แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ

คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”

คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”

คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”

และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”

Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา

ตอน: 32 ตามรัก ตามล่า 2




32
ตามล่า ตามรัก (2)

“หนีไปไหนไม่ได้แล้วสาวน้อย ยอมให้จับเสียดี ๆ” คนคุมบ่อนร่างยักษ์เดินเข้ามา ทันทีที่แตะมือเธอรักจิราก็หวดหมัดใส่หน้ามัน แม้จะใช้แรงสุดตัวแต่เพราร่างกายที่ใหย่โตกว่าจึงทำได้แค่ให้มันเซถอยไปเล็กน้อย มันก้าวเข้ามามือเตียงจะทำร้ายรักจิรา รักจิรายกขาขึ้นถีบยันที่อกของมันจนล้มลง รักจิราจะก้าวเท้าวิ่งแต่พวกด้านหลัง รวมถึงซ้ายขวายืนดักไว้หมดแล้ว

“แสบนักนะ ข้าจัดการเอง” แล้วไอ้คนคุมบ่อนตัวยักษ์ท่าทางกร่างที่สุดในกลุ่มก้าวเข้ามาจะจับตัวเธอ รักจิราโน้มตัวคว้าหยิบไม้กวาดที่วางอยู่ขึ้นมาและฟาดใส่มือของมัน

“อีบ้า มึง...” รักจิราไม่รอให้มันพูดต่อก็ฟาดไหม้ใส่มันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันรับด้ามไม้กวาดไว้ได้และกระชากมันออกจากมือ ร่างของรักจิราถลาเข้าไปหามัน มันยกมือขึ้น

เพียะ!!!

รักจิราลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น รักจิราโมโหและเดือดดาลที่สุด ในใจมีแต่คำว่ามันตบฉัน มันตบฉัน รักจิราผุดลุกขึ้นด้วยความโมโหหวังจะต้องได้ต่อยหน้ามันคืนแต่

แกรก

“พอได้แล้ว เสี่ยกำลังจะกลับมา ถ้าเธอไม่หยุดฉันยิงแน่ รวมถึงผู้หญิงอีกคนที่มากับเธอ ไอ้แบงค์อีกคนได้ตายแน่ ยอมให้จับกลับไปดี ๆ จะได้ไม่มีใครต้องมาเป็นอะไรตอนนี้จะดีกว่า” รักจิราหยุดเมื่อรู้ว่าแก้วกัลยาโดนจับได้แล้ว

“แกก็เหมือนกันไอ้หมึก ถ้าเกิดเสี่ยจะเอานังนี่เป็นเป็นเด็กในซ่องขึ้นมาแกจะซวยที่ไปตบหน้านังนี่”

“ก็มันทำผมนี่พี่ชด”

“เอาล่ะ พอกลับได้แล้ว ถ้าเธอตุกติกไม่ใช่แค่เธอที่ตาย แต่รวมถึงสองคนที่บ่อนด้วย ไปได้แล้ว”

“ไม่ต้องจับ ฉันเดินได้” รักจิราสะบัดแขนของไอ้สองคนนั้นที่กำลังจะล็อคแขนเธอออก ลูกน้องมองนายชดหัวหน้าที่คุมบ่อน ชดพยักหน้าบอกให้ให้เจ้าตัวเดินเอง แต่พวกมันก็ยังยืนล้อมกรอบเธอไว้ไม่ให้เธอมีโอกาสหนีไปได้

“อย่าคิดตุกติกไม่อย่างนั้นสองคนนั้นตายแน่” รักจิราเดินตามพวกมันไป

เพล้ง!!!

เสียงกระถางต้นไม้ที่บ้านหลังหนึ่งหล่นลงมาดังขึ้น พวกมันหันไปมองพร้อมกัน ช่องทางให้รักจิราหนีเปิดออกแล้ว รักจิราเห็นโอกาสไม่ลืมที่จะคว้าโอกาสนี้ไว้ ผลักไอ้คนที่ขวางอยู่ให้ล้มลง รักจิราก้าวเท้าจะวิ่งหนี แต่มือของคนคุมบ่อนร่างยักษ์กลับคว้าตัวเธอไว้ รักจิราหันไปง้างมือขึ้นและปล่อยหมัดเข้าใส่หน้ามัน คนอื่นกรูเข้ามาจะช่วย รักจิราคว้ากระถางต้นไม้และโยนใส่ขัดขวางพวกมันชะงักและออกตัววิ่งต่อ เธอต้องหาทางไปช่วยแก้วกัลยา รักจิราวิ่งเข้าซอกซอกเพื่อให้พวกมันที่ตามมางงและสับสน รักจิราวิ่งมาถึงกลางซอยที่เป็นทางแยกสีทางคือหันหลังกลับไปกลับทางเก่า ทางขวาและซ้ายทะลุไปวอยไหนเอก็ไม่แน่ใจ ถ้าไปข้างหน้าต่อน่าจะเป็นทางออกซอยแต่เธอจะโชคดีแค่ไหน ถ้าออกไปแจ็คพอตแล้วเจอมันล่ะ รักจิรายืนใช้ความคิด พลางหันกลับไปทางเก่า และความคิดของรักจิราก็หยุดที่บ้านหลังหนึ่งที่เปิดประตูหน้าต่างทิ้งไว้ บ้านดูร้างมาก รักจิราเดาว่ามันน่าจะเป็นบ้านร้างไม่มีคนอยู่ถึงเปิดหน้าต่างทิ้งไว้แบบนี้ รักจิราหันมองซ้ายขวาก่อนจะเหยียบโอ่งที่ตั้งอยู่ปืนขึ้นไปทางหน้าต่างเพื่อซ่อนตัว รักจิราพยายามรออย่างใจเย็น เธอจะต้องกลับไปช่วยแก้วกัลยาให้ได้

“เฮ้ย หายไปไหนแล้ว พวกมึงรีบแยกกันตามหาเลย ถ้ามันหนีไปได้พวกเราได้ซวยแน่ ข้าจะขึ้นไปดูข้างบน แกไปกับข้า ส่วนพวกเอ็งแยกกันไปคนละทาง ให้พวกของเราที่ดักรอหน้าซอยดูไว้เผื่อมันจะวิ่งไปข้างหน้า เร็ว” รักจิราพยายามควบคุมหัวใจที่เต้นแรงถี่ เธอได้ยินเสียงพวกมันใกล้มาก

เอี๊ยด

เธอได้ยินเสียงไม้ดังเอี๊ยดอ๊าดดังมาจากหน้าประตูบ้าน พวกมันขึ้นมาแล้ว รักจิรามองซ้ายขวาหาที่ซ่อนตัว เธอตายแน่ รักจิราที่เวลานี้เริ่มควบคุมใจอารมณ์ตัวเองแทบไม่ได้ รักจิราได้ยินเสียงพวกมันจับลูกบิดประตู ภายในห้องนี้มันโล่งเกินไป ไม่สิมีตู้ มีเตียงวางอยู่ ในละครชอบวิ่งไปหลบตามตู้เตียง แล้วโชคดีรอด แต่เธอจะโชคดีไหม พวกมันจะยิงเธอตายคาตู้ไหม วินาทีนี้เธอจะเอายังไง กลับลงไปพวกมันคงอยู่ข้างล่างแน่นอนเธอได้ยินเสียงพวกมันดังอยู่ คนเดียวเธออาจจะล้มมันได้แต่ถ้าพวกมันมาสามรุมเธอคนเดียว รักจิราลนลานมากขึ้นเมื่อเสียงมันเปิดมาแล้ว มันกำลังตรงมาที่ห้องนอนเพียงห้องเดียวที่ปิดประตูอยู่ รักจิราที่ไร้หนทางดีกว่ายินรอชะตาให้มันมายิง หวังว่าเธอดวงจะดีขึ้นมาบ้าง รักจิราวิ่งเข้าไปหลบใต้เตียงอย่างไร้หนทาง เธอมองเท้าของมันก้าวเข้ามาในห้องในจังหวะเดียวกับที่เธอเข้าไปหลบ รักจิรามองมันเดินไปทั่วห้อง และดั่งคาดพวกมันเดินไปเปิดตู้ เมื่อไม่เจอมันก็ตรงมาที่เตียง รักจิราใจเต้นแรง เมื่อมันก้าวมาหยุดอยู่หน้าเตียง รักจิราขยับตัวไปริมอีกฟากถ้ามันเห็นเธอ เธอก็สู้ตายล่ะยังไงเธอก็ต้องรอดไปให้ได้ รักจิรามองมันที่กำลังนั่งล้มกำลังจะก้มลงมองพลัน

ปัง!!!

เสียงปืนดังขึ้น มันรีบลุกขึ้นยืนประตูเปิดออก ลูกน้องที่ตามมาวิ่งเข้ามาหามัน

“พี่ชด เกิดเรื่องที่บ่อนอยู่ ๆ ไฟก็ไหม้ พี่รีบกลับไปที่บ่อนเร็ว มีเรื่องแบบนี้ตำรวจต้องมาแน่ เสี่ยกลับมาฆ่าพวกเราทิ้งแน่” ไอชดผู้เป็นหัวหน้าคนคุมบ่อนรีบวิ่งหน้าตื่นออกไป รักจิราถอนหายใจอย่างโล่งอก

...ไฟไหม้...

“จริงสิ ช่วงชุลมุนเธอควรจะกลับไปช่วยกลับไปช่วยเจ๊แก้ว โทรตามตำรวจ” รักจิราหยิบขยับตัวออกจากใต้เตียงและหยิบโทรศัพท์กดโทรออก พร้อมก้าวเท้าวิ่งเปิดประตูจะออก แต่พอเปิดประตูวิ่งออกมากลับชนอกแกร่งของใครคนหนึ่งโทรศัพท์ล่วงหล่นลงพื้นรักจิราเงยหน้าขึ้นมองด้วยท่าทีตกใจ คิดว่าซวยแล้ว แต่พอเงยหน้าขึ้นเธอกลับเห็นหน้าคนที่ไม่คิดว่าจะเห็นในเวลานี้

“นาย...นายมาได้ยังไงสายฟ้า”

“มานี่ เดี๋ยวเราได้คุยกันแน่ ไปจากที่นี่ก่อน”

“เดี๋ยว ๆ ไปไม่ได้ เจ๊แก้วยังอยู่ที่นี่ ฉันทิ้งเจ๊แก้วไม่ได้นะ”

“ทางนั้นมีคนจัดการแล้ว เธอต้องตามฉันมา” รักจิราพยายามยื้อตัวไว้ แต่เมื่อก้าวออกจากบ้านกลับเดินออกมาเจอกับลูกน้องของนายชดที่วิ่งกำลังจะกลับไปที่บ่อน พวกลูกน้องของชดที่วิ่งมาพอดี

“จับมันเว้ย”

“ปล่อยก่อน”

“เธออยากโดนมันฆ่าหรือไง”

“ทำไมเราไม่สู้ล่ะ พวกมันมีแค่สามคนเองนะ”

“สามคน แต่ถ้าพวกมันมาอีกล่ะ พวกมันกำลังจะวิ่งกลับไปที่บ่อน ยังไงมันต้องมาอีกอยู่แล้ว เธอจะเสียแรงสู้ทำไม มาเถอะน่า” รักจิราวิ่งตามแรงกระชากนั้นไป

“นี่นายจะไม่เล่าหน่อยหรอว่านายมาได้ยังไง แล้วเจ๊แก้วจะปลอดภัยไหม”

“ฉันพาพอลแวะไปโรงพยาบาลเห็นเธอกับเจ๊แก้วของเธอกำลังรีบแปลก ๆ เลยขับตามมาแต่มาคลาดกันตอนรถติด ฉันเลยตามเธอทางจีพีเอสที่ฉันสั่งให้เธอเปิดในโทรศัพท์ไว้ไงล่ะ พอตามมาถึงเธอก็ก่อเรื่องแล้ว ฉันเลยโทรตามผู้กองติ แล้วก็มาตามหาเธอนี่ไงล่ะ ส่วนเจ๊แก้วเธอก็ไม่ต้องห่วงแล้วยังไงผู้กองติเขาก็มาทัน ไฟไหม้นั่นก็คงเป็นฝีมือเจ๊แก้วของเธอนั่นแหละ คงรอเฉย ๆ ไม่ได้ พอลรอผู้กองอยู่ที่หน้าซอย ป่านนี้น่าจะมาแล้ว”

“นี่นายทิ้งคุณพอลไว้ที่นั่น”

“เขาบอกให้ฉันมาช่วยเธอไงล่ะ ตอนนี้เราไปเถอะกลับไปที่นั่นก็วุ่นวายให้ผู้กองเขาจัดการเอง”

“แต่...”

“ถ้ามีแต่อีกคำเดียว ฉันจะย้ายให้เธอไปทำงานแผนกแม่บ้านแทนเป็นผู้ช่วย” รักจิราหุบปากและตามเข้าไปอย่างไม่กล้าเถียงอีก




แก้วกัลยามองอธิชาติที่เนื้อตัวมีร้องรอยโดนซ้อม เมื่อครู่พวกมันเข้ามาและรุมซ้อมอธิชาติที่กล้าหักหลังแถมยังช่วยพวกเธอหนีไป แก้วกัลยาคิดว่าเธอพลาดเองที่ให้รักจิราแยกไปคนเดียว เลือดรักความยุติธรรมในตัวสูง แถมยังเป็นเจ้าแม่สังคมยังไม่มีทางปล่อยให้ที่นี่อยู่ได้โดยไม่ทำอะไร ตอนที่อธิชาติเข้ามาช่วยใครจะไปคิดวิ่งไปป๊ะหน้าพวกมันได้

“นี่อย่าพึ่งตายนะ ฉันไม่อนุญาตนะ ถ้านายตายใครจะมาเป็นพยานให้แบร์ แล้วบริษัทคุณเพชรคงแย่แน่” แก้วกัลยาที่ตัวโดนมัดใช้เท้าเขี่ยหลังอธิชาติที่ล้มนอนหมดสติอยู่ แต่จังหวะนั้นเองไฟแช็คก็หล่นออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ตัวเก่าของอธิชาติ แก้วกัลยาเหมือนความคิดเริ่มแล่นนึกอะไรบางอย่างออก แก้วกัลยาหันไปมองรอบ ๆ ห้องมองหาอะไรสักอย่าง สายตาโฟกัสกลับไปที่มีดพอที่ปีกอยู่บนเป้ากระดาน แก้วกัลยาพยามลุกขึ้นยืนยืน ขาที่ถูกผูกทำให้ก้าวยาวไม่ได้จึงต้องค่อย ๆ ขยับไปใกล้ ๆ แก้วกัลยาใช้ความพยายามในการเดินมาจนถึงหน้าเป้ากระดานที่อยู่สูงประมาณหนึ่งช่วงแขนของเธอพอดี แก้วกัลยามองอย่างใช้คความคิดว่าเธอจะเอามันลงมายังไงล่ะทีนี้ก็มือของเธอโดนมัดไพล่หลังอยู่ แก้วกัลยาทำหน้าหงุดหงิดสะบัดเท้าไปแตะตู้อย่างฉุนเฉียวที่ทำอะไรไม่ได้พลันบางอย่างก็หล่นลงมา

เพล้ง!!!

แจกันที่ตั้งอยู่บนหลังตู้หล่นลงมาพร้อมกับประตูที่เปิดออก คนคุมบ่อนเดินเขามาเห็นแก้วกัลยายืนที่ยินอยู่ก็เดินเข้ามาใบหน้าถมึงตึงดูน่ากลัวมาก

“ทำอะไรของเอ็ง”

“เอ่อ...ปะ...เปล่า คือฉันเห็นแบงค์นอนจบเลือดจะหากระดาษเช็ดชู่หรือผ้ามาเช็ดเลือดให้ แต่พลาดไปทำแจกันหล่นน่ะ” แก้วกัลยามองหน้ามันอย่างลุ้น มันจะเชื่อเธอไหม

“ให้มันจมเลือดตายนั่นแหละ เอ็งรีบมานั่งเฉย ๆ เลยนังคนสวย เสี่ยจะมาแล้ว” แก้วกัลยาถอนหายใจอย่างโล่งอกมองมันเดินออกไป แก้วกัลยามองเศษแจกันที่แตกค่อย ๆ นั่งลงเอื้อมมือหยิบขึ้นมา ทั้งที่เป็นคนใจร้อนไม่แพ้รักจิราแต่เธอก็พยายามตัดเชือกจากใจเย็น มีอยู่วูบหนึ่งที่มันพลาดไปโดนนิ้วเธอ เลือดไหลซึมออกเธอรับรู้ได้ ช่วงนี้ต้องเป็นปีชงของเธอแน่ ๆ ถึงได้มีแผลแทบไม้ซ้ำรอยแบบนี้

“ออกแล้ว” แก้วกัลยาเอ่ยขึ้น และรีบยกมือขึ้นปิดปาก เธอเดินสำรวจมองรอบ ๆ ห้อง ก่อนจะเดินไปช่วยอธิชาติ อธิชาติค่อย ๆ ลุกขึ้น แก้วกัลยาส่งผ้าเช็ดหน้าให้อธิชาติ

“เช็ดเลือดซะ เห็นแล้วมื้อเที่ยวของฉันจะอาเจียนออกมาหมด” อธิชาติพยักหน้าและเช็ดเลือดบนหน้า แก้วกัลยาช่วยแก้มัดเชือกให้ และเดินสำรวจห้องต่ออีกนิด

“นี่ฟังนะ ฉันจะเผาห้องนี้” อธิชาติทำหน้าตกใจ

“เผา”

“ใช่ พอฉันตะโกน นายนั่งนื่ง ๆ รอให้พวกมันกรูหันเข้ามา ได้จังหวะต้องหนีทันที เข้าใจนะ”

“เอ่อ...”

“เข้าใจไหม” แก้วกัลยามองด้วยสายตาข่มขู่ อธิชาติพยักหน้ารับอย่างไม่กล้าขัด สายตาแม่คุณบ่องบอกว่าให้ตกลงเท่านั้นไม่ตกลงเธอจะเพิ่มแผลบนใบหน้าให้เขา แก้วกัลยาเดินไปหยิบม้วนหนังสือพิมพ์ ฉีกกระดาษ หาวัตถุที่ติดไฟง่าย รวมถึงผ้าม่าน ทุกอย่างในห้องมากองสุมรวมกันที่หลังโต๊ะทำงาน เธอหันไปมองอธิชาติ

“นอนอยู่ทำไมเช็ดเลือดเสร็จแล้วก็มาจุดสิ” อธิชาติทำหน้าเหรอหรา แต่รีบพยุงตัวขึ้นมาหยอบไฟแช็คที่ตกอยู่และเดินไปจุดไฟให้ แก้วกัลยามองไฟที่กำลังติดขึ้นและลุกขึ้น

“กลับไปนั่ง” ทั้งสองเดินมานั่ง และรอก่อนที่แก้วกัลยาจะตะโกนขึ้น

“ไฟไหม้ ไฟไหม้ ไฟไหม้” แก้วกัลยารอจังหวะ แต่เพราะควันเริ่มลอยคลุ้งขึ้น แก้วกัลยาจึงตะโกนสุดเสียงอย่างรอไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเธอกับอธิชาติคงได้ตายในห้องก่อน ทันทีที่เสียงของแก้วกัลยาตะโกนขึ้น ประตูก็ถูกกระชากออก

“เฮ้ย ไฟไหม้!!!” คนเฝ้าประตูตะโกนเสียงดัง พวกลูกน้องพากันกรูเข้ามา ควันเริ่มคุ้งโขมงไปทั่วห้อง พร้อมกับคนคุมบ่อนที่พากันวิ่งถือถังน้ำขึ้นมาสาดใส่ต้นเหตุของเพลิง ผ่านไปเกือบสิบนาทีในที่สุดไฟที่ลุกไหมก็ดับลง

“ไฟไหม้ได้ไงวะ หรือสองคนนั้นมันจะเผาบ่อนเรา เฮ้ย!!! พวกมึง...มันหายไปไหน”

“มันต้องหนีไปตอนพวกเราวิ่งเอาทำขึ้นมาดับไฟแน่ ๆ”

“แล้วจะมัวยืนทำอะไรล่ะ อยากโดนเสี่ยฆ่าทิ้งหรือไงไปตามมันสิ” พวกมันรีบวิ่งออกมา ตอนนี้ไม่ใช่แค่ข้างบนที่ชุลมุน แก้วกัลยาที่ลงมาข้างล่างตะโกนไฟไหม้เสียงดังลั่น บวกกับกลิ้นไหม้และควันไฟทำให้บ่อนวุ่นวาย คนที่กำลังเล่นไพ่ ไฮโลต่าง ๆ นาน ๆ พากันกรูวิ่งออก แก้วกัลยาและอธิชาติแฝงตังเข้าไปในกลุ่มนั้นและวิ่งออกไป ทั้งสองกำลังจะวิ่งออกจากประตู

“หยุดนะ” เสียงของคนคุมบ่อนดังขึ้น เพราะการแต่งตัวของเธอมันสะดุดตาเกินไปอย่างที่รักจิราได้บอกไว้ พอวิ่งออกมาไม่ต้องมองอะไรมากเสื้อสีน้ำเงินคอเต่าของเธอที่มันสะท้อนแสงอย่างมากทำให้มันเห็นได้อย่างง่าย เธอพลาดเองนั่นแหละ

ปัง!!!

เสียงปืนดังขึ้น แก้วกัลยาหยุดขาหันไปมอง เธอมั่นใจว่าเธอได้ยินเสียงมันไม่ได้มาจากในบ่อน เธอกำลังจะก้าววิ่งต่อแต่เพราะหันไปมองอธิชาตเห็นอธิชาตนอนล้มลงไปกับพื้นที่หลังมีบาดแผลจากการถูกยิง แก้วกัลยาหันกลับไปมองที่บ้านหลังข้าง ๆ ที่ปิดไฟเงียบไม่มีใครแต่ม่านที่ไหวขยับนั่นทำให้มันผิดสังเกต

“แสบนักนะ จับนังนั่น”

“ไหวไหว นี่ นี่ จะมาตายไม่ได้นะ เราจะรอดอยู่แล้ว ตื่นก่อน ถ้านายตายใครจะมาเป้นพยานให้แบร์ล่ะ ...พยาน...แก้วกัลยาฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ ก่อนหน้าที่อธิชาติจะแยกไปช่วยรักจิราพูดเหมือนว่าตัวเองกำลังโดนตามเลยต้องมาพึ่งอำนาจของเสี่ยให้ช่วยเหลือ หรือว่าที่เธอเห็นเมื่อกี้ก็ไม่น่าผิดล่ะสิ

“ฉันไม่ยอมหรอก ทนหน่อยนะ ฉันจะรีบกลับมาช่วย” แก้วกัลยาลุกขึ้นจะวิ่งไป แต่ขาก็ชะงักเมื่อเจอนายชดยืนขวางหน้าไว้ แก้วกัลยาถอยหลังหนี

“หนีไม่ได้แล้ว ถ้าคิดว่าหนีแบบนังผู้หญิงมที่มากับเธออีก เธอโดนรุมโทรมแน่ ไอ้หมูจับนังนี่กลับไป ต้องรีบเคลียร์ก่อนตำรวจจะตามกลิ่นมา” ชดสั่ง

“เดี๋ยว...แล้วแบงค์ล่ะ”

“เอาศพมันไปโยนลงน้ำ มันกำลังโดนตามอยู่เดี๋ยวตำรวจก็จัดการเอง”

“แต่เขายังไม่ตายนะ” แก้วกัลยาเอ่ย

“มันไม่ใช่หน้าที่ของพวกฉัน จัดการ” แก้วกัลยาสะบักมือออกจัวิ่งกลับไปหาอธิชาติ นายชดหยิบปืนขึ้นและจ่อเข้าที่กลางหลังแก้วกัลยา และนั่นทำให้แก้วกัลยาไม่กล้าขยับต่อ

“ตำรวจมาครับพี่ชด พวกเราโดนจับได้แล้ว เสี่ยเองก็กำลังจะหนีออกนอกประเทศ ผมว่าเสี่ยไม่รอดแน่นอนครับตำรวจคงดักจับแล้ว ทำไงดีพี่” ลูกน้องคนหนึ่งวิ่งมา ชดทำหน้าหงุดหงิด

“ก็หนีสิวะจะอยู่ให้พ่อมึงมาจับหรือไง ไป”

“หยุดนะนี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกนายโดนล้อมไว้หมดแล้ว ยอมมอบตัวซะ” แก้วกัลยาร้องสวรรค์อยู่ในใจ

“ยอมให้โง่สิ” ชดเอ่ย และยิงกลับอย่างไม่ยอมจำนน

ปัง

“กรี๊ด!!!” แก้วกัลยาร้องเสียงดังอย่างตกใจพลางก้มเอาหลบ เอามือปิดหูไว้เมื่อชดยิงต่อสู้กับตัวรวจโดยมีเธอบังอยู่ข้างหน้า แก้วกัลยาจะวิ่งไปหลบ เพราะตนบังวิถีกระสุนตำรวจทำให้ตำรวจไม่กล้าที่จะยิงมาทางเธอ แต่ชดกลับไว้กว่าคว้าตัวเธอและใช้แขนข้างที่ไม่ถือปืนล็อคคอเธอไว้ และลากให้แก้วกัลยาตามมา ชดทิ้งให้ลูกน้องยิงสู้กับตำรวจอยู่เบื้องหน้าส่วนตนกำลังจะหนี โดยเอาตัวแก้วกัลยาไว้เป็นตัวประกัน

“โอ๊ย ปล่อยนะ”

“หุบปาก ถ้ายังไม่อยากตาย”

“เดี๋ยวแกก็ฆ่าฉันอยู่ดี ฉันรู้ มีโจรที่ไหนจะยอมปล่อยตัวประกัน หรือเอาตัวประกันไปเป็นภาระกัน ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย กรี๊ด!!!!” แก้วกัลยาร้องเสียงดังเพื่อให้ตำรวจที่กำลังตามมาได้ยิน แต่กลับกลายเป็นว่ามันเอามือออกจากคอเธอก่อนจะใช้ด้ามปืนตบหน้าเธอล้มลงไปนั่งกับพื้น

พลั่ก

“กรี๊ด!!! ไอ้บ้า ไอ้ชั่ว ไอ้เลว ฉันจะฆ่าแก แกตบฉัน ถ้าหน้าฉันเสียโฉมแกตายแน่ ไอ้ชั่ว” แก้วกัลยาพุ่งตัวเข้าไปบีบคอนายชด นายชดที่ไม่ทันตั้งตัวไม่คิดว่าแก้วกัลยาอยู่ ๆ ก็ของขึ้นมาซะเฉย ๆ

“แกตาย”

“อี...อีบ้า ตายไม่กลัว...กลัวเสียโฉม...หรือไงมึง” และมันก็พลักแก้วกัลยากระเด็นออกไปจนได้ แก้วกัลยาฟุบลงไปนอนอยู่กับพื้นตั้งท่าจะลุกขึ้นมา มันยกปืนขึ้นจ่อหน้าแก้วกัลยา

“อยากตายเร็วนักจะสงเคราะห์ให้” มันจ่อปืนมาที่หัวเธอ

พลั่ก

แก้วกัลยาก้มหัวหลบในทันที เพราะกลัวปืนที่มันถืออยู่จะลั่น ชดล้มลงเมื่อถูกบุคคลที่สามที่เข้ามาช่วยถือไม้ฟาดลงที่ต้นคอเข้าเต็ม ๆ ปืนในมือล่วงลงกับพื้น แก้วกัลยาหยิบปืนนั้นไว้และเล็งไปทางมันเหมือนระแวงว่ามันจะยังไม่สลบ เธอลองใช้เท้าเขี่ยไปที่ตัวมัน พร้อมลองเตะแรง ๆ ดูท่าทีว่ามันจะฟื้นไหม เมื่อเริ่มมั่นใจเธอก็หันไปมองคนที่มาช่วย

“คุณ...”

“ผมพอล เป็น...เพื่อนสายฟ้า เจ้านายน้องสาวคุณ” แก้วกัลยาพยักหน้า

“แล้วคุณ...”

“สายฟ้าตามคุณสองคนมา ตอนนี้สายฟ้าแยกไปช่วยรักน้องสาวคุณ สายฟ้าโทรมาบอกว่าพาคุณรักกลับไปแล้ว ส่วนคุณฝากให้ผมไปส่ง คุณไม่เป็นไรใช่ไหม” แก้วกัลยามองสภาพตัวเองหัวจรดเท้า

“ดูสภาพฉันคุณคิดว่าไงคะ” แก้วกัลยาถามแบบไม่จริงจังนัก

“ขอบคุณนะคะ แล้วตำรวจ”

“ผมโทรแจ้งป่านนี้พวกมันโดนจับผมหมดแล้ว ผู้กองติกำลังจะมา โชคดีงานนี้ได้ผู้กองติที่ประสานงานกับตำรวจทางนี้ ทำให้รู่ว่ามีตำรวจคอยช่วยเลหือ รับสินบนเลยไม่มีตำรวจรู้ว่าที่มีมีบ่อน ไปเถอะครับผมว่าคุณคงอยากกลับ” แก้วกัลยาพยักหน้า เพราะเธอเห็นตำรวจเดินมาทางเธอและรวบตัวนายชดที่สลบอยู่ขึ้น พอลเดินพาแก้วกัลยากลับไปหน้าวอยตำรวจกำลังเคลียร์พื้นที่ แก้วกัลยาหันไปเห็นอติพงษ์ที่ยินคุยกับตำรวจอีกคนที่น่าจะเป็นตำรวจในพื้นที่ เพื่อนของอติพงษ์

“ผมว่าคุณคงอยากคุยกับผู้กอง ผมจะไปเอารถมารับคุณ คุณรออยู่ที่นี่นะครับ” แก้วกัลยาพยักหน้า

“ผู้กองคะ” แก้วกัลยาเดินเข้าไปหา

“มีอะไรครับ”

“คือนายอธิชาติที่ถูกยิงเป็นยังไงบ้างคะ”

“ส่งโรงพยาบาลแล้วครับ ถึงมือหมอแล้วน่าจะปลอดภัย”

“ฉันมีเรื่องจะขอให้ผู้กองช่วยค่ะ” อติพงษ์พยักหน้า

“คือฉันอยากให้ผู้กองช่วยจัดตำรวจสักสองสามคนไปเฝ้าอธิชาติไว้ ฉัน...”

“คุณแก้ว” แก้วกัลยาหันไปมองเสียงที่คุ้นหูเธอมาก

“คุณเพชร...คุณมาได้ยังไงคะ แล้ว...”

“คุณสายฟ้าโทรมาบอกผมว่าคุณกับน้องสาวคุณก่อเรื่อง ไปกลับบ้านผมจะไปส่ง”

“คุณแก้วครับ เรากลับกันเลยไหมครับ” พอลเอ่ย แก้วกัลยาหันไปมองคนที่เดินเข้ามาตัดฉากของเธอกับเพทาย ยังไงเธอก็ต้องไปกับเพทายอยู่แล้ว แต่แก้วกัลยายังไม่ทันอ้าปากพูดกับเขา

“ผมจะไปส่งคุณแก้วเอง ขอบคุณที่เป็นห่วงคุณแก้วครับ ผมกับคุณแก้วต้องขอตัว” เพทายคว้าจับมือแก้วกัลยา แต่แก้วกัลยายื้อไว้ก่อนและหันไปมองอติพงษ์ที่ก็ยิ้มให้กับเธอ

“ฝากด้วยนะคะผู้กอง แล้วฉันจะโทรมานะคะ” เพทายดึงแก้วกัลยาไปในทันที เพทายเปิดประตูรถและดันแก้วกัลยาเข้าไปนั่งในรถ เขาไม่สบอารมณ์ตั้งแต่รู้ว่าแก้วกัลยามาเสี่ยงอันตราย แล้วอารมณ์เขายิ่งครุกรุ่นเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายที่ไหนไม่รู้ทำท่าเป็นห่วงเธอ แล้วยังตอนที่คุยกับอติพงษ์เหมือนนัดอะไรกัยเขายิ่งไม่ชอบ

“คุณเป็นอะไรคะคุณเพชร”

“จากนี้คุณห้ามยุ่งเรื่องพวกนี้อีก”

“ได้ยังไงล่ะคะ ฉันอยากช่วย”

“ช่วยแล้วคุณต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ผมชอบ ดูสภาพคุณสิคุณแก้ว แผลเต็มตัวไปหมด นี่มันตบคุณด้วยหรอ” เพทายเชยคางแก้วกัลยาขึ้น แก้วกัลยายิ้มและตอบ

“มันใช้ด้ามปืนต่างหาก”

“บัดซบ”

“ดีใจจังนะคะ” เพทายขมวดคิ้ว “ก็คุณห่วงฉัน แถมยังทำท่าเหมือน....หึงฉันด้วย” เพทายทำสีหน้าไม่ถูกเมื่อเริ่มถูกแก้วกัลยาจับผิด แถมจับถูกจุดด้วย

“ผมยอมรับผมห่วงคุณ เพราะคุณต้องเดือนร้อนเพราะผม แต่ผมเปล่าหึงคุณนะ” เขาตอบเสียงแข็งพยายามปรับโทนเสียงให้เป็นปกติที่สุด ใบหน้าของเขากำลังเปลี่ยนสี แก้วกัลยายิ้มกับผู้ชายที่อ่านง่าย ทั้งที่สร้างภาพอ่านยากแต่จริง ๆ เขามองง่ายมากในเรื่องพวกนี้

“หรอคะ แล้วทำไมคุณต้องทำเหมือนโกรธที่คุณพอลจะไปส่งฉัน”

“เอ่อ...คุณกับเขาพึ่งรู้จักกันไม่ใช่หรอ”

“คุณรู้ได้ยังไงคะ”

“คุณไม่เคยเล่าให้ผมฟัง แถมข่าวคุณก็ไม่เคยขึ้นกับเขา”

“แน่ะ แอบตามข่าวฉันด้วย”

“เอ่อ...ผมไม่เถียงคุณแล้ว มันเปล่าประโยชน์ ผมจะพาคุณแวะหาหมอ มือคุณทำไมมีแผลด้วยคุณแก้ว” เขาพูดและจอดรถลงหน้าโรงพยาบาล เขาจับมือแก้วกัลยาขึ้นมาดู

“โดนบาดนิดหน่อย ตอนแรกเจ็บมากแต่เห็นหน้าที่รักห่วงเค้า ความเจ็บหายเป็นปลิดทิ้ง”

“คุณชอบทำเป็นเล่นแบบนี้ไงผมถึงไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรไม่จริง ไปให้หมอตรวจแล้วทำแผลดีกว่าครับ คุณรออยู่ตรงนี้ผมจะไปเอาร่มที่หลังรถ ผนตกแล้ว” แก้วกัลยาพยักหน้าและรอให้เขามาเปิดประตูรถมารับเธอ แก้วกัลยาถือโอกาสคล้องแขนเขาไว้
“ร่มมันเล็ก ถ้าไม่ใกล้กันก็เปียกฝนสิคะ ที่รักจะให้เค้าเปียกฝนหรอ” เพทายไม่เถียงอีก

“คุณรู้ไหม ฉันฝันมาทั้งชีวิตเลยนะว่าจะได้เดินใต้ร่มเดียวกันกับใครสักคนที่รักฉันตอนฝนตก และก็มีวันนี้ โรแมนติกชะมัดคุณว่าไหม” แก้วกัลยายิ้มอย่างอิ่มใจ

“คุณพูดผิดนะ คุณอยากเดินใต้ร่มกับคนที่รัก แต่ผมยังไม่ได้รักคุณ”

“คนปากแข็ง ชิ” แก้วกัลยาเอ่ยอย่างหมั้นไส้ สักวันเธอจะทำให้เขายอมรับ วันนี้เขาอาจจะไม่ได้รักเธอมากที่สุด อาจแค่เริ่มรัก แต่วันหนึ่งเธอจะทำให้เขารักเธอที่สุด รักแค่เธอคนเดียวเท่านั้น





รักจิรามองออกไปนอกหน้าต่างฟ้ามืดแล้ว แถมอยู่ ๆ ฝนก็ตกลงมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย รักจิรานั่งรออัสนีอยู่ในรถ อยุ่ ๆ รถเธอน้ำมันก็หมด เธอพลาดที่ไม่ได้เช็คเครื่องเช็ครถก่อนออกมา ทำให้อัสนีต้องเดินไปซื้อน้ำมันที่อยู่ไม่ไกลมากกลับมา ฝนที่ตกเทกระหน่ำลงมาเรื่อย ๆ พาลให้เธอนึกถึงเรื่องเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนก่อนที่รถจะดับ เธอกับอันสีทะเลาะกันอีกเช่นเคย ครั้วนี้เขาโกรธมากตอนไปซื้อน้ำมันถึงปล่อยให้เธอนั่งรออยู่ที่นี่

‘นายไม่ต้องทำมามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นนะ ฉันไม่ได้ก่อเรื่อง แต่ฉันกำลังทำสิ่งที่ควรทำต่างหาก พวกนั้นเปิดบ่อนไม่เกรงใจบ้านเมือง เป็นบ่อนผิดกฎหมาย แถมตำรวรยังช่วยเหลือ ฉันทำตามคุณธรรมประจำใจที่ฉันมีนะ’

‘เธอไม่คิดบ้างหรือไงว่ามันอันตรายแค่ไหน แค่เธอเข้าไปข้างในมันก็อันตรายพอแล้ว ถ้าฉันมาไม่ทันเธอรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันรู้คนอย่างเธอไม่ใช่คนโง่ แต่ถ้าตอนนั้นฉันไม่พลักกระถางต้นไม้หล่นลงมาเธอจะรอดไหมรักจิรา’ รักจิราทำสีหน้าเหมือนตกใจกับสิ่งที่พึ่งรู้ แสดงว่ากระถางต้นไม้ที่ตกไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

‘ฉะ...ฉัน...ก็ได้นายเก่ง ฉันขอบคุณ แต่ถึงยังไง ถ้าเกิดย้อนเวลากลับไปได้ไม่มีนายมาช่วย ฉันก็ยังจะเลือกทำอย่างเดิม ฉันทนไม่ได้ที่เห็นอะไรที่ผิดกฎหมาย”

‘เลือดตำรวจของพ่อเธอมันคงแรงมาก ถ้าอยากเรียกร้องความยุติธรรม อยากเป็นผู้ผดุงคุณธรรมทำไมไม่ไปเป็นตำรวจรักจิรา’

‘นายไม่ต้องลามปามไปถึงพ่อของฉันหรอกสายฟ้า ฉันมั่นใจว่าต่อให้ไม่มีนายฉันก็ดูแลตัวเองได้”

‘หึ ดูแลตัวเองได้ เธอรู้ไหมว่ามีรถคันหนงขับตามรถเธอไป’ รักจิรานิ่ง

‘ที่ฉันคลาดกับเธอก็เพราะช่วยสกัดรถคันนั้นไว้ ฉันไม่รู้หรอกนะว่ารถคันนั้นเป็นพวกไหน บางทีอาจเป้นพวกเดียวกับที่ฆ่าอุมาพร เธออยากตายนักใช่ไหมรักจิรา’

‘ถ้าฉันจะตายมันก็เรื่องของฉัน นี่มันชีวิตฉันฉันดูแลเองได้ นายจะเจ้ากี้เจ้าการชีวิตฉันไปถึงเมื่อไหร่ ถ้านายลืมจะย้ำให้ขัด ฉันกับนายเราเลิกกันไปนายแล้ว ไม่มีความผูกพันไม่มีเยื่อใยอะไรอีกแล้ว ฉันจะบอกอะไรให้ฉันอึดอัดกับความเจ้ากี้เจ้าการของนาย ตั้งแต่ตอนนั้นตอนที่นายคบกับฉัน มันน่าอึดอัด ฉันเกลียดการตีกรอบ นายก็ตีกรอบกันฉันทุกอย่าง มันน่าเบื่อ จนวันนี้ฉันกับนายก็แค่คนรู้จักกัน นายจะมายุ่งอะไรกับชีวิตของฉันนักหนา เลิกเสแสร้งแบบนี้สักทีเถอะสายฟ้า เอาเวลาไปห่วงคนของนายจะดีกว่า อย่ามายุ่งกับชีวิตของฉันเกินไปกว่าแค่คนรู้จัก’ เพราะโกรธที่เขาทำเหมือนยังห่วงยังรัก บวกกับทนไม่ได้กับการที่ใครสักคนต่อว่านาน ๆ ทำให้พลั้งปากพูดออกไป ทั้งที่ใจของเธอก็ไม่ได้คิดไปตามที่พูดสักนิด เธอหยุดหอบหายใจและมองหน้าเขา ซึ่งเขาก็กำลังมองเธอด้วยสายตาผิดหวัง

‘ก็ดี ถ้าเธอมองความหวังดีของฉันเป็นเรื่องน่าเบื่อก็ดี ฉันจะไม่สนอีก เธอจะเป็นจะตายยังไง ฉันก็จะไม่ยุ่ง ไม่ใช่แค่เธอที่เบื่อหรอก ฉันก็เบื่อที่ต้องมาดูแลผู้หญิงที่ไม่รู้คุณค่าชีวิตอย่างเธอ เบื่อที่ต้องมานั่งเจ้ากี้เจ้าการคนที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย หึ...คนรู้จัก ก็ดี พอกันทีกับเธอรักจิรา’ เธอรู้ว่าเขาเองก็หวังดี ห่วงเธอ แต่เขาทำแบบนี้ทั้งที่เขาก็มีคนที่เขารักอยู่แล้วได้ยังไงกัน เธอไม่อยากหวั่นไหวไปกับความรู้สึกเดิม ๆ อีก เรื่องของเธอกับเขามันจบกันไปนานแล้ว วันนี้เขาก็มีคนของเขา เธอไม่อยากเสียใจอีกหรอกนะ


ก๊อก ก๊อก ก๊อก
รักจิราสะดุ้งตื่นจากภวังค์หันไปมองคนที่เคาะกระจกรถ รักจิรากดปุ่มปลดล็อคและเปิดประตูให้อัสนีเข้ามา เขาอยู่ในสภาพเปียกปอนไปทั้งตัวคงเพราะวิ่งฝ่าฝนมา ฝนที่ตอนแรกตกปลอย ๆ เริ่มตกหนักขึ้น หลังจากจบคำพูดสุดท้ายของเขาและรถดับลงข้างทางเขาพูดกับเธอเพียงจะไปซื้อน้ำมัน

“เอ่อ...ไม่ได้น้ำมันมาหรอ”

“พอลจะมารับเรา” เขาตอบสั้น ๆ เหมือนไม่ต้องการจะเสวนากับเธอ และดังคำเขา เมื่อมีรถมาจอดขนาบข้างรถของเธอ คนที่เปิดประตูรถและกางร่มลงมาคือพอล

“ไปเถอะ” รักจิราเปิดประตูเดินตามเขาขึ้นไปที่รถ รักจิราเลือกนั่งเบาะหลัง ตามจริงเธอไม่ได้เลือกหรอก ก็อัสนีเดินขึ้นไปนั่งคู่กับแฟนเขาหน้ารถแล้ว รถขับออกไปตลอดทางมีเสียงสนทนาของพอลที่คอบถามไถ่อัสนี รักจิราแกล้งทำเป็นหลับไปเพื่อจะได้ไม่เป็นก้างของคู่รัก

“คุณรัก” รักจิราสะดุ้งหันไปมองพอล

“ถึงแล้วครับ รถผมมีร่มคันเดียว ผมไปส่งคุณก่อนที่คอนโดนะครับ”

“เอ่อ...ไปส่งสายฟ้าก่อนก็ได้ค่ะ” พอลพยักหน้าและมองอัสนี อัสนีเปิดประตูออกจากรถ รักจิรามองผู้ชายสองคนที่เดินไปด้วยกัน แววตาบ่งบอกว่าเจ็บปวดใจมาก รักจิราทนนั่งต่อไปไม่ได้จึงเปิดประตูเดินตากฝนไปที่คอนโดเอง แต่ขาเจ้ากลับกับอ่อนแรงอย่างที่ไม่เคยเป้นมาก่อน รักจิราล้มนั่งลงและไม่ลุกต่อ เธอนั่งก้มหน้าปล่อยให้สายฝาตกลงมาเปียกแฉะร่างกาย ทำไมเธอต้องกลับมารู้สึกแบบนี้อีกด้วยนะ เธอควรจะทำยังไงดี ยิ่งปฏิเสธมันก็ยิ่งชัดขึ้น ว่าเขาไม่เคยหายไปจากหัวใจเธอเลยสักวินาที ทำไมเขาถึงไม่หายไปพร้อมกับเจ็ดปี ทำไมต้องวนเวียนอยู่ในความคิด ทำไมเธอต้องกลับมาเจอเขา ย้ำเตือนความเจ็บปวดเมื่อเจ็ดปีก่อน และย้ำเตือนความเจ็บปวดในปัจจุบันที่เขาไม่มีวันเป็นคน ๆ นั้นของเธอได้อีก น้ำตาไม่มีไหลออกมา แต่ใจของเธอกลับเจ็บปวด ขณะที่จิตกำลังจมอยู่กับความรู้สึกที่เจ็บปวดฝนที่เทลงมาก็ไม่ได้หยุดลงแต่สายฝากับไม่ได้กระทบร่างของเธออีกแล้ว รักจิรามองเท้าคู่หนึ่งที่หยุดลงตรงหน้า เธอเงยหน้าขึ้น เป็นเขาอีกตามเคย เขาไม่โกรธบ้างหรอืไงกับสิ่งที่เธอพูดต่อว่าเขาไป

“จะนั่งอยู่อย่างนี้อีกนานไหม ทำไมเธอถึงไม่ชอบดูแลตัวเองรักจิรา”

“นาย...”

“คุณแก้วก็บาดเจ็บถ้าเธอป่วยใครจะมาดูแลเธอ ฉันไม่มีเวลามาดูแลหรอกนะ ลุกได้แล้ว” เมื่อเธอนั่งนิ่งเขากับพับเก็บร่ม และส่งร่มให้เธอถือ โน้มตัวลงมาอุ้มเธอขึ้น

“ทำบ้าอะไรของนายน่ะ” อารมณ์เศร้ากระเจิดกระเจิงไปในทันที

“เธอไม่เข้ากับเอ็มวีผู้หญิงกลางสายฝาหรอกนะ เพราะเธอมันเป็นผู้หญิงที่กลัวฝน ที่ทำไม่ใช่ห่วง อย่าคิดเพ้อเจ้อแบบบนรถอีก สัจธรรมต่างหาก บวกกับฉันไม่อยากมานั่งดูแลเธอตอนป่วย แล้วก็เลิกดิ้นด้วย” รักจิราอยากจะดิ้นต่อ แต่เขากลับอุ้มและรัดเธอแน่นขึ้น เธอต้องหยุดตัวเองลง ความรู้สึกเก่า ๆ ย้อนกลับเข้ามา เขาเคยอุ้มเธอแบบนี้ ตอนนั้นเธอมีเรื่องกับพวกเด็กช่าง เธอพลาดโดนพวกมันต่อย แถมข้อเท้าก็แพลง และเขาก็ปรากฏตัวขึ้น อุ้มเธอกลับออกมาพร้อมกับสายฟ้าที่โปรยปราย หวั่นไหวตั้งแต่วินาทีนั้น ความรู้สึกนั้นยังตรึงหัวใจเธอไว้ จนวันนี้เธอถึงไม่เคยลืมเขา อัสนีพาเธอเดินกลับเข้ามาที่คอนโด พอลยืนรออยู่ก็กดลิฟต์ให้ทั้งสองเข้าไป พร้อมไปส่งที่ห้อง

“ฉันกลับก่อนนะ แล้วจะโทรมา ผมไปนะ คุณรัก” แล้วพอลก็เดินไป ดวงตาเขาเศร้า รักจิราเดาว่าคงเพราะเห็นเธอกับอัสนีแน่ ๆ เขาทำอะไรไม่นึกถึงจิตใจของพอลเลยหรือไงนะ

“วางฉันลงได้แล้ว” เขาทำตามที่บอกแต่เดินไปวางเธอลงที่โซฟา พร้อมสั่ง

“ไปอาบน้ำเถอะ ฉันจะไปทำโจ๊กให้กิน แล้วกินยากันไว้ พรุ่งวนี้ถ้าเธอไม่สบายขึ้นมา...ฉันจะไม่มีมือเท้าช่วยงาน ไปสินั่งอยู่ทำไมกัน” รักจิราทำตามที่บอก พอกลับออกมาก็มีโจ๊กวางอยู่ มันไม่ใช่โจ๊ะสำเร็จรูปอย่างที่คิด เขาน่าจะทำเองอย่างปากพูด เธอนั่งกินเงียบ ๆ เขาก็ไม่ได้พูดกับเธอ

“สายฟ้า...”

“กินยาแล้วทำแผลซะ ฉันวางยาไว้ที่โต๊ะ” เขาทำท่าจะลุกไป

“ฉันขอโทษเรื่องวันนี้ ฉันรู้ฉันผิดที่ไม่เชื่อฟังนาย แต่ฉันไม่เสียใจที่ทำหรอกนะ”

“ฉันรู้ เธอไม่เคยเสียใจกับการกระทำตัวเอง ถ้าเธอคิดว่ามันถูก” เขาก็ยังคงเป็นคนที่รู้จักเธอดีที่สุด

“แต่ฉันขอโทษที่ไม่เชื่อนาย ออกไปไหนมาไหนโดนพลการไม่บอกนาย ฉันขอโทษที่พูดทำลายความหวังดีของนาย ฉันรู้นายโกรธฉัน” รักจิรานั่งก้มหน้า เธอไม่ใช่แก้วกัลยาที่ผิดแล้วไม่รู้ตัว เธอไม่อยากให้แก้วกัลยากลับมาย้อนเธอได้ว่าผิดแล้วไม่รู้จักขอโทษ ทั้งที่อัสนีหวังดีกับเธอถึงเตือน เธอผิดที่ใจร้อน อัสนีเดินมาหยุดตรงหน้ารักจิราก่อนจะ

โป๊ก!!!

“โอ๊ย!!! ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย”

“แจกมะเหงกให้กินไง เคาะขี้เลื่อยออกมา จำไว้ ฉันไม่เอาคำพูดของผู้หญิงอย่างเธอมาคิดหรอก คำพูดของเธอเก็บมาคิดให้รกสมอง ฉันถือคำว่าอย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา และเอจัดรวมในประเภทคนบ้า” เขาพูดจบก็เดินกลับเข้าห้องของตัวเองอย่างเร็วเพราะเดาออกว่ารักจิราจะ

“ไอ้สายฟ้า!!!!”


....ติดตามตอนต่อไป....


จบไปอีกตอน เสียใจตอนนี้นางไม่ได้ใส่ปราด้าไว้ปาหัวโจร 5555
แต่นางก็บ้ามาได้อีกเหมือนกัน โหมดของนางมาได้ครบรสมาก 555
ส่วนน้องเล็กอย่างรักจิรา คู่นี้ก็ปากแข็งกันไปเรื่อย หมั้นไส้จริงวุ้ย

ไม่สามารถมาลงตอนได้ทุกวัน ไรเตอร์ติดเรียน ติดสอบด้วย เลยมาลงได้แค่วันเสาร์ที่กลับบ้าน
ยังไงพบกันตอนหน้านะคะ




พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ต.ค. 2557, 12:21:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ต.ค. 2557, 12:21:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1352





<< 31 ตามรักตามล่า 1   33 เบาะแสจากอัมพวา 1 >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 11 ต.ค. 2557, 17:58:52 น.
นังไงก็รอ ยังไงก็รักก ยังไงก็ลุ้นนนค่าา


แว่นใส 12 ต.ค. 2557, 00:22:18 น.
น่าจับตีจริง ๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account