เศษหนึ่งส่วนสองยกกำลังศูนย์

เป็นเรื่องราวของคนหน้าตาไม่เข้าตา ไม่เป็นที่นิยม
ไม่ฮิต ไม่ฮอตของคนสองคน...
ที่ไม่สมบูรณ์แบบ มีตำหนิ...ภาพประวัติไม่สวยงาม...
แต่นิสัยที่ซ่อนไว้ค่อนข้างสวยสดงดงาม...
แฝงไว้ด้วยเสน่ห์แห่งการมีชีวิต...การสร้างครอบครัว


เศษหนึ่งส่วนสอง หรือ ครึ่งหนึ่งของชีวิตหนึ่ง
มาพบกับ อีกครึ่งหนึ่งของอีกชีวิตหนึ่ง
แล้วยกกำลังด้วยศูนย์...

เลขศูนย์ที่ดูไร้ค่า ไร้ความหมาย แค่เลขกลมๆเลขนึง

หากมันได้ทำให้ เศษหนึ่งส่วนสองยกกำลังศูนย์
มีค่าเท่ากับ หนึ่งได้!

สมการทางคณิตศาสตร์ที่น่าพิศวงนี้
นำมาสู่สมการของความรักของทั้งสอง...

ทั้งคู่ที่ชีวิตไม่สมบูรณ์แบบและมีตำหนิ
จะหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร...

เรื่องนี้มีคำตอบ!!!


Tags: ดราม่า ขุนพล ไนค์ บิลกีส

ตอน: บทที่ 6 ราชินีในตำนาน



“ว่าไงครับพี่ เรื่องโลเกชั่น…เห็นพี่ไปๆมาๆอยู่หลายรอบแล้ว”

พิทักษ์เดินเข้ามาทักทายรุ่นพี่หรือเจ้าของบริษัทเมื่อเข้ามายังห้องส่วนตัว
ของเจ้าของห้องหลังจากที่เห็นรุ่นพี่เดินเข้าบริษัทมาด้วยสีหน้ารื่นรมย์
ในช่วงบ่ายแก่ของวัน…ทำให้เขาแน่ใจว่า มันคือข่าวดี

“ก็ดีนะ เป็นนิมิตหมายอันดี…พรุ่งนี้กับมะรืนเราคงต้องไปดู
สถานที่ถ่ายทำที่เกาะกันล่ะ…วันนี้กลับไปบ้านก็พยายามหาทาง
ลางานกับเมียนายไว้ได้เลย”ขุนพลเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเอกสารตรงหน้า
เขากำลังทบทวนอ่านสัญญาด้วยสีหน้าอิ่มเอิบ

“เรื่องลางานกับเมียไม่มีปัญหาครับ…เพราะเมียผมเขามีลูกให้กวนใจแล้ว
ไม่มีผมอยู่ด้วยสองสามวันคงลั่ลล้าน่าดู…ว่าแต่เกาะไหนล่ะครับ…”

ขุนพลเงยหน้ามองลูกน้องแล้วยิ้มที่มุมปาก
คนอื่นๆเขามีคู่มีลูกให้ชูชื่นกันหมดแล้วหรือนี่…นี่เขาลืมไปได้อย่างไร

“เกาะรังรัก…นายรู้จักรึเปล่า…”เสียงราบเรียบ ทว่าช่างแตกต่าง
กับแววตาของคนพูดที่ดูสว่างไสวยิ่งนักเมื่อเอ่ยถึงเกาะดังกล่าว

“โอ้โห นี่เขาจะเปิดเกาะให้เราเข้าไปถ่ายทำกันที่นั่นจริงๆเหรอพี่”

“อือ…”

“งั้นก็แสดงว่า พี่ได้โปรเจ็คใหญ่ของร้านสุดทางรักแล้วใช่มั้ยเนี่ย…”

คนถามมีสีหน้าตื่นเต้น และรอคำตอบจากคนตรงหน้าอยู่

“อือ…”

“อือ?...นี่พี่แค่อือน่ะเหรอ…อย่างนี้มันต้องฉลองนะพี่ไนค์…”

น้ำเสียงและแววตาตื่นเต้นของคนตรงหน้าทำเอาเจ้าของห้องถึงกับยิ้มกว้าง…

“เอาไว้ค่อยฉลองทีเดียวตอนงานเสร็จเป็นไง
ถ้างานผ่านฉลุย...พี่เลี้ยงใหญ่…”ขุนพลยิ้มให้รุ่นน้องหรือลูกน้องคนสนิท
ยิ้มอย่างที่น้อยคนจะได้เห็น โดยเฉพาะช่วงเวลาหลายปีมานี้…

“งานนี้ไม่ใช่แค่เกาะรังรักหรอกนะที่เราจะได้เข้าไปถ่ายทำกัน
ยังมีเกาะชิงชังที่ไม่ใคร่จะมีใครกล้าเข้าไปแหยม

รวมทั้งสวนปักษาวายุสถานที่ที่หาดูได้ยาก
ไหนจะบ้านอาทิตยะที่คนนอกไม่อาจเข้าถึง
และรวมถึงที่ร้านสุดทางรักด้วย…ที่ที่ใครๆรู้จักกันในนามชมรมคานน้อยคอยรักน่ะ…
นายคงได้ยินชื่อเสียงเรียงนามกันมาแล้วใช่มั้ย”

“ทำไมจะไม่ได้ยิน เป็นข่าวดัง ขนาดว่า ตอนนี้พวกเขาลงจากคานน้อย
กันจนเกือบหมดแล้ว…นี่พี่อย่าบอกนะว่า เป็นโปรเจ็คที่พวกเขา
จะให้เราถ่ายภาพคู่รักในชมรมคานน้อยคอยรักตามสถานที่ต่างๆน่ะ…”
ขุนพลพยักหน้า

“พี่เพิ่งไปคุยเรื่องรายละเอียดมาวันนี้เอง…”

“แล้วจะเริ่มกันเมื่อไหร่พี่ไนค์…”

“ก็เริ่มได้เลย เพราะสัญญาอยู่ในมือเราเรียบร้อยแล้ว…”

ขุนพลชูกระดาษในมือด้วยรอยยิ้มกว้าง…การได้งานนี้มิใช่หมายถึง
ผลประโยชน์ในรูปเงินอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันหมายถึงอะไรอีกหลายๆอย่าง
ที่จะตามมาหลังจากรับงานนี้

“โห…สุดยอดไปเลยพี่ไนค์…”

“เราจะต้องช่วยกันทำงานนี้ให้ออกมาดีที่สุด เต็มกำลังที่สุด
เพราะนี่คือปรากฏการณ์รักครั้งสำคัญเลยก็ว่าได้…”

ขุนพลยกมือขึ้นวางลงบนบ่่าลูกน้องด้วยแววตาหมายมาด

“ผมคนหนึ่งละที่จะไม่ยอมให้งานยักษ์ขนาดนี้มีตำหนิ…
คนดังๆทั้งนั้น…แถมสถานที่ก็สุดยอด…เขายอมให้งานเราได้ยังไงพี่ไนค์”

เสียงคนถามติดจะสงสัยอยู่ไม่น้อย…

“เขาไว้ใจเรา…และเราต้องไม่ทำให้เขาผิดหวัง…”

ขุนพลตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง…แววตาฉายแววมุ่งมั่น

“พรุ่งนี้พ่ีจะเรียกประชุมบอร์ดแต่เช้า…อย่าลืมประชาสัมพันธ์ให้พี่ด้วย…”

“ได้ครับพี่…”

“แต่ผมอยากรู้ว่า งานนี้มีกี่คู่ครับ…”

“ก็…คู่นายตะวัน อาทิตยะกับตามตะวัน ณรันยา พร้อมลูกๆ
ครอบครัวนี้จะถ่ายทำกันที่บ้านอาทิตยะและที่อิตาลี”

“อิตาลี!…”คนฟังตาโตเมื่อได้ยินชื่อประเทศดังกล่าว

“ใช่…อิตาลี…เราจะได้ไปทัวร์อิตาลีพร้อมคู่นี้กัน…”

ขุนพลยืนยันพร้อมกับมองแววตาลูกน้องที่ดูก็รู้ว่าตื่นเต้นแค่ไหน…

“ต่อมาก็คู่ธารา อาทิตยะกับสามีและลูกๆ คู่นี้จะถ่ายทำกันที่บ้านสามี…
ซึ่งครอบครัวนี้จะถ่ายทำแค่ในเขตกรุงเทพฯ…”ขุนพลหยุดนิดนึง
ก่อนจะกล่าวสืบต่อไปว่า

“ต่อมาก็คู่วายุ อาทิตยะกับแพทย์หญิงปองขวัญ ณรันยาและลูกๆ
จะถ่ายทำที่สวนปักษาวายุ ที่อยู่ทางภาคใต้…

ต่อจากนั้นก็คู่ของอากิโกะ ทาคาฮิโระกับฑยาวีย์ ยุรยวรวงศ์พร้อมด้วยลูกๆ
ซึ่งจะถ่ายทำที่บ้านรังรักในจังหวัดกระบี่ กับบ้านที่เกียวโต
คู่นี้เลยทำให้เราต้องยกกองไปถ่ายทำกันที่ญี่ปุ่นด้วย…
ซึ่งเดือนหน้าจะเป็นช่วงที่ดอกซากุระกำลังบานสะพรั่งพอดี…”

และเป็นอีกครั้งที่เขาได้เห็นสีหน้าตื่นเต้นดีใจของลูกน้องคนสนิท
และเขาไว้วางใจมาตลอด…

“ต่อมาก็คู่น้องชายคนเล็กแห่งบ้านอาทิตยะ นายพสุธ อาทิตยะ
กับพันทิวา พันธกาลและลูกๆ ครอบครัวนี้จะถ่ายทำกันที่ค่ายมวย ส.พันธกาล
ที่สุพรรณบุรีกับบ้านที่เชียงใหม่…ปิดฉากสมาชิกบ้านอาทิตยะ…”

ขุนพลร่ายพลางมองข้อมูลในมือ
ที่เพิ่งได้รับมาหลังจากวันนี้ทั้งวันต้องเข้าไปติดต่อเรื่องโปรเจ็คนี้
กับทางเจ้าภาพที่ร้้านสุดทางรัก

“คงไม่หมดแค่นี้ใช่มั้ยพี่ไนค์…”เสียงนั้นถามด้วยความมั่นใจ
เพราะคนสำคัญหรือจะเรียกว่าคู่สำคัญยังไม่ปรากฏรายชื่อ
จากปากของคนตรงหน้าเลย ขุนพลจึงเงยหน้าขึ้นยิ้มให้กับลูกน้อง
พร้อมกับพยักหน้า

“ใช่…ยังไม่หมด…เพราะคู่สำคัญของโปรเจ็คนี้ก็คือเจ้าภาพของเรา
เจ้าของร้านสุดทางรักนั่นแหล่ะ…คุณสิ้นรัก ลือสื่อสกุล
กับนายแพทย์หรือนายหัวรังสิมันต์ ยุรยวรวงศ์ เจ้าของเกาะรังรัก

คู่นี้นอกจากจะถ่ายที่เกาะรังรักแล้วก็จะมีถ่ายทำที่ทะเลบัวที่จังหวัดพัทลุง
หรือบ้านที่ทะเลน้อยของเจ้าของร้านด้วย…และยังถ่ายทำกันที่เกาะลันตาอีก…
คู่นี้คือครอบครัวคู่เดียว ที่จะถ่ายทำถึงสามสถานที่ในเมืองไทย…
และอยู่กันคนละจังหวัดด้วย…

ที่สำคัญ ครอบครัวนี้จะบินไปถ่ายทำต่อที่ญี่ปุ่นกับคู่ของคุณอากิโกะ
ศิลปินชื่อดังก้องโลกด้วย…เพราะฝ่ายชายผู้เป็นสามีของเธอเป็นพี่น้องกันกับหมอรัง…

นับว่าพี่น้องคู่นี้ล้วนมีชื่อเสียงโด่งดังด้วยกันทั้งสองคน…
คนดังประกบคนดังเลยทีเดียว…”

ขุนพลเสริม เพราะรู้จักคนในตระกูลยุรยวรวงศ์ดี…
เนื่องจากพื้นเพเป็นคนบ้านเดียวกัน…เห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ…

“ต่อมาก็ยังมีอีกคู่ คู่นี้เป็นคู่รักประจำเกาะชิงชัง…”

ขุนพลอดไม่ได้ที่จะนึกไปถึงดวงหน้าของเจ้าของเกาะแห่งนี้…

เพราะนึกถึงคราใดเขาก็หวนให้ระลึกไปถึงดวงหน้าและแววตาของมารดา
ผู้ให้กำเนิดเขาเสียทุกครั้ง…

จึงไม่วายเอ่ยชื่อจริงชื่อเดิมของเจ้าของเกาะ
ชื่อซึ่งได้กลายเป็นบุคคลที่หายสาบสูญไปแล้ว…

หากไม่รวมเขาแล้ว บุคคลผู้นี้ก็คือเลือดเนื้อหรือสายเลือดปุรารัตน์สายตรง
หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่…

“คู่ของปราณ ปุรารัตน์กับซาเนีย…ซึ่งจะถ่ายทำกันที่เกาะชิงชัง
และอาจจะบินไปถ่ายทำกันที่ตุรกีด้วย… ”

คนฟังตาโตเมื่อได้ยินคำว่า ‘ตุรกี’

“อาจจะหรือพี่ไนค์…”ขุนพลส่ายหน้า

“ข้อมูลตรงนี้ยังไม่ถึงกับยืนยันร้อยเปอร์เซ็นนะ…แต่คิดว่าเปอร์เซ็นสูงทีเดียว
ที่เราอาจต้องเยือนตุรกีกัน…เป็นไง ชอบมั้ยล่ะ…”

คนฟังพยักหน้าหงึกหงัก

“ผมยังไม่เคยไปเลยพี่ เคยฝันอยากจะไปอยู่นะ เขาว่าเมืองนั้นเป็นเมืองสองทวีป…”

“ใช่…สวย มีมนต์ขลัง และที่สำคัญ…โรแมนติกสุดๆ…”

“พี่ไนค์เคยไปมาแล้วเหรอครับ…”ขุนพลพยักหน้า

“เคยไปครั้งเดียว ตอนเพิ่งเรียนจบใหม่ๆ…พ่อพี่เขาให้รางวัล
แทนการไปยืนถ่ายรูปคู่กับพี่ตอนรับปริญญาน่ะ…”

ขุนพลนึกถึงช่วงเวลานั้น แม้ตอนรับปริญญา บิดาจะไม่ได้ไปร่วมแสดงความยินดีด้วย
แต่ก็ไม่ได้ลืิมเสียทีเดียวว่านั่นคือวันสำคัญของบุตรชาย
ที่เกิดจากภรรยาคนแรกซึ่งมีเชื้อสายปุรารัตน์อยู่กึ่งนึง
เลยไม่ลืมโทรมาหาพร้อมกับเสนอรางวัลให้เขาท่องเที่ยวที่ใดก็ได้ที่อยากจะไป

เขาก็เลยเลือกไปเที่ยวตุรกีและประเทศในแถบนั้น…

นั่นเรียกได้ว่า เป็นยุคทองของชีวิตพ่อของเขาและเป็นยุคทองของเขาด้วยก็ว่าได้…
อยากได้ อยากทำอะไรก็สมปรารถนาราวกับเงินสามารถบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างได้

แต่เขารู้ดีว่า เงินที่ว่าไม่อาจนำความสงบสุขมาสู่ครอบครัวของเขาได้เลย
ไม่เคยเลยที่เงินพวกนั้นจะสร้างความสงบสุขให้กับครอบครัวทวีวรวรรณของเขา

จนเขามักจะเรียกเงินเหล่านั้นว่า “เงินบาป”บ้าง “เงินต้องห้าม”บ้าง

“เสร็จจากคู่นี้แล้วก็ยังมีอีกคู่ เป็นคู่ของนายปุ๊ เต็มกมล ณรันยา
ซึ่งนายคงรู้จักดีนะทักษ์ เพราะรายนี้เป็นตากล้องฝีมือดีหาตัวจับยากเลยทีเดียว…

ที่สำคัญดันประกบคู่กับช่อลิลลี่ รุ่นพี่นายด้วย…
สองตากล้องคงต้องปลดกล้องออกจากคอเพื่อให้พวกเราช่วยถ่ายให้แล้วล่ะ…”

ขุนพลเอ่ยไปพลางก็นึกไปถึงสองตากล้องมือดีแห่งสำนักพิมพ์สองตะวันชื่อดัง…
ที่งานนี้ร่วมลงชื่อให้บริษัทสื่อโฆษณาของเขาถ่ายภาพให้...

“คู่นี้ได้ข่าวว่าจะขอถ่ายทำที่ทุ่งหญ้าสวยแห่งหนึ่ง…ก็ยังไม่ได้ไปดูสถานที่หรอก
แต่เห็นบอกว่าอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯนัก…
พรุ่งนี้กะว่าจะลองไปดูสักหน่อย…เดี๋ยวนายไปกับพี่แล้วกัน
กะว่าจะทัวร์ดูสถานที่ในกรุงเทพฯและรอบๆให้หมดก่อน
แล้วค่อยเดินทางไปดูโลเกชั่นที่ทางใต้น่ะ…

ส่วนในต่างแดนคงไม่จำเป็น เพราะว่าทางโน้นเขาเช็ตเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว…
ไว้ไปทีเดียวจบ”

ขุนพลอธิบายจบพร้อมสรุปว่า

“ทั้งหมด 8 คู่ ไม่รวมเด็กๆที่จะมาสมทบอีกคับคั่งนะ…
คิดว่าอุ่นหนาฝาคั่งกันเลยทีเดียว”

“งานนี้ผมว่าท่าทางจะหินน่าดูนะครับ…”

“แต่พี่กลับมองว่า น่าสนุกดีออก…คงจะทั้งสนุกทั้งอบอุ่นทั้งฮากันเลยทีเดียว
เพราะถ้านายเคยได้พบปะกับพวกเขาเหล่านี้
นายจะรู้ว่างานนี้อาจจะหินตรงที่รายละเอียดของงานมันเยอะ

แต่ที่แน่ๆก็คือ มันคุ้มค่า เพราะทางเจ้าภาพเขาทุ่มเต็มที่กับงานนี้
ไม่เกี่ยงเรื่องเงิน…เห็นบอกว่าอยากทำเอามันส์
อยากได้ผลงานที่ทำให้ประทับใจไปจนชั่วลูกชั่วหลานอะไรทำนองนี้

ไม่เน้นธุรกิจนัก…แต่เน้นเอาสะใจ…ฟังอย่างนี้แล้ว นายคิดว่ายังไงล่ะ”

“พูดได้คำเดียวครับว่า…น่าสนุก…ฟินสุดๆ…ชักคันไม้คันมือแล้วสิพี่ไนค์…”

“เห็นว่าจะให้เราช่วยจัดทำภาพโฆษณาบนโทรศัพท์มือถือ
และบนหน้าเว็บเพจให้ด้วย ส่วนภาพพิมพ์นั้นจะให้ทาง
สำนักพิมพ์สองตะวันเป็นฝ่ายดำเนินงานเอง

ได้ข่าวว่าจะทำเป็นทั้งนิตยสารวิวาห์ สารคดีท่องเที่ยว
หนังสือเกี่ยวกับคู่รักพร้อมบทสัมภาษณ์พิเศษของคู่รักทั้ง 8 คู่

ทำเป็นปฏิทิน และรวบรวมเป็นอัลบัม ปรากฏการณ์รักแห่งปี
แห่งชมรมคานน้อย คอยรัก…

เรียกได้ว่า ครบวงจรเลยทีเดียว…

พี่ถึงคิดว่า…พวกเขาคงอยากทำอะไรเพื่อความสะใจจริงๆ…
และตั้งแต่รับงานมา ก็ยังไม่เคยเจอลูกค้ามือเติบและมีความคิดแบบนี้มาก่อนด้วย…
งานนี้พี่เลยกะจะเข้าไปตรวจดูทุกข้ันตอน…”

ขุนพลมองหน้าลูกน้องด้วยแววตามุ่งมั่น

“พี่ไนค์อย่าบอกนะครับว่า พี่ไนค์จะรับเป็นตากล้องเองทั้งหมด…”
ขุนพลพยักหน้า

“โอ้โห…ผมล่ะนับถือจริงๆ…ถามหน่อยนะพี่
พี่มีอะไรหรือมีความสัมพันธ์ยังไงกับพวกเขาเหล่านี้รึเปล่า…”

แววตาของขุนพลหม่นลงเพียงนิดก่อนจะหายวับไปในชั่วพริบตา

“เราเคยสร้างเวรสร้างกรรมร่วมกันมาต้ังแต่ไหนแต่ไรก็ว่าได้…
ก็เลยหนีกันไม่พ้น…และพวกเขาก็เลือกที่จะเจาะจงบริษัทนี้ด้วย
ทั้งๆที่มีบริษัทใหญ่ๆและมีชื่อเสียงมากกว่าบริษัทเราอีกมากมาย
พี่ก็เลยคิดว่า มันคือโอกาสที่ดีที่เราจะได้พิสูจน์ฝีมือ…
ก็เลยอยากให้ทุกคนทุ่มเทอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะรุ่งหรือร่วง
พี่ก็ไม่คิดทิ้งพวกเราที่มีกันไม่กี่ชีวิตหรอก…”ขุนพลยกมือ
ขึ้นแตะไปบ่าของลูกน้องคนสนิท…

“พวกเราก็ไม่คิดจะทิ้งพี่ทิ้งบริษัทนี้เหมือนกันครับ…”

“ขอบใจ ขอบใจมาก…”ขุนพลยิ้มกว้าง

จากที่เคยเป็นเพียงแค่สตูดิโอเล็กๆ รับถ่ายภาพไปวันๆ
ด้วยใจรักในการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ ธุรกิจลุ่มๆดอนๆมาตลอด
หากเขาก็ไม่เคยเบื่อหรือคิดจะถอยไปทำอย่างอื่น
แม้ชีวิตจะล้มลุกคลุกคลานสักแค่ไหนแต่เขาก็ภูมิใจที่สามารถก่อตั้ง
สตูดิโอขึ้นมาด้วยฝีมือและกำลังทรัพย์ของตัวเอง
จนสามารถผ่านวิกฤตต่างๆในชีวิตมาพร้อมๆกับสตูดิโอเล็กๆ
ที่ค่อยๆขยับขยายขึ้นเป็นขนาดกลางจนกลายเป็นบริษัทสื่อโฆษณาขนาดย่อม

แม้ยังไม่มีชื่อเสียงในวงกว้างมากมายนัก
หากเขาก็มั่นใจว่ากำลังพลที่มีอยู่เพียงไม่กี่หยิบมือที่พรั่งพร้อม
ไปด้วยคุณภาพด้านความสามารถและพรสวรรค์เหล่านี้
จะช่วยนำพาบริษัทที่เขาค่อยๆสร้างค่อยๆก่อเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง
และมั่นคงได้ในอนาคต…

แน่นอนว่า…ที่นี่ไม่ใช่องค์กร แต่เป็นอีกครอบครัวนึงสำหรับเขา
และเขาก็พยายามให้ที่น่ีกลายเป็นครอบครัวของสมาชิกทุกคนที่เข้ามารวมตัวกัน…

และเหนือสิ่งอื่นใด…เขาอยากให้บิดาของเขาภูมิใจในตัวเขา
ภูมิใจในตัวลูกชายที่บิดาไม่เคยมองว่าประสบความสำเร็จในสายตาเลยคนนี้…

อยากจะทำให้บิดาเห็นว่า
เขาสามารถผงาดขึ้นได้ด้วยกำลังและความสามารถของตัวเองที่พระเจ้ามอบให้…
โดยยังคงยึดมั่นบนวิถึทางที่ถูกต้อง
สามารถเลี้ยงดูครอบครัวด้วยเงินที่ดี เงินที่สุจริต มิใช่เงินต้องห้ามหรือเงินบาป…

แม้จะเหนื่อยยากและลำบากสักแค่ไหนกว่าจะได้มา
หากเขามั่นใจว่าสิ่งที่เขาพากเพียรทำทั้งหมดนี้
จะสามารถนำพาครอบครัวของเขาไปสู่ความสุขสงบในชีวิตอย่างที่เขาเอง
ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน…

แล้วแววตาเจิดจรัสของภรรยาของเขาก็แวบผ่านเข้ามา…
ใบหน้านั้นหามีอะไรสะดุดตาไม่ เว้นแต่ดวงตาคู่นั้น
ดวงตาของนักสู้ผู้ไม่ยอมแพ้ แววตาที่เขาได้เห็นเป็นครั้งแรกนั้น
ทำให้เขาแน่ใจว่า คนนี้แหล่ะที่จะสามารถเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเขาได้

แววตาคู่นี้แหล่ะที่เขาถูกอกถูกใจและชื่นชอบยิ่งนัก…กับหัวใจแกร่ง…
เขารู้ดีว่าหัวใจของเธอแกร่งแค่ไหน…

แม้หัวใจนั้นจะอยู่ในร่างอันบอบบาง ภายใต้ท่าทางโอนอ่อนผ่อนตาม
ทว่า เขาสัมผัสถึงพลังพิเศษในตัวของหญิงสาวผู้นั้นได้…

เธอมีพลังพิเศษ…พลังที่พร้อมจะทำเพื่อคนที่รักได้อย่างไม่มีจำกัด
พลังที่พร้อมจะเสียสละเลือดเนื้อและจิตวิญญาณได้เพื่อคนอื่น…

เขารู้สึกเช่นนั้น และยิ่งพบยิ่งสัมผัสก็ยิ่งแน่ใจว่ามันใช่…

เพราะตั้งแต่ชีวิตเธอก้าวเข้ามาในชีวิตเขา เขาก็สามารถรับรู้ได้ถึงพลังดังกล่าว…
สิ่งดีๆต่างๆมากมายก่อเกิดขึ้นพร้อมกับการมาของเธอ
เธออาจไม่ใช่นางฟ้าอย่างแพทย์หญิงปองขวัญ ณรันยา
ที่เขาแอบรักแอบฝันหาแอบปลื้มแอบเฝ้าดูเฝ้าติดตามมาตลอดนับหลายปี

แต่เธอคือ…ราชินีบิลกีสผู้ครองบัลลังก์อันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรซะบะฮ์ในตำนาน!









“ชื่อพี่กีส…บิลกีสน่ะค่ะ…หมายถึงอะไรคะ…”

เสียงใสๆถามบิลกีสขณะที่เธอกำลังนั่งเขียนภาพอยู่ด้วยสีหน้ารื่นรมย์
เพราะช่วงสองปีที่ผ่านมา เธอไร้อารมณ์สุนทรีย์ในการเขียนภาพจนเลิกล้ม
การเขียนภาพมานานเหลือเกิน…

“มันเป็นชื่อของราชินีในตำนานจ๊ะ ชื่อราชินีแห่งเมืองหรือจะเรียกว่า
อาณาจักรซะบะฮฺที่เคยรุ่งเรื่องในตำนานก็ได้…”

บิลกีสเล่าไปพลางก็ตวัดพู่กันไปด้วย…

“เธอเป็นราชินีที่ทั้งฉลาดและเด็ดเดี่ยว…ขุนนางมากมายให้การไว้วางใจ
และให้การสนับสนุนเธอ…เธอจึงเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่ในตำนาน”

ดุจมณีทำตาลุกวาวเมื่อได้ยินเรื่องเล่าที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน

“และต่อมาก็ได้เป็นภรรยาของกษัตริย์สุไลมาน กษัตริย์แห่งเวทมนต์ที่ยิ่งใหญ่…
หาใครเทียบเทียมไม่ได้เลยในช่วงนั้น…

กษัตริย์สุไลมานที่มีพระราชวังที่ปูพื้นด้วยกระจกใสเหมือนสระน้ำ
จนทำให้ราชินีผู้มาเยือนที่ก้าวเข้าไปในพระราชวังต้องยกชายผ้าขึ้น
แล้วอุทานออกมาเมื่อได้รู้คำตอบจากกษัตริย์สุไลมานว่านั่นไม่ใช่สระน้ำ
แต่เป็นพื้นที่ปูด้วยกระจกใส…

นางถึงกับยอมจำนนท์ต่อความยิ่งใหญ่ของท่าน
และศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวที่กษัตริย์สุไลมานศรัทธาอย่าไร้ข้อกังขาใดๆในทันที…”

บิลกีสวางพู่กันลงแล้วหันมาทางดุจมณีที่นั่งอยู่ข้างเธอแล้วยิ้มให้ขณะเล่าต่ออีกว่า

“ที่สำคัญ กษัตริย์สุไลมานได้ให้คนของท่านไปนำบัลลังก์ของนางมายังท่าน
ระหว่างที่นางเดินทางมาเยือนท่านที่เมืองของท่าน…
และต้องนำมาให้ทันก่อนที่นางจะมาถึง…
โดยให้ทำการดัดแปลงบัลลังก์ของนางด้วย…

เมื่อนางมาถึงท่านก็ถามนางว่า บัลลังก์ดังกล่าวนั้นเหมือนของนางหรือไม่
นางก็ตอบด้วยความฉลาดเฉลียวและเด็ดเดี่ยวว่า…มันคล้ายอย่างนั้นแหล่ะ…”

ดุจมณีพยักหน้าด้วยสีหน้าเข้าใจ

“แสดงว่าพี่กีสก็เหมือนกับราชินีบิลกีสในตำนานน่ะสิ…
เพราะพี่ไนค์บอกกับไอซ์ว่าพี่กีสเป็นคนเก่งและเด็ดเดี่ยว…เข้มแข็งด้วย…
พี่ไนค์ยังบอกอีกว่า ไอซ์น่ะได้พี่สะใภ้ที่น่าภูมิใจ…ให้ไอซ์รักพี่กีสให้มากๆ…”

บิลกีสถึงกับชะงักกับสิ่งที่ได้ยิน
หัวใจกระตุกถี่…มองคนตรงหน้านิ่งแล้วส่ายหน้า

“ไม่หรอก…พี่ไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น…
ราชินีบิลกีสเป็นถึงผู้ปกครองอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่
ได้รับความรักความไว้วางใจจากผู้คนมากมายเลยนะจ๊ะ…

แต่พี่น่ะ อย่าว่าแต่คนรักหรือไว้วางใจเลย แค่คนยอมรับยังแทบจะไม่มีด้วยซ้ำ…
ชีวิตพี่ที่ผ่านมาก็มีแต่พวกเด็กๆที่บ้านเด็กกำพร้าเท่านั้นแหล่ะ
ที่รักและรอคอยให้พี่ไปหาน่ะ…”บิลกีสกล่าวด้วยแววตามั่นคง
มิใช่แววตาตัดพ้อต่อว่าหรือประชดประชันชีวิต
เพราะสิ่งที่เธอเอ่ยออกไปนั้นคือความจริงที่เธอประสบมา…
และเธอยอมรับมันได้อย่างดีเสียด้วย…

“แต่พวกเราไว้ใจพี่กิสนะคะ…ไอซ์คนนึงแหล่ะที่รักพี่กีส…
และไอซ์ดูออกว่าคุณลุงน่ะชอบพี่กีสด้วย…

ดังนั้น…ไอซ์ขอยกให้ที่นี่เป็นอาณาจักรของพี่กีส…เพราะพี่กีสคือผู้ปกครองที่นี่ค่ะ…”
ดุจมณีวาดมือไปรอบๆตัวด้วยรอยยิ้มสดใส
แล้วหันมาจับมือบิลกีสด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างเปิดเผย

“พี่ไนค์น่ะเขาปกครองอาณาจักรอื่นที่เขาออกไปหามันทุกวัน
ส่วนที่นี่ไอซ์ยกให้พ่ีกีสมีอำนาจดูแลทั้งหมดเลยค่ะ…
พี่กีสคือราชินีที่ปกครองอาณาจักรแห่งนี้สืบไป…”

บิลกีสถึงกับปล่อยคิกออกมาพร้อมส่ายหน้าอย่างเอ็นดูหญิงสาวตรงหน้า…

“อาณาจักรที่มีคนแค่สี่คนนี่เหรอคะ…”ดุจมณีพยักหน้า

“ค่ะ…มีกันแค่สี่คน…แต่เป็นสี่คนที่พี่กีสดูแลปกป้องได้เป็นอย่างดีเลย
ไอซ์ไม่เคยเจอใครที่แสนดีเหมือนพี่กีสเลยนะ…พี่กีสน่ะชนะพี่ไนค์ขาดลอยแล้วรู้มั้ย…
เพราะตอนนี้ไอซ์รักพี่กีสมากกว่าพี่ไนค์อีก…”

เสียงใสยังคงจ้อต่อไป ก่อนจะก้มลงกระซิบเบาๆข้างหูเธอราวกับกลัวว่าใครจะมาได้ยิน

“แต่พี่กีสห้ามบอกเรื่องนี้กับพี่ไนค์นะคะ…”แล้วเธอก็ได้ยิน
เสียงหัวเราะคิกดังตามมา…

“พ่ี่ไนค์น่ะขี้ใจน้อยนะ…เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ เพราะเป็นความลับ
แต่ไอซ์รู้ค่ะ…พี่ไนค์เป็นคนขี้ใจน้อยค่ะพี่กีส…”

บิลกีสเลิกคิ้วสูงอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าคนตัวโต
หน้าตาเฉยเมยเกือบไร้ความรู้สึกแบบนั้นน่ะหรือ ‘ขี้ใจน้อย’

“พี่กีสวาดรูปสวยจังเลยค่ะ…”แล้วดุจมณีก็หันมาชื่นชมผลงานของบัลกีส
ที่เสร็จเรียบร้อยตรงหน้าแล้ว…เป็นภาพวาดสีน้ำรูปดอกบัว

“พี่กีสวาดไปให้ใครหรือคะ…”

“เจ้าของแกลอรี่ที่พี่รู้จักเขาอยากได้รูปดอกบัวกับพญานาคน่ะจ๊ะ…
พี่ก็เลยกะว่าจะวาดส่งไปดู เผื่อจะได้เงินค่าขนมมาให้เด็กแถวนี้บ้าง
เอาไว้วันหยุดพ่ีไนค์ของไอซ์ พี่จะขอเขาพาน้องไอซ์ไปซื้อขนม
และเอาขนมไปเยี่ยมเด็กๆของพี่ในอีกอาณาจักรหนึ่ง…สนใจมั้ย…”

ดุจมณีพยักหน้าทันทีโดยไม่ต้องคิดให้นาน
ขอแค่ให้ได้ออกไปจากห้องชุดนี้ได้เป็นพอ จะพาไปที่ไหนเธอไปทั้งนั้นแหล่ะ…

บิลกีสจึงหันมาจัดการกับรูปวาดตรงหน้า…เพราะยังต้องวาดอีกสองชุด
กะจะให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้…และเธอคงต้องโทรไปบอก
ให้คนทางแกลอรีมารับรูปที่นี่เอง เพราะจะไปเองคงไม่ได้อย่างเคย…

นี่เป็นอีกทางนึงที่เธอใช้หารายได้เสริม แม้นานๆจะมีมาสักครั้ง
แต่เธอก็รักที่จะทำงานนี้…นับว่าเป็นโชคดีของเธอที่ได้รู้จักเจ้าของแกลอรี…

'คีตา' คือเจ้าของแกลอรี เขาเป็นศิลปีนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง

และเมื่อหลายปีก่อน เขาเดินผ่านมาเจอเธอที่กำลังนั่งวาดรูปดอกบัว
ข้างสระน้ำในสวนสาธารณะกลางเมือง

ตอนนั้นเธอนั่งพิงหลังกับต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาท่ามกลางสายลมยามบ่ายคล้อยของวัน

‘จินตนาการได้ดีนี่ครับ…’

ตอนนั้นเธอตกใจที่อยู่ๆเขาก็เอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบสงบของเธอ
และยังลงนั่งใกล้ๆเธอโดยทิ้งระยะห่างให้ดูไม่น่าเกลียดมากนัก…

แววตาของเขามีความชื่นชมอยู่ เธอรู้สึกได้

‘ดอกบัวของคุณดูมีชีวิตชีวามาก…ผมชอบนะ…
มันทำให้มองแล้วรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที…’

‘ขอบคุณค่ะ…แต่ฉันคิดว่าคำชมนี้มากเกินไปที่ฉันควรจะได้รับ’

‘ไม่เลย…มันสวยและมีชีวิตชีวาจริงๆ…ถ้าคุณไม่ว่าอะไร
เมื่อเสร็จแล้วผมขอซื้อมันได้มั้ย…เท่าไหร่เสนอมาได้เลย…’

ตอนนั้นเธอถึงกับอึ้งปนประหลาดใจ
เพราะไม่เคยมีใครเสนอขอซื้อภาพเขียนของเธอมาก่อน
เธอก็แค่ศิลปินสมัครเล่น ซึ่งส่วนใหญ่จะวาดเก็บไว้ดูเองเสียมากกว่า…


และหลังจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็จะเสนองานให้เธอมาตลอด
บางครั้งก็จะมีหัวข้อมาให้ เธอจึงมีโอกาสได้นำผลงานออกสู่สายตาผู้อื่น
ด้วยการสนับสนุนจากเขาอย่างต่อเนื่อง

แม้รายได้จากตรงนี้ไม่ได้ทำให้เธอร่ำรวยกลายเป็นเศรษฐี
แต่มันก็ทำให้เธอสามารถซื้อขนมและของจำเป็นไปฝากเด็กๆ
ที่สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าได้เป็นประจำ…

เธอไม่ได้มีครอบครัวเหมือนคนอื่นๆ
และนั่นคือครอบครัวที่เธอตั้งใจจะดูแลใส่ใจมาตลอด…

เธอมิได้ต้องการที่จะร่ำรวย มีบ้านหลังใหญ่เพื่อที่จะอยู่อาศัยเพียงลำพัง…
แค่ห้องเช่าราคาถูกๆก็เพียงพอแล้วสำหรับชีวิตเดียวของเธอ…

และไม่เคยคิดที่อยากจะตะกายดาวเพื่อสร้างชื่อเสียงที่คงจะไร้คนร่วมชื่นชมกับมัน…

ชีวิตเรียบๆและสมถะคือสิ่งที่ทำให้เธอหายใจอยู่บนโลกที่แสนวุ่นวายนี้
ได้สะดวกและไม่ทุกข์ร้อนมากจนเกินไปกับความผันผวนของโลกใบใหญ่แห่งนี้…

เพราะไม่ว่าโลกนี้จะหมุนไปอีกนานเท่าไหร่ไม่ใช่สาระสำคัญ
เนื่องจากชีวิตเธอไม่ได้ยาวเท่าอายุขัยของโลก…

ทุกอย่างที่สร้างมาหรือได้มาย่อมหมดไปไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง
และเธอเลือกแล้วที่จะจ่ายมันไปในหนทางใด…




....โปรดติดตามตอนต่อไป......


เห็นเงาของขมรางๆแล้วใช่มั้ยคะ...เฮะๆ
เรื่องนี้จะออกไปทางหวานปนขม เหมือนยาลดไข้สำหรับเด็กๆ
ที่มีน้ำเชื่อมผสมตัวยาขมๆ...


หายห่างจากเรื่องนี้ไประยะนึง เพราะเปลี่ยนโหมดไปเขียนอีกเรื่องนึง
ต้องขออภัยนักอ่านที่กำลังตามอ่านเรื่องนี้อยู่ด้วยนะคะ...



...คุยกับนักอ่านจากตอนที่แล้วกันค่ะ...

1.คุณsunflower...ตอนนี้ก่อนหวาน แต่ตอนนี้เริ่มปะแล่มๆแล้วเนอะ...อิอิ

2.คุณใบบัวทีี่น่ารัก...ใช่แล้วค่ะ...นางเลือกรักของนางไปแล้ว...อิอ
เรื่องจัดหนักนั้น ตอนนี้ยังค่ะ...ยังจัดหนักไม่ได้ แต่ลมเก่าอาจพัดมา
ให้หายใจติดขัดกันบ้าง เพราะดูท่าแล้ว พระเอกจะงานเข้า ได้งานที่ต้องทำกับ
คนที่แอบรักแอบปลื้มมาตลอด จะต้านทานเสน่ห์ไหวหรือไม่ มาติดตามกันค่ะ...
เพราะรักแรกนั้นยากที่จะลืม...

3.คุณแว่นใส...งานนี้เต่าโยไม่แน่ใจว่านางเอกหรือพระเอกที่จะทำตัวงี่เง่าจ๊ะ...เฮะๆ
ต้องติดตามกันต่อไป...

4.คุณตุ๊งแช่...เรื่องนี้หวานปนขมค่ะ...หวานๆขมๆ...อิอิ...
นักอ่านอาจจะเปลี่ยนอารมณ์ไม่ทันก็ได้...ฮ่าๆ

5.คุณRightHand...มาให้กันแล้วนะคะ...มาต่อให้กันแล้ว
และจะมาให้ติดๆกันต่อจากนี้ด้วยค่ะ...คาดว่าพรุ่งนี้น่าจะมาอัพเรื่องนี้
ให้อีกหนึ่งตอนค่ะ...ถ้าไม่มีงานแทรก...



...สุดท้ายไม่ท้ายสุด...

ขอบคุณนักอ่านทุกท่าน ขอบคุณทุกๆไลค์ ทุกๆกำลังใจนะคะ


...รักษาสุขภาพนะคะ...

"เต่าโย"




yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ต.ค. 2557, 14:32:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ต.ค. 2557, 14:32:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 2074





<< บทที่ 5 อ้อนไว้   บทที่ 7 รักเกินตัดใจ >>
ตุ๊งแช่ 21 ต.ค. 2557, 16:32:29 น.
ขยันจริงๆ เหลือคานน้อยนะคะ


แว่นใส 21 ต.ค. 2557, 17:52:58 น.
เรื่องงานที่มาขวาง หรือว่าเรื่องคนที่มายุ่งละเนี่ย


ใบบัวน่ารัก 22 ต.ค. 2557, 14:17:24 น.
อยากไปด้วยจัง
น่าสนุกนะ
ไอซ์ไปด้วยไหม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account