เพียงใจปรารถนา
อดีตอันแสนโหดร้ายในวัยเด็กทำให้ เวหา เติบโตมาเป็นผู้ชายแข็งกร้าวและเย็นชา ผู้หญิงคนไหนก็ไม่สามารถผ่านด่านหัวใจเขาไปได้ แต่ใช่ว่าเขาจะไร้ความรู้สึก เมื่อผู้หญิงที่เขาแอบรัก แต่ไม่สามารถครอบครอง ถูกคนรักของตนเองขอเลิกและไปแต่งงานกับ ปริญดา หญิงสาวผู้ซึ่งเพียงต้องการหนีปัญหา เธอจึงต้องตกเป็นจำเลยแห่งความโกรธแค้นของชายหนุ่ม ที่สำคัญ...เขาทำให้เธอตกหลุมรัก ยอมจำนน และทิ้งขว้างอย่างไม่ใยดีเพื่อแก้แค้นให้สมน้ำสมเนื้อที่เธอทำให้ผู้หญิงที่เขารักต้องเสียใจ!
แต่เมื่อความเข้าใจผิด การโกหกปิดบัง ได้ถูกเปิดเผย จะช่วยให้เธอและเขาเปลี่ยนความแค้น และความชิงชัง ให้เป็นความรักได้หรือไม่......ขอเพียงแค่ใจปรารถนา...รักของทั้งคู่คงไม่เกินความจริง
แต่เมื่อความเข้าใจผิด การโกหกปิดบัง ได้ถูกเปิดเผย จะช่วยให้เธอและเขาเปลี่ยนความแค้น และความชิงชัง ให้เป็นความรักได้หรือไม่......ขอเพียงแค่ใจปรารถนา...รักของทั้งคู่คงไม่เกินความจริง
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอน 31-1
สวัสดีค่ะนักอ่านเว็บเลิฟทุกท่าน ^^
ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะต้องเอานิยายมาลงทีละครึ่งตอน แง่งๆๆ >_< ช่วงนี้งานเล็กงานน้อยสุมเข้ามาจนทำไม่ทันเลยค่ะ ตอนนี้มีงานสอนพิเศษด้วยต้องเตรียมเอกสารทำชีทเองไม่มีเวลามาเผื่อนิยายเลยค่ะ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ แต่พยายามจะมาให้ได้ทุกอาทิตย์ค่ะ มีอะไรผิดพลาดหรือเนื้อหาไม่เคลียร์บอกกล่าวกันได้น๊า ^v^
ถ้าคืนนี้มาลงครึ่งหลังไม่ทันจะมาลงให้วันพรุ่งนี้นะคะ ขอให้อ่านนิยายให้สนุกค่ะ!!
เพียงใจปรารถนา ตอน 31 - 1
“อร๊ายยยยยยย!!”
ปริญดารีบเอามือปิดหูสองข้างเมื่อเสียงกรีดร้องยาวเหยียดด้วยความตื่นเต้นดีใจของกฤติกาดังลั่นห้องทำงาน
“ยัยก้อย! แกไม่ต้องกรี๊ดจะได้ไหม หูฉันจะแตก”
กฤติกาทำหน้าปลื้มปริ่ม “ก็ฉันดีใจนี่แก ไม่คิดเลยว่าแกกับคุณเวย์จะถึงขั้นได้แต่งงานกัน แล้วไหนแกจะกำลังตั้งท้องลูกของเขาอีก โอ๊ยยยย ฉันล่ะอิจฉา!”
ปริญดาส่ายหน้าพลางหัวเราะขำ “ดีใจแต่ก็ไม่ต้องร้องกรี๊ดเสียงดังขนาดนี้ก็ได้ ก็แค่ฉันกำลังจะแต่งงานแค่เนี๊ยะ”
“นี่แน่ะ เรื่องแค่นี้ที่ไหนกัน” กฤกติกาตีแขนเพื่อนสาวเข้าให้เบา ๆ
“แกจะแต่งงานกับคุณเวหาแถมยังมีลูกด้วยกันอีกแบบนี้มันเรื่องใหญ่ที่จะต้องกรีดร้องดีใจน่ะถูกแล้ว” เธอทำตาประหลับประเหลือกมองปริญดา
“แล้วแกไปรักกับคุณเวย์ตอนไหนทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่อง นี่เดี๋ยวนี้แกมีเรื่องอะไรไม่เคยจะบอกกันใช่ไหม ชอบให้ฉันรู้เป็นคนสุดท้ายอยู่เรื่อยเลย” กฤติกาสะบัดหน้าหนีไม่จริงจังนัก
ปริญดาเลิกคิ้ว งงกับอารมณ์ของเพื่อนสาวที่จู่ ๆ เกิดอาการงอนขึ้นมาเสียอย่างนั้น เธอเดินเข้าไปโอบไหล่กฤกติกาแล้วพูดขอโทษขอโพย
“ฉันขอโทษแล้วกันน๊า ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดแกสักหน่อย มันก็แค่ปุปปับที่เมื่ออาทิตย์ก่อนฉันรู้ว่าตัวเองท้อง พี่ก้องก็รีบไปบอกเวย์ แล้วเวย์เขาก็มาขอร้องให้ฉันยกโทษให้แล้วก็....” น้ำเสียงแผ่วในตอนท้าย เขินอายเล็กน้อย
“ขอฉันแต่งงานน่ะ...”
“กรี๊ดดดดดดด!” กฤติกากรีดร้องโหยหวน
“ยัยก้อย! นี่แกหยุดกรี๊ดสักทีจะได้ไหม”
“ก็ฉันอิจฉาแกนี่! อะไรกัน ฉันหาผู้ชายมานานแรมปีไม่เห็นมีใครมาตกหลุมที่ฉันขุดไว้สักคน” เธอทำเสียงฟึดฟัด
“แต่ดูแกสิ ทะเลาะกันจะเป็นจะตายแต่สุดท้ายก็ได้หนุ่มหล่อไปครอง ฉันไม่ยอมมม!”
ปริญดาหัวเราะ “เอ๊า แล้วไหนแกเคยบอกว่ากำลังจีบหนุ่มข้างบ้านอยู่ไง”
กฤติกาหน้ามุ้ยยิ่งกว่าเดิม “จีบเจิบอะไรกันล่ะ คราวก่อนฉันขับรถกลับบ้านเห็นนั่งปิ้งบาร์บิคิวกับหนุ่มกล้ามโตหน้าบ้านกระหนุงกระหนิง ฉันล่ะเจ็บจี๊ดดดดถึงขั้วหัวใจ ตาถั่วแอบชอบอยู่ได้ตั้งนาน”
คราวนี้ปริญดาถึงกับปล่อยก๊ากหัวเราะร่า จนเพื่อนสาวต้องเท้าสะเอว มองด้วยความหมั่นไส้
“ใช่ซี๊ หัวเราะเข้าไป ใครจะไปเหมือนแกล่ะ มีความสุขแล้วหนิ ชิชะ” เบ้ปากพูด
ปริญดาเห็นท่าทางกฤกติกาที่ดูจะงอนจริงจังเธอจึงค่อย ๆ ลดเสียงหัวเราะ แต่ก็ยังอดยิ้มขำไม่ได้ “เอาน่า แกอายุยังน้อย ยังมีเวลาหาอีกถมเถไป” เธอพูดปลอบพลางถอนใจ
“ส่วนของฉันถึงจะได้แต่งงาน แต่ก็ยังไม่วายมีปัญหาเรื่องที่บ้าน เฮ้อ...แกก็รู้ว่าคุณย่าฉันเป็นคนชอบบงการขนาดไหน ถึงขนาดประกาศเลยว่าถ้าเวย์ไม่ถูกใจท่าน ท่านก็จะหาคนอื่นมาให้ฉันแต่งงานด้วยแทน”
“โห นี่ย่าแกยังไม่เลิกจับแกแต่งงานอีกเหรอเนี่ย” กฤติการ้องคราง หงุดหงิดแทนเพื่อนสาว
“อืม อาทิตย์นี้คุณย่านัดเจอครอบครัวเวย์เขาด้วย ฉันล่ะกลัวใจท่านจริง ๆ ” เธอตอบอย่างเซ็ง ๆ คิดแล้วก็ต้องถอนใจเป็นรอบที่สอง
“แล้วแกจะทำยังไงล่ะถ้าย่าแกไม่ยอมรับคุณเวย์น่ะ” กฤติกาถาม
“ฉันบอกคุณย่าไปแล้วล่ะว่ายังไงฉันก็จะไม่แต่งงานกับคนอื่นนอกจากเวย์ ต่อให้ท่านไล่ออกจากบ้านฉันก็ยอม”
กฤติการย่นคิ้ว “เฮ้ย ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกม้าง”
ปริญดาหัวเราะหึในลำคอ “แกไม่รู้อะไร ถ้าฉันกับแม่ทำอะไรขัดใจท่านนะ อะละวาดบ้านแตก แม้แต่พ่อฉันเองยังทนรับมือกับคุณย่าไม่ไหวจนป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล บางทีฉันยังเคยนึกสงสัยเลยว่าท่านเคยเห็นฉันเป็นหลานบ้างไหมถึงไม่เคยเป็นห่วงความรู้สึกฉันบ้างว่าฉันต้องการอะไร” พูดแล้วก็คิดน้อยใจ จนน้ำตาเอ่อคลอ
กฤติกาเห็นน้ำตาเพื่อนแล้วก็ตกใจ รีบเข้าไปโอบไหล่แล้วลูบขึ้นลงเบา ๆ “เอาน่า อย่าคิดมาก ท่านอาจจะเป็นของท่านแบบนี้ก็ได้” เธอพยายามปลอบแต่เหมือนยิ่งพูดปริญดายิ่งน้ำตาไหล
“เอางี้ ๆ เรื่องคุณย่าแกไปลุ้นเลยทีเดียวอาทิตย์นี้แล้วกัน ตอนนี้คิดมากไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา” กฤติการีบบอก แล้วจับผมที่เริ่มยาวประบ่าของปริญดาไปทัดหู ใช้สองมือประคองหน้าหญิงสาวให้เงยขึ้น
“ไหนยิ้มให้ฉันดูหน่อยซิ” เธอฉีกยิ้มกว้างนำ พลางทำหน้าทะเล้น จนปริญดาหลุดขำแล้วต้องฉีกยิ้มตามคำสั่ง
“ดีมาก ทีนี้ก็เลิกเครียดเรื่องย่าแกซะ เข้าใจไหม”
ปริญดาค่อย ๆ หุบยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นยังค้างที่ริมฝีปากพร้อมพยักหน้ารับ
กฤติกาทำหน้าตาจริงจัง แล้วพูดว่า “ฉันเชื่อว่ายังไงซะคุณเวย์ก็คงไม่ยอมปล่อยให้แกไปแต่งงานกับคนอื่นหรอกนะปริม เขาแสดงออกว่ามีใจให้แกขนาดนี้แล้ว เพราะฉะนั้นแกเองก็อย่ากังวลใจไปก่อนนัก ยิ่งตอนนี้กำลังท้องกำลังไส้ ยิ่งแกเครียดก็ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อลูกในท้องของแกนะ”
ปริญดาคลี่ยิ้มแล้วก็โผเข้ากอดเพื่อนสาว “ขอบใจมากนะก้อยที่คอยเป็นห่วงฉัน ทุกครั้งที่ฉันกลุ้มใจก็มีแกนี่แหล่ะที่คอยปลอบฉันตลอด”
กฤติกากอดตอบ แล้วลูบหลังหญิงสาวเบาๆ “เพื่อนไม่ช่วยเพื่อน แล้วจะมีเพื่อนไว้ทำไมกันล่ะ”
“แต่ฉันสิ ยังไม่เคยช่วยอะไรแกเลย”
“แหม ก็ฉันเคยมีเรื่องกลุ้มใจหรือมีปัญหาชีวิตกับเขาที่ไหนกันเล่า” เธอตอบกลั้วหัวเราะ คลายอ้อมกอดแล้วยิ้มให้เพื่อนสาว
“แกน่ะไม่ต้องห่วงฉันหรอก แล้วช่วงนี้แกก็ไม่ต้องห่วงเรื่องงานด้วย ไว้วันไหนว่าง ๆ ก็ค่อยเข้ามาออฟฟิศ ที่นี่เดี๋ยวฉันดูแลให้เอง”
ปริญดาซาบซึ้งกับความมีน้ำใจของกฤติกา “ขอบใจแกจริง ๆ นะก้อย ฉันสัญญาว่าเสร็จเรื่องงานแต่งงานเมื่อไรฉันจะกลับมาทำงานให้เต็มที่เลย”
“วุ้ย มาขอบอกขอบใจอะไรกันบ่อย ๆ พอ ๆ เราเลิกคุยเรื่องนี้กันดีกว่า” เธอโบกไม้โบมือ แล้วเดินไปลากเก้าอี้ที่โต๊ะปริญดามาที่โต๊ะตัวเอง พลางจับมือเพื่อนสาวให้นั่งลง
“นี่เลย แกมาช่วยฉันเลือกดูหน่อยสิว่าปกหน้าจะเอานายแบบคนไหนดี เมื่อเช้านี้ยัยนีเพิ่งเอามาให้” กฤติกากระจายเอกสารประวัตินายแบบที่ติดแนบพร้อมรูปถ่ายไว้ทั่วโต๊ะ
“ที่ฉันดูไว้ก็มีคนนี้กับคนนี้ แกว่าโอเคมะ” เธอยื่นรูปถ่ายนายแบบที่เปลือยท่อนบนสองใบให้ปริญดาดู
หญิงสาวรับมาเปรียบเทียบ เอียงคอมองวิเคาะห์ “อืมม....ฉันว่าหุ่นใช้ได้นะแต่หน้าตาจืดไปหน่อย ฉันว่าเอาที่หน้าตาคม ๆ แต่ผิวขาวที่ไม่ซีดแบบนี้น่ะ มีไหม” เธอออกความเห็น
“อ๋อออ....แกชอบแบบหน้าคมเข้มเหมือนคุณเวย์เขาใช่ม๊า แหม ๆ ๆ เดี๋ยวนี้อะไร ๆ ก็คุณเวย์ หายใจเข้าออกก็คุณเวย์ นายแบบก็ยังอยากจะให้หน้าตาเหมือนคุณเวย์ โอ๊ยย รักจังเลยนะยะผู้ชายคนเนี๊ย” กฤติกาทำเป็นเบ้ปากหมั่นไส้
ปริญดาหน้าแดงหูแดงเมื่อโดนเพื่อนสาวล้อ “อะ..อะไร บ้าเหรอยัยก้อย ฉันก็แค่คิดว่านายแบบสองคนนี้หน้าไม่ผ่านเท่านั้นเอง”
“อ๋อออเหรออ ใช่เหรอออ” เธอลากเสียงยาวยิ้มยียวน
“ยัยก้อย! เดี๋ยวเถอะ...” ยังไม่ทันที่ปริญดาจะได้พูดอะไรต่อจากนั้น เสียงเคาะประตูห้องทำงานก็ดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าแป้นแล้นยิ้มกรุ้มกริ่มของทัศนีโผล่เข้ามา
“คุณปริมขา มีคนมาหาค่า” พูดเสร็จก็ยืนม้วนตัวไปมา
ปริญดาเลิกคิ้ว “ใครเหรอ”
ทัศนียิ้มแก้มปริ หัวเราะคิกคัก ก่อนจะเปิดประตูให้กว้างกว่าเดิมจนเห็นคนที่ยืนรออยู่ด้านหลัง
“เวย์...” ปริญดาครางเรียก รอยยิ้มผุดที่มุมปาก
กฤติกาชะโงกหน้าไปดู พอเห็นเป็นเวหาที่ยืนอยู่ก็ถอนหายใจแล้วแอบบ่นพึมพำ “เพิ่งพูดถึงอยู่หยก ๆ ก็โผล่มาให้เห็นทันทีเลยนะ ชิ รักกันจริงรักกันจ๊างงง”
ปริญดาเหมือนหูทวนลมไม่ได้ยินที่เพื่อนสาวประชดประชัน เพราะมัวใจลอยคอยแต่มองเวหาตรงหน้า
เวหาเดินเข้ามาในห้อง พลางหันไปขอบคุณทัศนีที่พาเขามาส่ง ก่อนจะหันมาทักทายสองสาว
“สวัสดีครับคุณก้อย สบายดีนะครับ” พูดแล้วเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ปริญดา ยิ้มให้เธอเล็กน้อย
“สบายดีค่ะ แล้วนี่ไปไงมาไงคะถึงมาที่นี่ได้”
เวหายิ้มตอบ แล้วหันไปมองสบตากับปริญดา “ลมคิดถึงหอบมานะครับ”
กฤติกาแทบจะสำลักอากาศ “อุ๊ยตาย นี่ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมคะเนี่ย...” เธอถามเสียงสูง ไม่คิดว่าคนอย่างเวหาจะพูดคำหวาน ๆ กับเขาก็เป็น
เวหาหัวเราะเบา ๆ ตายังคงเป็นประกายขณะมองปริญดาที่ตอนนี้ก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อปิดบังสีหน้าเขินอาย “ครับ ผมคิดถึงปริมเขา ก็เลยแวะมาหา”
กฤติกายังคงตะลึงกับท่าทางของเวหาที่มีต่อเพื่อนสาวของเธอ ไม่คิดว่าตัวเองจะตกข่าวใหญ่จนไม่รู้ว่าสองคนนี้เขารักกันถึงขั้นหยอดคำหวานให้กันขนาดนี้
“แล้วนี่ทำอะไรกันอยู่เหรอครับ ผมมารบกวนหรือเปล่า” ถามพลางเอามือวางพาดขอบเก้าอี้ที่ปริญดานั่งอยู่
“ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เราแค่กำลังเลือกนายแบบสำหรับปกหน้ากันอยู่” กฤติกาตอบแทนเพื่อนสาวที่ดูท่าว่าจะอายอย่างหนักจนเป็นใบ้นั่งนิ่งพูดอะไรไม่ออกไปแล้ว
“เหรอครับ แล้วเลือกได้หรือยังครับว่าคนไหน” เขามองไปยังรูปถ่ายมากมายบนโต๊ะ
“ฉันเลือกไว้สองคนค่ะ ที่ยัยปริมกำลังถืออยู่น่ะค่ะ แต่ยัยปริมบอกว่าไม่ผ่านเพราะหน้าจืดเกินไป แล้วบอกอยากได้แบบหน้าหล่อคมเข้มเหมือนคุณเวย์ ใช่ไหมปริม” เธอส่งต่อให้เพื่อนหน้าตาเฉย
ปริญดาถึงกับเหวอเหมือนเพิ่งได้สติ “ห๊ะ แกว่าไงนะก้อย”
เวหายิ้มขำ ตอบแทนกฤติกา “คุณก้อยบอกว่าคุณไม่ชอบนายแบบที่เธอเลือกเพราะคุณอยากได้นายแบบที่หน้าตาคล้ายผม จริงเหรอปริม...”
“คือ...” ปริญดาอ้ำอึ้งพลางขึงตาใส่กฤติกาที่ยิ้มเผล่ไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะปั้นยิ้มฝืด ๆ ให้เวหา
“ก็นายแบบที่ก้อยเลือกหน้าตาไม่ผ่านจริง ๆ นี่คะ ดูสิ” เธอยื่นรูปถ่ายในมือให้เขาดู
เวหามองเพียงแว่บเดียวแล้วก็พูดขึ้น “อืม ก็จริงอย่างที่ปริมพูดนะครับคุณก้อย ผมว่าผิวซีดไปนิดนึง ถ่ายขึ้นปกอาจจะดูไม่เด่น คุณก้อยลองเลือกดูอีกทีซิครับ” พูดเสร็จเขาก็วางรูปถ่ายไว้บนโต๊ะ
“แล้วถ้าคุณก้อยไม่ว่าอะไร วันนี้ผมขอพาปริมกลับก่อนได้ไหมครับ พอดีผมอยากพาปริมไปเลือกสำรวจร้านอาหารที่จะพาครอบครัวเขาไปทานอาหารเย็นด้วยกันอาทิตย์นี้น่ะ ผมอยากทำให้ครอบครัวปริมเขาประทับใจ” เขาบอกเสียงหวาน มองสบตาปริญดาที่นั่งเขินอายข้าง ๆ อย่างมีความหมาย
สิ่งที่ได้ยินและท่าทางของทั้งคู่ที่ได้เห็นยิ่งทำให้กฤติกางงหนัก อาการเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยดูจะสร้างความประหลาดใจให้เธอไม่น้อย จากคนที่คอยแต่จะหาเรื่องทะเลาะใส่กันกลับกลายมาเป็นคู่รักหวานแหวนเปลี่ยนความรู้สึกที่มีให้กันราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ แถมยังมาทำหวานใส่กันต่อหน้าต่อตาเธออีกแน่ะ!
เธอมองหนุ่มสาวสองคนสลับกันไปมา ประกายตาหวานฉ่ำที่มองสบตากันฉายแววแห่งความรักประจักษ์แจ้งชัดเจนจนเธอต้องกระพริบตาปริบ ๆ อีกครั้งแล้วจ้องมองคนทั้งคู่เพื่อความแน่ใจว่าตาเธอไม่ได้ฝาดไป
“ตกลงคุณก้อยจะให้ปริมไปกับผมได้ไหมครับ” เวหาถามย้ำอีกครั้ง ทำเอากฤติกาที่กำลังมองคนทั้งคู่ต้องหัวเราะกลบเกลื่อน
“แหม ได้สิคะ คุณเวย์จะพายัยปริมไปไหนก็ได้ตามสบายเลย ตอนนี้ฉันไฟเขียวเต็มที่ค่ะ” เธอตอบรับอย่างยินดี
“แต่อาทิตย์ก่อนฉันก็หยุดไปเกือบทั้งอาทิตย์แล้วนะ แถมศุกร์ที่แล้วก็ยังหนีไปเที่ยวอีก..” ปริญดาบอกเสียงอ่อย ยังเกรงใจเพื่อน
กฤติกาฉีกยิ้มกว้าง พลางส่ายหน้า “ก็บอกแล้วไงว่าฉันไฟเขียวให้แกกับคุณเวย์ได้เต็มที่ แกจะแต่งงานทั้งที ฉันจะกล้าขัดเวลาแห่งความสุขของเพื่อนได้ยังไงกัน” พูดเสร็จก็หันไปบอกกับเวหา
“พาปริมไปเถอะค่ะ เรื่องงานตอนนี้ก็ไม่ได้ยุ่งเท่าไร ฉันดูแลคนเดียวได้”
“ขอบคุณมากครับ” เวหายิ้มตอบ แล้วยื่นมือไปให้ปริญดาจับ ประคองหญิงสาวให้ลุกขึ้นยืนแล้วโอบเอวเธอไว้หลวม ๆ
“งั้นผมกับปริมขอตัวก่อนนะครับ แล้วก็ต้องขอบคุณคุณก้อยด้วยที่ยอมให้ปริมไปกับผม” เขาเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง
“ฉันขอโทษด้วยนะแก ส่วนเรื่องนายแบบแกก็ตัดสินใจเองได้เลย ฉันเชื่อสายตาแก” ปริญดายิ้มบอก
กฤติกาหัวเราะเบา ๆ “ได้เลย ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันจะเลือกนายแบบคนไหน” เธอกวาดสายตามองรูปถ่ายมากมายที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเงยหน้าขยิบตาให้เพื่อนสาว
ปริญดาอมยิ้มแล้วโบกให้ เอ่ยลาอีกครั้ง เวหาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ยิ้มพลางก้มหน้าเล็กน้อยให้กฤติกาเป็นเชิงบอกลา จากนั้นชายหนุ่มก็กอดประคองเอวปริญดาเดินออกจากห้องไป
เมื่อประตูปิดสนิท กฤติกาก็ถอนหายใจยาวพรืด เอนตัวพิงเบาะเก้าอี้ทำงานพร้อมกับรอยยิ้มเป็นสุขจุดสว่างบนใบหน้า นึกถึงสายตาของปริญดาและเวหาที่มองสบตากันอย่างลึกซึ้ง ท่าทีที่เวหาทะนุถนอมปกป้องปริญดาแล้วก็พลอยมีความสุขไปกับทั้งคู่ด้วย
เธอมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าสองคนนี้กำลังตกหลุมรักกันและกันอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงแม้ในตอนแรกเธอจะยังเคลือบแคลงใจอยู่บ้างว่าเวหาอาจจะแต่งงานเพราะแค่ต้องการจะรับผิดชอบ แต่พอได้มาเห็นด้วยตาตัวเองแบบนี้แล้ว เธอก็ปลาบปลื้มดีใจแทนเพื่อนสาวเป็นที่สุดที่ได้สมหวังในความรักเสียที แม้จะมีอุปสรรคใหญ่อย่างคุณย่าที่คอยเห็นต่างก็ตาม แต่เธอก็หวังว่าทั้งคู่จะเข้มแข็งพอจนสามารถทำลายสิ่งกีดขวางนั้นลงได้ เพื่อก้าวไปพบกับความสุขของชีวิตครอบครัวที่รอคอยพวกเขาอยู่ข้างหน้า...
/
/
/
“จริง ๆ คุณไม่จำเป็นต้องมาดูร้านก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวนี้ข้อมูลทางอินเตอร์เนตเยอะแยะ” ปริญดาเอ่ยขึ้นขณะเดินตามเวหาที่จูงมือเธอเข้ามาในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง
“จริง ๆ แล้วผมก็ไม่ได้จะมาสำรวจร้านอาหารอะไรหรอกนะ เพราะผมน่ะมีไว้ในใจอยู่แล้ว” เวหาหยักยิ้ม พอได้ยินเธอร้องอ้าว นิ่วหน้าสงสัย เขาก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนตอบ
“ผมก็แค่อยากอยู่กับคุณบ่อย ๆ พอผมว่างงานอยู่คนเดียวทีไรเป็นต้องคิดถึงคุณทุกที ก็เลยไปหาคุณที่ออฟฟิศหาข้ออ้างพาคุณออกมากับผม” เขาฉีกยิ้มหัวเราะแหะ ๆ
ปริญดาหัวใจเต้นรัวตึกตัก พักหลังมานี้เขาบ่นคิดถึงเธอบ่อยขึ้นจนทำเอาเธอเผลอคิดไปหลายครั้งว่าเขาเองก็คงเริ่มมีใจให้บ้างไม่มากก็น้อย และหวังว่าขาคงจะเปลี่ยนจากคำว่าคิดถึงเป็นคำว่ารักเข้าสักวัน
เวหาเห็นเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จึงพูดหยอกล้อ “แหม แค่นี้ไม่ต้องทำเป็นเขินหรอกน่า เพราะผมน่ะคิดถึงคุณทุกวัน แม้เราจะเจอกันบ่อยช่วงนี้แต่ผมก็ยังคิดถึงคุณตลอดเวลา...”
หญิงสาวแทบจะตัวลอย หน้าแดงร้อนผ่าวด้วยความอาย ก่อนจะจ้องมองสบตาเขา กระซิบตอบกลับเขาเบา ๆ
“ฉันก็คิดถึงคุณทุกวันค่ะ ทุกลมหายใจ...” เธอยิ้มเขิน ๆ ให้เขา กระชับมือที่จับเขาไว้ให้แน่นขึ้น
เวหาเองก็กระชับมือเล็ก ๆ ของเธอตอบ มองสบตาเธอที่ทอประกายรักใคร่ในตัวเขาอย่างชัดเจน ความอิ่มเอมปะทุระเบิดอยู่ในอกจนควมคุมไม่อยู่ นับวันยิ่งเขาได้อยู่ใกล้เธอบ่อยขึ้นเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้ใจตัวเองว่ารักเธอมากขึ้นเท่านั้น
ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันต่อจากนั้น เพราะเพียงแค่สบตาและยิ้มให้กัน ความรู้สึกของทั้งคู่ก็สื่อถึงกันจนไม่ต้องเอ่ยมาเป็นคำพูดให้ยืดยาว จากนั้น เวหาก็พาเธอเดินจูงมือตรงไปยังลิฟท์ด้านในเพื่อที่จะพาเธอไปยังร้านอาหารที่อยู่เกือบชั้นบนสุดของโรงแรมด้วยกัน
<><><><><><><>>><><><><><><><><><><><><><>
พบกับตอน 31-2 ในตอนหน้าค่ะ
K. Nandii อาจจะต้องมีลุ้นอีกรอบค่ะ แต่อย่าเพิ่งเหนื่อยนะคะ ^^
K. lamyong ใช่แล้วค่ะ ว่าแต่เรื่องจะไปทางไหนฝากติดตามด้วยนะคะ ^^
K. pkka ต้องมีปัญหาค่ะ คนเขียนไม่ยอมให้จบง่ายๆ อิอิ ^^
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และจิ้มชอบรวมถึงนักอ่านทุกท่านที่ติดตามผลงานของเปลวหอมนะคะ ขอบคุณมากค่ะ!!
ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะต้องเอานิยายมาลงทีละครึ่งตอน แง่งๆๆ >_< ช่วงนี้งานเล็กงานน้อยสุมเข้ามาจนทำไม่ทันเลยค่ะ ตอนนี้มีงานสอนพิเศษด้วยต้องเตรียมเอกสารทำชีทเองไม่มีเวลามาเผื่อนิยายเลยค่ะ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ แต่พยายามจะมาให้ได้ทุกอาทิตย์ค่ะ มีอะไรผิดพลาดหรือเนื้อหาไม่เคลียร์บอกกล่าวกันได้น๊า ^v^
ถ้าคืนนี้มาลงครึ่งหลังไม่ทันจะมาลงให้วันพรุ่งนี้นะคะ ขอให้อ่านนิยายให้สนุกค่ะ!!
เพียงใจปรารถนา ตอน 31 - 1
“อร๊ายยยยยยย!!”
ปริญดารีบเอามือปิดหูสองข้างเมื่อเสียงกรีดร้องยาวเหยียดด้วยความตื่นเต้นดีใจของกฤติกาดังลั่นห้องทำงาน
“ยัยก้อย! แกไม่ต้องกรี๊ดจะได้ไหม หูฉันจะแตก”
กฤติกาทำหน้าปลื้มปริ่ม “ก็ฉันดีใจนี่แก ไม่คิดเลยว่าแกกับคุณเวย์จะถึงขั้นได้แต่งงานกัน แล้วไหนแกจะกำลังตั้งท้องลูกของเขาอีก โอ๊ยยยย ฉันล่ะอิจฉา!”
ปริญดาส่ายหน้าพลางหัวเราะขำ “ดีใจแต่ก็ไม่ต้องร้องกรี๊ดเสียงดังขนาดนี้ก็ได้ ก็แค่ฉันกำลังจะแต่งงานแค่เนี๊ยะ”
“นี่แน่ะ เรื่องแค่นี้ที่ไหนกัน” กฤกติกาตีแขนเพื่อนสาวเข้าให้เบา ๆ
“แกจะแต่งงานกับคุณเวหาแถมยังมีลูกด้วยกันอีกแบบนี้มันเรื่องใหญ่ที่จะต้องกรีดร้องดีใจน่ะถูกแล้ว” เธอทำตาประหลับประเหลือกมองปริญดา
“แล้วแกไปรักกับคุณเวย์ตอนไหนทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่อง นี่เดี๋ยวนี้แกมีเรื่องอะไรไม่เคยจะบอกกันใช่ไหม ชอบให้ฉันรู้เป็นคนสุดท้ายอยู่เรื่อยเลย” กฤติกาสะบัดหน้าหนีไม่จริงจังนัก
ปริญดาเลิกคิ้ว งงกับอารมณ์ของเพื่อนสาวที่จู่ ๆ เกิดอาการงอนขึ้นมาเสียอย่างนั้น เธอเดินเข้าไปโอบไหล่กฤกติกาแล้วพูดขอโทษขอโพย
“ฉันขอโทษแล้วกันน๊า ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดแกสักหน่อย มันก็แค่ปุปปับที่เมื่ออาทิตย์ก่อนฉันรู้ว่าตัวเองท้อง พี่ก้องก็รีบไปบอกเวย์ แล้วเวย์เขาก็มาขอร้องให้ฉันยกโทษให้แล้วก็....” น้ำเสียงแผ่วในตอนท้าย เขินอายเล็กน้อย
“ขอฉันแต่งงานน่ะ...”
“กรี๊ดดดดดดด!” กฤติกากรีดร้องโหยหวน
“ยัยก้อย! นี่แกหยุดกรี๊ดสักทีจะได้ไหม”
“ก็ฉันอิจฉาแกนี่! อะไรกัน ฉันหาผู้ชายมานานแรมปีไม่เห็นมีใครมาตกหลุมที่ฉันขุดไว้สักคน” เธอทำเสียงฟึดฟัด
“แต่ดูแกสิ ทะเลาะกันจะเป็นจะตายแต่สุดท้ายก็ได้หนุ่มหล่อไปครอง ฉันไม่ยอมมม!”
ปริญดาหัวเราะ “เอ๊า แล้วไหนแกเคยบอกว่ากำลังจีบหนุ่มข้างบ้านอยู่ไง”
กฤติกาหน้ามุ้ยยิ่งกว่าเดิม “จีบเจิบอะไรกันล่ะ คราวก่อนฉันขับรถกลับบ้านเห็นนั่งปิ้งบาร์บิคิวกับหนุ่มกล้ามโตหน้าบ้านกระหนุงกระหนิง ฉันล่ะเจ็บจี๊ดดดดถึงขั้วหัวใจ ตาถั่วแอบชอบอยู่ได้ตั้งนาน”
คราวนี้ปริญดาถึงกับปล่อยก๊ากหัวเราะร่า จนเพื่อนสาวต้องเท้าสะเอว มองด้วยความหมั่นไส้
“ใช่ซี๊ หัวเราะเข้าไป ใครจะไปเหมือนแกล่ะ มีความสุขแล้วหนิ ชิชะ” เบ้ปากพูด
ปริญดาเห็นท่าทางกฤกติกาที่ดูจะงอนจริงจังเธอจึงค่อย ๆ ลดเสียงหัวเราะ แต่ก็ยังอดยิ้มขำไม่ได้ “เอาน่า แกอายุยังน้อย ยังมีเวลาหาอีกถมเถไป” เธอพูดปลอบพลางถอนใจ
“ส่วนของฉันถึงจะได้แต่งงาน แต่ก็ยังไม่วายมีปัญหาเรื่องที่บ้าน เฮ้อ...แกก็รู้ว่าคุณย่าฉันเป็นคนชอบบงการขนาดไหน ถึงขนาดประกาศเลยว่าถ้าเวย์ไม่ถูกใจท่าน ท่านก็จะหาคนอื่นมาให้ฉันแต่งงานด้วยแทน”
“โห นี่ย่าแกยังไม่เลิกจับแกแต่งงานอีกเหรอเนี่ย” กฤติการ้องคราง หงุดหงิดแทนเพื่อนสาว
“อืม อาทิตย์นี้คุณย่านัดเจอครอบครัวเวย์เขาด้วย ฉันล่ะกลัวใจท่านจริง ๆ ” เธอตอบอย่างเซ็ง ๆ คิดแล้วก็ต้องถอนใจเป็นรอบที่สอง
“แล้วแกจะทำยังไงล่ะถ้าย่าแกไม่ยอมรับคุณเวย์น่ะ” กฤติกาถาม
“ฉันบอกคุณย่าไปแล้วล่ะว่ายังไงฉันก็จะไม่แต่งงานกับคนอื่นนอกจากเวย์ ต่อให้ท่านไล่ออกจากบ้านฉันก็ยอม”
กฤติการย่นคิ้ว “เฮ้ย ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกม้าง”
ปริญดาหัวเราะหึในลำคอ “แกไม่รู้อะไร ถ้าฉันกับแม่ทำอะไรขัดใจท่านนะ อะละวาดบ้านแตก แม้แต่พ่อฉันเองยังทนรับมือกับคุณย่าไม่ไหวจนป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล บางทีฉันยังเคยนึกสงสัยเลยว่าท่านเคยเห็นฉันเป็นหลานบ้างไหมถึงไม่เคยเป็นห่วงความรู้สึกฉันบ้างว่าฉันต้องการอะไร” พูดแล้วก็คิดน้อยใจ จนน้ำตาเอ่อคลอ
กฤติกาเห็นน้ำตาเพื่อนแล้วก็ตกใจ รีบเข้าไปโอบไหล่แล้วลูบขึ้นลงเบา ๆ “เอาน่า อย่าคิดมาก ท่านอาจจะเป็นของท่านแบบนี้ก็ได้” เธอพยายามปลอบแต่เหมือนยิ่งพูดปริญดายิ่งน้ำตาไหล
“เอางี้ ๆ เรื่องคุณย่าแกไปลุ้นเลยทีเดียวอาทิตย์นี้แล้วกัน ตอนนี้คิดมากไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา” กฤติการีบบอก แล้วจับผมที่เริ่มยาวประบ่าของปริญดาไปทัดหู ใช้สองมือประคองหน้าหญิงสาวให้เงยขึ้น
“ไหนยิ้มให้ฉันดูหน่อยซิ” เธอฉีกยิ้มกว้างนำ พลางทำหน้าทะเล้น จนปริญดาหลุดขำแล้วต้องฉีกยิ้มตามคำสั่ง
“ดีมาก ทีนี้ก็เลิกเครียดเรื่องย่าแกซะ เข้าใจไหม”
ปริญดาค่อย ๆ หุบยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นยังค้างที่ริมฝีปากพร้อมพยักหน้ารับ
กฤติกาทำหน้าตาจริงจัง แล้วพูดว่า “ฉันเชื่อว่ายังไงซะคุณเวย์ก็คงไม่ยอมปล่อยให้แกไปแต่งงานกับคนอื่นหรอกนะปริม เขาแสดงออกว่ามีใจให้แกขนาดนี้แล้ว เพราะฉะนั้นแกเองก็อย่ากังวลใจไปก่อนนัก ยิ่งตอนนี้กำลังท้องกำลังไส้ ยิ่งแกเครียดก็ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อลูกในท้องของแกนะ”
ปริญดาคลี่ยิ้มแล้วก็โผเข้ากอดเพื่อนสาว “ขอบใจมากนะก้อยที่คอยเป็นห่วงฉัน ทุกครั้งที่ฉันกลุ้มใจก็มีแกนี่แหล่ะที่คอยปลอบฉันตลอด”
กฤติกากอดตอบ แล้วลูบหลังหญิงสาวเบาๆ “เพื่อนไม่ช่วยเพื่อน แล้วจะมีเพื่อนไว้ทำไมกันล่ะ”
“แต่ฉันสิ ยังไม่เคยช่วยอะไรแกเลย”
“แหม ก็ฉันเคยมีเรื่องกลุ้มใจหรือมีปัญหาชีวิตกับเขาที่ไหนกันเล่า” เธอตอบกลั้วหัวเราะ คลายอ้อมกอดแล้วยิ้มให้เพื่อนสาว
“แกน่ะไม่ต้องห่วงฉันหรอก แล้วช่วงนี้แกก็ไม่ต้องห่วงเรื่องงานด้วย ไว้วันไหนว่าง ๆ ก็ค่อยเข้ามาออฟฟิศ ที่นี่เดี๋ยวฉันดูแลให้เอง”
ปริญดาซาบซึ้งกับความมีน้ำใจของกฤติกา “ขอบใจแกจริง ๆ นะก้อย ฉันสัญญาว่าเสร็จเรื่องงานแต่งงานเมื่อไรฉันจะกลับมาทำงานให้เต็มที่เลย”
“วุ้ย มาขอบอกขอบใจอะไรกันบ่อย ๆ พอ ๆ เราเลิกคุยเรื่องนี้กันดีกว่า” เธอโบกไม้โบมือ แล้วเดินไปลากเก้าอี้ที่โต๊ะปริญดามาที่โต๊ะตัวเอง พลางจับมือเพื่อนสาวให้นั่งลง
“นี่เลย แกมาช่วยฉันเลือกดูหน่อยสิว่าปกหน้าจะเอานายแบบคนไหนดี เมื่อเช้านี้ยัยนีเพิ่งเอามาให้” กฤติกากระจายเอกสารประวัตินายแบบที่ติดแนบพร้อมรูปถ่ายไว้ทั่วโต๊ะ
“ที่ฉันดูไว้ก็มีคนนี้กับคนนี้ แกว่าโอเคมะ” เธอยื่นรูปถ่ายนายแบบที่เปลือยท่อนบนสองใบให้ปริญดาดู
หญิงสาวรับมาเปรียบเทียบ เอียงคอมองวิเคาะห์ “อืมม....ฉันว่าหุ่นใช้ได้นะแต่หน้าตาจืดไปหน่อย ฉันว่าเอาที่หน้าตาคม ๆ แต่ผิวขาวที่ไม่ซีดแบบนี้น่ะ มีไหม” เธอออกความเห็น
“อ๋อออ....แกชอบแบบหน้าคมเข้มเหมือนคุณเวย์เขาใช่ม๊า แหม ๆ ๆ เดี๋ยวนี้อะไร ๆ ก็คุณเวย์ หายใจเข้าออกก็คุณเวย์ นายแบบก็ยังอยากจะให้หน้าตาเหมือนคุณเวย์ โอ๊ยย รักจังเลยนะยะผู้ชายคนเนี๊ย” กฤติกาทำเป็นเบ้ปากหมั่นไส้
ปริญดาหน้าแดงหูแดงเมื่อโดนเพื่อนสาวล้อ “อะ..อะไร บ้าเหรอยัยก้อย ฉันก็แค่คิดว่านายแบบสองคนนี้หน้าไม่ผ่านเท่านั้นเอง”
“อ๋อออเหรออ ใช่เหรอออ” เธอลากเสียงยาวยิ้มยียวน
“ยัยก้อย! เดี๋ยวเถอะ...” ยังไม่ทันที่ปริญดาจะได้พูดอะไรต่อจากนั้น เสียงเคาะประตูห้องทำงานก็ดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าแป้นแล้นยิ้มกรุ้มกริ่มของทัศนีโผล่เข้ามา
“คุณปริมขา มีคนมาหาค่า” พูดเสร็จก็ยืนม้วนตัวไปมา
ปริญดาเลิกคิ้ว “ใครเหรอ”
ทัศนียิ้มแก้มปริ หัวเราะคิกคัก ก่อนจะเปิดประตูให้กว้างกว่าเดิมจนเห็นคนที่ยืนรออยู่ด้านหลัง
“เวย์...” ปริญดาครางเรียก รอยยิ้มผุดที่มุมปาก
กฤติกาชะโงกหน้าไปดู พอเห็นเป็นเวหาที่ยืนอยู่ก็ถอนหายใจแล้วแอบบ่นพึมพำ “เพิ่งพูดถึงอยู่หยก ๆ ก็โผล่มาให้เห็นทันทีเลยนะ ชิ รักกันจริงรักกันจ๊างงง”
ปริญดาเหมือนหูทวนลมไม่ได้ยินที่เพื่อนสาวประชดประชัน เพราะมัวใจลอยคอยแต่มองเวหาตรงหน้า
เวหาเดินเข้ามาในห้อง พลางหันไปขอบคุณทัศนีที่พาเขามาส่ง ก่อนจะหันมาทักทายสองสาว
“สวัสดีครับคุณก้อย สบายดีนะครับ” พูดแล้วเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ปริญดา ยิ้มให้เธอเล็กน้อย
“สบายดีค่ะ แล้วนี่ไปไงมาไงคะถึงมาที่นี่ได้”
เวหายิ้มตอบ แล้วหันไปมองสบตากับปริญดา “ลมคิดถึงหอบมานะครับ”
กฤติกาแทบจะสำลักอากาศ “อุ๊ยตาย นี่ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมคะเนี่ย...” เธอถามเสียงสูง ไม่คิดว่าคนอย่างเวหาจะพูดคำหวาน ๆ กับเขาก็เป็น
เวหาหัวเราะเบา ๆ ตายังคงเป็นประกายขณะมองปริญดาที่ตอนนี้ก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อปิดบังสีหน้าเขินอาย “ครับ ผมคิดถึงปริมเขา ก็เลยแวะมาหา”
กฤติกายังคงตะลึงกับท่าทางของเวหาที่มีต่อเพื่อนสาวของเธอ ไม่คิดว่าตัวเองจะตกข่าวใหญ่จนไม่รู้ว่าสองคนนี้เขารักกันถึงขั้นหยอดคำหวานให้กันขนาดนี้
“แล้วนี่ทำอะไรกันอยู่เหรอครับ ผมมารบกวนหรือเปล่า” ถามพลางเอามือวางพาดขอบเก้าอี้ที่ปริญดานั่งอยู่
“ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เราแค่กำลังเลือกนายแบบสำหรับปกหน้ากันอยู่” กฤติกาตอบแทนเพื่อนสาวที่ดูท่าว่าจะอายอย่างหนักจนเป็นใบ้นั่งนิ่งพูดอะไรไม่ออกไปแล้ว
“เหรอครับ แล้วเลือกได้หรือยังครับว่าคนไหน” เขามองไปยังรูปถ่ายมากมายบนโต๊ะ
“ฉันเลือกไว้สองคนค่ะ ที่ยัยปริมกำลังถืออยู่น่ะค่ะ แต่ยัยปริมบอกว่าไม่ผ่านเพราะหน้าจืดเกินไป แล้วบอกอยากได้แบบหน้าหล่อคมเข้มเหมือนคุณเวย์ ใช่ไหมปริม” เธอส่งต่อให้เพื่อนหน้าตาเฉย
ปริญดาถึงกับเหวอเหมือนเพิ่งได้สติ “ห๊ะ แกว่าไงนะก้อย”
เวหายิ้มขำ ตอบแทนกฤติกา “คุณก้อยบอกว่าคุณไม่ชอบนายแบบที่เธอเลือกเพราะคุณอยากได้นายแบบที่หน้าตาคล้ายผม จริงเหรอปริม...”
“คือ...” ปริญดาอ้ำอึ้งพลางขึงตาใส่กฤติกาที่ยิ้มเผล่ไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะปั้นยิ้มฝืด ๆ ให้เวหา
“ก็นายแบบที่ก้อยเลือกหน้าตาไม่ผ่านจริง ๆ นี่คะ ดูสิ” เธอยื่นรูปถ่ายในมือให้เขาดู
เวหามองเพียงแว่บเดียวแล้วก็พูดขึ้น “อืม ก็จริงอย่างที่ปริมพูดนะครับคุณก้อย ผมว่าผิวซีดไปนิดนึง ถ่ายขึ้นปกอาจจะดูไม่เด่น คุณก้อยลองเลือกดูอีกทีซิครับ” พูดเสร็จเขาก็วางรูปถ่ายไว้บนโต๊ะ
“แล้วถ้าคุณก้อยไม่ว่าอะไร วันนี้ผมขอพาปริมกลับก่อนได้ไหมครับ พอดีผมอยากพาปริมไปเลือกสำรวจร้านอาหารที่จะพาครอบครัวเขาไปทานอาหารเย็นด้วยกันอาทิตย์นี้น่ะ ผมอยากทำให้ครอบครัวปริมเขาประทับใจ” เขาบอกเสียงหวาน มองสบตาปริญดาที่นั่งเขินอายข้าง ๆ อย่างมีความหมาย
สิ่งที่ได้ยินและท่าทางของทั้งคู่ที่ได้เห็นยิ่งทำให้กฤติกางงหนัก อาการเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยดูจะสร้างความประหลาดใจให้เธอไม่น้อย จากคนที่คอยแต่จะหาเรื่องทะเลาะใส่กันกลับกลายมาเป็นคู่รักหวานแหวนเปลี่ยนความรู้สึกที่มีให้กันราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ แถมยังมาทำหวานใส่กันต่อหน้าต่อตาเธออีกแน่ะ!
เธอมองหนุ่มสาวสองคนสลับกันไปมา ประกายตาหวานฉ่ำที่มองสบตากันฉายแววแห่งความรักประจักษ์แจ้งชัดเจนจนเธอต้องกระพริบตาปริบ ๆ อีกครั้งแล้วจ้องมองคนทั้งคู่เพื่อความแน่ใจว่าตาเธอไม่ได้ฝาดไป
“ตกลงคุณก้อยจะให้ปริมไปกับผมได้ไหมครับ” เวหาถามย้ำอีกครั้ง ทำเอากฤติกาที่กำลังมองคนทั้งคู่ต้องหัวเราะกลบเกลื่อน
“แหม ได้สิคะ คุณเวย์จะพายัยปริมไปไหนก็ได้ตามสบายเลย ตอนนี้ฉันไฟเขียวเต็มที่ค่ะ” เธอตอบรับอย่างยินดี
“แต่อาทิตย์ก่อนฉันก็หยุดไปเกือบทั้งอาทิตย์แล้วนะ แถมศุกร์ที่แล้วก็ยังหนีไปเที่ยวอีก..” ปริญดาบอกเสียงอ่อย ยังเกรงใจเพื่อน
กฤติกาฉีกยิ้มกว้าง พลางส่ายหน้า “ก็บอกแล้วไงว่าฉันไฟเขียวให้แกกับคุณเวย์ได้เต็มที่ แกจะแต่งงานทั้งที ฉันจะกล้าขัดเวลาแห่งความสุขของเพื่อนได้ยังไงกัน” พูดเสร็จก็หันไปบอกกับเวหา
“พาปริมไปเถอะค่ะ เรื่องงานตอนนี้ก็ไม่ได้ยุ่งเท่าไร ฉันดูแลคนเดียวได้”
“ขอบคุณมากครับ” เวหายิ้มตอบ แล้วยื่นมือไปให้ปริญดาจับ ประคองหญิงสาวให้ลุกขึ้นยืนแล้วโอบเอวเธอไว้หลวม ๆ
“งั้นผมกับปริมขอตัวก่อนนะครับ แล้วก็ต้องขอบคุณคุณก้อยด้วยที่ยอมให้ปริมไปกับผม” เขาเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง
“ฉันขอโทษด้วยนะแก ส่วนเรื่องนายแบบแกก็ตัดสินใจเองได้เลย ฉันเชื่อสายตาแก” ปริญดายิ้มบอก
กฤติกาหัวเราะเบา ๆ “ได้เลย ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันจะเลือกนายแบบคนไหน” เธอกวาดสายตามองรูปถ่ายมากมายที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเงยหน้าขยิบตาให้เพื่อนสาว
ปริญดาอมยิ้มแล้วโบกให้ เอ่ยลาอีกครั้ง เวหาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ยิ้มพลางก้มหน้าเล็กน้อยให้กฤติกาเป็นเชิงบอกลา จากนั้นชายหนุ่มก็กอดประคองเอวปริญดาเดินออกจากห้องไป
เมื่อประตูปิดสนิท กฤติกาก็ถอนหายใจยาวพรืด เอนตัวพิงเบาะเก้าอี้ทำงานพร้อมกับรอยยิ้มเป็นสุขจุดสว่างบนใบหน้า นึกถึงสายตาของปริญดาและเวหาที่มองสบตากันอย่างลึกซึ้ง ท่าทีที่เวหาทะนุถนอมปกป้องปริญดาแล้วก็พลอยมีความสุขไปกับทั้งคู่ด้วย
เธอมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าสองคนนี้กำลังตกหลุมรักกันและกันอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงแม้ในตอนแรกเธอจะยังเคลือบแคลงใจอยู่บ้างว่าเวหาอาจจะแต่งงานเพราะแค่ต้องการจะรับผิดชอบ แต่พอได้มาเห็นด้วยตาตัวเองแบบนี้แล้ว เธอก็ปลาบปลื้มดีใจแทนเพื่อนสาวเป็นที่สุดที่ได้สมหวังในความรักเสียที แม้จะมีอุปสรรคใหญ่อย่างคุณย่าที่คอยเห็นต่างก็ตาม แต่เธอก็หวังว่าทั้งคู่จะเข้มแข็งพอจนสามารถทำลายสิ่งกีดขวางนั้นลงได้ เพื่อก้าวไปพบกับความสุขของชีวิตครอบครัวที่รอคอยพวกเขาอยู่ข้างหน้า...
/
/
/
“จริง ๆ คุณไม่จำเป็นต้องมาดูร้านก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวนี้ข้อมูลทางอินเตอร์เนตเยอะแยะ” ปริญดาเอ่ยขึ้นขณะเดินตามเวหาที่จูงมือเธอเข้ามาในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง
“จริง ๆ แล้วผมก็ไม่ได้จะมาสำรวจร้านอาหารอะไรหรอกนะ เพราะผมน่ะมีไว้ในใจอยู่แล้ว” เวหาหยักยิ้ม พอได้ยินเธอร้องอ้าว นิ่วหน้าสงสัย เขาก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนตอบ
“ผมก็แค่อยากอยู่กับคุณบ่อย ๆ พอผมว่างงานอยู่คนเดียวทีไรเป็นต้องคิดถึงคุณทุกที ก็เลยไปหาคุณที่ออฟฟิศหาข้ออ้างพาคุณออกมากับผม” เขาฉีกยิ้มหัวเราะแหะ ๆ
ปริญดาหัวใจเต้นรัวตึกตัก พักหลังมานี้เขาบ่นคิดถึงเธอบ่อยขึ้นจนทำเอาเธอเผลอคิดไปหลายครั้งว่าเขาเองก็คงเริ่มมีใจให้บ้างไม่มากก็น้อย และหวังว่าขาคงจะเปลี่ยนจากคำว่าคิดถึงเป็นคำว่ารักเข้าสักวัน
เวหาเห็นเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จึงพูดหยอกล้อ “แหม แค่นี้ไม่ต้องทำเป็นเขินหรอกน่า เพราะผมน่ะคิดถึงคุณทุกวัน แม้เราจะเจอกันบ่อยช่วงนี้แต่ผมก็ยังคิดถึงคุณตลอดเวลา...”
หญิงสาวแทบจะตัวลอย หน้าแดงร้อนผ่าวด้วยความอาย ก่อนจะจ้องมองสบตาเขา กระซิบตอบกลับเขาเบา ๆ
“ฉันก็คิดถึงคุณทุกวันค่ะ ทุกลมหายใจ...” เธอยิ้มเขิน ๆ ให้เขา กระชับมือที่จับเขาไว้ให้แน่นขึ้น
เวหาเองก็กระชับมือเล็ก ๆ ของเธอตอบ มองสบตาเธอที่ทอประกายรักใคร่ในตัวเขาอย่างชัดเจน ความอิ่มเอมปะทุระเบิดอยู่ในอกจนควมคุมไม่อยู่ นับวันยิ่งเขาได้อยู่ใกล้เธอบ่อยขึ้นเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้ใจตัวเองว่ารักเธอมากขึ้นเท่านั้น
ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันต่อจากนั้น เพราะเพียงแค่สบตาและยิ้มให้กัน ความรู้สึกของทั้งคู่ก็สื่อถึงกันจนไม่ต้องเอ่ยมาเป็นคำพูดให้ยืดยาว จากนั้น เวหาก็พาเธอเดินจูงมือตรงไปยังลิฟท์ด้านในเพื่อที่จะพาเธอไปยังร้านอาหารที่อยู่เกือบชั้นบนสุดของโรงแรมด้วยกัน
<><><><><><><>>><><><><><><><><><><><><><>
พบกับตอน 31-2 ในตอนหน้าค่ะ
K. Nandii อาจจะต้องมีลุ้นอีกรอบค่ะ แต่อย่าเพิ่งเหนื่อยนะคะ ^^
K. lamyong ใช่แล้วค่ะ ว่าแต่เรื่องจะไปทางไหนฝากติดตามด้วยนะคะ ^^
K. pkka ต้องมีปัญหาค่ะ คนเขียนไม่ยอมให้จบง่ายๆ อิอิ ^^
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และจิ้มชอบรวมถึงนักอ่านทุกท่านที่ติดตามผลงานของเปลวหอมนะคะ ขอบคุณมากค่ะ!!
เปลวหอม
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.ย. 2557, 16:38:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.ย. 2557, 16:38:25 น.
จำนวนการเข้าชม : 1885
<< ตอน 30 | ตอน 31-2 >> |
Nandii 15 ก.ย. 2557, 17:25:22 น.
แล้วรีบมาต่อไวๆนะคะ :)
แล้วรีบมาต่อไวๆนะคะ :)
likelove 15 ก.ย. 2557, 19:33:27 น.
ใกล้จะเจอคุณย่าแล้วววววว
ใกล้จะเจอคุณย่าแล้วววววว
pkka 15 ก.ย. 2557, 20:56:59 น.
หวานจนแสบคอ?! เจอคุณย่าจะขมมั้ยนั้น
หวานจนแสบคอ?! เจอคุณย่าจะขมมั้ยนั้น
lamyong 15 ก.ย. 2557, 21:04:42 น.
ปริมกับเวย์ บทจะหวานก็น้ำตาลเรียกพี่เชียวนะ หึหึ อิจฉาวุ้ย ห้าๆๆ
ปริมกับเวย์ บทจะหวานก็น้ำตาลเรียกพี่เชียวนะ หึหึ อิจฉาวุ้ย ห้าๆๆ
Zephyr 27 ก.ย. 2557, 18:49:42 น.
เหยยยย มันเริ่มหวานจี้ดดดด มากไป
จนกลัวว่า
กำลังจะได้เวลาขมปี๋ แล้ววววว
เหยยยย มันเริ่มหวานจี้ดดดด มากไป
จนกลัวว่า
กำลังจะได้เวลาขมปี๋ แล้ววววว