ม่านลวง
การแต่งงานเพราะผลประโยชน์ทำให้เธอได้พบกับเขา ผู้ชายคนแรกในคืน one night stand น่าขำที่เธอตกหลุมรักชายคนนี้ทั้งที่ก่อนนั้นไม่อยากแต่งงาน และนั่นไม่ได้อยู่ในข้อตกลง แล้วเขาล่ะ...คิดกับเธออย่างไร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 11




บทที่ 11

คำพูด กิริยา ท่าทาง รอยยิ้ม และทุกสิ่งทุกอย่างของปภาวีเมื่อคืนที่ผ่านมายังอยู่ในความทรงจำของถิรมน

และขณะนี้... ตอนนี้... ก็คือตอนเช้าอย่างที่ปภาวีบอกไว้

เธอรู้สึกเพียงหัวใจเต้นไม่ค่อยปกตินัก ยิ่งใกล้บริษัทเท่าไรก็เหมือนจะนั่งไม่ติด ปภาวีนั่งอยู่ข้างๆ หันมายิ้มให้เป็นระยะ สีหน้าท่าทางนั้นอารมณ์ดีมากมาย แทบเป็นคนละคนกับเมื่อคืนที่เถียงหน้าดำหน้าแดงกับน้องชายของหล่อน

“ถ้าวันนี้ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาด อาก็ดีใจจริงๆ ที่มัตถ์จะได้คนดีๆ อย่างน้องเลิฟคอยดูแล คอยอยู่เคียงข้าง” ปภาวีเปรยออกมา สีหน้าสดชื่นมีความหวัง ขยับนั่งในท่าสบายขึ้นนิดหนึ่ง

วันนี้หล่อนไม่ได้ขับรถมาเอง ให้ลุงจาเป็นคนขับรถมาส่ง ระหว่างที่รถเลี้ยวเข้ามาในบริษัท เสียงโทรศัพท์มือถือของปภาวีก็ดังขึ้น หล่อนหยิบออกมาจากกระเป๋าและกดรับ

“จ้ะป้า ว่าไงนะ โอ...จัดเลยจ้ะ ในห้องน้องเลิฟนั่นแหละ อ้าวเหรอ เดี๋ยวบอกน้องเลิฟให้ ป้าเตรียมข้าวเย็นไว้ด้วยนะ แต่มุกคงไม่ได้เข้าไป น่าจะถึงบ้านดึกๆ ป้าเก็บกับข้าวไว้ให้แล้วกัน โอเค สวัสดีค่ะ” หล่อนหันมายิ้มให้ถิรมน บอกด้วยเสียงตื่นเต้นว่า “มัตถ์ให้เด็กขนของใช้ส่วนตัวกับเสื้อผ้าบางส่วนกลับมาไว้ที่บ้าน อาให้จัดไว้ที่ห้องน้องเลิฟแล้ว แต่เห็นสั่งเด็กมาว่าจะให้น้องเลิฟแบ่งเสื้อผ้าบางส่วนไปไว้ที่คอนโดฯ ของมัตถ์ด้วย เพราะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ยังไงก็เตรียมไว้เผื่อบ้างนะจ๊ะ”

เป็นข่าวอึ้งรับเช้าวันใหม่ไปเลยทีเดียว พูดไม่ออกเมื่อได้ยิน โดยเฉพาะคำพูดของปภาวีที่ว่า

“รู้งี้มัดมือมัดเท้าให้มาเจอกันแต่แรกก็จบ เล่นซะเราทำบ้าทำบอ...ลุ้นจนเหนื่อย” ปภาวียิ้มกริ่มออกมา

แต่สำหรับถิรมนเหมือนจะยิ้มไม่ค่อยออกเสียแล้ว แรงกดดันไม่เห็นตัวตนมีเพิ่มขึ้นบนบ่าราวกับแบกของบางอย่างที่หนักอึ้ง

ปรมัตถ์เอาจริงเอาจังจนน่ากลัว หลายสิ่งหลายอย่างยากจะเชื่อว่าที่ออกมารูปนี้จะมีเหตุผลเพียงแค่ที่เห็น

เธออยากถามหลายเรื่องราวให้กระจ่างแก่ใจไม่น้อย ยิ่งนับวันความสงสัยก็ทบทวี ทั้งเรื่องของบิดา เรื่องที่ปรมัตถ์ไม่อยากพบเธอ เรื่องตัวเลขและบริษัท เรื่องของอินทุภากับเสี่ยโกมุท เรื่องของปัถยาว่าจริงหรือไม่กับการถูกกดดันจนอยู่ไม่ได้ หรือปัถยามีเรื่องใดจึงไม่อยากอยู่เมืองไทยกันแน่ ใช่แค่การติดตามสามีไปอยู่ต่างประเทศจริงหรือ หล่อนรู้อะไร และปภาวีขอร้องไม่ให้พูดเรื่องใด

ทุกอย่างเป็นปริศนาสำหรับเธอเหลือเกิน อยากได้คำตอบเหลือเกิน ความอยากรู้พลุ่งพล่านมากมายอย่างไม่มีเหตุผล จนต้องปรามตัวเองว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรใส่ใจ เพราะไม่ถึงเวลา อย่างไรก็คงไม่ได้คำตอบ อยากรู้ก็ร้อนใจตัวเสียเปล่า

ถิรมนได้แต่นับตัวเลขในใจ พยายามบอกตัวเองให้หยุดคิดทุกอย่างได้แล้ว กระทั่งรถจอดที่หน้าตึกสำนักงานใหญ่ ความวุ่นวายย่อมๆ ของพนักงานตรงหน้าลิฟต์ผู้บริหารเรียกความสนใจได้ชะงัด เพราะหนึ่งในนั้นคือนันทิดา

ถิรมนเดินตามหลังปภาวีที่เดินนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว

“ทำอะไรกันจ๊ะ” เสียงที่หล่อนถามบ่งบอกว่าอารมณ์ดี แม้ตอนนี้ใกล้เวลาเปิดทำการแล้วก็ตาม ซึ่งนั่นหมายความว่าหากเป็นปกติคงมีเรื่องให้โดนผู้บริหารมองตาขวาง ทุกอย่างควรพร้อมและเรียบร้อย ไม่ใช่มาออกันเหมือนมีเรื่องให้เห็น

พนักงานทั้งหมดในนี้ยกมือไหว้ปภาวี หลบฉากไปนิดหนึ่ง จึงกลายเป็นว่าเหลือนันทิดาอยู่หน้าสุด

“คุณ...คุณปรมัตถ์ให้ย้ายของในห้องทำงานคุณถิรมนไปไว้ที่ตึกนู้นค่ะคุณปภาวี”

ปภาวีหันมามองถิรมน แอบยิ้มกว้างออกมา ปรับสีหน้าเรียบนิ่งอย่างรวดเร็วราวกับก่อนนั้นไม่เคยยิ้ม และหันกลับไปมองนันทิดา “แล้วนี่เสร็จเรียบร้อยหรือยัง” เสียงนั้นแสดงให้รู้ว่าหล่อนไม่ติดใจสงสัยหรือต่อว่าอะไร

“เรียบร้อยแล้วค่ะ”

ปภาวีพยักรับรู้ “ใครสะดวกอะไรก็ไปทำงานตัวเองเถอะจ้ะ แล้วนี่มัตถ์มาถึงแล้วเหรอ” ท้ายประโยคมีความหมายคือถามเลขานุการิณีของปรมัตถ์

“ยังค่ะ ไม่เกินยี่สิบนาทีจะมาถึงค่ะ” อีกฝ่ายตอบมารวดเร็ว

“ขอบใจจ้ะ” ปภาวีพูดเท่านั้นก็หันมาหาถิรมน “น้องเลิฟขึ้นไปกับอาก่อน” จากนั้นเดินผ่านหน้านันทิดา ตรงเข้าไปในลิฟต์

ถิรมนติดตาม คิดเพียงว่าหลังจากนี้เธอจะเป็นหมากบนกระดานที่มีปรมัตถ์เป็นผู้เดินเกมใช่หรือไม่ แต่กระนั้นก็เป็นหมากให้ปภาวีกำกับอยู่เบื้องหลังเช่นกัน

ในขณะที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิด ปภาวีก็ยื่นมือออกไปขวางเอาไว้ “เตรียมโต๊ะหรือห้องทำงานให้น้องเลิฟเรียบร้อยแล้วเหรอ” หล่อนถามนันทิดา

“คุณปรมัตถ์สั่งให้จัดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ แต่เพิ่งทำกันเช้านี้ คุณสุธาช่วยจัดการให้แล้วค่ะ” นันทิดาตอบ สายตามองพื้นเป็นหลัก มือจับกันไว้แน่น

“ขอบใจจ้ะ ไปทำงานเถอะ” ปภาวีเอ่ยอย่างเอื้อเฟื้อ

นันทิดายกมือไหว้ลา “สวัสดีค่ะ”

ปภาวีพยักหน้ารับ ขยับถอยหลังเข้ามาในลิฟต์ด้วยอาการยิ้มกริ่ม หล่อนหันมามองถิรมนและยิ้มให้ มือข้างหนึ่งของหล่อนกุมมือของถิรมนเอาไว้ แววตามีความหวัง

“ดูแลมัตถ์ให้ดีนะน้องเลิฟ ความหวังของอาอยู่ที่น้องเลิฟคนเดียว อย่าให้ผู้หญิงคนนั้นเข้าใกล้มัตถ์เด็ดขาด อาไม่อยากเห็นภาพความล่มจมของใครอีกโดยเฉพาะคนใกล้ตัว” คำสั่งนั้นมาพร้อมกับความขอบคุณจากใจ ปภาวีกอดถิรมนเอาไว้แน่นๆ ก่อนจะปล่อยมือเมื่อลิฟต์เปิด

สุธายืนรออยู่หน้าลิฟต์ ใบหน้ายิ้มแย้มเช่นกัน “งานคุณเลิฟอยู่ที่ตึกนู้นหมดแล้วค่ะ ธาให้เด็กช่วยกันจัดโต๊ะชั่วคราวไปก่อน ห้องทำงานคงต้องรอช่างจัดการอีกนิดหน่อย วันนี้ยังไงก็ไม่เสร็จ เด็กแจ้งว่าคุณมัตถ์โทร. มาสั่งเกือบเที่ยงคืน ทำอะไรไม่ถูกกันเลย ธาเลยให้แก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ไปก่อนค่ะ”

“ขอบใจมากจ้ะ เรื่องตกแต่งให้ลงงบกลางไปนะ” ปภาวีบอก ใบหน้าสวยสง่ามีรอยยิ้มดีใจ แลดูอ่อนกว่าวัยไม่เหมือนที่ถิรมนเคยเห็น

“น้องเลิฟต้องประจำที่ตึกนู้นเหรอคะอามุก” ถิรมนถามก่อนปภาวีจะเข้าไปในห้อง

หล่อนหันมายิ้มให้ “จ้ะ แต่ยังไงทางนี้ก็ยังต้องมาบ้าง” แล้วเดินเข้าไป

ถิรมนเดินตาม ปิดประตูเมื่อเข้ามาในห้องให้เรียบร้อย และถาม “ทำไมล่ะคะ”

“ถ้าอาไม่รู้อะไรเหมือนก่อนนี้ก็คงไม่ยอมหรอก แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว อารู้ว่าระหว่างมัตถ์กับน้องเลิฟมีเยื่อใยกันระดับหนึ่ง หากสามารถพัฒนาและเติมเต็มกันได้ อาก็ยินดีส่งเสริม”

ฟังแล้วเหงื่อก็ผุดที่แผ่นหลัง ปภาวีไม่คิดที่จะถามเธอก่อนหรือไรว่าเต็มใจรับการส่งเสริมนั้นมากน้อยแค่ไหน เพราะความจริงคือเธอพยายามเตรียมใจและเตรียมพร้อมในวันจากลา แต่ไฉนกลายเป็นว่าถูกผลักให้เข้าไปรับหน้าที่ที่พยายามควบคุมไม่ให้เข้าเนื้อมากเกินไป ฟังอย่างไรก็ไม่น่าจะส่งผลดีต่อตนเองนัก จึงตัดสินใจพูด

“น้องเลิฟไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วพี่มัตถ์คิดยังไงกับน้องเลิฟค่ะอามุก เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างน้องเลิฟกับพี่มัตถ์คือผิวเผิน ไม่ได้ตั้งใจ แล้วเรื่องของคุณอินทุภาก็ยังเป็นประเด็นอยู่ น้องเลิฟไม่รู้ว่าอยู่ในสถานะไหนกันแน่ทางความคิดของพี่มัตถ์ เลยไม่อยากเอาตัวไปผูกมัดมากเกินความจำเป็นตามสัญญาสี่ปีค่ะ”

“อาดีใจที่น้องเลิฟพูดกับอาตรงๆ นะ” ปภาวีเอ่ยแทรก ไม่ให้ถิรมนพูดต่อ จ้องมองด้วยแววตานิ่งสงบ “อาเชื่อว่าน้องเลิฟต้องเอาชนะแม่นั่นได้ ตัวตนของน้องเลิฟอารู้ดีว่าเป็นยังไง คนอย่างมัตถ์ไม่โง่ที่จะทิ้งของที่ดีที่สุดไปหรอก ยกเว้นแค่ไม่รู้หรือไม่เห็นเท่านั้น แต่ตอนนี้มัตถ์เจอแล้ว เห็นน้องเลิฟแล้ว แค่...ยังไม่ชัดเจนเท่าที่อาเห็น แต่เมื่อไหร่ที่มัตถ์ได้รู้เหมือนที่อารู้ มัตถ์จะไม่มีทางปล่อยน้องเลิฟเด็ดขาด ตอนนี้อาขอแค่น้องเลิฟคอยอยู่ใกล้ๆ ดูแลมัตถ์ไม่ให้พลั้งพลาดถลำลึกกับสองพ่อลูกนั่นไปมากกว่านี้ บางทีเรื่องทุกอย่างอาจจบได้ดีกว่าที่อาคิดไว้” ปภาวีเอ่ยอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม

ถิรมนสูดลมหายใจเข้าลึก “เท่าที่เห็นพี่มัตถ์ตอนนี้ หรือเท่าที่มีข้อมูลตอนนี้ น้องเลิฟบอกตรงๆ ว่ากลัวค่ะอามุก ไม่รู้จริงๆ ว่าพี่มัตถ์คิดอะไร หากวันหนึ่งไม่ได้อยู่ในขอบเขตหรือไม่เป็นไปอย่างที่คิด น้องเลิฟกลัวจะรับไม่ไหวค่ะ”

ข้อดีของการอยู่เมืองนอกคือถูกปลูกฝังให้กล้าพูดกล้าแสดงออกได้ตรงๆ ส่วนการถูกเลี้ยงอย่างคนไทยคือมีสัมมาคารวะ และนั่นทำให้เธอเลือกจะพูดความจริงในใจในเวลานี้แทนการเก็บเอาไว้และอาจเสียหายในเบื้องหน้า ส่วนกิริยาก็แสดงออกอย่างอ่อนน้อม ไม่เป็นภัยแก่ตนเช่นกัน

ปภาวีถอนหายใจออกมา สีหน้าแววตาของหล่อนคือเข้าใจเป็นอย่างดี บอกถิรมนว่า

“ทุกอย่างที่อาทำ ไม่ใช่แค่เพื่อมัตถ์ แต่อาทำเพื่อทุกคน ทุกคนที่อารักรวมถึงน้องเลิฟด้วย ขอให้น้องเลิฟเชื่อใจอา ทำตามที่อาบอก อาเชื่อว่าถ้าเป็นไปอย่างที่อาคิด ทุกอย่างจะออกมาดีที่สุด แต่หากเหตุการณ์จะเลวร้าย มันก็จะเกิดผลเสียน้อยที่สุดเหมือนกัน” หล่อนมองถิรมนอย่างขอความเห็นใจ ขอให้เชื่อใจ และมั่นใจกับสิ่งที่หล่อนตัดสินใจเลือกทำแบบนี้

ถิรมนหรือจะพูดอะไรได้อีกนอกจากพยักหน้ารับ แม้หวาดหวั่นไม่น้อยกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เพราะเหมือนกำลังเดินเข้าไปในถนนที่มีแต่ม่านหมอกอำพราง บังคับให้เดินหน้าไม่มีถอยหลัง ไม่รู้เลยว่าถัดจากนี้จะเป็นถนนสวยงาม เป็นป่ารกชัฏ เป็นสะพานที่ขาด หรือเป็นหุบเหวลึกสุดหยั่งก็ไม่อาจปฏิเสธได้ นอกเสียจาก...

“น้องเลิฟจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”

- * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * -


ขอบพระคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามม่านลวงมาจนถึงวันนี้นะคะ อ้อยขอขอบพระคุณจากใจ และต้องขอโทษที่ต้องแจ้งให้ทราบว่าจะลงให้อ่านต่อจนถึงบทก่อนเลิฟซีน (บทที่ 17 จากทั้งหมด 25 บท) อีกทั้งหนังสือมีกำหนดวางแผงในวันที่ 15 ต.ค. 57 ในงานสัปดาห์หนังสือเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้

จึงขอขอบพระคุณนักอ่านทุกท่านที่รักและติดตามงานเขียนของอ้อยเสมอมา ขอบพระคุณความรักที่ท่านได้มอบให้ค่ะ ส่วนนักอ่านท่านใดที่สั่งจองหนังสือเรื่องม่านลวงมากับอ้อยแล้ว สามารถดูรายละเอียดที่แนบมานี้ได้เลยค่ะ

รัก...

อ้อย/สุชาคริยา

***************************************

หากท่านใดประสงค์จะสั่งจองผ่านอ้อยโดยตรง รบกวนแจ้งรายละเอียดตามนี้นะคะ

1. ชื่อ - นามสกุล - ชื่อเล่น
2. ที่อยู่ที่ให้จัดส่งหนังสือ
3. เบอร์โทรศัพท์
4. นอกจากลายเซ็นแล้ว ต้องการให้เขียนอะไรพิเศษเพิ่มเติมหรือไม่ หรือไม่ต้องการลายเซ็น

ส่วนรายละเอียดเบื้องต้นมีดังนี้นะคะ
- ม่านลวง ราคาปก 200 บาท ลด 10% จากราคาหน้าปก = 180 บาท
- ค่าขนส่งแบบลงทะเบียน 1 เล่ม 30 บาท (รวมน้ำหนักประมาณ 350 กรัม ใช้เวลาขนส่ง 3-5 วัน)
- ค่าขนส่งแบบ EMS 1 เล่ม 60 บาท (รวมน้ำหนักประมาณ 350 กรัม ใช้เวลาขนส่ง 1-3 วัน)

โดยแจ้งความประสงค์มาได้ทั้งทางข้อความของเฟชบุ๊ค หรืออีเมล chacriya@windowslive.com อ้อยจะส่งรายละเอียดการโอนเงินให้ทราบอีกครั้งหลังจากได้รับรายละเอียดของท่านค่ะ

*ปิดจองวันที่* 13 ต.ค. 57 เวลา 23.59 น. (เที่ยงคืนของวันที่ 13 ต.ค.)

***กำหนดส่งหนังสือ*** วันพุธ ที่ 15 ต.ค. 57 (แต่จะเข้าไปรับหนังสือวันที่ 14 ต.ค. 57)

ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ





สุชาคริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ต.ค. 2557, 15:18:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ต.ค. 2557, 15:18:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 1430





<< บทที่ 10   บทที่ 12-17 >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 9 ต.ค. 2557, 17:16:44 น.
งงเต็ก!


สุชาคริยา 9 ต.ค. 2557, 17:34:44 น.
@นักอ่านเหนียวหนึบ งงอะไรคร้าาาา ม๊วฟๆ


ใบบัวน่ารัก 9 ต.ค. 2557, 18:55:42 น.
รอนานแล้วนะพี่มัตฉากเลิฟซีนนะ
เมื่อไรจะมีซะทีนะเค้ารอมาข้ามปีแล้วนะ


สุชาคริยา 9 ต.ค. 2557, 19:45:57 น.
@ใบบัวน่ารัก = ฉากเลิฟซีนนี่ขอสงวนเอาไว้นะคะ จะได้ไปจิกหมอนจิกกระดาษในเล๋มได้เลย อิอิ // มะช่ายยย คือจะเลิฟซีนทั้งที มันก็ต้องมีบรรยากาศโอ้โลมกันบ้าง ไม่อย่างนั้นเลิฟซีนไม่สวยนะคะ (^.^)


แว่นใส 9 ต.ค. 2557, 20:37:20 น.
จ้า น่ารัก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account