แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ

คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”

คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”

คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”

และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”

Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา

ตอน: 29 ขวัญหนีดีฝ่อ 2


29
ขวัญหนีดีฝ่อ (2)



ปัง!!!

ขวัญชีวันสะดุ้งตื่นขึ้นทันที เสียงปืนที่ดังระงมจากเหตุการณ์เมื่อกลางวันดังก้องอยู่ในหู ภาพบอดี้การ์ดที่ถูกยิงตายคาทียังติดตาม เลือดสีแดงที่กระจายอยู่เต็มพื้นยังติดตาม เพราะเข้าวิ่งช่วยเธอ เขาถึงตาย เลือดสีแดงกระเด็นติดแขนเธอ แม้จะล้างเนื้อล้างตัวจนสะอาดแล้ว แต่เธอก็รู้สึกว่ามันยังติดอยู่กับตัวและใจของเธอ ขวัญชีวันลุกขึ้นเมื่อนอนต่อไม่ได้ ตอนนี้เป็นเวลาเกือบตีสอง งานข้างล่างเลิกไปพักใหญ่แล้ว เพราะเกิดเรื่องวันนี้วาทินเลยไม่ให้เธอออกไปร่วมงาน รวมถึงน้องอีฟ สภาพจิตใจควรจะดีขึ้นหลังจากได้พักผ่อน แต่มันกลับแย่ลง ตั้งแต่ครั้งก่อนแล้วที่เธอเห็นคนตายต่อหน้าต่อตา เธอคิดว่าถ้าเธออยู่กับวาทินนานอีกนิดเธอจะต้องเห็นคนตายมากกว่านี้แน่นอน

“เธอควรจะหลับแล้วนะป่านนี้” ขวัญชีวันหันไปมองผู้ชายที่เธอกำลังนึกถึง ใบหน้าสวยไม่กล้าสบตามองเขาแบบเช่นเคย เธอไม่ใช่ผู้หญิงเข้มแข็งอย่างรักจิรา เธอก็แค่ลูกไก่ที่บอบบางที่เมื่อบีบก็ตาย เมื่อคลายก็รอด เธอยอมรับว่ากำลังจิตตก ยิ่งมาเจอผู้ชายที่เปรียบเสมือนต้นเหตุให้เธอต้องเข้าไปอยู่สถานการณ์น่ากลัวแบบนั้นแล้วด้วย ยิ่งทำให้เธอไม่กล้ามองเขา วาทินแสดงสีหน้าหงุดหงิดที่สาวเจ้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ไม่กล้ามองหน้า ไม่กล้าสบตา แววตามีแต่ความกลัว เขาขยับเข้าไปใกล้ ขวัญชีวันกลับถอยหลัง เขาขยับไปอีกครั้ง ขวัญชีวันก็ทำเช่นเดิม

“เธอกำลังเล่นสงครามประสาทกับฉันอยู่นะขวัญชีวัน เลิกเดินถอยหลังสักที” เขาขยับเข้าไปอีก พอบอกไม่ให้ถอยหลังเธอกลับหันหลังและเดินลิ่ว ๆ ไปทันที

“ขวัญชีวัน ขวัญชีวัน ฉันบอกให้หยุดเดี๋ยวนี้!!!” เสียงตวาดของเขาทำให้ขวัญชีวันตกใจกลัวขาไม่ก้าวต่อ แต่กลับไม่หันกลังกลับไปมองเขา วาทินพยายามใจเย็นและเดินเข้าไปใกล้

“หันหน้ามา ขวัญชีวันหันหน้ามา” ขวัญชีวันหันกลับไปแต่ไม่ยอมเงยหน้ามองเขา

“เงยหน้าขึ้น” ขวัญชีวันเงยหน้าขึ้นตามคำสั่ง แต่ตากลับเหลือบต่ำลง จากเดิมที่หงุดหงิดกับท่าทีที่ทำตัวเป็นหุ่นยนต์ที่รอฟังคำสั่งที่เขาป้อนอยู่แล้วก็ยิ่งโกรธเข้าไปอีก

“เธอโกรธอะไรฉัน...ตอบ!!!” ขวัญชีวันสะดุ้งราวกับกระต่ายตื่นกลัวเมื่อเจอน้ำเสียงที่ตวาด ดวงตาแดงก่ำเหมือนจะร้องไห้ วาทินยิ่งทำอะไรไม่ถูก

“เอาล่ะฉันจะพูดดี ๆ ตอนนี้มองหน้าฉัน ขวัญชีวัน” น้ำเสียงที่อ่อนลงทำให้ขวัญชีวันยอมเงยหน้าขึ้น

“เธอไม่พอใจอะไรฉัน” ขวัญชีวันส่ายหน้าพร้อมกับหน้าเหมือนเด็กทำผิด

“แล้วเธอเป็นอะไร กลัวฉัน” ขวัญชีวันไม่ได้พยักหน้า และไม่ส่ายหน้า เขาเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง

“ฉันจะส่งเธอกลับบ้าน” ขวัญชีวันเงยหน้าขึ้นทันที ใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมา แต่ใจกลับรู้สึกโหวง ๆ

“จะ...จริงหรอคะ”

“ใช่ รอบตัวฉันตอนนี้กำลังอันตราย น้องอีฟฉันอาจจะส่งไปอยู่ที่อื่นสักพักจนกว่าสถานการณ์จะเรียบร้อยลง”

“แล้วเงิน”

“ถือว่าหนี้เธอกับฉันหมดแล้ว ฉันทำให้เธอต้องเกือบเจ็บตัวตั้งหลายครั้ง แถมทำให้เอเสียสภาพจิตไปอีก แต่หลังจากพรุ่งนี้นะ เธอก็อยู่เที่ยวกับน้องอีฟอีกสักวัน น้องอีฟชอบเธอมาก เค้าคงจะคิดถึงเธอมาก”

“ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณวาทิน”

“เธอไปนอนได้แล้ว เรื่องวันนี้ เธอไม่ต้องเก็บไปคิดมาก ถ้าบอดี้การ์ดคนนั้นไม่วิ่งไปช่วยเธอ เธอนั่นแหละที่จะตาย เขาทำตามหน้าที่คือปกป้องดูแลเจ้านาย เขาทำเพื่อให้เธออยุ่ต่อ เธอก็ควรขอบคุณเขา ขอบคุณที่ต่อชีวิตให้เธอ อย่าเอาแต่หน้าเศร้าโทษตัวเอง มันไม่มีประโยชน์หรอกนะ มันคือสัจธรรมเกิดมาก็ต้องตาย และสาเหตุการตายมันก็ต่างกัน บอดี้การ์ดคนนี้ตายในหน้าที เขาตายอย่างภาคภูมิแล้ว อย่าทำให้ความภาคภูมิของเขาต้องมังหมองเลยนะขวัญชีวัน” ขวัญชีวันมองหน้าเขา ผู้ชายที่ชอบตีหน้าขรึมใส่เธอ ชอบทำเสียงดุ แต่เขาเขากลับมีมุมอ่อนโยน ขวัญชีวันยอมมองหน้าเขาตรง ๆ

“ขอบคุณนะคะคุณวาทิน”

“เลิกพูดคำนี้สักทีเถอะ ขอโทษ ขอบคุณ ฟังแล้วน่าเบื่อ”

“ขอโทะ...เอ่อ ถ้าฉันไม่พูดแล้วจะให้ฉันพูดอะไรล่ะคะ”

“ไม่ต้องพูด เลิกทำหน้าเหมือนกระต่ายตื่นด้วย ถ้าลูกสาวฉันติดนิสัยเธอมาฉันจะจัดการเธอ” เขาทำหน้าดุอีกครั้ง แต่น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดุไปตามหน้า ทำให้พอรู้ได้ว่าเขาไม่ได้จริงจัง ขวัญชีวันมองวาทินที่หันหลังกำลังจะเดินไป นี่อาจจะเป็นคืนสุดท้ายที่เธอจะเจอเขาก็ได้

“คุณวาทินคะ” วาทินหันกลับมา

“เอ่อ...ฝันดีนะคะ ถึงคุณไม่อยากให้ฉันพูด แต่ก็ขอบคุณอีกครั้ง ขอบคุณทุกอย่าง ฉันสร้างความเสียหายเยอะแยะ บางทีอาจมากกว่านี้ที่ติดอีก แต่คุณก็ไม่เคยลงโทษฉันสักครั้ง คุณดูแลฉันดีจนไม่เหมือนเจ้าหนี้ ทำแผลให้อีก ขอบคุณนะคะ หวังว่าเราจะเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหมคะ” วาทินมองขวัญชีวันนิ่ง ๆ ไม่ตอบ ขวัญชีวันที่อุตส่าห์รวบรวมความกล้า แต่พอเห็นหน้านิ่ง ๆ ตาดุ ๆ ของเค้า ใบหน้าก็ซีดลงทันที ขวัญชีวันก้มหน้าลง

“ถ้าเธอเลิกคิดว่าฉันเป็นมาเฟีย ฉันก็อนุญาต” แล้วเขาก็เดินไป รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อดุ แต่เมื่อมีรอยยิ้มเล็ก ๆ กลับยิ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูมีเสน่ห์ขึ้น น่าเสียดายที่ขวัญชีวันไม่ได้เห็นมัน





ขวัญชีวันยืนมองพระอาทิตย์ที่กำลังตกจากขอบฟ้า พื้นที่ในส่วนนี้บริเวณรอบถูกกันคนออกไปจนหมด คนจึงไม่มีผ่านมาเลยสักคน และที่เธอต้องออกมายืนใจลอยเป็นนางเอกมิวสิคแบบไม่กลัวสิ่งใด ก็เพราเธอหายใจหายคอไม่ค่อยสะดวก ตามจริงวาทินวางแผนจะพาน้องอีฟมาเที่ยวอยู่แล้ว แต่กลับเกิดเรื่องขึ้นเมื่อวานทำให้การรักษาความปลอดภัยต้องเข้มงวดขึ้น จากที่จะมาเที่ยวสบาย ๆ กลายเป็นความตรึงเครียด จากที่คิดว่าจะได้ไปเที่ยวแหลมพรหมเทพ แต่เพราะว่ากว่าจะมาถึงมันก็มืดแล้ว เธอจึงไม่ได้ไปแหลมหรพมเทพดั่งที่ใจคิดไว้ แถมมาเที่ยวก็ไม่สนุกอย่างที่คิดเมื่อมีบอดี้การ์ดตามเป็นพรวน แม้จะบอกว่าไม่ใช่มาเฟียแต่การสิ่งที่เห็นอยู่ไม่ต่างจากมาเฟียเลยสักนิด หลังจากนั่งกินอาหารอยู่สักพักเธอก็ตัดสินใจเดินออกมาพออึดอัดกับสภาวะตรึงเครียดที่มีแต่บอดี้การ์ดยืนคุม

“คุณขวัญครับ” ขวัญชีวันหันไปมองคนที่เดินเข้ามา

“คุณคิม”

“ทำไมมาเดินคนเดียวละครับ”

“ฉันอยากคิดอะไรเงียบ ๆ คนเดียวค่ะ”

“คุณอึดอัดใช่ไหมครับ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณนะ ตามจริงวันนี้คุณวาทินก็คิดจะพาคุณกับน้องอีฟมาเที่ยวชิลล์ เดี๋ยวคุณก็จะกลับแล้วน้องอีฟคงจะคิดถึงคุณ แต่เพราะมีบอดี้การ์ดรายล้อมมันก็เลยหมดสนุกใช่ไหมครับ” ขวัญชีวันไม่ตอบแต่มองไกลออกไป พระอาทิตย์กำลังจะตกแล้ว เที่ยวบินของเธอออกตอนสองทุ่มตรง อีกเดี๋ยวเธอก็จะกลับแล้ว แต่ทำไมพอถึงเวลาจะได้กลับจริง ๆ เธอกลับใจหายวาบมันเร็วมากจริง ๆ เร็วเกินไป

“คุณโทรไปบอกคุณรักหรือยังครับว่าคุณจะกลับวันนี้”

“ยังค่ะ ฉันอยากไปเซอร์ไพรส์ทุกคนมากกว่า รักคงจะตกใจมากที่เห็นหน้าฉัน ขอบคุณนะคะคุณคิม ถ้าไม่มีคุณฉันอาจจะตายตั้งแต่วันแรก อาจจะอยู่มาไม่ถึงตอนนี้” คิมหันต์ยิ้มมองรอยยิ้มที่สดใสและจริงใจ น่าเสียดายถ้ามีเวลามากกว่านี้ก็คงดี เธออาจจะดูโก๊ะ ดูซุ่มซ่ามไปบ้าง แต่เขากลับรู้สึกว่ามันคือเสน่ห์ในตัวของเธอ เสน่ห์ที่ใส ซื่อ บริสุทธิ์ ไร้ท่าทีเสแสร้งใด ๆ

“ผมเต็มใจ เป็นคนอื่นก็คงทำแบบผมเหมือนกัน ที่สำคัญไม่มีใครฆ่าคุณหรอกนะครับคุณขวัญ”

“ตอนนั้นฉันกลัวนี่คะ แต่คุณทิมคงดีใจมากที่ฉันไม่อยู่กวนใจเขาแล้ว แถมชอบทำโก๊ะ ๆ ให้เจ้านายของเขาและเขาเดือดร้อน เขาทำหน้าเหมือนจะวิ่งเข้ามาบีบคอฉันทุกครั้งที่ฉันทำเรื่องให้เขาต้องช่วย จ้องจัดการ”

“ไม่หรอกครับ คุณขวัญคงไม่รู้ว่าทิมเนี่ยพยายามแค่ไหนที่จะทำหน้าตาใจดีกับคุณ เขาเป็นคนแสดงออกไม่เก่ง แต่ทิมไม่เคยยอมคุย หรืออ่อนข้อให้กับผู้หญิงคนไหน เขาเองคงจะเห็นความน่ารักในตัวคุณเหมือนคนอื่น ๆ ที่ไม่โกรธเวลาคุณทำตัวโก๊ะ ๆ ก็เพราะรู้ว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ แค่เขาเห็นหน้าเศร้า ๆ ตัวสั่น ๆ เหมือนกระต่ายขี้กลัวเขาก็โกรธไม่ลงแล้วล่ะครับ ทิมคงเสียใจที่มาไม่ทันคุณกลับ”

“ทำไมฉันถึงดูไม่ออกว่าเขาเป็นอย่างที่คุณคิมพูด”

“ก็คุณขวัญซื่อขนาดนี้ ที่นี่ใครไม่ชอบคุณก็บ้าแล้วครับ คนที่นี่ทุกคนชอบคุณเหทือนที่น้องอีฟเองก็ชอบคุณทั้งนั้น กลับไปคราวนี้คุณจะมาที่นี่อีกไหมครับ” คิมหันต์มองขวัญชีวันด้วยสายตาที่ขวัญชีวันไม่เข้าใจ เกิดมาจนอายุขนาดนี้ไม่เคยมีใครมองเธอด้วยสายตาแบบนี้ มันให้ความรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆพิกล แถมยังดูเศร้า ๆ

“ฉันสัญญากับน้องอีฟไว้แล้วค่ะว่าถ้าว่างฉันจะแวะมาค่ะ”

“แล้วถ้าไม่เกี่ยวกับสัญญาของน้องอีฟ แต่ถ้าเป็นผมขอให้คุณแวะมาบ้างคุณจะมาไหม” ขวัญชีวันมองคิมหันต์เหมือนกำลังตีความ

“มาสิคะ ฉันต้องแวะมาเยี่ยมทุกคนอยู่แล้ว ทุกคนที่นี่ดีกับฉันมาก ทั้งคุณคิม คุณทิม คุณวาทิน ทุกคนดีกับฉัน ฉันไม่ลืมหรอกค่ะ”

“คุณขวัญ... ที่ผ่านมาคุณอาจไม่เข้าใจ ผมคิดทบทวนหลายต่อหลายครั้ง ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ชอบผมให้แบบที่ผมชอบคุณ”
“ฉันชอบคุณนะคะ” ขวัญชีวันตอบกลับไปแบบคนพาซื่อ คิมหันต์ยิ้มนิด ๆ

“เชื่อเถอะว่ามันคนละความหมายกัน ผมไม่รู้คุณจะคิดยังไง แต่ผมเคยผ่านเหตุการณ์สูญเสยมามาก เจอคนสูญเสียมาเยอะ อย่างน้อยก็พวกบอดี้การ์ดที่ต้องมาตายในหน้าที่ ผมกลัว ผมไม่อยากสูญเสียเวลาไปเปล่าประโยชน์ คุณกลับไปคราวนี้ผมไม่รู้ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง คุณอาจจะไปเจอคนอื่น ผมไม่รู้เลยว่าวันหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แต่วันนี้อย่างน้อยผมเจอคนที่ผมชอบมาก แม้จะเวลาสั้น ๆ แต่ผมมั่นใจว่าผมชอบจนมันกลายเป็นคำว่ารัก...” ขวัญชีวันหน้าซีดกว่าเก่า คิมหันต์คว้าจับมือเธอไว้

“มันอาจจะเร็วไป แต่ขอให้คุณให้โอกาสผม ให้ผมได้ลองพิสูจน์ตัวเอง”

“คือ...” ขวัญชีวันกำลังตกใจ ทำอะไรไม่ถูก เกิดมาไม่เคยมีใครมาสารภาพรักกับเธอแบบนี้ หรือมีก็นานมาแล้ว นานมากจริง ๆ น่าจะตอนมอสี่ล่ะมั้ง และนั่นก็เป้นครั้งเดียว เมื่อมาเจอสถานการณ์แบบนี้เธอก็ทำอะไรไม่ถูก

“คุณขวัญ...”

“อยู่ที่นี่กันนี่เอง” ขวัญชีวันหันไปมองด้วยท่าทีตกใจ อเล็กซ์เดินเข้ามาขัดกลางวงสนทนาของทั้งคู่

“นายให้ผมมาเรียกคุณเข้าไปข้างใน น้องอีฟกำลังร้องหาคุณ ผมเลยอาสามาตาม ไปกันครับคุณขวัญ” อยู่ ๆ อเล็กซ์ก็เดินมาจับมือเธอและลากให้เดินตามไป เธอเองก็ขืนตัวไว้ไม่ทัน แต่อีกใจเธอเลือกที่จะไม่ขืนตัวไว้เพราะสายตาที่มองตามมาเหมือนขอคำตอบ มันทำให้เธอพูดไม่ออก ขวัญชีวันหันกลับไปมองหน้าคิมหันต์อีกครั้ง เชาขยับปากพูดว่า ...ผมจะรอนะครับ...

“ผมช่วยคุณ คุณติดหนี้ผมครั้งหนึ่งนะครับ” เสียงของอเล็กซ์ทำให้ขวัญชีวันหันกลับมามองเขา

“หนี้อะไรคะ”

“ก็ผมช่วยให้คุณไม่ต้องตอบคำถามที่อึดอัดใจไงครับ”

“ฉันไม่ได้อึดอัดใจนะคะ” ขวัญชีวันตอบเสียงเครียด

“แล้วทำไมต้องขมวดคิ้วล่ะครับ”

“ก็...ฉัน...ฉันไม่รู้” ขวัญชีวันตอบไปตามใจคิดไม่มีจริตเสแสร้ง เหมือนกำลังสับสนและงงจริง ๆ เขาเดินพาเธอลัดเลาะกลับเข้ามาที่ร้าน ก่อนจะถึงโต๊ะอเล็กศ์บังจับข้อมมือเธอไว้เหมือนรั้งยังไม่ให้ไปและเอ่ยขึ้น

“ทำไมถึงไม่รู้ คุณไม่ชอบคิมหันต์หรอ คิมหันต์ดีมากเลยนะ แต่เชื่อเถอะว่าเขาไม่เหมาะกับคุณ ซื่อสัตย์กับใจตัวเอง ชอบใครก็อยู่กับคนนั้น ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ คุณกำลังจะกลับแล้วนะคุณขวัญ มีอะไรอยากพูดก็พูดสิ ถ้าคุณชอบคิมก็บอกคิมไป แต่ถ้าชอบคนอื่นก็ต้องบอกเขาไป”

“แต่ฉันไม่ได้ไม่ชอบคุณคิม ไม่ได้ชอบใครทั้งนั้น”

“โกหกหน้าไม่เนียนเลยนะคุณขวัญ เอาเป็นคุณชอบใครมากกว่ากันระหว่าง คุณวาทิน กับนายคิม” ขวัญชีวันทำหน้าเหมือนเด็กน้อยที่กำลังคิดหนัก เป็นคำถามที่ตอบยาก เธอไม่ได้ไม่ชอบวาทินเธอแค่กลัวเขาในบางครั้ง แต่เขาเป็นคนดีเธอ แม้บางครั้งจะดุเธอ เธอยอมรับอยางเต็มปากว่าเธอรู้สึกดีกับเขามาก แต่ถึงขั้นรักเลย เธอเองก็ไม่แน่ใจ ส่วนคิมหันต์เขาก็ดีกับเธอเธอก็ชอบเขา เขาทำให้เธอรู้สึกดีเวลาอยู่ด้วย

“ฉันไม่รู้ ฉันชอบทั้งสองคน”

“หลายใจ”

“เปล่านะ ฉันชอบทุกคนจริง ๆ นี่นา ฉันชอบน้องอีฟ คุณคิม คุณทิม ดีโน่ เบน ไม่เห็นจะแปลก”

“โอ๊ย ทำไมมีผู้หญิงแบบคุณเกิดขึ้นมาในโลกได้นะ ลองแยกดี ๆ สิ คุณรู้สึกใจเต้นแรงกับใครระหว่างนายทิม กับคุณวาทิน แล้วรู้สึกอุ่นในใจตอนอยู่กับใคร รู้สึกชอบชอบนึกถึงใครเวลาปล่อยความคิดให้ว่าง”

“กับคุณลูคัสเวลาฉันเจอเขาใจก็เต้นนะ”

“เต้นเพราะอะไร” ขวัญชีวันนึกและตอนออกมาอย่างที่คิด

“กลัว” ใช่เธอกลัวเขาไม่แพ้กลัววาทินหรือใคร ๆ แม้วาทินจะบอกเสมอว่าเขาไม่ใช่มาเฟีย แต่ลูคัสยอมรับเต็มปากเต็มคำเลยว่าเขาคือมาเฟีย เธอกลัวเขามาก แม้เขาพยายามจะใช้แววตาเจ้าชู้กรุ้มกริ้ม ทำใจดีกับเธอ แต่เธอไม่ไว้ใจเลย มันน่ากลัวกว่ามองเธอด้วยแววตาโหด ๆ เสียอีก

“แล้วกับนายคิมใจเต้นไหม” ขวัญชีวันส่ายหน้า

“ก็ปกติ”

“แล้วกับคุณวาทินล่ะ”

“เอ่อ...” ขวัญชีวันไม่ตอบ ทำไมเธอต้องบอกเขาด้วยล่ะ มันเรื่องส่วนตัวเธอนี่นา

“ฉัน...ทำไมคุณต้องมาต้อนฉันด้วยล่ะคะ”

“เอาล่ะสรุปเลยนะความรู้สึกทั้งหมดเกิดขึ้นตอนอยู่กับใคร ถ้าเป็นคุณวาทิน แสดงว่าคุณรักคุณวาทิน ตอนนี้คุณรักคุณวาทินอยู่ใช่ไหม”

“คุณอเล็กซ์!!!” ขวัญชีวันอุทานชื่อเขาออกมาเมื่อเขาถามเธอโต้ง ๆ แน่นอนเธอรู้คำตอบนี้อยู่แล้วในใจของเธอ คนที่เธอใจเต้นแรงเมื่อเจอหน้า อุ่นใจเมื่ออยู่ใกล้ รู้สึกทำอะไรไม่ถูกเมื่อเขาจ้องมอง แต่ชอบคิดถึงเขา แอบเหม่อมองเขาทุกครั้ง ถ้ามันใช่ มันก็ชัดแล้วว่าเธอ...

“ไม่เห็นต้องอายเลยรักก็บอกว่ารัก คุณจะกลับแล้วนะคุณขวัญ บางทีอาจไม่มีโอกาสอีกแล้วนะ”

“ฉันไม่ได้รักเขา”

“เอาล่ะ ๆ ไม่ต้องเขิน ของแบบนี้คงต้องให้เวลาคุณได้คิด คุณลองเปรียบเทียบความรู้สึกของคุณดูนะคุณขวัญว่าในบรรดาผู้ชายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคุณ คุรรู้สึกพิเศษกับใคร”

“ฉันไม่เคยมีผู้ชายผ่านเข้ามาในชีวิต” ขวัญชีวันตอบกลับไป

“ผมลืม แต่คุณไม่ใช่คนโง่พอที่จะแยกความรู้สึกไม่ออก และไม่รู้เลยว่าคุณรักใคร อย่างที่ผมบอก ถ้าคุณรู้สึกแบบนั้นกับใคร แสดงว่าเริ่มที่จะรักเขาแล้ว”

“แต่...”

“เอาล่ะ ๆ ผมไม่อย่างคาดคั้น ผมเข้าใจ เรารีบไปที่โต๊ะดีกว่า น้องอีฟมีอะไรจะให้คุณแน่ะ” ขวัญชีวันพยักหน้าและเดินกลับไปที่โต๊ะ อีกแค่สามก้าวเธอจะเดินถึงโต๊ะอยู่แล้วพลันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

ปัง!!!

ขวัญชีวันก้มหัวลงตามสัญชาตญาณที่เริ่มคุ้นชินกับสถาการณ์แบบนี้โดยไม่มีใครต้องบอก ทั้งทีทใจกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง วาทินที่อยู่ใกล้กับเธอที่สุดดึงเธอเข้ามาโอบไว้ โดยที่น้องอีฟซบหน้าลงกับอกพ่อ

“พวกไหน”

“ไม่แน่ใจครับ แต่ยิงกลางร้านแบบนี้ พวกมันคงมั่นใจมากแน่ ๆ นายรีบหนีไปครับทางนี้ผมจะต้านไว้

“พวกมันน่าจะเล็งเป้าหมายมาที่ฉัน ขวัญ ขวัญชีวัน” ขวัญชีวันที่เผลอเหม่อในสถานการ์ณ์คับขันแบบนี้สะดุ้งหันมองวาทินที่เรียกเธอและมองเธอ

“ดีโน่ เบน อเล็กซ์ นายพาขวัญชีวันหนีไปทางหลังร้าน”

“แล้วนายล่ะครับ” ดีโน่และเบนเอ่ย

“บอดี้การ์ดคงยังต้านได้ ทางนี้ยังมีคิม ฉันจะล่อมันไปอีกทาง พวกมันจะได้เบนเป้าหมายมาแค่ที่ฉัน นายพาน้องอีฟกลับห้อง ส่วนขวัญชีวันพาไปส่งที่สนามบิน”

“ครับนาย” อเล็กซ์อุ้มน้องอีฟขึ้นและวิ่งนำไป เบนและดีโน่คอยยิงต้านเคลียร์ทาง นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้วยิงกลางเมืองแบบนี้ เขาเดาว่าไม่น่าจะเป็นพวกลูคัส ลูคัสคงไม่เสี่ยงทำอะไรโจ้งแจ้ง หรือจะเป็นโจชัว ก็ไม่น่าจะกลางเมืองแบบนี้ แถมเกิดเรื่องยังไม่มีตำรวจมาสักคน




“คุณขวัญ” ขวัญชีวันวิ่งตามอเล้กซ์มาถึงรถ แต่เหมือนเธอเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างเธอใช้มือลูบคลำที่คอ พลางอุทานในใจขคึ้นมาว่า...หายไปแล้ว... พลันขวัญชีวันก็ก้าวเท้าหันหลัง

“คุณขวัญคุณจะไปไหน” ดีโน่ถามเมื่อขวัญชีวันทำท่าปิดประตูจะวิ่งกลับไปที่ร้านอาหาร

“ฉันทำของหาย”

“เอาไว้ค่อยกลับมาหา”

“ไม่ได้นะคะ ของนั่นเป็นของพ่อฉัน พ่อฉันทำให้ ฉันทิ้งไม่ได้ ฉันขอกลับเข้าไปในร้านแค่แป๊บเดียวนะคะ” สามกนุ่มมองหน้ากันอเล็กซ์ทำหน้าคิดหนัก ไม่มีท่าทีของคนขี้เล่นเหมือนเคย

“แต่ในร้านเกิดเรื่อง”

“แต่ฉันทิ้งมันไม่ได้” ขวัญชีวันรู้สึกใจหายวาบทันทีที่รู้ว่าของขวัญสุดรักที่ได้รับจากพ่อหายไป เธอพอติดตัวเสมอนับตั้งแต่ได้มันมา เธอได้มันมาเมื่อสามปีก่อน แม้ของขวัญชิ้นนี้มันอาจไม่มีราคาแพง แต่พ่อเธอนั่งแกะสลักเองกับมือ มันไม่สวยออกจากบุบ ๆ เบี่ยว ๆ เพราะพ่อเธอไม่ใช่มืออาชีพ แต่เธอสัญญาว่าจะรักษามันให้ดี มันมีคุณค่าทางจิตใจเธอมาก เธอรักของชิ้นนี้มาก เธอกับพ่อไม่ค่อยได้เจอกันบ่อย มันเป็นเครื่องเตือนใจเวลาเธอคิดถึงพ่อ

“คุณขวัญ”

“ฉัน...”

“ผมจะพากลับเข้าไปถ้าไม่เจอหรือไม่เจอเราต้องรีบออกมานะครับ” ขวัญชีวันพยักหน้า

“นายจะกลับไปได้ยังไง ถ้านายรู้...”

“ฉันคิดว่าบอดี้การ์ดของเราน่าจะควบคุมสถานการ์ณได้แล้ว เสียงปืนเงียบลงไปแล้ว คุณอเล็กซ์ ดีโน่ พาน้องอีฟล่วงหน้าไปก่อน ผมจะขับรถอีกคันตามไปไม่ต้องห่วงทางนี้” ทั้งสองพยักหน้าอย่างจำยอม ดูเหมือนขวัญชีวันบทจะดื้อจะรั้นขึ้นมาก็ดื้อจนไม่มีใครกล้าขัด

“ไปครับคุณขวัญ” ทั้งสองกลับเข้าไปในร้าน ความเงียบของสถานการ์ณทำให้เบนระมัดระวังตัวมากขึ้น จนมาถึงในร้านที่ตอนนี้เหือนทุกอย่างเริ่มเคลียร์แล้ว

“กลับมากันทำไม” คิมหันต์เอ่ยเมื่อเห็นขวัญชีวันกลับเข้ามาในร้านทั้งที่ทั้งสองน่าจะไปแล้ว

“คุณขวัญเธอลืมของสำคัญครับ”

“ทีหลังนายอย่าขัดคำสั่งนายเด็ดขาด คุณขวัญทำแบบนี้มันอันตรายนะครับ ถ้าพวกเรายังเคลียร์สถานการ์ณไม่ได้คุณจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย คุณกำลังหาอะไรครับ”

“สร้อยค่ะ สร้อยของพ่อที่ฉันใส่ติดตัว”

“อ่อ สร้อยไม้แกะสลักที่มันเบี้ยว ๆ นั่นใช่ไหมครับ”

“ใช่คะ มันเป้นของสำคัญ ทิ้งไม่ได้” ขวัญชีวันเอ่ยและกวาดตามองไปรอบ ๆ ร้านที่มีแต่ความเสียหาย มีคนโดนยิงล้มตาย ขวัญชีวันใจเสียขึ้นมาทันที เธอหันหน้าหนีไปสบตากับวาทินที่กำลังยืนคุยอยู่กับลูกน้อง

“ฝีมือใครครับ”

“พวกประมูลสัมปทานเกาะใต้แล้วไม่ได้น่ะ เลยพาล คิดจะมาแก้แค้น” ขวัญชีวันยังมองวาทินที่มองเธอเธอด้วยแววตาดุ ๆ ที่เธอไม่เชื่อ เขาหันกลับไปคุยกับลูกน้องเมือนสั่งการต่อ แต่ตาเธอกลับมองเห็นสร้อยที่เธอตามหาตกอยู่ใต้โต๊ะ ใกล้ ๆ กับโต๊ะตัวที่วาทินยืนอยู่ ขวัญชีวันจึงกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าไปเพื่อจะหยิบของชิ้นนั้นและรีบออกไปจากที่นี่ แต่เท้ากลับไปสะดุดขาของศพคนร้ายคนหนึ่งที่นอนตายอยู่ ขวัญชีวันตกใจ แต่เธอก็พยุงตัวเองให้ทรงตัวไว้ไม่ทันถลาเข้าไปหาวาทินที่ยืนอยู่

“คุณขวัญ ระวัง!!!” เสียงคิมและเบนดังขึ้นพร้อมกับ แต่ขวัญชีวันได้แต่บอกว่าไม่ทันแล้ว เธอถลาเข้าไปหาวาทินอย่างรวดเร็ว วาทินเองก็ทำหน้าเหมือนตกใจยกปืนขึ้น เธอหัวใจหล่นไปที่ตาตุ่มใช้มือปิดตาในทันที ไม่คิดว่าเขาจะโมโหขนาดจะยิงเธอ พลันเสียงปืนก็ดังลั่นหวั่นไหว เสียงใกล้จนขวัญชีวันขาแทบหมดแรง

ปัง!!!

ปัง!!!

เสียงเงียบลงแล้ว ไออุ่นจากอ้อมแขนที่กำลังกอดเธอไว้ทำให้ขวัญชีวันเริ่มรู้สึกตัว ก้มมองหน้าอกที่ไม่มีรอยเลือด จึงถอดถอนหายออกมา แสดงว่าเขายังไม่ยืงเธอ แต่เสียงปืนดังขึ้นเมื่อครู่ใก้ลหูเธอมันคืออะไร ขวัญชีวันเงยหน้าขึ้นมองเขาที่ตัวสูงกว่าเธอมากโข ซึ่งวาทินก็จ้องมองเธอด้วยแววตาสั่นไหว เธอไม่ค่อยเข้าใจ เขาเอามือข้างหนึ่งที่โอบเธอออก เธอมองเห็นมือของเขาที่เปื้อนสีแดง กลิ่นน่าเวียนหัวนี่มัน ...เลือด...

แต่เขาไม่ได้บาดเจ็บ ไม่มีแผล แล้วแผลมันมากจาก... พลันร่างขอวัญชีวันก็ทรุดลงอย่างอ่อนแรง แต่เพราะเขายังกอดเธอไว้อยู่ทำให้ร่างเธอไปทรุดลงไปนั่งกับพื้น เธอรู้สึกเหมือนร่างกำลังเบาหวิว ความเจ็บที่กลางหลังทำให้เริ่มรู้สึกตัว เธอมองหน้าเขาที่จ้องมองเธอด้วยแววตาตื่นตกลึงไม่หาย ดวงตาเธอเริ่มมัว ง่วงเหลือเกิน

“ขวัญชีวัน” เขาเอ่ยเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่แปร่ง ๆ แต่เธอไม่ไหวแล้ว และทุกอย่างก็ดับมืดลงพร้อมกับดวงตาที่ปิดลงของขวัญชีวัน

“ขวัญชีวัน!!!”


........ติดตามตอนต่อไป.....

ค้างคาอีกตามเคย อยากรู้ว่าขวัญจะเป็นยังไงก็รอติดตามกัน
แต่งให้ขวัญของเราลำบากแท้ ๆ อยู่กับวาทินทีไรมีเรื่องให้ต้องวิ่งฝ่ากระสุนทุกที
เมื่อไหร่ชีจะมีบทหวาน ๆ กับวาทินแบบเต็ม ๆ บ้างน้อ อุปสรรคนางเยอะจนน่าสงสาร 5555
ตอนหน้าจะยังอยู่กับขวัญหรือไปพบกันสาวคนอื่นก็รอติดตาม
ตอนนี้กว่าจะแต่งเสร็จแก้หลายรอบมาก สุดท้ายก็ได้ตอนนี้ออกมา
ส่วนตอนนี้เรื่องราวเข้ากลางเรื่องหรือยัง แน่นอนว่าใกล้กลางเรื่องแล้ว
อย่าร้องโอ้โหว่าผ่านสามสิบตอนทำไมยังไม่เข้ากลางเรื่อง
เนื้อเรื่องสี่คนแชร์กันมันเลยเป็นเรื่องใหญ่
อาจจะช้าแต่่มีตอนจบรออยู่ค่ะ ติดตามกันอย่างเหนียวแน่นต่อไปนะคะ

รอติดตามกันในตอนต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น พบกันเสาร์หน้าค่ะ



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ก.ย. 2557, 14:22:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ก.ย. 2557, 14:22:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 1140





<< ตอนที่ 28 ขวัญหนีดีฝ่อ (1)   30 ไม่จบไม่สิ้น >>
แว่นใส 20 ก.ย. 2557, 23:58:51 น.
เป็นไรมากไหม


นักอ่านเหนียวหนึบ 21 ก.ย. 2557, 12:51:21 น.
ห๊ะ ขวัญโดนยิง!!! นางบู๊ล้างผลาญมาก!!!
คือ ตกลง นางขวางวิถีเพราะตั้งใจ หรือ เพราะบังเอิญนะ แต่น่าจะบังเอิญสินะ ขวัญเอ้ยยย พาเรืีองมาตลอดเล้ยยย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account