แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ
คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”
คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”
คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”
และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ
คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”
คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”
คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”
และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”
Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา
ตอน: 30 ไม่จบไม่สิ้น
30
ไม่จบไม่สิ้น
“ขวัญ” แก้วกัลยาลืมตาขึ้นเมื่อฝันประหลาดว่าเห็นขวัญชีวันมาหาเธอในสภาพที่ร่างโชกไปด้วยเสือด ในฝันขวัญชีวันมองหน้าเธอและขยับปากพูดกับเธอแต่เธอมองไม่ออก เธอไม่เคยฝันร้าย ถ้าฝันร้ายเท่ากับเป็นลางบอกเหตุ ซึ่งไม่บ่อยครั้งที่เธอจะฝันร้ายแบบนี้ เธอเริ่มกังวลเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์กดโทรหาขวัญชีวันแต่กลับไม่มีสัญญาณตอบรับ แก้วกัลยาจึงเปลี่ยนไปโทรหารักจิราแทน
(เจ๊แก้วเค้าไม่ว่านะ ไว้ค่อยคุยกัน ไอ้เฮียเปามันกำลังจะมารับเค้า เค้าต้องรีบออกจากบ้านแค่นี้นะ) สายถูกตัดไปแล้ว แก้วกัลยาถอนหายใจคิดหนักเปลี่ยนไปโทรหาวันวิวาห์แทน
(ว่าไงแก้ว)
“วันฉันฝันประหลาด ฉันฝันว่าขวัญตายแล้ว ตอนนี้ติดต่อขวัญไม่ได้ฉันเป็นห่วง”
(ไม่มีอะไรหรอก เมื่อวานวันโทรไปหารัก รักบอกว่าขวัญยังปกติ ช่วงนี้ต้องไปหาวัตถุทำขนมหวานกับเชฟคนโปรดนอกสถานที่เลยไม่ได้พกโทรศัพท์ เห็นบอกว่าถ้ากลับจากเตรียมหาวัตถุดิบจะโทรกลับ รักเองก็บอกว่าเสียงปกติ)
“หรอแต่ฉันห่วงขวัญนะวัน”
(เอาอย่างนี้เดี๋ยววันจะลองโทรไปอีกที แก้วพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องห่วงทางนี้ ดูแลตัวเองให้หายก่อนนะ ไม่น่ารีบกลับบ้านเลย)
“ยัยรักโทรไปฟ้อง”
(ไม่ได้ฟ้องสักหน่อย อย่าไปดุรักล่ะ เอาเป็นดูแลตัวเองด้วย เดี๋ยวสาย ๆ วันมีธุระต่อ ไว้ค่อยคุยกันใหม่ วันจะลองติดต่อไปหาขวัยอีกครั้งได้เรื่องยังไงจะโ?รกลับนะ)
“ได้ ๆ บาย” แล้วสายก็ตัดไป แม้จะรู้ข่าวคราวจากวันวิวาห์แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ แก้วกัลยากลับบ้านมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไม่สิตอนนี้เธออยู่คอนโดของมงกุฎ ร่างหายยังมีอาการปวดและช้ำในนิดหน่อย ควรจะบอกว่าโชคดี หรือเธอถึกกันแน่ที่ไม่เป็นอะไรมาก หลังจากพักครบสามวันแก้วกัลยาเริ่มเกิดอาการเบื่อหน่าย ตอนนี้เธอแทบอยากจะลุกออกไปหาเพทาย เธอได้แต่ฟังข่าวคราวของเขาผ่านมินตรา ซึ่งวันนี้มินตราส่งข้อความมาบอกเธอว่าเพทายอยู่ที่บริษัท เธออยากจะไปพบเขาเหลือเกิน อย่างน้อยไปให้เขาเห็นหน้าบ่อย ๆ เขาอาจจะใจอ่อนเห็นความจริงใจของเธอบ้าง แต่ถ้าสภาพไม่สมบูรณ์มีหวังเขาจะหาว่าเธอมารยาแกล้งอีก แต่สามวันที่ผ่านมาเธอก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ เลยนะ เธอส่งข้อความหาเขาทุกวัน บอกขอโทษเขาทุกวัน เธอไม่รู้ว่าเขาจะเปิดอ่านหรือเปล่า เธอเพียรพยายามส่งไปแทบจะทุกชั่วโมง แต่เธอไม่อาจรู้ได้เลยว่าคุณเพชรเป็นยังไงบ้าง จะหายโกรธเธอแล้วหรือยัง
“คุณแก้วคะ ทานอาหารไหมคะ”
“คุณมงกุฎค่ะ ฉันฝันไม่ค่อยดีเกี่ยวกับขวัญ ช่วยหาทางติดต่อขวัญให้ฉันด้วย หรือไม่ก็ให้นักสืบตามตัวขวัญให้เร็วที่สุด”
“คุณแก้วคิดมากไปหรือเปล่าค่ะ”
“ฉันเป็นห่วงขวัญซื่อ ๆ เซ่อ ๆ แบบนั้น กลัวจะเกิดเรื่อง ลางสังหรณ์ฉันแม่นเสมอคุณก็รู้นี่คะ”
“ค่ะเดี๋ยวดิฉันจะจัดการให้ ตอนนี้ทานข่าวทานยาก่อนดีไหมคะ” แก้วกัลยามองชามข้ามต้มและพยักหน้า เหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นได้จึงเอ่ยขึ้น
“คุณมงกุฎคะ วันนี้แก้วจะไปหาคุณเพชร”
“ไปยังไงคะ คุณแก้วยังไม่หายดีเลย ที่คุณแก้วไม่ให้ดิฉันรายงานคุณท่านก็มากเกินไปแล้ว ยังเอาตัวเองไปเสี่ยงข้างนอกดิฉันไม่เห็นด้วย คุณแก้วทำแบบนี้ดีแล้วหรอคะ คุณแก้วทั้งสวย ทั้งรวย ทั้งเก่ง ผู้ชายรอคิวกันเป็นทาง ไม่เห็นต้องไปง้อคนที่เขาไม่สนใจคุณแก้วเลยนะคะ” มงกุฎเอ่ย เจ้านายสาวคนนี้ไม่เคยทำอะไรขนาดนี้มาก่อน เธอเองกลัวว่าถ้าทุกอย่างไม่เป็นอย่างใจคิด แก้วกัลยาจะต้องเสียใจมากแน่ ๆ
“แต่แก้วชอบเขามากนี่คะคุณมงกุฎ แก้วไม่เคยชอบ และจริงจังกับใครเท่าเขาเลยนะคะ” เมื่อเอ่ยถึงเขาใบหน้าของเขาก็ลอยขึ้นมา
“ชอบหรือรักคะ” แก้วกัลยานิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะตอบออกไป
“ตอนแรกแก้วอาจแค่อยากเอาชนะเขา แต่ระยะเวลาที่แก้วเพียรพยายามจะรู้จักเขา ตามเขาทำให้แก้วหลงรักเขาไปอย่างไม่รู้ตัว รู้อีกทีแก้วก็ปล่อยเขาไปไม่ได้แล้ว” เธอรู้สึกได้ว่าเขาคือคนที่เธอตามหามาตลอด คือผู้ชายที่เธออยากสร้างชีวิตด้วย เขาไม่เหมือนใครไม่ใช่เพราะความท้าทายอีกแล้ว แต่เพราะความอบอุ่น อ่อนโยนที่เขาแสดงออกมา ทุกการกระทำที่เขาทำแบบไม่รู้ตัวมันกลืนกินพื้นที่หัวใขของเธอ
“แต่คุณเพชรเธอไม่แคร์คุณสักนิดเลยนะคะ ทั้งที่คุณทำเพื่อเขาตั้งมากตั้งมาย”
“เขากำลังโกรธ ฉันทำมาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันถอยไม่ได้หรอก ฉันทุ่มหมดหน้าตักแล้ว ฉันอยากจะลองอีกครั้ง ทำให้คุณเพชรเธอเชื่อ”
“คุณแก้ว”
“จะว่าฉันโง่ก็ได้ ผู้หญิงทุกคนยอมโง่ได้ก็เพื่อคนที่รัก ไม่เชื่อลองมีความรักดูสิคะแล้วคุณมงกุฎจะเข้าใจ แก้วเคยคิดว่าทำไมผู้หญิงคนหนึ่งต้องทำเพื่อผู้ชายคนหนึ่งมากมายทั้งที่เขาไม่เคยรัก เคยหัวเราะเยอะ เคยด่าว่าโง่งม แต่พอมาเจอกับตัวจะเข้าใจเองค่ะ”
“คุณแก้ว”
“ผู้หญิงถ้าเราเจอคนที่ใช่ คนที่เราอยากจะฝากชีวิตไว้แล้ว ถ้าปล่อยให้หลุดมือไปจะมานั่งเสียใจทีหลังมันก็ไม่ทันแล้ว ฉันเชื่อว่าฉันจะเอาชนะใจคุณเพชรได้”
“แค่ครั้งนี้ได้ไหมคะ ถือว่าดิฉันขอในฐานะคนสนิท คนใกล้ชิด พี่สาว อาสาว อยากจะขอให้คุณแก้วเผื่อใจไว้บ้าง คุณเพชรเธอไม่เหมือนใคร ดิฉันไม่อยากเห็นคุณเสียใจ เพราะคุณไม่เคยทุ่มให้ใครขนาดนี้ ดิฉันถึงกลัว คุณแก้ว”
“ค่ะ แก้วจะเผื่อใจไว้ แต่แก้วบอกแล้วว่าแก้วจะยังไม่ถอย จนกว่าจะหยดสุดท้าย แก้วจะทำให้ถึงที่สุด แก้วรักแล้ว แก้วถึงยังปล่อยไม่ได้ในตอนนี้ แต่เชื่อเถอะค่ะว่าต่อให้รักมากแค่ไหนแต่ทุกคนมีขีดจำกัดค่ะ แก้วเองอาจจะไม่มีขีดจำกัดของความรัก แต่แก้วมีขีดจำกัดความอดทนนะคะ แก้วอาจจะหน้าไม่บางอย่างคนอื่น ๆ แต่ถ้าความหนาของแก้วแตก แก้วก็จะไม่สนมันอีก และครั้งนี้แก้วผิดจริง ๆ ที่หลอกคุณเพชร แก้วถึงยอมที่จะตามง้อแบบนี้”
“ค่ะ ดิฉันเถียงคุณไม่เคยได้หรอกค่ะ ทานอาหารหน่อยนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะแวะกลับไปดูที่ร้าน ส่วนจะเรื่องจะไปหาคุณเพชร ดิฉันยังไม่เห็นด้วย เอาไว้ให้หายดีก่อนแล้วดิฉันจะไปส่งนะคะ ช่วงนี้คุณก็รู้ว่ามีอะไรไม่ปลอดภัยเยอะมาก ดิฉันจะรีบไปรีบกลับ อย่าซนนะคะคุณแก้ว” แม้สรรพนามของทั้งคู่จะแทนตัวอย่างเช่นเจ้านาย แต่ความสัมพันธ์ทางความรู้สึกของทั้งคู่ก็คือพี่น้อง ไม่ใช่แค่แก้วกัลยาแต่อีกสามสาวก็คิดว่าคุณมงกุฎคือพี่สาวที่คอยดูแลพวกเธอมาตลอด มีปัญหาก็ช่วยเคลียร์ แม้ตอนนี้อายุคุณมงกุฎเองก็มากแล้วแต่ก็ยังคอยดูแลพวกเธอ ยังไม่ยอมออกจากหน้าที่ไม่หาครอบครัว ยังใช้ชีวิตสาวโสดกับพวกเธอ
“ดิฉันขอโทษจริง ๆ นะคะ แต่คุณเพชรไม่อนุญาตให้คุณแก้วเข้าพบไม่อนุญาตให้ขึ้นไปข้างบนด้วย พวกเราขอโทษจริง ๆ นะคะ” พนักงานประชาสัมพันธ์สาวเอ่ยเสียงเบา เพราะกลัวเจ้าแม่ขาวีนคนนี้จะวีนเธอขึ้นมา
“แต่ฉันอยากพบคุณเพชร” แก้วกัลยาเอ่ย เธอยอมหนีออกจากคอนโดเพื่อมาพบเพทาย เธออยากคุยกับฉัน อยากให้เขารู้ แต่กลับไม่ได้ขึ้นพบ แต่เป็นตายร้ายดียังไงเธอก็ต้องได้ขึ้นไป ก่อนที่เฮียจิวจะขึ้นมากรุงเทพ ก่อนเธอจะหมดสิทธิ์สามเดือน และเหมือนเขาจะรู้จักเธอดีเหลือเกินจึงให้ยามมายืนปิดทางลิฟต์ ทางบันไดหนีไฟ และเส้นทางทุกเส้นที่สามารถขึ้นไปได้
“ดิฉันให้คุณแก้วขึ้นไปไม่ได้จริง ๆ ขอโทษนะคะคุณแก้ว แต่ถ้าปล่อยให้คุณขึ้นไปคุณเพชรต้องไล่พวกเราออกแน่เลยค่ะ”
“ก็ได้ ฉันไม่ขึ้นก็ได้ แต่ฉันจะนั่งรอตรงนี้ จนกว่าคุณเพชรจะยอมให้ฉันเข้าพบ” พนักงานแต่ละคนทำหน้าไม่ถูก แก้วกัลยาเดินไปนั่งที่โซฟาด้านข้างประชาสัมพันธ์ มุมสำหรับติดต่องาน แก้วกัลยาหยิบนิตยสารขึ้นมาเปิดโดยไม่แคร์สายตาใคร
“แฟ้มเซ็นอนุมัติค่ะ” เพทายที่เหม่อใจลอยหันไปมองมินตราที่ถือแฟ้มเอกสารเดินเข้ามา เขารับแฟ้มมาเปิดตรวจตราก่อนจะเซ็นส่งคืนให้กับมินตรา มินตรากำลังจะเดินออกไป
“เดี๋ยวคุณมินตรา”
“คะ” มินตราหันกลับมามองเจ้านาย
“คุณแก้วกลับไปหรือยัง”
“ยังเลยค่ะ มาตั้งแต่สาย ๆ จนนี่จะเย็นแล้วนะคะ คุณเพทายไม่ลงไปพบเธอหน่อยหรอคะ ดิฉันเองก็ไม่รู้ว่าคุณแก้วเธอทำผิดอะไร แต่จากสิ่งที่ผ่านมาคุณแก้วเธอจริงใจกับคุณมากนะคะ มานั่งรอขนาดนี้น่าสงสารเธอ”
“คุณมินตรา” มินตราทำหน้าเจื่อนเมื่อเจ้านายเริ่มแสดงสีหน้าดุใส่
“ขอโทษค่ะ ดิฉันแค่อยากออกความเห็น คุณวาทินจะกลับเลยหรือเปล่าคะ”
“คุณกลับไปได้เลย ผมจะอยู่ที่นี่อีกพัก”
“ค่ะ” แล้วมินตราก็เดินออกไป เพทายล้มตัวพิงกับเก้าอี้ดวงตาคมปิดลงเหมือนกำลังใช้ความคิด จนเสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แน่นอนหกโมงเย็นตรงเป๊ะไม่ขาดไม่เกินจะมีข้อความส่งมาหาเขาเป็นแบบนี้มาสามวันแล้ว ไม่สิสี่วันแล้วรวมวันนี้ ทุกวันจะมีข้อความส่งเข้ามาหาเขา ตอนเช้าคือหกโมงเช้า จากนั้นตอนเที่ยง ตอนหกโมงเย็น สุดท้ายตอนเที่ยงคืน ข้อความที่ส่งมาไม่ได้มีเพียงคำขอโทษมีการบอกเล่ากิจวัตรรวมมาด้วยเพื่อต้องการให้เข้ารู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งข้อความส่งอัตโนมัติ ถามมว่าเขาโกรธเธอไหม เขาบอกไม่เต็มปากหรอกว่าโกรธ หรือไม่โกรธ สิ่งที่เธอทำให้เขาตลอดหนึ่งเดือนมันเยอะมาก เขาเคยอึดอัดเวลาเจอหน้าเธอ แต่วันหนึ่งได้รู้จักเธอเขากลับคิดว่านี่มันเป็นิสัยธรรมชาติของผู้หยิงคนนี้ ถ้าไม่คิดอะไรเธอคงไม่แยแสเลย แต่เขาก็ยังคงผิดหวัง อีกอย่างอาจรู้สึกเสียหน้าที่โดนหลอก ถามว่าวันนี้ยังโกรธไหม ไม่เลยเขาหายโกรธเธอตั้งแต่วันแรกแล้ว ความดีของเธอช่วยหักลบสิ่งไม่ดี แต่เขาแค่อยากให้เธอรู้บ้างว่าอย่าเอาเรื่องแบบนี้มาเล่นกับเขาอีก เสียงโทรศัพท์ของบริษัทที่วางอยู่มุมโต๊ะดังขึ้น เขากดปุ่มเปิดรับสาย
“คุณเพทายคะ รปภ.สมชาย ขึ้นมาขอพบค่ะ” เสียงมินตราเอ่ย
“ให้เข้ามา” และรปภ.คนนั้นก็เดินเข้ามา พร้อมกับดอกกุหลาบสีขาวหนึ่งดอก
“คุณแก้วกัลยาฝากให้ผมเอาขึ้นมาให้ท่านประธานครับ” เพทายมองดอกกุหลาบสีขาวที่มีเพียงดอกเดียว
“เธอบอกด้วยนะครับว่าจากนี้เธอจะมาทุกวัน จะรอจนกว่าคุณเพทายจะยอมพบเธอครับ”
“วางไว้แล้วก็ลงไป” รปภ.วางดอกไม้ลงและเดินออกไป เพทายหยิบดอกกุหลาบนั้นขึ้นมาถือไว้ และส่ายหน้าเป็นผู้หยิงที่เหนือผู้หยิงเกินไปไหม ให้ดอกไมผู้ชาย แต่ถ้าไมทำแบบนี้คงไม่ใช่แก้วกัลยา ซึ่งมีก้านดอกไม้มีกระดาษมีโน๊ตห้อยไว้ด้วย เขาพลิกเปิดออกอ่าน
....คุณเพชร ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าฉันผิด ผิดที่โกหก แต่ฉันอยากให้คุณรู้ว่าความรู้สึกของฉันมันไม่ใช่เรื่องโกหก ฉันจะรอ รอจนกว่าคุณจะหายโกรธ พนักงานบอกว่าคุณโหมทำงานดึกแทบไม่ได้หลับได้นอน ฉันห่วงคุณนะคะ พรุ่งนี้ฉันจะมาอีก มาจนกว่าคุณจะให้ฉันพบ จนกว่าคุณจะหายโกรธ...
เพทายลุกจากเก้าอี้เดินไปที่หน้าต่าง วันนี้เขาอยู่ที่ชั้นห้าไม่ได้ขึ้นไปทำงานที่ชั้นบนสุดของตึกเพราะมีคุยกับโปรดิวเซอร์เพลง พอคุยเสร็จเขาก็ปักหลักนั่งอยู๋ในห้องเคลยร์งานที่เร่งด่วน เขามองลงไปข้างล่างมองเห็นว่าเธอกำลังเดินออกจากตึกแล้วแต่เธอยังไม่เดินไปไหน เธอยืนหยุดนิ่งและเงยหน้าขึ้นมองมาข้างบน โชคดีที่กระจกชั้นนี้สร้างให้คนข้างในมองเห็นข้างนอ กส่วนคนข้างนอกมองไม่เห็นด้านใน เขามองเธอที่ยืนถอนหายใจและเดินขึ้นแท็กซี่ไป นั่นหมายความว่าเธอไม่ได้ขับรถมา เขายืนเหมือนลังเลใจก่อนจะรีบเปิดประตูลงไปโดยไม่ลืมหยิบดอกกุหลาบดอกนั้นลงไปด้วย เขาวิ่งไปที่ลานจอดรถอย่างเล่งรีบและขับตามออกไป เขามองหารถแท็กซี่คันที่แก้วกัลยาพึ่งนั่งออกไป ขับได้สักพักก็เจอกับแท็กซี่คันนั้น เขาขับตามไปอย่างช้า ๆ ถ้าแก้วกัลยารู้ว่าหนุ่มสุดรักขับรถตามไปส่งคงได้กรี๊ดบ้านแตกแน่นอน เพทายจอดรถลงที่มุมตกมองแก้วกัลยาเดินเข้าไปในคอนโดแล้วจึงขับรถออกไป
“เกิดเรื่องแล้วเจ๊แก้ว ตัวได้ดูข่าวยัง” แก้วกัลยามองน้องสาวที่อยู่ ๆ ก็เปิดประตูพรวดเข้ามาในเวลาเช้า ที่เช้ามาก เพราะนี่พึ่งหกโมง แก้วกัลยาเงยหน้าจากน็ตบุ๊คและหันไปมองน้องสาวที่เปิดประตูเข้ามาอย่างไร้มารยาทเช่นทุกครั้งผิดเธองาที่เธอไม่เคยล้อกประตูห้อง แถมยังเข้ามาส่งเสียงดังลั่นห้องไม่เกรงใจคนที่พึ่งหายป่วยสักนิด
“นี่ยังง้อคุณเพชรไม่สำเร็จมานั่งเล่นคอมพ์แล้วหรอ”
“เล่นบ้าอ่ะไรกำลังดูกล้องวงจรปิดอยู่”
“กล้องวงจรอะไรของตัวนะเจ๊แก้ว”
“กล้องในผับที่แบร์ไปไง” รักจิราเดินมาหยุดดูข้าง ๆ และมองภาพกล้องวงจรปิดในวันที่แบร์ไปผับซึ่งมีตั้งแต่บัณฑิตาเข้าไปจนถึงตอนเหตุการณ์ชุลมุน
“แกมาดูนี่แกคิดว่ามันน่าสงสัยไหม” รักจิราเดินเข้าไปดูและมองตาม กล้องตัวนี้เป็นกล้องที่อยู่หน้าห้องน้ำ บัณฑิตาเดินเข้าห้องน้ำในสภาพคล้ายกำลังจะหมดสติ ก่อนจะเกิดเหตุชุลมุนขึ้นเมื่อตำรวจเข้าล้อมจับ วัยรุ่นวิ่งกระจัดกระจาย และตอนนั้นเองที่มีคนวิ่งเบียดเสียดจะหนีไปทางหนีไฟ มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ วิ่งหาเข้าไปพักหนึ่งก็วิ่งออกมา
“มันอาจจะปวดฉี่แล้วมันชุลมุนเลยแวะเข้าไปก็ได้”
“สาบานว่าแกคิดแบบนั้นไอ้รัก” รักจิรายิ้มขำ ๆ ก่อนเอ่ย
“โห่ ขำ ๆ น่าเจ๊แก้ว แต่เรื่องนี้ชักจะไม่ธรรมดาซะแล้วสิ มันดูมีอะไรมากกว่านั้น”
“มันไม่ธรรมดาตั้งแต่นายบริกรคนนี้เป็นคนไปรับแบร์ที่หน้าผับเข้ามาด้านใน” แก้วกัลยาเปลี่ยนมาที่ภาพลานจอดรถที่บัณฑิตาขับรถมาคนเดียวและพอจอดรถก็มีบริกรเดินมารับ
“เดี๋ยวนะ เจ๊แก้วตัวลองซูมหน้าไปที่ไอ้บริกรคนนั้นอีกนิดสิ เค้ารู้สึกคุ้น ๆ หน้ามัน” รักจิราเอ่ย แก้วกัลยาซูมภาพใบหน้าของบริกรคนนั้นเข้ามาใกล้อีก รักจิราขมวดคิ้วแทบชนกันก่อนจะร้องออกมา
“นี่มัน...”
“แกรู้จักหรอ”
“ไม่”
“อ้าว แล้วแก...”
“ไม่รู้จักผิวเผิน แต่รู้จักดีเลยต่างหาก ก็ไอ้หมอนี่มันเป็นรุ้นน้องเค้ามอต้น แล้วมันไม่ต่อช่างกลเค้าเคยช่วยมันไว้ตอนมันเกือบโดนกระทืบตาย แล้วมันก็เลยสนิทกับเค้า แต่พอเรียนจบก็ไม่ค่อยได้เจอกันอีก”
“แกจะบอกว่าแกรู้จักมัน ถ้าอย่างนั้น...”
“แค่ตามตัวมันมาเค้นปากให้มันตอบว่ามันเข้าไปทำอะไร”
“ถ้าอย่างนั้น”
“ตัวจะไม่ฟังข่าวที่เค้าจะบอกก่อนหรอ ไอ้หมอกมันไม่หนีไปไหนหรอก เค้ารู้จักเพื่อนมันโทรไปถามที่อยู่อีกสองชั่วโมงก็รู้แล้ว แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของคุณเพชร”
“เรื่องอะไรไอ้รัก เรื่องดีหรือไม่ดี แกบอกมาให้หมด ทำไมแกไม่บอก ไอ้รัก” แก้วกัลยาที่ถลาตัวลุกขึ้นมาหาน้องสาวทันทีที่รู้ว่าข่าวที่น้องสาวมาบอกคือของของเพทาย แต่เธอกลับไม่เว้นจังหวะให้รักจิราได้พูดเอาแต่เขย่าตัวจนรักจิราหัวสั่นหัวงอนไปมา
“ก็ถ้าตัวไม่หยุดเขย่าแล้วเค้าจะพูดได้ยังไง เค้าไม่ใช้เซียมซี้นะ ปล่อยได้แล้ว” แก้วกัลยาปล่อยมือออกแล้วมองน้องสาวที่ตั้งตัวได้
“เมื่อคืนคุณพรทิพย์แม่ของคุณเพทายประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ อาการสาหัส”
“แต่คุณน้าปฎิบัติธรรมอยู่ที่อินเดียไม่ใช่หรอ เห็นว่าจะไปทำบุญต่อที่อื่นอีกสามเดือน นี่ยังไม่ครบสามเดือนเลย”
“คิดว่าคงกลับมาก่อนกำหนด มาถึงเมื่อตอนตีสี่กำลังนั่งรถกลับ แต่รถพลิกคว่ำ ตอนนี้ยังอยู่ห้องไอซียูอยู่เลย ข่าวออกเมื่อเช้าสด ๆ เลยนะ”
“แล้วทำไมแกไม่รีบบอกฉันล่ะ”
“เอ้า ก็มัวแต่สนเรื่องคดี”
“ฉันจะไปหาคุณเพชร” รักจิราจับมือแก้วกัลยาไว้ก่อที่จะตัวจะวิ่งออกจากห้องนอนไป
“จะไปในสภาพนี้เนี่ยนะ เค้าว่าตัวไปอาบน้ำก่อนไหม ขืนไปแบบนี้คนเขาจะแตกตื่นเอาว่าผีบ้าที่ไหนบุกโรงพยาบาล”
“แต่...”
“ตามใจอยากไปก็ไป” รักจิราเดินออกไป แก้วกัลยาก้มมองชุดนอนของตนเองและเดินเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยน และนี่เป็นประวัติการที่แก้วกัลยาอาบน้ำแต่งตัวเร็วที่สุด ประวัติคงต้องจารึกแม้แต่ชุดที่ใส่ยังธรรมดาสุด ๆ ยังที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แก้วกัลยาวิ่งลากแขนรักจิรา
“ตัวจะรีบไปไหนเจ๊แก้ว”
“ก็ไปหาคุณเพชรไงล่ะ”
“รู้ โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลขนาดนั้นที่สำคัญ ตัวคิดว่าคุณเพชรเขาหายโกรธตัวหรือยัง”
“ไม่รู้ เรื่องโกรธไม่โกรธไว้ว่ากันตอนไปถึง คุณน้ากำลังเจ็บคุณเพชรคงกำลังแย่” รักจิรารีบวิ่งตามออกไป
แก้วกัลยาเดินขึ้นไปชั้นหกหลังจากรู้จากมินตราว่าคุณน้ำทิพย์ออกจากห้องไอซียูแล้วแต่ยังไม่วี่แววว่าจะฟื้นอาการยังอยู่ในระดับหน้าเป็นห่วง แก้วกัลยามองนักข่าวที่ถูกกันไม่ให้เข้าไปในห้อง มินตราที่ยืนอยู่หน้าประตูเห็นแก้วกัลยาอยู่ด้านหลังกลุ่มก้อนนักข่าวก็เดินเลี่ยงไปหา
“คุณแก้ว”
“คุณน้าอาการเป็นยังไงบ้างมิน”
“อาการยังหน่าเป็นห่วงค่ะ คุณเพชรเธอเครียดมากเลยค่ะ คุณแก้วอยากเข้าแพบไหมคะ” แก้วกัลยาพยักหน้า มินตราเคีลยร์ทางและพาแก้วกัลยาเข้าไปด้านใน ซึ่งมีแขกที่แก้วกัลยาถึงกับต้องชักสีหน้าใส่อยู่สองคนในห้องด้วย รักจิรารู้ว่าพี่สาวเริ่มอารมณ์พุ่งพล่านเมื่อเห็นสองสาวคู่กรณีทีทำให้เธอกับเพทายไม่มองหน้ากัน จึงต้องรีบจับมือไว้พร้อมกระซิบว่า ...คุณพรทิพย์ป่วยอยู่... แก้วกัลยาจึงยอมสงบลง ดารินทิพย์กับสุจิราหันมามองคนที่เข้ามา สุจิราออกตัวทันที
“เธอเข้ามาทำไม ยังมีหน้ามาอีกหรอ” พลันเพทายที่กำลังจับมือมารดาไว้ก็หันไปมอง แต่เขาไม่ได้เอ่ยอะไร ดารินทิพย์จับมือสุจิราไว้และส่ายหน้า
“ไม่เอาน่าซูซี่ คุณป้าท่านป่วยอยู่” สุจิราทำหน้าไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าโวยวาย แก้วกัลยาเดินเข้ามาในห้องโดนตั้งใจเดินไปหยุดยืนข้างหลังเพทาย
“ตำรวจว่ายังไงบ้างคุคุณเพชร” แก้วกัลยาเอ่ยถาม เพทายที่ยังหน้าเศร้าแม้ไม่มีน้ำตาบนใบหน้า แต่ตาของเขากลับบอกอะไรมากมาย บอกถึงความทุกข์ใจอย่างที่สุด
“คุณตำรวจบอกว่าการที่รถคว่ำมันไม่ใช่อุบัติเหตุค่ะ แต่ตอนเกิดเหตุเหมือนมีรถคันหนึ่งตั้งใจปาก้อนหินไปที่รถของคุณป้าให้รถคุณป้าเสียหลักพลิกคว่ำ” ดารินทิพย์ตอบแทนเพทายที่เหมือนจะยังพูดไม่ออก มันเร็วมาก อยู่ ๆ แม่เขาต้องมาอยู่ในสภาพที่เสี่ยงตาย แต่แก้วกัลยาคิดว่าเพทายโกรธจนไม่อยากมองหน้าเธอ ไม่อยากพูดกับเธอในเวลานี้ เธอไม่อยากให้เพทายต้องเครียดมากไปกว่านี้
“คุณคงยังไม่อยากพูดกับฉัน ฉันก็ไม่อยากกวนใจคุณตอนนี้ ถ้าอย่างนั้นไว้ฉันจะมาใหม่ ถ้าคุณน้าฟื้นฝากบอกด้วยนะคะว่าขอให้ท่านหายไว ๆ” แก้วกัลยากำลังจะหันหน้าหนี เพทายกับจับมือเธอไว้ ดวงตาบอกว่าเธอคือที่พึ่งของเขา ขอให้เธออยู่ต่อ รักจิราที่มองอยู่ห่าง ๆ เหมือนเข้าใจสถานการณ์บางอย่างของสองคน พลางคิดว่าพี่สาวเธอทำเกือบจะสำเร้จแล้วอีกนิดเดียงคุณเพทายคงสยบตายเท้าพี่สาวเธอแน่ เธอหันไปมองดารินทิพย์ที่ไม่ได้มองทั้งคู่แต่เหม่อลอยไปไหนก็ไม่รู้ ขณะที่สุจิรากำลังทำหน้าเหมือนปวดไส้ติ่ง
“คุณดาหวัน คุณซูซี่ ฉันว่าเราออกไปข้างนอกดีไหมคะ”
“ทำไมฉันต้อง”
“ดีค่ะ ไปกันเถอะซูซี่ วันนี้เธอมีงานไม่ใช่หรอ” ดารินทิพย์เอ่ย สุจิราทำท่าจะค้านแต่ดารินทิพย์กับรักจิรากับช่วยกันดึงเธอออกจากห้องไป รักจิราดึงสองสาวมาที่หน้าลิฟต์และแยกตัวไปหาเพื่อนนักข่าว
“ทำแบบนี้จะปล่อยให้ยัยนั่นได้คะแนนหรอไง แค่เดือนเดียวยัยนั่นแทบจะทำให้คุณเพชรหลงหัวปักหัวปำแล้วนะ เธอจะปล่อยแบบนี้ไม่ได้”
“แต่คุณป้าท่านกำลังป่วย พวกเราอยู่ก็ช่วยไมได้ ไม่เห็นหรอพวกเรามาตั้งนานแล้ว แต่พี่เพชรไม่คุยกับเราสักคำ”
“อย่าทำเป็นแม่พระ เธอจำที่คุณหญิงน้าบอกไม่ได้หรอว่าเธอต้องได้ตัวคุณเพชรมา”
“แต่ว่า...”
“เธอจะปล่อยคุณเพชรไม่ได้ เธอไม่ทำฉันจะแย่งเค้าว่ามา เธอมันวื่อบื้อจริง” แล้วสุจิราก็สะบัดก้นเดินหนีไป ดารินทิพย์มองตามเพื่อนไปด้วยแววตาเศร้า ๆ
เพทายยังคงจับมือเธอไว้ทั้งที่หน้ายังคงมองร่างของมารดาที่นอนหลับอยู่ ตามตัวบอบช้ำ ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะเจ็บแทนแม่ เขาไม่เหลือใครแล้ว ถ้าแม่เขาเป็นอะไรไปเขาจะทำอย่างไร ก่อนที่พ่อเขาจะเสีย พ่อฝากให้เขาดูแลแม่ ดูแลแม่แทนพ่อให้ดีที่สุด เขาแทบไม่เคยขัดใจมารดา มารดาอยากไปไหน อยากได้อะไรเขาก็หามาให้ แต่มารดาของเขาไม่เคยเรียกร้องขอโน้นขอนี่ แต่ขอให้เขากลับมากินข้าวที่บ้านทุกวัน เขาก็ทำให้ อยากให้เข้ามีคนรัก เขาก็เลือกผู้หยิงที่ดีที่สุดที่คิดว่าจะช่วยดูแลแม่เขาได้อย่างดารินทิพย์
“คุณเพชร คุณน้าเธอปลอดภัยแล้วนะคะ อีกไม่กี่วันคงฟื้น คุณอย่าเศร้าเลยนะคะ”
“ผมเหลือแค่ท่าน”
“ใครบอกคะ คุณยังมีฉัน ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ คุณเพชรคนเก่งของฉันอยู่ตรงไหน ถ้าคุณน้ารู้คงจะไม่สบายใจ อย่าเศร้าอีกเลยนะคะ”
“มีคนส่งข้อความไปบอกแม่ว่าที่บริษัทเกิดเรื่อง ท่านเลยรีบกลับมา ผมมารู้ตอนท่านประสบอุบัติเหตุแล้ว ผมเป็นลูกที่ไม่ได้เรื่องเลย”
“อย่าโทษตัวเองสิคะคุณเพชร เชื่อสิคะว่าคุณน้าคงไม่คิดแบบนั้น คุณเพชรเก่งขนาดนี้ ทำอะไรให้ท่านตั้งเยอะตั้งแยะ ตามใจดูแลท่านอย่างดี แม้จะทำงานหนักแต่ก็มีเวลาให้ท่าน แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ที่สำคัญนี่มันไม่ใช่อุบัติเหตุ ถ้าคุณอยากให้คุณแม่คุณใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและปลอดภัยเหมือนแต่ก่อน ฉันว่าคุณเอาเวลามาช่วยกันหาคนร้าย แม่คุณฟื้นมาจะได้อยู่อย่างสบายใจหายห่วง ดีกว่ามานั่งเศร้า เชื่อสิคะว่าท่านจะปลอดภัย”
“คุณ...”
“ฉันแก้วกัลยาว่าที่ภรรยาของคุณจะดูแลแม่สามีเองค่ะ ส่วนตอนนี้คุณต้องไปทานอาหารที่ว่าที่ภรรยาคุณเตรียมไว้ก่อนมีแรงแล้วมาช่วยกันคิด ส่วนแม่คุณฉันจะช่วยดูแลให้ คุณไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นนะคะ”
“มันใช่เวลาไหมคุณแก้ว”
“ไม่ใช่ แต่คุณก็กำลังยิ้มอยู่ในใจนี่คะ มากินข้าว มินตราโทรมาบอกว่าคุณไม่ยอมทานอะไรนี่แปดโมงกว่าแล้ว” เพทายที่อยากเลี่ยงแต่เลี่ยงไมได้เมื่อแก้วกลัยาดึงเข้าลุกขึ้นเขาหันมองมารดา
...ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณแม่อีก...
“ผมหวังว่าคุณจะไม่ใช่ความดีนี้หักลบที่คุณโกหกผม”
“โธ่คุณช่วยลืม ๆ ไปก่อนไม่ได้หรอคะ เอาเป็นว่าหลังคุณน้าหายคุณค่อยโกรธฉันใหม่แล้วกัน ตอนนี้ท่านอาหารก่อนนะคะ” เพทายมองผู้หญิงที่ตัดแจงเทโน่นนี่อย่างคล่องแคล่ว และเขาพึ่งสังเกตว่าเธอมาในชุดที่ธรรมดามาก แก้วกัลยาเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกตัวว่าถูกมองอยู่
“มองแบบนี้คิดอะไรกับฉันอยู่หรอคะที่รัก แบบนี้ฉันควรเขินได้ไหมนะ” เพทายถอนสายตาหนีทันที
“ผมแค่แปลกใจที่มีวันที่แก้วกัลยาแต่งตัวธรรมดา”
“ฉันรีบนี่คะ เมคอัพก็ไม่มี ถ้ามีปาปารัซซี่ถ่ายรูปไปลงข่าว คุณต้องรับผิดชอบนะคะ เลิกพูดแล้วทานดีกว่าค่ะ มีบริการเสริมอยากให้ป้อนก็ได้นะคะ” เพทายรีบจับช้อนขึ้นมาและดึงชามข้ามต้นนั้นมาตรงหน้าทันที แต่สายตากลับสังเกตเห็นว่าแก้วกัลยามีรอยช้ำตามตัวรวมถึงที่หัวก็มีแผล
“คุณไปทำอะไรมา” แก้วกัลยาเอามือจับที่แผลที่อยู่ข้างหน้าผาก
“อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ แต่ฉันไม่ได้แกล้งนะคะ มันพลาดนิดหน่อย แต่ไม่เป็นอะไรเลย” เขามองสีหน้าที่ร้อนรนและพยักหน้า
“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย มาทานด้วยกันสิครับ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ”
“คุณรังเกียจ”
“ใครบอกกันคะว่าเค้ารังเกียจที่รัก แทบอยากกลืนกินขนาดนี้คงรังเกียจที่รักได้ลง อย่ามาใส่ความนะคะ เค้าแค่อยากให้ที่รักกินเยอะ ๆ คนทำงานหนักกินน้อยมันไม่ดีนะคะ ทานเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปนั่งเฝ้าคุณน้าถ้าเกิดคุณน้าตื่นจะได้เรียกคุณ” เพทายพยักหน้าและมองตามแก้วกลับที่เดินไปนั่งข้างเก้าอี้แทนเขา ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวเวลาสบมองเธออ่อนลง เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงรั้งเธอไว้ ทั้งที่ยังอยากจะทำเมินเธอต่อ แต่ความรู้สึกอุ่นใจตอนเห้นหน้าเธอทำให้เขาจับมือเธอไว้ ในเวลานั้นเขาต้องการให้คนอยู่เป็นเพื่อน และผู้หญิงที่นึกออกก็คือแก้วกัลยาไม่ใช่เพราะเธอคอยช่วยและแก้ปัญหา แต่เวลาเห็นหน้าเธอ ได้ยินเสียง กำลังใจที่หดหายจะกลับมาอย่างช้า ๆ เหมือนในตอนนี้ ผู้หญิงที่ท่าทางไม่เอาไหน วิ่งตามเขาตะลอน ๆ กลับมีมุมนี้ มุมที่คนนอกเข้าไปไม่ถึง เขาเองเคยอยู่ในมุมคนนอกมองเธอแต่เพียงผิวเผิน เธอไม่ดีในสายตาเขาไม่ใช่เรื่องหน้าตา แต่นิสัย แต่ยิ่งรู้จัก ก็ยิ่งรู้ว่าเธอสร้างภาพให้ดูร้าย และแรงเพื่อป้องกันคนเพียงเท่านั้น ถ้าเป็นเธอจะได้ไหม แค่เดือนกว่า ๆ พอแล้วหรอสำหรับการพิสูจน์อะไรมากมาย
...ติดตามตอนต่อไป...
หฃายคนคงกำลังลุ้นกับขวัญอยู่ แต่พักจากขวัญมาติดตามแก้วกันก่อน
ส่วนขวัญจะเป็นยังไงต่อช่วยกันลุ้น ส่วนเธอพลาดโดนยิงหรือตั้งใจปกป้องพระเอกอันนี้ต้องรอติดตามกัน
พบกันในตอนหน้านะคะ มาดูกันว่าตอนหน้าจะเอาขวัญมาฝาก หรืออาจจะเป็นสาวคนอื่น
แล้วกับกันค่ะ
ไม่จบไม่สิ้น
“ขวัญ” แก้วกัลยาลืมตาขึ้นเมื่อฝันประหลาดว่าเห็นขวัญชีวันมาหาเธอในสภาพที่ร่างโชกไปด้วยเสือด ในฝันขวัญชีวันมองหน้าเธอและขยับปากพูดกับเธอแต่เธอมองไม่ออก เธอไม่เคยฝันร้าย ถ้าฝันร้ายเท่ากับเป็นลางบอกเหตุ ซึ่งไม่บ่อยครั้งที่เธอจะฝันร้ายแบบนี้ เธอเริ่มกังวลเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์กดโทรหาขวัญชีวันแต่กลับไม่มีสัญญาณตอบรับ แก้วกัลยาจึงเปลี่ยนไปโทรหารักจิราแทน
(เจ๊แก้วเค้าไม่ว่านะ ไว้ค่อยคุยกัน ไอ้เฮียเปามันกำลังจะมารับเค้า เค้าต้องรีบออกจากบ้านแค่นี้นะ) สายถูกตัดไปแล้ว แก้วกัลยาถอนหายใจคิดหนักเปลี่ยนไปโทรหาวันวิวาห์แทน
(ว่าไงแก้ว)
“วันฉันฝันประหลาด ฉันฝันว่าขวัญตายแล้ว ตอนนี้ติดต่อขวัญไม่ได้ฉันเป็นห่วง”
(ไม่มีอะไรหรอก เมื่อวานวันโทรไปหารัก รักบอกว่าขวัญยังปกติ ช่วงนี้ต้องไปหาวัตถุทำขนมหวานกับเชฟคนโปรดนอกสถานที่เลยไม่ได้พกโทรศัพท์ เห็นบอกว่าถ้ากลับจากเตรียมหาวัตถุดิบจะโทรกลับ รักเองก็บอกว่าเสียงปกติ)
“หรอแต่ฉันห่วงขวัญนะวัน”
(เอาอย่างนี้เดี๋ยววันจะลองโทรไปอีกที แก้วพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องห่วงทางนี้ ดูแลตัวเองให้หายก่อนนะ ไม่น่ารีบกลับบ้านเลย)
“ยัยรักโทรไปฟ้อง”
(ไม่ได้ฟ้องสักหน่อย อย่าไปดุรักล่ะ เอาเป็นดูแลตัวเองด้วย เดี๋ยวสาย ๆ วันมีธุระต่อ ไว้ค่อยคุยกันใหม่ วันจะลองติดต่อไปหาขวัยอีกครั้งได้เรื่องยังไงจะโ?รกลับนะ)
“ได้ ๆ บาย” แล้วสายก็ตัดไป แม้จะรู้ข่าวคราวจากวันวิวาห์แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ แก้วกัลยากลับบ้านมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไม่สิตอนนี้เธออยู่คอนโดของมงกุฎ ร่างหายยังมีอาการปวดและช้ำในนิดหน่อย ควรจะบอกว่าโชคดี หรือเธอถึกกันแน่ที่ไม่เป็นอะไรมาก หลังจากพักครบสามวันแก้วกัลยาเริ่มเกิดอาการเบื่อหน่าย ตอนนี้เธอแทบอยากจะลุกออกไปหาเพทาย เธอได้แต่ฟังข่าวคราวของเขาผ่านมินตรา ซึ่งวันนี้มินตราส่งข้อความมาบอกเธอว่าเพทายอยู่ที่บริษัท เธออยากจะไปพบเขาเหลือเกิน อย่างน้อยไปให้เขาเห็นหน้าบ่อย ๆ เขาอาจจะใจอ่อนเห็นความจริงใจของเธอบ้าง แต่ถ้าสภาพไม่สมบูรณ์มีหวังเขาจะหาว่าเธอมารยาแกล้งอีก แต่สามวันที่ผ่านมาเธอก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ เลยนะ เธอส่งข้อความหาเขาทุกวัน บอกขอโทษเขาทุกวัน เธอไม่รู้ว่าเขาจะเปิดอ่านหรือเปล่า เธอเพียรพยายามส่งไปแทบจะทุกชั่วโมง แต่เธอไม่อาจรู้ได้เลยว่าคุณเพชรเป็นยังไงบ้าง จะหายโกรธเธอแล้วหรือยัง
“คุณแก้วคะ ทานอาหารไหมคะ”
“คุณมงกุฎค่ะ ฉันฝันไม่ค่อยดีเกี่ยวกับขวัญ ช่วยหาทางติดต่อขวัญให้ฉันด้วย หรือไม่ก็ให้นักสืบตามตัวขวัญให้เร็วที่สุด”
“คุณแก้วคิดมากไปหรือเปล่าค่ะ”
“ฉันเป็นห่วงขวัญซื่อ ๆ เซ่อ ๆ แบบนั้น กลัวจะเกิดเรื่อง ลางสังหรณ์ฉันแม่นเสมอคุณก็รู้นี่คะ”
“ค่ะเดี๋ยวดิฉันจะจัดการให้ ตอนนี้ทานข่าวทานยาก่อนดีไหมคะ” แก้วกัลยามองชามข้ามต้มและพยักหน้า เหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นได้จึงเอ่ยขึ้น
“คุณมงกุฎคะ วันนี้แก้วจะไปหาคุณเพชร”
“ไปยังไงคะ คุณแก้วยังไม่หายดีเลย ที่คุณแก้วไม่ให้ดิฉันรายงานคุณท่านก็มากเกินไปแล้ว ยังเอาตัวเองไปเสี่ยงข้างนอกดิฉันไม่เห็นด้วย คุณแก้วทำแบบนี้ดีแล้วหรอคะ คุณแก้วทั้งสวย ทั้งรวย ทั้งเก่ง ผู้ชายรอคิวกันเป็นทาง ไม่เห็นต้องไปง้อคนที่เขาไม่สนใจคุณแก้วเลยนะคะ” มงกุฎเอ่ย เจ้านายสาวคนนี้ไม่เคยทำอะไรขนาดนี้มาก่อน เธอเองกลัวว่าถ้าทุกอย่างไม่เป็นอย่างใจคิด แก้วกัลยาจะต้องเสียใจมากแน่ ๆ
“แต่แก้วชอบเขามากนี่คะคุณมงกุฎ แก้วไม่เคยชอบ และจริงจังกับใครเท่าเขาเลยนะคะ” เมื่อเอ่ยถึงเขาใบหน้าของเขาก็ลอยขึ้นมา
“ชอบหรือรักคะ” แก้วกัลยานิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะตอบออกไป
“ตอนแรกแก้วอาจแค่อยากเอาชนะเขา แต่ระยะเวลาที่แก้วเพียรพยายามจะรู้จักเขา ตามเขาทำให้แก้วหลงรักเขาไปอย่างไม่รู้ตัว รู้อีกทีแก้วก็ปล่อยเขาไปไม่ได้แล้ว” เธอรู้สึกได้ว่าเขาคือคนที่เธอตามหามาตลอด คือผู้ชายที่เธออยากสร้างชีวิตด้วย เขาไม่เหมือนใครไม่ใช่เพราะความท้าทายอีกแล้ว แต่เพราะความอบอุ่น อ่อนโยนที่เขาแสดงออกมา ทุกการกระทำที่เขาทำแบบไม่รู้ตัวมันกลืนกินพื้นที่หัวใขของเธอ
“แต่คุณเพชรเธอไม่แคร์คุณสักนิดเลยนะคะ ทั้งที่คุณทำเพื่อเขาตั้งมากตั้งมาย”
“เขากำลังโกรธ ฉันทำมาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันถอยไม่ได้หรอก ฉันทุ่มหมดหน้าตักแล้ว ฉันอยากจะลองอีกครั้ง ทำให้คุณเพชรเธอเชื่อ”
“คุณแก้ว”
“จะว่าฉันโง่ก็ได้ ผู้หญิงทุกคนยอมโง่ได้ก็เพื่อคนที่รัก ไม่เชื่อลองมีความรักดูสิคะแล้วคุณมงกุฎจะเข้าใจ แก้วเคยคิดว่าทำไมผู้หญิงคนหนึ่งต้องทำเพื่อผู้ชายคนหนึ่งมากมายทั้งที่เขาไม่เคยรัก เคยหัวเราะเยอะ เคยด่าว่าโง่งม แต่พอมาเจอกับตัวจะเข้าใจเองค่ะ”
“คุณแก้ว”
“ผู้หญิงถ้าเราเจอคนที่ใช่ คนที่เราอยากจะฝากชีวิตไว้แล้ว ถ้าปล่อยให้หลุดมือไปจะมานั่งเสียใจทีหลังมันก็ไม่ทันแล้ว ฉันเชื่อว่าฉันจะเอาชนะใจคุณเพชรได้”
“แค่ครั้งนี้ได้ไหมคะ ถือว่าดิฉันขอในฐานะคนสนิท คนใกล้ชิด พี่สาว อาสาว อยากจะขอให้คุณแก้วเผื่อใจไว้บ้าง คุณเพชรเธอไม่เหมือนใคร ดิฉันไม่อยากเห็นคุณเสียใจ เพราะคุณไม่เคยทุ่มให้ใครขนาดนี้ ดิฉันถึงกลัว คุณแก้ว”
“ค่ะ แก้วจะเผื่อใจไว้ แต่แก้วบอกแล้วว่าแก้วจะยังไม่ถอย จนกว่าจะหยดสุดท้าย แก้วจะทำให้ถึงที่สุด แก้วรักแล้ว แก้วถึงยังปล่อยไม่ได้ในตอนนี้ แต่เชื่อเถอะค่ะว่าต่อให้รักมากแค่ไหนแต่ทุกคนมีขีดจำกัดค่ะ แก้วเองอาจจะไม่มีขีดจำกัดของความรัก แต่แก้วมีขีดจำกัดความอดทนนะคะ แก้วอาจจะหน้าไม่บางอย่างคนอื่น ๆ แต่ถ้าความหนาของแก้วแตก แก้วก็จะไม่สนมันอีก และครั้งนี้แก้วผิดจริง ๆ ที่หลอกคุณเพชร แก้วถึงยอมที่จะตามง้อแบบนี้”
“ค่ะ ดิฉันเถียงคุณไม่เคยได้หรอกค่ะ ทานอาหารหน่อยนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะแวะกลับไปดูที่ร้าน ส่วนจะเรื่องจะไปหาคุณเพชร ดิฉันยังไม่เห็นด้วย เอาไว้ให้หายดีก่อนแล้วดิฉันจะไปส่งนะคะ ช่วงนี้คุณก็รู้ว่ามีอะไรไม่ปลอดภัยเยอะมาก ดิฉันจะรีบไปรีบกลับ อย่าซนนะคะคุณแก้ว” แม้สรรพนามของทั้งคู่จะแทนตัวอย่างเช่นเจ้านาย แต่ความสัมพันธ์ทางความรู้สึกของทั้งคู่ก็คือพี่น้อง ไม่ใช่แค่แก้วกัลยาแต่อีกสามสาวก็คิดว่าคุณมงกุฎคือพี่สาวที่คอยดูแลพวกเธอมาตลอด มีปัญหาก็ช่วยเคลียร์ แม้ตอนนี้อายุคุณมงกุฎเองก็มากแล้วแต่ก็ยังคอยดูแลพวกเธอ ยังไม่ยอมออกจากหน้าที่ไม่หาครอบครัว ยังใช้ชีวิตสาวโสดกับพวกเธอ
“ดิฉันขอโทษจริง ๆ นะคะ แต่คุณเพชรไม่อนุญาตให้คุณแก้วเข้าพบไม่อนุญาตให้ขึ้นไปข้างบนด้วย พวกเราขอโทษจริง ๆ นะคะ” พนักงานประชาสัมพันธ์สาวเอ่ยเสียงเบา เพราะกลัวเจ้าแม่ขาวีนคนนี้จะวีนเธอขึ้นมา
“แต่ฉันอยากพบคุณเพชร” แก้วกัลยาเอ่ย เธอยอมหนีออกจากคอนโดเพื่อมาพบเพทาย เธออยากคุยกับฉัน อยากให้เขารู้ แต่กลับไม่ได้ขึ้นพบ แต่เป็นตายร้ายดียังไงเธอก็ต้องได้ขึ้นไป ก่อนที่เฮียจิวจะขึ้นมากรุงเทพ ก่อนเธอจะหมดสิทธิ์สามเดือน และเหมือนเขาจะรู้จักเธอดีเหลือเกินจึงให้ยามมายืนปิดทางลิฟต์ ทางบันไดหนีไฟ และเส้นทางทุกเส้นที่สามารถขึ้นไปได้
“ดิฉันให้คุณแก้วขึ้นไปไม่ได้จริง ๆ ขอโทษนะคะคุณแก้ว แต่ถ้าปล่อยให้คุณขึ้นไปคุณเพชรต้องไล่พวกเราออกแน่เลยค่ะ”
“ก็ได้ ฉันไม่ขึ้นก็ได้ แต่ฉันจะนั่งรอตรงนี้ จนกว่าคุณเพชรจะยอมให้ฉันเข้าพบ” พนักงานแต่ละคนทำหน้าไม่ถูก แก้วกัลยาเดินไปนั่งที่โซฟาด้านข้างประชาสัมพันธ์ มุมสำหรับติดต่องาน แก้วกัลยาหยิบนิตยสารขึ้นมาเปิดโดยไม่แคร์สายตาใคร
“แฟ้มเซ็นอนุมัติค่ะ” เพทายที่เหม่อใจลอยหันไปมองมินตราที่ถือแฟ้มเอกสารเดินเข้ามา เขารับแฟ้มมาเปิดตรวจตราก่อนจะเซ็นส่งคืนให้กับมินตรา มินตรากำลังจะเดินออกไป
“เดี๋ยวคุณมินตรา”
“คะ” มินตราหันกลับมามองเจ้านาย
“คุณแก้วกลับไปหรือยัง”
“ยังเลยค่ะ มาตั้งแต่สาย ๆ จนนี่จะเย็นแล้วนะคะ คุณเพทายไม่ลงไปพบเธอหน่อยหรอคะ ดิฉันเองก็ไม่รู้ว่าคุณแก้วเธอทำผิดอะไร แต่จากสิ่งที่ผ่านมาคุณแก้วเธอจริงใจกับคุณมากนะคะ มานั่งรอขนาดนี้น่าสงสารเธอ”
“คุณมินตรา” มินตราทำหน้าเจื่อนเมื่อเจ้านายเริ่มแสดงสีหน้าดุใส่
“ขอโทษค่ะ ดิฉันแค่อยากออกความเห็น คุณวาทินจะกลับเลยหรือเปล่าคะ”
“คุณกลับไปได้เลย ผมจะอยู่ที่นี่อีกพัก”
“ค่ะ” แล้วมินตราก็เดินออกไป เพทายล้มตัวพิงกับเก้าอี้ดวงตาคมปิดลงเหมือนกำลังใช้ความคิด จนเสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แน่นอนหกโมงเย็นตรงเป๊ะไม่ขาดไม่เกินจะมีข้อความส่งมาหาเขาเป็นแบบนี้มาสามวันแล้ว ไม่สิสี่วันแล้วรวมวันนี้ ทุกวันจะมีข้อความส่งเข้ามาหาเขา ตอนเช้าคือหกโมงเช้า จากนั้นตอนเที่ยง ตอนหกโมงเย็น สุดท้ายตอนเที่ยงคืน ข้อความที่ส่งมาไม่ได้มีเพียงคำขอโทษมีการบอกเล่ากิจวัตรรวมมาด้วยเพื่อต้องการให้เข้ารู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งข้อความส่งอัตโนมัติ ถามมว่าเขาโกรธเธอไหม เขาบอกไม่เต็มปากหรอกว่าโกรธ หรือไม่โกรธ สิ่งที่เธอทำให้เขาตลอดหนึ่งเดือนมันเยอะมาก เขาเคยอึดอัดเวลาเจอหน้าเธอ แต่วันหนึ่งได้รู้จักเธอเขากลับคิดว่านี่มันเป็นิสัยธรรมชาติของผู้หยิงคนนี้ ถ้าไม่คิดอะไรเธอคงไม่แยแสเลย แต่เขาก็ยังคงผิดหวัง อีกอย่างอาจรู้สึกเสียหน้าที่โดนหลอก ถามว่าวันนี้ยังโกรธไหม ไม่เลยเขาหายโกรธเธอตั้งแต่วันแรกแล้ว ความดีของเธอช่วยหักลบสิ่งไม่ดี แต่เขาแค่อยากให้เธอรู้บ้างว่าอย่าเอาเรื่องแบบนี้มาเล่นกับเขาอีก เสียงโทรศัพท์ของบริษัทที่วางอยู่มุมโต๊ะดังขึ้น เขากดปุ่มเปิดรับสาย
“คุณเพทายคะ รปภ.สมชาย ขึ้นมาขอพบค่ะ” เสียงมินตราเอ่ย
“ให้เข้ามา” และรปภ.คนนั้นก็เดินเข้ามา พร้อมกับดอกกุหลาบสีขาวหนึ่งดอก
“คุณแก้วกัลยาฝากให้ผมเอาขึ้นมาให้ท่านประธานครับ” เพทายมองดอกกุหลาบสีขาวที่มีเพียงดอกเดียว
“เธอบอกด้วยนะครับว่าจากนี้เธอจะมาทุกวัน จะรอจนกว่าคุณเพทายจะยอมพบเธอครับ”
“วางไว้แล้วก็ลงไป” รปภ.วางดอกไม้ลงและเดินออกไป เพทายหยิบดอกกุหลาบนั้นขึ้นมาถือไว้ และส่ายหน้าเป็นผู้หยิงที่เหนือผู้หยิงเกินไปไหม ให้ดอกไมผู้ชาย แต่ถ้าไมทำแบบนี้คงไม่ใช่แก้วกัลยา ซึ่งมีก้านดอกไม้มีกระดาษมีโน๊ตห้อยไว้ด้วย เขาพลิกเปิดออกอ่าน
....คุณเพชร ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าฉันผิด ผิดที่โกหก แต่ฉันอยากให้คุณรู้ว่าความรู้สึกของฉันมันไม่ใช่เรื่องโกหก ฉันจะรอ รอจนกว่าคุณจะหายโกรธ พนักงานบอกว่าคุณโหมทำงานดึกแทบไม่ได้หลับได้นอน ฉันห่วงคุณนะคะ พรุ่งนี้ฉันจะมาอีก มาจนกว่าคุณจะให้ฉันพบ จนกว่าคุณจะหายโกรธ...
เพทายลุกจากเก้าอี้เดินไปที่หน้าต่าง วันนี้เขาอยู่ที่ชั้นห้าไม่ได้ขึ้นไปทำงานที่ชั้นบนสุดของตึกเพราะมีคุยกับโปรดิวเซอร์เพลง พอคุยเสร็จเขาก็ปักหลักนั่งอยู๋ในห้องเคลยร์งานที่เร่งด่วน เขามองลงไปข้างล่างมองเห็นว่าเธอกำลังเดินออกจากตึกแล้วแต่เธอยังไม่เดินไปไหน เธอยืนหยุดนิ่งและเงยหน้าขึ้นมองมาข้างบน โชคดีที่กระจกชั้นนี้สร้างให้คนข้างในมองเห็นข้างนอ กส่วนคนข้างนอกมองไม่เห็นด้านใน เขามองเธอที่ยืนถอนหายใจและเดินขึ้นแท็กซี่ไป นั่นหมายความว่าเธอไม่ได้ขับรถมา เขายืนเหมือนลังเลใจก่อนจะรีบเปิดประตูลงไปโดยไม่ลืมหยิบดอกกุหลาบดอกนั้นลงไปด้วย เขาวิ่งไปที่ลานจอดรถอย่างเล่งรีบและขับตามออกไป เขามองหารถแท็กซี่คันที่แก้วกัลยาพึ่งนั่งออกไป ขับได้สักพักก็เจอกับแท็กซี่คันนั้น เขาขับตามไปอย่างช้า ๆ ถ้าแก้วกัลยารู้ว่าหนุ่มสุดรักขับรถตามไปส่งคงได้กรี๊ดบ้านแตกแน่นอน เพทายจอดรถลงที่มุมตกมองแก้วกัลยาเดินเข้าไปในคอนโดแล้วจึงขับรถออกไป
“เกิดเรื่องแล้วเจ๊แก้ว ตัวได้ดูข่าวยัง” แก้วกัลยามองน้องสาวที่อยู่ ๆ ก็เปิดประตูพรวดเข้ามาในเวลาเช้า ที่เช้ามาก เพราะนี่พึ่งหกโมง แก้วกัลยาเงยหน้าจากน็ตบุ๊คและหันไปมองน้องสาวที่เปิดประตูเข้ามาอย่างไร้มารยาทเช่นทุกครั้งผิดเธองาที่เธอไม่เคยล้อกประตูห้อง แถมยังเข้ามาส่งเสียงดังลั่นห้องไม่เกรงใจคนที่พึ่งหายป่วยสักนิด
“นี่ยังง้อคุณเพชรไม่สำเร็จมานั่งเล่นคอมพ์แล้วหรอ”
“เล่นบ้าอ่ะไรกำลังดูกล้องวงจรปิดอยู่”
“กล้องวงจรอะไรของตัวนะเจ๊แก้ว”
“กล้องในผับที่แบร์ไปไง” รักจิราเดินมาหยุดดูข้าง ๆ และมองภาพกล้องวงจรปิดในวันที่แบร์ไปผับซึ่งมีตั้งแต่บัณฑิตาเข้าไปจนถึงตอนเหตุการณ์ชุลมุน
“แกมาดูนี่แกคิดว่ามันน่าสงสัยไหม” รักจิราเดินเข้าไปดูและมองตาม กล้องตัวนี้เป็นกล้องที่อยู่หน้าห้องน้ำ บัณฑิตาเดินเข้าห้องน้ำในสภาพคล้ายกำลังจะหมดสติ ก่อนจะเกิดเหตุชุลมุนขึ้นเมื่อตำรวจเข้าล้อมจับ วัยรุ่นวิ่งกระจัดกระจาย และตอนนั้นเองที่มีคนวิ่งเบียดเสียดจะหนีไปทางหนีไฟ มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ วิ่งหาเข้าไปพักหนึ่งก็วิ่งออกมา
“มันอาจจะปวดฉี่แล้วมันชุลมุนเลยแวะเข้าไปก็ได้”
“สาบานว่าแกคิดแบบนั้นไอ้รัก” รักจิรายิ้มขำ ๆ ก่อนเอ่ย
“โห่ ขำ ๆ น่าเจ๊แก้ว แต่เรื่องนี้ชักจะไม่ธรรมดาซะแล้วสิ มันดูมีอะไรมากกว่านั้น”
“มันไม่ธรรมดาตั้งแต่นายบริกรคนนี้เป็นคนไปรับแบร์ที่หน้าผับเข้ามาด้านใน” แก้วกัลยาเปลี่ยนมาที่ภาพลานจอดรถที่บัณฑิตาขับรถมาคนเดียวและพอจอดรถก็มีบริกรเดินมารับ
“เดี๋ยวนะ เจ๊แก้วตัวลองซูมหน้าไปที่ไอ้บริกรคนนั้นอีกนิดสิ เค้ารู้สึกคุ้น ๆ หน้ามัน” รักจิราเอ่ย แก้วกัลยาซูมภาพใบหน้าของบริกรคนนั้นเข้ามาใกล้อีก รักจิราขมวดคิ้วแทบชนกันก่อนจะร้องออกมา
“นี่มัน...”
“แกรู้จักหรอ”
“ไม่”
“อ้าว แล้วแก...”
“ไม่รู้จักผิวเผิน แต่รู้จักดีเลยต่างหาก ก็ไอ้หมอนี่มันเป็นรุ้นน้องเค้ามอต้น แล้วมันไม่ต่อช่างกลเค้าเคยช่วยมันไว้ตอนมันเกือบโดนกระทืบตาย แล้วมันก็เลยสนิทกับเค้า แต่พอเรียนจบก็ไม่ค่อยได้เจอกันอีก”
“แกจะบอกว่าแกรู้จักมัน ถ้าอย่างนั้น...”
“แค่ตามตัวมันมาเค้นปากให้มันตอบว่ามันเข้าไปทำอะไร”
“ถ้าอย่างนั้น”
“ตัวจะไม่ฟังข่าวที่เค้าจะบอกก่อนหรอ ไอ้หมอกมันไม่หนีไปไหนหรอก เค้ารู้จักเพื่อนมันโทรไปถามที่อยู่อีกสองชั่วโมงก็รู้แล้ว แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของคุณเพชร”
“เรื่องอะไรไอ้รัก เรื่องดีหรือไม่ดี แกบอกมาให้หมด ทำไมแกไม่บอก ไอ้รัก” แก้วกัลยาที่ถลาตัวลุกขึ้นมาหาน้องสาวทันทีที่รู้ว่าข่าวที่น้องสาวมาบอกคือของของเพทาย แต่เธอกลับไม่เว้นจังหวะให้รักจิราได้พูดเอาแต่เขย่าตัวจนรักจิราหัวสั่นหัวงอนไปมา
“ก็ถ้าตัวไม่หยุดเขย่าแล้วเค้าจะพูดได้ยังไง เค้าไม่ใช้เซียมซี้นะ ปล่อยได้แล้ว” แก้วกัลยาปล่อยมือออกแล้วมองน้องสาวที่ตั้งตัวได้
“เมื่อคืนคุณพรทิพย์แม่ของคุณเพทายประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ อาการสาหัส”
“แต่คุณน้าปฎิบัติธรรมอยู่ที่อินเดียไม่ใช่หรอ เห็นว่าจะไปทำบุญต่อที่อื่นอีกสามเดือน นี่ยังไม่ครบสามเดือนเลย”
“คิดว่าคงกลับมาก่อนกำหนด มาถึงเมื่อตอนตีสี่กำลังนั่งรถกลับ แต่รถพลิกคว่ำ ตอนนี้ยังอยู่ห้องไอซียูอยู่เลย ข่าวออกเมื่อเช้าสด ๆ เลยนะ”
“แล้วทำไมแกไม่รีบบอกฉันล่ะ”
“เอ้า ก็มัวแต่สนเรื่องคดี”
“ฉันจะไปหาคุณเพชร” รักจิราจับมือแก้วกัลยาไว้ก่อที่จะตัวจะวิ่งออกจากห้องนอนไป
“จะไปในสภาพนี้เนี่ยนะ เค้าว่าตัวไปอาบน้ำก่อนไหม ขืนไปแบบนี้คนเขาจะแตกตื่นเอาว่าผีบ้าที่ไหนบุกโรงพยาบาล”
“แต่...”
“ตามใจอยากไปก็ไป” รักจิราเดินออกไป แก้วกัลยาก้มมองชุดนอนของตนเองและเดินเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยน และนี่เป็นประวัติการที่แก้วกัลยาอาบน้ำแต่งตัวเร็วที่สุด ประวัติคงต้องจารึกแม้แต่ชุดที่ใส่ยังธรรมดาสุด ๆ ยังที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แก้วกัลยาวิ่งลากแขนรักจิรา
“ตัวจะรีบไปไหนเจ๊แก้ว”
“ก็ไปหาคุณเพชรไงล่ะ”
“รู้ โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลขนาดนั้นที่สำคัญ ตัวคิดว่าคุณเพชรเขาหายโกรธตัวหรือยัง”
“ไม่รู้ เรื่องโกรธไม่โกรธไว้ว่ากันตอนไปถึง คุณน้ากำลังเจ็บคุณเพชรคงกำลังแย่” รักจิรารีบวิ่งตามออกไป
แก้วกัลยาเดินขึ้นไปชั้นหกหลังจากรู้จากมินตราว่าคุณน้ำทิพย์ออกจากห้องไอซียูแล้วแต่ยังไม่วี่แววว่าจะฟื้นอาการยังอยู่ในระดับหน้าเป็นห่วง แก้วกัลยามองนักข่าวที่ถูกกันไม่ให้เข้าไปในห้อง มินตราที่ยืนอยู่หน้าประตูเห็นแก้วกัลยาอยู่ด้านหลังกลุ่มก้อนนักข่าวก็เดินเลี่ยงไปหา
“คุณแก้ว”
“คุณน้าอาการเป็นยังไงบ้างมิน”
“อาการยังหน่าเป็นห่วงค่ะ คุณเพชรเธอเครียดมากเลยค่ะ คุณแก้วอยากเข้าแพบไหมคะ” แก้วกัลยาพยักหน้า มินตราเคีลยร์ทางและพาแก้วกัลยาเข้าไปด้านใน ซึ่งมีแขกที่แก้วกัลยาถึงกับต้องชักสีหน้าใส่อยู่สองคนในห้องด้วย รักจิรารู้ว่าพี่สาวเริ่มอารมณ์พุ่งพล่านเมื่อเห็นสองสาวคู่กรณีทีทำให้เธอกับเพทายไม่มองหน้ากัน จึงต้องรีบจับมือไว้พร้อมกระซิบว่า ...คุณพรทิพย์ป่วยอยู่... แก้วกัลยาจึงยอมสงบลง ดารินทิพย์กับสุจิราหันมามองคนที่เข้ามา สุจิราออกตัวทันที
“เธอเข้ามาทำไม ยังมีหน้ามาอีกหรอ” พลันเพทายที่กำลังจับมือมารดาไว้ก็หันไปมอง แต่เขาไม่ได้เอ่ยอะไร ดารินทิพย์จับมือสุจิราไว้และส่ายหน้า
“ไม่เอาน่าซูซี่ คุณป้าท่านป่วยอยู่” สุจิราทำหน้าไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าโวยวาย แก้วกัลยาเดินเข้ามาในห้องโดนตั้งใจเดินไปหยุดยืนข้างหลังเพทาย
“ตำรวจว่ายังไงบ้างคุคุณเพชร” แก้วกัลยาเอ่ยถาม เพทายที่ยังหน้าเศร้าแม้ไม่มีน้ำตาบนใบหน้า แต่ตาของเขากลับบอกอะไรมากมาย บอกถึงความทุกข์ใจอย่างที่สุด
“คุณตำรวจบอกว่าการที่รถคว่ำมันไม่ใช่อุบัติเหตุค่ะ แต่ตอนเกิดเหตุเหมือนมีรถคันหนึ่งตั้งใจปาก้อนหินไปที่รถของคุณป้าให้รถคุณป้าเสียหลักพลิกคว่ำ” ดารินทิพย์ตอบแทนเพทายที่เหมือนจะยังพูดไม่ออก มันเร็วมาก อยู่ ๆ แม่เขาต้องมาอยู่ในสภาพที่เสี่ยงตาย แต่แก้วกัลยาคิดว่าเพทายโกรธจนไม่อยากมองหน้าเธอ ไม่อยากพูดกับเธอในเวลานี้ เธอไม่อยากให้เพทายต้องเครียดมากไปกว่านี้
“คุณคงยังไม่อยากพูดกับฉัน ฉันก็ไม่อยากกวนใจคุณตอนนี้ ถ้าอย่างนั้นไว้ฉันจะมาใหม่ ถ้าคุณน้าฟื้นฝากบอกด้วยนะคะว่าขอให้ท่านหายไว ๆ” แก้วกัลยากำลังจะหันหน้าหนี เพทายกับจับมือเธอไว้ ดวงตาบอกว่าเธอคือที่พึ่งของเขา ขอให้เธออยู่ต่อ รักจิราที่มองอยู่ห่าง ๆ เหมือนเข้าใจสถานการณ์บางอย่างของสองคน พลางคิดว่าพี่สาวเธอทำเกือบจะสำเร้จแล้วอีกนิดเดียงคุณเพทายคงสยบตายเท้าพี่สาวเธอแน่ เธอหันไปมองดารินทิพย์ที่ไม่ได้มองทั้งคู่แต่เหม่อลอยไปไหนก็ไม่รู้ ขณะที่สุจิรากำลังทำหน้าเหมือนปวดไส้ติ่ง
“คุณดาหวัน คุณซูซี่ ฉันว่าเราออกไปข้างนอกดีไหมคะ”
“ทำไมฉันต้อง”
“ดีค่ะ ไปกันเถอะซูซี่ วันนี้เธอมีงานไม่ใช่หรอ” ดารินทิพย์เอ่ย สุจิราทำท่าจะค้านแต่ดารินทิพย์กับรักจิรากับช่วยกันดึงเธอออกจากห้องไป รักจิราดึงสองสาวมาที่หน้าลิฟต์และแยกตัวไปหาเพื่อนนักข่าว
“ทำแบบนี้จะปล่อยให้ยัยนั่นได้คะแนนหรอไง แค่เดือนเดียวยัยนั่นแทบจะทำให้คุณเพชรหลงหัวปักหัวปำแล้วนะ เธอจะปล่อยแบบนี้ไม่ได้”
“แต่คุณป้าท่านกำลังป่วย พวกเราอยู่ก็ช่วยไมได้ ไม่เห็นหรอพวกเรามาตั้งนานแล้ว แต่พี่เพชรไม่คุยกับเราสักคำ”
“อย่าทำเป็นแม่พระ เธอจำที่คุณหญิงน้าบอกไม่ได้หรอว่าเธอต้องได้ตัวคุณเพชรมา”
“แต่ว่า...”
“เธอจะปล่อยคุณเพชรไม่ได้ เธอไม่ทำฉันจะแย่งเค้าว่ามา เธอมันวื่อบื้อจริง” แล้วสุจิราก็สะบัดก้นเดินหนีไป ดารินทิพย์มองตามเพื่อนไปด้วยแววตาเศร้า ๆ
เพทายยังคงจับมือเธอไว้ทั้งที่หน้ายังคงมองร่างของมารดาที่นอนหลับอยู่ ตามตัวบอบช้ำ ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะเจ็บแทนแม่ เขาไม่เหลือใครแล้ว ถ้าแม่เขาเป็นอะไรไปเขาจะทำอย่างไร ก่อนที่พ่อเขาจะเสีย พ่อฝากให้เขาดูแลแม่ ดูแลแม่แทนพ่อให้ดีที่สุด เขาแทบไม่เคยขัดใจมารดา มารดาอยากไปไหน อยากได้อะไรเขาก็หามาให้ แต่มารดาของเขาไม่เคยเรียกร้องขอโน้นขอนี่ แต่ขอให้เขากลับมากินข้าวที่บ้านทุกวัน เขาก็ทำให้ อยากให้เข้ามีคนรัก เขาก็เลือกผู้หยิงที่ดีที่สุดที่คิดว่าจะช่วยดูแลแม่เขาได้อย่างดารินทิพย์
“คุณเพชร คุณน้าเธอปลอดภัยแล้วนะคะ อีกไม่กี่วันคงฟื้น คุณอย่าเศร้าเลยนะคะ”
“ผมเหลือแค่ท่าน”
“ใครบอกคะ คุณยังมีฉัน ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ คุณเพชรคนเก่งของฉันอยู่ตรงไหน ถ้าคุณน้ารู้คงจะไม่สบายใจ อย่าเศร้าอีกเลยนะคะ”
“มีคนส่งข้อความไปบอกแม่ว่าที่บริษัทเกิดเรื่อง ท่านเลยรีบกลับมา ผมมารู้ตอนท่านประสบอุบัติเหตุแล้ว ผมเป็นลูกที่ไม่ได้เรื่องเลย”
“อย่าโทษตัวเองสิคะคุณเพชร เชื่อสิคะว่าคุณน้าคงไม่คิดแบบนั้น คุณเพชรเก่งขนาดนี้ ทำอะไรให้ท่านตั้งเยอะตั้งแยะ ตามใจดูแลท่านอย่างดี แม้จะทำงานหนักแต่ก็มีเวลาให้ท่าน แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ที่สำคัญนี่มันไม่ใช่อุบัติเหตุ ถ้าคุณอยากให้คุณแม่คุณใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและปลอดภัยเหมือนแต่ก่อน ฉันว่าคุณเอาเวลามาช่วยกันหาคนร้าย แม่คุณฟื้นมาจะได้อยู่อย่างสบายใจหายห่วง ดีกว่ามานั่งเศร้า เชื่อสิคะว่าท่านจะปลอดภัย”
“คุณ...”
“ฉันแก้วกัลยาว่าที่ภรรยาของคุณจะดูแลแม่สามีเองค่ะ ส่วนตอนนี้คุณต้องไปทานอาหารที่ว่าที่ภรรยาคุณเตรียมไว้ก่อนมีแรงแล้วมาช่วยกันคิด ส่วนแม่คุณฉันจะช่วยดูแลให้ คุณไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นนะคะ”
“มันใช่เวลาไหมคุณแก้ว”
“ไม่ใช่ แต่คุณก็กำลังยิ้มอยู่ในใจนี่คะ มากินข้าว มินตราโทรมาบอกว่าคุณไม่ยอมทานอะไรนี่แปดโมงกว่าแล้ว” เพทายที่อยากเลี่ยงแต่เลี่ยงไมได้เมื่อแก้วกลัยาดึงเข้าลุกขึ้นเขาหันมองมารดา
...ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณแม่อีก...
“ผมหวังว่าคุณจะไม่ใช่ความดีนี้หักลบที่คุณโกหกผม”
“โธ่คุณช่วยลืม ๆ ไปก่อนไม่ได้หรอคะ เอาเป็นว่าหลังคุณน้าหายคุณค่อยโกรธฉันใหม่แล้วกัน ตอนนี้ท่านอาหารก่อนนะคะ” เพทายมองผู้หญิงที่ตัดแจงเทโน่นนี่อย่างคล่องแคล่ว และเขาพึ่งสังเกตว่าเธอมาในชุดที่ธรรมดามาก แก้วกัลยาเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกตัวว่าถูกมองอยู่
“มองแบบนี้คิดอะไรกับฉันอยู่หรอคะที่รัก แบบนี้ฉันควรเขินได้ไหมนะ” เพทายถอนสายตาหนีทันที
“ผมแค่แปลกใจที่มีวันที่แก้วกัลยาแต่งตัวธรรมดา”
“ฉันรีบนี่คะ เมคอัพก็ไม่มี ถ้ามีปาปารัซซี่ถ่ายรูปไปลงข่าว คุณต้องรับผิดชอบนะคะ เลิกพูดแล้วทานดีกว่าค่ะ มีบริการเสริมอยากให้ป้อนก็ได้นะคะ” เพทายรีบจับช้อนขึ้นมาและดึงชามข้ามต้นนั้นมาตรงหน้าทันที แต่สายตากลับสังเกตเห็นว่าแก้วกัลยามีรอยช้ำตามตัวรวมถึงที่หัวก็มีแผล
“คุณไปทำอะไรมา” แก้วกัลยาเอามือจับที่แผลที่อยู่ข้างหน้าผาก
“อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ แต่ฉันไม่ได้แกล้งนะคะ มันพลาดนิดหน่อย แต่ไม่เป็นอะไรเลย” เขามองสีหน้าที่ร้อนรนและพยักหน้า
“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย มาทานด้วยกันสิครับ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ”
“คุณรังเกียจ”
“ใครบอกกันคะว่าเค้ารังเกียจที่รัก แทบอยากกลืนกินขนาดนี้คงรังเกียจที่รักได้ลง อย่ามาใส่ความนะคะ เค้าแค่อยากให้ที่รักกินเยอะ ๆ คนทำงานหนักกินน้อยมันไม่ดีนะคะ ทานเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปนั่งเฝ้าคุณน้าถ้าเกิดคุณน้าตื่นจะได้เรียกคุณ” เพทายพยักหน้าและมองตามแก้วกลับที่เดินไปนั่งข้างเก้าอี้แทนเขา ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวเวลาสบมองเธออ่อนลง เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงรั้งเธอไว้ ทั้งที่ยังอยากจะทำเมินเธอต่อ แต่ความรู้สึกอุ่นใจตอนเห้นหน้าเธอทำให้เขาจับมือเธอไว้ ในเวลานั้นเขาต้องการให้คนอยู่เป็นเพื่อน และผู้หญิงที่นึกออกก็คือแก้วกัลยาไม่ใช่เพราะเธอคอยช่วยและแก้ปัญหา แต่เวลาเห็นหน้าเธอ ได้ยินเสียง กำลังใจที่หดหายจะกลับมาอย่างช้า ๆ เหมือนในตอนนี้ ผู้หญิงที่ท่าทางไม่เอาไหน วิ่งตามเขาตะลอน ๆ กลับมีมุมนี้ มุมที่คนนอกเข้าไปไม่ถึง เขาเองเคยอยู่ในมุมคนนอกมองเธอแต่เพียงผิวเผิน เธอไม่ดีในสายตาเขาไม่ใช่เรื่องหน้าตา แต่นิสัย แต่ยิ่งรู้จัก ก็ยิ่งรู้ว่าเธอสร้างภาพให้ดูร้าย และแรงเพื่อป้องกันคนเพียงเท่านั้น ถ้าเป็นเธอจะได้ไหม แค่เดือนกว่า ๆ พอแล้วหรอสำหรับการพิสูจน์อะไรมากมาย
...ติดตามตอนต่อไป...
หฃายคนคงกำลังลุ้นกับขวัญอยู่ แต่พักจากขวัญมาติดตามแก้วกันก่อน
ส่วนขวัญจะเป็นยังไงต่อช่วยกันลุ้น ส่วนเธอพลาดโดนยิงหรือตั้งใจปกป้องพระเอกอันนี้ต้องรอติดตามกัน
พบกันในตอนหน้านะคะ มาดูกันว่าตอนหน้าจะเอาขวัญมาฝาก หรืออาจจะเป็นสาวคนอื่น
แล้วกับกันค่ะ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ย. 2557, 23:29:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ย. 2557, 23:34:30 น.
จำนวนการเข้าชม : 1294
<< 29 ขวัญหนีดีฝ่อ 2 | 31 ตามรักตามล่า 1 >> |

นักอ่านเหนียวหนึบ 28 ก.ย. 2557, 01:32:58 น.
โอ้ววว เจ้มาแล้วววว คิดถึงเจ้มากกกกก
เจ้เนี่ย อึดและถึก ประหนึ่งกระต่ายใส่ถ่านดูราเซลเลยน้าา 555
ชอบคู่นี้เลยยยยย
โอ้ววว เจ้มาแล้วววว คิดถึงเจ้มากกกกก
เจ้เนี่ย อึดและถึก ประหนึ่งกระต่ายใส่ถ่านดูราเซลเลยน้าา 555
ชอบคู่นี้เลยยยยย

แว่นใส 28 ก.ย. 2557, 22:01:46 น.
ระวังหัวใจด้วยนะ
ระวังหัวใจด้วยนะ