ร่มไม้ สายน้ำ ความรัก (หัวใจ...แอบรัก)
ภารกิจรักกลับมาใหม่ ครั้งนี้นอกจากคุณนายจันทราจะพาพี่บอมกับพี่บันบันมาป่วนแล้วยังพ่วงเจ้าดัลเมเชี่ยนลายจุด เข้ามาสกัดจุดหัวใจให้พี่ใหญ่ได้สมหวัง
หัวใจ...แอบรัก รักลุ้นๆของมดแดงที่เอาแต่แฝงตัวอยู่หลังใบมะม่วง งานนี้นอกจากลุ้นยังต้องวุ่นปนป่วนฮากับวาจาจิกกัด ผสมกับท่านพี่ที่ขนดีกรีเกินพี่หมามาช่วยกัน
หัวใจ...แอบรัก รักลุ้นๆของมดแดงที่เอาแต่แฝงตัวอยู่หลังใบมะม่วง งานนี้นอกจากลุ้นยังต้องวุ่นปนป่วนฮากับวาจาจิกกัด ผสมกับท่านพี่ที่ขนดีกรีเกินพี่หมามาช่วยกัน
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: หัวใจ...แอบรัก ตอนที่ ๔
ตอนที่ ๔
“อะไรนะอา อาจะให้ผมคอยดูแลแม่อาแอน”
ปริตรร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินสิ่งที่พงศธรบอกอาหนุ่มมองท่าทางของหลานชายแล้วแทบจะหลุดหัวเราะออกมาเพราะรู้ดีว่าแม่ยายของตนนั้นใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่
“ใช่อาจะให้เราเข้ามาช่วยงานที่โรงแรมช่วงที่เมฆไปฮันนีมูน”
“แล้วทำไมผมต้องดูแลคุณแม่ยายของอาด้วยให้ผมทำงานอื่นก็ได้”
ปริตรทิ้งตัวลงนั่งใบหน้าคมดูเคร่งเครียดเพราะอดคิดถึงอนาคตอันน่าสยดสยองของตนเองเขาคงจะเละไม่มีชิ้นดีเพราะฝีมือแม่ยายพงศธรกับพี่หมาสองตัวนั่นแน่ๆ
“อาจะพาอาแอนไปเกาะมุกส่วนแม่อาแอนจะต้องอยู่ทำธุระที่กรุงเทพฯสองอาทิตย์ถึงจะตามไปช่วงนี้ปราชญ์จะมาดูแลโรงแรมแทนอาสามเดือน เจ้ามลกับศรก็ติดเรียน ส่วนมัคก็เตรียมลงไปคุมเรื่องก่อสร้างโรงแรมต่อ”
“ปราชญ์ไม่ได้กลับเชียงใหม่หรืออา”
ปริตรหันกลับมาถามทันที เพราะเข้าใจว่าน้องชายบินกลับเชียงใหม่พร้อมกับกนกไปแล้ว
“เปล่า กานต์กลับคนเดียวอ้อ...ไหนๆเราก็ว่างแล้วพอดีพี่พัตเขาชวนคุณวิภาไปเที่ยวเกาะมุกยังไงก็คอยรับส่งยายแป้งให้ด้วยแล้วกัน”
ปริตรอึ้งไปเขาไม่คิดว่าแม่เลี้ยงของเมฆาคิดยังไงถึงชวนแม่ของปูนแป้งไปเที่ยว
“แล้วน้องแป้งจะอยู่ที่บ้านได้หรืออามีแต่ผู้หญิงกับคนสวน”
“เราไง”
พงศธรตอบในขณะที่กำลังตรวจดูงานที่จะให้ปราชญ์เข้ามาดูแลต่อในช่วงนี้
“ผม”
ปริตรชี้ตัวเองก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่มีทางผมเป็นผู้ชายจะให้ไปอยู่บ้านน้าวิภาได้ยังไง”
“หรือจะให้อาส่งปราชญ์ไป”
“ไม่ได้”
พงศธรเผลอลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามายืนหน้าโต๊ะทำงานของอาหนุ่ม
“ให้น้องแป้งมาอยู่บ้านคุณปู่แล้วกันผมจะคอยไปรับไปส่งที่โรงพยาบาลเอง”
“บ้านใหญ่ปิดสองอาทิตย์ ปู่กับย่าจะไปกับอาด้วยเราจะไปดูทำเลสร้างรีสอร์ทที่เกาะมุก”
พงศธรวางปากกาแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มกับหลานชายคนโตคิ้วเข้มเลิกขึ้นเลกน้อยยามเมื่อเอ่ยปากถึงสิ่งที่รู้ว่าปริตรจะไม่มีทางปฏิเสธหน้าที่นี้ได้เลย
“ถ้าอย่างนั้นก็เลือกเอาจะให้ปูนแป้งไปอยู่กับเราที่บ้านหรือจะให้พักบ้านของปราชญ์ กานต์ หรือกรเพราะคนที่แยกออกมาปลูกบ้านเป็นของตัวเองมีอยู่ห้าคน ตัดเมฆไปหนึ่งก็เหลือแค่สี่คนเราคิดว่าอาควรให้แป้งไปพักกับใคร”
พงศธรพูดแล้วก็ลุกขึ้นเขามองหน้าหลานชายยิ้มๆก่อนจะเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ใช้เวลาคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
“แม่ขา แม่จะให้แป้งอยู่คนเดียวจริงๆเหรอคะ”
ปูนแป้งกอดรอบเอวของคุณวิภาแล้วซบหน้ากับอกอุ่นเพราะพอปริตรมาส่งเธอตอนสายคุณวิภาก็บอกว่าได้นัดกับคนบ้านอัครมนตรีว่าจะไปเที่ยวเกาะมุกกับเกาะกำแพงด้วยกันสองอาทิตย์
“แม่ไปสองอาทิตย์เอง อีกอย่างแป้งก็โตแล้วนะคะ”
คุณวิภาจับมือลูกสาวคนเล็กมากุมแล้วเอียงหน้าหอมแก้มนวลด้วยความเอ็นดู
“แล้วแป้งจะอยู่ยังไง บ้านตั้งใหญ่พี่อิ่มกับป้าหนูก็ลากลับบ้านอีกเหลือแต่ลุงเต่าคนเดียว”
ปูนแป้งโอดครวญ พลางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“แม่ถึงฝากเราไว้กับพี่ปริตรไงลูก”
คุณวิภายิ้มเมื่อเห็นหน้าของลูกสาว
“แม่ไว้ใจพี่ปริตรคนเดียวและแม่ก็แน่ใจว่าพี่ปริตรจะดูแลน้องแป้งของแม่ได้”
ปูนแป้งพูดไม่ออกหญิงสาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เพราะไม่คิดว่าแม่จะอนุญาตให้เธอนอนค้างกับผู้ชายได้ง่ายดายขนาดนี้ซึ่งคุณวิภาก็พอจะอ่านความคิดของลูกสาวออกเลยยิ้มกว้างด้วยความเอ็นดู
“พี่ปริตรเห็นปูนแป้งตั้งแต่เล็กเช็ดอึเช็ดฉี่ก็ทำมาแล้ว แล้วแม่ก็แน่ใจว่าพี่เขาเป็นสุภาพบุรุษพอ”
คุณวิภาพูดยิ้มๆที่จริงนางเองก็ไม่ขัดข้องหากลูกเขยคนเล็กจะเป็นหลานตระกูลอัครมนตรีคนใดคนหนึ่งเพราะรู้จักหนุ่มๆบ้านนี้ดีแต่ถ้าถามว่าไว้ใจใครยังไงนางก็คิดว่าปริตรนี่ล่ะที่ควรไว้ใจมากที่สุด
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่จ้ะเพราะเจ้าตัวเล็กก็จะอยู่กับแป้งด้วย”
พอได้ยินชื่อของตัวเองเจ้าดัลเมเชี่ยนลายจุดก็เดินมานั่งตรงหน้าแล้วเอียงคอมองเจ้านายทั้งสองคนเป็นทำนองว่าเรียกหนูเหรอปูนแป้งหัวเราะคิกแล้วหันไปมองงหน้าแม่
“ไปแค่สองอาทิตย์นะคะ แป้งกลัวว่ากว่าคุณแม่จะกลัวมาพี่ปริตรคงถลกหนังแป้งตากแดดแน่ๆเลยค่ะ”
พอฟังลูกสาวพูดวิภาก็แทบจะหัวเราะออกมาเพราะเห็นว่าปูนแป้งไม่ได้คิดเลยว่าปริตรจะคิดมิดีมิร้ายกับตนแต่กลับคิดไปว่าถ้าตัวเองทำอะไรผิดอาจถูกถลกหนังเอาเสียอีกดูแล้วก็สบายใจไปส่วนหนึ่งเพราะตัวนางเองก็ไว้ใจปริตรมากกว่าจะคิดไปในทางที่ไม่ดี
“จ้ะ สองอาทิตย์ยังไงแม่ก็ต้องกลับมาก่อนคุณพ่อกลับจากคิวบาจ้ะ”
คุณวิภาจับแก้มลูกสาวเอาไว้แล้วจูบแรงๆทั้งสองข้างก่อนจะลุกขึ้นเดินขึ้นไปด้านบนเพื่อจัดเสื้อผ้าเตรียมตัวเดินทางในวันรุ่งขึ้น
ปูนแป้งเงยหน้าขึ้นมองโคมไฟบนศีรษะนึกถึงหน้าพี่ปริตรตอนที่พาเธอมาส่งที่บ้านท่าทางการพูดเกี่ยวกับปัญหาที่พาเธอมาส่งช้านั้นดูเป็นการเป็นการผิดกับแม่ที่เอาแต่หัวเราะแล้วบอกว่าไม่เป็นไร เข้าใจและไว้ใจ
หญิงสาวยกมือขึ้นแตะริมฝีปากสงสัยเหลือเกิน...ถ้าแม่รู้ว่าเธอเสียจูบแรกให้กับคนที่แม่ไว้ใจอะไรจะเกิดขึ้น ปูนแป้งถอนใจเบาๆโชคดีที่วันนี้เธอโทรไปแลกเวรกับเพื่อนได้เลยได้พักอีกวันก็ดีจะได้นอนอ่านนิยายสบายๆสักวัน
ปูนแป้งถอนหายใจอีกรอบเพราะคิดถึงหนังสือที่ซื้อมาซ่อนจนเต็มใต้เตียงนั้นยังไม่ได้อ่านเลยสักเล่มแล้วนี่ใกล้ถึงงานหนังสืออีกแล้ว แถมปีนี้เธอนัดอาแอนกับพี่พัชว่าจะไปตะลุยด้วยกันตามประสาคนรักหนังสือด้วยไม่รู้จะได้มาอีกแค่ไหน
พอคิดถึงนิยายหญิงสาวนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองฝากนิยายไว้กับแม่บ้านเพราะกลัวว่าตอนที่ไปรษณีย์มาส่งแม่จะเห็นแล้วจะโดนเอ็ดอีกว่าขนซื้อมาถมบ้านพอนึกออกร่างบางก็รีบไปตามหาพี่หนูก่อนที่จะลืม ไม่อย่างนั้นช่วงที่ไปอยู่บ้านพี่ปริตรเธอจะหาหนังสืออ่านไมได้
เพราะสิ่งที่พงศธรยื่นมาให้ตรงหน้าคือหน้าที่ที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ทำให้ปริตรต้องกลับมาจัดการกับบ้านของเขาเพื่อต้อนรับแขกสองคนกับหมาอีกสามตัว
ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะให้คุณจันทรานอนเตียงของเขา ส่วนหมาคงให้นอนนอกบ้านหรือหน้าระเบียงน่าจะไม่มีปัญหาอะไรห้องข้างๆห้องทำงานก็ให้ปูนแป้งพัก ส่วนตัวเขา...
ชายหนุ่มมองห้องทำงานที่เต็มไปด้วยกองกระดาษกับหนังสือมากมายแล้วแทบถอดใจเขาเพิ่งรู้ตัวว่านอกจากตนเองจะมีตู้ใส่หนังสือที่ว่างเปล่าเพราะหนังสือทั้งหมดลงมากองอยู่กับพื้นแล้วกองกระดาษมากมายที่สุ่มๆกันอยู่อย่างไร้ระเบียบคือสิ่งยืนยันว่าเขาห่างไกลโลกภายนอกมากแค่ไหน
ที่จริงจะว่าไปปริตรแทบไม่เดือดร้อนเสียด้วยซ้ำว่าตนเองจะต้องมานอนในห้องทำงานในเมื่อวันๆเขาก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องนี้ ได้เวลาก็ไปทานข้าวที่บ้านใหญ่พอกลับมาก็เข้าห้องทำงานเผลอๆก็นอนอยู่กลางกองกระดาษใช้หนังสือแทนหมอนแต่ตอนนี้เขาคงต้องหาช่องว่างสำหรับปูที่นอนให้ได้ หรือไม่ก็...
ปริตรก้มลงมองช่องว่างใต้โต๊ะทำงานแล้วนึกดีใจที่ตัดสินใจเลือกใช้โต๊ะไม้สักแบบไม่มีลิ้นชักชายหนุ่มดึงกล่องที่เต็มไปด้วยกระดาษขนาดเอสี่ออกมาจากใต้โต๊ะจนหมดแล้วยกมือขึ้นปิดจมูก
“สงสัยทำทั้งวันก็ไม่เสร็จ”
“ใครบอกว่าไม่เสร็จ ผมพาผู้ช่วยมาแล้ว”
เสียงที่ดังอยู่หน้าประตูห้องทำงานทำให้คนที่กำลังคลานอยู่กับพื้นลุกขึ้นมาทันทีปริตรมองกมลกับบรรดาคนงานในบ้านที่ยืนถืออุปกรณ์ทำความสะอาดรออยู่ก็ส่ายหน้า
“ไม่ต้องยุ่ง พี่ทำเองได้”
ปริตรบอกเสียงเรียบเขาก้มลงยกกล่องขึ้นมาวางบนโต๊ะ
“แต่ว่าอาพงศ์...”
กมลทำท่าเหมือนตัดสินใจไม่ถูกใจหนึ่งก็กลัวพงศธรจะว่า แต่อีกใจก็กลัวพี่ใหญ่จอมดุ
“พี่ทำได้ ให้พวกเขาไปทำงานของตัวเองเถอะขอแค่ป้ารุ่งคนเดียวก็พอ”
ปริตรรู้ว่ากมลคงตัดสินใจไม่ถูกเขาเลยเลือกที่จะขอคนงานที่มาทำความสะอาดบ้านให้เขาเป็นประจำแค่คนเดียว เพราะคิดว่าการมีคนมาวุ่นวายในบ้านที่ถือว่าเป็นอาณาจักรส่วนตัวมันน่ารำคาญมากกว่า
“แล้วผมล่ะ”
กมลชี้ตัวเองแล้วมองกองกระดาษที่กระจายเต็มห้องเหมือนจะถามว่าให้ช่วยไหม
“ไม่ต้องกระดาษพวกนี้พี่ต้องแยกเองถ้าอยากช่วยจริงๆ แกรับแม่อาแอนไปดูแลให้ทีสิ”
“โนๆ...ผมต้องไปเรียน ไม่มีเวลาหรอกพี่ปริตรขอเป็นทำอย่างอื่นดีกว่า”
กมลว่าแล้วก็เผ่นแน่บไปทันทีสักพักแม่บ้านร่างท้วมที่เข้ามาทำความสะอาดให้กับปริตรก็เดินมาถึง เขาให้แม่บ้านช่วยจัดการห้องว่างที่อยู่ติดกับห้องทำงานให้สะอาดเพื่อทำเป็นห้องนอนชั่วคราวให้กับปูนแป้งส่วนตัวเองก็ใช้เวลาหมดไปกับการเลือกกระดาษแยกใส่กล่องทีละแผ่น
กว่าปริตรจะแยกเอกสารของตัวเองเสร็จฟ้าก็มืดพอดีเขาถอนหายใจเมื่อจัดหนังสือใส่ชั้นจนหมดรวมทั้งกล่องการดาษที่ตอนนี้เรียงเป็นระเบียบอยู่บนหลังตู้หนังสือเขาหันมามองโต๊ะที่ตั้งอยู่กลางห้องก่อนจะลงมือย้ายไปไว้อีกด้าน
ชายหนุ่มมองผลงานตัวเองแล้วถอนหายใจออกมา นี่คงเป็นครั้งแรกในรอบปีที่ได้เห็นพื้นห้องแบบเต็มๆตาเขาเริ่มดูดฝุ่นแล้วทำความสะอาดห้องกว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่ม
ร่างสูงมองผลงานของตัวเองแล้วผิวปากออกมาก่อนจะเดินเข้าครัวเพราะเริ่มรู้สึกว่าหิวมากแค่ไหนแต่...ในตู้เย็นนอกจากน้ำเปล่าแล้วเหลือเพียงแอปเปิ้ลเหี่ยวๆอีกลูกเท่านั้นใบหน้าเข้มดูเหมือนคนหมดแรงขึ้นมาทันที เพราะยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เที่ยง
เขาขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบไปที่บ้านใหญ่ตั้งใจจะไปหาอะไรทานแต่ปรากฏว่าทุกคนเข้านอนกันหมดแล้วเพราะต้องออกเดินทางแต่เช้าถ้าเขาจะเข้าไปหาของในครัวก็กลัวว่าจะวุ่นวายเลยออกมาเอาจักรยานขี่ไปที่ร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยใหญ่
ทันทีที่ร่างสูงก้าวเข้าไปในร้านเขาก็ตรงไปหน้าตู้อาหารแช่แข็งโดยไม่สนใจใครแล้วเลือกอาหารที่คิดว่าตนพอจะกินได้มาวางที่เคาน์เตอร์
“อุ่นมั้ยคะ”
พนักงานสาวทอดสายตาให้พลางถามแต่ปริตรทำแค่เพียงยิ้มน้อยๆตามมารยาทแล้วส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรครับ ผมฝากไว้ตรงนี้ก่อนแล้วกัน”
ชายหนุ่มบอกก่อนจะคว้าตะกร้าเดินเข้าไปเลือกของต่อเมื่อคิดได้ว่าตนเองควรจะหาอะไรติดบ้านไว้ด้วยแม้แต่อาหารสุนัขก็ยังหยิบโยนลงตะกร้าแบบไม่ต้องเลือก
พอเลือกของเสร็จปริตรก็หันหลังกลับเพื่อเดินไปจ่ายเงินจังหวะที่กำลังผ่านชั้นหนังสือขายาวๆก็ต้องหยุดลงเมื่อหางตาจับภาพของใครคนหนึ่งกำลังนั่งยองๆอยู่หน้ากอหนังสือโดยมีตะกร้าใส่ขนมวางอยู่ข้างๆตัวและเขาคงจะผ่านเลยไปถ้าคนๆนั้นจะไม่คุ้นจนต้องหันมามองเต็มๆตา
“ปูนแป้ง”
ทันทีที่ได้ยินเจ้าของชื่อก็หันขวับมาทันทีหญิงสาวทำตาโตก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วเอามือไว้ด้านหลัง
“พี่ปริตร”
“ออกมาได้ยังไง แล้วนี่น้าวิภารู้มั้ย”
ปริตรทำเสียงดุเขามองตะกร้าที่วางอยู่ข้างๆหญิงสาวเห็นมีหนังสือนิยายสองสามเล่มวางไว้บนห่อขนมก็ขมวดคิ้ว
“นี่หนีมาซื้อหนังสือนิยายอีกแล้วยังไม่เลิกอ่านอีกเหรอ”
“โธ่ ก็น้องแป้งชอบนี่คะ พี่ปริตรไม่เข้าใจหรอก”
ปริตรกวาดตามองการแต่งตัวของปูนแป้งเห็นว่าหญิงสาวใส่ชุดพยาบาลทั้งๆที่เมื่อเช้าบอกกับเขาว่าเธอแลกเวรกับเพื่อนแล้วเท่าที่เห็นหญิงสาวแต่งตัวเหมือนจะไปทำงาน ไม่ใช่เพิ่งกลับ
“ไหนว่าพรุ่งนี้ถึงไปทำงาน ทำไมถึงออกมาตอนนี้”
“พอดีนิอรขอให้ไปช่วยเฝ้าคนไข้ที่รับงานไว้ค่ะแป้งก็เลย”
“ปฏิเสธไม่เป็นหรือไงใครรับงานไว้ก็ควรรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองสิ”
เขาดุหญิงสาวเสียงดัง เล่นเอาพนักงานกับลูกค้าในร้านพากันหันมามองด้วยความสงสัยแต่คนอย่างปริตรไม่เคยสนใจสายตาใครถ้าหากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าสำคัญกว่า
“แต่ว่านิอรเขาขอร้อง”
“แล้วถ้าเขาทำไม่ได้จะไปรับงานทำไม แล้วนี่จะไปยังไง”
“แป้งขับรถมาค่ะ”
ปริตรขมวดคิ้วเพราะเขาจำได้ว่าตอนเข้ามาในร้ายที่หน้าร้านไม่มีรถของปูนแป้งจอดอยู่เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงสะดุดตาตั้งแต่แรก
“รถคันไหน”
ปริตรถามเสียงเข้ม เขารู้ดีว่าหญิงสาวจะต้องออกมาโดยไม่ได้บอกน้าวิภาเพราะรู้ดีว่าหญิงสาวถูกห้ามไม่ให้ขับรถตอนกลางคืนเนื่องจากเคยถูกพวกแก๊งมอเตอร์ไซค์แกล้งขับไล่บี้เพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงมาแล้ว
“คือว่า...”
“พี่ถามว่า...คันไหน”
น้ำเสียงที่เริ่มหวนและฟังดูกระด้างบอกให้รู้ถึงอารมณ์ที่เริ่มคุมไม่อยู่ทำให้หญิงสาวจำต้องบอกเสียงสั่นและเตรียมตัวโดนดุอีกชุดใหญ่
“นิอรเอารถมาเปลี่ยนกับแป้งเมื่อเย็นค่ะ แป้งเลยเอารถนิอรมา”
“แล้วทำไมต้องเปลี่ยน”
ปริตรขมวดคิ้ว เขาไม่เห็นว่ามันจะมีเหตุผลอะไรที่นิอรถึงต้องเอารถมาเปลี่ยนกับปูนแป้ง
“คือ...”
“คืออะไร”
ปูแป้งกลืนน้ำลายลงคอพลางหลุบตาลงมองพื้นนึกด่าตัวเองที่ดันใจอ่อนยอมให้นิอรเปลี่ยนรถไปแต่ไม่คิดว่าตอนทุ่มกว่าๆนิอรจะโทรมาขอให้เธอไปเฝ้าคนไข้แทน
“รถของนิอรเกเรค่ะ ขับๆอยู่ก็ดับ ก็เลย...”
“แล้วเราก็ขับรถเขาออกมาเนี่ยนะ บ้าหรือเปล่าแป้ง”
ปริตรตวาดหญิงสาวแล้วยกมือขึ้นเสยผมด้วยอาการหงุดหงิดเขาล้วงโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาใครบางคนพูดเสียงรัวเร็วตามนิสัยก่อนจะวางแล้วมองหนังสือนิยายที่หญิงสาวตั้งใจจะซื้อไปอ่านตอนเฝ้าคนไข้
“จะเอาเล่มไหนก็หยิบมา เดี๋ยวจ่ายรวมกับของพี่”
“ไม่เป็นไรค่ะ แป้ง...”
ปูนแป้งรีบปฏิเสธแต่พอเห็นสายตาของพี่ปริตรก็รีบหันไปหยิบเล่มที่เลือกใส่ตะกร้าแล้วเอาไปวางหน้าเคาน์เตอร์เธอมองชายหนุ่มเดินไปหยิบน้ำ นมกับขนมปังมาส่งห้พนักงานอุ่นรวมทั้งไส้กรอกอีกสองสามซองรวมทั้งขนมปังแถวยาวอีกสองแถวก็นึกอยากถามว่าของที่ซื้อเขาตั้งใจจะเอาไปกินเองหรือเอาไปเลี้ยงใครเพราะมันเยอะจนตะกร้าสามใบใส่ไปม่หมด
“เอ่อ...พี่ปริตรคะ ขอแป้งจ่ายด้วยบัตรได้ไหมคะ”
ปูนแป้งจับมือที่กำลังยื่นธรบัตรใบละพันสามใบให้กับพนักงานเธอรีบล้วงบัตรในกระเป๋ามาแล้วมองยอดเงิน ก่อนจะบอกให้พนักงานเติมเงินใส่บัตรตามยอดเงินเธอส่งเงินทอนให้แล้วหันมายิ้มหวานกับพนักงานที่มองเธอสลับกับชายหนุ่มด้านหลังด้วยสายตาแปลกๆ
“คือแป้งสะสมแต้มอยู่ค่ะแล้วตอนนี้ถ้าซื้อของจะได้แสตมป์ด้วย สะสมไว้แลกของได้”
หญิงสาวอธิบายในขณะที่แยกของให้พนักงานเอาใส่ถุงเพราะรู้ดีว่าพนักงานสาขานี้มักจะเอาของใส่มั่วๆจนบางครั้งกว่าจะถึงบ้านของในถุงก็เละ
เคยมีครั้งหนึ่งที่ปูนแป้งโกรธมากแต่ทำอะไรไม่ได้คือพนักงานเอากล่องนมแช่เย็นใส่รวมกับหนังสือนิยายของเธอปรากฏว่าหนังสือที่ซีนเอาไว้อย่างดีมีรอยชื้นและหลังจากนั้นมันก็พองทั้งๆที่เธอยังไม่ได้แกะอ่าน
กว่าทั้งสองคนจะออกมาจากร้านกมลก็ขับรถของปริตรมาถึงพอดีชายหนุ่มทำหน้างอเพราะถูกเรียกตอนที่กำลังดูบอลนัดสำคัญแต่เพราะขัดคำสั่งพี่ใหญ่ไม่ได้เลยจำใจต้องมา ส่วนหลานลุงชมที่กมลพามาด้วยตามคำสั่งนั้นไม่ต้องพูดถึงพอปริตรพยักหน้าไปทางจักรยานเด็กหนุ่มก็จัดการขี่กลับบ้านทันทีโดยไม่ต้องสั่ง
“ฝากเอารถไปไว้ที่บ้านที พรุ่งนี้เช้าให้ลุงชมดูให้หน่อยว่าทำไมมันถึงรวน”
“รถใครพี่ ผมไม่เคยเห็น”
กมลมองรถแล้วขมวดคิ้ว
“รถเพื่อนแป้งเองค่ะ”
ปูนแป้งโผล่มาจากด้านหลัง หญิงสาวยิ้มให้กมลซึ่งชายหนุ่มก็ยิ้มตอบทั้งปากและตาสายตาคมแกมเจ้าชู้ของชายหนุ่มทำให้ปริตรขึงตาใส่ก่อนจะโยนกุญแจให้พร้อมกับส่งถุงใส่ของขบเคี้ยวน้ำผลไม้กล่องกับธนบัตรใบละพันอีกหนึ่งใบ
“ค่าจ้าง”
กมลรับเงินกับถุงขนมมา เขาเลิกคิ้วขึ้นเมื่อยกมือขึ้นมาดูเวลา
“ไปส่งที่ไหนพี่ นี่มันจะเที่ยงคืนอยู่แล้วนะ”
“ที่โรงพยาบาล รถมันรวนหน่อย ขับระวังๆก็แล้วกัน”
ปริตรบอกแล้วรับกุญแจรถตัวเองมาก่อนจะเอาของที่เหลือทั้งหมดไปใส่ท้ายรถเขารอจนกมลขับรถออกไปเพื่อให้แน่ใจว่ารถของนิอรจะพากมลกลับไปจนถึงบ้านอัครมนตรีได้โดยไม่ดับเสียก่อน
“อ้าวขึ้นรถสิ จะรอเหมานิยายเพิ่มหรือไง”
ปริตรหันมามองหญิงสาวชุดขาวที่กำลังอุ้มถุงใส่นิยายพลางชะเง้อมองตามรถที่กมลขับไปจนสุดสายตาคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันยอมรับว่านึกหมั่นไส้น้องชายตัวดีที่ตอนแรกทำหน้างอแต่พอเห็นปูนแป้งก็เล่นส่งยิ้มละลายใจให้ทันทีทันใด
แล้วตอนนี้เขาก็พาลนึกโกรธคนที่ยืนข้างๆขึ้นมาที่ยิ้มกับคนอื่นได้ที่กับเขาเห็นหน้าทีไรก็เอาแต่จะร้องไห้มันเสียทุกที
“พี่ปริตรคะ รอแป้งแปปนะคะ”
อยู่ๆเหมือนหญิงสาวนึกอะไรได้เธอส่งถุงนิยายให้ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในร้านที่เพิ่งออกมาปริตรหยิบนิยายออกมาเล่มหนึ่ง เขาอ่านชื่อเรื่องแล้วหยิบเล่มอื่นๆขึ้นมาดูปกเพราะคิดไม่ถึงว่าสาวเรียบร้อยอย่างปูนแป้งจะอ่านนิยายพวกนี้ด้วย
“เสน่หา สวาท ซาตาน พิศวาส”
ปริตรมองรูปผู้ชายหน้าตาดีมีหญิงสาวซบอกแล้วอ่านชื่อก่อนจะพลิกด้านหลังเพื่อจะอ่านเรื่องย่อแต่กลับถูกแย่งหนังสือในมือกลับไปเสียก่อนคิ้วเข้มเลิกขึ้นเมื่อเห็นแก้มแดงๆของเจ้าของหนังสือแต่ก็ยอมส่งหนังสือที่เหลือคืนให้เมื่อมือบางยื่นมาตรงหน้า
เขาพอจะดูออกว่าปูนแป้งคงจะอายเลยทำเป็นไม่พูดถึงแต่ตอนนี้ในสมองได้บันทึกชื่อหนังสือทุกเล่ม ปกทุกปกไว้แล้ว และถ้าส่งหญิงสาวเสร็จเมื่อไหร่...เขาจะกลับมาซื้อมันแน่นอน
* ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์นะคะ เป็นกำลังที่น่ารักสำหรับคนแต่งเลยล่ะค่ะ ยังไงก็เอาใจช่วยพี่ปริตรกันต่อไปนะคะ*
“อะไรนะอา อาจะให้ผมคอยดูแลแม่อาแอน”
ปริตรร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินสิ่งที่พงศธรบอกอาหนุ่มมองท่าทางของหลานชายแล้วแทบจะหลุดหัวเราะออกมาเพราะรู้ดีว่าแม่ยายของตนนั้นใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่
“ใช่อาจะให้เราเข้ามาช่วยงานที่โรงแรมช่วงที่เมฆไปฮันนีมูน”
“แล้วทำไมผมต้องดูแลคุณแม่ยายของอาด้วยให้ผมทำงานอื่นก็ได้”
ปริตรทิ้งตัวลงนั่งใบหน้าคมดูเคร่งเครียดเพราะอดคิดถึงอนาคตอันน่าสยดสยองของตนเองเขาคงจะเละไม่มีชิ้นดีเพราะฝีมือแม่ยายพงศธรกับพี่หมาสองตัวนั่นแน่ๆ
“อาจะพาอาแอนไปเกาะมุกส่วนแม่อาแอนจะต้องอยู่ทำธุระที่กรุงเทพฯสองอาทิตย์ถึงจะตามไปช่วงนี้ปราชญ์จะมาดูแลโรงแรมแทนอาสามเดือน เจ้ามลกับศรก็ติดเรียน ส่วนมัคก็เตรียมลงไปคุมเรื่องก่อสร้างโรงแรมต่อ”
“ปราชญ์ไม่ได้กลับเชียงใหม่หรืออา”
ปริตรหันกลับมาถามทันที เพราะเข้าใจว่าน้องชายบินกลับเชียงใหม่พร้อมกับกนกไปแล้ว
“เปล่า กานต์กลับคนเดียวอ้อ...ไหนๆเราก็ว่างแล้วพอดีพี่พัตเขาชวนคุณวิภาไปเที่ยวเกาะมุกยังไงก็คอยรับส่งยายแป้งให้ด้วยแล้วกัน”
ปริตรอึ้งไปเขาไม่คิดว่าแม่เลี้ยงของเมฆาคิดยังไงถึงชวนแม่ของปูนแป้งไปเที่ยว
“แล้วน้องแป้งจะอยู่ที่บ้านได้หรืออามีแต่ผู้หญิงกับคนสวน”
“เราไง”
พงศธรตอบในขณะที่กำลังตรวจดูงานที่จะให้ปราชญ์เข้ามาดูแลต่อในช่วงนี้
“ผม”
ปริตรชี้ตัวเองก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่มีทางผมเป็นผู้ชายจะให้ไปอยู่บ้านน้าวิภาได้ยังไง”
“หรือจะให้อาส่งปราชญ์ไป”
“ไม่ได้”
พงศธรเผลอลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามายืนหน้าโต๊ะทำงานของอาหนุ่ม
“ให้น้องแป้งมาอยู่บ้านคุณปู่แล้วกันผมจะคอยไปรับไปส่งที่โรงพยาบาลเอง”
“บ้านใหญ่ปิดสองอาทิตย์ ปู่กับย่าจะไปกับอาด้วยเราจะไปดูทำเลสร้างรีสอร์ทที่เกาะมุก”
พงศธรวางปากกาแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มกับหลานชายคนโตคิ้วเข้มเลิกขึ้นเลกน้อยยามเมื่อเอ่ยปากถึงสิ่งที่รู้ว่าปริตรจะไม่มีทางปฏิเสธหน้าที่นี้ได้เลย
“ถ้าอย่างนั้นก็เลือกเอาจะให้ปูนแป้งไปอยู่กับเราที่บ้านหรือจะให้พักบ้านของปราชญ์ กานต์ หรือกรเพราะคนที่แยกออกมาปลูกบ้านเป็นของตัวเองมีอยู่ห้าคน ตัดเมฆไปหนึ่งก็เหลือแค่สี่คนเราคิดว่าอาควรให้แป้งไปพักกับใคร”
พงศธรพูดแล้วก็ลุกขึ้นเขามองหน้าหลานชายยิ้มๆก่อนจะเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ใช้เวลาคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
“แม่ขา แม่จะให้แป้งอยู่คนเดียวจริงๆเหรอคะ”
ปูนแป้งกอดรอบเอวของคุณวิภาแล้วซบหน้ากับอกอุ่นเพราะพอปริตรมาส่งเธอตอนสายคุณวิภาก็บอกว่าได้นัดกับคนบ้านอัครมนตรีว่าจะไปเที่ยวเกาะมุกกับเกาะกำแพงด้วยกันสองอาทิตย์
“แม่ไปสองอาทิตย์เอง อีกอย่างแป้งก็โตแล้วนะคะ”
คุณวิภาจับมือลูกสาวคนเล็กมากุมแล้วเอียงหน้าหอมแก้มนวลด้วยความเอ็นดู
“แล้วแป้งจะอยู่ยังไง บ้านตั้งใหญ่พี่อิ่มกับป้าหนูก็ลากลับบ้านอีกเหลือแต่ลุงเต่าคนเดียว”
ปูนแป้งโอดครวญ พลางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“แม่ถึงฝากเราไว้กับพี่ปริตรไงลูก”
คุณวิภายิ้มเมื่อเห็นหน้าของลูกสาว
“แม่ไว้ใจพี่ปริตรคนเดียวและแม่ก็แน่ใจว่าพี่ปริตรจะดูแลน้องแป้งของแม่ได้”
ปูนแป้งพูดไม่ออกหญิงสาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เพราะไม่คิดว่าแม่จะอนุญาตให้เธอนอนค้างกับผู้ชายได้ง่ายดายขนาดนี้ซึ่งคุณวิภาก็พอจะอ่านความคิดของลูกสาวออกเลยยิ้มกว้างด้วยความเอ็นดู
“พี่ปริตรเห็นปูนแป้งตั้งแต่เล็กเช็ดอึเช็ดฉี่ก็ทำมาแล้ว แล้วแม่ก็แน่ใจว่าพี่เขาเป็นสุภาพบุรุษพอ”
คุณวิภาพูดยิ้มๆที่จริงนางเองก็ไม่ขัดข้องหากลูกเขยคนเล็กจะเป็นหลานตระกูลอัครมนตรีคนใดคนหนึ่งเพราะรู้จักหนุ่มๆบ้านนี้ดีแต่ถ้าถามว่าไว้ใจใครยังไงนางก็คิดว่าปริตรนี่ล่ะที่ควรไว้ใจมากที่สุด
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่จ้ะเพราะเจ้าตัวเล็กก็จะอยู่กับแป้งด้วย”
พอได้ยินชื่อของตัวเองเจ้าดัลเมเชี่ยนลายจุดก็เดินมานั่งตรงหน้าแล้วเอียงคอมองเจ้านายทั้งสองคนเป็นทำนองว่าเรียกหนูเหรอปูนแป้งหัวเราะคิกแล้วหันไปมองงหน้าแม่
“ไปแค่สองอาทิตย์นะคะ แป้งกลัวว่ากว่าคุณแม่จะกลัวมาพี่ปริตรคงถลกหนังแป้งตากแดดแน่ๆเลยค่ะ”
พอฟังลูกสาวพูดวิภาก็แทบจะหัวเราะออกมาเพราะเห็นว่าปูนแป้งไม่ได้คิดเลยว่าปริตรจะคิดมิดีมิร้ายกับตนแต่กลับคิดไปว่าถ้าตัวเองทำอะไรผิดอาจถูกถลกหนังเอาเสียอีกดูแล้วก็สบายใจไปส่วนหนึ่งเพราะตัวนางเองก็ไว้ใจปริตรมากกว่าจะคิดไปในทางที่ไม่ดี
“จ้ะ สองอาทิตย์ยังไงแม่ก็ต้องกลับมาก่อนคุณพ่อกลับจากคิวบาจ้ะ”
คุณวิภาจับแก้มลูกสาวเอาไว้แล้วจูบแรงๆทั้งสองข้างก่อนจะลุกขึ้นเดินขึ้นไปด้านบนเพื่อจัดเสื้อผ้าเตรียมตัวเดินทางในวันรุ่งขึ้น
ปูนแป้งเงยหน้าขึ้นมองโคมไฟบนศีรษะนึกถึงหน้าพี่ปริตรตอนที่พาเธอมาส่งที่บ้านท่าทางการพูดเกี่ยวกับปัญหาที่พาเธอมาส่งช้านั้นดูเป็นการเป็นการผิดกับแม่ที่เอาแต่หัวเราะแล้วบอกว่าไม่เป็นไร เข้าใจและไว้ใจ
หญิงสาวยกมือขึ้นแตะริมฝีปากสงสัยเหลือเกิน...ถ้าแม่รู้ว่าเธอเสียจูบแรกให้กับคนที่แม่ไว้ใจอะไรจะเกิดขึ้น ปูนแป้งถอนใจเบาๆโชคดีที่วันนี้เธอโทรไปแลกเวรกับเพื่อนได้เลยได้พักอีกวันก็ดีจะได้นอนอ่านนิยายสบายๆสักวัน
ปูนแป้งถอนหายใจอีกรอบเพราะคิดถึงหนังสือที่ซื้อมาซ่อนจนเต็มใต้เตียงนั้นยังไม่ได้อ่านเลยสักเล่มแล้วนี่ใกล้ถึงงานหนังสืออีกแล้ว แถมปีนี้เธอนัดอาแอนกับพี่พัชว่าจะไปตะลุยด้วยกันตามประสาคนรักหนังสือด้วยไม่รู้จะได้มาอีกแค่ไหน
พอคิดถึงนิยายหญิงสาวนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองฝากนิยายไว้กับแม่บ้านเพราะกลัวว่าตอนที่ไปรษณีย์มาส่งแม่จะเห็นแล้วจะโดนเอ็ดอีกว่าขนซื้อมาถมบ้านพอนึกออกร่างบางก็รีบไปตามหาพี่หนูก่อนที่จะลืม ไม่อย่างนั้นช่วงที่ไปอยู่บ้านพี่ปริตรเธอจะหาหนังสืออ่านไมได้
เพราะสิ่งที่พงศธรยื่นมาให้ตรงหน้าคือหน้าที่ที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ทำให้ปริตรต้องกลับมาจัดการกับบ้านของเขาเพื่อต้อนรับแขกสองคนกับหมาอีกสามตัว
ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะให้คุณจันทรานอนเตียงของเขา ส่วนหมาคงให้นอนนอกบ้านหรือหน้าระเบียงน่าจะไม่มีปัญหาอะไรห้องข้างๆห้องทำงานก็ให้ปูนแป้งพัก ส่วนตัวเขา...
ชายหนุ่มมองห้องทำงานที่เต็มไปด้วยกองกระดาษกับหนังสือมากมายแล้วแทบถอดใจเขาเพิ่งรู้ตัวว่านอกจากตนเองจะมีตู้ใส่หนังสือที่ว่างเปล่าเพราะหนังสือทั้งหมดลงมากองอยู่กับพื้นแล้วกองกระดาษมากมายที่สุ่มๆกันอยู่อย่างไร้ระเบียบคือสิ่งยืนยันว่าเขาห่างไกลโลกภายนอกมากแค่ไหน
ที่จริงจะว่าไปปริตรแทบไม่เดือดร้อนเสียด้วยซ้ำว่าตนเองจะต้องมานอนในห้องทำงานในเมื่อวันๆเขาก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องนี้ ได้เวลาก็ไปทานข้าวที่บ้านใหญ่พอกลับมาก็เข้าห้องทำงานเผลอๆก็นอนอยู่กลางกองกระดาษใช้หนังสือแทนหมอนแต่ตอนนี้เขาคงต้องหาช่องว่างสำหรับปูที่นอนให้ได้ หรือไม่ก็...
ปริตรก้มลงมองช่องว่างใต้โต๊ะทำงานแล้วนึกดีใจที่ตัดสินใจเลือกใช้โต๊ะไม้สักแบบไม่มีลิ้นชักชายหนุ่มดึงกล่องที่เต็มไปด้วยกระดาษขนาดเอสี่ออกมาจากใต้โต๊ะจนหมดแล้วยกมือขึ้นปิดจมูก
“สงสัยทำทั้งวันก็ไม่เสร็จ”
“ใครบอกว่าไม่เสร็จ ผมพาผู้ช่วยมาแล้ว”
เสียงที่ดังอยู่หน้าประตูห้องทำงานทำให้คนที่กำลังคลานอยู่กับพื้นลุกขึ้นมาทันทีปริตรมองกมลกับบรรดาคนงานในบ้านที่ยืนถืออุปกรณ์ทำความสะอาดรออยู่ก็ส่ายหน้า
“ไม่ต้องยุ่ง พี่ทำเองได้”
ปริตรบอกเสียงเรียบเขาก้มลงยกกล่องขึ้นมาวางบนโต๊ะ
“แต่ว่าอาพงศ์...”
กมลทำท่าเหมือนตัดสินใจไม่ถูกใจหนึ่งก็กลัวพงศธรจะว่า แต่อีกใจก็กลัวพี่ใหญ่จอมดุ
“พี่ทำได้ ให้พวกเขาไปทำงานของตัวเองเถอะขอแค่ป้ารุ่งคนเดียวก็พอ”
ปริตรรู้ว่ากมลคงตัดสินใจไม่ถูกเขาเลยเลือกที่จะขอคนงานที่มาทำความสะอาดบ้านให้เขาเป็นประจำแค่คนเดียว เพราะคิดว่าการมีคนมาวุ่นวายในบ้านที่ถือว่าเป็นอาณาจักรส่วนตัวมันน่ารำคาญมากกว่า
“แล้วผมล่ะ”
กมลชี้ตัวเองแล้วมองกองกระดาษที่กระจายเต็มห้องเหมือนจะถามว่าให้ช่วยไหม
“ไม่ต้องกระดาษพวกนี้พี่ต้องแยกเองถ้าอยากช่วยจริงๆ แกรับแม่อาแอนไปดูแลให้ทีสิ”
“โนๆ...ผมต้องไปเรียน ไม่มีเวลาหรอกพี่ปริตรขอเป็นทำอย่างอื่นดีกว่า”
กมลว่าแล้วก็เผ่นแน่บไปทันทีสักพักแม่บ้านร่างท้วมที่เข้ามาทำความสะอาดให้กับปริตรก็เดินมาถึง เขาให้แม่บ้านช่วยจัดการห้องว่างที่อยู่ติดกับห้องทำงานให้สะอาดเพื่อทำเป็นห้องนอนชั่วคราวให้กับปูนแป้งส่วนตัวเองก็ใช้เวลาหมดไปกับการเลือกกระดาษแยกใส่กล่องทีละแผ่น
กว่าปริตรจะแยกเอกสารของตัวเองเสร็จฟ้าก็มืดพอดีเขาถอนหายใจเมื่อจัดหนังสือใส่ชั้นจนหมดรวมทั้งกล่องการดาษที่ตอนนี้เรียงเป็นระเบียบอยู่บนหลังตู้หนังสือเขาหันมามองโต๊ะที่ตั้งอยู่กลางห้องก่อนจะลงมือย้ายไปไว้อีกด้าน
ชายหนุ่มมองผลงานตัวเองแล้วถอนหายใจออกมา นี่คงเป็นครั้งแรกในรอบปีที่ได้เห็นพื้นห้องแบบเต็มๆตาเขาเริ่มดูดฝุ่นแล้วทำความสะอาดห้องกว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่ม
ร่างสูงมองผลงานของตัวเองแล้วผิวปากออกมาก่อนจะเดินเข้าครัวเพราะเริ่มรู้สึกว่าหิวมากแค่ไหนแต่...ในตู้เย็นนอกจากน้ำเปล่าแล้วเหลือเพียงแอปเปิ้ลเหี่ยวๆอีกลูกเท่านั้นใบหน้าเข้มดูเหมือนคนหมดแรงขึ้นมาทันที เพราะยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เที่ยง
เขาขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบไปที่บ้านใหญ่ตั้งใจจะไปหาอะไรทานแต่ปรากฏว่าทุกคนเข้านอนกันหมดแล้วเพราะต้องออกเดินทางแต่เช้าถ้าเขาจะเข้าไปหาของในครัวก็กลัวว่าจะวุ่นวายเลยออกมาเอาจักรยานขี่ไปที่ร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยใหญ่
ทันทีที่ร่างสูงก้าวเข้าไปในร้านเขาก็ตรงไปหน้าตู้อาหารแช่แข็งโดยไม่สนใจใครแล้วเลือกอาหารที่คิดว่าตนพอจะกินได้มาวางที่เคาน์เตอร์
“อุ่นมั้ยคะ”
พนักงานสาวทอดสายตาให้พลางถามแต่ปริตรทำแค่เพียงยิ้มน้อยๆตามมารยาทแล้วส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรครับ ผมฝากไว้ตรงนี้ก่อนแล้วกัน”
ชายหนุ่มบอกก่อนจะคว้าตะกร้าเดินเข้าไปเลือกของต่อเมื่อคิดได้ว่าตนเองควรจะหาอะไรติดบ้านไว้ด้วยแม้แต่อาหารสุนัขก็ยังหยิบโยนลงตะกร้าแบบไม่ต้องเลือก
พอเลือกของเสร็จปริตรก็หันหลังกลับเพื่อเดินไปจ่ายเงินจังหวะที่กำลังผ่านชั้นหนังสือขายาวๆก็ต้องหยุดลงเมื่อหางตาจับภาพของใครคนหนึ่งกำลังนั่งยองๆอยู่หน้ากอหนังสือโดยมีตะกร้าใส่ขนมวางอยู่ข้างๆตัวและเขาคงจะผ่านเลยไปถ้าคนๆนั้นจะไม่คุ้นจนต้องหันมามองเต็มๆตา
“ปูนแป้ง”
ทันทีที่ได้ยินเจ้าของชื่อก็หันขวับมาทันทีหญิงสาวทำตาโตก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วเอามือไว้ด้านหลัง
“พี่ปริตร”
“ออกมาได้ยังไง แล้วนี่น้าวิภารู้มั้ย”
ปริตรทำเสียงดุเขามองตะกร้าที่วางอยู่ข้างๆหญิงสาวเห็นมีหนังสือนิยายสองสามเล่มวางไว้บนห่อขนมก็ขมวดคิ้ว
“นี่หนีมาซื้อหนังสือนิยายอีกแล้วยังไม่เลิกอ่านอีกเหรอ”
“โธ่ ก็น้องแป้งชอบนี่คะ พี่ปริตรไม่เข้าใจหรอก”
ปริตรกวาดตามองการแต่งตัวของปูนแป้งเห็นว่าหญิงสาวใส่ชุดพยาบาลทั้งๆที่เมื่อเช้าบอกกับเขาว่าเธอแลกเวรกับเพื่อนแล้วเท่าที่เห็นหญิงสาวแต่งตัวเหมือนจะไปทำงาน ไม่ใช่เพิ่งกลับ
“ไหนว่าพรุ่งนี้ถึงไปทำงาน ทำไมถึงออกมาตอนนี้”
“พอดีนิอรขอให้ไปช่วยเฝ้าคนไข้ที่รับงานไว้ค่ะแป้งก็เลย”
“ปฏิเสธไม่เป็นหรือไงใครรับงานไว้ก็ควรรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองสิ”
เขาดุหญิงสาวเสียงดัง เล่นเอาพนักงานกับลูกค้าในร้านพากันหันมามองด้วยความสงสัยแต่คนอย่างปริตรไม่เคยสนใจสายตาใครถ้าหากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าสำคัญกว่า
“แต่ว่านิอรเขาขอร้อง”
“แล้วถ้าเขาทำไม่ได้จะไปรับงานทำไม แล้วนี่จะไปยังไง”
“แป้งขับรถมาค่ะ”
ปริตรขมวดคิ้วเพราะเขาจำได้ว่าตอนเข้ามาในร้ายที่หน้าร้านไม่มีรถของปูนแป้งจอดอยู่เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงสะดุดตาตั้งแต่แรก
“รถคันไหน”
ปริตรถามเสียงเข้ม เขารู้ดีว่าหญิงสาวจะต้องออกมาโดยไม่ได้บอกน้าวิภาเพราะรู้ดีว่าหญิงสาวถูกห้ามไม่ให้ขับรถตอนกลางคืนเนื่องจากเคยถูกพวกแก๊งมอเตอร์ไซค์แกล้งขับไล่บี้เพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงมาแล้ว
“คือว่า...”
“พี่ถามว่า...คันไหน”
น้ำเสียงที่เริ่มหวนและฟังดูกระด้างบอกให้รู้ถึงอารมณ์ที่เริ่มคุมไม่อยู่ทำให้หญิงสาวจำต้องบอกเสียงสั่นและเตรียมตัวโดนดุอีกชุดใหญ่
“นิอรเอารถมาเปลี่ยนกับแป้งเมื่อเย็นค่ะ แป้งเลยเอารถนิอรมา”
“แล้วทำไมต้องเปลี่ยน”
ปริตรขมวดคิ้ว เขาไม่เห็นว่ามันจะมีเหตุผลอะไรที่นิอรถึงต้องเอารถมาเปลี่ยนกับปูนแป้ง
“คือ...”
“คืออะไร”
ปูแป้งกลืนน้ำลายลงคอพลางหลุบตาลงมองพื้นนึกด่าตัวเองที่ดันใจอ่อนยอมให้นิอรเปลี่ยนรถไปแต่ไม่คิดว่าตอนทุ่มกว่าๆนิอรจะโทรมาขอให้เธอไปเฝ้าคนไข้แทน
“รถของนิอรเกเรค่ะ ขับๆอยู่ก็ดับ ก็เลย...”
“แล้วเราก็ขับรถเขาออกมาเนี่ยนะ บ้าหรือเปล่าแป้ง”
ปริตรตวาดหญิงสาวแล้วยกมือขึ้นเสยผมด้วยอาการหงุดหงิดเขาล้วงโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาใครบางคนพูดเสียงรัวเร็วตามนิสัยก่อนจะวางแล้วมองหนังสือนิยายที่หญิงสาวตั้งใจจะซื้อไปอ่านตอนเฝ้าคนไข้
“จะเอาเล่มไหนก็หยิบมา เดี๋ยวจ่ายรวมกับของพี่”
“ไม่เป็นไรค่ะ แป้ง...”
ปูนแป้งรีบปฏิเสธแต่พอเห็นสายตาของพี่ปริตรก็รีบหันไปหยิบเล่มที่เลือกใส่ตะกร้าแล้วเอาไปวางหน้าเคาน์เตอร์เธอมองชายหนุ่มเดินไปหยิบน้ำ นมกับขนมปังมาส่งห้พนักงานอุ่นรวมทั้งไส้กรอกอีกสองสามซองรวมทั้งขนมปังแถวยาวอีกสองแถวก็นึกอยากถามว่าของที่ซื้อเขาตั้งใจจะเอาไปกินเองหรือเอาไปเลี้ยงใครเพราะมันเยอะจนตะกร้าสามใบใส่ไปม่หมด
“เอ่อ...พี่ปริตรคะ ขอแป้งจ่ายด้วยบัตรได้ไหมคะ”
ปูนแป้งจับมือที่กำลังยื่นธรบัตรใบละพันสามใบให้กับพนักงานเธอรีบล้วงบัตรในกระเป๋ามาแล้วมองยอดเงิน ก่อนจะบอกให้พนักงานเติมเงินใส่บัตรตามยอดเงินเธอส่งเงินทอนให้แล้วหันมายิ้มหวานกับพนักงานที่มองเธอสลับกับชายหนุ่มด้านหลังด้วยสายตาแปลกๆ
“คือแป้งสะสมแต้มอยู่ค่ะแล้วตอนนี้ถ้าซื้อของจะได้แสตมป์ด้วย สะสมไว้แลกของได้”
หญิงสาวอธิบายในขณะที่แยกของให้พนักงานเอาใส่ถุงเพราะรู้ดีว่าพนักงานสาขานี้มักจะเอาของใส่มั่วๆจนบางครั้งกว่าจะถึงบ้านของในถุงก็เละ
เคยมีครั้งหนึ่งที่ปูนแป้งโกรธมากแต่ทำอะไรไม่ได้คือพนักงานเอากล่องนมแช่เย็นใส่รวมกับหนังสือนิยายของเธอปรากฏว่าหนังสือที่ซีนเอาไว้อย่างดีมีรอยชื้นและหลังจากนั้นมันก็พองทั้งๆที่เธอยังไม่ได้แกะอ่าน
กว่าทั้งสองคนจะออกมาจากร้านกมลก็ขับรถของปริตรมาถึงพอดีชายหนุ่มทำหน้างอเพราะถูกเรียกตอนที่กำลังดูบอลนัดสำคัญแต่เพราะขัดคำสั่งพี่ใหญ่ไม่ได้เลยจำใจต้องมา ส่วนหลานลุงชมที่กมลพามาด้วยตามคำสั่งนั้นไม่ต้องพูดถึงพอปริตรพยักหน้าไปทางจักรยานเด็กหนุ่มก็จัดการขี่กลับบ้านทันทีโดยไม่ต้องสั่ง
“ฝากเอารถไปไว้ที่บ้านที พรุ่งนี้เช้าให้ลุงชมดูให้หน่อยว่าทำไมมันถึงรวน”
“รถใครพี่ ผมไม่เคยเห็น”
กมลมองรถแล้วขมวดคิ้ว
“รถเพื่อนแป้งเองค่ะ”
ปูนแป้งโผล่มาจากด้านหลัง หญิงสาวยิ้มให้กมลซึ่งชายหนุ่มก็ยิ้มตอบทั้งปากและตาสายตาคมแกมเจ้าชู้ของชายหนุ่มทำให้ปริตรขึงตาใส่ก่อนจะโยนกุญแจให้พร้อมกับส่งถุงใส่ของขบเคี้ยวน้ำผลไม้กล่องกับธนบัตรใบละพันอีกหนึ่งใบ
“ค่าจ้าง”
กมลรับเงินกับถุงขนมมา เขาเลิกคิ้วขึ้นเมื่อยกมือขึ้นมาดูเวลา
“ไปส่งที่ไหนพี่ นี่มันจะเที่ยงคืนอยู่แล้วนะ”
“ที่โรงพยาบาล รถมันรวนหน่อย ขับระวังๆก็แล้วกัน”
ปริตรบอกแล้วรับกุญแจรถตัวเองมาก่อนจะเอาของที่เหลือทั้งหมดไปใส่ท้ายรถเขารอจนกมลขับรถออกไปเพื่อให้แน่ใจว่ารถของนิอรจะพากมลกลับไปจนถึงบ้านอัครมนตรีได้โดยไม่ดับเสียก่อน
“อ้าวขึ้นรถสิ จะรอเหมานิยายเพิ่มหรือไง”
ปริตรหันมามองหญิงสาวชุดขาวที่กำลังอุ้มถุงใส่นิยายพลางชะเง้อมองตามรถที่กมลขับไปจนสุดสายตาคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันยอมรับว่านึกหมั่นไส้น้องชายตัวดีที่ตอนแรกทำหน้างอแต่พอเห็นปูนแป้งก็เล่นส่งยิ้มละลายใจให้ทันทีทันใด
แล้วตอนนี้เขาก็พาลนึกโกรธคนที่ยืนข้างๆขึ้นมาที่ยิ้มกับคนอื่นได้ที่กับเขาเห็นหน้าทีไรก็เอาแต่จะร้องไห้มันเสียทุกที
“พี่ปริตรคะ รอแป้งแปปนะคะ”
อยู่ๆเหมือนหญิงสาวนึกอะไรได้เธอส่งถุงนิยายให้ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในร้านที่เพิ่งออกมาปริตรหยิบนิยายออกมาเล่มหนึ่ง เขาอ่านชื่อเรื่องแล้วหยิบเล่มอื่นๆขึ้นมาดูปกเพราะคิดไม่ถึงว่าสาวเรียบร้อยอย่างปูนแป้งจะอ่านนิยายพวกนี้ด้วย
“เสน่หา สวาท ซาตาน พิศวาส”
ปริตรมองรูปผู้ชายหน้าตาดีมีหญิงสาวซบอกแล้วอ่านชื่อก่อนจะพลิกด้านหลังเพื่อจะอ่านเรื่องย่อแต่กลับถูกแย่งหนังสือในมือกลับไปเสียก่อนคิ้วเข้มเลิกขึ้นเมื่อเห็นแก้มแดงๆของเจ้าของหนังสือแต่ก็ยอมส่งหนังสือที่เหลือคืนให้เมื่อมือบางยื่นมาตรงหน้า
เขาพอจะดูออกว่าปูนแป้งคงจะอายเลยทำเป็นไม่พูดถึงแต่ตอนนี้ในสมองได้บันทึกชื่อหนังสือทุกเล่ม ปกทุกปกไว้แล้ว และถ้าส่งหญิงสาวเสร็จเมื่อไหร่...เขาจะกลับมาซื้อมันแน่นอน
* ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์นะคะ เป็นกำลังที่น่ารักสำหรับคนแต่งเลยล่ะค่ะ ยังไงก็เอาใจช่วยพี่ปริตรกันต่อไปนะคะ*

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ย. 2557, 01:12:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ย. 2557, 01:12:10 น.
จำนวนการเข้าชม : 2028
<< หัวใจ...แอบรัก ตอนที่ ๓ | หัวใจ...แอบรัก ตอนที่ ๕ >> |

ใบบัวน่ารัก 27 ก.ย. 2557, 05:31:03 น.
อ่านๆไปเราก็จะทักว่าเราอยากได้สะแตมของพี่ปริตร แต่แหมน้องแป้งก็สะสมอีก
ขอก่อนหน้าเรา เราเซ็งเลย
อ่านนิยายเยอะขนาดนี้ แถมยังต้องแอบๆๆแม่อีก กลุ้มใจนิ ไมไม่ทำตู้หนังสือเลย
น่าจะดีกว่าเก็บใต้เตียงนะ เอามาให้เราอ่านบ้างจิ
พี่ปริตรไม่ต้องแอบมาซื้อหลอก ปฎิบัติเลย เอาแบบเถื่อนๆนะ แป้งเค้าชอบ
อ่านๆไปเราก็จะทักว่าเราอยากได้สะแตมของพี่ปริตร แต่แหมน้องแป้งก็สะสมอีก
ขอก่อนหน้าเรา เราเซ็งเลย
อ่านนิยายเยอะขนาดนี้ แถมยังต้องแอบๆๆแม่อีก กลุ้มใจนิ ไมไม่ทำตู้หนังสือเลย
น่าจะดีกว่าเก็บใต้เตียงนะ เอามาให้เราอ่านบ้างจิ
พี่ปริตรไม่ต้องแอบมาซื้อหลอก ปฎิบัติเลย เอาแบบเถื่อนๆนะ แป้งเค้าชอบ

ribbin 27 ก.ย. 2557, 05:45:27 น.
นายปริตรเอยเจอแทคทีมขนาดนี้นายเสร็จแน่ 555
คิดอยู่แล้วเชียวว่าหนึ่งในผู้ร่ววมมือจะต้องมีครอบครัวหนูแป้งแน่เลย
นายปริตรเอยเจอแทคทีมขนาดนี้นายเสร็จแน่ 555
คิดอยู่แล้วเชียวว่าหนึ่งในผู้ร่ววมมือจะต้องมีครอบครัวหนูแป้งแน่เลย


แว่นใส 27 ก.ย. 2557, 13:36:23 น.
จะซื้อไปลองอ่านดูใช่ไหม
จะซื้อไปลองอ่านดูใช่ไหม

Zephyr 27 ก.ย. 2557, 14:29:14 น.
พี่ปริตรจะซื้อไปเป็นต้นแบบใช่ไหม
ไม่ต้องหรอกน่าาาา
แค่นี้ก็เหมือนพออยู่แล้ว
พี่ปริตรจะซื้อไปเป็นต้นแบบใช่ไหม
ไม่ต้องหรอกน่าาาา
แค่นี้ก็เหมือนพออยู่แล้ว

goldensun 7 ต.ค. 2557, 19:07:09 น.
แผนผลักดันปริตรให้กล้าจีบแป้งมาแล้ววววว
พิมพ์ปริตรเป็นพงศธรผิดที่นึงค่ะ ตรงที่ปฏิเสธไม่ยอมให้แป้งไปค้างบ้านอื่น
ดุออกอย่างนี้ จะให้แป้งยิ้มให้ได้ยังไง ว่าแต่จะอ่านนิยายเหมือนแป้งไหวหรือคะ
แผนผลักดันปริตรให้กล้าจีบแป้งมาแล้ววววว
พิมพ์ปริตรเป็นพงศธรผิดที่นึงค่ะ ตรงที่ปฏิเสธไม่ยอมให้แป้งไปค้างบ้านอื่น
ดุออกอย่างนี้ จะให้แป้งยิ้มให้ได้ยังไง ว่าแต่จะอ่านนิยายเหมือนแป้งไหวหรือคะ