แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ

คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”

คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”

คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”

และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”

Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา

ตอน: 33 เบาะแสจากอัมพวา 1


33
เบาะแสจากอัมพวา (1)


วันวิวาห์ตื่นแต่เช้า เพื่อออกไปใส่บาตรและจะแวะไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล เมื่อคืนเธอแทบจะข่มตานอนไม่หลับ ในหัวคิดวกวนแต่เรื่องของพ่อ คีตภัทรกำลังรอให้ผู้จัดการส่วนตัวส่งข้อมูลของเขามา ถ้าโชคดีเธออาจจะได้เจอเขาเร็ว ๆ นี้ ไม่สิแม่เธออาจจะได้เจอเขา วันวิวาห์คิดและเดินเหม่อลอยลงมาจากห้อง แต่เสียงของใครบาคนก็เรียกสติเธอขึ้นมาเสียก่อน

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณวัน” วันวิวาห์ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจที่ใบหน้าหรือแววตาออกมาให้เห็น เขายังคงยิ้มสว่างไสวเช่นทุกเช้า ในมือของเขาถือดอกทานตะวันที่ตัดมาจากแปลงดอกทานตะวันหลังบ้าน เขาช่างเหมือนดอกทานตะวันที่สดใส อบอุ่น กล้าหาญ ยืนหยัดรับในทุกสถานการณ์อย่างไม่หวั่นเกรง

“ทำไมวันนี้คุณตื่นเร็วจังคะ”

“วันนี้วันพระคุณวันจะไปใส่บาตรทุกวันพระ ป้า.....บอกผมมาครับ และผมมีข่าวเรื่องพ่อคุณมาบอกคุณด้วย ผมว่าเราไปตักบาตรกันก่อน วันนี้ป้า....ไม่อยู่ คุณวันจะได้ไม่ต้องออกไปซื้ออาหารในตลาดใส่บาตรผมเลยเตรียมสำรับอาหารสำหรับใส่บาตรไว้แล้ว ไปเถอะครับ เสร็จแล้วเราจะได้ไปเยี่ยมคุณป้า ผมขออนุญาตตัดดอกทานตะวันไปเยี่ยมคุณป้านะครับ คุณป้าชอบดอกทานตะวัน เวลาท่านตื่นขึ้นมาแล้วเห็นมันจะได้สดชื่นแจ่มใส”

“ค่ะ”

“คุณวันถือของเบา ๆ ไปนะครับ ผมจัดโต๊ะไว้หน้าบ้านแล้ว” วันวิวาห์พยักหน้าและถือโถใส่ข้าวออกไปหน้าบ้าน เธอหันหลังกลับไปมองคีตภัทร เขาเป็นซุปเปอร์สตาร์ ใครจะคิดว่าซุปเปอร์สตาร์คนดังอย่างคีตภัทรจะมาอยู่ที่บ้านเธอ แถมยังทำทุกอย่างเหมือนกับเชาก็แค่คนทั่วไปไม่ใช่นักร้องเบอร์ต้น ๆ ของประเทศไทย

“คุณรู้ข่าวคุณแก้ว กับคุณรักหรือยังครับ” เขาถามหลังจากตักบาตรเสร็จและเก็บข้าวของเข้าบ้าน

“ค่ะ”

“ไม่น่าเชื่อนะครับว่าคุณแก้วเธอจะระห่ำขนาดนั้ทำเพื่อพี่เพชรขนาดลงทุนยอมเจ็บตัว”

“แก้วเป็นคนจริง ๆ กับทุกสิ่ง ถ้าจดจ่อกั้บอะไรคงจะไม่มีทางละสายตาง่าย ๆ เห็นช่างตื้อแบบนี้ แต่ถ้าความอดทนหมดเมื่อไหร่ ฉันไม่อยากคิดถคงสภาพคุณเพชรเลย” วันวิวาห์เอ่ย และวางโถข้าวลงที่ซิงค์ล้างจาน

“เธอร้ายขนาดนั้นเลยหรอครับ” คีตภัทรถาม

“ก็อย่างที่เห็น ถ้าดีก็ดีใจหาย แต่ถ้าร้ายก็ร้ายสุด ๆ โชคดีที่คุณไม่เคยเห็นโมเม้นนี้ของแก้ว” วันวิวาห์ล้างโถข้าว เก็บกลับเข้าที่ คีตภัทรมองมุมที่ดูสบายขึ้นของวันวิวาห์

“คุณมองอะไรคะ”

“เปล่าครับ ผมไม่เคยเห็นคุณวันยอมคุยเรื่องสัพเพเหระกับผมด้วยลุคสบาย ๆ แบบนี้” วันวิวาห์เพียงมองและเดินกลับไปที่ห้องถือกระเป๋าเดินลงมา วันวิวาห์เห็นคีตภัทรถือปิ่นโตออกมารอที่รถ ในมือถือกุญแจรถ

“ไปกันเลยไหมครับ” วันวิวาห์พยักหน้า คีตภัทรเปิดประตูให้วันวิวาห์เข้าไปนั่ง ระหว่างทางความเงียบที่กำลังก่อตัวขึ้น คีตภัทรก็เอ่ยขึ้นขัดความเงียบ บรรยากาศที่ชวนอึดอัดนั้นลง

“ข่าวพ่อคุณ ผมคิดว่าจะบอกคุณหลังจากเราไปเยี่ยมคุณป้า แต่ผมว่าเราคุยกันเลยกว่าดีไหมครับ” วันวิวาห์หันไปมองหน้าคีตภัทร สัมผัสได้ถึงความรู้สึกไม่ค่อนดีนัก เธอพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงให้พูด

“ผมลองให้คนตามประวัติของเขาให้ พ่อของคุณชื่อเอกรินทร์ วรโชติ ตามที่เราได้รู้ นักร้องชื่อดังรุ่นแรก ๆ ของค่ายวีนัส เป็นรุ่นก่อตั้งบุกเบิก รวมถึงยังเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งค่ายเพลงวีนัสด้วย”

“ผู้ถือหุ้น”

“ครับ แต่เมื่อสักประมาณยี่สิบกว่าปีก่อน เขาก็ประกาศลาวงการบนเวทีคอนเสิร์ตก่อนจะเดินทางไปต่างประเทศตามข้อมูลที่ผมได้มา ข่าวบอกไว้ประมาณนี้ครับ” วันวิวาห์ที่หน้าตานิ่งอยู่แล้วกับนิ่งมากขึ้น จนเขามองไม่ออกว่าวันวิวาห์กำลังรู้สึกอย่างไร เฉย โกรธ หรือเสียใจ

“เขาหนีไปต่างประเทศ เขาตั้งใจทิ้งแม่ฉัน”

“ผมไม่รู้ บางทีอาจเป็นแค่ข่าวลวงก็ได้ครับ เพราะยังไม่มีใครยืนยันได้ว่าพ่อคุณไปต่างประเทศจริงไหม”

“แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนคะ” วันวิวาห์ถามกลับ

“ผมไม่รู้ ไม่มีใครรู้ ข่าวเขาค่อย ๆ หายไป หุ้นในส่วนของคุณเอกรินทร์ก็ยกให้น้องชายทั้งหมด”

“เขามีน้องชาย เราไป...”

“แต่น้องชายของเขาไม่ได้อยู่ที่นี่สิครับ และเราคงจะไม่ได้เจอเขาเร็ว ๆ นี้” วันวิวาห์

“ทำไมคะ”

“ก็หุ้นบริษัท ทรัพย์สินที่ได้จากคุณเอกรินทร์ คุณเอกพงษ์ขายทิ้ง และยกเงินทั้งหมดให้เป็นของการกุศล ไม่รับอะไรทั้งสิน”
“ฉันอยากพบเขา เขาอาจจะรู้ว่า...คุณเอกรินทร์เขาอยู่ที่ไหน” วันวิวาห์ไม่ยอมเอ่ยเรียกสรรพนามของเอกรินทร์ว่าพ่อ อคติเกิดขึ้นในใจ เธอกำลังกลัว กลัวว่าเขาจะทิ้งแม่เธอไปจริง ๆ

“เขาไปอินเดียครับ และตอนนี้คุณเอกภพท่านบวชเป็นพระ และออกธุดงส์ไปอินเดียได้เดือนกว่าแล้ว ข้อมู,ที่ผมได้มาท่านคงไปศึกษาพระธรรม ซึ่งจะกลับเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ คนที่รู้จักพระน้อยมาก เลยไม่มีทางที่เราจะติดต่อได้ยอกจากท่านจะกลับมาเอง” วันวิวาห์นิ่งไปเหมือนพยายามคิด

“แล้วเราจะตามหาเขายังไงคะ ในเมื่อเราไม่มีจุดมุ่งหมายอะไรแน่นอนเลย เขาอยู่ต่างประเทศ ประเทศไหน จะติดต่อเขาได้ยังไงเราก็ไม่รู้ หรือไม่บางทีเขาอาจจะมีครอบครัวอยู่ที่ต่างประเทศจนไม่อยากกลับมาแล้ว”

“อย่าพึ่งตัดสินใจไปสิครับ ยังเหลืออีกวิธีหนึ่งครับ”

“อะไรคะ”

“นักร้องรุ่นเดียวกับคุณเอกรินทร์ และเป็นเพื่อนคุณเอกรินทร์มีอยู่คนหนึ่งครับ บางทีเราลองไปหาเขาอาจจะได้อะไรมาบ้างก็ได้นะครับ”

“เราจะไปพบเขาได้ที่ไหนครับ”

“อัมพวาครับ”

“อัมพวา...เราจะไปได้เร็วที่สุดเมื่อไหร่คะ ฉันกลัวมีเวลาไม่มาก”

“คุณพร้อมเมื่อไหร่เราไปได้เลยครับ ผมมีที่อยู่ของเขา ถึงโรงพยาบาลแล้วครับ” วันวิวาห์จึงหยุดบทสนทนาลง เปิดประตูลงจากรถ เธอช่วยหยิบช่อดอกทานตะวันที่เขาตัดและจัดเองมาถือไว้ และเดินนำไปห้องพักของแม่เธอ ป้าจิตรกำลังนั่งคุยอยู่กับแม่ที่ตอนนี้ฟื้นได้สติแล้ว

“แม่คะ”

“วัน...” วันวิภาหันมองหน้าลูกและยิ้มให้อย่างอ่อนโยน คีตภัทรยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองเขาเดินถือปิ่นโตมาวางลงที่โต๊ะ

“ผมทำอาหารมายี่ยมคุณป้า แล้วก็ฝากป้าจิตรด้วยนะครับ แล้วก็ นี่ครับดอกไม้สำหรับคนป่วย” วันวิภายิ้มเมื่อคีตภัทรบื่นช่อดอกทานตะวันสามดอกนั้นให้ วันวิภารับมาด้วยรอยยิ้มที่สดใสขึ้นกว่าเดิม

“ขอบใจนะคีตะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมบอกแล้วว่าถ้าคุณป้าเห็นดอกไม้จะต้องยิ้ม” เขาเอ่ยและมองวันวิวาห์ที่ไม่ได้แสดงสีหน้าใด ๆ มากไปกว่าพยักหน้า วันวิวาห์เดินเขาไปหยุดอยู่ข้างเตียง คว้าจับมือแม่ไว้ วันวิภาหันกลับมามองวันวิวาห์ลูกสาวสุดรัก

“แม่ไม่เป็นอะไรแล้ววัน”

“ค่ะ แม่ต้องพักผ่อนมาก ๆ นะคะ”

“แม่อยากกลับบ้าน” วันวิวาห์มองใบหน้าของแม่ที่กำลังมองเธอ ดวงตาฉายแววความต้องการออกมา ปม่ไม่เคยออกห่างจากบ้านเกินสามวันเลยสักครั้ง ไม่น่าเชื่อตื่นมาถึงก็จะร้องกลับบ้านแบบนี้

“แต่ลุงหมอบอกว่าแม่ต้องรักษาตัวนะคะ”

“อยู่บ้านก็รักษาได้ วัน...แม่รู้ตัวแม่ดีนะ ว่าแม่อาการหนักแค่ไหน จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน แม่รู้ ถ้าแม่จะต้องตาย แม่อยากจะกลับไปตายที่บ้าน”

“แม่...” วันวิวาห์เอ่ยเสียงอ่อนเมื่อได้ยินคำพูดของแม่

“แม่ต้องเข้มแข็งนะ แม่บอกว่าแม่รอเขาอยู่ ดังนั้นจนกว่าจะเจอเขาแม่ต้องห้ามเป็นอะไร ถ้าแม่เป็นอะไรไปแล้ววันจะอยู่ยังไง แม่ต้องเข้มแข็งนะคะ รอเจอเขา”

“แม่ไม่รู้ว่าแม่จะรอเขาได้อีกนานเท่าไหร่ วัน...สัญญากับแม่ถ้าแม่เป็นอะไรไปจริง ๆ วันจะต้องอยู่ให้ได้ ชีวิตวันไม่ได้มีแค่แม่ แต่วันยังมีแก้ว ขวัญ รัก มีอากง อาม่า วันต้องดูแลพวกเขาให้ดี มีชีวิตต่ออย่างมีความสุขแทนแม่ ชีวิตที่เหลือของวันจงใช้มันแทนแม่ แม่สูญเสียช่วงเวลาที่ควรจะมีความสุขไปหมด วันต้อง...”

“แม่เหนื่อยแล้ว พักนะคะ”

“สัญญากับแม่สิวัน”

“ก็ได้ค่ะ แต่แม่ต้องพักผ่อน หน้าแม่ซีดแล้วนะคะ”

“แม่อยากกลับบ้าน วันให้แม่กลับบ้านะวัน”

“ก็ได้ค่ะ แต่ต้องเป็นพรุ่งนี้หลังจากลุงหมอมาตรวจแม่แล้ว นะคะ”

“ก็ได้ สัญญาแล้วนะ”

“ค่ะ” วันวิภายอมหลับตาลง วันวิวาห์มองดูจนมั่นใจว่าแม่หลับสนิทไปแล้ว จึงหันไปพูดกับป้าจิตร

“ป้าจิตรคะ วันฝากแม่ด้วย วันนี้วันจะไปธุระ ไม่มั่นใจว่าจะกลับมากี่โมง แต่พรุ่งนี้สาย ๆ วันจะให้คนของอากงเอารถมารับแม่ถ้าวันกลับมาไม่ทัน”

“ค่ะ คุณหนูวันจะไปไหนคะ”

“ไปทำงานนิดหน่อยค่ะ ถ้าไม่ติดอะไรมากคงกลับวันนี้เย็น ๆ แต่ถ้าไม่เสร็จจริง ๆ คงพรุ่งนี้เช้า ๆ”

“ค่ะ ไม่ต้องห่วงทางนี้นะคะ ป้าจะดูแลคุณวันเอง คุณหนูวันไปทำงานเถอะค่ะ” วันวิวาห์หันไปมองคีตภัทรเป็นเชิงส่งสัญญาณและเดินนำออกไป คีตภัทรมองป้าจิตรยกมือไหว้

“ผมไปก่อนนะครับ”

“ป้าฝากคุณวันด้วยนะคะ แล้วก็ไปมาปลอดภัยนะคะ” คีตภัทรยิ้มและเดินตามวันวิวาห์ออกไป เขาก้าวตามไปไม่นานก็ตามถึงตัววันวิวาห์ที่เดินหน้านิ่งเหมือนทุกครั้ง

“เราจะไปไหนกันคะ”

“ไปอัมพวา”

“วันนี้หรอครับ”

“ใช่วันนี้ ฉันไม่รู้ว่าแม่จะรอได้อีกนานไหม ฉันไม่อยากให้แม่ต้องจากไปทั้งที่ยังรอ ฉันต้องตามมาเขา ตามเขามาเจอแม่ครั้งสุดท้าย ฉันเป็นหมอฉันดูออกว่าแม่อาการหนักแค่ไหน”

“ครับ ไปก็ไป”

“ถ้าคุณไม่สะดวกคุณจะรอที่นี่ก็ได้นะคะ ตอนนี้คุณเองก็กำลังโดนคนร้ายตามอยู่เกิดไปเจอคนร้ายจะแย่เอา”

“ได้ยังไงครับ ป้าจิตรฝากคุณวันไว้กับผม และผมสัญญาแล้วว่าจะช่วย ผมไม่ทิ้งคุณวันหรอก” วันวิวาห์มองไปที่ดวงตาของเขาอย่างค้นหา ดวงตาของเขายิ้มตามใบหน้าและปาก ไม่มีร่องรอยของความไม่แน่ใจ

“ถ้าเกิดคุณเป็นอะไรขึ้นมาฉันจะไม่แย่ ไม่โดนแฟนคลับเป็นพัน ๆ คนของคุณฆ่าใช่ไหม”

“ไม่มีใครฆ่าคุณวันหรอกครับ ถ้าผมเป็นอะไรจริง ๆ แค่คุณวันช่วยมาดูแลผมก็พอ”

“ไม่ตลก” แล้ววันวิวาห์ก็เดินผ่านหน้าเขาไปอย่างไม่รับมุก เขาต้องเดินตามวันวิวาห์ไปอีกครั้ง เขาไม่เข้าใจรอยยิ้มเล็ก ๆ เธอจะเผยมันออกมาให้เขาเห็นบ้างไม่ได้เลยหรือไง สมชื่อดอกไม้น้ำแข็ง ขนาดมุกเธอยังไม่รู้เลยว่าเขากำลังเล่น นอกจากแม่ ครอบครัวเขาก็ไม่เคยเห็นเธอยิ้มจริง ๆ สักครั้ง รอยยิ้มที่ยิ้มอย่างสุขใจเธอไม่เคยยิ้มให้ใครอื่นนอกจากครอบครัว นอกนั้นเขาก็จะเห็นเธอทำหน้านิ่ง เขาอยากรู้ อยากเข้าใจว่าภายใต้ใบหน้านิ่งงันของเธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ และมีครั้งเดียวที่เขาเคยเกือบจะเข้าถึงจิตใจเธอได้ นัวนที่เธอร้องไห้วันนั้น เธอก็แค่ผู้หญิงธรรมดาแต่ไม่สามารถปล่อยเสียงร้อง เสียงหัวเราะได้อย่างใจคิด เธอเก็บในไว้จนมันเริ่มหายไปอย่างช้า ๆ

“คุณวัน คุณจะกลับไปเอาของไหมครับ”

“ค่ะ” วันวิวาห์รับคำสั้น ๆ คีตภัทรขับรถพากลับมาที่บ้านเพื่อเก็บของ กันว่าถ้าหาไม่เจอและมันดึกมากก็คงค้องค้าง เขามีเพียงที่อยู่ แต่เบอร์ติดต่อนั้นเหมือนทางโน้นจะเปลี่ยนเบอร์ไปแล้ว

“คุณวันผมถามจริง ๆ เลยนะครับ สมมตินะครับ ถ้าพ่อคุณมีผู้หญิงอื่นมีครอบครัวใหม่คุณจะทำยังไง คุณจะบอกแม่คุณยังไง” คีตภัทรเอ่ยถามหลังจากขึ้นรถจากการเก็บของไปอัมพวา เพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบจนชวนง่วง คีตภัทรจึงเอ่ยถามคำถามในใจของเขาออกไป

“ฉันเตรียมใจไว้แล้ว แต่สำหรับแม่ ฉันจะพาเขากลับไปเจอแม่ ต่อให้ต้องโกหกแม่ฉันก็จะทำ อย่างน้อยเห็นหน้าเขาสักครั้งก็ยังดีกว่าต้องจากไปอย่างทุกข์ทรมาน ท่านทรมานกับการต้องรอมานานเกินไปแล้ว”

“คุณจะโกหกแม่คุณ”

“ถ้ามันจำเป็น บางครั้งการโกหกให้คนหนึ่งมึความสุขดีกว่าต้องให้เผชิญเรื่องจริงแล้วต้องเจ็บปวด”

“แต่สำหรับใครบางคนเขาต้องการความจริงนะคุณวัน แม่คุณไม่ได้ต้องการคำโกหกหรอกเชื่อผมเถอะ ที่รอทุกวันนี้เพื่อรอดูความสุขของพ่อคุณ อย่างน้อยถ้าคุณเอกรินทร์มีครอบครัวใหม่จริงแม่คุณก็ต้องการรู้ว่าเขาอยู่ดีมีสุข คงไม่คาดหวังว่าจะกลับไปอยู่ด้วยกันได้อีกแน่นอน เพราะความสุขทั้งหมดของคุณป้าตอนนี้คือคุณ ถ้าคุณสังเกตดี ๆ คุณจะเห็นทุกครั้งที่เห็นหน้าคุณแม่คุณจะยิ้มเสมอ เพราะคุณคือความสุขเพียงหนึ่งเดียวของท่านในเวลานี้และตลอดไป คุณคือของขวัญที่แม่คุณรักและหวงที่สุดนะคุณวัน”

“ฉันไม่เข้าใจเรื่องละเอียดอ่อนที่คุณพูดหรอกนะคุณคีตะ สิ่งที่ฉันอยากเห็นคือความสุขของแม่ ฉันอยากพัก ถึงแล้วปลุกฉันนะคะ” คีตภัทรไม่ทันได้อ้าปากพูดเพราะสาวเจ้าล้มตัวหันหน้าหนีไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้แอบดื้ออยู่ชัด ๆ



“คุณวัน ๆ ๆ” วันวิวาห์ลืมตาขึ้นหันไปมองคนที่ปลุกเธอให้ตื่น

“ถึงแล้วครับ” วันวิวาห์มองออกไปนอกรถ อัมพวา กลิ่นอายของความเป็นชนบทดั่งเดิมลอยเข้ามา วันวิวาห์เปิดประตูเดินลงจากรถ คีตภัทรแต่งตัวสวยหมวกสวมแว่น แต่งตัวคล้ายนักท่องเที่ยวทั่วไป

“เราจะเริ่มจากตรงไหนคะ”

“เราจะเริ่มจาก...ทานอาหาร”

“แต่ว่า...”

“กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เมื่อเช้าผมกับคุณยังไม่กินอะไรเลย นี่จะเที่ยวอยู่แล้ว ตอนนี้เราอยู่ตลาด ที่ ๆ เราจะไปหาเพื่อนของคุณเอกรินทร์คนนี้ก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มาก แวะทานอะไรแป๊บนึงไม่เสียเวลาหรอกนะครับ อีกอย่างคุณเป็นหมอถ้าป่วยเพราะโรคกระเพราะคนไข้หลายคนจะเอามาเป็นข้ออ้างเวลาไปตรวจได้นะครับ” เธออยากจะค้านเขา แต่เขามองเธอด้วยแววตาที่เธอไม่เข้าใจ แววตาที่ขอร้อง แววตานี่หรือเปล่าที่ทำให้แฟนคลับหลงใหลได้ปลื้มในตัวเขา บวกกับคำพูดของเขาที่ปฏิเสธไม่ลง เขาไม่ได้หินอะไรมากมาย แต่เพราะเธอยังไม่ได้กินอะไร เขาต้องการให้เธอไปทานอาการเสียมากกว่า

“ก็ได้” วันวิวาห์เดินนำหน้าไป

“เดินช้า ๆ สิครับ วันนี้วันธรรมดาไม่ใช่วันหยุดคนไม่เยอะ นาน ๆ จะมาอัมพวาทั้งที ค่อย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ ชมบรรยากาศกลิ่นอายบ้าน ๆ แบบนี้ดีกว่าไหมครับ”

“แต่เรามา...”

“ผมรู้ เชื่อผมสิว่าเราต้องได้เจอเพื่อนคุณเอกรินทร์แน่นอน คุณวันเข้าเวรแทบทุกวันไม่ได้มีเวลามาผ่อนคลายบ่อย ๆ ถือโอกาสพักผ่อนไปในตัวไงครับ คนเราควรมีช่วงเวลาพักผ่อนให้ชีวิตบ้าง”

“ที่หยุดอยู่นี่ไม่เรียกพักผ่อนหรือไงคะ” คำที่ตอบกลับมา ทำให้เขาอยากจะยิ้มกับคำประชดประชันของเธอ เธอคงคิดว่าที่ต้องมาหยุดแบบนี้ก็เพราะเขา น้ำแข็งอย่างวันวิวาห์ก็มีคำเถียง ประชำประชันกับเขาเหมือนกัน

“โธ่อยู่บ้านเรียกว่าพักก็จริง แต่การพักผ่อนก็คือการออกไปเที่ยว ผ่อนล้ายจากความเครียด ที่สำคัญผมเห็นคุณอยุ่บ้านหน้าคุณมันไม่สุขเลย มาเที่ยวบ้าง เผื่อ...”

“หน้าฉันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว” คีตภัทรพูดต่อไม่ถูก

“เอาเป็นถือว่ามาเที่ยวเป็นเพื่อนผม อีกหน่อยพอกลับไปทำงานคุณก็คงไม่มีเวลาว่าง ผมก็ไม่มีเวลาเหมือนกัน ผมอยากมีความทรงจำดี ๆ เกี่ยวกับคุณไว้บ้าง”

“ทำไมต้องมีคะ ฉันกับคุณเราไม่...”

“เป็นเพื่อนกันไงครับ”

“ฉัน...”

“ขอโทษนะครับคุณวัน ไปกันครับ” คีตภัทรไม่รอให้วันวิวาห์ปฎิเสธอีกเข้าจับมือวันวิวาห์เดินพาเดินนำไป เขาพาเธอเดินเข้าออกเข้าร้านโน้นแวะร้านนี้ ทั้งที่บอกว่าจะไปทานอาหาร แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้สนอารมณ์ของเธอที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ จนเข้ามาเธอมาถึงร้านสร้อยเขาปล่อยมือเธออกและไปเดินเลิก ร้านนี้เป้นร้ายเครื่องประดับแฮนด์เมดที่มีทั้งของผู้หญิงและผู้ชาย วันวิวาห์ยืนรออยู่หน้าร้านอย่างเบื่อหน่ายแต่สายตากลับหันไปเห็นสร้อยข้อมือเส้นหนึ่งที่สะดุดตาเธอมาก มันเป็นสร้อยข้อมือที่ทักเป็นรูปดอกไม้เล็ก ๆ ดอกกันรอบเป็นวงกลมที่ดลางดอกไม้ประดับคริสตัล ลวดลายการทักต่างจากที่เธอเคยเห็นมาก มันคงเป็นงายละเอียดที่อยากมาก

“ชิ้นนี้เท่าไหร่คะ”

“เอ่อ...ฉันขอไม่ขายนะคะ ขอโทษจริง ๆ นะคะ มันเป็นสร้อยชิ้นสุดท้ายที่แม่ทำขึ้นก่อนจะเสีย แต่ฉันตัดใจขายมันไม่ลง ไม่ใช่คุณคนแรกที่มาซื้อ ฉันกำลังจะเก็บมันแล้วล่ะค่ะ”

“น่าเสียดายนะคะ มันสวยมาก” วันวิวาห์เอ่ย

“คุณวันหิวหรือยังครับ เราไปหาอาหารทานดีกว่าครับ” วันวิวาห์พยักหน้าและเดินตามเขาไป เขายังคงคุยเก่ง ชวนเธอพูดโน่นนี่ หรือจะพูดให้ถูกคือเขาพูดอยู่คนเดียว เขาพาเธอมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเรือร้านหนึ่ง

“คุณมาที่นี่บ่อยหรอคะ” วันวิวาห์ถาม คีตภัทรยิ้ม

“ไม่บ่อยหรอกครับ ผมจะมาช่วงผมหยุดแล้วอยากพักผ่อนจริง ๆ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ คุณวันนั่งทานก๋วยเตี๋ยวไปก่อนไม่ต้องรอผมนะครับ” วันวิวาห์พยักหน้าพลางคิดในใจว่าคิดไว้แล้วเชียวเขาดูชำนาญทางรู้ว่าร้านไหนอาหาร ขนมอร่อย รวมถึงร้านก๋วยเตี๋ยวเหลือเล็ก ๆ นี้ด้วย มันอร่อยอย่างที่เขาว่าจริง ๆ

“อร่อยใช่ไหมล่ะครับ” ตะเกียบในมือล่วงกับลงชามก๋วยเตี๋ยวเมื่อเขามาไม่ให้สุ่มให้เสียง

“คุณไปไหนมาคะ”

“ไปเข้าห้องน้ำ คุณวันครับ” วันวิวาห์ละสายตาจากชามก๋วยเตี๊ยวและมองมาที่เขา เขาแบมือยื่นมาทางเธอ วันวิวาห์ทำหน้านิ่งและมองมือสลับกับใบหน้าของเขาแทนการถาม

“ขอมือหน่อยนะครับคุณวัน” วันวิวาห์ทำหน้าลังเล

“ขอโทษอีกครั้งนะครับ” แล้วเขาก็จับมือข้างที่เธอวางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาจับไว้ เธอพยายามยื้อมือออกและเขากลับไม่ปล่อย และเร็วชั่ววินาทีเขาสวมบางอย่างไปที่ข้อมือเธออย่างรวดเร็ว

“คุณคีตะ!!!” นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเอ่ยขึ้นเสียงเสียงดัง แต่ไม่ได้ทำให้เขากลัว เขากลับชอบมากกว่าที่เธอเอาแต่ทำหน้านิ่ง เหมือนเธอพึ่งรู้ตัวกำลังจะเป็นจุดสายตาจึงนิ่งลง เขาจับมือเธอไว้ก่อนจะปล่อยออกให้เธอดึงกลับไป วันวิวาห์ก้มมองมือสิ่งที่เขาสวมใส่ไปที่ข้อมือของเธอ

“นี่มัน...”

“ผมให้คุณวันครับ”

“แต่เจ้าของร้านเขาไม่ขายนี่คะ” วันวิวาห์เอ่ย ลึก ๆ ดีใจที่ได้มา แต่เธอก็ยังคงแสดงสีหน้าที่นิ่งสุด ๆ จนมองไม่ออกว่าเธอดีใจหรือรู้สึกยังไงกันแน่

“แต่เขาขายให้ผม” วันวิวาห์มองสร้อยข้อมือและเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ

“แล้วคุณให้ฉันทำไมคะ”

“ก็คุณวันอย่างได้ ผมอยากให้คุณวันไว้เป็นของที่ระลึกไงครับ เวลาเห็นมันคุณวันจะได้นึกถึงผมบ้าง”

“ทำไมฉันต้องนึกถึงหน้าคุณด้วย” คำถามนี้ทำให้คีตภัทรจะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก จะร้องก็ร้องไม่ได้

“เอ่อ...ช่างมันเถอะครับ แค่รู้ว่าผมอยากให้คุณวัน ผมเห็นคุณวันยืนมองมัน โชคดีที่แม่ค้าร้านนั้นแม่ของเขาชอบผมมาก เธอเลยยอมขายให้ผม”

“แต่ฉันรับไม่ได้หรอกค่ะ ฉันคืนให้คุณ...”

“ผมให้คุณแล้ว ผมไม่รับคืน คุณจะเอาไปทำอะไรก็แล้วแต่คุณ แต่ผมอยากให้คุณวันใส่มันไว้นะครับ” วันวิวาห์นิ่งอย่างไม่เข้าใจการกระทำของเขา เธอมองสร้อยข้อมือที่เธอยืนมองเพราะอยากได้แต่กลับไม่ได้ แต่เขากลับไปหาซื้อมาให้เธอได้

“ผมอยากให้คุณจริง ๆ”

“ค่ะ ฉันรับไว้ก็ได้ ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอกค่ะ ฉันไม่ใช่แฟนคลับคุณ ไม่หลงเสน่ห์ตาหวาน ๆ หน้าหวาน ๆ ของคุณหรอก ที่สำคัญฉันไม่ชอบเด็ก ฉันจะไปรอที่รถ บ่ายกว่าแล้ว ฉันไม่อยากค้างที่นี่”

“คุณวัน” เขาเอ่ยเสียงอ่อนขึ้นมาทันที คำว่าเด็ก กรีดลงมาที่ใจอย่างแรง ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอพยายามพูดตัดสัมพันธ์ดักหน้าเขาไว้ บางทีเธอก็เหมือนเข้าใจแต่พยายามปิดบังบ่ายเบี่ยงเขา บางทีก็เหมือนไม่เข้าใจ เขารีบจ่ายเงินและตามวันวิวาห์กลับไปที่รถ




“คุณคีย์นี่เราวนมาสามรอบแล้วนะคะ ตกลงคุณรู้หรือเปล่าว่ารีสอร์ทพุดตาลมันอยู่ที่ไหน”

“ก็จีพีเอสมันบอกว่าแถวนี้นี่ครับ”

“เอาที่อยู่มาค่ะแล้วจอดร้านผลไม้ข้างหน้า” คีตภัทรส่งกระดาษแผ่นที่ถือมาให้วันวิวาห์ และจอดตามที่วันวิวาห์บอก วันวิวาห์เดินลงจากรถ ยืนคุยกับแม่ค้าผลไม้สักพัก ก็กลับมาที่รถ

“เอ่อ...”

“รีสอร์ทพุดตาลในจีพีเอสคุณผิดกิจการไปได้เป็นปีแล้ว แต่ยังมีรีสอร์ทพุดตาลอีกที่ อยู่ก่อนถึงอัมพวานิดหน่อย เราต้องขับรถย้อนกลับ”

“คุณวัน...” เขาเอ่ยอย่างรู้สึกผิด

“ช่างมันเถอะ นี่จะสามโมงแล้ว เรารีบไปก่อนพระอาทิตย์จะตกดินเถอะค่ะ” คีตภัทรพยักหน้าและขับรถไปตามทางที่วันวิวาห์ชี้บอก ในที่สุดก็มาถึง รีสอร์ทพุดตาลเป็นรีสอร์ทเล็ก ๆ อยู่ติดริมคลอง รายล้อมไปด้วยต้นไม้ ให้ความรู้สึกสงบ ร่มเย็นเมื่อเข้ามา กลิ่นอายของบรรยากาศชนบท ทั้งสองเดินผ่านซุ้มดอกไม้เข้าไป

“สวัสดีค่ะ ต้องการหาที่พักหรือเปล่าค่ะ”

“พวกเราขอพบคุณสุพลครับ” คีตภัทรเอ่ย ผู้หญิงหน้าตาหวานที่ยิ้มอยู่สีหน้านิ่งไป ก่อนจะยิ้มเศร้า ๆ ส่งมาและเอ่ยตอบทั้งคู่
“คุณมาช้าไปสามวันนะคะ ตอนนี้คุณพ่อไม่อยู่ค่ะ”

“คุณสุพลไปไหนหรอครับแล้วจะกลับมาเมื่อไหร่ครับ” คีตภัทรเอ่ยถาม เพราะเขาหันไปเห็นวันวิวาห์ที่ดูนิ่งลงไปอีก ดวงตาฉายแววเหมือนผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย

“คุณพ่อคงไม่กลับมาแล้วล่ะค่ะ ท่าน...เสียแล้วค่ะ”


.....ติดตามตอนต่อไป...

ขอโทษที่มาลงดึกไปหน่อย ทำงานหลายชิ้น หัวหมุนไปหมด
ไหนจะต้องแต่งนิยายอีกสามเรื่อง เปลี่ยนสลับหมุนเวียน ตอนนี้ทุ่มเวลามาทางนี้จนนิยายเรื่องอื่นเกือบลืมแล้ว
แต่ไรเตอร์ไม่ลืมเอาแก้วขวัญวันรักมาเสิร์ฟเป็นมื้อดึก

สาววันของเราออกมาโชว์เดียวแล้ว แน่นอนเรายังอยู่กับนางในตอนหน้า
มารอดูกันว่าวันจะได้เบาะแสเพิ่ม หรือคอตกกลับบ้าน มาช่วยหนุ่มคีตะหน้าหวานของเราให้จีบวันวิวาห์ได้สักที
แถมเจ้าตัวยังออกปากมาแล้ว ว่าไม่ชอบเด็ก ก็คีตะเด็กกว่าเธอเกือบสี่ปี เป็นกำลังใจให้หนุ่มหล่อของเราด้วย

แล้วก็อย่าลืมเป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ด้วยนะคะ
พอกันตอนหน้าในวันเสาร์ค่ะ
คืนนี้ฝันดีราตรีสวัสดิ์นะคะ

แล้วก็อรุณสวัสดิ์เผื่อวันพรุ่งนี้ด้วย



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ต.ค. 2557, 23:34:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ต.ค. 2557, 23:35:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1261





<< 32 ตามรัก ตามล่า 2   34 เบาะแสจากอัมพวา 2 >>
แว่นใส 20 ต.ค. 2557, 17:42:26 น.
อ้าว ต้นเรื่องที่ตามหา หนีตายไปเสียแล้ว แล้วใครจะรู้ความลับล่ะเนี่ย


นักอ่านเหนียวหนึบ 20 ต.ค. 2557, 17:56:37 น.
นายคีเอ้ยยยย เจองานช้างเข้าให้แล้ววว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account