สิเน่หา...ยอดดวงใจ
260 ปี มันช่างนานแสนนานเหลือเกินกับการต้องรอคอยพบเจอะเจอหญิงสาวอันเป็นนิมิตรหมายในห้วงอันคลั่งแค้นแสนสะสมมานานเป็นร้อยๆ ปีคริสต์ศักราช

แนะนำตัวละคร

ดานิล วาดิติน อเล็กซานดรูว์ บุรุษมหาเศรษฐีเก่าแก่ลึกลับตระกูลหนึ่งของรัสเซีย ทรัพย์สินที่มีไว้ครอบครองมีค่ามากกว่าเมืองหนึ่งๆ ของรัสเซียเลยทีเดียว

ในอดีตชื่อ Anna Mikhailov

ปัจจุบันชื่อ อันนา วรเวช สาวน้อยวัยยี่สิบสองปี ที่ต้องมาจมปลักทนทุกข์ เมื่อกำลังเดินทางมายังเมืองมอสโกแห่งรัสเซียแล่นสู่คฤหาสน์วาติดิน ใน ฐานะ ภรรยาของดานิล วาดิตินวัยหกสิบปี อันนาเข้าใจว่า ดานิลคือชายชรา ก้าวแรกที่เข้ามาได้พบเขา อันนาก็ต้องตกใจ ไหนจากบ้านของเธอบอกว่า ดานิล วาดิติน อายุหกสิบปีแล้ว คนที่เธอเห็นตรงหน้ากลับเป็นชายหนุ่มเรือนร่างกำยำหล่อเหลาไร้ที่ติ แต่ดวงตาคู่คมกริบที่จ้องมองเธอนั้นกลับน่ากลัวเหลือเกิน คำแรกที่ดานิลเอ่ยกับอันนา คือ คำสั่ง เป็นคำสั่งที่อันนาแทบมึนงุนงง ไม่เข้าใจเสียจริงๆ เขาต้องการให้เธอค้นหาหัวใจของเขาที่หายไป...

Tags: รักโรแมนติกพาฝัน,ซึ้งกินใจ,สิเน่หา...ยอดดวงใจ

ตอน: บทที่ 11 ความรักที่บังตา...




บทที่ 11 ความรักที่บังตา...

“อันนา...อันนา” ดานิลแอบเดินเข้ามาปลุกหญิงสาวตั้งแต่ตอนเช้ามืด เนื่องจากเขากลัวว่า เธอจะหนี้เขาไปจริงๆ

“มิสเตอร์ดานิล!” อันนาปรือตาตื่น แล้วก็ต้องถึงกับร้องเสียงหลงอย่างตกใจ นี่เขาคิดจะเข้ามาก่อกวนหรือคิดจะรังแกเธออีกหรือไง โปรดปล่อยให้เธอได้พักผ่อนบ้างเถอะ มือเล็กๆ ทั้งสองข้างพยายามโอบร่างกาย และคว้าหาผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาปิดรัดรอบตัวอย่างมิดชิด

“บอกแล้วไง ให้เรียกข้าว่า....แดเนียล...” ทว่าดานิล กลับไม่สนใจอาการหวาดกลัวของหญิงสาว และเสียงทุ้มที่บอกราวกับตะคอกใส่ ทำให้อันนาสะดุ้งโหยงเพราะคิดว่าเขากำลังคุกคามอย่างไม่หยุด

“เลิกทำตัวอ่อนแอสักทีเถอะ อันนา...ข้าเห็นแล้วมันหงุดหงิดนะ” และแล้วดานิลก็ยิ่งเป็นฝ่ายหัวเสีย อย่างเหวี่ยงๆ ใส่หญิงสาวโดยไม่ตั้งใจ

“คะ...คุณเข้ามาทำไม...” อันนาถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ดานิลกำลังจะเอ่ยตอบ แต่แล้วก็ต้องสะอึกกลืนน้ำลงลำคออย่างเงียบๆ เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่า เผลอเข้ามาในห้องนอนของเธอทำไมกัน ทั้งๆ ที่ควรจะปล่อยให้เธอได้นอนหลับพักผ่อนเสียมากกว่า แถมเรื่องที่เกิดขึ้นในโถงห้องสมุดเมื่อวานนั้น มันก็แทบทำให้ร่างกายของอันนา หมดเรี่ยวแรงมากเลยทีเดียว

“ข้า...” ตายล่ะ เขาไม่เคยพูดจา อย่างตะกุกตะกะแบบนี้มาก่อน และถ้ายายทาติน่ามาเห็นเข้า คงคิดจะหัวเราะเยาะอย่างสนุกสนานแน่ๆ

“ข้านอนไม่หลับ” พอเอ่ยออกไปได้ มันช่างเป็นคำตอบอย่างกำปั้นทุบดินนัก

“นอนไม่หลับ แล้วมาหาฉัน...เพื่ออะไร” อันนาถามต่อด้วยใจหวิวๆ พลางเดาความคิดของเขาว่า จะต้องเข้ามารังควานรังเกเธอแน่นอน มือเล็กพยายามกระชับผ้าห่มให้ปิดบังร่างกายมากที่สุด ดานิลเห็นอากัปกิริยาของฝ่ายหญิงก็แทบวูบไหว เขาคงทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวบ่อยๆ สินะ

“เพื่อจะทำอะไรดีนะ หึๆ” ดานิลเอ่ยออกไป เพราะล่วงรู้ความคิดของฝ่ายหญิง ว่าคิดไปไกลแค่ไหน

“อะ...ออกไปให้พ้นนะ!” อันนาถึงกับตวาดใส่เพราะตื่นตกใจกับคำพูดของเขา ฝันร้ายเธอต้องฝันร้ายอยู่ใช่ไหมเนี่ย

“มันไม่ใช่ความฝันนะ อันนาที่รัก” ดานิลเอ่ยบอกจนถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะขยับเข้ามาหาหญิงสาวอันเป็นที่รักใกล้ๆ อันนาสะดุ้งโหยงเป็นเท่าตัว ก่อนที่จะเจอชายหนุ่มวัยใหญ่เอียงตัวล้มลงนอนข้างๆ แล้วพูดต่อไปว่า

“ข้า...ขอนอนด้วยได้ไหม...เดี๋ยวส่ายๆ จะตื่นไปทำงาน” ดานิลบอกด้วยสีหน้านิ่งๆ แลดูจริงจังนัก

“ไม่...” แน่นอนว่า อันนาเอ่ยปฏิเสธทันที พยายามขยับร่างกายออกห่างๆ แต่ทว่าดันถูกมือหนาคว้าตัวเธอเอาไว้ ดานิลสวมกอดหญิงอันเป็นที่รักอย่างเนืองแน่น แม้จะรู้สึกถึงแรงดิ้นของเธอก็ตาม

“อย่าดิ้นเลยอันนา...ข้าบอกแล้วไงว่า ข้านอนไม่หลับ” ดานิลกระซิบบอกแนบใบหูฝ่ายหญิง ที่ตอนนี้ถึงกับตัวแข็งทื่อ เม้มริมฝีปากบางขบแน่น พร้อมพยายามหลับตาพริ้มทั้งหยาดน้ำตา เพื่อสะกดความหวาดหวั่น...จากชายกนุ่มวัยอมตะ และต้องยินยอมปล่อยให้เขาทำอะไรตามใจไปก่อน อันนาไม่กล้าต่อกรกับเขาในช่วงเวลานี้แบบนี้นัก ถ้าเขาตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ วาจาแรกที่เธออยากจะวิงวอนขอร้อง...คือ การขอ...กลับบ้าน



เวลาแห่งการหลับใหลดูเหมือนจะผ่านไปอย่างว่องไวนัก แสงแดดที่จ้ากระทบม่านตาชายหนุ่มอมตะจนต้องตื่นขึ้น ช่างเป็นการนอนหลับที่แสนสบายเหลือเกิน นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้ล้มตัวนอนหลับพักอย่างนี้นะ ร่างบางในอ้อมกอดของเขา รู้สึกจะเริ่มจะดิ้นกุกกักเล็กน้อย เพราะตื่นนอนเช่นกัน แท้จริงแล้ว เธอนอนหลับไม่ได้เลยต่างหาก

“ขอ...นอนอีกหน่อยไม่ได้หรืออันนา” ดานิลเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันงัวเงีย

“ส่ายแล้วค่ะ” อันนาบอกอย่างหน้างำ พลางบ่นไปถึงว่า ทำไมเช้านี้ คุณยายทาติน่าดันไม่เข้ามาปลุกเธอกันนะ

“ข้ายังนอนไม่อิ่มเลย...” ดูเหมือนดานิลจะเอ่ยต่อรอง ทว่าฝ่ายหญิงกลับเงียบลงดื้อๆ ดานิลแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ปรือตาตื่น

“อยู่ๆ ก็เงียบไปทำไมกัน หือ…อันนา”

“นายตื่นแล้วนี่” ในที่สุดอันนาก็เอ่ยบอก และขยับตัวออกรักษาระยะห่างจากเขาได้ที่สุด

“หึๆ ที่ข้าตื่น ก็เพราะแปลกใจกับเจ้า อยู่ๆ ทำตัวเป็นแมวเชื่องๆ ได้เยี่ยงไร” ดานิลไม่ได้ว่าเปล่า เขาเอื้อมมาจับคางมนของเธอให้เงยหน้าสบตา

“ขัดขื่นไป มันก็เปล่าประโยชน์อยู่ดีค่ะ” อันนายอมรับ

“รู้ตัวก็ดีนี่นา” ดานิลพอใจมาก ก่อนยื่นใบหน้าหล่อมาใกล้เธอ เพราะอยากจะจูบอรุณสวัสดิ์ แม่แมวน้อยที่กำลังจะทำตัวเชื่อง ทว่าดันเจอสองแขนเล็กยกขึ้นมาดันร่างหนาออก เพื่อป้องกันภัยเช่นเดิม ดานิลถึงหัวเราะในลำคอชอบใจ จนอันนาต้องสะบัดหน้าหนี ออกจากการกอบกุมด้วยมือหนาของชายหนุ่มวัยอมตะ

“เอ่อ...มิเตอร์ดานิลคะ”

“บอกแล้วไง ว่าให้เรียก...แดเนียล” ดานิลเอ่ยเสียงดุนิดๆ เพราะสรรพนามที่หญิงสาวเรียกเขา...

“เอ่อ...แดเนียลคะ คือ...ฉันจะขอกลับบ้านบ้างได้ไหมคะ”

ใบหน้าของหนุ่มอมตะ ที่ยิ้มรับอรุณถึงกับหุบลงทันตา เมื่อได้ยินวาจาฝ่ายหญิงเอ่ยขอกลับบ้าน อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยขึ้นมา

“จะกลับไปทำไม ที่นั่นมันไม่มีบ้านให้เจ้าไปอยู่หรอกนะ” ดานิลอธิบายบอก...เขารู้ทุกอย่างว่าที่บ้านเกิดเมืองนอนของอันนา มีสภาพเป็นอย่างไร

“ฉะ...ฉันอยากกลับบ้าน เอ่อ...ไปไหว้หลุมศพพี่ชายค่ะ” อันนาพยายามหาทางให้เขาปล่อยเธอกลับไปยังประเทศของตัวเอง แต่ดูเหมือนฝ่ายชายจะไม่ยอม ใบหน้านวลยามเช้าถึงเศร้าสลด คุกเคล้าไปด้วยหยาดน้ำตาอย่างเช่นเดิมที่ผ่านมา

“น้ำตาของเจ้า มันไม่ช่วยให้ข้าใจอ่อนได้หรอกนะ อันนา จงเลิกคิดซะ!” ดานิลถึงกับเอ่ยสั่ง...และมันยังทำร้ายจิตใจของหญิงสาวมากที่สุดอีกด้วย

“คนใจร้าย...ฮือๆ” อันนาตัดพ้อหมดหวัง และพยายามกั้นเสียงสะอื้นไห้ มองบุรุษอมตะแสนใจร้ายใจดำ

ดานิลยันตัวออกจากเตียงนอนของหญิงสาว ด้วยอาการหงุดหงิดมาก เพราะพฤติกรรมของเธอ แถมยังทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดหนึบๆ อีกด้วย และเสียงปิดประตูที่ดังสนั่น เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเขาไม่อนุญาตให้เธอ ออกจากคฤหาสน์วาดิตินได้ทั้งชีวิต

ทาติน่าเห็นร่างเจ้านายเหนือหัว เดินออกมาจากห้องของอันนา คุณยายก็แทบตาโต ทว่าเมื่อได้เห็นสีหน้าของท่านดานิลแล้ว มันถึงกับทำให้นางยิ่งตกใจยิ่งกว่า มือเหี่ยวชราของนาง รวบขึ้นมาจับใบหน้าชายหนุ่มวัยอมตะ เป็นการปลอบประโยน และให้กำลังใจ

“ทาติน่า...ข้าควรจะอย่างไรหรือ...ที่จะไม่ให้อันนาไปจากข้าได้อีก...” สีหน้าของดานิลเจ็บปวดยิ่งกว่าผืนแผ่นดินจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

“ทาติน่าเชื่อว่า...สาวน้อยคนนั้นจะรักท่านดานิล จนหมดหัวใจเจ้าค่ะ” ทาติน่าเอ็นดู อันนาอย่างมากเช่นกัน แต่ทว่าฝ่ายชายต่างหาก ที่มักทำตัวร้ายกาจกับหญิงสาว จนเธอใจฝ่อหดหู่หวาดกลัวไปหมด...และมีความคิดไม่อยากอยู่ด้วย

“นางไม่รักข้าหรอก ทาติน่า ข้ารู้...มาตั้งนานแล้ว” ดานิลก้มหน้าลง และคอตก ราวกับคนสิ้นหวัง ยังดีที่มีมือของทาติน่ารองรับเอาไว้

“นายท่าน...” ทาติน่าสงสาร เจ้านายหนุ่มอย่างหมดใจ เขาเริ่มปัดมืออันเหี่ยวๆ ของทาติน่าออกจากใบหน้า แล้วเดินก้าวไปยังห้องใดห้องหนึ่ง ที่มันจะสามารถระงับความเศร้าโศกของชายหนุ่มได้

“ความรักของท่านดานิล...คือ ความเจ็บปวด งั้นหรือนี่...” ทาติน่ามองตามร่างหนุ่มวัยใหญ่ อย่างสลดไปด้วย มันเป็นครั้งแรกเลย ที่นางได้เห็นสีหน้าอันปวดร้าวของเจ้านายเหนือชีวิต

‘อยากให้เขาหายเจ็บปวดไหม...แต่เจ้าต้องเสียสละ...’ ทาติน่าเกิดขนลุกซู่ เมื่อมีเสียงหนึ่งกระทบโสตประสาทรับรู้ นางพยายามหันซ้ายขวาไปตามเสียงนั้น แต่ก็พบความว่างเปล่า...สงสัยหูนางคงจะฝาดไปเอง ก็แก่ชรามากแล้วนี่นา ทาติน่าเลิกสนใจเสียงอันแว่วๆ นั่น ก่อนจะผลักเปิดประตูเข้าไปยังห้องของอันนา นางยังมีหน้าที่จะต้องปลอบใจอีกหนึ่งราย

“คุณยาย...อัล...อยากกลับบ้านค่ะ ฮือๆ เขาไม่ยอม...” แค่เปิดประตูเข้ามาหา ร่างของสาวน้อยก็วิ่งถลาเข้ามาสวมกอดระบายความในใจให้นางรับรู้

“โอ๋ๆ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวค่อย...ไปขอท่านดานิลใหม่อีกครั้งนะคะ”

“คุณยาย ช่วยอันได้ไหมคะ” สายตาของหญิงสาวเอเชีย วิงวอนคุณยายที่พึ่งพาได้เสมอๆ ตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์แดนแปลกประหลาด ถ้าไม่มีเมดวัยชราคนนี้ เธอคงจะถูกดานิลรังแก ราวกับสิ่งของชนิดหนึ่งแน่ๆ

ทาติน่าให้ความรักแก่เจ้านายเหนือหัวทั้งสองด้วยชีวิต นางต้องการทำให้ทั้งคู่มีมีความสุขมากที่สุด ก่อนที่นางจะจากโลกใบนี้ไป ด้วยวัยที่ชรามากแล้ว แต่ทว่าร่างกายของนางกลับยังเดินระหงแข็งแรง ไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วย ทาติน่าเป็นหญิงมาจากเมืองบ้านนอกโกโรโกโส บ้านช่องของนางแทบไม่มีข้าวอันจะกิน จนเกือบพากันหนาวตาย ด้วยความใจดีของท่านดานิลที่ไปพบเข้า นางจึงได้เข้ามารับใช้ท่านดานิลตั้งแต่วัยยังเล็กๆ

“ได้ค่ะ ทาติน่าจะพูดให้ท่านดานิลเปลี่ยนใจสักครั้ง”

“ขอบคุณค่ะ คุณยาย อันรักคุณยายนะ อัน...ไม่มีญาติที่ไหนแล้ว ฮือๆ มาเป็นคุณยายให้อันได้ไหมคะ” อันนาสะอื้นร้องไห้และดีใจ ที่เมดวัยชรายอมช่วยเหลือตน ทาติน่ายิ้มรับอย่างเอ็นดู และคิดว่าสาวน้อยเอเชียคนนี้เสมือนดั่งเหมือนลูกหลานของนาง

‘อยากให้ทั้งคู่มีความสุขไหม แต่เจ้าต้องเสียสละ...’ เสียงกึกก้องนี้เข้ามาก่อกวนเมดทาติน่าอีกครั้ง จนนางมีสีหน้าฉงนนัก เมื่ออันนาไม่ได้ยินเสียงเหมือนนางด้วยเช่นกัน



“จะมาพูดให้ข้าใจอ่อนหรือทาติน่า” ดานิลทักขึ้น เมื่อทาติน่าเอาของวางมื้อบ่ายมาให้เขา หลังจากพยายามปลอบประโยนใจอันนาอยู่ครึ่งค่อนวัน

“ดูนายหญิงจะเสียใจนะคะ ที่นายท่าน ทำตัวโหดร้ายกับเธอนัก”

“อันนาออดอ้อนให้เจ้า เข้ามาช่วยพูดหรือไง” ดานิลหัวเสียเล็กน้อย มือที่เซ็นเอกสารบริษัทแทบหยุดชะงัก เพราะเมดวัยชราเลือกฝ่ายโน้น

“นายท่าน น่าจะผ่อนคลายซะบ้างนะ ถึงว่าไปเที่ยวฮันนีมูนก็ได้ค่ะ” ทาติน่าลองเสนอแนวคิดใหม่ เผื่อท่านดานิลจะเห็นใจขึ้นมา

“ฮันนีมูนเหรอ...” ดานิลถึงกับตาโต ทาติน่ายิ้มรับอย่างชอบใจ เวลาที่เจ้านายวัยใหญ่ เผลอมีอาการแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างไม่ทันรู้ตัว

“ทาติน่าก็อยากไปด้วยนะเจ้าคะ อยากไปเห็นทะเลสวยๆ แห่งเมืองร้อนจัง ทำงานให้นายท่านมานับช่วงชีวิตแล้ว ไม่ค่อยได้ไปไหนเลย” เมดทาติน่าแกล้งบ่นๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานเจ้านายไปอย่างเงียบๆ ดานิลถึงกับคิดอยู่สักพักใหญ่

“เราคงทำตัวโหดร้ายจริงๆ แถมยังปล่อยให้ผู้หญิงสองคน อยู่แต่คฤหาสน์อันไร้ชีวานี้อีก...” ดานิลหันไปหยิบโทรศัพท์ประจำห้องและรีบต่อไปถึงวอนก้า ให้ช่วยจัดแจงเรื่องการเดินทางอย่างสายฟ้าแลบ ณ เมืองบ้านเกิดของอันนา

และมันเป็นข่าวที่อันนา ได้ทราบแล้ว ถึงกับต้องเข่าอ่อนไปเลยทีเดียว อันนากอดขอบคุณคุณยายทาติน่า ที่ช่วยให้เธอกลับไปเหยียบผืนดินบ้านเกิดอีกครั้ง แม้จะไม่กี่วันก็ตาม แน่นอนที่สุด อันนามีความคิดจะหาทางหนีให้พ้นด้วย!



“อันนาอย่าคิดหนี...จำเอาไว้” เป็นคำสั่งที่ขื่นขมนัก อันนาเบือนหน้าหนี บุรุษหนุ่มวัยใหญ่ เมืองได้ก้าวมาถึงแดนประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว

ดานิลปล่อยให้ทาติน่าและวอนก้า บอดี้การ์ดมือหนึ่ง ไปเที่ยวเล่นโรงแรมริมทะเลแห่งหนึ่ง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ การมาเยือนเมืองไทย เนื่องจากดานิลมักตกอยู่ในอันตรายรอบๆ ด้าน ทั้งบรรดาคู่อริของเขา ที่คอยขัดขาเยอะแยะเสียด้วยสิ แถมช่วงนี้ยิ่งเจอมาตระกูลสเปโร่ ที่ต้องการอยากจะฆ่าเขาให้ตายสิ้นชีพ ดังนั้นดานิลจะไม่ยอมปล่อยให้อันนาเข้ามาผัวพันหรือเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยเด็ดขาด

“คุณพ่อ คุณแม่ พี่ชายคะ อันกลับมาเยี่ยมค่ะ อันสบายดีนะคะ” อันนากราบไหว้หลุมฝังเก็บอัฐิครอบครัว เพราะดานิลได้จ้างคนจัดงานศพของพี่ชายเธออย่างเงียบๆ และพามาไว้ที่วัดเดียวกันกับร่างของบิดามารดาของเธอ

ด้านดานิลได้คอยอยู่ที่รถตู้คันใหญ่สีดำ กับบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่ง เขาปล่อยให้อันนา เดินมากับแม่ชีที่อยู่ในวัดแห่งนี้ เนื่องจากเขาไม่ค่อยรู้วัฒนธรรมบ้านเมืองประเทศนี้สักเท่าไร และการที่ดานิลจะปรากฏตัวต่อผู้คน ย่อมทำให้คนรอบข้างมีอันตรายยิ่งกว่า

“เอ๊ะ! นั่นใช่ อันนาหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มหนึ่งแทรกดังขึ้น วันนี้เขาเพิ่งจะว่างมาเยี่ยมไหว้หลุมศพครอบครัวของเพื่อนสาว ที่ชื่อว่าอันนา...ทว่าสายตาของเขา ดันเห็นหญิงสาวที่อยู่หน้าหลุมศพก่อน...

“ธาม!” อันนาร้องตกใจ ที่เห็นเพื่อนชายอย่างชยธร ซึ่งลูกของเพื่อนคุณพ่อ คุณแม่ และเธอเองก็ยังไปๆ มาๆ บ้านของชยธรบ่อยครั้งนัก

“อัล...จริงๆ ด้วย ธามดีใจจัง ที่ได้เจอตัวสักที พวกเพื่อนๆ ของคุณพ่อน่ะ พากันบอกธามว่า เธอแต่งงานกับฝรั่งแก่ๆ แล้วย้ายไปอยู่มอสโก เพื่ออยากใช้หนี้ที่ล้มละลายของพี่ชาย มันเป็นความจริงหรือเปล่า...” หนุ่มชยธร ดีใจจนถามคำถาม รวมกันไปหมด ไม่ปล่อยให้หญิงสาวถึงกับตัวแข็งทื่อ เพราะตั้งตัวไม่ทัน เธอเพิ่งได้รู้ว่าทางเมืองไทย มีข่าวของเธอออกไปเช่นไร

“ชะ...ใช่ค่ะ” อันนายอมรับ...เพราะมันไม่ทางเลือก พวกเพื่อนๆ ของบิดา มารดา พูดถูกเกือบหมดแหละ

“โธ่...ธามขอโทษนะ ธามมัวแต่เรียนให้จบ พอกลับมาถึงเมืองไทย ถึงได้ทราบข่าวครอบครัวของอัล...ล้มละลายไปแล้ว” ชยธร อยากบอกนัก ว่าเขามาช้าไปเสียแล้ว ต่างหาก เขาหลงรักอันนา ตั้งแต่ได้เป็นเพื่อนกันในวัยเด็ก เขาไปเรียนหนังสือต่อที่เมืองนอก เพื่อตามความฝันของตนเอง ตอนแรกๆ อันนาก็มาเรียนป.โทด้วยกัน แต่จู่ๆ เธอดันลาออกกลางคันซะงั้น แถมทางคุณพ่อคุณแม่ของเขาก็ไม่ได้บอกอะไรด้วยเลย เขาจึงตั้งหน้า ตั้งตาเรียนจนจบก่อน และหวังว่าจะขอลองคบกับอันนาแบบคนรัก หลังเรียนจบแล้ว แต่อยู่ๆ ทุกอย่างมันก็พังลงดื้อๆ

“ไม่เป็นไร อัล สบายดีค่ะ เริ่มอยู่ได้โดยไม่มีครอบครัววรเวชอีกต่อไปแล้ว” อันนาพูดคุยกับเพื่อนชายด้วยน้ำเสียงสั่นๆ แถมจิตใจก็ร็สึกเศร้าสร้อยนัก เมื่อต้องพูดถึงครอบครัวผู้ให้กำเนิด

“เขาเลี้ยงดู...เธอดีไหม” ชยธรพ่นถามออกไปตรงๆ เพราะเป็นคนพูดตรงจากใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคำพูดที่เกี่ยวกับผู้หญิงสาวที่หมายปอง

อันนาถึงกับสะอึกอึ้งไปสักครู่ พาเท้าถอนหลังออกห่างจากชยธรไปก้าวหนึ่ง แล้วหันไปทางรถตู้สีดำที่จอดนิ่งอยู่ลานวัด

“เขามาด้วยหรืออันนา” ชยธรถามเมื่อเห็นหญิงสาวเหลือบไปมองรถตู้

อันนาได้พยักหน้าหงึกๆ ตอนนี้ดวงตาของเธอร้อนผ่าว และหวาดหวั่นนัก เธอกลัวชยธร อาจจะเป็นอันตราย เหมือนเหตุการณ์ของคุณมาร์ตินนี่

“เอ่อ...อัลจะต้องไปแล้ว ขอตัวนะ ธาม อันคงอยู่คุยด้วยไม่ได้ ลาก่อนค่ะ” อันนารีบตัดบท เดินหนีจากเพื่อนชายอย่างโดยเร็ว และภาวนาไม่ให้ดานิลเห็นว่าเธอคุยอยู่กับใคร

ชยธร มองร่างหญิงที่หมายปองอย่างปวดหัวใจ เธอก้าวเท้าเดินหนี เพื่อกลับไปหาสามี ที่นั่งคอยอยู่ในรถตู้คันโตนั่น แม้ว่าเขาอยากจะขอที่อยู่ในมอสโก เพื่อติดต่อกับเธอเอาไว้ แต่เขาก็เอ่ยเรียกไม่ทัน ชยธรเห็นแววตาและสีหน้าของอันนา ดูเหมือนคนไม่มีความสุขเอาเสียเลย

“อยากรู้นัก ไอ้ตาแก่เฒ่าๆ นั่น มันเลี้ยงดูอันนาอย่างไร” ชยธร คาดหวังเอาไว้อีก ว่าสักวันเขาจะไปเยี่ยมเธอที่มอสโก เขาจะต้องหาที่อยู่ของอันนากับสามีฝรั่งวัยหกสิบปีนั่น ให้พบด้วย

หันมาทางบนรถตู้คันแกร่งโตๆ ของดานิล ซึ่งตอนนี้อันนาได้เข้ามานั่งเรียบร้อยแล้ว และก็รู้ถึงรังสีร้ายกาจที่แผ่ออกมาจากตัวของเขา ก่อนจะสะดุ้งโหยงกับเสียงทุ้มดุๆ ของดานิล

“อธิบายมาสิ! อย่าคิดโกหก ว่าเธอไม่ได้ยืนคุยกับผู้ชาย!”

อันนาแทบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นที่สุด ลืมไปว่าเขา มักรู้ความคิดของเธอเสมอๆ

“ริกกี้...ไปสืบประวัติผู้ชายคนนั้นด้วย ถ้ามันไม่ดี ก็...ฆ่าทิ้งซะ” ดานิลเอ่ยสั่งอย่างจริงจัง กับลูกน้องด้านหน้าคนขับรถ และเน้นคำพูดพยางค์หลังให้อันนาต้องระทมเจ็บปวด

“อยะ...อย่านะ!” อันนาตวาดร้องขึ้น ทั้งน้ำตา เพราะวาจาคำสั่งของเขา ทำไมถึงกล้าฆ่าคนได้อย่างเป็นเพียงแค่ผักปลา จิตใจของเขาทำด้วยอะไรกัน

“ถึงกับเอ่ยปากปกป้องมันเลยเหรอ แสดงว่าต้องเป็นชู้ที่ไม่ธรรมดาสินะ นี่ คือ เหตุผลที่อยากกลับเมืองไทยใช่ไหม อันนา!” ดานิลเดือดดาลหัวเสียอย่างมาก และเข้ามาคว้าข้อมือบางของเธอ ดึงให้มานั่งใกล้ๆ อาการอารมณ์ร้อนๆ ของเขามันไม่เคยสงบเลย ตั้งแต่หาตัวเธอจนพบ และเข้ามาอยู่ในชีวิตของเขาอีกครั้ง

“ความคิดสกปรก! เจ็บๆ นะ ปล่อย!” อันนาต่อว่าชายหนุ่มวัยอมตะ ทำไมในหัวของเขาถึงคิดแต่เรื่องต่ำๆ แบบนี้ ดานิลหลงบีบข้อมือบางจนแน่น ด้วยแรงโทสะครอบงำ

“คนไม่มีหัวใจอย่างนาย คงไม่รู้หรอก อะไรคือเพื่อน อะไรคือความรัก!” แม้เธอจะหวาดหวั่นดานิล แต่ก็กล้าที่จะพูดแบบนี้ออกไป

“ใครกันแน่ คือ คนที่ไม่มีหัวใจ...” ดานิลถึงกัดฟันกรอบ เขารู้สึกเจ็บมาก ที่เธอกล้าพูดแบบนั้น

“ปล่อยนะ!” อันนาพยายามแกะอุ้งมือหนาของดานิล ที่จับข้อมือข้างหนึ่งของเธอเอาไว้อย่างกับติดกาว

“ไม่!” เสียงทุ้มที่คำรามบอก ทำให้หัวใจของอันนาตกหล่นไปอยู่ตาตุ่ม

“แดเนียล…ได้โปรด” เธอพยายามวิงวอน และไม่กล้าสบตาอันดุร้ายของดานิลในเวลานี้เลย

“ปล่อยฉันไปเถอะ...ในเมื่อฉันไม่ต้องหาหัวใจของนายอีกแล้ว” อันนาพึมพำบอกเสียงเบาๆ ด้วยภาพนิมิตสุดท้ายในวันนั้น บ่งบอกว่าเธอไม่ได้เป็นคนเอาหัวใจของเขาไป

“แต่เจ้าก็เป็นคน...ควักเอาหัวใจข้าออกมา!” ดานิลพ่นบอกเสียงต่ำ พร้อมเอามือบางข้างนั้นของเธอมาสัมผัสที่หน้าอกแกร่งในสูทเนี้ยบสีดำของเขา มันเป็นการตอกย้ำ การกระทำของเธอในอดีต อันนาถึงกับสะดุ้งเฮือก เมื่อคิดภาพตามในความฝันที่ได้เห็นอย่างประจักษ์

“อย่าหวังเลย ว่าข้าจะปล่อยให้เจ้า...ออกไปจากชีวิตของข้า!” นี่ คือ ความผิดร้ายแรงของเธอใช่ไหม ต้องตกเป็นทาสของเขาชั่วชีวิต อันนาสะอื้นไห้หนัก อย่างขวัญเสียยิ่งนัก

“คนใจอำมหิต! อื้อๆ” ดานิลทนเสียงสะอื้นของหญิงสาว ที่คิดจะด่าทอถึงความชั่วร้ายตนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องจบด้วยการกระทำเดิมๆ ด้วยริมฝีปากหนาจาบจ้วงเข้ามาปิดปากเล็กอันร่ำไห้ อันนาพยายามเม้มสนิท ไม่ให้เขารุกรานอย่างตามใจ มือเล็กทุบหน้าอกแกร่งรัวยิบ หลังจากที่เขาพยายามจูบเธออย่างบ้าคลั่ง ไม่สนว่าบรรดาลูกน้องบอดี้การ์ดจะเห็นภาพอันพลอดรัก รสพิษขื่นขมของเจ้านาย

ในที่สุดดานิลก็สามารถทำให้ริมฝีปากเล็กเผลอเผยอ จนล่วงล้ำแทรกเข้าไปชิมความหวามหวานได้สำเร็จ ลิ้นหนากระหวัดตักตวง ลิ้นบางที่พยายามหนี แต่ก็หนีไม่พ้น อันนาครางสะอึกสะอื้น กับจุมพิตความร้ายกาจของเขาจนแทบขาดใจ

ก่อนที่ดานิลจะจับร่างของอันนาอุ้มขึ้นมาไว้ที่ตักตนเอง จะได้สั่งสอนเธออย่างหนักหน่วง เพราะกล้าทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่อยู่ กว่าริมฝีปากบางจะได้ความเป็นอิสระ แทบเล่นตัวสั่นระริก ส่วนริมฝีปากบางนั้น ก็ถึงกับห้อเลือดบวมเจ่อ หัวใจก็เจ็บปวด เพราะดานิลต้องการฆ่าเธอให้ตายทั้งเป็น ในอเวจี ปรารถนาแห่งร่างกายนี้

“ถ้าเจ้ายังคิดจะดิ้นสู้ ข้าจะทำมากกว่านี้” เขาส่งเสียงขู่อย่างเรื่องจริง เมื่อเจอแรงขัดขืนสุดชีวิตของอันนา...

“คนใจปีศาจ ฮือๆ” เธอต่อว่าเขาด้วยน้ำเสียงสั่นระรวยริน ที่ไม่อาจหลุดพันธนาการอ้อมกอดอันแข็งแกร่งนี้ได้เลย

“ใช่! ข้าเป็นปีศาจ และข้าจะไม่ใจดีแบบนี้อีก...” ดานิลกัดกรามแน่น รู้สึกเหมือนร่างกายกำลังเจ็บปวดอย่างยิ่ง เมื่อหญิงสาวอันที่รัก ผลักไสให้ตนกลายเป็นปีศาจร้ายดั่งในอดีต

“ริกกี้! โทรไปบอกวอนก้าให้พาทาติน่ากลับมอสโกซะ หมดเวลาท่องเที่ยวแล้ว” ดานิลเอ่ยสั่งลูกน้องชุดดำที่นั่งด้านหน้าคนขับรถ การมาเยือนเมืองไทยไม่กี่ชั่วโมง จู่ๆ ชายหนุ่มก็สั่งให้กลับประเทศอย่างสายฟ้าแลบ แน่นอนเพราะเขาเกิดความกลัวนัก...

และเป็นครั้งแรกที่ดานิลมีอาการหวั่นไหวเยี่ยงนี้ มันเป็นความกลัวที่บ่งบอกว่า อันนาต้องการที่จะทิ้งเขา เหมือนในห้วงเวลาอดีต ยิ่งเขารักมาก ก็ยิ่งถูกบังตาด้วยความหลอกลวงหรืออย่างไรหนอ...

อันนาตัวสั่นเทิ้ม...จนหลับตาพริ้ม ทั้งหยาดน้ำตากับชะตาชีวิตของตนเอง เนื่องจากดานิลไม่ยอม ปล่อยให้เธอหาเวลาหนีได้แม้แต่นิดเดียว



โปรดติดตามตอนต่อไป...

บทที่ 12 พบดวงใจที่หายไป



Aricha
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ต.ค. 2557, 18:14:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 เม.ย. 2558, 22:32:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1392





<< บทที่ 10 หัวใจที่หลุดมือ...   บทที่ 12 พบดวงใจที่หายไป... >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account