สัญญารักพรางใจ
คิมหันต์ไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมบันดาล โชคชะตา ทำบุญร่วมกันมา
เขาเชื่อว่าทุกอย่างอยู่ที่การกระทำ
หากไม่มีเหตุการณ์นั้นเขาจะแต่งงานกับมัทนาเพราะเหตุผลอะไร

Tags: ความรัก สัญญา ความลับ

ตอน: ตอนที่ 1 ครึ่งหลัง

มัทนาสะดุ้งโหยง พอหันมาก็ชักเดือดปุด “อะไรอีกล่ะคุณ เจอกันหนเดียวจะฟาดเคราะห์ให้คุ้มเลยหรือไง”
“ก็ไม่ได้อยากรั้งไว้ แค่จะบอกว่าโทรศัพท์ของเธอร่วง”
คิมหันต์เดินกลับไปเก็บโทรศัพท์มาคืนให้ มัทนารับมาเดาว่ามันคงลื่นออกมาจากกระเป๋าตอนที่นั่ง เธอหันหลังกลับ แต่เปลี่ยนใจหันมาบอกอย่างหวังดี แม้จะไม่ไว้ใจก็ตาม
“แถวนี้มีแต่บ้านของชาวสวน ไม่มีที่ให้แอบหรอก ทางที่ดีคุณรีบกลับเข้าไปในเมืองเถอะ”
คิมหันต์เกือบจะพูดขอบใจ แต่ท่าทางเหมือนระวังตัวแจอย่างกับเขาเป็นคนร้ายทำให้นึกหมั่นไส้ขึ้นมา
“รีบไปเถอะ มันอันตราย”
“เรากลับกันเถอะพี่มัท เหนื่อยจะแย่แล้ว” เผือกดึงแขนเร่งยิกๆ
คิมหันต์เปิดกระเป๋าสตางค์แล้วส่งเงินให้เผือก แต่เด็กน้อยยืนมองเฉยๆ เพราะลูกพี่ไม่บอกให้รับ ชายหนุ่มคว้ามืออูมไปแล้ววางเงินลง
“เอาไปกินขนมนะ”
“พวกฉันช่วยเพราะตกกระไดพลอยโจน ถ้ารอดไปได้ก็เอาเงินไปทำบุญให้ตัวเองแล้วกัน แล้วก็ทำแต่เรื่องดีๆ ล่ะ คนทำเรื่องไม่ดีเท่านั้นแหละถึงจะถูกไล่ยิง”
คราวนี้มัทนาไปจริงๆ ไม่หันหลังกลับ เผือกหันมาโบกมือให้ชายแปลกหน้า เรียวปากหนาเม้มปิดทั้งเอ็นดูระคนหมั่นไส้ เขาเดินกลับไปตามทางเดิม ไม่นานนักรหัทกับปวรก็มาสมทบ ก่อนที่จะเดินตามกันไปเพื่อรอคนมารับซึ่งคงต้องรอสักหนึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย

สองเกลอเดินกันมาเรื่อยๆ ก่อนจะวกกลับไปทิศทางที่วิ่งหนีคนถือปืนมาตามถล่มกลุ่มคนถามทาง เรื่องอะไรจะให้ใครรู้ว่าบ้านอยู่แถวไหนล่ะ นานๆ ทีหรอกเธอจะมาช่วยพี่ชายที่อู่ เรียนจบมาเกือบสามสัปดาห์ งานก็เริ่มหาแล้ว เหลือแต่คนรับเข้าทำงานเท่านั้น ว่างๆ ไม่มีอะไรทำเลยมาอู่ช่วยซ่อมรถ
เธอกลับไปที่อู่เพื่อดูให้แน่ใจว่ายังเรียบร้อยดี รถของคนถามทางยังอยู่ แต่แบนทั้งสี่ล้อ อู่ของพี่ชายไม่ได้เสียหายอะไร รถของลูกค้ายังอยู่ครบ เธอล็อคประตูหลังแล้วเดินกลับแทนการขับ Toyota Rn 10 ที่เก่ามากจนได้ชื่อว่าลุงริชาร์ด
“ทำไมไม่รับเงินมาล่ะพี่มัท เป็นฟ่อนเลยนะนั่น” เผือกยังติดใจสงสัยแม้ว่าจะเดินกลับมาเกือบถึงบ้านสวนแล้วก็ตาม
มัทนาหยุดเดินแล้วย่อตัวลง ก็จริงของเผือก เงินใครบ้างไม่ชอบ แต่ถ้ารับมาคงไม่สบายใจ
“เงินที่ได้มาจากอะไรก็ไม่รู้ คนดีๆ ที่ไหนจะถูกไล่ยิง ถ้าไม่ไปมีเรื่องกับใคร รีบขึ้นเรือนเถอะ อย่าบอกแม่กับยายล่ะ ไม่งั้นหัวโนนะเผือก”
เผือกรีบยกมือมาปิดหน้าผาก เวลาทำผิดพี่มัทชอบลงโทษ
“จะโหดไปไหนน่ะพี่มัท”
เด็กน้อยวิ่งหน้าตั้งขึ้นบ้านเรือนไทยใต้ถุนโล่ง ลักษณะเป็นเรือนแฝดมีนอกชานเชื่อมระหว่างเรือนสองฝั่ง มีโอ่งใส่น้ำใบเล็กๆ อยู่ตรงธรณีประตู เมื่อขึ้นบันไดมาจะเห็นมันก่อนทุกครั้ง ดูภายนอกเรือนไทยเหมือนจะเก่ามากแล้ว แต่ยังไม่มีส่วนไหนผุพังยกเว้นหลังคา การมีผู้ชายในบ้านทำให้งานซ่อมบ้านเป็นเรื่องที่ทำได้ทันที แต่บางทีที่พี่ชายไม่อยู่ มีลูกสาวก็ไม่ต่างจากมีลูกชายสักเท่าไหร่นัก
พิมพ์อรนั่งรอลูกสาวอยู่กลางเรือนตรงชานระเบียงที่มีหลังคา โต๊ะตัวเตี้ยวางหมากพลู ที่หลังของพิมพ์ใจเอนพิงกับหมอนอิงใบใหญ่ เผือกยกมือไหว้แล้วนั่งลงใกล้ๆ แม่ มัทนาโหย่งเท้าเบาๆ เพราะพื้นเรือนอันเป็นไม้จะเกิดเสียงหากเดินแรงเข้าไปกอดยายที่ยังอุตส่าห์นั่งรอทั้งที่ตอนนี้เลยเวลานอนมาสักพักแล้ว
“มาแล้วเรอะ ทำไมวันนี้กลับช้าจังล่ะลูก”
มัทนาคลายกอดยายแล้วเข้าไปกอดแม่ประจบเสียงหวาน “หิวไส้แทบขาดแล้วจ้าแม่จ๋า แต่เหนียวตัว ขอไปอาบน้ำก่อนนะ”
เท่านี้ก็ไม่ถูกถามต่อแล้วว่าทำไมกลับมาช้านัก ยังดีที่ทั้งแม่และยายไม่มีใครระแคะระคายอะไร เผือกตามลูกพี่ไปด้วยเพราะถ้าแม่ถาม ใครจะไปกล้าตอบ ผู้เป็นแม่มองตามลูกสาวไปทั้งรักและห่วง
การรอดตายจากการป่วยมาได้ทำให้มัทนาเป็นเด็กที่เข้มแข็งและทำทุกอย่างที่อยากทำ แม้ว่าหลังจากสามีและลูกชายจากไปแล้ว รายได้จะหายไปจนเกือบส่งลูกเรียนไม่ไหว แต่นางก็กดฟันสู้และมีบำรุงคอยช่วยส่งมัทนาเรียนอีกแรง เจ้าตัวยังขอทุนและทำงานพิเศษ จนเรียนจบมาได้ในที่สุด อย่างน้อยนางก็ยังมีแก้วตาหล่อเลี้ยงหัวใจที่แห้งผากให้ยังสามารถมีชีวิตต่อมาได้

รหัทเดินตามแสงไฟซึ่งเห็นลิบๆ จากสวนที่กำลังเดินอยู่ ถ้ารถไม่ยางแบนเราทั้งหมดคงเดินทางไปกันแล้ว ปวรบ่นอุบเพราะยุงชุมเหลือเกิน แต่บอสกลับไม่บ่นสักคำ เดินมาเงียบๆ โดยมีเสื้อสูทพาดอยู่ที่ไหล่ ในฐานะหลานชายคนเดียวของทีปต์ เกียรติธนานพ มาเฟียที่วางมือแล้วส่งต่อให้ลูกชายบริหารธุรกิจเช่าและผลิตเรือ โรงงานผลิตน้ำดื่ม ผลิตเฟอร์นิเจอร์ ค้าที่ดิน ซึ่งรวมๆ แล้วมีศัตรูทางธุรกิจไม่น้อย พอลูกชายตาย หลานชายก็ต้องรับภาระดูแลธุรกิจทั้งหมด ให้อยากเป็นคนธรรมดาแค่ไหนคงเป็นไปไม่ได้
ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่คุณทีปต์ยังไม่วางมือ คนที่ทำงานมานานกว่าเขาคงบอกว่าไม่เกินสามวันต้องได้เรื่องว่าใครส่งมือปืนมา ก่อนจะตามด้วยการเอาคืนอย่างสม ไม่ถึงตาย แต่ต้องไม่มีโอกาสแก้แค้นได้อีก พอเป็นคิมหันต์ เรื่องคงถึงแค่ตำรวจเท่านั้น
“บ้านหลังนั้นยังเปิดไฟอยู่ ผมจะลองไปถามๆ ดูก่อนนะคุณรหัท” ปวรบอกเสียงตื่นเต้นแล้วรีบเดินไปยังบ้านเรือนไทย ตอนขามาเขาเห็นบ้านเรือนไทยหลายหลัง แต่หลังนี้แปลก ยังใช้ตะเกียงเจ้าพายุมาแขวนไว้หน้าบ้าน หอมกลิ่นจางๆ จากดอกไม้ที่ไม่รู้ชื่อ ผสมเสียงนกกลางคืน ช่างสงบและไร้ความวุ่นวายจนคนกรุงนึกชอบ
“ขอโทษนะครับ” ปวรป้องปากตะโกน
พิมพ์อรได้ยินเสียงเช่นเดียวกับพิมพ์ใจ ผู้มากวัยกว่าเงี่ยหูฟังซ้ำแต่เสียงกลับเงียบไป แต่เพียงไม่ถึงอึดใจเสียงก็ดังขึ้นใหม่ คราวนี้หูไม่ฝาดแน่ๆ
“เอ เสียงใครน่ะแม่อร ไปดูสิ มาดึกๆ ดื่นๆ”
ผู้เป็นลูกลุกขึ้นหยิบไฟฉายที่ลูกสาววางทิ้งไว้ติดมือมาด้วย แล้วเดินเร็วๆ มายังระเบียงก่อนจะมองลงไปข้างล่างตรงแคร่ซึ่งอยู่ใกล้ใต้ต้นจามจุรีที่ปลูกมาตั้งแต่รุ่นพ่อ แต่มาโตให้ร่มเงาเอาตอนรุ่นลูกจนถึงรุ่นหลาน ชายแปลกหน้าสามคน แต่งตัวเรียบร้อย อยู่ที่ด้านล่าง ปวรยกมือไหว้
“มีอะไรหรือคะคุณ”
“พวกผมกำลังรอคนมารับ เลยอยากจะขอพักที่ตรงแคร่ข้างล่างสักหน่อยเท่านั้น อีกเดี๋ยวจะไป ได้ไหมครับ”
“ไว้ใจได้ไหมแม่อร ไล่ไปดีไหม” พิมพ์ใจออกปากเตือน เดี๋ยวนี้นิสัยใจคอคนไม่เหมือนสมัยก่อน ทำอะไรต้องคิดให้ดี
พิมพ์อรเป็นคนขี้สงสาร แต่ก็ระวังตัวเสมอ แล้วที่สำคัญในบ้านหลังนี้ทุกคนยกเว้นเผือกยิงปืนเป็นและปืนก็แขวนอยู่ที่ข้างฝารอใช้งานอยู่ตลอดเวลา
“แค่ข้างล่างคงไม่เป็นไรมั้งคะ ประตูเรือนของเราก็ปิดแน่นหนาแล้ว”
“ตามใจ”
“เชิญค่ะ น้ำตักกินจากตุ่มได้เลยนะคะ” พิมพ์อรชี้ไปที่ตุ่มน้ำเล็กๆ ข้างแคร่
“ขอบคุณครับ”
คิมหันต์ก้มหน้าให้อย่างให้เกียรติแม้จะเป็นชาวบ้านธรรมดา รหัทใช้ขันตักน้ำมาให้นายที่รับไปดื่มอย่างไม่รังเกียจ เท่าที่ทำงานดูแลความปลอดภัยมา คิมหันต์เป็นคนกินง่ายเพราะไม่เคยบ่นเรื่องอาหารสักมื้อ แน่ละอาหารจากเชฟมือรางวัลที่ถูกจ้างมาเป็นพ่อครัว ทุกอย่างเลอเลิศ แต่บางครั้งอาหารแสนจะแย่ นายก็กินได้อยู่ดี ไม่รู้ชอบหรือว่ากินให้ผ่านไปในแต่ละมื้อเท่านั้น
“ใครมาหรือคะแม่” มัทนาได้ยินเสียง แต่ไม่แน่ใจ
“ไม่รู้เหมือนกันจ้า แค่มาขอพักที่แคร่หน้าเรือนบอกว่ารอคนมารับน่ะ”
เอาแล้วไง บางทีเธออาจจะคิดมากไปเองก็ได้ แต่อย่างไรเสียก็ต้องถามเพื่อความแน่ใจ สวนแถวๆ นี้ติดกันไปหมด ถ้าเดินมาเรื่อยๆ ก็เป็นไปได้
“สามคนใช่ไหมคะ”
“จ้ะ มัทรู้ได้ยังไงลูก”
ไม่ต้องเดาอีกแล้ว เวลานี้จะมีคนแปลกหน้าที่ไหนอีก เร็วเท่าที่คิดมัทนาเดินไปคว้าปืนลูกซองมรดกตกทอดตั้งแต่สมัยพ่อจากฝาผนังมาแล้วเดินไปยังประตู
“จะไปไหน แล้วเอาลูกซองไปด้วยทำไมยัยมัท”
“อย่าตามมาค่ะ มัทไม่ไว้ใจคนพวกนั้น”
ประตูถูกปิดแล้วล็อคให้อย่างแน่นหนา ถึงบ้านจะเก่าแล้วแต่ประตูทุกบานใส่ลูกบิดลงกลอน ไม่ใช่ลั่นดาลอย่างสมัยก่อน ถ้าพี่ไม้อยู่ด้วยก็น่าจะดี คนพวกนี้ตามเธอมาแน่ๆ ไม่อย่างนั้นจะตามมาจนถึงที่นี่ได้ยังไง มัทนาประทับพานท้ายปืนเข้าร่องไหล่ กระสุนมีอยู่แล้ว แค่บรรจุเข้าไปลงในช่องคายปลอกกระสุน เลื่อนกระโจมมือไปข้างหน้าจนสุด เป็นอันเรียบร้อย เธอก้าวลงบันไดไปแล้วหันปากกระบอกปืนไปยังแขกยามวิกาล
“พวกคุณตามมาที่บ้านของฉันทำไม”
รหัทคว้าปืนจากซองที่ต้นขา แต่คิมหันต์กลับจับแขนเขาไว้แล้วส่ายหน้า แค่ฟังเสียงก็จำได้แล้ว เขารู้ยัยเด็กนั่นคงยิงเป็นจากท่าจับปืน ปากเชิด จมูกง้ำแบบนั้นคงดื้อไม่ใช่เล่น แต่เขาไม่ได้มาเพื่อก่อความเดือดร้อนให้ใคร รหัทยอมทำตาม แต่จับตาเจ้าของปืนลูกซองไม่วางตา
“ใครตามเธอกัน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธออยู่บ้านหลังไหน”
มัทนาเพิ่งได้เห็นหน้าผู้ชายที่เธอตกกระไดพลอยโจนหนีกระสุนปืนมาด้วยกันตอนหัวค่ำ ตัวสูงใหญ่อย่างกับยักษ์ หน้าตาสะอาดสะอ้าน ริมฝีปากหนานิดๆ เม้มปิด คางบุ๋มตรงกลางคงเอาแต่ใจไม่น้อย จมูกโด่งมีรอยหยักสงสัยจะเคยจมูกหักมาก่อน ดวงตาสีดำคู่นั้นเหมือนคนมีความลับอยู่ตลอดเวลา ผมสีดำสนิทเช่นเดียวกับดวงตา รวมๆ แล้วคงออกมาเป็นคำว่า...ไม่ถูกชะตาเอาเสียเลย
“ก็ที่นายยืนอยู่ตอนนี้นี่แหละ บ้านฉัน ตามมาทำไม” ถามว่ากล้ายิงไหม ตอบได้เลยว่าไม่ แต่ถ้าถึงคราวจำเป็นยังไงก็ต้องกล้า
“พวกผมมาขอพักสักครู่ระหว่างที่รอรถมารับเท่านั้นเองครับ ไม่รู้จริงๆ ว่านี่น่ะบ้านของคุณ” ปวรรีบพูดให้อีกฝ่ายเข้าใจไม่อย่างนั้นเด็กนี่ได้ตายคามือของบอสหรือไม่ก็บอดี้การ์ดข้างกายแน่ๆ
“ใจเย็นๆ ยัยมัท พวกคุณๆ แค่มาขอนั่งพัก กลับขึ้นเรือนมาเถอะลูก” พิมพ์อรร้องห้ามเสียงหลงครั้นจะเปิดประตูไปพาลูกขึ้นมา ไอ้ลูกบ้าดันเอาอะไรมาขัดไว้ไม่รู้
“ฟังชัดไหม ไปกันเถอะ ถ้าเจ้าของบ้านไม่ให้อยู่ก็ไปดีกว่า”
“ก็ได้ นั่งพักตามสบายจนกว่าคนของคุณจะมารับ แต่ห้ามพวกขึ้นไปยุ่งกับประตูบานนั้นเด็ดขาด ไม่งั้นที่วิ่งหนีตายคงได้ตายเพราะฉันนี่แหละ”
เสียงโทรศัพท์ของปวรดังขึ้นพอดี เขารีบรับแล้วบอกนายทันที ผู้หญิงอะไรดุชะมัด ถ้าเป็นผู้ชายได้ถูกบอสสอยร่วงไปแล้ว
“รถมาแล้วครับ แต่เราต้องเดินไปที่ปากทาง”
คิมหันต์พยักหน้ารับรู้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วยกมือไหว้เจ้าของบ้านอีกคน
“ขอบคุณนะครับคุณน้า”
“จ้า เดินกันดีๆ ล่ะระวังงูเงี้ยวเขี้ยวขอนะคะ” พิมพ์อรเตือน แถวนี้มีงูเหมือนกัน วันก่อนเข้าสวนนางยังเจอ ก็แค่ไล่ไป แล้วแผ่เมตตาให้ แต่ยัยลูกสาวนี่สิ เดี๋ยวต้องอบรมขนานใหญ่ “ยัยมัทขึ้นมาบนเรือนเดี๋ยวนี้”
“ค่ะแม่”
มัทนาหน้าจ๋อย สายตาคมแฉลบผ่าน ท่าทางห้าวเกินใครกลับหงอกลัวเพราะหญิงตัวเล็กๆ จากโมโหเลยเหลือแค่หมั่นไส้เท่าเดิม ทว่าคนกลัวหงอกลับส่งตาตาค้อนๆ ใส่ยังไม่วายประกาศศึก ก่อนจะขึ้นเรือนไป คิมหันต์ส่ายหน้าไม่อยากถือสา ถ้าวางเงินไว้คงถูกต่อว่าอีก เอาเป็นว่ากลับไปแล้วเขาจะคิดวิธีตอบแทนน้ำใจคนบ้านนี้ก็แล้วกัน
“ไปกันได้แล้ว”
ปวรยกมือไหว้พิมพ์อรอีกรอบก่อนกลับ รหัทเดินรั้งท้าย วันนี้เขาทำพลาดจนนายลำบาก แต่กลับไม่ถูกต่อว่าสักคำ มัทนากอดประจบแม่ แต่ตายังมองแขกยามวิกาลสองคนหลังตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ แต่พอหันมามองแม่ก็ถูกตีแขนจนร้องอูย ถูกบ่นปนสอนไปหนึ่งยกกว่าจะได้กินข้าวเอาตอนที่ชาวบ้านชาวช่องนอนกันหมดแล้ว



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ต.ค. 2557, 14:17:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ต.ค. 2557, 14:17:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 1165





<< ตอนที่ 1...ครึ่งแรก   ตอนที่ 2 ครึ่งแรก >>
แว่นใส 1 ต.ค. 2557, 21:00:08 น.
ลุ้นจนเหนื่อย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account