อลวน ถนน หัวใจ (จบแล้ว)

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 8.อลวน ถนน หัวใจ

8.

รถวิ่งออกจากบ้านของลุงอินตาซึ่งโชคชัยแนะนำว่าเป็นคุณลุงในเวลาห้าโมงเย็น จุดหมายคือจังหวัดกาญจนบุรี โชคชัยบอกกับลุงว่า จะไปธุระกับเพื่อน และคำว่าธุระนี้ ทางลุงอินตาจะไม่มีวันซักอย่างเด็ดขาด

ถึงจะเห็นสภาพบ้านของลุงอินตาซึ่งโชคชัยแนะนำว่าเป็นลุงญาติข้างแม่ แต่อินทราก็ยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะท่าทีของลุงอินตาที่นอบน้อมต่อหนุ่มหน้าหยกคนนี้มันผิดวิสัยของลุงกับหลาน

อินทราร้องบอกให้คนขับและเจ้าของรถ คือประดิพัทธ์ หยุดที่ปั๊มน้ำมัน หญิงสาววิ่งลงไปยังมินิมาร์ท แล้วกลับออกมาด้วยหนังสือท่องเที่ยวกาญจนบุรี

“เผื่อไว้ เราจะได้ไม่ถึงกับคลำทาง”

“ถ้าเราช่วยคุณรังสิตาออกมาไม่ได้ล่ะ เราจะทำอย่างไร” โชคชัยดูเป็นกังวล

“ปัญหา มันอยู่ที่ว่า เราก็ไม่รู้จักว่าคุณรังสิตาเธอเป็นใครนี่สิ แล้วเธอมีความเกี่ยวข้องเกี่ยวพันอะไรกับอีตาเสี่ยนั่น ยืมเงินเขามาอย่างที่เล่าให้เราฟัง มันก็ไม่น่าใช่ เงินเป็นล้านใครที่ไหนจะยอมปล่อย นอกเสียจากเงินนั้นเป็นจำพวกเงินพนันบอล”

พูดแค่นั้น ประดิพัทธ์ก็ไอแค็ก ๆ ทันที

“ท่าทางเรื่องมันจะซับซ้อน ขนาดผมเป็นคนเล่นละคร อ่านบทละครมาก็เยอะ ผมยังคิดไม่ออกเลยว่า เรื่องมันจะเป็นอย่างไรต่อ”

“มันอาจจะจบลงที่ใครกับใครแต่งงาน อาจจะเป็นคุณทั้งสองคน” อินทรามีอารมณ์พูดเล่น ประดิพัทธ์ทำตาปะหลับปะเหลือกให้แล้วก็พูดคำว่า “บ้าจังตัวเอง”

อินทราขำก๊ากออกมา นึกถึงตอนประดิพัทธ์รับบทกระเทยควายในละครเมื่อสักสองปีที่แล้ว หญิงสาวเล่าถึงอาการคลั่งละครเรื่องนี้ให้โชคชัยได้ร่วมหัวเราะ ซึ่งเขาก็หัวเราะไปอย่างนั้น จนอินทราได้ถามว่า

“แล้วเฮียไปอยู่ที่ไหนมาถึงได้ไม่รู้เรื่อง เพราะละครเรื่องนี้ดังชนิดคนรีบกลับบ้านทั้งกรุงเทพฯ”

โชคชัยอยากจะบอกว่าเขาอยู่ต่างประเทศนะซิ แต่เขาก็พูดเพียงว่า

“ไม่ค่อยได้สนใจละคร สนใจแต่ฟุตบอล” ซึ่งคำว่าฟุตบอลนี้มันทำให้ ประดิพัทธ์ไอแค็ก ๆ ขึ้นมาอีก เขากลัวว่า แม่หนูอินทราจะขุดคุ้ยมาเล่าเหมือนละครที่เขาเคยแสดงไปแล้ว แต่อินทรานิ่งเงียบ เขามองกระจกส่องหลัง เห็นสาวเจ้ามีสีหน้าครุ่นคิด

“พ่อแม่ว่าอย่างไรบ้าง” เขาร้องถาม

“ก็ได้เงินไปแล้วจะว่าอย่างไร จะมีห่วง ก็ห่วงแบบบ้านฉันแหละ”

“อย่างไร”

“สู้ต่อไป และเอาตัวให้รอดกลับมา ไอ้ประเภทห่วงแต่โอ๋ หรือดูแลเหมือนไข่ในหินนี่ไม่ใช่หรอก เด็ก ๆ เกิดมาฉันก็รู้จักเดินถือถาดขายของแล้ว พวงมาลัยที่แยกไฟแดง เรียงเบอร์อะไรเอย เคยทำมาหมด ก่อสร้างกับพ่อก็เคย วันละห้าสิบบาท มือแตกมือพอง” คนเล่า เล่าเหมือนเรื่องที่ผ่านมาแล้วเป็นแค่คำพูดผ่านปาก ดูมันง่ายและสบาย ๆ

แต่คนฟังอย่างโชคชัยถึงกับหันหลังกลับมามอง ชีวิตของเด็กสาวคนนี้ช่างผิดกับเขาอย่างลิบลับทีเดียว

“แล้วคุณมีแฟนหรือยัง” ไม่รู้เพราะอะไรจึงต้องหลุดคำถามนี้ออกมา คงเป็นด้วยวัยของหญิงสาว หรือไม่ก็ด้วยผิวพรรณหน้าตาที่จัดว่าไม่ได้ขี้เหร่นัก

“เห็นพวกวินปากหมาไหมล่ะ นั่นแหละตามจีบฉันหลายคน แล้วจะกลืนลงไปได้อย่างไร ไอ้ที่เรียนสมัยมัธยม มันเห็นฉันเป็นเด็กในสลัม มาโรงเรียนสายเกือบทุกวัน มันคงจะอยากได้ไปอยู่ด้วยหรอก พอเข้าเรียนรามก็มีงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำงก ๆ ไม่ต้องพูดถึงหรอกคำว่าแฟนสะกดอย่างไร”

“อยากมีบ้างไหม” ประดิพัทธ์ถามขึ้น เพราะผู้หญิงคนนี้ผิดกับผู้หญิงที่เขาเคยรู้จักเป็นส่วนใหญ่

“อยากมีซิ อยากรู้เหมือนกันว่าการที่มีแฟนมีคนรักมันเป็นอย่างไร เห็นเขาจูงมือกัน เห็นเขากอดกันตามริมสระน้ำ นั่งคุยกันกระจุ๋งกระจิ๋ง ตักข้าว ป้อนข้าวกัน ฉันก็อยากทำ แต่ไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นจากตรงไหน อย่างไร อะไรถึงได้พาให้คนสองคนถึงต้องปฏิบัติต่อกันอย่างนั้น”

เมื่อได้ฟัง โชคชัยนึกขำขึ้นมา

สำหรับเขา ผ่านเรื่องอย่างที่เด็กสาวพูดมาหมดแล้ว ในตอนนี้เขาแสวงหาเพียงอย่างเดียว ใครสักคนที่เขารู้สึกว่ารัก อยากทำอะไรให้อย่างเต็มอกเต็มใจมากกว่าเสแสร้งแกล้งที่จะรักกันเพราะว่ามันเหงา

“นี่ถามฉันอยู่คนเดียว พวกคุณไม่เห็นเล่ากันเลยว่าเป็นอย่างไรกันมาบ้าง คุณประดิพัทธ์น่ะฉันพอรู้อยู่แล้วว่าเป็นมาอย่างไร แฟนคนแรกในวงการชื่อไร แต่เออ ถามอะไรหน่อยนะ”

“ว่าไง” ประดิพัทธ์ก็พร้อมที่จะเปิดเผยด้วยสาวเจ้าก็พูดตรง ๆ ไม่อ้อมค้อมมาก่อน

“คำว่าคบหากันของพวกดารานี่ ประมาณไหน อยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม หรือแค่ชอบกัน”

“ไม่รู้ซิ มันก็มีทั้งอยู่ด้วยกันก่อน กับอยู่ในกรอบ ขึ้นอยู่กับผู้หญิงนะ ผู้ชายเขาไม่เสียหายนี่”

“แล้วคุณ”

“ขึ้นอยู่กับคนนั่นแหละ อย่าถามนะว่า กับคนนั้นอยู่กันอย่างไร ผู้ชายเขาถือว่านิสัยไม่ดีหรอกที่เอาผู้หญิงของตัวเองมาเปิดเผย”

“คุณธรรมดีนะ แล้ว เมริษา ฮาวาย ที่หอบลูกกลับไปอยู่ที่ฮาวายนั่นล่ะ”

“ก็ ผมจนกว่าที่เขาคิดไว้” ประดิพัทธ์บอกความจริง

“ตอนที่คุณประกาศว่าแยกทางกัน ตอนนั้นฉันยังเรียนอยู่ ก็ยังคิดว่า มันหมายความว่าอย่างไรนะ คำว่า ไลฟ์สไตล์ไม่ตรงกัน”

“ชีวิตประจำวันที่ไม่ตรงกัน” ประดิพัทธ์หัวเราะเสียงขื่น โชคชัยคิดว่าเขาจะพูดเรื่องส่วนตัวแบบนี้ต่ออีกหรือไม่ แต่เจ้าของเรื่องก็พูดออกมา

“เอาผมก่อนแล้วกันนะ ผมทำงานไม่เป็นเวลา กลับบ้านบ้างไม่กลับบ้านบ้าง ข้อแรกผมมีงานถ่ายละคร บางทีมีที่ต่างจังหวัดไกล ๆ อย่างภาคเหนือ ขึ้นไปทีก็หลายวัน เขาก็คิดว่าทอดทิ้งเขา บางวันผมอยู่ที่ออฟฟิศจนดึก เขาก็คิดว่า ผมแอบไปมีคนอื่น หรือไปกับคนอื่น”

“ทั้งที่คุณไม่ได้ไป แต่ข่าวมันมีว่าคุณมีกิ๊กนี่”

“แล้วจะไม่ให้ผมสนิทสนมหรือคบหากับพวกดาราสาวบ้างเลยหรือ การเป็นข่าวด้วยกันนิดหนึ่ง บางทีมันก็เป็นการช่วย ๆ กัน น้องเขาเข้าวงการใหม่ ๆ น้องก็อยากเป็นข่าว เป็นข่าวแล้วมีงาน สูตรตรงนี้เธอก็รู้นี่ แล้วจะถามทำไม ถามจริงเถอะ อยู่ตรงนั้น เธอก็รู้ไม่ใช่หรือว่า มีทั้งเขียนเพื่อเอางาน และเขียนเพื่อเอาเงินค่าเขียน มั่วนิ่ม นั่งเทียนก็ไม่ใช่น้อย”

“ค่ะ เข้าใจ”

“แต่เขาก็ไม่เคยฟังผมอธิบายอะไรทั้งนั้น กลับบ้านมาก็ เฮ้อ!” คนพูดถอนหายใจออกมา ครั้งแรกที่เขาแต่งงานเขาก็คิดว่ามันต้องยั่งยืน อดทน แต่ไม่คิดว่ามันจะยุติลงชั่วเวลาเพียงสองปี

“ไม่ต้องเล่าก็ได้ เล่าไปก็เจ็บหัวใจเปล่า ๆ มั้ง”

“อื้อ แล้วไปแล้ว ผมก็ยังมีหน้าที่ส่งเสียให้ลูกสาวผมทางโน้นอยู่นะ”

“ลูกคุณน่ารักนะ”

“แม่เขาสวย ลูกก็ต้องน่ารัก”

“คุณก็หล่อนะ ตอนฉันเป็นสาวรุ่น ๆ ฉันชอบคุณมาก มีรูปคุณแปะปิดรูห้องน้ำด้วยนะ”

โชคชัยได้ยินหัวเราะก๊ากออกมา

“ผมทำใจแล้วว่าต้องไปอยู่ตรงไหนของใครก็ได้ แล้วนี่จะถามแต่ผมเหรอ คุณโชคชัยเธอไม่ซักไซ้บ้างเหรอ”

“อยากซัก แต่รู้ว่าเขาไม่ตอบคำถามฉันหรอกวันนี้” เมื่อได้ฟังโชคชัยปรายตามามองคนพูด หญิงสาวยักคิ้วหลิ่วตาให้อย่างคนที่คิดว่า ‘คุณมีอะไรแอบปิดบังฉันอยู่แน่ ๆ’ เมื่อโชคชัยได้เห็นเขายักคิ้วให้ข้างเดียวแล้วก็ห่อตัวลงมาพลางถอนหายใจออกมา แล้วพูดว่า

“เก่งนะ เดาใจผมถูก”


เมื่อรถแล่นเข้าเขตจังหวัดกาญจนบุรี สองข้างทางเริ่มมีป้ายหาเสียง อินทรากวาดสายตาไปแล้วอ่านดัง ๆ

“นายกำจาย จงเกียรติวัฒนา คนจริงไม่ทิ้งประชาชน จริงเร้อที่ไม่ทิ้งประชาชน รายไหนรายนั้น นี่อะไรเนี่ย นายสาธร เจริญธัญญา รักจริงไม่ติงนัง” หญิงสาวแกล้งอ่านผิดเพื่อเรียกเสียงหัวเราะ ซึ่งประดิพัทธ์เองก็ขำกิ๊ก

“เฮ้ย! เฮ้ย! ชักอย่างไรแล้ว” อินทราคว้านามบัตรขึ้นมาดูอีกรอบ

“นางสาวรังสิตา เจริญธัญญา เอ้ย เอ้ย พี่ ๆ นี่มันนามสกุลเดียวกันนี่ ประดิพัทธ์หันมามองหน้าทันที โชคชัยเองก็เอี้ยวตัวมาหยิบกระดาษไปอ่าน

“17/2 หมู่ 9 ต.ท่าเสา อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี” เมื่ออ่านจบชายหนุ่มทำหน้าครุ่นคิด ป้ายที่อยู่ตามท้องถนนนี้เป็นป้ายหาเสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร แล้วรังสิตา เกี่ยวข้องอะไรกับว่าผู้แทนฯ คนนี้ มันหมายความว่าอย่างไร

“พี่น้องกันเหรอ หมายความว่าไง”

มันเป็นเรื่องเฉพาะหน้าที่ทั้งสามคนจะต้องร่วมกันตัดสินใจ


ที่ร้านอาหารข้างโรงแรมระดับสามดาว อินทราเดินหาข้อมูล ของนายสาธร ด้วยใบหน้าและถ้อยคำยิ้มแย้มชวนคุย ทำให้เธอเดินยิ้มร่ากลับมาที่โต๊ะอาหารซึ่งสองหนุ่มกำลังปรึกษากันถึงวิธีช่วยคุณรังสิตาออกมา

“ได้ความแล้ว นายสาธร เสี่ยใหญ่เจ้าของกิจการโรงงานโม่หิน แถมมีรีสอร์ตหลายแห่งที่เมืองกาญฯ ตามด้วยอะไรอีกล่ะ หมู่บ้านจัดสรร เอาว่ารวยเชียวล่ะ แล้วเล่นการเมืองครั้งนี้เป็นครั้งแรกด้วย ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า แต่บางคนก็บอกว่าอาจจะได้ เพราะเงินถึง

“แล้วบ้านเขาอยู่ที่ไหน” โชคชัยรีบถาม

“เยอะแยะไปหมด เมียเยอะด้วย เจ้าชู้เชียวล่ะ”

“แล้วบ้านเลขที่ 17/2 นี่ล่ะ” ประดิพัทธ์ซักขึ้นบ้าง

“ตอนนี้คุณรังสิตาคงพักอยู่ที่นั่น ฉันเดาว่าน่าจะเป็นน้องสาว”

“หรือไม่ก็เมียคนเล็ก” เป็นความคิดของประดิพัทธ์ ซึ่งตรงนี้ทำให้โชคชัยถอนหายใจออกมา

“ชอบเจ๊เขาซิ” อินทราถามขึ้นทันที โชคชัยไม่ตอบ และทั้งสองคนก็รู้ดีว่า หากนายคนนี้นิ่งเงียบ นั่นก็คือจะไม่ตอบ และไม่ต่อคำอะไรอีก

อาหารค่ำในเวลาดึกดื่นนั้นแม้รสชาติดีเยี่ยม แต่ทั้งสามคนก็เคี้ยวกลืนลงคอให้หมดไปอย่างนั้น ความกังวลยังผุดขึ้นที่ใบหน้าของแต่ละคน

จนกระทั่งประดิพัทธ์สั่งเช็คบิล พอพนักงานเก็บเงินยื่นบิลมาให้ เขากำลังจะควักเงินจ่ายโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เขากดรับพลางส่งกระเป๋าเงินให้อินทราหยิบเงินในกระเป๋าจ่ายพนักงาน

“ครับ ผมประดิพัทธ์”

“ฉันรังสิตานะคะ ตอนนี้พวกคุณอยู่ที่ไหน”

“พวกผม อยู่เมืองกาญฯ เรามาช่วยคุณตามที่สัญญาไว้”

“ฉันนึกว่าพวกคุณจะผิดคำสัญญาเสียอีก”

“ได้หรือครับ แล้วคุณอยู่ที่ไหน เราจะช่วยคุณได้อย่างไร แล้วคุณกับนายสาธรนี่เป็นอะไรกันครับ”

“เอ่อ เป็นน้องสาวเขาค่ะ”

“อ้าว แล้วจะให้ผมไปช่วยทำไมละครับ อยู่กับพี่ชายก็ดีอยู่แล้วนี่”

“ค่ะดี แต่ไม่ดีค่ะ เอาเป็นว่า ฉันอยากหนีออกไปจากบ้านหลังที่ฉันอยู่อีกรอบ และการหนีคราวนี้ฉันไม่ต้องการกลับมาที่นี่อีก คุณก็รู้ว่าฉันกลับมา เพราะว่าฉันต้องการช่วยคุณ”

“ครับ ผมไม่ลืมแน่นอน แล้วผมจะช่วยคุณได้อย่างไร ผมไปบ้านตามโน้ตที่คุณให้ไว้ไม่ถูกนะ”

ขณะที่ประดิพัทธ์คุยกับหญิงสาวทางโทรศัพท์ อินทราและโชคชัยตั้งใจฟังเป็นอย่างยิ่ง แล้วประดิพัทธ์จึงลุกขึ้นพยักหน้าให้ทั้งสองคนเดินตามมายังโรงแรมด้วยความรวดเร็ว อินทรากดปุ่มลิฟท์ทันที เมื่อลิฟท์เปิดทั้งสามคนรีบแทรกตัวเข้าไป ขณะนั้นประดิพัทธ์ก็ยังคุยถามรังสิตาไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งทั้งสามคนเข้าไปอยู่ในห้องพักที่ได้เช็คอินไว้ ประดิพัทธ์จึงเปิดเสียงโทรศัพท์ให้ดังทั่วถึงกัน

“คุณขับตรงมาทางอำเภอศรีสวัสดิ์ แล้วข้ามแพขนานยนตร์แพแรกก่อนนะคะ จะมีป้ายบอกไว้ หลังจากนั้นพอคุณขึ้นมาก็ขับตรงมาเรื่อย ๆ ค่ะ ประมาณสักยี่สิบกิโลเมตรออกนอกเมืองไป ที่นั่นจะมีรีสอร์ตที่ชื่อ รังสิตารีสอร์ต เป็นชื่อของฉันเอง พวกคุณพักอยู่ที่นั่น ฉันเองก็พักอยู่ที่นั่นเหมือนกัน แต่ถ้าพี่ชายฉันรู้ว่าฉันออกมากับพวกคุณ พวกคุณจะเดือดร้อนด้วย

“ถ้าเป็นอย่างนี้พวกผมไปพักที่อื่นไม่ดีกว่าหรือครับ ถ้าเขาเห็นว่าพวกผมไป แล้วคุณหายออกไปด้วย มันก็มีค่าเท่ากัน”

“ฉันคิดอะไรไม่ออก”

“แล้วทำไมคุณต้องหนี” อินทราโพล่งออกไปอย่างลืมตัว

“อ้าว เปิดโฟนหรือคะ” รังสิตาแปลกใจ

“เราต้องช่วยกันคิดว่าจะช่วยคุณอย่างไร” โชคชัยอยากให้เธอได้ยินเสียงของเขาบ้างด้วยตั้งแต่รู้ว่าเธอเป็นเพียงน้องสาวของเสี่ยสาธรแล้ว ความหวังที่เกือบริบหรี่ขึ้นมาของเขาก็กลับสว่างโพลงขึ้นมาอีกรอบ ถึงแม้จะไม่รู้อะไรทั้งหมด แต่ก็รู้แล้วว่าเธอไม่ได้เป็น ‘ดำ’ ไปเสียทีเดียว

“แล้วทำไมคุณต้องหนี น่าจะบอกเหตุนี้กับพวกเราก่อนนะคะ” อินทรายังต้องการเหตุผล เพราะเมื่อเสี่ยคนนั้นคือพี่ชายของตัวเอง แล้วทำไมรังสิตาจะต้องให้ช่วยด้วย

“คือ” ยังไม่ทันที่รังสิตาจะพูดอะไรต่อ สัญญาณก็ขาดหายไป

“เฮ้ย! อะไรวะ ไม่ทันรู้เรื่องอะไรเลย” ประดิพัทธ์บ่นออกมาอย่างหัวเสีย



ทางนี้ไม่รู้เรื่อง แต่ทางรังสิตา เสียงเคาะประตูทำให้หญิงสาวรีบตัดสัญญาณแล้วกดปิดเพราะรู้ว่าแค่อึดใจ แม่นมที่เลี้ยงดูหล่อนมาจะต้องเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับนมสดแก้วใหญ่

“เป็นอย่างไรบ้างคะคุณหนู ไม่ได้ออกไปไหน ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน”

“นมแสงก็เข้าข้างพี่ใหญ่ ไม่ได้สนใจความรู้สึกของหนู แล้วจะมาสนใจทำไม ว่าหนูจะเป็นอย่างไร” หญิงสาวทำเป็นกระเง้ากระงอด

“ทำไมนมจะไม่สนใจ แต่นมเห็นว่า ทางที่คุณใหญ่ท่านเลือกก็ดีอยู่แล้วนี่คะ”

“ดีอะไร บังคับเข็ญใจกันอย่างกับสมัยโบราณ หมดสมัยแล้วค่ะ หนูผ่านเมืองนอกเมืองนามาแล้วมันหมดแล้วค่ะมุกแบบนี้”

“ตามใจหน่อยซิคะ ท่านอยากประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงโด่งดัง”

“เฮ้อ! เหตุผลของพวกโรคจิตนะซิ” รังสิตาถอนหายใจออกมา หญิงสาวล้มตัวลงบนที่นอนนุ่มๆ แล้วล้วงมือไปใต้หมอน วางโทรศัพท์ที่ลักของแม่นมมาใช้ไว้ แล้วก็ดีดตัวลุกขึ้น แต่ถึงแม่นมจะอายุเกินห้าสิบปี แต่สายตาที่คอยจ้องมองนั้นมีรึจะไม่เห็นว่าผิดสังเกต โทรศัพท์ที่มีไว้สำหรับคุยกับพี่ ๆ น้อง ๆ ที่อยู่ในหมู่บ้านหายไป แล้วจะไปไหนได้ ท่าไม่เป็นเพราะเจ้านายสาวผู้มีนิสัยเอาแต่ใจตัว

นมแสง หรือ นางแสง เมื่อเห็นว่าเจ้านายสาวนั่งบนเตียงนอนด้วยสีหน้าบึ้งตึง ตัวเองจึงเดินถือแก้วนมสดไปวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง แล้วก็นั่งลงข้าง ๆ กัน มือข้างหนึ่งก็ลูบแขนของหญิงสาวเพื่อปลอบประโลม ส่วนมืออีกข้างล้วงไปที่ใต้หมอน

“ไปว่าพี่ชายอย่างนี้ไม่ดีนะคะ คุณรังสิตา คิดนะคะว่า กว่าท่านจะเจริญรุ่งเรืองมาถึงวันนี้ ท่านผ่านอะไรมาบ้าง”

“รู้ค่ะ ว่าชีวิตพวกเรา ชีวิตพี่ใหญ่เริ่มต้นจากไม่มีอะไรเลย สู้ชีวิตจนกระทั่งมีวันนี้มาได้ก็เพราะอยากให้พ่อแม่ น้อง ๆ มีความสุข แต่ทำไมต้องมากะเกณฑ์อยู่กับหนูด้วยก็เท่านั้น น้องชายก็มีตั้งหลายคน”

“แต่พวกนั้นเป็นผู้ชาย” นมแสงพยายามชักแม่น้ำทั้งห้าเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอชักแม่น้ำไปด้วย มือข้างหนึ่งก็ชักโทรศัพท์มือถือกลับมาไว้ที่ข้างตัวด้วย เมื่อโทรศัพท์อยู่ในมือแล้ว เรื่องชักให้คล้อยตามก็เห็นจะไม่มีความหมาย เพราะเรื่องนี้พูดกันมานานแล้ว แต่คุณหนูเองที่ดื้อด้านไม่เชื่อฟังกันเลย

“นมเบื่อจะพูดเหมือนกัน คุณหนูก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร และเพราะอะไร มันถึงต้องเป็นอย่างนี้ หัดเสียสละบ้างซิคะ” ว่าให้ได้คิดแล้วนมแสงก็ลุกขึ้นพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือซ่อนไว้ที่ด้านหลัง

“นมสดนั่นกินให้หมดนะคะ จะได้โตทางความคิดบ้าง”

เมื่อนมแสงเปิดประตูออกไปแล้ว รังสิตาก็หันมามองที่แก้วนม เธอยากจะไปลงกลอนแต่ก็รู้ว่าอีกไม่กี่นาทีหรอกนมแสงก็จะต้องเดินกลับเข้ามาเกลี้ยกล่อมเธอเหมือนเดิม

หญิงสาวมองแก้วนม แล้วนึกถึงโทรศัพท์ พวกเขาต้องมาช่วยเธอไปจากที่นี่ได้แน่นอน แต่เมื่อใช้มือสอดเข้าไปยังใต้หมอน สีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปทันที

“นมแสง” หล่อนตะโกนเสียงดังก่อนจะรีบเปิดประตูออกไปจากห้อง


แต่เมื่อออกไปหวังจะระบายเรื่องความเจ้าเล่ห์ของคนแก่ หญิงสาวจำต้องเดินสงบลงและสงบวาจาทุกอย่างเมื่อเห็นว่า นมแสงนั่งอยู่ที่พื้นและคนที่นั่งอยู่บนโซฟาคือใคร

“พี่ใหญ่”

“ฤทธิ์มากจริง ๆ น้องสาวพี่”

“ก็นมแสงนะซิ”

“นมทำตามหน้าที่ของนมนะคะ นมไม่ผิด” นมแสงยังเถียงอย่างเป็นต่อ

“นมไม่ผิด เพราะพี่เป็นคนสั่งให้ดูแลเธอ แล้วนี่ใช้โทรศัพท์โทรหาใคร บอกมาก่อนที่พี่จะโทรไปเช็ค”

“โทรหาเพื่อนค่ะ พวกที่เอากระเป๋าเขากลับมาด้วย แค่อยากรู้ว่ากระเป๋าถึงมือพวกเขาหรือยัง”

“เรื่องนี้ เธอก็รู้นิสัยพี่ พูดคำไหน คำนั้น”

“ไม่น่ารวมถึงเรื่องที่จะให้หนูไปแต่งงานกับพ่อเลี้ยงอะไรนั่น”

“ไม่ใช่พ่อเลี้ยง แต่เป็นลูกพ่อเลี้ยง”

“ไม่ พ่อหรือลูก หนูก็ไม่แต่ง” หญิงสาวยังยื่นหน้าเถียงอย่างไม่ลดละ

“ต้องแต่ง เพราะเธอผิดสัญญากับพี่เอง”

“มันเหตุสุดวิสัย แล้วอีกอย่าง พี่ชายก็เล่นไม่ซื่อด้วย มีอย่างที่ไหน เอาคนไปกวาดของๆ หนูกลับมาอย่างนี้แล้วหนูจะเอาที่ไหนใช้ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อหนักหนา”

“เห็นไหมว่าเงินมันไม่ได้หามาได้ง่าย ๆ”

เมื่อได้ฟังตรงนี้ รังสิตาเถียงไม่ออก เธอออกจากบ้านไป เพราะคิดว่าจะเอาตัวเองรอดโดยที่ไม่ได้สนใจว่าตัวเองไม่เคยทำงาน นอกจากเรียนและเที่ยวแล้ว ชีวิตของเธอแทบไม่เคยหยิบจับอะไรเลย ทีแรกที่ลองไปสมัครทำงาน ด้วยเธอไม่คุ้นกับการนั่งรถเมล์ทำให้เธอไปทำงานสายเกือบทุกวัน แล้วสุดท้ายเธอก็ต้องออก เมื่อเงินสดหมดลง เงินในบัญชีก็ถูกระงับ แรกทีเดียวเธอจะไม่ใช้บัตรเครดิต แต่เมื่อมันจนตรอก

เธอจำเป็นต้องกดเงินออกมาแถมยังใช้มันรูดซื้อของอย่างที่ต้องการอีกมากมาย นั่นเป็นสาเหตุให้ พี่ชายของเธอสั่งลูกน้องไปขนของที่เธอซื้อออกมาจากห้อง เพราะเธอผิดคำสัญญาข้อแรก

ส่วนข้อที่สอง หากเธอซมซานกลับมาเอง เธอไม่ได้ซมซานกลับมา แต่เหตุเพราะกระเป๋าใบนั้น ถ้าเธอไม่เห็นแก่หน้าพ่อดาราที่เธอเคยโปรดปราน เธอก็ไม่ตัดสินใจกลับมาให้มีปัญหาเดิม ๆ อย่างนี้หรอก

“ไป กลับเข้าห้องสงบสติอารมณ์ให้ดี เพราะพี่กำลังติดต่อทางพ่อเลี้ยงเขาอยู่ ได้ข่าวว่าลูกชายเขากลับมาจากเมืองนอกแล้ว คงไม่มีปัญหาอะไร”

“เขายอมแต่งกับหนูหรือ ถ้ายอมก็ต๊องแล้ว จบจากเมืองนอกยอมให้ถูกคลุมถุงชน แบบนั้นเขาเรียกว่าปัญญาอ่อน หนูไม่อยากแต่งงานกับคนปัญญาอ่อน” เมื่อได้ระบายแล้ว หญิงสาวทำท่าจะหมุนตัวกลับเข้าห้อง แต่ต้องชะงักค้างจากคำพูดของพี่ชายที่ว่า

“แล้วแกมีปัญญาหาคนที่มีคุณสมบัติดีได้เท่าลูกพ่อเลี้ยงสมบูรณ์ไหมล่ะ”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.ค. 2554, 16:36:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.ค. 2554, 16:36:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 1884





<< 7.   9. อลวน ถนน หัวใจ >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 5 ก.ค. 2554, 16:37:00 น.
ก็ัมันชื่ออลวน อะครับ เลยไม่รู้ว่าใครคู่ใครแน่ ๆ ลองเดา ๆ ดูครับว่าใครจะคู่กับใค และ อีท่าไหน (อิอิ)


แพรพริมา 5 ก.ค. 2554, 16:39:22 น.
แวะมาสวัสดีคร่า คุณเฟื่อง ^^


dedy 5 ก.ค. 2554, 17:29:26 น.
เรื่องมันอลวนจิงๆค่ะคุณเพื่อง ตอนนี้ยังเดาไม่ออกว่าใครคู่ใคร


ปูสีน้ำเงิน 5 ก.ค. 2554, 18:05:58 น.
ขอเดานะว่าลูกชายของพ่อเลี้ยงนี่เป็นอีตาโชคชัยใช่ป่ะ


nutcha 5 ก.ค. 2554, 21:53:01 น.
สงกาสัยอีตาโชคชัยนี่คงจะเป็นลูกของพ่อเลี้ยงอ่ะเปล่าน้อ


Zephyr 5 ก.ค. 2554, 23:08:39 น.
อีกคนที่คิดว่า ตาโชคชัยน่าจะเป็นลูกพ่อเลี้ยง เพราะโลกเรามันกลมจนน่าเกลียดเลย อิอิ


minafiba 6 ก.ค. 2554, 02:56:13 น.
สวัสดีค่ะคุณเฟื่อง ชอบนิยายของคุณทุกเรื่อง แต่ชอบสุดๆคือเรื่องหัวใจไม่ใช่เส้นขนาน หอบเอามาที่นี่ด้วยนะคะ


คิมหันตุ์ 6 ก.ค. 2554, 04:47:27 น.
ทำไมคิดเหมือนคุณ Neferretti เลยเนี่ย!!! อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account