครับ” เขาเปรย พลางกวาดตามองโดยรอบ “แล้วเพื่อนๆคุณไปไหนหมดล่ะครับ หลงทางหรือตั้งใจเดินมาคนเดียว ถึงจะอยู่ในสวนสนุก แต่เดินมาในที่มืดๆคนเดียวแบบนี้อาจไม่ดีนัก”
“ฉันมาคนเดียวค่ะ เอ่อ คิดว่าจะกลับแล้ว” เธอตอบรับความห่วงใยของเขาด้วยการตั้งใจจะกลับบ้าน ไม่เห็นประโยชน์อันใดที่จะตามหาบ้านปรารถนาต่อ ในเมื่อมันไม่อยู่ในที่ที่ควรจะอยู่
หญิงสาวนึกอย่างปลงๆ มั่นใจเต็มร้อยว่าค่ำคืนนี้คงต้องพึ่งยา เพื่อจะได้ไม่ฝันถึงศพคนตายอีก
หวีด-ด-ด-ด หวิว-ว-ว-ว ‘หึๆๆ’ ขณะเดินกลับ หญิงสาวแว่วได้ยินเสียงสายลมพัดผ่านมาพร้อมกับเสียงหัวเราะของใครบางคน ขาเรียวหยุดกึกยืนนิ่งอยู่กับที่ พลอยให้คนเดินตามหลังมาหยุดเท้าตาม ทว่าคำถามของฝ่ายนั้นกลับทำให้ใจเต้นรัวแรง
“คุณได้ยินเสียง?” น้ำเสียงเขามีร่องรอยความลังเลปนไม่แน่ใจแฝงอยู่
ดวงตาของเหมือนฝันเบิกโต หันกลับมามองอีกฝ่ายอย่างสงสัย “คุณด้วยงั้นเหรอ”
“ใช่ เสียงคนกำลังหัวเราะ”
คำตอบของเขาทำให้ขนคอเธอลุกชัน เหมือนฝันเหลียวมองรอบกายไม่พบใครอื่น นอกจากชายหนุ่มแปลกหน้าที่เผอิญเจอกัน เธอเห็นร่อยรองความแคลงใจบนใบหน้าคมสัน ได้ยินอีกฝ่ายตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมา
“ผมขอถามได้ไหมครับ คุณมาทำอะไรที่สวนสนุกคนเดียว แถมยังเดินลึกเข้ามาถึงด้านหลังสวน แถวนี้ไม่มีเครื่องเล่นอะไรน่าสนใจเสียหน่อย”
เหมือนฝันกัดริมฝีปาก เธอควรจะบอกจุดประสงค์ของการมาเยือนที่นี่ให้เขารู้ดีหรือไม่ ที่สำคัญเขาจะเชื่อเธองั้นหรือ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ย. 2557, 11:10:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ย. 2557, 11:10:26 น.
จำนวนการเข้าชม : 1410
<< บทที่ ๒ ฝันร้ายหวนคืน | บทที่ ๓ ดรีมแลนด์แดนหรรษา (ครึ่งหลัง) >> |


ริญจน์ธร 12 ก.ย. 2557, 11:23:07 น.
ตอบคอมเมนต์
คุณ ภาวิน ตอนก่อนภาวินมาวินคนแรกเลย
คุณ Ketza คุณวีมาแล้วน้าเกดซ่า หล่อล่ำพอไหม
คุณ sugar ว้าววว ขอบคุณค่ะที่ช่วยให้กระจ่างเรื่องตาข่ายดักฝันเพิ่มขึ้น ความจริงคนเขียนเองก็เพิ่งรู้จักตาข่ายนี้จากการหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตตอนเขียนเรื่องนี้นี่แหละค่ะ แต่ยิ่งเห็นยิ่งหลงรักเรื่องลางชิ้นนี้จนตอนนี้มีสะสมไว้เต็มบ้านเลย
คุณ patok เรื่องนี้ขอฉีกจากแนวเดิมๆหน่อยน้อ คงไม่ใช่นิยาย feel good เท่าไร ความจริงโทนเรื่องของเรื่องออกจะดาร์กด้วยอะค่ะ แต่สำหรับความหวานและฉากพระนางยังมีมุ้งมิ้งให้เห็นนะคะ แต่ต้องสารภาพว่าอาจน้อยกว่าเรื่องอื่นๆ เนื่องจากโดนปมหลักของเรื่องแย่งพื้นที่ไปบ้าง
คุณ พันธุ์แตงกวา มาแล้วน้า พระเอกของหนู เอ๊ะ หรือของเจ๊
แต่พระนางมาเจอกันแล้วไม่รู้จะยิ่งหวานหรือยิ่งหลอนขึ้น 
คุณ goldensun นางเอกเรื่องนี้น่าสงสารค่ะ ไม่รู้ทำไมหลังๆริญจน์ธรโรคจิตชอบเขียนนางเอกให้น่าสงสาร 555 ขอบคุณคุณ goldensun นะคะที่คอยทักคอยให้คำแนะนำมาตลอดทุกเรื่อง เพราะบางทีคนเขียนเองก็หลงลืม มีหลุด มีประเด็นที่ไม่รู้เช่นกัน
คุณ บุลินทร อ่านเลยยยยย พี่มูนเรื่องนี้จะโหดขึ้นเยอะนะ บังคับน้องมีนให้รีบๆอ่าน
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ต้องล็อกบ้าน ปิดประตู ปิดหน้าต่างไว้นะคะ เพราะ...มันยังไม่จบ
ตอบคอมเมนต์
คุณ ภาวิน ตอนก่อนภาวินมาวินคนแรกเลย

คุณ Ketza คุณวีมาแล้วน้าเกดซ่า หล่อล่ำพอไหม

คุณ sugar ว้าววว ขอบคุณค่ะที่ช่วยให้กระจ่างเรื่องตาข่ายดักฝันเพิ่มขึ้น ความจริงคนเขียนเองก็เพิ่งรู้จักตาข่ายนี้จากการหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตตอนเขียนเรื่องนี้นี่แหละค่ะ แต่ยิ่งเห็นยิ่งหลงรักเรื่องลางชิ้นนี้จนตอนนี้มีสะสมไว้เต็มบ้านเลย

คุณ patok เรื่องนี้ขอฉีกจากแนวเดิมๆหน่อยน้อ คงไม่ใช่นิยาย feel good เท่าไร ความจริงโทนเรื่องของเรื่องออกจะดาร์กด้วยอะค่ะ แต่สำหรับความหวานและฉากพระนางยังมีมุ้งมิ้งให้เห็นนะคะ แต่ต้องสารภาพว่าอาจน้อยกว่าเรื่องอื่นๆ เนื่องจากโดนปมหลักของเรื่องแย่งพื้นที่ไปบ้าง
คุณ พันธุ์แตงกวา มาแล้วน้า พระเอกของหนู เอ๊ะ หรือของเจ๊


คุณ goldensun นางเอกเรื่องนี้น่าสงสารค่ะ ไม่รู้ทำไมหลังๆริญจน์ธรโรคจิตชอบเขียนนางเอกให้น่าสงสาร 555 ขอบคุณคุณ goldensun นะคะที่คอยทักคอยให้คำแนะนำมาตลอดทุกเรื่อง เพราะบางทีคนเขียนเองก็หลงลืม มีหลุด มีประเด็นที่ไม่รู้เช่นกัน

คุณ บุลินทร อ่านเลยยยยย พี่มูนเรื่องนี้จะโหดขึ้นเยอะนะ บังคับน้องมีนให้รีบๆอ่าน
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ต้องล็อกบ้าน ปิดประตู ปิดหน้าต่างไว้นะคะ เพราะ...มันยังไม่จบ



บุลินทร 12 ก.ย. 2557, 14:54:54 น.
ไม่น่าเชื่อว่าริญจน์ธรจะเขียนได้น่ากลัวแบบนี้ ฉากจมูกชนจมูก *O*
ไม่น่าเชื่อว่าริญจน์ธรจะเขียนได้น่ากลัวแบบนี้ ฉากจมูกชนจมูก *O*

นักอ่านเหนียวหนึบ 12 ก.ย. 2557, 17:24:31 น.
ผู้ชายคนนี้ไมาใช่คนเดียวกะที่หน้าบ้านอ. ฤทธิ์? เหยๆๆๆ
วันเดียวเจ้ฝันเจอปู้ชายหล่อล่ำ ถึงสองคนเลยเรอะ!!!
เกือบละ เกือบจะอิจฉาละ 555
ผู้ชายคนนี้ไมาใช่คนเดียวกะที่หน้าบ้านอ. ฤทธิ์? เหยๆๆๆ
วันเดียวเจ้ฝันเจอปู้ชายหล่อล่ำ ถึงสองคนเลยเรอะ!!!
เกือบละ เกือบจะอิจฉาละ 555

patok 12 ก.ย. 2557, 17:58:01 น.
ถึงจะเปลี่ยนแนวเรื่องใหม่ แต่ยังน่าติดตามเหมือนเดิมเลยค่ะ ปรกติส่วนตัวจะไม่ค่อยอ่านอะไรน่ากลัวๆหลอนๆแบบนี้เท่าไหร่ เนื่องจากมีจินตนาการสูง กลัวติดภายในความทรงจำ 555+ แต่เรื่องนี้ของคุณริญจน์ธร เหมือนว่า หยุดไม่ได้ ยิ่งอ่านยิ่งอยากรู้ ยิ่งอ่านยิ่งอยากเร่งตอนต่อไปเร็วๆ
บ้านปรารถนานี่น่ากลัวจริงๆ
ถึงจะเปลี่ยนแนวเรื่องใหม่ แต่ยังน่าติดตามเหมือนเดิมเลยค่ะ ปรกติส่วนตัวจะไม่ค่อยอ่านอะไรน่ากลัวๆหลอนๆแบบนี้เท่าไหร่ เนื่องจากมีจินตนาการสูง กลัวติดภายในความทรงจำ 555+ แต่เรื่องนี้ของคุณริญจน์ธร เหมือนว่า หยุดไม่ได้ ยิ่งอ่านยิ่งอยากรู้ ยิ่งอ่านยิ่งอยากเร่งตอนต่อไปเร็วๆ
บ้านปรารถนานี่น่ากลัวจริงๆ

lovemuay 12 ก.ย. 2557, 19:26:18 น.
ลึกลับน่ากลัวจังเลยค่ะ เดาไม่ถูกเลยว่าจะเปนพระเอกหรือคนร้ายกันแน่
ลึกลับน่ากลัวจังเลยค่ะ เดาไม่ถูกเลยว่าจะเปนพระเอกหรือคนร้ายกันแน่

goldensun 12 ก.ย. 2557, 20:50:58 น.
ไม่พบอาจารย์ลือฤทธิ์ ฝันร้ายต่อสิคะ ทีนี้ แล้วผู้ชายที่เจอหน้าบ้านอาจารย์ ใครกัน หนุ่มหน้ากากรึเปล่า
เจอกันแล้ว มีจิตสัมผัสเหมือนๆ กัน คุยกันง่ายละ ทีนี้ ได้ยินเสียงหัวเราะเหมือนกันนี่ ลุงพัทธ์ด้วยอีกคน
บ้านปรารถนาคนละมิติแน่เลย แต่ศพสาวที่ฝันเห็นจะฝังในห้องดินแน่หรือคะ
ไม่พบอาจารย์ลือฤทธิ์ ฝันร้ายต่อสิคะ ทีนี้ แล้วผู้ชายที่เจอหน้าบ้านอาจารย์ ใครกัน หนุ่มหน้ากากรึเปล่า
เจอกันแล้ว มีจิตสัมผัสเหมือนๆ กัน คุยกันง่ายละ ทีนี้ ได้ยินเสียงหัวเราะเหมือนกันนี่ ลุงพัทธ์ด้วยอีกคน
บ้านปรารถนาคนละมิติแน่เลย แต่ศพสาวที่ฝันเห็นจะฝังในห้องดินแน่หรือคะ

พันธุ์แตงกวา 12 ก.ย. 2557, 22:22:37 น.
มาแร้วววววว พระเอกของเจ้ แหม มันน่าพลีชีพขึ้นไปปีนกำแพงบ้างจังจะได้ตกลงมาซบอกพอดิบพอดี ซับน้ำหมาก
ว่าแต่บ้านปรารถนาหายไปไหนละเนี่ย แล้วจะมีศพอยู่ห้องดินได้ยังไง น่าติดตามมว้ากกก
มาแร้วววววว พระเอกของเจ้ แหม มันน่าพลีชีพขึ้นไปปีนกำแพงบ้างจังจะได้ตกลงมาซบอกพอดิบพอดี ซับน้ำหมาก
ว่าแต่บ้านปรารถนาหายไปไหนละเนี่ย แล้วจะมีศพอยู่ห้องดินได้ยังไง น่าติดตามมว้ากกก

ภาวิน 12 ก.ย. 2557, 23:33:49 น.
ถึงจะเขียนแนวหลอน แต่ก็ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆของผู้ชายหล่อล่ำติดปลายจมูกเหมือนฝัน กริ๊บกริ๊ว
ถึงจะเขียนแนวหลอน แต่ก็ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆของผู้ชายหล่อล่ำติดปลายจมูกเหมือนฝัน กริ๊บกริ๊ว

nako 13 ก.ย. 2557, 12:16:42 น.
ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน รอตอนต่อไปค่าาาา
ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน รอตอนต่อไปค่าาาา

ผักหวาน 23 ก.ย. 2557, 10:00:14 น.
บอกเลยหนูฝัน
บอกเลยหนูฝัน