ทองพญามาร [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
จากเคยออกปล้นชิงสิ่งล้ำค่าในคืนอันมืดมิด
แสงจันทร์กลับนำพากระต่ายขาวตัวเล็กมาสู่เงื้อมมือมหาโจรอย่างเขา
พร้อมเหรียญทองปริศนาซึ่งมอบชีวิตให้ถึง ๙ ชีวิต

แถมวันดีคืนดีกระต่ายที่ว่ายังกลับกลายเป็นสาวสวย!

ไม่รู้ว่าโชคร้ายหรือดีกันแน่...
เมื่อเขากำลังถูกมือโจรลึกลับเช่นเธอช่วงชิงหัวใจดวงนี้ไป

Tags: พญาดำ เหรียญพระจันทร์ เก้าชีวิต กระต่าย ตัวนุ่ม

ตอน: มาไงเนี่ย... คือจริงๆมาชวนเล่นเกมแจกหนังสือและปากกาทองค่ะ เลยแวะมาลงนิยายแถมอีกตอน ยาวด้วยนะ // บทที่ ๗ คืนฟ้าไร้จันทร์

เกรงเพื่อนๆที่ติดตามอ่านกันมาตลอดจะไม่รู้ว่ามีเกม เปิดให้เล่นแค่สองวันเท่านั้นค่ะ เกมจบไว!!
ตามไปเล่นในเฟซบุ๊กได้เลย เสิร์ชหาเพจ อสิตา

แจกหนังสือทองพญามาร กับอีกรางวัลเป็นปากกาทองพิมพ์ลาย ๕ ปรารถนา(สำหรับคนที่ซื้อหนังสือเอง)
https://www.facebook.com/foreverSATURN/photos/a.251653168217995.68222.170360283013951/816201411763165/?type=1&theater

เพียงตอบคำถามว่า พญามาร คืออะไร?????




---------------------------
เช้าวันถัดมา แน่นอนว่าข่าวที่ฟาดหัวเกรียวกราวไปทั่วเมือง จะออกมาเป็น...
กราดยิงชุดใหญ่ ปล้นทองเศรษฐี! หรือไม่ก็ ไฮโซลมจับ งานประมูลทองล้มไม่เป็นท่า

คนน่าสงสารที่สุดดูจะเป็นคุณหญิงประกายทองผู้ออกหน้า
ทว่าแม้แต่ยามนอนเตียงโรงพยาบาล นางก็ยังมีแก่ใจแต่งหน้าเต็มออกสื่อ
ไม่ลืมที่จะอุ้มหมาพุดเดิ้ลคู่ใจซึ่งรอดโดนเหยียบตายมาได้ราวปาฏิหาริย์ไว้ในอ้อมแขน
มือหนึ่งใช้ผ้าเช็ดหน้าลูกไม้ฝรั่งเศส แทนที่จะเป็นไหมไทยแตะซับหัวตาเบาๆ
แต่มาสคาร่ากันน้ำที่เลือกมามีราคาแพงมากจึงไม่เลอะเทอะแม้แต่นิดเดียว

“จบงานนี้ก็เข็ดแล้วเดี๊ยนรับเป็นคนออกหน้าให้เขา ถึงเวลาก็ซวย เอ๊ย! รับเคราะห์ไป...
ทุกอย่างตกกับเราเต็มๆ” คุณหญิงสะอื้นไห้ทั้งนัยน์ตาบวมปูด วาจาคล้ายจะเชือดเฉือน
ฝากถึงใครบางคน แต่ใครที่ว่าคงไม่ได้ให้ความสนใจกับคุณหญิงในเวลานี้เลย

เพราะสิ่งมีค่าที่หวงแหนและถูกขโมยหายไปกลับไม่ใช่สมบัติ แต่เป็นคนถึงสองคน!



ที่ที่นพคุณแยกมาอยู่เป็นบ้านใหญ่โตซึ่งเขาใช้วิธีงัดแงะเข้ามาอยู่ฟรีอีกนั่นแหละ
อาณาบริเวณกว้างขวางต้นไม้บังครึ้มวันแรกเขาและแม่กระต่ายสาวเล่นซ่อนหากับคนดูแลบ้าน
แกล้งหลอกผีให้แจ้นหนีไปแทบไม่ทันตกกลางคืนก็ซ่อนตัวอยู่กันเงียบๆ
บ้านทั้งหลังปิดไฟมืดเสมือนร้างคน

ส่วนเจตน์และกานต์รวีพาเหยื่อทั้งสองไปเก็บไว้ยังบ้านเช่าภายใต้ความดูแล
ของกุมารน้อยผู้แฝงกายไปด้วย ขั้นตอนก่อนจะไปถึงมีการเปลี่ยนรถหลายต่อหลายหน
แถมในบ้านนั้นยังมีห้องเก็บเสียงอีกต่างหาก ทั้งสองควบคุมตัวหมอพ่อลูกไว้
โดยฟังคำสั่งจากนพคุณซึ่งรับหน้าเป็นหัวเรือใหญ่ในการกำหนดแผน

หมอทศพลถูกกักตัวไว้คนละห้องกับหมอสุทัศน์ผู้เป็นลูกสาว
ในเบื้องแรก นพคุณปล่อยหน้าที่สอบสวนให้เป็นของเจตน์กับกานต์รวี
รวมทั้งภาระเรื่องนัดหมายแลกเปลี่ยนตัวเป็นเอกกับสองพ่อลูก
โดยเขาเองคอยรับฟังอยู่แต่เพียงห่างๆ ไม่มีใครอยากพูดถึงสุวิชา...

ตอนเขาบอกกานต์รวีไปว่าเกิดอะไรขึ้นฝ่ายนั้นยังไม่อยากจะเชื่อ

‘บ้าเหรอ ตานั่นอะนะจะทรยศ มีแผนอะไรอยู่รึเปล่า รวีไม่เชื่อหรอก’

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ คนขี้กลัวอย่างสุวิชา มีหรือจะเอาตัวไปเสี่ยงได้ลง

แต่เป็นเขาเองนั่นแหละที่ไม่อยากเชื่อยิ่งกว่าเธอ ดังนั้นสิ่งที่นพคุณอยากทำ
ก็คือขังตนเองในห้องมืดๆ ใช้เวลาเล่นกับกระต่าย
พยายามเยียวยาความรู้สึกที่ขาดวิ่นให้กลับมารวมตัว

“ยังไม่ได้กะเกณฑ์สถานที่ แต่พวกนั้นบอกว่าอีกเก้าวันจะเป็นวันตัดสินคืนแรมมืดที่สุดพอดี
แต่ว่าก็ว่าเถอะ ถึงคืนจันทร์เต็มดวงพลังของเธอก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์”

กระต่ายขาวตัวจ้อยกระดิกหนวดยุกยิกราวกับจะเถียง ก็เคยบอกแล้ว
แล้วก็เพิ่งจะบอกไปอีกหนว่าเธอแพ้ทางพวกนั้น โดยเฉพาะ...ผู้ชายชุดดำ

ใช่สิ ดวงเธอก็มืด ดวงเขาก็มืด ไม่เหมือนกับผู้หญิงคนนั้น ถ้าอยู่ด้วยกัน
ก็จะทำให้สว่างไสวขึ้นมาทันตา แล้วแบบนี้ตัวเธอจะมีประโยชน์อะไร
สิ่งที่เชื่อมโยงเธอและเก้า ก็คงมีแต่เหรียญเท่านั้น ...ตัวนุ่มเก็บความคิดไว้อย่างน้อยอกน้อยใจ

นพคุณนอนมองกระต่ายที่มีขอบตาเป็นกรอบขนสีดำปลายหางตาแหลมเหมือนกรีดอายไลน์เนอร์
ตาหวานๆที่หมู่นี้ชักจะหวานและอ้อนขึ้นเรื่อยๆ แล้วมันก็ดูน่ารักขึ้นทุกครั้งอย่างไม่มีเหตุผล
ไม่ว่ายามอยู่ในร่างคนหรือตอนเป็นกระต่าย เธอก็ยังมีดวงตาที่สามารถเอ่ยความหมาย
ออกมาได้นับเป็นพันคำ แต่ตอนนี้แม่กระต่ายตัวดีกำลังหลบตาเขาอยู่หน่อยๆ

กระต่ายตัวเล็กถูกจับวางบนมือซ้าย ก่อนยกชูขึ้น
เห็นชัดว่าเจ้าตัวพยายามซ่อนความลับไว้ภายใน
เสเกาตัวเองชึ้บๆๆ ด้วยขาหลัง แสร้งไม่สนใจคนที่กำลังตั้งหน้าจดจ้องตน

ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเอ่ยยั่วแหย่กลั้วแววหัวเราะบางเบา “เกาอยู่นั่น เป็นเรื้อนหรือไง”

เจ้าตัวที่กำลังง่วนเกาและตบแต่งขนชะงักค้าง ก่อนจะลอบพ่นลมกึ่งฉุนกึ่งหมดทางเลี่ยง
ต้องหันมาสบตาเขาจนได้

“ติดโบหน่อยไหม น่ารักๆ”

เขาวางเธอลง โบสีฟ้าเส้นเล็กปรากฏในมือ...ของทิพย์
กระต่ายตัวจ้อยพยักหน้านิดหนึ่ง เห็นชายหนุ่มยังนิ่งก็เคาะเท้าหลังรัวกับพื้นเตียง
เตือนเป็นสัญญาณใหรู้ว่ารออยู่ เมื่อเขายื่นมือเข้าหาเธอหมอบนิ่งเป็นสฟิงซ์หลับตา
ให้เก้าติดโบที่ใบหูสั้นๆของตนอย่างพอใจ เธอชอบแต่งตัว แม้อยู่ในร่างกระต่ายก็ชอบเหมือนกัน

แต่โบนั้นผูกไม่ค่อยจะอยู่เพราะหูของเธอสั้นจึงต้องใช้เวลาพอสมควรเสร็จสรรพ
มือแข็งแรงทาบปุลงตัว ปลายนิ้วยื่นมาวางบนศีรษะเล็กปุย ก่อนจะลูบหรือเรียกง่ายๆ
ว่ายีไปมาจนขนเธอยุ่งไปหมด...แล้วเขากลับหัวเราะร่วน ย้ายมือไปทำแบบนั้นกับขนเธอจนยุ่งทั้งตัว
ทั้งที่เพิ่งแต่ขนเสร็จหมาดๆ ตอนนี้ตัวนุ่มกลับกลายเป็นก้อนอะไรก็ไม่รู้ติดโบแล้วก็กลมฟูยุ่งเหยิงไปหมด

จ้องจะรังแกได้กระทั่งสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆไร้ทางสู้แบบนี้ เชื่อเขาเลย!
หึ สุดท้ายเธอก็แค่กระต่ายในสายตาเขา ไม่นับเป็นผู้หญิงสินะ
...ในเมื่ออีกฝ่ายยังไม่หยุดตามรังแกยีขนปุยนุ่ม กระต่ายสาวที่ดิ้นไถลตัว
ไปกับเตียงยังไงก็หนีไม่พ้นมือใหญ่จึงมีทางเลือกเหลือแค่เปลี่ยนร่างกลับเป็นคน

ในอึดใจมือบอบบางรวบมือทั้งสองของคนชอบรังแกไว้มั่น

“ดูที่ตัวเองทำเขาซะก่อน” หญิงสาวแง่งอน ปากล่างยื่น อมลมจนแก้มตุ่ย
สารรูปเสื้อผ้าที่สวมยับยุ่งไม่ต่างจากขนที่เพิ่งถูกเขาจัดการ แถมเวลานี้เธอยังอยู่ในชุดนอนเสียด้วย

ชายหนุ่มนึกมันเขี้ยว เมื่อนึกว่าสาวตรงหน้าคือกระต่ายตัวเมื่อครู่
ที่ผมยังมีโบฟ้าเล็กๆที่เขาผูกให้อย่างน่ารัก นพคุณอยากแกล้งยื่นมือไปหยิกแก้มยุ้ยๆเนียนๆ
ของคนที่ทำปากขมุบขมิบหงุดหงิดอยู่ เขาขยับจะลงมืออีกครั้ง
ถ้าไม่ติดที่ถูกหมอนนุ่มๆแปะใส่หน้าอย่างจัง

“ป่าเถื่อน ไหนบอกว่าไม่ให้เข้าใกล้ไง อย่ามายุ่งกับเขานะ!”

นพคุณหัวเราะร่วน ตะครุบกดร่างใต้หมอนไว้แน่น
“เจ้าของลงมือกับกระต่ายได้ทุกเมื่อ แต่กระต่ายในปกครองห้ามหือ”

หญิงสาวโผล่ตาจากใต้หมอน มองเห็นเจ้าของหน้าขาวคมกำลังยิ้มเอาเรื่อง
ลักยิ้มกดลึกที่สองข้างแก้ม พาให้ใจเต้นโครมๆเหมือนจะถูกหมาป่ารูปงาม
ตะครุบกินทั้งตัวอย่างไรอย่างนั้น เขากระชากหมอนออก เธอร้องเสียงหลง

แต่ก่อนที่นพคุณจะลงมือกับเหยื่อ เสียงเรียกเป็นเพลงจากโทรศัพท์มือถือกลับดังขึ้น

“กานต์รวี” ชายหนุ่มพึมพำ

คนผมม้านอนหน้าแดงก่ำ ฉวยจังหวะที่เขาผละจากลุกขึ้นเปลี่ยนตัวเองไปอยู่ในชุด
ที่รัดกุมแน่นหนาราวกับจะออกศึก หูกระดิกรับฟังบทสนทนาทางโทรศัพท์โดยพลัน
เนื่องจากเธอเป็นวิญญาณ และวิญญาณย่อมมีขอบเขตการได้ยินเหนือมนุษย์
สิ่งที่คนทางอีกปลายสายพูด เธอย่อมรับรู้ได้เช่นกัน

“ไง รวี ได้ผลอะไรบ้าง สัมภาษณ์ยกสอง” ปากนพคุณเรียกว่าสัมภาษณ์
แต่ที่เกิดขึ้นคงออกไปทางรีดเค้นเอาความจริงมากกว่า แต่สำหรับเศรษฐีสำรวย
แบบคุณหมอสองคนนั่นแทบไม่ต้องทรมาน เพื่อนของเขาบอกว่าแค่ไม่ได้กินน้ำเย็น
หรือต้องทนอยู่ห้องไม่มีแอร์ก็เรียกว่าทรมานเจียนขาดใจแล้ว

“หมอทศพลหลุดปากออกมาเรื่องหนึ่ง ผู้ชายชื่อราเชนทร์ที่ตามเล่นงานเก้าน่ะ
มีลูกสาวที่มันรักและไว้ใจมาก”

“หือ หุ่นสังหารไร้หัวใจอย่างนั้นน่ะรึ แล้วลูกสาวไปอยู่เสียที่ไหน”

“ลูกสาวลับๆคนที่ว่านี่มีกำลังจิตกล้าแข็งแถมเรียกง่ายๆว่าเหี้ยมมาก
เป็นอาวุธสังหารที่ราเชนทร์มักส่งไปหาศัตรูเลยแหละ มันขู่ให้เราระวังตัวให้ดีๆ”

...ส่งลูกสาวมาหาศัตรู นพคุณขมวดคิ้ว

ที่เบื้องหลังชายหนุ่ม วิญญาณสาวคล้ายจะนิ่งงันไปเช่นกัน หน้าตาแดงระเรื่อ
อันเป็นผลจากการถูกแกล้งค่อยๆกลายเป็นเรียบเฉยสนิท แววตาแปรเปลี่ยนยากจะคาดเดา...

หลังจากวางสาย นพคุณไม่ได้สบตาเธออีก เขาเพียงเตรียมตัวออกจากบ้าน
เพื่อบึ่งไปยังที่ซ่อนของเพื่อนและตัวประกันทันที

“ไม่ต้องตามไป อยู่เฝ้าบ้านนี่แหละ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงหนัก สีหน้าดูขรึมลงหลายส่วน

เขาสั่งราวกับเธอเป็นสัตว์เลี้ยง
เมื่อไม่มีคำว่าไว้ใจ ย่อมไม่มีคำว่าทรยศ...เธอได้บอกเขาไปแล้ว อาจใกล้ถึงคราวที่ต้องพูดมันซ้ำอีกที


หมอทศพลผู้ถูกมัดติดเก้าอี้เงยมองชายที่ก้าวเข้ามาปรากฏกายในห้องสลัว
นาทีนี้ไม่จำเป็นต้องมีการปิดบังหน้าตากันละ จะว่าไปเขาเองก็รู้อยู่นานแล้วว่าศัตรูคือใคร
เป็นเอก นพคุณและเพื่อนๆของมัน ที่ตอนนี้เขาจำหน้าได้ครบทุกตัว!

เพียงแต่ยังนึกสงสัย ไอ้มหาโจรที่สง่าเหมือนเจ้าชายแบบนี้มีด้วยหรือหน้าตามีราศี
เหมือนผู้ไม่แปดเปื้อน แต่กลับทำเรื่องสกปรกอย่างเรียกค่าไถ่ทั้งท่าทางเคลื่อนไหว
แววตาสีน้ำตาลคมกริบ ทำไมดูๆแล้วช่างเตือนให้นึกถึงเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของเขาคนนั้น
รัฐมนตรีอนันต์...

นพคุณพินิจเหยื่อที่โดนจับมาหลายวันแล้ว ถึงจะมีบางเวลาถูกบีบคั้น
แต่นอกนั้นก็ยังได้กินดีอยู่ดี ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พักผ่อนหลับนอน
อย่างสบายพอสมควร ถ้ายกเว้นสุวิชาเสียคน ทุกคนในทีมปล้นล้วน
มีความสามารถในการใช้ร่างกายและใช้กำลังเป็นเลิศ
ดังนั้นการจะคุมตัวคนท่าทางป้อแป้สองคนเอาไว้ให้อยู่มือไม่ถือเป็นเรื่องยาก

“ผมได้ข่าวว่าคุณยอมพูดอะไรบ้างแล้ว ว่าแต่...ลูกสาวที่คนอย่างราเชนทร์ไว้ใจน่ะ ตอนนี้อยู่ไหน”

“ถึงตายฉันก็ไม่บอก!”

ทีแรกหลุดปากแต่เกิดทำเป็นจะดื้อขึ้นมาซะอย่างนั้น...

สิ้นคำยืนกรานชายกลางคนก็แสดงเจตจำนงว่าจะทำให้ได้ตามที่ประกาศจริงๆ
นพคุณจึงรามือ แน่นอนว่าการไม่ฆ่าไม่ทำร้ายคนยังคงเป็นอุดมการณ์ของเขา
ถ้ารีดเค้นจนถึงขีดจำกัดแล้วยังไม่ได้ความจริง เขาก็หยิ่งพอจะเล่นเกมต่อโดยไม่มีข้อมูลนั้น
จะให้ลดตัวไปบีบนิ้ว ตัดหู เชือดเนื้อเถือกระดูกเหยื่อในกำมือ นั่นคงเกินเลยไป
สำหรับจิตวิญญาณอารยะที่ยังพอมีในตัว

โทรศัพท์มือถือของหมอทศพลก็เช่นกันกับของหมอสุทัศน์ตอนนี้ถูกตัดสัญญาณ
บอกตำแหน่งและอื่นๆไปหมดแล้ว ทีมปล้นเพียงแค่ต้องการดูสิ่งน่าสนใจซึ่งอาจจะ
มีอยู่ในเครื่อง ความสามารถด้านนี้ของเจตน์นับว่าไม่เลวที่พบในมือถือของคุณหมอคนลูก
ยังมีบทสนทนาทางโทรศัพท์อัดเสียงไว้ ซึ่งเจตน์จัดการแยกออกมารอท่าให้นพคุณได้ฟังด้วยตนเอง

เป็นเสียงของหมอสุทัศน์กำลังคุยกับชายคนหนึ่ง คล้ายอัดไว้เป็นบันทึกช่วยจำ
เพราะทั้งคู่ดูจะไม่มีโอกาสได้คุยกันบ่อยนัก จนมาถึงบทสนทนาตอนท้ายที่ชวนให้สนใจ

‘หมายความว่าที่เราต้องระวังมากที่สุด คือจิตของพญาดำ?’สาวห้าวตั้งคำถาม

‘ใช่ จิตดวงนั้นไม่ได้อยู่เฝ้าทรัพย์อย่างที่ใครเข้าใจ มันหลุดออกมาข้างนอกนานแล้วตอนนี้...มันเป็นอิสระ’

เขาไม่รู้จักเจ้าของเสียงลึกลับอีกปลายสายที่น่าสงสัยกว่านั้น
จิตของพญาดำหลุดไปอยู่ที่ไหน หรือว่าจะเป็นในร่างหมอนั่น ชายชุดดำ?!
คิดมาถึงตรงนี้ขนตรงหลังคอก็ลุกเกรียวอย่างประหลาด
มิน่า...มันถึงได้แข็งแกร่ง เหี้ยมกร้าน ยากนักที่จะทำลาย

‘มันสิงสู่อยู่ในร่างใคร?’ หมอสุทัศน์กำลังถามตรงกับที่เขาคิดพอดี...
ทว่าบทสนทนาถูกตัดจบลงแค่นั้น เพราะชายลึกลับเพียงหัวเราะก่อนจะชิงวางสายลงเงียบงัน

“สรุปคุณก็ไม่รู้หรือหมอเจ้าฮะ ว่าคำตอบของคำถามนั้นคืออะไร”นพคุณถามจริงจัง

หมอสุทัศน์ที่ถูกมัดมือเท้าติดกับเก้าอี้กลับมีตอบมาเพียงแววตาขุ่นขึ้งเคียดแค้น ปากหุบสนิท

“รู้ไหม การทรมานพ่อลูกที่ถูกจับมาด้วยกันมันไม่ใช่เรื่องยากเลย
เพราะคนที่อีกคนห่วงก็อยู่ห้องติดกันแค่นี้ ...แต่ทรมานคนแก่ผมว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เล่นกับคนวัยสูสีนี่อาจจะสนุกดี”

“ถ้าแกหมายถึงไอ้แก่อ้วนนั่นละก็” เสียงของสาวห้าวคำรามกดต่ำ
“ฆ่าไปเลยก็ได้นะ ฉันไม่ได้ห่วงใยอะไร” ท้ายเสียงกลับเป็นคำพูดเจือหยัน

นพคุณเลิกคิ้วอย่างคาดไม่ถึงกับหัวใจของเหยื่อยามเมื่อเอ่ยถึงบิดาแท้ๆ

“นี่แกยังเป็นคนอยู่รึเปล่า” ชายหนุ่มถามเย็นชา คำเรียกขานเปลี่ยนไป
ไม่มีรอยล้อเล่นเจือให้เห็นแม้เศษเสี้ยว

เขามองใบหน้าที่เฉยชาลงไปของคนถูกมัดอีกครั้งก่อนจะหลีกพ้นจากห้อง
ย้ายไปดูไฟล์ที่เจตน์เตรียมไว้ให้ สิ่งซึ่งถูกพบในมือถือของคนพ่อ มันเป็นแปลนสร้างคุกคุมขัง

นพคุณสะดุ้ง เขาเคยเห็นห้องนี้มาก่อน ห้องขังเพื่อนรักของเขา ไอ้เอก!

ทว่าที่ปรากฏชัดตรงหน้า คือการเตรียมพร้อมสร้างห้องที่เหมือนกันสองห้องไว้ยังต่างสถานที่
หนึ่งคือในวังห้าธาตุ สองคือที่ลับในหุบเขา...กาญจนบุรี ชายหนุ่มขบกราม มันอาจรู้ว่า
เขามีโอกาสจะไปเห็นห้องนั้นได้ในนิมิต เลยสร้างห้องเหมือนกันไว้สองที่ หรือตรงหน้าจะเป็น
กับดักทางอารมณ์อย่างใดแน่ ที่รู้ๆ เขาอาจต้องกลับไปเมืองกาญจน์อีกครั้ง ไม่ช้าก็เร็ว!

ชายหนุ่มขรึมลงอย่างครุ่นคิด เมื่อก้าวออกมาจากห้อง เสียงเจื้อยแจ้วก็ร้องเรียกมา
“จะไปแล้วหรือพี่เก้าเจ้าขา?!”

เจ้าของร่างสูงชะงักเมื่อถูกเรียก เขารอคอยเจ้าของเสียงนี้อยู่พอดี
“ใช่ แต่ไม่ไปก่อนเจอเอ็งแน่... อย่าลืมดูแลกานต์รวีกับเจตน์ให้ดีๆล่ะ”
ชายหนุ่มตอบอย่างอารมณ์ไม่ค่อยจะดี

“พี่เก้า...” เด็กน้อยมีแววลังเลอึกอัก “ทรายว่าจะพูดนานละ
ยังไงพ่อฤทธิ์คงไม่ดีใจแน่ เรื่องปล้นชิงก็แล้ว นี่ยังจับคนเป็นตัวประกันอีก
ถึงพวกมันจะเป็นคนชั่ว แต่คนดีๆเขาไม่..”

“หุบปาก!”ความโกรธที่พลุ่งพล่านขึ้นมาไม่รู้มาจากไหน
“เคยบอกแล้วใช่ไหมเรื่องนี้อย่าสาระแน!” วินาทีนั้นกำลังจิตของเขาอัดประจุแน่นในบรรยากาศ
ตวาดไปในคราวเดียว ตาลุกโรจน์จ้องมองไอ้เด็กเมื่อวานซืนที่หาญกล้ามาต่อคำ

ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อเจ้าทรายไม่ได้เถียงกลับหรือคำคิกคัก ตรงข้าม
มันกลัวลานหมอบกราบ ตัวคล้ายจะสั่น ยามเงยหน้ามายังเห็นน้ำรื้นในตาด้วยซ้ำ

“พี่เก้าเจ้าขา กลัวแล้ว”

เสียงนั้นหลุดจากปากเหมือนคราง ยิ่งทำให้เขาหลากใจ
อยู่ๆมันก็เกิดจะกลายเป็นเด็กขวัญอ่อนขึ้นมา คิดว่าเขาจะลงโทษหรือไร

“ลุกซะ เป็นผู้ชายหัดขี้แยเหรอวะ เดี๋ยวพ่อเตะกลิ้ง แล้วทำไมต้องกลัวขนาดนั้น
ทำยังกับพี่เคยทำร้ายเอ็ง” ท้ายคำชายหนุ่มแค่นหัวเราะออกมาคำหนึ่ง

กุมารน้อยไม่ตอบ ลุกขึ้นขยี้ตาป้อย มองไปทางอื่นไม่ต่อตา

“เออ ข้าว่าจะถามเรื่องไอ้ชา” ชายหนุ่มยกมุมปากยิ้มเครียด
“ก่อนนี้เอ็งไม่รู้ระแคะระคายเลยหรือว่ามันคิดอะไรอยู่”

“พ่อฤทธิ์สอนมารยาทเรามาออกดี จะให้แอบฟังคนอื่นตลอดได้ไง แถมตาแว่น
ยังเป็นคนที่พี่เก้าไว้ใจถึงขนาดนั้น” เขาทรายหน้าม่อย แม้สีหน้าจะดีขึ้นกว่าเมื่อครู่มากก็ตาม

“ช่างมันแล้วกัน! ว่าแต่คนนั้นน่ะ...เขาเป็นไงบ้างแล้ว” มองหน้าเล็กๆที่ทำเลิกคิ้วว่าใคร?
ทั้งที่มั่นใจว่ามันรู้ดี นพคุณพ่นลมหายใจ มันยังจะวอนไม่เลิกมือใหญ่จึงยื่นไป
โยกหัวกุมารน้อยแรงๆอย่างรังแก พูดต่อฉุนๆ “พ่อเอ็งน่ะ”

“สบายกาย แต่ใจ...” เด็กชายกอดอก ปรายตามองแต่ไม่เอ่ยต่อ

“เออๆ ไม่ต้องพูดแล้ว!”

“พี่เก้า...” สิ่งเร้นลับในรูปลักษณ์เด็กชายเอ่ยชื่อพี่ชายจริงจัง ก่อนจะถามต่อ
“ยังจำเรื่องวิชาถอดวิญญาณได้ไหม”

“พ่อฤทธิ์เอ็งเคยบอก มันเป็นวิชาโบราณมากนี่ถ้าแค่ถอดกายทิพย์หรือสร้างหุ่นแทนตัวยังทำได้ง่าย
แต่ถอดกายทิพย์ออกมาเป็นร่างเลียนแบบกายเนื้อ ยากนักจะมีดวงจิตดวงไหนทำได้”

“แต่เราทำได้” เขาทรายยืดอก

“เออ เอ็งเก่ง”

“แต่อาจมีคนอื่นทำได้เหมือนกันก็ได้นะ พี่เก้าคิดว่าไง” เด็กชายคล้ายถามเรื่อยเปื่อย...

กานต์รวีเมียงมองมาพักใหญ่ เห็นนพคุณกำลังก้มลงพึมพำพูดอะไรอยู่กับความว่างเปล่า
น่าสงสัยนัก ที่สุดเธอจึงสาวเท้าเข้าไปไม่รอช้า เอ่ยขัดจังหวะ“ทำอะไรน่ะเก้า!”

“อ๋อ พูดกับผีไง คราวนี้เป็นผีเด็ก กลัวไหม?” ชายหนุ่มตอบพลางฉีกยิ้มรบกวนจิตใจคนฟัง

บ้าที่สุด! จากนั้นเขาก็ลากลับไปเลย อ้างว่าอยู่นานนักไม่ได้...แถมยังว่าจะไม่มาที่นี่ด้วยตัวเองอีกแล้ว

ว่าไปแล้วกานต์รวีเองก็ไม่ได้กังวลว่าภาระที่ต้องจัดการในบ้านนี้มีอะไรหนักหนา
นอกไปเสียจากสายตาของหมอสุทัศน์ที่มองมา ดูเป็นความเครียดขรึมเศร้าสร้อย
อย่างแท้จริงจนใจหาย เรื่องที่เธอ...ทำลายน้ำใจซึ่งอีกฝ่ายมีให้

สำหรับสุทัศน์ หญิงสาวเองคิดถึงอีกฝ่ายในฐานะเทียบเท่าผู้ชายคนหนึ่ง
ใจเธอเรียกอีกฝ่ายเป็น‘เขา’เสมอมา ถ้าไม่รวมเรื่องอารมณ์กะลิ้มกะเหลี่ยที่มีแค่กับเธอ
ต่อหน้าผู้หญิงอื่นเขาก็ไม่เคยทำเรี่ยราดเลย ออกจะจริงใจกับเธอมากกว่าผู้ชายที่ผ่านๆมา
ในชีวิตเสียด้วยซ้ำ เขาเคยให้โอกาส...ชวนเธอเข้าพวก แต่ที่เธอต้องตอบแทนกลับเป็นการ
เลือกข้างตรงข้ามในที่สุด มันเป็นการตัดสินใจแสนยากเย็นเมื่อนพคุณร้องขอให้แกล้งไปเข้ากับพวกนั้น

เธอกำลังจะได้กลับไปเป็นนางเอกอยู่รอมร่อแล้วแท้ๆ
แต่สุดท้ายกานต์รวีก็เลือกนพคุณ ปลอบใจตัวเองว่าวันหน้าฟ้าใหม่เธออาจมีโอกาส
ได้กลับไปเป็นดารา ไม่ว่ายังไงฝ่ายหมอสุทัศน์ก็คือศัตรูของทีมปล้นที่ต้องจัดการให้รู้กันไปข้างหนึ่ง

กานต์รวีเคยคิดว่าคงไม่กระไรนัก คนอย่างเธอหักอกพวกที่เข้ามาชอบจนชินชา
แต่พูดถึงช่วงที่ผ่านมาซึ่งต้องพาตัวเข้าไปสนิทสนม เธอใช้เวลากับสาวห้าวคนนี้ไม่น้อย
คุยเรื่องสัพเพเหระอันไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานที่ต้องทำเลยสักนิดก็มาก
แม้จะทำว่ารังเกียจเขา แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่ากลายเป็นคนสนิทกันไปแล้ว
...ส่วนหนึ่งของใจที่เธอเปิดให้อีกฝ่ายกลับเป็นของจริง

แถมหลายวันมานี้กานต์รวียังนอนหลับไม่สนิท ทุกครั้งที่เคลิ้มๆใกล้หลับ
หูเธอยังไม่วายได้ยินเสียงรบกวนนั้น เสียงเดิมที่ได้ยินในวังห้าธาตุ

‘จะเลือกชีวิตเธอเอง หรือเลือกนพคุณ!’



สุดซอยเปลี่ยวคือที่หมายของเขา บ้านหลังใหญ่หลังนั้นที่เขาสั่งให้เธอรออยู่
ระหว่างทาง เขาเดินผ่านซอยซึ่งมีบ้านปลูกประปรายสลับกับพื้นที่ซึ่งปล่อยให้หญ้า
และวัชพืชไร้ราคาขึ้นสูงท่วมหัว เสียงหรีดหริ่งรำพันกรีดปีกกล่อมกลืนไปกับลม
คืนนี้ไม่มีเค้าฝน จะมีก็แต่เมฆหนาหนักครืนครางมาปกคลุมใจอย่างช่วยไม่ได้

หลายคืนมาแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องสุวิชาซึ่งนับว่าเป็นเรื่องใหญ่กว่าการตกตายสักหลายชีวิต
นพคุณก็เริ่มฝัน ในฝันนั้นเขาเดินไป ดูจะเป็นการเดินที่มีจุดหมายเหมือนอย่างที่เดินอยู่ในเวลานี้

ใครบางคนแทงเขาจากด้านหลัง! แทงมาตรงๆที่หัวใจ
แล้วเขาก็ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น เริ่มเดินใหม่นับครั้งไม่ถ้วน...

ทุกครั้งที่หันไป มันคือมือของคนที่เขาไว้ใจ เริ่มจากมือเธอ
วิญญาณสาวที่เขาใกล้ชิดเวียนไปเป็นมือของไอ้เอก สุวิชาหรือแม้แต่ครูฤทธิ์

สิ่งนั้นทำให้เรี่ยวแรงถดถอย จนท้ายที่สุด เขาอยากหยุดเดินเอาดื้อๆ
ทว่าในความเป็นจริงเขาก็ยังเดินอยู่เช่นนี้ นิ้วโป้งเกี่ยวกระเป๋ากางเกง
ก้าวย่างมั่นใจ แม้ที่รออยู่ข้างหน้าจะเป็นความตายก็หยุดเขาไม่ได้จนกว่า...

นั่นสิ จนกว่าอะไรกัน?

ล่วงเข้าสู่บ้านของคนแปลกหน้าที่ปิดไฟมืดสนิท ก้าวไปสู่ห้องนอนแขกซึ่งตน
ใช้อาศัยมาหลายวัน วิธีงัดบ้านเข้ามาอยู่เช่นนี้เป็นทางที่สืบสาวถึงตัวเขาได้ยากที่สุด
และก็เคยทำมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่ลึกๆแล้วมันก็น่าละอาย

ชีวิตที่ทำแต่เรื่องชวนละอาย นพคุณถอนใจ ทุกอย่างสายเกินไปเมื่อแม่เขาตาย
เงินที่หามาได้ไม่มีใครช่วยใช้ สายเกินไปแม้แต่เพื่อนคู่ใจก็ยังรักษาไว้ไม่ได้
ตอนนี้สิ่งมีค่าของเขาก็เหลือเพียง...

ยามผลักประตูห้องนอนเข้าไป ในมือเขามีเชิงเทียนที่หยิบติดมาจากชั้นล่าง
สิ่งแรกที่ตาเห็น เหรียญทองสะท้อนวาวอยู่ข้างหน้าต่าง เคียงข้างกันนั้นมีเงากระต่ายตัวเล็ก
กำลังขยับยืนสองขา หันมาต้อนรับเขา มองสบตาอย่างสนอกสนใจและค้นหา

นี่หรือ...สิ่งมีค่าของเขา ดูเหมือนจะใช่ แต่ก็ดูเหมือนเขาไม่รู้จักส่วนเสี้ยว
ของสิ่งตรงหน้านี้เลย ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ หรือว่าเจ้าตัวยุ่งที่จ้องมองมา

ชายหนุ่มวางเชิงเทียนลงบนฝาตู้ลิ้นชักซึ่งสูงเพียงเอว
ขยับจุดเทียนเล่มแรกเพิ่งเสร็จเมื่อเสียงนุ่มๆดังขึ้นข้างกาย

“อย่าจุดเทียนได้ไหม ไม่ชอบ...”

เขาเกือบหันไปกลั่นแกล้งยียวนว่าทำไมจะต้องทำที่เธอชอบ
ทว่าเมื่อเห็นแววตาซึ่งสะท้อนเปลวเทียน ริ้วรอยของความกลัวชัดเจน
ในดวงตากลมดำขลับ ชายหนุ่มจับจ้องแน่วนิ่ง หมายจะค้นให้ลึกลงไป

จนเป็นลมจากมือเรียวที่ยื่นมาปัดเป่าให้เทียนนั้นดับลงด้วยตัวเอง
เหลือเพียงแสงดาวพราวฟ้าจากนอกหน้าต่างพรายเลื่อมไหวลงจับ
การเคลื่อนไหวทั้งมวลตรงริมหน้าต่าง เธอมองสบตาเขา

กึ่งกล้ากึ่งหวั่นไหว กึ่งซื่อตรงกึ่งซ่อนเร้น

ในแววตานั้นยังเปิดเผยความนัยบางอย่าง
คล้ายเช่นที่มีอยู่นานแล้ว แต่เขาแกล้งทำไม่รับรู้ตลอดมา

“ขอเตือน” ชายหนุ่มเริ่มด้วยเสียงเบาทว่าชัดเจน
“อย่าหลงรักฉัน...เพราะฉันไม่มีความรักจะให้ใคร ชีวิตนี้เกิดมาคนเดียว ตายคนเดียว”

“ใครจะไปหลงรักตัวเอง”
คนฟังเถียงทันควันด้วยเสียงเบาพอกัน ซ่อนประกายบางอย่างไว้ด้วยเสียงที่ปรับให้รื่นเริง

“ก่อนจะมาอยู่แบบนี้จำอดีตได้บ้างไหม” นพคุณถาม

“จำได้...บางอย่าง”

เขาทำท่าคล้ายอยากจะถามต่อ แต่แล้วกลับโคลงศีรษะ

“ราตรีมีจันทร์...พึงเสพสุขสุราหวานน้ำผึ้งจนหมดไห ดื่มหมดแล้วไซร้ ค่อยทุบไหยามฟ้าไร้จันทร์”

คำที่ไม่ได้จำมาจากไหน จู่ๆก็เกิดลิ้นกวีขึ้นเฉียบพลันอย่างหาได้ยากจะไปคิดถึง
วันหม่นมืดเพื่ออะไร สู้หลอกตัวเอง ให้มันมาถึงช้าลงอีกนิดไม่ดีกว่าหรือ
“นั่นสินะ ฉันจะถามถึงเรื่องอดีตอนาคตไปทำไม วันนี้มีความสุขก็พอแล้ว”
ชายหนุ่มเดินไปทิ้งตัวเอกเขนกบนเตียง

“หน้าตาแบบนั้นมันแปลว่ามีความสุขแล้วเหรอ?!” ตัวนุ่มเท้าสะเอว
เริ่มจะมีอารมณ์เล่นขึ้นมาบ้างหลังจากสีหน้าของเขาผ่อนคลายลง

ก็วันนี้ ตอนเก้ารับโทรศัพท์แล้วออกไปตอนบ่าย... เธอเกือบคิดว่า
หลังจากเขากลับมาทุกอย่างจะถูกทำลายไม่เหลือ จะไม่มีบรรยากาศแบบนี้
หวนมาระหว่างกันอีก หรือว่าเธอกำลังฝันอยู่?

“งั้นก็ทำให้อารมณ์ดีสิ เร็วๆเข้า” นพคุณหลับตาลง ใจหนึ่งไม่คาดหวังว่าจะเอา
แก่นสารอะไรได้จากคำขอที่เอ่ยออกไป ทว่าเมื่อลืมตา...

ภาพหญิงสาวผมกระดกเป็นตูดเป็ดดูเหมาะเหม็งในชุดกระโปรงสั้น
ซับซ้อนหลายชั้นฟูฟ่องคล้ายหางเครื่องลูกทุ่งสะเดิด บนหัวมีหูกระต่ายยวนยั่ว
เจ้าตัวหมุนกายอวดให้ดูที่เหนือบั้นท้ายนั้นเล่าก็มีหางกลมใหญ่เป็นปุยขาวประดับอยู่
นี่มันบันนี่เกิร์ลยุคไหน!

“อายุสิบห้าได้มาเป็นสาวรำวง---”

เสียงเพลงแหลมแหวกอากาศส่งให้ชายหนุ่มลุดพรวด
ชันตัวขึ้นมานั่งคอแข็งสีลาการเต้นยักย้ายส่ายสะโพกยึกยักชักกระตุกคล้ายหนอนถูกขี้เถ้า
แถมเสียงร้องที่หลงผิดคีย์อย่างเหลือเชื่อว่าจะออกมาจากปากสวยๆหน้าหวานๆอย่างที่ตาเห็น

“มาใส่กระโปรงวับๆแวมๆ”อืม จังหวะหมุนตัวโลดโผนแบบนี้น่าจะดูดีพอให้เขาชอบ...

คนกำลังมัวเซิ้งไม่ได้หันมองเลยคนฟังกำลังเริ่มเอามือคลึงขมับอย่างปวดหัวจัด
กับหางกระต่ายขาวพร่างที่ไหวโยนเด้งขึ้นลงในความสลัวของห้อง

“ไฟสลัวมัวเหมือนคืนเดือนแรม... อะร้าแอร่มอยู่บนฟลอร์เต้นรำ”

ความวิงเวียนมึนงงทำให้นพคุณเผลออ้าปากค้าง
มองยายบ๊องเต้นกระแด่วอยู่ตรงหน้าไปแล้วครึ่งเพลง ที่สุดก็ทนไม่ไหว เส้นประสาทขาดดังเปรี๊ยะ

“พอ! หยุดที!”


...ห้านาทีจากนั้น บรรยากาศกลับสู่ความสงบวิเวกราวป่าช้า

เนื่องจากเจ้าของบ้านคงวางแผนจะจากไปไม่นาน น้ำไฟในบ้านไม่ได้ถูกตัด
แม่กระต่ายสาวที่หัดยั่วไม่ขึ้นจึงดอดไปเปิดคอมพิวเตอร์ แสงจอสว่างวามในห้องที่มืดสนิท
ได้อาศัยยืมใช้อินเตอร์เนทจากข้างบ้านตามที่ชายหนุ่มเป็นคนจัดการไว้ก่อนนี้แล้ว
ตัวนุ่มหมายใจจะตั้งหน้าเสิร์ชหาขั้นตอนการยั่วยวนที่ถูกต้อง เธอต้องทำอะไรผิดไปแน่ๆ
เขาถึงได้นอนกอดอกหันหลังให้อย่างนั้น เหมือนจะบอกว่าถ้าต้องดูเธอเต้นสู้เอาเวลาไป
นอนเสียยังดีกว่า ทำไมการเต้นยั่วถึงกลายเป็นเต้นยั่วโมโหไปได้ ไม่เข้าใจเลย

เธอถูกส่งมายั่วยวนเขา... บางทีก็ไม่อยาก บางทีก็เกิดอยากทดลองเสน่ห์หญิงของตนดูบ้าง
ทำอย่างไรถึงจะยั่วได้อารมณ์พอ? หรือนี่เป็นความผิดของชุดที่เลือกมา?!

หน้าค้นหานำพาไปจนถึงร้านค้าออนไลน์ที่ขายเสื้อผ้ายวนตายวนใจชาย
อะไรประเภทที่เรียกว่าชุดนอนใส่แล้วไม่ได้นอนประโยคนั้นกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น
อย่างสุดระงับ หญิงสาวจึงคลิก...ทว่า ภาพที่ปรากฏบนจอทำเอาลมออกหู
เลือดลมสูบฉีดหวีดหวิวคล้ายจะตีขึ้นมาจากท้อง

คนกำลังแอบดูของต้องห้ามหน้าแดงก่ำ ชุดนอนไม่ได้นอน
เธอไม่ได้ต้องการถึงขนาดนี้ซะหน่อย แล้วถ้าเกิดว่า...
ในเมื่อเขาสัมผัสกับวิญญาณได้ไม่ต่างจากคนมีเลือดเนื้อ
เป็นไปได้ไหมที่เขาเห็นการแต่งกายยั่วยุระดับนี้แล้วเกิดอยากจะปลุกปล้ำทำเรื่องบัดสีกับผีสักตน

“ไม่นะ--” หญิงสาวขยี้ตามองภาพในจอ หน้ายิ่งแดงขึ้นอีก

เสียงครางเบาแสนเบาเป็นตัวเรียกให้ชายหนุ่มลืมตา เขาค่อยๆพลิกกายหันไป
เห็นคนมีปัญหากำลังบิดตัวเป็นเกลียวอยู่หน้าจอคอมในห้องที่มืดสนิท กำลังดูอะไรกันนะ

“อึ๋ย--- ใส่แบบนี้หนาวก้นตายเลยไหม” คนบ่นทำตัวห่อเหี่ยว
ก่อนจะไหลลงไปนอนฟุบหายใจหอบอยู่หน้าจออย่างหมดแรง

“ผ้าบางจ๋อย ใส่ทีเดียวขาด”

เสียงต่ำพร่าเจือรอยขำจางๆร่วมออกความเห็นจากเบื้องหลัง
พาเอาคนแอบทำลับๆล่อๆสะดุ้งพรวด พอเห็นเขาเข้ามาเท้าแขนคร่อมเก้าอี้ไว้จึงเปลี่ยนร่างเป็นกระต่าย
โจนหนีทันที ไม่คาดว่าถูกคว้าตัวไว้ได้กลางอากาศ เสียงร้องประท้วงอิ๊อ๊ะไม่ได้
ทำให้หลุดพ้นเงื้อมมือใหญ่ไปได้ โดนชายหนุ่มอุ้มกลับมานั่งจ้องจอต่อด้วยกัน
พลางชี้ชวนอย่างออกรส

“โอ้โห ดูอะไรเนี่ย...อยากได้สักชุดหรือไง เธอชอบแต่งตัวนี่ใช่ไหม”
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างใจกว้าง ไม่สนใจเจ้าตัวที่กำลังสั่นเทาในอ้อมแขน
“ชอบอะไรประมาณนี้ก็ไม่บอกแต่แรก หรือจะดูเว็บที่เปิดมากกว่านี้
แบบเห็นกันชัดๆเลยกลับร่างเป็นคนเดี๋ยวนี้สิ จะได้ศึกษาไปพร้อมๆกัน”

นพคุณก้มลงดูในอ้อมแขน ก้อนขนสีขาวที่ซบคาแขนเขาอยู่ตอนนี้แกล้งตายคร่อก
คอพับคออ่อนไปเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มหัวเราะในคอก่อนจะปิดคอม
จัดแจงพาเจ้าตัวนุ่มเข้านอน รอยยิ้มยังคงแต่งแต้มอยู่บนใบหน้ายามเคลิ้มหลับไป

ตัวนุ่มเองแอบเห็นยิ้มของเขาแล้วในความมืด
ก็ได้แต่หวังยิ้มนี้จะยังคงอยู่ไปได้อีกนานๆ



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ต.ค. 2557, 16:55:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ต.ค. 2557, 16:55:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 1221





<< ๖.๔ ราคาของเพื่อน(จบ) - ถึงก่อนบท คืนฟ้าไร้จันทร์   
บุลินทร 13 ต.ค. 2557, 17:12:51 น.
พญามารคือคนที่เลวร้ายระดับนึง

ทำไมวันนี้ไม่มีคนลงนิยายเลยหว่า ดีนะที่อสิตามาลงเป็นเพื่อน


ketza 13 ต.ค. 2557, 17:17:28 น.
ตามพี่เก้ามาค้าาาา เกดนุ่มมาแย้ววว


yimyum 13 ต.ค. 2557, 17:23:18 น.
ตัวนุ่มก็ทำน่ารักๆ อีกสิ พี่เก้าจะได้ยิ้มนานๆ ^^


ใบบัวน่ารัก 13 ต.ค. 2557, 17:40:43 น.
ตัวนุ่มไปตกยุค อยู่ไหนมา สาวรำวง เจ้บอกได้เลยนะตัวนุ่ม บ้านนอกม๊ากๆๆ
มาเจ้เลือกให้เอาปะ ชุดนอนที่ไม่ได้นอน หรือเอาชุดคอสเพ แม่บ้านน่ารักๆดี
เด๋วเจ้ จุดธุปไปให้ ไม่ต้องอายทำแกล้งตายหรอก ทีจูบกันกลางงานวัดยังกล้า
รักเก้าก็รักไปว่าแต่ตัวนุ่มอายุเกิน 18 ขวบยังสงสารเก้าเข้าข้อหาพรากผู้เยาว์นะ


lovemuay 13 ต.ค. 2557, 18:47:12 น.
ตัวนุ่มสินะ ลูกสาวของราเชนทร์ ท่าทางเขาทรายก็น่าจะรู้อะไรอยู่ แต่จะเตือนออกมาตรงไม่ได้


goldensun 14 ต.ค. 2557, 10:30:57 น.
ตัวนุ่มมีแอบน้อยใจที่เก้าไม่ไว้ใจด้วย แต่ก็ดูเป็นคนใกล้ตัวเก้ามากๆๆๆๆ แล้วนะ ทำให้อารมณ์ดีได้ด้วยนี่คะ
คิดได้ยังไง ที่ทำอย่างนั้น ถือว่ายั่วยวนแล้ว
จิตพญาดำหลุดออกมา สิงร่างใคร ราเชนทร์รึเปล่า ส่วนลูกสาว ตัวนุ่มหรือคะ
ปมวุ่นๆ กันดีแท้ เล่นกับความรู้สึกของคนนี่ หน้าที่กับหัวใจแท้ๆ เลย


ketza 14 ต.ค. 2557, 12:44:13 น.
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
น่ารักกกกกกกกกกกกกกก
ตัวนุ่มเต้นดุ๊กดิ๊ก เซิ้งสะบัด กร๊ากกกกกกกกก
ไม่ไหวแล้วววววววว ทำไมช่างน่ารักขนาดนี้ อ๊ายยยยยยยยย ดิ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account