เศษหนึ่งส่วนสองยกกำลังศูนย์

เป็นเรื่องราวของคนหน้าตาไม่เข้าตา ไม่เป็นที่นิยม
ไม่ฮิต ไม่ฮอตของคนสองคน...
ที่ไม่สมบูรณ์แบบ มีตำหนิ...ภาพประวัติไม่สวยงาม...
แต่นิสัยที่ซ่อนไว้ค่อนข้างสวยสดงดงาม...
แฝงไว้ด้วยเสน่ห์แห่งการมีชีวิต...การสร้างครอบครัว


เศษหนึ่งส่วนสอง หรือ ครึ่งหนึ่งของชีวิตหนึ่ง
มาพบกับ อีกครึ่งหนึ่งของอีกชีวิตหนึ่ง
แล้วยกกำลังด้วยศูนย์...

เลขศูนย์ที่ดูไร้ค่า ไร้ความหมาย แค่เลขกลมๆเลขนึง

หากมันได้ทำให้ เศษหนึ่งส่วนสองยกกำลังศูนย์
มีค่าเท่ากับ หนึ่งได้!

สมการทางคณิตศาสตร์ที่น่าพิศวงนี้
นำมาสู่สมการของความรักของทั้งสอง...

ทั้งคู่ที่ชีวิตไม่สมบูรณ์แบบและมีตำหนิ
จะหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร...

เรื่องนี้มีคำตอบ!!!


Tags: ดราม่า ขุนพล ไนค์ บิลกีส

ตอน: บทที่ 5 อ้อนไว้



ขุนพลรีบเคลียร์งานเพื่อจะได้มีเวลากลับมาเคลียร์เรื่องส่วนตัว
แต่กว่าทุกอย่างจะลงตัว กว่าเขาจะกลับมาถึงคอนโดที่พัก
ก็ล่วงเวลาห้าทุ่มไปแล้ว

หนุ่มใหญ่ก้าวเข้ามาก็พบเพียงความเงียบกับดวงไฟตรงประตูห้องสลัวๆเท่านั้น…
เขารีบก้าวไปยังห้องนอนของตัวเองด้วยความรู้สึกกังวล

ใช่…เขาแอบกังวล

จนมือที่บิดลูกบิดชะงักไปชั่วครู่ราวกับชั่งใจ
แล้วความว่างเปล่าของห้องนอนที่ปราศจากร่างแบบบางของใครคนนึง
ที่เข้ามาจับจองห้องนี้ร่วมสัปดาห์แล้ว
ทำเอาหนุ่มใหญ่ถึงกับหน้าถอดสี ก่อนจะเดินเข้าไปสำรวจรอบๆห้อง
ก็ไม่พบร่างของคนที่คุ้นเคย

…สัมผัสเมื่อคืนยังกรุ่นอยู่ในอกของเขา

นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้สัมผัสกับผู้หญิง เพราะความโหดร้ายของชีวิต
เขาต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ต้องช่วยพ่อช่วยน้อง
ต้องยุ่งวุ่นวายกับปัญหาต่างๆที่ซัดโหมกระหน่ำราวกับเขากำลัง
ถูกดึงดูดให้ไปอยู่ตรงตาของพายุจนแทบไม่มีเวลา…

ไม่มีอารมณ์สำหรับความสุนทรีย์ของชีวิต…

อดีตที่แสนเจ็บปวดกับปัจจุบันที่ยากลำบากและอนาคตที่แทบมองไม่เห็นอะไร
ความเหนื่อยล้า ความทุกข์ที่รุมเร้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มันทำให้เขาหมดความรู้สึก…ด้านชา…
เหมือนความรู้สึกส่วนนั้นมันตายด้านไปแล้ว…

เพิ่งจะมีเธอ เธอที่เข้ามาปลุกให้มันตื่น

…เธอที่เขารู้ดีว่าเป็นผู้หญิงที่ดี
เป็นผู้หญิงธรรมดาที่เดินอยู่ริมถนน แต่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนน

เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนถึงจะดูแล
และเก็บรักษาสิ่งมีค่าหรือพรหมจรรย์เอาไว้เพื่อคนๆหนึ่งมาได้ตลอดรอดฝั่งอย่างเธอ…

เขายอมรับว่าตกใจที่ตัวเองเป็นคนแรก
ทั้งๆที่ไม่เคยคาดหวังว่าจะได้สิ่งนั้นจากผู้หญิงที่อายุล่วยเลยสามสิบมาแล้ว

…แต่จากประวัติที่เขาให้คนไปสืบมา ก็ไม่ปรากฏว่าเธอเคยคบหาดูใจกับใคร
ไม่มีเพศตรงข้ามเข้าไปเกาะแกะ แต่งกายปกปิดมิดชิด
จนอำพรางรูปร่างของตัวได้อย่างแนบเนียน…
วันๆเอาแต่ทำงานและไปขลุกอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า…

ผู้หญิงหน้าตาเรียบๆ เรียบจนแทบไม่มีอะไรสะดุดตาหรือเข้าตาคนนั้น
คนที่ไม่เคยอยู่ในสายตาเขาเลยจริงๆ…เธอดูธรรมดาเกินกว่าที่เขาจะคิดอะไร...

แต่แปลกที่เขากลับจำเธอได้ จำวันแรกที่เจอเธอคนนี้ได้ดี…
เพียงแต่ลืม ลืมถึงการมีตัวตนของเธอ
เพราะไม่เคยคิดหรือนึกถึง…

จนถึงคราวจำเป็นที่ต้องเสาะแสวงหาใครสักคนมาช่วยดูแลพ่อกับน้องสาว
เขากลับเห็นเธอโผล่มาในความฝัน จนต้องลุกขึ้นมาเพื่อตามหาเธอ…

แล้วเขาก็ได้เจอ…เจอเธออีกครั้ง
จากที่ไม่เคยเจอกันเลยหลายร่วมสิบกว่าปี

…เธอตกลงแต่งงานกับเขาอย่างง่ายดาย ไม่เรียกร้องอะไรจากเขา ง่ายจนเขาแปลกใจ…
มันดูง่ายเกินไปจนไม่คาดคิดว่าจะมีผู้หญิงที่ยอมอะไรง่ายๆอย่างนี้…

แต่ในความง่ายนั้น เธอกลับไม่ใช่ผู้หญิงที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว…
ซ้ำยังรักนวลสงวนตัว…ซึ่งมันดูขัดแย้งกันในตัว…

จนสุดท้ายเขาก็ได้พิสูจน์และเห็นเป็นประจักษ์พยานแล้วว่า
เธอไม่ได้ง่ายกับใครเลย ยกเว้นกับเขาเท่่านั้น…

และเขาไม่ได้โง่จนไม่รู้ว่า เพราะอะไรเธอจึงยอมเขา…
แววตาซื่อตรงที่ไม่เคยปกปิดความรู้สึกของตัวเอง
กับการกระทำที่ซื่อสัตย์ วาจาที่ตรงไปตรงมา…ไร้เล่ห์เหลี่ยมเล่ห์กล
หรือเสแสร้งแกล้งทำ…ทุกอย่างเป็นคำตอบในตัวของมันเอง…


และนั่นมันทำให้เขาย่ามใจ ว่าอย่างไร เธอก็คือ ของตาย!


ขุนพลเหลือบมองไปยังผ้าปูที่นอนที่ถูกเปลี่ยน ห้องที่ถูกจัดเก็บอย่างดี…
พื้นห้องสะอาดสะอ้าน…ทำให้หัวใจของหนุ่มใหญ่หล่นราวกับถูกกระชาก
รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก…

เขาน่าจะรู้อยู่แล้วมิใช่หรือ ว่าเธอย่อมต้องจากไป…

ขุนพลทรุดตัวลงบนเบาะนุ่มนิ่มราวกับจะหมดแรง…
สายตาเหลือบไปเห็นซองสีน้ำตาลที่ยังคงวางอยู่ที่เดิม…

หนุ่มใหญ่จึงหยิบมันขึ้นมาเปิดดู คิดว่าจะได้เห็นลายเซ็นของเธออย่างที่คาดคิดไว้
แต่สิ่งที่เขาเห็นทำเอาลมหายใจสะดุด
ไม่มีแม้แต่ลายเซ็นของเธอ ซ้ำเช็คดังกล่าวก็ยังอยู่ที่เดิม…
จะว่าเธอไม่เห็นหรือไม่เปิดดูคงไม่ใช่แน่ๆ…

…มันหมายความว่ายังไง…แล้วเธอไปไหน

เธอไปทั้งๆที่ปราศจากอิสรภาพ ไปทั้งๆที่ไม่มีเงินติดตัวเลยอย่างนั้นหรือ

แล้วความรู้สึกบางอย่างก็จู่โจมเขา…

ไปโดยไม่กล่าวคำร่ำลา ไปโดยที่ทิ้งพ่อกับน้องสาวของเขาเอาไว้
ในระหว่างที่เขาไม่อยู่ เธอทำเช่นนั้นได้จริงๆหรือนี่!

แปลกที่หัวใจด้านนึง มันกระซิบบอกเขาว่า เธอไม่ทำแบบนั้นหรอก…



หนุ่มใหญ่ลุกขึ้นเมื่อปัดความรู้สึกหลากหลายที่ถาโถมเข้ามาออกไป
แล้วเดินไปยังห้องนอนของบิดา ก่อนจะถอนใจด้วยความโล่งอก
ที่พ่อของเขายังปกติดีอย่างที่เป็น หนุ่มใหญ่ยกผ้าห่มที่ร่วงตกลงมา
ห่มจนถึงคอพร้อมมองใบหน้าบิดานิ่ง

และไม่ลืมที่จะเดินไปหาน้องสาวด้วยความกังวล

ภาพบนเตียงนอนของน้องสาวก็ทำเอาลมหายใจของผู้เป็นพ่ีชายถึงกับสะดุด…
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความโล่งใจ

ใช่…เขาแน่ใจว่า เขารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ…

ภาพน้องสาวที่นอนอยู่บนเตียงโดยมีร่างแบบบางที่เขาได้แนบชิดเมื่อคืนกำลังนอนกอดอยู่
ไฟหัวเตียงยังเปิด ทำให้เห็นว่ามีหนังสือเล่มนึงตกอยู่บนลำตัวของน้องสาว
ซึ่งห่างจากมือของคนกอดเพียงนิด

ขุนพลย่องเข้าไปใกล้ๆ แล้วหยิบหนังสือนิทานเล่มนั้นขึ้นมาวางไว้บนหัวเตียง
มองเสี้ยวหน้าที่นอนตะแคงอยู่ของหญิงสาวที่เขาไม่คาดคิด
ว่าเธอจะมานอนหลับกอดน้องสาวของเขาอยู่ที่นี่…

รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากข้างนึงของหนุ่มใหญ่…


ขุนพลมองภาพนั้นอยู่นิ่งนานราวกับไม่รู้เบื่อ…ก่อนจะผละออกมา
แล้วเดินเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว จัดการอาบน้ำชำระร่างกาย

ห้องน้ำที่สะอาดสะอ้าน ผ้าขนหนูที่มีกลิ่นสะอาด
ชุดนอนที่มีกลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่มอ่อนๆถูกเตรียมเอาไว้อย่างดี
เรียกรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าเคร่งขรึมให้ผุดขึ้น…

เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว หนุ่มใหญ่ก็ทำการละหมาด เมื่อละหมาดเสร็จ
ท้องที่ยังไม่มีอะไรตกลงไปตั้งแต่หลังอาหารมื้อเที่ยงก็ดูจะเริ่มส่งเสียงประท้วง…

ขุนพลจึงเดินหิ้วท้องเข้าไปในห้องครัว
เปิดฝาครอบอาหารก็พบกับแกงส้มชะอมไข่ทอดกับปลาทอดกระเทียมพริกไทย
ส่งกลิ่นเรียกน้ำย่อยอยู่

หนุ่มใหญ่จึงจัดการนำมันเข้าตู้อบไมโครเวฟ ระหว่างนั้นก็ตักข้าวสวยใส่จาน
ก่อนจะนั่งลงจัดการกับอาหารรสเด็ดอย่างเงียบๆ…

เมื่อจัดการกับอาหารและล้างจานอย่างพยายามให้เงียบเชียบที่สุดแล้ว
ตั้งใจจะรีบกลับเข้านอน เพราะตอนเช้าตรู่เขาต้องรีบออกไปจัดการดูสถานที่ถ่ายทำอีก…

แต่เมื่อเช็ดมือกับผ้าเช็ดมือสะอาด
แล้วหันหลังกลับก็พบกับร่างแบบบางที่ยืนพิงขอบประตูห้องครัวมองมาที่เขา
ด้วยแววตานิ่งสนิท ทำเอาขาที่กำลังจะก้าวถึงกับก้าวไม่ออกราวกับถูกแช่แข็ง…


บิลกีสตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียงตะกุกตะกักในห้องครัว แม้มันจะไม่ดังมากนัก
แต่ด้วยเพราะ เป็นคนประสาทสัมผัสไวอยู่บ้าง…
จึงทำให้เธอรู้สึกได้ไม่ยาก

เธอจึงลุกขึ้นมาดูให้แน่ใจว่าใช่คนที่เธอคิดไว้หรือเปล่า

แล้วก็ใช่จริงๆ…เธอเองก็อยากจะรู้ว่าเขาจะเอาอย่างไรกับเธอกันแน่
จึงไม่คิดจะหลบหลีกหนีหน้า ถ่วงเวลาหรือบ่ายเบี่ยง…

ในเมื่อเขากล้าเอาเงินฟาดหัวเธอ 3 ล้านบาทได้
ทำไมเธอต้องกลัวกับการเผชิญหน้ากับเขาด้วย…

และเธอก็ไม่คิดจะหาเรื่องทะเลาะกับเขาในยามวิกาลเช่นนี้ด้วย…
คิดว่า ถ้าตั้งสติคุยกันดีๆ คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร…

เพราะเธอมีคำตอบของเธออยู่แล้วสำหรับเรื่องนี้


บิลกีสจึงผละเดินไปยังห้องนอนส่วนตัว ขุนพลจึงเดินตามเข้าไปอย่างเงียบๆ…
ก่อนจะมาหยุดอยู่กลางห้อง…

“ฉันเห็นใบหย่ากับเช็คเงินสด 3 ล้านบาทของคุณแล้ว”

บิลกีสเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา…

“แต่ฉันจะยังไม่หย่าและระหว่างนี้จะอยู่ stand by ดูแลพ่อกับน้องสาวคุณ
จนกว่าคุณจะหาเมียใหม่มาทำหน้าที่แทนฉันได้นะคะ…

ส่วนเช็คเงินสดนั่น คุณเอาไปทำอย่างอื่นที่จำเป็นก่อนเถอะค่ะ…
เอาไว้คุณได้เมียใหม่เมื่อไหร่ ฉันขอเป็นฝ่ายเรียกค่าชดเชยเองก็แล้วกัน…

คุณไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเดือนให้ฉัน
แค่เลี้ยงฉันไม่ให้อดมื้อกินมื้อได้ก็เพียงพอแล้วค่ะ…”

พูดจบหญิงสาวก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วห่มผ้า…

“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ…”ขุนพลมองภาพนั้นแล้วได้แต่กระตุกยิ้มที่มุมปาก
ก่อนจะเดินไปยังเตียงนอนแล้วล้มตัวลงห่มผ้าผืนเดียวกันกับเธอแล้วตะแคงข้าง
หันมาพูดกับหญิงสาวที่เพิ่งล้มตัวลงนอนไปว่า

“เมื่อคืนเธอเพิ่งบอกฉันไปหยกๆไม่ใช่เหรอ ว่าคงไม่มีผู้หญิงคนไหน
เขาอยากจะรักและอยากจะแต่งงานกับฉันง่ายๆ…”

แล้วอยู่ๆเขาก็วาดวงแขนโอบรอบเอวของร่างบางที่นอนหันหลังให้…

“ฉันว่าเธอดูถูก…และก็พูดถูก…”แล้วเขาก็ก้มลงหอมแก้มของบิลกีสหนักๆ
ก่อนจะกล่าวด้วยแววตาพราวเป็นประกายว่า

“และฉันคงเข้าใจถูกใช่มั้ย…ว่าเธอยินดีทำหน้าที่เมียให้ฉันต่อไป”

เขาจงใจย้ำหนักตรง ‘หน้าที่เมีย’ เมื่อกระซิบที่หูของหญิงสาว
ที่บัดนี้นอนแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ไปแล้ว…

“ว่าไง…”เขากระซิบชิดกกหูของเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาปนหยอกล้อ

“แค่ดูแลพ่อกับน้องคุณ…”บิลกีสพยายามเค้นเสียงออกไป
และระวังไม่ให้มันสั่นจนเขาจับได้…

“นั่นมันหน้าที่ของพยาบาล…ไม่ใช่หน้าที่เมียสักหน่อย…
ในเมื่อเธอไม่ยอมเซ็นใบหย่า ก็แสดงว่าเธอมีเจตจำนงค์ที่จะเป็นเมียฉันต่อไปมิใช่เหรอ…

ฉันว่าเธอคงไม่คิดจะนอนกอดใบสมรสอย่างเดียวหรอกใช่มั้ย…”

บิลกีสถึงกับสะอึก ลมหายใจสะดุด
ก่อนจะรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งหน้ากับถ้อยคำที่ซ่อนความนัยเอาไว้อย่างลึกซึ้ง
ราวกับพยายามต้อนเธอให้ตกไปในหลุมที่เขาขุดรอเอาไว้

เขารู้ทันเธอ!

และนั่นมันทำให้หน้าของเธอร้อนระอุจนแก้มแดงไปทั้งหน้าจนไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับสีอื่น…

ทั้งอายทั้งสั่นที่ถูกเขาจับได้จนต้องรีบมุดหน้าหนี

แต่ดูเหมือนเขาจะรู้ทันอีก เพราะเขาจับร่างของเธอให้พลิกไปหาเขา
ก่อนจะกอดเอาไว้แนบชิดแผงอกของเขา…

“ฉันก็แค่คิดว่า จะใช้ใบสมรสของคุณเพื่อขอแบ่งมรดกของคุณ
ตอนจะขอหย่าต่างหาก…เพราะฉันมั่นใจว่าต่อไปคุณต้องรวยแน่ๆ…
ฉันเห็นแววน่ะ…”บิลกีสรีบบอกปัดออกไปทั้งๆที่ใจรู้สึกหวาดหวั่น

ยิ่งเขาก้มหน้ามาหา ลมหายใจอุ่นๆของเขาเป่ารดใบหน้าจนรู้สึกร้อนวูบๆวาบๆ
เธอก็ยิ่งรู้สึกทั้งอึดอัด คับอกคับใจ จนแทบไม่อยากหายใจ…
หรือไม่ก็อยากจะหายวับไปที่ใดก็ได้ในตอนนี้

“นั่นมันเรื่องของอนาคต ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นรึเปล่า…
แต่ที่แน่ๆ…เธอก็น่าจะรู้ว่า…ระหว่างที่นอนกอดใบสมรสอยู่
เธอก็สามารถนอนกอดฉันไปพลางๆได้ไม่ใช่เหรอ…
จะได้อุ่นๆไง...ไม่ชอบเหรอ…”ขุนพลกระซิบเสียงทุ้มนุ่มพลางเชยคาง
ที่พยายามก้มหนีเขาเข้าไปซุกที่อกขึ้นแล้วยิ้มพราวขณะกล่าวต่อไปว่า

“ในเมื่อเธอเลือกฉันให้เป็นครูสอนแล้ว…เธอไม่อยากรู้บ้างเหรอ
ว่าครูอย่างฉันมีอะไรมาสอนเธอได้อีกบ้าง…

เมื่อคืนฉันอาจจะทำให้เธอตกใจไปบ้างเพราะโดนเธอสบประมาทเสียคำโต…


เหมือนโดนลูบคมยังไงก็ไม่รู้สิ...ก็เลยจัดหนักไปหน่อย...

ว่่าแต่…เธอไม่คิดจะให้ฉันแก้มือบ้างเลยเหรอ…หือ…”

และไม่ทันได้เอ่ยอะไร เขาก็ก้มลงเบียดริมฝีปากอุ่นกับริมฝีปากอิ่มของเธอหนักๆ
ก่อนจะเปลี่นเป็นแผ่วเบาแล้วค่อยๆรุกหนักขึ้นเรื่อยๆ
จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเร่าร้อน…เป็นจูบที่แตกต่างจากเมื่อคืนราวฟ้ากับเหว

มันดูอ่อนหวาน ลึกซึ้งทว่าร้อนแรง เรียกร้องอยู่ในที

ทำให้บิลกีสเผลอยกมือขึ้นวางบนแผ่นอกเขาก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนเป็น
โอบรอบคอเขาโดยไม่รู้ตัว

เผลอเพียงไม่นาน เธอก็ไม่เหลือเสื้อผ้าติดกายแม้แต่ชิ้นเดียว
ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาถอดมันไปตั้งแต่ตอนไหน…

รู้เพียงแค่ใบหน้าของเขาไม่ยอมห่่างไปไหน และพยายามซุกซนไปทั่วใบหน้า
ซอกคอและร่างที่กำลังสั่นสะท้านของเธอ

“บิลกีส…ฉันต้องการเธอ…”เขาเรียกชื่อเธอเสียงพร่า
เจือหวานแปลกๆ พร้อมถ้อยคำเรียกร้องอ้อนวอน…
แววตาที่วาบหวามยามทอดมองเธอทำเอาหัวใจของเจ้าของชื่อ
ถึงกับสะท้านและอ่อนยวบ…ใจทั้งใจเหมือนพร้อมจะโบยบินไปหาเขา
ก่อนจะยอมหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเขาในที่สุด…

จนไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า เขาทำให้เธอมีความสุข…





เขาหลับไปแล้วหลังจากเรียกร้องจากเธอจนพอใจ
ทว่า บิลกีสยังหลับไม่ลง…ได้แต่นอนมองหน้าเขานิ่งนาน

เขาอาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่มีหน้าตาหล่อเหลาจนสาวๆกรี๊ด
แต่เขาก็เป่ียมไปด้วยเสน่ห์แห่งบุรุษเพศ ยิ่งใกล้ก็ยิ่งรู้ว่าเขามี
ความเป็นผู้นำสูง เป็นนักสู้ เป็นคนเข้มแข็งไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ

อกของเขากว้างขวางราวกับแผ่นผาที่คอยปกป้อง
ผองภัยและเป็นที่พักพิงให้กับเธอ ร่างกายแข็งแรงของเขา
ดูจะต้านทานพายุโหมกระหน่ำที่เธอสามารถยึดเหนี่ยวได้…

อดยอมรับไม่ได้อย่างซื่อๆว่าเขาเป็นผู้ชายที่น่ากอดมากๆคนหนึ่งเลยก็ว่าได้…

และลึกลงไป เธอสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยน
ที่อยู่ภายใต้หน้ากากแห่งความเฉยชา…

เธอไม่รู้หรอกว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นแบบไหนกันแน่…

แต่เขาก็น่ากอดเหลือเกิน

บิลกีสจึงโอบกอดเขาเอาไว้ก่อนจะอิงซบกับอกหนาแล้วหลับตาลง…

…ก็เธอรักของเธอนี่นา…จะอย่างไรก็ยังจะรัก…

…นอกจากเขาแล้ว เธอก็ไม่ต้องการใครอีกแล้ว…

…หากไม่ใช่เขา เธอก็ไม่ชอบ…ไม่ชอบ…ไม่เคยรู้สึกชอบเลย…

…เธอรู้ตัวดี รู้มาตลอดว่ารักเขาและจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง…

…ที่เขาพยายามผลักใสเธอ เธอรู้ รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่…

…และเพราะรู้ เธอจึงไม่คิดจะจากไป…

…เพราะที่ที่เธอต้องการอยู่ คือที่ที่มีเขาอยู่ คือข้างๆเขา…

…เขาจะดีพอหรือไม่ อยู่กับเขาจะลำบากแค่ไหน

…จะเสี่ยงขนาดไหน เธอไม่สน…

…เขาจะรักไม่รักก็ช่าง…เธอไม่สนใจอีกแล้ว…

…แค่ได้รัก ได้กอดเขาเอาไว้อย่างนี้ เธอก็มีความสุขแล้ว…

…ก็ในเมื่อคนที่เขารัก เขาไม่มีสิทธิ์กอด…

…แต่เธอ เธอที่รักเขา มีสิทธิ์ที่จะกอดเขา เธอก็จะขอกอดเขาต่อไป…
ตราบเท่าที่เขายินดีและเต็มใจให้เธอกอด…






เสียงนกร้องลอดเข้ามา ทำให้ขุนพลปรือตาแล้วทำท่าจะลุกขึ้นตามความเคยชิน
แต่เมื่อขยับกลับรู้สึกถึงอะไรหนักๆตรงแผ่นอก
ลำแขนของใครคนหนึ่งยึดช่วงบนของเขาเอาไว้…
ทำให้หนุ่มใหญ่ต้องหันมามองเจ้าของวงแขนนั้น…

ผมยาวสลวยนิ่มมือของเธอกระจายรอบหมอนแล้วยังเผื่อแผ่มาถึึงแผ่นอกของเขาด้วย…

ดวงหน้าราบเรียบของเธอกำลังพริ้มหลับ
และปอยผมที่ร่วงลงมาปิดหน้าของเธอเอาไว้
ทำให้ขุนพลเผลอยกมือขึ้นปัดมันออกอย่างเบามือราวกับกลัวว่า
มันจะไปรบกวนร่างน้อยๆข้างๆที่กำลังหลับใหลอยู่…

เขารู้ว่าเมื่อคืนเขาเอาแต่ใจเกินไป เรียกร้องจากเธอ
ตักตวงจากเธอราวกับคนหิวโหยมากจนพอใจ โดยที่เธอไม่ปริปากบ่น…
ยอมโอนอ่อนผ่อนตามเขา…ทั้งๆที่เขาก็แน่ใจว่าเธอยังใหม่กับเรื่องนี้

แต่เธอก็ช่างอดช่างทนช่างเอาอกเอาใจเขาจนเขาชักจะใจอ่อนเสียแล้วสิ…


เธออาจจะมีใบหน้าที่แสนจะธรรมดา แต่เขารู้ว่ารูปร่างของเธอ
ที่ยากจะคาดเดาได้เมื่ออยู่ในร่มผ้านั้นมันช่างสวยงามน่ามองแค่ไหน…

มันไม่ได้ดูผอมบางอย่่างที่เห็นเพียงผิวเผินเลย…
ทุกอย่างดูสมส่วนปราณีต แม้ฝ่ามือของเธอจะหยาบกร้าน
บรรดานิ้วที่ไม่ได้เรียวสวยเพราะกรำงานหนักมาทั้งชีวิต

ทว่าผิวนวลเนียนสีน้ำผึ้ง นุ่มนิ่มน่าสัมผัสที่อยู่ในร่มผ้านั้น
ชวนให้หลงใหลแค่ไหน เขาเองก็อดยอมรับอย่างซื่อตรงไม่ได้ว่า
เธอช่างมีเสน่ห์ เสน่ห์ที่ซ่อนอยู่อีกมากมาย…

เธอฉลาด หัวไว เรียนรู้อะไรได้ง่าย…แต่ก็ใสบริสุทธิ์…
จนยิ่งสัมผัสก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจ
ทำเอาหัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะจนยากจะห้ามใจได้…

และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ครอบครองเธอแต่เพียงผู้เดียว…

และอดปลื้มใจไม่ได้ ที่เธอรอดมาถึงมือเขา
นั่นแสดงว่ามีคนที่โง่กว่าเขาอีกหลายคนทีเดียว ที่ปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ผ่านตาไปได้…


เขาก็แค่ผู้ชายธรรดา ที่ต้องการใครสักคนเข้ามาดูแลบ้านให้บ้านสะอาด
บ้านที่เป็นบ้าน น่ากลับมานอน ดูแลปากท้องไม่ให้มันประท้วง
คอยเอาใจ ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆที่เขาไม่มีเวลาจะใส่ใจ…

เป็นแจ๋วประจำบ้าน!…

และให้ความสุขอย่างที่ผู้ชายทุกคนปรารถนาจากสตรี…

ที่สำคัญ คือ พยายามที่จะเข้าใจเขา มีสติ มีเหตุผล
อดทน และให้อภัยเขาอย่างที่คนที่นอนอยู่ข้างๆเขามี

ใช่…เธอมีคุณสมบัติในการเป็นภรรยาที่ดี
และเขาแน่ใจว่าเขาเลือกไม่ผิด…


“เธอกำลังทำให้ฉันอยากเปลี่ยนแปลงทั้งที่ไม่เคยคิดว่าอยากจะเปลี่ยนแปลง...”

ขุนพลกระซิบกับคนที่กำลังหลับอยู่
ไม่ได้คาดหวังให้เธอได้ยิน ไม่เลย…

“ตื่นละหมาดเถอะ…จะหมดเวลาละหมาดแล้วนะ…”
เขาก้มลงกระซิบข้างๆหูของเธอก่อนจะฝังจมูกลงบนแก้มนวลนั่นหนักๆเพื่อปลุกเธอ…
ยังผลให้คนที่กำลังหลับอยู่สะดุ้งโหยงแล้วผุดลุกอัตโนมัติทันที…

“เช้าแล้วเหรอคะ…”หน้าตาตื่นๆของหญิงสาวตรงหน้าดูจะตกใจ…

“ฉันหลับเพลินจนลืมเวลาละหมาดเลยเหรอเนี่ย…”
หญิงสาวยกมือขึ้นทาบอก แล้วต้องตกใจเมื่อมันโล่งเปล่าเปลือย
ก่อนจะรู้สึกร้อนวูบบนใบหน้าเมื่อเงยขึ้นสบตาเขาที่จ้องมองเธอ
ตาเป็นมันอยู่ก่อนหน้าแล้ว

“อุ๊ย…”หญิงสาวรู้ตัวว่าพลาดจนต้องรีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมเอาไว้
แล้วก้มหน้างุดทันทีด้วยความอาย

…อายกับสายตาของเขานั่นแหล่ะ…
ก็เขาเล่นจ้องราวกับจะกลืนกินเธอทั้งตัวแบบนั้น ไม่ให้เขินได้ไง…

“ยั่วกันแต่เช้าแบบนี้ กะจะไม่ให้ไปทำงานเลยใช่มั้ย…แผนสูงนะเนี่ย”

“บ้า…ใครเขาคิดแบบนั้นกันเล่า…”บิลกีสพูดไปก็หน้าแดงฉ่า…
ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆของเขาก็ยิ่งหน้าแดงก่ำ…
อันนี้ไม่แน่ใจว่าแดงเพราะโกรธด้วยรึเปล่า…

“เพื่อเป็นการประหยัดเวลา และเพื่อจะได้ละหมาดทัน
สงสัยเราคงต้องอาบน้ำด้วยกันแล้วล่ะ…”เสียงนั้นเชื้อเชิญ
ในขณะที่ใบหน้าของเขาก็ก้มลงมาหาเธอ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ก่อนจะเอียงเข้าหอมแก้มซ้ายของเธอทีแก้มขวาทีแล้วดึงแขนเธอให้ลุกขึ้นตาม

“ว้าย…”บิลกีสร้องลั่น มือนึงรีบคว้าผ้าห่มพันกายตัวเอง ส่วนอีกมือนึงรีบยกขึ้นปิดตา

“ไม่เอานะ ไม่เอา…คุณไปอาบก่อนเลย…ฉันรอได้…”

บิลกีสฉุดรั้งข้อมือของตัวเองไว้ แต่อีกฝ่ายดูจะไม่ยอมง่ายๆ
ตอนนี้เธอจึงต้องลากผ้าห่มลงมาจากเตียงนอนด้วย ตาก็ปิดสนิท…

ไม่อยากเห็นภาพเปลือยของใครบางคนที่หน้าด้านหน้าไม่อาย
โชว์อยู่ได้ ใครเขาอยากจะมองกันเล่า…

“ไม่ได้ เดี๋ยวหมดเวลาละหมาดนะ ตะวันจะโผล่อยู่แล้วเห็นมั้ย…
ละหมาดไม่ทัน บาปนา…”

“ทันสิ…คุณอาบน้ำไว ยังไงคุณก็ทัน…”บิลกีสรีบโพล่งออกไป
ปากก็ยังสั่นๆ ขาก็สั่น…

“แต่ถ้าเธอละหมาดไม่ทัน ฉันก็บาปเหมือนกันนะ
ไม่ใช่แค่เธอบาปคนเดียว ฉันจะพลอยรับบาปของเธอไปด้วยนะ…”

เขาไม่ยอม พยายามถูลู่ถูกังลากเธอไปยังห้องน้ำ
บิลกีสจึงนั่งลงเพื่อรั้งเขาไว้…แต่ก็ไม่เป็นผล…

เขาสลัดผ้าห่มที่พันกายเธอและเธอใช้มันกอดเอาไว้แน่นออก
แล้วยกร่างเธอขึ้นอุ้มเดินเข้าห้องน้ำไป…ก่อนจะวางร่างของเธอลง

บิลกีสรีบหันหลังให้เขาทันที ยกมือทั้งสองปิดหน้าที่คงจะแดงไปหมดแล้ว
นึกอยากจะมีสักสิบมือขึ้นมาเพื่อจะได้ใช้มันปิดโน่นปิดนี่ให้ครบ...


แต่เขายังคงหาเรื่องเธอไม่เลิก เปิดน้ำอุ่นๆจากฝักบัวรดบนร่างของเธอ
ถูสบู่ให้อย่างถือวิสาสะ…แล้วจับไหล่เธอให้หันไปทางเขา

บิลกีสปิดตาแน่น ไม่ยอมเปิด…ทำเอาขุนพลถึงกับหัวเราะลั่นห้องน้ำ

“อายอะไรนักหนา…”

“บ้า…ฉันไม่ได้หน้าหนาเหมือนคุณนี่…”

บิลกีสว่าเขาในขณะที่ตายังคงปิดสนิท…
ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อรับรู้ถึงสัมผัสของมือที่กำลัง
สระผมและนวดเส้นผมให้เธออยู่…

“เอ้า…สระให้ฉันด้วยสิ…”บิลกีสมองขวดแชมพูที่เขายื่นมาให้
พยายามมองแค่หน้าเขา ไม่มองให้ต่ำลงไป
และพยายามลืมให้ได้ว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน

“เวลาอาบน้ำที่มีน้อยแบบนี้ ซ้ำต้องเร่งทำเวลาให้ทันละหมาดด้วยแล้ว
ฉันไม่คิดลามกหรอกน่า…”เขาประกาศพร้อมรอยยิ้มยียวน…

บิลกีสจึงรับขวดแชมพูด้วยมือที่ยังสั่นน้อยๆแล้วบีบมันลงบนฝ่ามือ

แต่เพราะเธอสูงแค่บ่าของเขา เลยต้องเขย่งปลายเท้าที่ยังรู้สึกเจ็บๆอยู่
เพราะข้อเคล็ดยังไม่หายสนิท และเหมือนจะเสียหลัก
ขุนพลเลยรีบเข้าประคองร่างนั้นไว้ กลายเป็นเนื้อแนบเนื้อจนได้…

สายตาทั้งคู่สบประสานกัน…

“เธอกำลังหาเรื่องให้ฉันไม่ได้ละหมาดอยู่นะ…”

บิลกีสที่ตะลึงมองเขาอยู่ถึงกับได้สติ รีบๆสระผมให้เขา
ในขณะที่เขาก็ประคองร่างของเธอเอาไว้มั่นด้วยมือเดียว เพราะอีกมือนึง
เขาใช้มันนวดเส้นผมให้เธออยู่...

“คุณนั่นแหล่ะหาเรื่อง…สระเองก็ได้ ไม่เห็นต้องใช้งานฉันเลยนี่
ทรมานคนข้อเท้าเจ็บชัดๆ…”

“ผลัดกันไง…ไม่เห็นเหรอว่าฉันก็กำลังสระให้เธออยู่น่ะ…”

เขาเถียงกลับ…ไอ้เรื่องจะต้อนให้เขาจนมุมเธอคงไม่หวังหรอก
ไม่คิดจะหวัง…

“ว่าแต่มันยังไม่หายอีกเหรอเนี่ย…”ว่าแล้วก็ก้มลงมองข้อเท้าของหญิงสาว…
ทำเอาบิลกีสต้องมองตามแล้วก็ต้องกรีดร้องออกมาเ
มื่อตามันไปปะกับเจ้าตัวสำคัญ
จนเธอต้องรีบยกมือที่มีแต่ฟองยาสระผมเต็มไปหมดปิดตา
แล้วรีบหันหลังให้เขาทันทีทันใด…

ขุนพลส่ายหน้าไหวๆพร้อมรอยยิ้มขัน
ก่อนจะคว้าฝักบัวขึ้นมาราดลงบนเส้นผมของเธอ

“แสบตามั้ยนั่นน่ะ…ไหนหันมาดูหน่อย…”เขาสั่งเสียงเข้ม
บิลกีสส่ายหน้าทั้งๆที่มือยังคงปิดตาเอาไว้แน่น
ขุนพลเลยยกมือขึ้นแกะมือของเธอออกแล้วรดน้ำล้างหน้าให้…

ก่อนจะค่อยๆรดน้ำชำระล้างคราบแชมพูและคราบสบู่ให้เธอ
แล้วหันมาจัดการกับตัวเอง…

ไม่มีเสียงใดอีก นอกจากความเงียบเมื่อต่างฝ่่าย
ต่างช่วยกันรีบอาบน้ำชำระล้างร่างกายหลังมีเพศสัมพันธ์กันตามบทบัญญัติแห่งอิสลาม
เพื่อที่ร่างกายจะได้สะอาด
เนื่องจากมีความจำเป็นที่ต้องอาบน้ำดังกล่าวก่อนทำการละหมาด…



เมื่ออาบน้ำเสร็จ บิลกีสก็รีบเช็ดผมให้พอหมาดๆ แล้วรีบทำการละหมาดทันทีทันใด
เนื่องจากเวลาเริ่มกระชั้นชิดเข้ามาทุกที…

ครั้งนี้ มีเขาเป็นผู้นำละหมาด…สร้างความอบอุ่นประหลาดๆเกิดขึ้น
ในหัวใจเธออย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน…




“ช่วยเป่าให้ฉันด้วยสิ…”ดูเขาจะถนัดออกคำสั่งเสียเหลือเกิน
เพราะเมื่อเธอกำลังเป่าผมของตัวเองให้แห้ง เขาก็เดินเข้ามาหา
ลากเก้าอี้อีกตัวมาตรงหน้าของเธอแล้วนั่งลงอย่างถือวิสาสะ…

บิลกีสจึงเริ่มจากการหวีผมให้เขาก่อน แล้วค่อยๆเป่าผมให้เขา…
จากที่นั่งอยู่ต้องลุกขึ้นยืน เพราะว่าเขาตัวสูงกว่าเธอไม่น้อย…

“วันนี้จะกินอะไรดีคะ…”
เป่าผมไปก็ปรึกษาเขาไปว่าจะเอาอย่างไรกับอาหารเช้ามื้อนี้…

“วันนี้ตามใจแม่ครัว…”เขาบอก

“งั้นข้าวต้มกุ้งนะคะ เพราะกุ้งจะเก็บไว้ได้ไม่นาน
โดนแช่แข็งอยู่ไม่รู้ว่ายังโอเครึเปล่า…”

“เอาสิ…ฉันน่ะคนกินง่ายนะ…เลี้ยงง่าย ไม่ยุ่งยากหรอก…”

บิลกีสแอบค้อนคนเลี้ยงง่ายโดยเจ้าตัวไม่รู้…

“แล้ววันนี้รีบไปรึเปล่าคะ…”

“เจ็ดโมงก็ต้องออกแล้วล่ะ…”เขาบอกพร้อมกับเสียงเครื่องเป่าผมหยุดลง

บิลกีสวางที่เป่าผมลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วหยิบหวีขึ้นมาหวีผมให้เขา
ผมที่เขาเคยบอกว่าดกดำกว่าคนปกติทั่วไป…
เลยยังไม่ล้านเหมือนคนในวัยเดียวกันกับเขา…

บิลกีสเดินอ้อมไปทางด้านหน้าเขาแล้วหวีผมให้อย่างเอาใจ

…เธอชอบผมเขานะ แม้มันจะเส้นใหญ่และไม่นุ่มนิ่มเหมือนผมเส้นเล็กๆของเธอ
แต่เธอรู้สึกว่ามันดูแข็งแรงดี แถมยังดำสนิทด้วย…จัดทรงก็ง่ายอีก

ขุนพลเลยฉวยโอกาสรั้งร่างบางเข้ามากอดแล้วยกร่างบางขึ้นวางบนตัก
หอมแก้มซ้ายขวาเป็นรางวัล

“เราไปหาอะไรกินกันเถอะ ฉันยังไม่อยากหาของว่างแถวนี้กิน
เดี๋ยวเสียงานเสียการหมด…”

วางพลางก็ลุกขึ้น ฉุดข้อมือของเธอให้เดินตามเขาไปยังห้องครัว…
โดยไม่หันมองหน้าแดงๆของอีกคนสักนิด…





“เดี๋ยวฉันปอกกุ้งให้นะ…”
ไม่พูดเปล่า เขาเดินเข้าไปเปิดตู้เย็นหยิบกุ้งที่ถูกแช่แข็งออกมา…

“อย่าเลยค่ะ…เดี๋ยวกลิ่นติดมือไปที่ทำงานเปล่าๆ…แช่น้ำไว้ค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการให้…”

บิลกีสบอกพร้อมเหตุผลที่ดูฟังขึ้นจนคนที่ตั้งใจจะช่วยถึงกับยิ้มที่มุมปาก

“งั้นเดี๋ยวฉันปอกและสับกระเทียมให้ก็แล้วกัน…”
ว่าแล้วก็เดินไปหยิบกระเทียมในตะกร้าขึ้นมา
บิลกีสที่กำลังล้างข้าวสารอยู่หันมามองเขาแล้วบอกว่า

“กระเทียมกลิ่นแรง กลิ่นติดมือนาน ตั้งไว้เถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

พูดเสร็จเธอก็หันกลับไปจัดการล้างข้าวสารต่อ
โดยไม่ได้เห็นสีหน้าท่่าทางของคนที่กำลังถอนใจออกมาเลยสักนิด

“ต้นหอมกับผักชีล่ะ กลิ่นมันจะติดมือด้วยมั้ย…”เสียงขุ่นๆนั่น
เรียกให้คนที่กำลังจดจ่ออยู่กับภารกิจตรงหน้าถึงกับหันมามอง
ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นหน้าตูมๆของเขาที่มือนึงชูต้นหอมกับผักชี
ส่วนอีกมือชูมีดที่แสนคมกริบอยู่…

“ไม่ถึงกับแรง…แต่ว่าไม่ควรรีบทำตอนนี้ค่ะ รอให้ข้าวต้มใกล้สุกก่อน
ค่อยหั่นก็ได้ จะได้สดๆไง…”

“ตั้งไว้เถอะค่ะ...เดี๋ยวฉันจัดการเอง…”ขุนพลต่อท้ายให้อย่างรู้ทัน…
พลางวางมือจากทั้งสองอย่างลงพร้อมพ่นลมหายใจออกมา
ขณะทรุดลงนั่งบนเก้าอี้…ก่อนจะส่งเสียงบ่นปอดแปดมาว่า

“สงสัยฉันคงต้องซื้อถุงมือมาไว้ติดครัวซะแล้วล่ะมั้ง…”

“คุณเป็นนักแก้ไขปัญหาที่ดีเลิศ…”

เสียงเอ่ยชมดังมาจากคนหน้าเตา
แม้ไม่หันหน้ามาให้มอง เขาก็รู้ว่าเธอกำลังยิ้มให้หม้อพวกนั้นอยู่

“และที่สำคัญ คุณควรจะไปนั่งที่ห้องรับแขกหรือไม่ก็ที่อื่น
ที่ไม่ใช่ในห้องครัวนะคะ…เพราะกลิ่นกับข้าวจะติดเส้นผมคุณ…
ฉันเสียดายกลิ่นแชมพูหอมๆน่ะ...”

เธอกล่าวขณะกำลังปอกกุ้งอยู่ตรงซิงค์น้ำ ขุนพลจึงเดินเข้าไปหาอย่างเงียบๆ…
แล้วสวมกอดเธอทางด้านหลัง…ทำเอาร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย
แต่มือก็ยังคงทำงานต่อ แม้ใจจะรู้สึกไหววูบไปบ้างจากสัมผัสที่ดูอ่อนโยนนั่นของเขา…

“แล้วเส้นผมเธอล่ะ ไม่กลัวมันจะเหม็นเหรอ…”
พูดพลางก็ก้มลงสูดดมกลิ่นหอมจากกลุ่มผมนั่นของเธอ…

“ไม่ค่ะ…เพราะฉันไม่ได้ไปติดต่อพบปะใครๆเหมือนคุณนี่นา…
ผมเหม็นกลิ่นอาหารก็ไม่เป็นไร…อยู่บ้านตลอด
นึกอยากจะสระก็สระ…สระได้เรื่อยๆนี่…”

ขุนพลจึงก้มลงเอียงคอหอมแก้มแดงๆนั่นอีกครั้งก่อนผละออกห่าง…

“งั้นเดี๋ยวฉันจะไปปลุกเจ้าหญิงของฉันก่อนแล้วกัน…”

“ไม่ต้องแล้วค่ะ เจ้าหญิงตื่นตั้งนานแล้ว ตื่นมาได้ยินได้เห็นใครก็ไม่รู้
กำลังจู๋จี๋กันตั้งแต่เช้า…ตั้งแต่ในห้องนอนเลยมาถึงห้องครัวแน่ะ…”

เสียงใสๆดูแฝงแววขี้เล่นดังมาจากด้านหลัง
ขุนพลกับบิลกีสจึงหันกลับไปมองพร้อมๆกันก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเขินๆ

“จีบไม่เกรงใจคนไม่มีแฟนอย่างไอซ์เลยนะ…
ขนาดไอซ์นั่งหัวโด่อยู่ในห้องรับแขกก็ไม่มีใครเห็นเลย”

ขุนพลหัวเราะในลำคอก่อนจะเดินไปหาน้องสาวแล้วโยกหัวนั้นอย่างเอ็นดู…

“ถ้าไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจ เราก็ออกไปข้างนอกด้วยกันเถอะ…
พี่โดนเมียไล่ออกจากห้องครัวแล้ว…”

พูดพลางลากตัวน้องสาวออกไปยังด้านนอก
ทำให้บิลกีสที่มองภาพนั้นอยู่ถึงกับยิ้มออกมา
จากที่คิดว่่าอะไรๆต้องแย่ยิ่งลงเรื่อยๆ กลับไม่เป็นอย่างที่คิด

อย่างน้อยวันนี้ เขาก็ทำให้เธอได้เห็นมุมน่ารักของเขาบ้างแล้วล่ะ…




เมื่อรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เขาที่ยังมีเวลาอีกสามสิบนาที
หลังจากแต่งตัวเพื่อจะไปทำงานแล้วก็เดินไปหาบิลกีสที่กำลังเก็บชุดนอนของเขา
ไปใส่ไว้ในตะกร้าผ้าซักอยู่ หญิงสาวกำลังจะยกตะกร้าผ้าขึ้น
แต่เขากลับดึงมันกลับแล้ววางลงที่เดิม รั้งข้อมือเธอให้เดินตามเขาไปนั่งลงบน
โซฟาตัวเล็ก แล้วเขาก็คุกเข่าลง คว้าข้อเท้าของเธอมาตรวจดู...

"ยังบวมอยู่เลยนี่...ทำไมหายช้าจัง..."เขาบ่น แล้วก็หยิบหลอดยา
แก้ข้อเคล็ดที่เขาวางไว้บนพื้นขึ้นมาบีบลงบนข้อเท้านั้นแล้วคลึงข้อเท้าเบาๆ

"ไหนว่ามือหนักไงล่ะคะ..."บิลกีสประท้วงเสียงหวาน

"ก็มือหนักนะ...นี่ก็ยั้งมือไว้สุดฤทธิ์เลย..."เขาตอบโดยที่ยังคงก้มหน้านวดข้อเท้า
ให้เธออยู่ ใครว่าเขามือหนัก เธอว่าเขาน่ะมือเบาจะตายไป...
คงไม่ชินกับการดูแลสาวๆมากกว่าละมั้ง...คราวก่อนถึงได้ปฏิเสธเสียงแข็ง

"ไปทำอะไรมา..."เขาถามเสียงแข็งพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของข้อเท้า

"เอ่อ...ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ...ก็แค่ล้ม..."

"ซุ่มซ่ามว่างั้น..."เขาดุเธอ...

"ประมาณนั้นค่ะ..."บิลกีสเลือกที่จะไม่เถียงไม่แก้ตัว ทำตัวดีๆ
ให้เขานวดข้อเท้าต่อไม่ดีกว่าหรือ...
เพราะแค่รู้ว่าเขาใส่ใจ แค่นี้เธอก็รู้สึกดีสุดๆแล้ว...

"รีบไปทำงานเถอะค่ะ...เดี๋ยวฉันจัดการเอง..."

"จะบอกว่าเป็นผู้จัดการได้งั้นสิ...เห็นจัดการได้ทุกเรื่องเลยนี่..."เขาดุเธออีก
ทำไมถึงได้หาเรื่องดุเธอจังนะวันนี้...

"งั้นรับไป..."ว่าพลางก็ยื่นหลอดยาให้พร้อมกับจ้องตาเธออยู่นาน
ทำเอาบิลกีสถึงกับทำอะไรไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าเขาจะเอาอะไรกับเธออีก

"มี...มีอะไรคะ...หรือว่าฉันมีเขางอกแล้ว..."ไม่วายแหย่เขาจนได้สิ

"เพิ่งรู้ตัวเหรอว่ามีเขา..."แล้วเขาก็ขย้ำเธอทันทีที่ได้โอกาส...

"ถึงไม่รู้ว่าฉันรอรางวัลจากเธออยู่..."

"รางวัล?..."หญิงสาวขมวดปมคิ้ว
แล้วก็ถึงบางอ้อ เมื่อเขายื่นหน้ามาหาเธอ

"กีส..."

"คะ?..."บิลกีสงงอีก ว่าเขาจะเรียกชื่อเธอทำไม

"ก็กีสไง...กีสก่อนไปทำงาน ทำเป็นมั้ย..."หญิงสาวรู้แล้วว่า
ที่เขาพูดนั้นมันจริง เธอมีเขางอกแล้วจริงๆ...

"วันนี้ก็ได้ไปไม่รู้กี่ทีแล้ว...ไว้รอตอนกลับมาแล้วกันนะคะ..."
บิลกีสบ่ายเบี่ยง ก็เขาเล่นหอมแก้มเธอไปไม่รู้กี่ฟอดแล้ว นับไม่ทัน

"อันนั้นน่ะรางวัลที่ฉันให้เธอ แต่นี่รางวัลที่ฉันขอจากเธอนะ
มันไม่เหมือนกัน...เร็วๆ...จะไปแล้ว..."เขาเร่ง

"ก็ได้ๆ...คนอะไรชอบทวงบุญคุณจริงๆ..."หญิงสาวแสร้งบ่น
ก่อนจะก้มลงหอมแก้มเขาหนึ่งทีก่อนจะหน้าแดงเหมือนลูกตำลึง
ก็เคยหอมแก้มหนุ่มคนไหนล่ะ...ไม่เคยเลยนะ นี่ครั้งแรกนะ...

"ข้างนี้ด้วย...จะได้ไม่ลำเอียง"หาเรื่องอีก

"ไม่เอาแล้ว...อย่าแกล้งกันเลย..."

"แกล้งที่ไหน...เร็วๆสิ...เดี๋ยวไปไม่ทันนะ..."เขาเร่งอีก...
บิลกีสที่หน้าแดงอยู่เริ่มเปลี่ยนเป็นหน้างอ แต่เมื่อเขาขอ
เธอก็จะให้...หญิงสาวเลยก้มลงหอมแก้มอีกข้างนึงของเขา
ก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้าแดงๆของตัวเองไม่ให้เขาเห็น

ขุนพลยิ้มขันก่อนจะดึงมือของเธอออกแล้วมอบจุมพิตหนักๆ
บนริมฝีปากอิ่มนั้นแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางสบายอกสบายใจ
เหลือจะกล่าว...

"วันนี้จะรีบกลับนะ..."เขาพูดส่งท้าย...




...โปรดติดตามตอนต่อไป...



ตอนนี้มาให้คลายความตึงเครียดกันค่ะ...อิอิอิ

หวังว่าคงไม่มีนักอ่านที่ไหนมานั่งหน้าแดงๆอยู่หน้าคอมนะคะ...ฮ่าๆๆๆๆๆ



เหมือนจะกลับมาตายรังนะเนี่ย...เหอๆ


ช่วงนี้นำเรื่องนี้มาให้กันสามตอนติดๆ และคงพักไปอีกสักแป๊บนึง
เพื่อเปลี่ยนโหมดไปเขียนเรื่องของ พี่ฟาเดลกับน้องดารัลค่ะ...





คุยกับนักอ่านจากบทที่แล้วค่ะ



1.คุณใบบัวที่น่่ารัก...ใช่ค่ะ...โดนจัดหนักไปเลยตอนนั้น
ปลาหมอเกือบตายเพราะปากซะแล้ว...ฮ่าาาาา
ส่วนเรื่องบรรยายฉากวาบหวิวนั้น โยกะจะเก็บเอาไว้บรรยายรอบหน้าโน้นค่ะ
(เหมือนจะบอกว่า มีอีก)ตอนนี้เอาเบาๆไปก่อน ไม่อยากให้นิยายติดเรต
เดี๋ยวเด็กๆเข้ามาอ่านหัวใจวายตายคาคอมกันพอดี...อิอิอิ....
โยว่าบิลกีสก็คงคิดแผนการปล้ำพระเอกอยู่นะคะ...
โดยการล่อเข้าถ้ำให้พระเอกปล้ำอะไรประมาณนั้น...ฮ่าๆๆๆ
ดูดีๆ โยว่านางเอกเราล่อพระเอกซะอยู่หมัดอยู่นะ...

2.คุณsaralun...ค่ะ...ก็คงมีอีกหลายเรื่องที่ผู้หญิงเราไม่รู้เกี่ยวกับผู้ชาย...
แต่ที่แน่ๆนะ เจอลูกอ้อน เอาอกเอาใจเข้าไป กลับมาตายรังแทบทุกราย...ฮ่าาาาา


3.คุณแว่นใส...ถ้าตบก็จะได้จูบกลับมา สมใจพระเอกเลยงานนี้
ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้ นั่นเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง...เสียหายฝ่ายเดียวเลย
เจ็บตัวเปล่าเลยงานนี้...นางเอกเราเขารู้แล้วว่าแผนตบไม่ได้ผล...
เลยต้องอ้อนเข้าไว้ค่ะ...ลูกอ้อนเท่านั้นที่ครองโลก...


สุดท้ายไม่ท้ายสุด

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านนะคะที่เข้ามากดไลค์
และติดตามอ่านเรื่องนี้กัน...


รักษาสุขภาพนะคะ

"เต่าโย"







yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.ย. 2557, 18:43:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ก.ย. 2557, 18:43:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 2384





<< บทที่ 4 หัวใจขายขาด   บทที่ 6 ราชินีในตำนาน >>
sunflower 28 ก.ย. 2557, 19:09:40 น.
หวานนน ^_^


ใบบัวน่ารัก 28 ก.ย. 2557, 20:31:53 น.
เลือกแล้วก็รักของเธอไปนะกีส
สิบปีผ่านไปพึ่งจะมานึกถึงกัน น้อยใจมากถึงมากที่สุด ชิงอน
กลับมาต่อนะ จัดหนัก ว้ายเลือดกำเดาไหล


แว่นใส 28 ก.ย. 2557, 22:36:44 น.
หวังว่าจะฉลาดอย่างนี้นาน ๆ อย่าทำตัวงี่เง่านะ


แว่นใส 28 ก.ย. 2557, 22:36:47 น.
หวังว่าจะฉลาดอย่างนี้นาน ๆ อย่าทำตัวงี่เง่านะ


ตุ๊งแช่ 29 ก.ย. 2557, 10:35:56 น.
หวานไวกว่าที่คิดนะนี่ แล้วอะไรจะเป็นตัวแปรให้ขมอีกนี่


RightHand 20 ต.ค. 2557, 22:16:00 น.
อยากอ่านเรืองนี้แล้วล่ะค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account