ม่านลวง
การแต่งงานเพราะผลประโยชน์ทำให้เธอได้พบกับเขา ผู้ชายคนแรกในคืน one night stand น่าขำที่เธอตกหลุมรักชายคนนี้ทั้งที่ก่อนนั้นไม่อยากแต่งงาน และนั่นไม่ได้อยู่ในข้อตกลง แล้วเขาล่ะ...คิดกับเธออย่างไร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 10






บทที่ 10

ใครเลยจะคิดว่าชีวิตของคนคนหนึ่งสามารถพลิกผันได้แบบวันต่อวัน พลิกผันสัปดาห์ต่อสัปดาห์ ไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรที่ต้องเปลี่ยนแปลงในวันต่อไป เป็นช่วงเวลาที่ถูกความพลิกผันถาโถมเข้าใส่ยิ่งกว่าฤดูมรสุม

ถิรมนคือหนึ่งในนั้น แทบปรับตัวไม่ทันในแต่ละวัน พานให้เกร็งและหวาดระแวง เรื่องราวหลายหลากเกิดขึ้นตั้งแต่เธอตกปากรับคำแต่งงานกับปรมัตถ์และกลับมาถึงเมืองไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคืนนี้ จนส่งผลให้ปัจจุบันยังทำตัวไม่ถูก ค่อนข้างกังวลที่จะต้องเผชิญหน้ากับปรมัตถ์อีกครั้งอย่างจริงจัง เพราะเมื่อคืนเขาไม่ได้ค้างที่บ้านอย่างที่บอกไว้ตอนแรก

“พี่จะรอให้ทุกอย่างเคลียร์ที่สุดสำหรับเรา พี่ต้องการให้เธอเต็มใจกับพี่ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ทำด้วยความเต็มใจของเธอ...ไม่ใช่เพราะถูกฝืนใจให้ทำ” เขาหอมที่หน้าผากของถิรมนก่อนจะออกไป ปล่อยเธอเอาไว้กับความเงียบและตรึกตรองเพียงลำพัง

ไม่นานหลังจากปรมัตถ์ออกไป ปภาวีก็เข้ามา นั่นจึงได้รู้ว่าชายหนุ่มกลับไปค้างที่คอนโดมิเนียมแน่นอนแล้ว

“มัตถ์ส่งข้อมูลทุกอย่างให้อา” ปภาวีบอก หล่อนยิ้มให้กำลังใจถิรมนที่สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไร “ตกลงกันว่าไงบ้าง น้องเลิฟโอเคกับพี่เขามั้ย”

ถิรมนพยายามยิ้มให้เป็นธรรมชาติที่สุด แม้นั่นจะฝืนความรู้สึกไม่น้อย “ไม่ได้ตกลงอะไรเลยค่ะ พี่มัตถ์แค่บอกว่าให้น้องเลิฟเต็มใจเอง จะทำทุกอย่างให้เคลียร์ที่สุดค่ะ”

ปภาวีพยักหน้ารับรู้ “อยู่ด้วยกันได้ อาก็ดีใจนะ” หล่อนยิ้ม มองเหมือนมีคำถามแต่ก็เงียบเอาไว้ ละล้าละลังอยู่ครู่หนึ่ง

“อามุกสงสัยอะไรเหรอคะ”

ปภาวีสูดลมหายใจเข้าลึก “อาถามจริงๆ” พร้อมกับถอนหายใจออกมา “น้องเลิฟอย่าว่าอานะลูก” และเมื่อเห็นว่าถิรมนพยักหน้าอนุญาต หล่อนจึงถาม “น้องเลิฟไปเจอกับมัตถ์เมื่อไหร่ เจอที่ไหน เจอยังไง เจอกันนานหรือยัง ทำไมถึงไม่เล่าให้อาฟังบ้าง”

เหมือนจะพูดยากขึ้นมาทันที ถิรมนคิดไตร่ตรอง บอกตัวเองว่าพูดความจริงกับปภาวีนั่นแหละ คือสิ่งที่ดีที่สุด มาถึงขั้นนี้แล้วคงยากจะปิดบัง ไม่สะดวกใจนักที่ต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ หรือต้องมาปกปิดเรื่องบางอย่างทั้งที่ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป การพบกันระหว่างเธอกับปรมัตถ์ก่อนจะรู้จักอย่างเป็นทางการคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงและไม่มีผลต่อการดำเนินชีวิตหากจะว่ากันตามตรง เพราะไม่มีผลกระทบเกี่ยวกับร่างกาย ปลอดโรค ส่วนเรื่องหัวใจยังพอตั้งหลัก และผลจากการพูดความจริงจะเป็นอย่างไรเธอก็ต้องยอมรับเพราะคือสิ่งที่เธอได้ทำและต้องยอมรับมันให้ได้

“เจอกันในคลับค่ะ ก่อนกลับเมืองไทยไม่นาน วันที่อามุกมาเจอน้องเลิฟกลับบ้านตอนบ่ายๆ น่ะค่ะ”

ปภาวีคิดตาม “อาพอนึกออกแล้ว”

“ค่ะ”

“เจอกันโดยบังเอิญ” สีหน้าและน้ำเสียงของปภาวีแสดงเป็นคำถามชัดเจน

“ค่ะ” ตอบเท่านั้นเพราะไม่รู้จะพูดหรืออธิบายอย่างไรต่อ

“เที่ยวแบบนี้บ่อยมั้ย” หล่อนถาม เสียงนั้นไม่ต่างจากมารดาให้ความปรานีต่อบุตร แม้รู้ว่าทำผิดก็ยังหยิบยื่นความเมตตาให้ ไม่มีความโกรธเคืองใดๆ ให้เห็น นอกจากขอแค่บอกความจริงให้รู้

ถิรมนมองปภาวีไม่หลบสายตา “ถ้าแค่ปาร์ตี้ธรรมดาก็มีบ้างค่ะ แต่ไม่เคยค้างคืนที่ไหน”

ปภาวีพยักหน้ารับ ยิ้มให้เล็กน้อย “แล้วเคยมีอะไรกับมัตถ์มั้ย”

แทบหยุดหายใจ คำถามนี้เกิดขึ้นรวดเร็วเหลือเกิน เผลอเม้มปากเพราะกดดัน แต่ก็ตัดสินใจตอบไป “ค่ะ” พยายามบังคับให้เสียงเป็นปกติมากที่สุด ทั้งที่ใจสั่นรัว พยายามไม่หลบสายตาของปภาวีที่มองมา

เธออายุยี่สิบสี่ย่างยี่สิบห้าก็จริง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อุปถัมภ์เลี้ยงดูซึ่งเป็นพี่สาวของปรมัตถ์และกำลังขอความจริงจากเธอ ก็ไม่ง่ายนักที่จะตอบราวกับไม่รู้สึกรู้สา เพราะกลัวมาตลอดว่าจะทำให้อีกฝ่ายผิดหวัง แต่อีกใจก็รู้สึกโล่งที่หมดเรื่องปกปิดเอาไว้ จบสิ้นเสียทีกับอาการร้อนรนในใจ

ปภาวียิ้มให้อย่างอ่อนโยน ไม่มีคำต่อว่าใด มีเพียงแค่ความเมตตามอบให้ “ขอแค่น้องเลิฟดูแลตัวเองให้ดี ไม่ทำอะไรเสียหายจนพี่คุณต่อว่าอาได้ แค่นี้อาก็พอใจแล้ว ชีวิตของน้องเลิฟยังไงก็ต้องมีสิทธิ์ในตัวเอง จะทำอะไรมากน้อยอาคงไม่ก้าวก่าย แค่ช่วยเหลืออา...อาก็ขอบคุณน้องเลิฟมากๆ อย่ากังวลว่าอาจะรู้สึกยังไง ไม่ต้องคิดมากนะลูก”

กลายเป็นว่าถิรมนน้ำตาคลอออกมาเสียเองเมื่อได้ยิน

“ไม่เอา...ไม่เอา” ปภาวีเช็ดน้ำตาให้ อาการปลอบนั้นย่อมมาจากใจของหล่อน “อาเองก็ใช่จะดีเด่อะไร ที่ถามก็เพราะสงสัยพฤติกรรมเจ้ามัตถ์ตอนเจอในเรือนกระจกพร้อมกับน้องเลิฟ อยู่กันแบบใกล้ชิดมันก็ต้องแปลกสำหรับอา เพราะเจ้านี่ถ้าไม่เอาอะไรแล้วละก็...หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่เอา แต่ถ้าจะเอา...ใครรั้งใครฉุดก็ขวางไม่ได้เหมือนกัน ก่อนนั้นอาเคยตะล่อมหลอกล่อให้มาเจอน้องเลิฟหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยสำเร็จ มีครั้งหนึ่งนะ อาหลอกว่าอาปวดหัวมาก กำลังอยู่ในยู[1]โคลัมเบีย หาน้องเลิฟไม่เจอ ช่วยเอายาที่ติดมาเอามาส่งให้อาหน่อย ขอด่วน”

ปภาวียิ้ม มองถิรมนที่กำลังมองหล่อนด้วยอาการขมวดคิ้วกึ่งตั้งใจฟัง ดูน่ารักและน่าสงสารไปพร้อมกัน เพราะจมูกกับตายังแดงเรื่อจากการร้องไห้จนต้องยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู หล่อนลูบหน้าลูบผมของถิรมนอย่างปลอบโยน

“วันที่น้องเลิฟรับปริญญาน่ะจ้ะ” หล่อนขยายความ “ใจอาอยากให้น้องเลิฟกับมัตถ์ได้เจอกัน ขอแค่สักครั้งก็ยังดี อย่างน้อยจะได้รู้ว่าคนของอาที่หมายตาไว้ให้มีดีกว่าผู้หญิงที่มัตถ์ควงเยอะแยะ แต่พอมัตถ์รู้ว่าอาหลอกนะ ต่อว่าเสียอาหน้าหงายไปเลย เดินหนีไม่ฟังกัน อารึ อายก็อาย จะโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงก็ไม่ได้ คนเยอะแยะ แต่ก็นั่นแหละ ช่างมัน” หล่อนโบกมือไล่อากาศ ทำหน้าลืมๆ มันไปซะ และถอนหายใจออกมา

ถิรมนฟังเงียบๆ เช็ดน้ำตาของตัวเองไปพลาง ยิ้มให้ปภาวีเล็กน้อยเมื่อหล่อนยิ้มให้ อีกทั้งเหตุการณ์นี้ก็จำได้ แต่ปภาวีไม่ทราบว่าเธอรู้เรื่อง นั่นจึงทำให้ยิ้มออกมากับสีหน้าท่าทางของปภาวีที่บอกเล่าอย่างออกรสถึงเหตุการณ์น่าโมโหกลางสาธารณชนแบบนั้นตามประสาผู้หญิงคุยกัน และเธอกับปภาวีก็เปิดอกคุยกันแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร

หญิงสาวคอยฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ

“นึกๆ แล้วก็พอจะนึกได้ถึงบางอย่างอยู่นะ” ปภาวีขบคิด “วันแต่งงานของน้องเลิฟ เจ้ามัตถ์มาถึงก็ดูช็อกๆ ตะลึงๆ ตอนแรกอาก็กลัว คิดว่าจะทำเรื่องปวดหัวให้อาหรือเปล่า ห่วงว่าจะโวยวายกลางงานหรือทำงานล่มมั้ย ส่งแขกหมดอาก็แทบนอนไม่หลับ กลัวเจ้ามัตถ์จะออกมาก่อนเวลาก็กลัว ญาติผู้ใหญ่ก็ยังอยู่ในบ้าน ห่วงน้องเลิฟที่อยู่ในห้องหอก็ห่วง กลัวมัตถ์จะพูดอะไรให้น้องเลิฟเสียใจหรือเปล่าก็กลัว เจ้านี่น่ะ... เวลาปากร้ายก็ใช่ย่อย อานี่หงายเงิบมาก็หลายครั้งหลายหน เลยห่วงไปหมด ไม่ทันได้คิดถึงว่ามีอะไรอย่างอื่นหรือเปล่า มัตถ์ถึงได้มีอาการแปลกๆ หลายอย่าง”

ยังไม่ทันได้คิดวิเคราะห์มากนัก ปภาวีก็เอ่ยต่อ

“จากนั้นเจ้ามัตถ์ก็หายตัวเข้ากลีบเมฆไปเลย อาก็คิดแต่ว่าช่างมัน ไม่รักคนของอาก็แล้วไป สวยขนาดนี้ไม่สนก็ช่างหัวมันเถอะ แต่นี่จู่ๆ เจ้ามัตถ์กลับมาอยู่ใกล้น้องเลิฟแบบประชิดตัวขนาดนั้น ตอนน้องเลิฟไปเอาเอกสารที่ตึกช่าง พนักงานก็บอกอาว่าน้องเลิฟเข้าไปที่ตึกพร้อมกับมัตถ์ อาก็ยังสงสัย เผลอคิดว่าเจ้านี่จะล่อลวงน้องเลิฟให้ตกลงอะไรแบบทางเราจะเสียเปรียบหรือเปล่า หรือคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าเคยเจอกันมาแล้ว พอตกดึกป้าเสี้ยวโทร. มา บอกว่าเจ้ามัตถ์โผล่มาที่บ้าน อาก็ห่วงน้องเลิฟหนักเลยทีนี้ กลัวเจ้ามัตถ์จะมาอาละวาดหรือชวนหย่าเหมือนที่เคยขู่อาก่อนแต่ง ที่ไหนได้...”

ปภาวีอมยิ้มอย่างมีเลศนัยเมื่อเอ่ยมาถึงจุดนี้ หล่อนมองถิรมนตาไม่กะพริบ ยิ้มเหมือนว่าลำดับเหตุการณ์ได้ทั้งหมดอย่างแน่ชัด ความดีใจและยินดีแสดงออกอย่างไม่ปิดบัง จบอาการเดี๋ยวหน้าบึ้ง เดี๋ยวงอน เดี๋ยวฮึดฮัด เดี๋ยวขบคิด กลายเป็นคนอารมณ์ดีขึ้นมาทันตาเห็น

ถิรมนฟังไปก็ขมวดคิ้วไป กิริยาอาการของปภาวีที่แสดงออกเริ่มไม่ใช่อย่างที่นึกกลัว เพราะหากดูไม่ผิด ท่าทีของปภาวีคือ...

“ทั้งหมดนี่...อามุกเดาเหรอคะ” เพราะอาการของหล่อนเป็นเช่นนั้น อาการที่บอกว่าได้พบคำตอบที่สงสัย และเป็นคำตอบที่ไม่ใช่ทางร้าย แต่เป็นทางดี

เมื่อปภาวีแสดงอาการยอมรับทางสีหน้าว่า ‘ใช่ หล่อนเดา’ และยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ดวงตาเป็นประกายแพรวพราวที่รู้เรื่องทั้งหมดแล้วก็ยิ่งตอกย้ำเข้าไปอีก

ถิรมนทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ

“ถ้าน้องเลิฟไม่พูด อาก็ไม่เข้าใจหรอก ยังคิดอยู่นั่นว่าอาจเป็นแผนงี่เง่าอะไรสักอย่างของมัตถ์หรือเปล่า แต่ตอนนี้ค่อนข้างชัวร์แล้วว่าที่เจ้ามัตถ์ยอมน่ะ เพราะอะไร” หล่อนยิ้มแย้มแจ่มใส แววตามีเลศนัย น้ำเสียงลั้ลลาผิดกับก่อนหน้านี้ราวคนละคน

ถิรมนตัวแข็งและทำอะไรไม่ถูกไปเลยทีเดียว พูดตะกุกตะกักออกไปว่า “อามุกรู้...เพราะ...น้องเลิฟสารภาพ อย่างนั้นเหรอคะ”

ปภาวียิ้มกว้างแบบไม่เห็นฟัน พยักหน้าว่า ‘ใช่’ โดยไม่เอ่ยออกมา ไหวไหล่นิดหนึ่งประมาณว่าทำไงได้ล่ะ หล่อนรู้ไปแล้ว และหัวเราะน้อยๆ

ยิ่งฟังก็ยิ่งอึ้งไปเลยทีเดียว กลายเป็นว่าเธอให้ข้อมูลแก่ปภาวีด้วยตนเองอย่างนั้นหรือ ทั้งที่ความจริงคือก่อนนี้หล่อนแค่ปะติดปะต่อภาพจากความสงสัย ไม่มีข้อมูลใดกระจ่างแก่ใจ แต่ที่รู้ก็เพราะเธอทำตัวเอง

มันน่าเขกกะโหลกซื่อบื้อนี่กระไร

ถิรมนคิดถึงปรมัตถ์ หากเขารู้ล่ะว่าเธอทำอะไรลงไป จะมีปฏิกิริยาอย่างไรให้เห็น ก็น่าอับอายน้อยเสียเมื่อไรนั่น

จะว่าอย่างไรกันดีล่ะทีนี้ แค่คิดก็ทำหน้าไม่ถูกแล้ว ว่าจะเขิน จะอาย หรืออยากร้องไห้อีกรอบกันแน่

ปภาวียิ้มให้อย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นสีหน้าของถิรมน “น้องเลิฟไม่ต้องกังวล ไม่ต้องเกรงใจอา สิ่งเดียวที่อาต้องการคือขอให้มัตถ์ดูแลน้องเลิฟอย่างดีที่สุด ยิ่งมัตถ์ชอบน้องเลิฟ รักน้องเลิฟจริงๆ ผูกพันกันได้ มีลูกมีหลาน ดูแลกันไปนานๆ อาก็ดีใจที่สุดแล้ว” หล่อนดึงถิรมนมากอดเอาไว้ ลูบแผ่นหลังแผ่วเบา “พรุ่งนี้เข้าบริษัทพร้อมอา แล้วคุยกับพี่เขาให้รู้เรื่อง ปลอบสักนิดก็ดีนะ...สงสาร ยิ่งมัตถ์จริงจังแบบที่อาเห็น อาก็โล่งอกว่ามัตถ์คงไม่ทำให้น้องเลิฟเสียใจในวันหน้า”



[1] ยู = คำเรียกย่อๆ ของ University




- * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * -



ขอบพระคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามม่านลวงมาจนถึงวันนี้นะคะ อ้อยขอขอบพระคุณจากใจ และต้องขอโทษที่ต้องแจ้งให้ทราบว่าจะลงให้อ่านต่อจนถึงบทก่อนเลิฟซีน (บทที่ 17 จากทั้งหมด 25 บท) อีกทั้งหนังสือมีกำหนดวางแผงในวันที่ 15 ต.ค. 57 ในงานสัปดาห์หนังสือเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้

จึงขอขอบพระคุณนักอ่านทุกท่านที่รักและติดตามงานเขียนของอ้อยเสมอมา ขอบพระคุณความรักที่ท่านได้มอบให้ค่ะ ส่วนนักอ่านท่านใดที่สั่งจองหนังสือเรื่องม่านลวงมากับอ้อยแล้ว สามารถดูรายละเอียดที่แนบมานี้ได้เลยค่ะ

รัก...

อ้อย/สุชาคริยา

***************************************

หากท่านใดประสงค์จะสั่งจองผ่านอ้อยโดยตรง รบกวนแจ้งรายละเอียดตามนี้นะคะ

1. ชื่อ - นามสกุล - ชื่อเล่น
2. ที่อยู่ที่ให้จัดส่งหนังสือ
3. เบอร์โทรศัพท์
4. นอกจากลายเซ็นแล้ว ต้องการให้เขียนอะไรพิเศษเพิ่มเติมหรือไม่ หรือไม่ต้องการลายเซ็น

ส่วนรายละเอียดเบื้องต้นมีดังนี้นะคะ
- ม่านลวง ราคาปก 200 บาท ลด 10% จากราคาหน้าปก = 180 บาท
- ค่าขนส่งแบบลงทะเบียน 1 เล่ม 30 บาท (รวมน้ำหนักประมาณ 350 กรัม ใช้เวลาขนส่ง 3-5 วัน)
- ค่าขนส่งแบบ EMS 1 เล่ม 60 บาท (รวมน้ำหนักประมาณ 350 กรัม ใช้เวลาขนส่ง 1-3 วัน)

โดยแจ้งความประสงค์มาได้ทั้งทางข้อความของเฟชบุ๊ค หรืออีเมล chacriya@windowslive.com อ้อยจะส่งรายละเอียดการโอนเงินให้ทราบอีกครั้งหลังจากได้รับรายละเอียดของท่านค่ะ

*ปิดจองวันที่* 13 ต.ค. 57 เวลา 23.59 น. (เที่ยงคืนของวันที่ 13 ต.ค.)

***กำหนดส่งหนังสือ*** วันพุธ ที่ 15 ต.ค. 57 (แต่จะเข้าไปรับหนังสือวันที่ 14 ต.ค. 57)

ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ



สุชาคริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ต.ค. 2557, 10:23:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ต.ค. 2557, 10:23:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1376





<< บทที่ 9 (100%)   บทที่ 11 >>
คิมหันตุ์ 3 ต.ค. 2557, 13:05:15 น.
ลงชื่อจ้า


แว่นใส 3 ต.ค. 2557, 14:33:11 น.
ลงชื่อจ้า


สุชาคริยา 3 ต.ค. 2557, 15:49:11 น.
@คุณคิมหันตุ์ & @คุณแว่นใส ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ ม๊วฟๆ


นักอ่านเหนียวหนึบ 3 ต.ค. 2557, 16:25:55 น.
ต้องขอบคุณความซื่อของน้องเลิฟ 554


ใบบัวน่ารัก 3 ต.ค. 2557, 19:15:41 น.
เรื่องนี้ดำเนินเรื่องอยู่ไม่กี่คน
แขนจะหายหรือยังน้าเลิฟ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account