แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ

คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”

คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”

คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”

และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”

Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา

ตอน: 31 ตามรักตามล่า 1

31
ตามรักตามล่า (1)

“น้องรัก น้องรักครับ น้องรัก” เสียงปรัชญาที่วิ่งตามหลังมาทำให้ใบหน้าที่มุ่ยอยู่แล้วของรักจิรายิ่งมุ่ยมากกว่าเดิม เธอพยายามเร่งเท้าหนี แต่ปรัชญาก็ยังพยายามตามเธอให้ทันแม้ร่างของปรัชญาจะอ้วนตุ๊ต๊ะแต่ก็ยังพยายามวิ่งตามรักจิรา คนในตึกสำนักงานพากันหันมามอง เธออับอายยังที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เลิกตามสักทีได้ไหม นี่มันเวลาทำงานของฉันนะ และฉันกำลังจะไปทำธุระ เลิกตามได้แล้ว”

“น้องรักก็หยุดวิ่งสิคะ” รักจิรากำมือแน่นพยายามระงับความโกรธ

“แต่นี่มันเวลาทำงานของฉัน แกเลิกตามฉันได้แล้วไอ้เปา”

“ไม่ได้ เฮียไม่อยู่ตั้งหลายวัน ปล่อยให้ไอ้ขี้เหร่มันทำคะแนน แถมยังมีเวลาอยู่ด้วยกันเพราะทำงานด้วยกันอีก ดังนั้นเฮียต้องรีบทำคะแนนตีตื้น และวันนี้เป็นวันของเฮีย”

“แล้วแกถามฉันสักคำหรือยัง งานการไม่มีทำหรือยังไงมาวิ่งตามฉันแบบนี้”

“มีแต่ตอนนี้เฮียอยู่ในช่วงพัก เฮียจิวเข้าไปดูร้านแทนเฮียช่วงนี้ เฮียว่างเกือยเดือน มีเวลาให้น้องรักอีกนาน และหนึ่งเดือนนี้เฮียเชื่อว่าน้องรักจะต้องเปลี่ยนใจแน่นอน”

“นี่ต่อให้ไม่มีเดิมพันบ้า ๆ นั่น แกคิดว่าฉันจะรักแกหรอ” รักจิราเอ่ยเสียงดัง และมองสภาพการแต่งตัวของคนที่มั่นใจในตัวเองมาก

“เฮียเชื่อในหลักที่ว่าไม่มีอะไรจริงแท้แน่นอน น้ำหยดทุกวันหินยังกร่อนได้ นับประสาอะไรกับใจคน ถ้าเฮียพยายามอีกนิดน้องรักจะต้องเห็นถึงความพยายามของเฮียแน่นอน”

“แต่นี่มันกี่ปีมาแล้ว ฉันคงไม่คิดเปลี่ยนใจตอนนี้แน่ กลับไปซะ อย่ามายุ่งกับฉัน”

“ยิ่งน้องรักพูดแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เฮียท้าทาย วันหนึ่งน้องรักจะต้องรักเฮียเหมือนที่เฮียรักน้องรัก” รักจิรามองคนหน้ามึนที่เหมือนจะไม่ได้ฟังที่เธอพูดสักนิด รักจิราพูดอะไรไม่ออก สะบัดหน้าหนีไปในทันที

“น้องรักจะไปไหนครับ”

“เข้าห้องน้ำ!!! จะไปด้วยไหม” รักจิราหันกลับมาตะคอก ปรัชญาจึงยอมถอยหลังไปยืนรอ รักจิราอยากกรีดร้องดัง ๆ ตีอกชกลม ปรัชญาหายไปหลายวันนับจากวันที่ตกลงกับอัสนี แต่วันนี้กลับปรากฏตัวขึ้นแถมเป้นวันที่อัสนีออกไปข้างนอก เธอโทรตามก็บอกว่าต้องไปธุระกับพอล ทำเรื่องให้เธอแล้วยังไม่รับผิดชอบ เจอเมื่อไหร่แม่จะต่อยสักหมัด รักจิราคิดในใจ พลางลอบมองออกไปนอกห้องน้ำ จนเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

(ไอ้รักแกอยู่ไหน)

“รู้แล้วน่า ไอ้เปาอยู่ ๆ ก็มา เค้ากำลังรอจังหวะให้มันเผลอแล้วจะรีบไป รอก่อน”

(อย่าช้านะ เดี๋ยวฉันต้องกลับไปดูแลน้าทิพย์)

“ถ้าตัวจะห่วงว่าที่แม่สามี่ขนาดนั้นก็ไม่ต้องมาหรอก เค้าจะไปเอง”

(ไม่ได้ แกรีบมารับฉันด้วย ถ้าช้าฉันจะไปคนเดียว)

“หยุดคิดอะไรบ้า ๆ เลยนะ จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ อย่าทำเป็นวันรุ่นใจร้อน พึงสังวรเอาไว้บ้างเจ๊กำลังจะเข้าวัยทอง” รักจิราพูดกรอกประชดใส่โทรศัพท์

(กรี๊ด!!! ไอ้รัก แก...ติ๊ด) รักจิรากดตัดสายทิ้งไป และเดินไปที่หน้าประตูค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก รักจิราเดินวนเวียนไปมาเหมือนจะพยายามนึกว่าจะสลัดปรชญายังไงให้หลุด รักจิราทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ รักจิราเดินไปที่อ่างล้างหน้าและกดน้ำให้เปียกชุ่มมือและพรม ๆ ใส่หน้าก่อนจะเดินออกจากจากห้องน้ำ ตีใบหน้าให้ดูเจ็บปวดสุด ๆ

“น้องรักทำไมเหงื่อออกขนาดนั้นล่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า” ปริชญาทำท่าจะเข้ามาพยุง

“ไม่ต้อง ฉันเดินได้ โอ๊ย!!!” รักจิราร้องเสียงดัง

“เป็นอะไรน้องรัก” ปรัชญาทำหน้าตื่นตกใจเมื่อรักจิราร้องเจ็บปวดแบบสุดใจ

“ปวดท้อง สงสารโรคกระเพาะจะกำเริบ คงเพราะตั้งแต่เช้าจนเที่ยงจะยังไม่ได้กินอะไรเลย”

“จะให้พี่ช่วยอะไรไหม เดินไหวไหม ให้เฮียอุ้ม...”

“ไม่ต้อง” รักจิราหันไปพูดเสียงแข็งเหมือนจะนึกได้ว่าหลุดอาการก็รีบปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นเช่นเดิมก่อนจะเอ่ยต่อ สีหน้าแสดงความเจ็บปวดมากขึ้น

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปนั่งพัก แก...เอ่อ...เฮียเปา เฮียช่วยไปซื้อยาแก้โรคกระเพาะให้ฉันได้ไหม”
“เอ่อ...ในสำนักงานไม่มีหรอ”

“หมดตั้งแต่เมื่อวาน เฮียไปซื้อให้หน่อยนะ ร้านขายยาอยู่ไม่ไกล เดินไปก็ได้” รักจิรามองเหมือนขอร้องสุด ๆ

“แต่ว่า...”

“หรือแค่เงินไม่กี่บาทเฮียงกไม่ซื้อให้ อย่างนี้หรอจะเอาชนะใจฉัน เดี๋ยวฉันโทรตามสายฟ้าก็ได้ ถ้าเป็นสายฟ้าคงจะรีบซื้อมาให้”

“ไม่ต้อง ๆ แค่ไปซื้อยาเฮียทำได้ เดี๋ยวเฮียไปส่งรัก”

“พี่รักคะ” รักจิรามองหฤหัยที่เดินมาได้จังหวะ หฤทัยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า รักจิราโผเข้าไปเกาะไหล่เอามือโอบเอวไว้ หฤทัยมองมือที่คล้องเอวเธอและมองรักจิรา

“เอ่อ...ไม่ต้องหรอกเฮียรีบไปซื้อยาฉันปวดท้องมาก อ่อแวะซื้อข้าวผัดร้านตรงข้ามกลับร้านขายยาให้ฉันด้วย เฮียไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันให้หวานไปส่ง หวานเป็นรุ่นน้องฉัน รีบไปเถอะ”

“แน่นะ ว่าไม่ให้เฮียอุ้ม”

“ถ้าเฮียช้าฉันจะโทรเรียกสายฟ้า”

“ก็ได้ ๆ” แล้วปรัชญาก็รีบเดินไป รักจิรารอสักพักก่อนจะปล่อยมือออกจากเอวหฤหัยและวิ่งไปดูที่หน้าต่าง มองจนแน่ใจว่าปรัชญาเดินพ้นตึกไปแล้ว รักจิราวิ่งกลับเข้าไปเอากระเป๋าออกจากห้อง

“พี่รักจะไปไหนคะ ไม่ปวดท้องแล้วหรอคะ”

“ไม่แล้ว หวานถ้าเกิดไอ้เฮียเปานั่นกลับมา มันถามหาพี่บอกว่าพี่กลับบ้านไปแล้วนะ พี่ไปนะ”

“เดี๋ยวค่ะ พี่รักจะไปไหนคะ”

“ธุระด่วน พี่ไปนะ” แล้วรักจิราก็วิ่งออกไปเพราะกลัวปรัชญาจะวิ่งกลับมาอีกรอบ รักจิรานั่งรถแท็กซี่กลับไปที่ร้านเพื่อเอารถของแก้วกัลยาและขับรถไปหาแก้วกัลยาที่โรงพยาบาลที่เจ้าตัวอาสาเป็นพยาบาลพิเศษชดเชยความผิดให้กับเพทาย



(เจ๊แก้วเค้าถึงแล้วลงมาเลย) และแก้วกัลยาก็เดินออกมาจากโรงพยาบาล ตรงมาที่รถ หน้าตาดูสดใสขึ้นเพียงแค่วันเดียวที่เพทายยอมคุยด้วย แก้วกัลยาเปิดประตูขึ้นมานั่งบนรถ รักจิราขับรถออกจากเขตโรงพยาบาลและเริ่มต้นพูด

“หน้าตานี่สดใสขึ้นกว่าเมื่อวานนะ”

“แน่นอนสิยะ ว่าแต่เรื่องที่แกไปถามรุ่นน้องแกมาว่ายังไง ได้เรื่องไหม”

“ไม่ได้จะใช่รักจิราหรอ ไอ้นิวมันบอกว่าไอ้แบงค์เนี่ยอยู่แถว ๆ xxx มันทำงานอยู่ที่ผับนั่นจริง ไอ้นิวเล่าประวัติมันให้ฟังด้วย ไอ้นิวบอกว่ามันติดคุกโดนยัดข้อหาค้ายา พอออกมาก็หางานทำไม่ได้ เลยมาเป็นลูกไล่ของพวกนักเลงแถวนั้น แม่ยังติดพนันต้องหาเงิน จากที่รู้จักมันเมื่อตอนนั้นมันเป็นคนดีมาก แต่นะชีวิตคน เฮ้อ...”

“แล้วเราจะเจอมันที่นั่นไหม”

“น่าจะเจอ ไอ้นิวทำงานอยู่ผับเดียวกับมัน มันบอกว่าไอ้แบงค์ไม่มาทำงานหลายวันแล้ว คงกลัวโดนจับได้ หรือไม่ก็ตัวบงการสั่งให้หนี เราคงต้องไปดูมันที่บ้านก่อน ถ้ามันยังไม่หนีไปไหนก็คงจะเจอ”

“ถ้าช่วยคุณเพชรเรื่องนี้ได้คุณเพชรจะได้ลดความเครียดให้น้อยลง ฉันเห็นคุณเพชรหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วไม่สบายใจ” รักจิรามองพี่สาวที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนเจ้าตัวเขาอยู่เรื่อย

“ค่ะแม่คนดี หลงขนาดนี้ถ้าเกิดคุณเพชรเค้าไม่เลือกจะหัวเราะให้ดู”

“ปากหรอนั่น บอกให้ฉันต่างหากที่เลือกคุณเพชร”

“หรอ...ถ้าคิดแบบนั้นแล้วสบ่ายใจก็ตามใจ”

“เลิกพูดเรื่องฉันได้แล้ว ว่าแต่ไอ้ฟ้ามันปล่อยให้แกห่างตาได้ยังไง ปกติแกไปไหนมันต้องตามไม่ใช่หรอ” พอพูดถึงสายฟ้าใบหน้าของรักจิราก็มุ่ยขึ้นมาทันที

“ไปหาแฟนเขามั้ง”

“บ้าน่า ไอ้ฟ้าเนี่ยนะมีแฟนแล้ว ไม่จริงหรอก ฉันว่าฉันไม่พลาดแน่ ๆ จากสายตามันอ่ะ”

“เลิกพูดเรื่องนี่เถอะเจ๊แก้ว” แก้วกัลยามองหน้ามุ่ย ๆ ของน้องสาวและยิ้มออกมา นี่ล่ะนะ ปากแข็ง ใจก็ทำแข็ง แต่ตาฟ้องออกมาแล้ว

“ไม่ถามถึงไอ้ฟ้าก็ได้ ฉันถามถึงว่าที่เจ้าบ่าวแกแล้วกัน หนีไอ้เปามันมาได้ยังไง”

“เจ๊แก้ว ถ้าเจ๊ไม่หยุดพล่ามถึงคนที่ทำให้เค้าโมโห เค้าจะโทรไปหาเฮียจิว ให้เฮียจิวมาหาตัวบ้างนะเจ๊แก้ว แล้วเจ๊แก้วจะรู้สึก”

“หยุดความคิดแกเรื่อง เลิกพูดก็ได้ แล้วใกล้ถึงหรือยัง” ทันทีที่แก้วกัลยาถามรถก็จอดลง

“ถึงแล้วเจ๊แก้ว เราต้องเดินเข้าไปแล้วล่ะ” แก้วกัลยามองซอยแคบ ๆ เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นสลัมแบบชัด ๆ แก้วกัลยาเปิดประตูเดินลงมาในมือถือร่มสวมแว่นกันแดดครบครัน

“แกนี่เราต้องเข้าไปในนั้นจริงสิ”

“จริง ถ้าอยากเจอมันก็ต้องเข้าไป แล้วนี่ตัวจะโอเว่อร์ไปไหม แล้วเค้าไม่ได้โทรบอกตัวก่อนหรอเจ๊แก้วว่าเราไม่ได้มางานแฟชั่นวีคไม่ต้องจัดเต็ม ถ้าเจ๊ตกน้ำพวกนั้นเค้าไม่ลงไปช่วยงมนะ เปลี่ยนส่นสูงเป็นอีแตะในรถเค้าเลย”

“ไม่เอา ฉันสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ยอมถอดส้นสูงอีกเด็ดขาดหลังจากปาหัวไอ้เอ็มแตกไป”

“เจ๊แก้วนี่มันใช่เวลาไหม แล้วตัวรู้ไหมตรงนั้นอ่ะพื้นปูน แต่ตรงไปลึกข้างในมันเป็นพื้นไม้ เอาล่ะเปลี่ยนไม่เปลี่ยน เค้าไม่ให้ตัวมาเป็นภาระเค้านะ เร็ว”

“แกทำร้ายฉันไอ้รัก” แล้วแก้วกลัยาก็เดินหน้าบึ้งไปเปิดหลังรถหยิบรองเท้าแตะที่รักจิรานำมันมาถอดทิ้งไว้มาสวมใส่ เธอสาบานกับตัวเองแม้ต้องเดินเท้าเปล่าเธอจะไม่ใช่ปั๊บป้าเด็ดขาด แล้วนี่อะไรชีวิตไฮโซของเธอป่นปี้หมดเพราะรักจิรานี่นะ น้องตัวแสบที่ทำลายเธอทุกอย่าง

“คราวหน้าคราวหลังถ้าบอกว่าให้แต่งทะมัดทะแมงก็ทะมัดทะแมง ไปได้แล้ว ส่วนร่มเอาไปเก็บอย่าเอามันมาเป็นภาระ เสื้อแค้นยาวกับแว่นกันแดดก็พอแล้ว”

“นี่แกเป็นพี่ฉันหรือน้องฉันไอ้รัก”

“หวังดีนะเจ๊แก้ว เค้าเตือนเพราะถ้าเกิดไปเจอเจ้าถิ่นเข้าจะแย่ ซอยแถวนี้เป็นซอยพวกแก๊งค์ขี้ยามันชอบมาซ่องสุม แม้ตัวจะวิ่งบนส้นสูงได้ แต่ส้นสูงบนพื้นไม้ตัวตายแน่เจ๊แก้ว แล้วยิ่งทำอะไรให้เป็นจุดเด่นจะยิ่งไม่ดี แล้วตัวแต่งตัวโอเว่อร์กลางร่มใส่ส้นสูง มันก็ได้แห่ตามตัวมาสิเจ๊แก้ว ไป” รักจิราเดินนำไป แก้วกัลยารีบวิ่งตามรักจิราไป รักจิราพาเดินลัดเลาะมองที่อยู่ในกระดาษและถามทางไปด้วย

“นี่เดินมานานแล้วแกรู้ทางป่ะเนี่ยไอ้รัก”

“พึ่งมาครั้งแรกเหมือนตัวนั้นแหละเจ๊แก้ว ตัวเลิกบ่นสักทีเถอะ ป้าคนนั้นบอกว่าเราเดินไปอีกนิดก็จะถึงแล้ว นั่นไง” รักจิราชี้ไปที่บ้านไม้โทรม ๆ เก่า ๆ บ้านเลขที่ 99 ตามใบที่เขียนบอกมา รักจิรามองประจตูบ้านที่ปิดสนิท

“มีใครอยู่ไหม” รักจิราเอ่ย

“บ้านปิดประตูเงียบขนาดนี้แกยังถามโง่ ๆ อีกหรอรัก”

“เอ้าตัวไม่เคยดูหนังหรอว่าคนทำผิดเค้าไม่เปิดประตูรับคนแปลกหน้า บางทีอาจมีคนอยู่แต่อาจจะแกล้งทำเป็นไม่อยู่ก็ได้”

“ฉันว่าแกดูละครมากไปนะ”

“เอ้ามาหาใครล่ะ” สองสาวที่กำลังเถียงกันหันไปมองผู้หญิงหน้าตาโทรม ๆ ใบหน้าดูหงุดหงิด ดวงตาปรือ ๆ ในมือถือขวดเหล้า กลิ่นเหล้าคละคลุ้ง ทั้งสองมองหน้ากัน

“พวกเรามาหาแบงค์ค่ะ” รักจิราเอ่ย

“ไอ้แบงค์ หึ มันไม่กลับบ้านมาสามวันแล้ว ไปตายที่ไหนแล้วก็ไม่รู้” รักจิรามองใบหน้าผู้หยิงที่กำลังพูดไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่

“แล้วป้าเป็นอะไรกับแบงค์ค่ะ”

“ข้าก็เป็นแม่มันน่ะสิ ไม่มีอะไรแล้วก็หลบ ๆ ไป ข้าจะเข้าบ้าน”

“ป้าพอจะรู้ไหมคะว่าแบงค์ไปไหน”

“เอ๊ะ ก็บอกว่าไม่รู้ไง หลีกทางข้าจะเข้าบ้าน”

“แต่ป้าค่ะ พวกเรามีนี่ค่ะ” แก้วกัลยาหยิบแบงค์ห้าร้อยออกจากกระเป๋า อรนงค์แม่ของแบงค์หรืออธิชาติหันมามอง แต่ทำเป็นไม่เห็นและจะเดินเข้าบ้าน

“ถ้างั้นหนึ่งพันบาทถ้าป้าบอก”

“พวกเอ็งเป็นใครก็ไม่รู้ พันเดียวแลกกับลูกข้าไม่เอาหรอก ไป ๆ ข้าจะไปนอนแล้ว”

“ห้าพันขาดตัว ถ้าไม่เอา ดูจากสภาพป้าแล้ว คงรอเงินลูกอยู่ และถ้าลูกป้าไม่กลับบ้าน ป้าก็จะไม่มีเงินใช้ ดูจากสภาพนี้ป้าคงไปเล่นไพ่มาแล้วหมดตัวแล้ว บางทีอาจจะติดหนี้เขาอีก และรอเงินจากลูก แต่รับรองถ้าอาทิตย์นี้ลูกป้าไม่กลับมาป้าแย่แน่ คิดเอานะ ฉันจะนับหนึ่งถึงสามถ้าไม่เอา ก็จบ คิดว่ามีป้าคนเดียวหรือไงที่รุ้ว่าลูกป้าอยู่ไหน หนึ่ง สอง...สาม...ไปรัก”

“เอ่อ...ก็ได้ ๆ ไอ้แบงค์มันน่าจะไปคลุกตัวอยู่ที่บ่อนทำงานให้เสี่ยพงศ์บ่อนที่ข้าไปเล่น ไอ้แบงค์มันสั่งข้าไว้ว่าถ้ามีคนมาถามหามันให้บอกว่าไม่รู้”

“แล้วบ่อนนั่นอยู่ที่ไหน”

“ไม่ไกลจากที่นี่ เดินถัดไปอีกประมาณสามซอย บ่อนอยู่สุดซอยนั่นแหละ”

“ทำไมมีบ่อนมาอยู่ในสลัมเล็ก ๆ แถวนี้ไม่มีตำรวจรู้ มันเป็นบ่อนเล็ก ๆ หรือบ่อนใหญ่” รักจิราถามอย่างสนใจ เลือดนักข่าวกำลังร้อนขึ้นมาทันที เพราะเดือนกว่า ๆ นับจากโดนสั่งห้ามทำข่าว เธอไม่ได้ลงทำข่าวอีกเลย แต่การได้มาเห็นข่าวลอยอยู่ตรงหน้า สัญชาตญาณนักข้าวก็ร้องเตือนเธออีกครั้ง

“เป็นบ่อนใหญ่ แต่ตำรวจจะไปรู้ได้ยังไง ก็แถวนั้นเป็นถิ่นเสี่ยพงษ์ ใครหือใครอือ แกสั่งเก็บหมด ข้าตอบหมดแล้วเอาเงินมาสิ ข้าจะได้ไปทำธุระปะปังของข้าบ้าง”

“ป้าแน่ใจแค่ไหนว่าลูกป้าอยู่ที่นั่นจริง ๆ ป้าไม่ได้โกหกพวกเราใช่ไหม” แก้วกัลยามองอย่างจับผิด อรอนงค์ไม่มีท่าทีโกหก และตอบแก้วกัลยากลับไป

“แน่สิ ข้าแม่มันนะ เวลามันไม่กลับบ้านถ้าไม่ไปที่นั่นก็ค้างที่ผับที่มันทำงานอยู่ แต่ก่อนกลับมาข้าแวะไปหามันมาแล้วที่นั่น” แก้วกัลยายื่นเงินนั่นให้อรนงค์เมื่อได้รับคำตอบ มืออรนงค์กำลังจะคว้ารับเงินนั่นไว้ แก้วกัลยาชักมือกลับ

“ฉันขอเตือนนะป้า ถ้าลูกป้าตาย หรือเป็นอะไรขึ้นมา ป้าอดตายหรือไม่ก็โดนพวกบ่อนกระทืบตายแน่ ป้าควรจะคิดได้แล้วว่าอายุยิ่งมากโอกาสในการทำอะไรก็น้อยลง ถ้าป้ายังทำตัวแบบนี้วันหนึ่งไม่มีลูกป้าจะอยู่ยังไง ที่แบงค์ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำก็เพ่อหาเงินมาให้ป้า แต่ป้าเองไปลงที่ขวดที่บ่อนหมด ถ้าป้ายังทำตัวแบบนี้วันหนึ่งป้าจะตายอย่างอนาถแน่นอน”

“แกแช่งข้าหรอ”

“เปล่า ฉันก็แค่เตือนป้า ป้าใช้ชีวิตแบบนี้ตั้งแต่แบงค์ยังเรียนอยู่ จนแบงค์หมดอนาคตป้าก็ยังทำตัวแบบนี้ ป้าไม่สงสารแบงค์บ้างหรอ ถ้าแบงค์ไม่มีทางเลือกต้องไปทำเรื่องไม่ดีขึ้นมา ที่ลูกป้าเสียคนก็เพราะป้านั่นแหละ”

“แก...”

“ยังทำอะไรได้ก็ควรทำ ถ้าไม่ทำก็อย่าทำตัวให้เป็นภาระ ไปรัก” แก้วกัลยายัดเงินใส่มือคนที่ยืนนิ่งชะงัก และเดินออกไป ควรปล่อยให้ได้คิดอะไรบ้าง ถ้าพูดชนาดนี้แล้วคิดไม่ได้ สุดท้ายจุดจบก็คงไม่ต่างคนอื่นหรอก




“ตัวเจ๋งอ่ะเจ๊แก้ว”

“ฉันพึ่งจะเข้าใจรุ่นน้องของแกแล้ว แค่ชีวิตหมดอนาคตเพราโดนยัดข้อหาก็แน่แล้ว แต่นี่มีแม่เป็นภาระอีก คงไม่มีทางออก แล้วไปคบกับพวกแก๊งค์ค้ายาพวกนั้น มันเป็นวงจรที่เลวร้ายจริง ๆ แล้วนี่เราจะไปไหน”

“ก็ไปซอยที่ว่าไง เผลอ ๆ เค้าอาจจะได้ข่าวกลับไปแก้ตัวให้สายฟ้าดูว่าฉันทำข่าวได้”

“หยุดคิดไปเลยนะ จำไว้ว่าพวกเราไม่ได้มาทำข่าว ถ้าไม่อยากเดือดร้อนห้ามทำสิ่งที่แกคิดอยู่ แม่ของนายนั่นบอกว่าถัดไปสองสามซอยใช่ไหม”

“ลองถามคนแถวนี้ดูก็ได้”

“นี่แกคิดว่าคนอื่นเขาจะรู้หรอ เปิดผับนะเว้ย”

“ไม่เชื่อใช่ไหม เดี๋ยวรอดู” รักจิรามองคนที่เดินผ่านไปผ่านมาและตรงไปห้าป้าคนหนึ่งที่กำลังขายส้มตำอยู่

“ป้าค่ะ คือพวกเราจะไปบ่อนเสี่ยพงศ์ ต้องเดินไปอีกไกลไหม” แม่ค้าส้มตำทำหน้างง ๆ มองการแต่งตัวของวสองสาวเหมือนยังงง

“เดินไปอีกสองซอย บ่อนเสียพงศ์อยู่สุดซอย แต่บ่อยเสี่ยพงศ์ไม่ค่อยให้คนนอกเข้าไป ส่วนใหญ่ต้องเป็นขาประจำ” สองสาวมองหน้ากัน

“เอ่อ...พอดีมีคนแนะนำมาค่ะป้า พวกเราขอตัวนะคะ” สองสาวพากันเดินไปตามที่แม่ค้าขายส้มตำบอก

“เฮ้ยบ่อนมีคนรู้แบบนี้ทำไมตำรวจยังจับไม่ได้”

“ก็ป้านงค์แม่ไอ้แบงค์มันบอกอยู่ว่าแถวนี้ถิ่นเสี่ยพงศ์ คงมีปิดปากอะไรไปบ้าง ไปเถอะเจ๊แก้ว เดี๋ยวก็เย็นพอดี มาตั้งแต่บ่ายนี่สามโมงกว่าแล้วนะ”

“แล้วเราจะเข้าไปยังไง ป้าร้านส้มตำแกก็บอกว่ามันไม่ให้คนแปลกหน้าเข้าไป ถ้าไปขอเจอไอ้แบงค์ตรง ๆ เขาไม่ให้เข้าแน่” แก้วกัลยาคิด รักจิราไม่รอลากแขนแก้วกัลยาให้เดินดุ่ม ๆ เข้าไปด้านใน

“ไอ้รักแกอยากตายก่อนหรือไง” แก้วกัลยาพูดเมื่อรักจิราเดินไปที่บ้านไม้ที่สภาพกึ่งเก่ากึ่งไม้ที่หลังรั้วมีบ้านสองหลังที่ปลูกติดกัน รักจิราคิดว่ามันคงเคยเป็นบ้านคนละหลัง แต่เสี่ยพงศ์คงรื้อรั้วกั้นกลางออกและทำเป็นบ่อนโดยสร้างทางเชื่อมต่อระหว่างสองบ้านเข้าหากัน

“เถอะน่า” รักจิราลากพี่สาวมาถึงหน้าประตูทางเข้าซึ่งมีชายร่างยักษ์สองคนยืนอยู่

“ที่นี่ไม่ให้คนแปลกหน้าเข้า”

“พวกเรารู้จากน้านงค์ แม่ของแบงค์ รวมถึงแก๊งค์ของไอ้แบงค์ฉันก็รู้จัก น้านงค์บอกว่าที่นี่เป็นบ่อนของเสี่ยพงศ์ ปลอดภัยที่สุดในกรุงเทพ พวกเรามีเงิน พวกเราจะจ่ายให้นายคนละสองพันให้พวกเราเข้าไปเล่นได้ไหม”

“ไม่ได้กฎก็ต้องเป็นกฎ ถ้าอยากเข้าก็ต้องเป็นสมาชิดหรือมีคนรับรองก่อน”

“งั้นพวกเราขอพบเสี่ยพงศ์ก่อนก็ได้”

“เสี่ยพงศ์ไม่อยู่”

“เอาอย่างนี้ฉันจะเซ็นเช็คให้พวกนายคนละสองหมื่น ให้พวกเราเข้าไปเล่น พอเสี่ยพงค์กลับมานานก็เข้าไปตามพวกฉันให้ไปพบเสี่ย ยังไงพวกเราก็หนีไม่ได้ และถ้าเสี่ยยอมให้พวกเราเข้ามาเล่นในบ่อนนี้ได้ เสี่ยอาจจะเลื่อนขั้นจากคนเฝ้าประตูไปทำหนเที่อื่นเพราะพวกนายหาลูกค้ากระเป๋าหนักอย่างพวกฉันให้ ทั้งสองหันมองหัน

“ก็ได้ เอาเงินมาก่อน” แก้วกัลยาหยิบเช็คขึ้นมาเซ็นและส่งให้ทั้งสอง ทั้งสองรับเช็คมาเปิดดูอย่างพอใจเมื่อเห็นจำนวนเงิน ยิ่งนามสกุลทั้งสองก็พอมองออกว่าสองสาวเป็นคนมีเงิน

“เอ่อ...แบงค์อยู่ที่นี่ไหม”

“ถามถึงมันทำไม”

“มันบอกว่าจะยืมเงินฉันไปใช้หนี้น่ะ”

“มันอยู่ด้านในนั่นแหละ” รักจิราพยักหน้ารับและเดินตามชายร่างใหญ่ก้ามปูคนนั้นที่เปิดประตูให้ทั้งสองเดินเข้าไปด้านใน ถายในบ่อนเหมือนกับที่เคยเห็นในโทรศัพท์ไม่มีผิด มีคนนั่งอยู่ตามโต๊ะต่าง ๆ เสียงเงอยู่ในโต๊ะของตัวเอง ใบหน้าแต่ละคนเหมือนอดหลับอดนอน ตั้งหน้าตั้งตาเล่น รักจิรามองภาพนั้นอย่างสมเพชรและเวทนา ทั้งคนแก่ คนหนุ่ม วัยรุ่น วัยทำงาน ปะปนอยุ่ในกลุ่มคนเหล่านี้ อบายมุขหล่อหลมอให้คนเป็นเดรัจฉานได้

“นี่เจ๊ลงทุนขนาดนี้เลยหนอ”

“เดี๋ยวไปอาญัติเช็คสิ ใครจะโง่ให้เงินพวกมัน เอาอย่างนี้ก่อนที่ให้เสี่ยพงศ์จะกลับมา เรารีบไปตามหานายแบงค์ อีกสิบห้านาทีมาเจอกันตรงนี้นะ คงอยู่นานไม่ได้” ทั้งสองพยักหน้าและเดินแยกกันตามหาอธิชาติ รักจิรากวาดตามองแต่ไม่เห็นเงาของอธิชาติแม้แต่น้อย และยิ่งเดินเข้าไปเลือดนักข่าวก็ยิ่งร้อน รักจิรามองซ้ายขวาเมื่อไม่เห็นว่าใครสักเกตเห็นก็เดินตรงไปที่ทางเชื่อมกันของบ้านสองหลัง บานประตูเปิดอ้าไว้กลับไร้เงาคนเฝ้ารักจิราค่อย ๆ เดินอย่างระมัดระวังเสียง ชั้นบนแบ่งออกเป็นสามห้อง ข้างล่างมีเสียงคนดังอยู่คงเป็นบ่อนเหมือนกัน รักจิราสนใจห้อง ๆ หนึ่งที่แง้มประตูอยู่และมีเสียงร้องทรมานของคน และเสียงข่มขู่ตะคอกเสียงดัง เลือดนักข่าวยิ่งร้อนขึ้น รักจิราหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงและมองป่านประตูที่แง้มอยู่เข้าไป เธอเห้นผู้ชายคนหนึ่งนอนจมกองเลือด

“ถ้าพรุ่งนี้แก/ไม่หาเงินมาใช้หนี้เสี่ยแกได้เป็นศพแน่” รักจิราทนมองความป่าเถื่อนนั่นต่อไม่ได้ และเธอจะต้องแจ้งตำรวจมาจัดการให้ได้ แต่เธอต้องมีหลักฐานที่มากพอ ตำรวจท้องที่ทำอะไรไม่ได้ แต่ตำรวจคนอื่นถ้าเธอไปขอให้อติพงษ์ช่วยเขาต้องช่วยแน่ รักจิราหยิบโทรศัพท์กดถ่ายภาพ และกำลังคิดว่าจะไปถ่ายภาพข้างล่าง เสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้น

“นั่นใคร” บานประตูเปิดออก รักจิราลุกขึ้นและตั้งท่าวิ่งไปในทันที วินาทีนี้ไม่มีเวลาอีกแล้ว

“จับนังนั่น” รักจิราตั้งใจวิ่งกลับไปบ้านหลังที่สองเพื่อไปตามพี่สาว แต่กลับรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองจากห้อง ๆ หนึ่ง พอหันไปยังไม่ทันอ้าปากตะโกน

อุ๊บส์!!!

“เบา ๆ เจ๊รัก เดี๋ยวพวกมันก็แห่มาที่นี่หมด”

“ไอ้แบงค์”

“เจ๊ต้องรีบออกไปเดี๋ยวนี้พวกมันกำลังตามหาเจ๊ เดี๋ยวผมจะไปล่อมันไว้ก่อนเจ๊วิ่งออกไปทางประตุหลังมันจะทะลุไปอีกซอยหนีไปให้เร็วเลย”

“แล้วแกรู้ได้ยังไงว่าฉัน”

“ผมเห้นเจ๊ตั้งแต่เจ๊เข้ามาแล้ว แต่ผมไม่อยากให้เจ๊เห็นผม ผมกลัวเจ๊ผิดหวังที่ผมต้องเป็นแบบนี้ แต่ผมรู้จักคนอย่างเจ๊รักดีว่าไม่มีทางเดินเปล่า ๆ และปล่อยสิ่งไม่ดีที่เจอไว้แน่ ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว เจ๊รีบไปเถอะ”

“แล้วเจ๊แก้วล่ะ”

“พี่สาวเจ๊ผมให้ออกไปก่อนแล้ว ผมเจอพี่สาวเจ๊ก่อนแล้ววิ่งมาช่วยเจ๊นี่แหละ”

“แต่ฉันมาตามแก จะให้ฉันกลับโดยที่แก”

“เอาเป็นว่าผมจะตามไปแล้วกัน พี่สาวเจ๊ข่มขู่ผมขนาดนั้นถ้าผมไม่ตามออกไป ต้องตามมาเผาบ้านผมแน่ ผมจะเล่าให้ฟัง ตอนนี้ผมก็กำลังหนีคนที่จ้างผมทำ พวกมันจะฆ่าผม เอาเป็นเจ๊ไปเร็วเถอะ เวลาไม่มีมากหรอกนะ” รักจิราพยักหน้าและวิ่งออกไปทางประตูหลัง แต่เหมือนพวกมันจะเห็นก่อนว่าเธอวิ่งออกมา พวกมันจึงวิ่งตามหลังเธอมา รักจิราวิ่งออกจากประตูหลังแต่วิ่งที่อธิชาตยังไม่บอกเธอคือ แล้วเธอควรจะไปทางไหนล่ะ ในเมื่อซอยแถบนี้แทบทุกซอยมันทะลุต่อกัน แต่เชื่อเถอะว่าเธอวิ่งกลับไปข้างหน้าต้องเจอพวกมันแน่

“เอาไงดีวะ”

ปัง!!!

เสียงปืนยิงตามหลังรักจิรามา รักจิราหันซ้ายขวาตัดสินใจวิ่งเข้าอีกซอย หวังว่าดวงเธอจะดี วิ่งพ้นพวกมันได้ รักจิราวิ่งลัดเลาะไปมั่ว ๆ และผลคือ

“หยุดแค่นั้นแหละ” รักจิรามองคนคุมบ่อนร่างยักษ์สามคนที่ขวางหน้าเธอไว้ จุดไต้ตำตอจริง ๆ วิ่งไปวิ่งมาดันมาเจอพวกมันได้ รักจิราถอยหลังจะกลับทางเก่าแต่พวกมันก็ขวางหน้าเธออยู่ รักจิราคิดว่าเธอคนเดียวคงสู้พวกก้ามปูหกคนไม่ได้ แม้เธอจะทะนงตัวว่าเก่งเรื่องชกต่อย แต่เธอก็พอจะประมาณตัวได้ เธอจะหนีจากสถานการณีนี้ไปได้ยังไง นี่สินะที่อัสนีย้ำเธอนักหนาว่านักข่าวสิ่งที่ควรจำไว้ให้แม่นขึ้นอย่าวู่วาม อย่าเลือดร้อน และคิดอย่างรอยคอบแม้จะอยู่ในเหตุการ์ใน ห้ามหยุดคิด แต่เธอหยุดคิดมัวแต่นึกถึงกฎหมาย ตอนนี้เธอกำลังซวยอย่างที่สุด บทเรียนครั้งก่อนบทเกาะไม่ได้สอนเธอให้เคล็ดหลาบเลย แล้วครั้งนี้เธอจะหนียังไง มองไม่ทางไหนก็ทางตัน มีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นแหละที่ช่วยเธอได้ แต่ปาฏิหาร์ยคงไม่มีทางเกิดขึ้นในเวลาแบบนี้แน่นอน


...ติดตามต่อต่อไป...



ทักทายเหล่ารีดเดอร์ที่น่ารักทุกคนค่ะ
ตื่นเต้นและค้างกันไปอีกตอน รักเราเป็นเรื่องอีกแล้ว ออกแนวหาเรื่องใส่ตัวตลอด
ถึงพาสตัวเองทีไรมีัเรื่องให้เธอสร้างอีกตลอด ต้องมาลุ้นแล้วล่ะว่ารักจะทำยังไงกันนะ
เธอจะสู้จนตัวตายหรือจะเหาะหนีกันเนี่ย 5555

ใครยังรอขวัญอีกประมาณสองตอนน่าจะได้พบนางแน่นอน
รู้ว่า่รีดเดอร์กำลังรอว่านางจะเป็นยังไง

ส่วนแก้วหลังจากออกไปแล้วจะเจออะไรหรือเปล่าก็รอกันนะคะ

ช่วงนี้เป็นช่วงกลางเทอมไรเตอร์กำลังเริ่มสอบกลางภาค ต้องเก็บเวลาไปอ่านหนังสือสอบด้วย
อาจจะมีหายไปบ้าง ไม่ได้มาตามนัดก็อย่าว่ากัน แล้วจะรีบนำตอนมาลงให้

พบกันในตอนต่อไป ไม่มีอะไรฝากไปมากกว่าผากคอมเม้นส์ด้วยนะคะ
บ๊ายบายค่ะ




พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ต.ค. 2557, 18:09:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ต.ค. 2557, 18:14:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1150





<< 30 ไม่จบไม่สิ้น   32 ตามรัก ตามล่า 2 >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 4 ต.ค. 2557, 21:34:50 น.
รองเท้าส้นสูงเจ้แก้วก็ไม่ได้ใส่มา แล้วใครจะเป็นคนช่วยเธอละ ยัยรัก หาเรื่องเก่งตลอด เพิ่งมาคิดได้ตอนนี้ รอเจ็บหนักก่อนดีมั้ยยยยย นิสัยเสียจริงๆ เล้ยยย


แว่นใส 4 ต.ค. 2557, 23:55:49 น.
พระเอกขี่ม้าขาวจะมาช่วยไหม


ปลาวาฬสีน้ำเงิน 5 ต.ค. 2557, 02:33:01 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account