...คาสบลังก้า...ดารัลฟาเดล...(จบแล้วค่ะ)
สืบเนื่องมาจากเรื่อง "อะรูซะตี...เจ้าสาวของผม"
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของลูกสาวสุดหวงของหมอดานีส
กับนาดา โดยเรื่องราวของคุณพ่อเมื่ิอครั้งก่อนนั้น
จะเป็นแนา "แต่งก่อนจีบ"
แต่สำหรับรุ่นลูกแล้ว จะเป็นแนว "จีบก่อนแต่ง"

ต้องมาคอยดูกันค่ะว่า จะจีบกันอย่างไร แล้วคุณหมอดานีส
ที่ต้องมารับบทบาทเป็นพ่อของลูกทั้งเจ็ดจะตกอยู่ในสภาพเช่นไร..
แล้วนาดาจะเป็นแม่แบบไหน...



เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของเมือง
"คาสบลังก้า" หรือ "อัดดารัลบัยฎออ์"
ซึ่งแปลว่า..."บ้านสีขาว"
ดินแดนในฝันดั่งต้องมนต์เสน่หาแห่งโมร็อกโก...
กับดินแดนอันแสนอบอุ่นด้วยไอรักแห่งแดนอาทิตย์อุทัย...

พบกับเขาและเธอ...

...ดารัล...ฟาเดล...

หญิงสาวที่หัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความรักความอบอุ่น
จากครอบครัวอันแสนสุขและน่ารัก...
ชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่เคยต้องการสิ่งใดอีกแล้ว
เพราะเธอพอใจทุกอย่างที่มีมาตลอด

จนเมื่อเจอกับเขา...ที่นั่น "คาสบลังก้า"
เขาทำให้เธอไม่อาจลบลืมมนต์เสน่หาของที่นั่นได้เลย
ไม่ว่าจะยามหลับหรือตื่น...

กับ

ชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยรูปเปลือกที่สวยงามสมบูรณ์
หากภายในใจนั้นยังคงโหยหาไออุ่นแห่งรักจากใครสักคน
มาเติมเต็มหัวใจกำพร้าของเขา...

แล้วเธอคือผู้ที่เขาค้นพบว่ามีทุกอย่างที่เขากำลังต้องการอยู่
ดังนั้น...ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาก็จะปล่อยเธอ
ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!




Tags: หวานซึ้งโรแมนติก ดราม่า โมร็อกโก คาสบลังก้า ทะเลทรายซาฮาร่า ดารัล ฟาเดล โสภณพสุธ

ตอน: บทที่ 11 ไฟริษยา




ไฟริษยา

ดารัลหยุดมือที่กำลังหยิบขนมที่เพิ่งเอาออกมาจากตู้อบ
เพื่อจัดวางลงในจานที่เตรียมไว้เมื่อได้ยินเสียงรถที่เธอจำได้ดี
ว่าเป็นเสียงรถของใคร อย่าว่าแต่เสียงรถเลย เสียงเดินของเขา
เธอก็ยังจำได้ แม้แต่กลิ่นกาย กลิ่นน้ำหอมที่เขาใช้ ทุกอย่างเธอก็จำได้…

หญิงสาวยิ้มด้วยแววตาดีใจก่อนจะผละมือจากงานตรงหน้า
เดินไปต้อนรับเจ้าของรถคันดังกล่าว

ภาพที่เห็นเขาเดินลงมา แล้วอ้อมไปยังประตูอีกฝั่ง
พร้อมกับเดินมาหาเธอด้วยหญิงสาวอีกคน ทำให้คิ้วสวยขมวด
เพียงนิดแล้วหายไปเมื่อเห็นรอยยิ้มที่เขาส่งมาให้เธอ…

หญิงสาวรับกระเป๋าทำงานจากมือเขามาถือไว้อย่างที่เคยทำ
แรกๆเขาไม่ยอม แต่เธอบอกว่าอยากทำให้ เขาก็เลยหอมแก้ม
เป็นรางวัลให้ประจำ…

“นี่คุณนาตาชา ที่ทางโรงแรมของคุณย่าอะมานีส่งตัวมาดูแลโครงการใหม่…
และเธอจะมาเป็นผู้จัดการสาขาที่นี่ครับ…”

ฟาเดลแนะนำหญิงสาวข้างกายให้ภรรยารู้จัก และไม่ลืม
แนะนำภรรยาของตนให้อีกฝ่าย

“แล้วนี่ดารัล ภรรยาของผมครับ คุณนาตาชาน่าจะรู้จักเธอดี
เพราะเธอเป็นหลานสาวคนโตของคุณย่าอะมานี…”

สองสาวจึงทักทายด้วยการสัมผัสมือกัน ส่งยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร
ก่อนเดินเข้าไปยังคฤหาสถ์หลังงามที่อยู่ท่ามกลางสวนสวย

“คุณปู่กับคุณย่าล่ะครับ…”ฟาเดลหันมาถามภรรยาที่เขาแทบอยากจะ
เข้าไปกอดเธอหอมแก้มเธอตั้งแต่เห็นหน้าเธอตอนมายืนรอรับเขาแล้ว
หากก็ไม่อยากทำอะไรประเจิดประเจ้อต่อหน้าคนอื่น
เพราะรู้ดีว่าภรรยาสาวนั้นขี้อายและไม่ชอบให้เขาแสดงความรักให้คนภายนอก
เห็นสักเท่าไหร่…เลยทำให้เขาต้องอดใจเอาไว้

“อยู่ในสวนค่ะ กำลังเพลินอยู่กับต้นไม้พันธุ์ใหม่ที่เพิ่งนำมาลง…”
ดารัลพูดขณะวางกระเป๋าทำงานของฟาเดลไว้ตรงโซฟา

“แล้วน้องรัลล่ะครับ กำลังทำอะไรอยู่…”

“น้องรัลกำลังทำของว่างอยู่ค่ะ…วันนี้เป็นพายผลไม้
เห็นคุณย่าบอกว่าพี่ฟาเดลชอบ…”ดารัลตอบผู้เป็นสามีอย่างเอาใจ
ก่อนจะหันไปทางแขกของเขาแล้วยิ้มให้

“นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะไปเอาน้ำกับของว่างมาให้นะคะ…”
ว่าแล้วก็ขอตัวไปยังห้องครัว
ก่อนจะหยิบของว่างดังกล่าวลงบนจานท่ีวางเตรียมไว้…

กลิ่นหอมของมันอบอวนไปทั่วทั้งห้อง…สร้างความรื่นรมย์ให้คนทำไม่น้อย
แล้วหันไปเปิดตู้เย็น รินน้ำลงไปในแก้ว
แต่น้ำเป็นอันต้องกระฉอกออกมานอกแก้วเมื่อมีมือดี
สอดเข้ามาทางด้านหลังรวบเอวของเธอเอาไว้
ก่อนที่แก้มทั้งสองข้างของเธอจะโดนฉกไปสองฟอด
พร้อมเสียงหัวเราะหึๆในลำคอ…

ดารัลแอบยิ้มเมื่อรู้ว่าเขารู้ว่าเธอจำเสียงเดินของเขาได้
เขาก็เลยย่องเสียเหมือนตีนแมวจนเธอที่เพลิน
กับงานตรงหน้าไม่ได้ยินและไม่ทันได้ตั้งตัว…
เผลอให้เขาลักไก่ไปโดยละม่อมอย่างนี้…

“หอมจัง…”

“งั้นก็ไปรอข้างนอกเลยค่ะ…เดี๋ยวน้องรัลพาไปเสริฟให้”ดารัลพยายาม
เบี่ยงหลบจมูกโด่งที่ดูจะซุกซนเหลือเกิน

“ไม่เห็นต้องเสริฟเลย…แค่ยื่นแก้มมาให้พี่ก็พอ…”
ปากเขาก็ช่่างหาทางเอาเปรียบเธอได้ตลอด…แล้วลำแขนน่ะ เมื่อไหร่จะเลิกรัด

“แล้วนี่ทิ้งแขกมาได้ยังไงคะ เสียมารยาทจริงๆ…”
ดารัลดุอีกฝ่ายอย่างไม่จริงจังนัก

“ก็พี่คิดถึงน้องรัล…อยากกอดอยากหอมแก้มจนอดใจรอไม่ไหวนี่
ตอนทำงานก็คิดถึง…คิดถึงตลอดทั้งวัน…”ดารัลยิ้มกับจานพายผลไม้
ที่เธอกำลังวางลงบนถาดพร้อมกับแก้วน้ำดื่ม

“ปากหวานขนาดนี้ แสดงว่าของหวานก็ไม่จำเป็นแล้ว…
เพราะหวานพอแล้ว…”ฟาเดลส่ายหน้า

“หวานไม่เคยพอ…”แล้วเขาก็ฉกแก้มเธอไปได้อีกสองฟอด

“อยากได้แบบหวานๆกว่าที่เคยได้…”

“งั้นฝันหวานไปก่อนนะคะ…”ดารัลหันมายิ้มให้คนช่างอ้อน

“โธ่…น้องรัล…”

“ผ่านมาได้แค่สิบวัน…ยังจะมาอุทธรณ์อีก…ท.ทหารอดทน ท่องไว้ค่ะ ท่องไว้…”
ท.ทหารอดทนที่ถูกบังคับให้เข้าร่วมฝึกประจำการกองรบ
ที่มีข้าศึกเป็นคนสวยหวานทรมานใจชายชาตรี
ที่ทั้งน่ารักน่ากอดแต่ใจร้ายมาร่วมสิบวันถึงกับทอดถอนใจ…

“สิบวันนานเหมือนสิบปี…แล้วพี่ก็ไม่ใช่ทหารสักหน่อย
ทำไมต้องอดทน…อยากเปลี่ยนเป็นธ.ธงเมียนิยม…บ้าง”

ฟาเดลบ่นปอดแปด ทำเอาคนที่ถูกกอดถึงกับหัวเราะคิก
กับประโยคหลังของเขา…มีที่ไหนนะ ธ.ธงเมียนิยม…
คิดมาได้ สงสัยต้องให้กลับไปท่องพยัญชนะไทยใหม่ซะแล้ว…
แม้หน้าตาจะไม่ออกไทย แต่ก็เป็นลูกครึ่งไทย…ท่องพยัญชนะไทย
แบบนี้เห็นจะทำให้ภาษาไทยวิบัติแน่…

“ถ้าทนไม่ได้ ก็ต้องนอนนอกห้องนะคะ…”คนถูกขู่ถึงกับหน้าแหย

“ใจร้าย…”

“ง้ัน วันนี้งดขนม เพราะคนใจร้ายไม่ให้กินแล้ว…”
ดารัลว่าพลางทำท่าจะยกถาดที่เตรียมของเสร็จแล้วขึ้น
แต่ดูเหมือนเจ้าของวงแขนที่โอบรัดเธออยู่เหมือนงูจะไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ

“ขอชื่นใจอีกนิดนะ…”

“พอได้แล้วค่ะ…”ดารัลเบี่ยงหน้าหลบจมูกและปากของคุณสามีที่ซุกซนเหลือจะปราบ
นี่คิดจะเปลี่ยนเป็น ล.ลิงไต่เมียแล้วหรือไงนะ…
ทำไมถึงได้ไต่ไปไต่มาไม่ยอมปล่อยอย่างนี้…

“แก้มช้ำหมดแล้วเนี่ย…”หญิงสาวบ่น ยกมือปาดแก้มตัวเองป้อยๆอย่างขัดเขิน
เมื่อสบตาคมที่จ้องมองมา

เสียงหัวเราะของเขาส่งผลให้หญิงสาวเขินจนค้อนให้วงใหญ่…
และยิ่งหน้าแดงยกกำลังสองเมื่อได้ยินเสียงจากแขกของเขา
ที่กำลังยืนยิ้มอยู่ตรงประตูทางเข้าห้องครัว…

ฟาเดลเลยผละออกจากร่างบางที่เขากอดไว้อย่างเสียดายแล้วหันไปทางแขก

“ขอโทษด้วยจริงๆค่ะ…ช่าแค่อยากเข้ามาช่วย…
ห้องครัวที่นี่สวยและทันสมัยมากเลยค่ะ…น่าทำอาหารจริงๆ”

น้ำเสียงและท่าทางเกรงๆกับสายตาสำรวจไปรอบๆนั้น
ทำให้สองสามีภรรยาที่กำลังเขินอายเปลี่ยนเป็นยิ้มยินดี

“งั้น เดี๋ยวพี่ฟาเดลยกถาดนี้ออกไปเลยนะคะ
เดี๋ยวน้องรัลเตรียมน้ำผลไม้และกาแฟตามไป…
ว่าแต่คุณนาตาชาจะรับชาหรือกาแฟดีคะ…”

ดารัลไม่ลืมหันไปถามแขกที่ตอนนี้เข้ามายืนใกล้ๆกับสามีของเธอ
แล้วรับถาดของว่างจากมือของฟาเดลไปถือเอาไว้เสียเอง…

“ขอเป็นชาร้อนแล้วกันนะคะ…”
เสียงหวานเอ่ยพร้อมยิ้มบางที่ไม่เคยขาดหายไปจากใบหน้า

“ได้ค่ะ…”ว่าพลางดารัลก็หันไปเตรียมชุดถ้วยชากาแฟมาวางไว้บนโต๊ะ
หันไปยิ้มให้คุณสามีกับแขก

“งั้นเดี๋ยวช่าเอาถาดเดินนำไปก่อนนะคะ…”
ดารัลรู้สึกเกรงใจแขกจนต้องเอ่ยปากกับสามีว่า

“พี่ฟาเดลไปรอในห้องรับแขกก่อนนะคะ…เดี๋ยวน้องรัลตามไป…”

“ครับ…”ฟาเดลรับคำพร้อมกับขอถาดจากมือของแขกมาถือไว้อีกครั้ง
หลังจากถูกแย่งไป แขกสาวมิได้ยื้อยุดเอาไว้พร้อมกับเดินตามหลังเขา
กลับไปยังห้องรับแขกอย่างว่าง่าย…

ตอนแรกตั้งใจจะตามหลังเจ้าของบ้านมา หวังจะเข้าไปสำรวจห้องครัวของบ้าน
มิได้ตั้งใจจะเข้าไปช่วยอะไรหรอก…
เพราะห้องครัวกับเธอดูจะไม่ค่อยสมพงษ์กันสักเท่าไหร่…
ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากเฉียดเข้าไป

แต่เพราะเห็นเขาเดินเข้ามาจึงอยากตามมาดูก็เพียงเท่านั้น
ไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพบาดตาบาดใจ
ภาพความหวานของสองสามีภรรยาทำเอาไฟริษยาในใจลุกโชน
จนแทบอยากจะเผาร่างของผู้หญิงคนนั้นให้กลายเป็นฝุ่นผงในอากาศ…
แต่ก็ทำไม่ได้…ทำได้แค่มองหญิงสาวในอ้อมกอดของคนที่เธอแอบรักแอบหมายปอง…
ไม่อาจป่าวร้องว่าอิจฉา ต้องคอยทำหน้าทำตาว่าเหมือนไม่มีอะไรอยู่แบบนี้…

อยากเป็น เธออยากเป็นเช่นผู้หญิงคนนั้นเหลือเกิน…

ดารัลช่างเป็นหญิงสาวที่น่าอิจฉา…ยิ่งได้มาเห็นคฤหาสถ์หลังงาม
ท่ามกลางสวนสวยหลังนี้แล้วก็ยิ่งเพิ่มความอิจฉาในตัวดารัลเข้าไปอีก

ขนาดคฤหาสถ์หลังงามและสวยที่กว้างขวางของคุณหมอดานีส
บิดาของดารัลที่เธอเคยเห็นว่าสวยสุดใจแล้วยังด้อยกว่าที่นี่อยู่หลายขุมนัก…

แม้ขนาดและความยิ่งใหญ่จะไม่ได้แตกต่างกันมากมาย
แต่เพราะความขลังแห่งมนต์เสน่ห์ของที่นี่ช่างดูดึงดูดใจ
ยิ่งกว่าคฤหาสถ์หลังงามที่ดารัลเคยอยู่อาศัยที่ญี่ปุ่นยิ่งนัก…

ทำไมนะ ผู้หญิงคนนี้ถึงได้แต่สิ่งดีๆมาโดยตลอด…
แม้ผู้ชายที่ดีแสนดีและเพียบพร้อมอย่างฟาเดล
ดารัลก็ได้มาครอบครองโดยง่าย

ทำไมสิ่งดีๆเหล่านี้ถึงไม่เคยตกมาอยู่ในมือเธอบ้าง…ทำไม!

หน้าตาเธอก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้หญิงคนนั้นเลย…
ความสามารถของเธอก็ไม่ได้น้อยหน้าอย่างแน่นอน…
แค่พื้นฐานทางสังคมและครอบครัวเท่านั้นที่ผู้หญิงคนนั้นเด่นกว่าเธอ

แค่นั้นเอง…และเธอจะไม่ขอยอมแพ้เพราะเรื่องแค่นั้นหรอก…

ยิ่งได้เห็นการแสดงออกซึ่งความรักที่เขามีให้กับดารัล
ต่อมอิจฉาของนาตาชาก็ยิ่งเดือดปุดๆ…

“พี่ลืมไปเลย…น้องรัลรอพี่แป๊บนึงนะครับ…”ฟาเดลลุกพรวดขึ้นทันที
เมื่อเห็นหน้าภรรยาที่ถือชุดชากาแฟมาวางไว้ตรงหน้าเขากับแขก
แล้วก็วิ่งพรวดออกไปนอกบ้าน…สองสาวหันมามองหน้ากัน
ก่อนจะส่ายหน้าแล้วยิ้มขันให้กันกับท่าทางนั่นของชายหนุ่ม

“ขี้ลืมประจำค่ะรายนี้…ไม่รู้ว่าวันนี้ลืมอะไรไว้ท้ายรถอีก…”

ดารัลเอ่ยพร้อมกับแววตาเอ็นดูคนที่พูดถึง
ทำเอาแขกถึงกับกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากนั่น
จนต้องรีบยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเพื่อลบความร้อนรุ่มในอก

แล้วสักพักเขาก็เดินกลับมาพร้อมตะกร้าในมือ
ดารัลมองตะกร้าใบน้ันอย่างพิจารณาและยิ่งสะดุ้งตกใจ
เมื่อเขายื่นมันให้เธอก่อนจะนั่งลงข้างๆเธอ

เสียงที่ดังมาจากตะกร้าทำเอาดารัลถึงกับตกใจ
รีบเปิดตะกร้านั้นออกดูทันที

“เจ้าเหมียว!”ดารัลอุทานออกมาพร้อมกับหันไปทางชายหนุ่ม
ที่นั่งยิ้มแป้นให้เธออยู่ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเบาด้วยแววตาสำนึกผิดว่า

“พี่เกือบทำมันตายไปแล้ว…”ดารัลหันมาสนใจกับเจ้าลูกแมวตัวสีขาว
หน้าตาน่ารักแล้วอุ้มมันขึ้นมาวางไว้บนตักอย่างรักใคร่เอื้อเอ็นดู

รอยยิ้มของเธอทำให้หัวใจของฟาเดลถึงกับชุ่มฉ่ำและฟองฟู

“กี่เดือนคะเนี่ย…”เสียงนั้นเอ่ยถามขึ้นทั้งๆที่ยังก้มหน้าก้มตาสำรวจ
เจ้าตัวน้อยที่ร้องแย้วๆอยู่

“เดือนเดียวครับ…พี่นึกขึ้นได้ว่าที่บ้านเพื่อนของคุณย่าชอบเลี้ยงแมว
และเห็นว่าน้องรัลอยากเลี้ยง…วันนี้พี่ก็เลยแวะไปบ้านท่านมา
ขอท่านมาเลี้ยง…ท่านบอกว่าให้เป็นของขวัญรับหลานสะใภ้ครับ…
แล้วสัญญาว่าพรุ่งนี้ท่านจะเอามาให้น้องรัลอีกตัว…เจ้าตัวเล็กจะได้ไม่เหงา…
ตอนพี่ไม่อยู่…น้องรัลเองก็จะได้ไม่เหงาเหมือนกัน…”

น้ำเสียงของเขาดูเอื้อเอ็นดูทำเอาดารัลถึงกับหัวใจกระตุก
ความหวานแล่นผ่่านเข้าสู่หัวใจ…ยิ่งแววตาที่เขาทอดมองมา
ยิ่งทำให้หัวใจของเธออ่อนลงจนแทบละลาย…
มือบางที่ลูบขนฟูๆของเจ้าตัวเล็กในตักอยู่ถึงกับสั่นนิดๆ…

“ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดีมากๆ เดี๋ยวน้องรัลได้เจอท่านแล้วจะตกหลุมรักท่านเหมือนพี่…”
ฟาเดลเอ่ยเสียงทุ้มหวาน แทบจะลืมแขกอีกคนที่นั่งอยู่อีกฟากไปเสียสนิท
หากไม่มีเสียงใสๆขัดการสนทนาขึ้น

“น่ารักจังเลยนะคะ…ขนปุยสีขาว นุ่มน่ากอดเชียว…ขอช่าอุ้มได้มั้ยคะ”

ดารัลที่ดูจะตื่นเต้นกับเจ้าเหมียวตรงหน้าจนลืมแขกไปเสียสนิท
ถึงกับตกใจก่อนจะหันไปยิ้มให้เจ้าของเสียงแล้วยื่นเจ้าเหมียวไปให้
นาตาชารับเจ้าเหมียวมาอุ้มไว้บนตักแล้วลูบขนมันเบาๆ
ด้วยแววตารักใคร่…

อะไรที่เป็นของฟาเดล เธออยากครอบครองมันทุกอย่าง…

ทำไมนะ ทำไมต้องเป็นดารัลที่ได้ทุกอย่างจากเขาไปเสมอ…

แม้กระทั่งแมวซึ่งเป็นสัตว์ที่เธอไม่เคยคิดจะชอบหรือคิดที่จะเลี้ยงมาก่อน
ตอนนี้เธอก็นึกเกิดอยากได้มันมาครอบครอง…จะเพราะอะไรล่ะ
ถ้าไม่ใช่เพราะมันเป็นสิ่งที่ฟาเดลมอบให้คนที่เขารักน่ะสิ…

“คุณนาตาชาชอบแมวหรือคะ…”เสียงใสถามอย่างเอาใจ

“ค่ะ…ชอบ…”หญิงสาวเงยหน้าขึ้นตอบ แล้วก็ได้เห็นดารัลหันไปทางฟาเดล

“พี่ฟาเดลพอจะหาเจ้าเหมียวให้คุณนาตาชาสักตัวได้อีกมั้ยคะ…”
ถ้อยคำนั้นทำให้ความหวังของนาตาลุกโชน เธออยากได้

ใช่ อยากได้อะไรก็ได้ที่ฟาเดลหยิบยื่นให้…

“ถ้างั้น…พรุ่งนี้น้องรัลลองอ้อนคุณย่ามาเรียดูสิ…คุณย่ามาเรียมีแมวเยอะ…
ขอเพิ่มอีกสักตัวสองตัวท่านคงไม่ขัดข้อง พี่ว่าน้องรัลต้องทำได้อยู่แล้ว…
เพราะขนาดพี่ยังใจอ่อนกับน้องรัลเลย
คุณย่ามาเรียน่ะขี้สงสารคนอยู่ด้วย…อ้อนท่านเข้าไว้
รับรองได้แมวมาเลี้ยงเพิ่มอีกแน่นอนครับ…”

นาตาชาถึงกับหน้าเปลี่ยนสีไปเลยเมื่อฟังฟาเดลเอ่ยกับภรรยา…
ไอ้สิ่งที่คาดหวังไว้ดูจะไม่ยอมเป็นไปอย่างที่หวังง่ายๆเสียแล้ว

“งั้นน้องรัลจะลองดูค่ะ…”ดารัลยิ้มอย่างมีความหวัง
ก่อนจะหันมายิ้มให้กับแขกของบ้าน

“ถ้าฉันทำสำเร็จ จะยกเจ้าเหมียวให้คุณนาตาชาไปเลี้ยงนะคะ…”

“ไม่เป็นไรค่ะ…อย่าถึงกับต้องทำอย่างนั้นเลย…
ถึงช่าจะชอบเจ้าเหมียวขนาดไหน…แต่ช่าคงไม่มีเวลาเลี้ยงเจ้าเหมียวแน่ๆเลยค่ะ…
เพราะว่าต้องทำงาน…กว่าจะเลิกงานกลับถึงพี่พักก็ดึกๆดื่นๆ
มาอยู่ที่นี่ก็มาอยู่คนเดียว หัวเดียวกระเทียมลีบ…
กลัวเจ้าเหมียวจะเหงา เพราะเจ้าของไม่ได้เฝ้าดูแลเอาใจ

เอาไว้ถ้าคิดถึงเจ้าเหมียว อยากอุ้มเจ้าเหมียวเมื่อไหร่
จะขอมาเยี่ยมดูที่นี่จะได้มั้ยคะ…”

นาตาชาเริ่มปูทางที่จะแวะมาที่นี่ได้อย่างแยบยล…

“ตามสบายเลยนะคะ อยากมาเมื่อไหร่ก็มา…ที่นี่ยินดีต้อนรับค่ะ…”
ดารัลกล่าวเชื้อเชิญพร้อมกับหันไปยิ้มให้กับฟาเดล
ซึ่งฝ่ายนั้นพยักหน้ารับเห็นด้วยลูกเดียว…

“ขอบคุณนะคะ ที่ทำให้การมาอยู่ที่คาสบลังก้าของช่า
ดูไม่เหงาอ้างว้างจนเกินไป…”น้ำเสียงเหงาๆน้ันทำเอาคนฟังถึงกับ
มองด้วยความเห็นอกเห็นใจ…

“ฉันเข้าใจคุณนาตาชานะคะ…ดังนั้น…เหงาก็มาหากันนะคะ
เดี๋ยวฉันจะทำให้หายเหงา…รับรองค่ะว่าจะไม่เบื่อไม่เซ็ง…
และมีอะไรสนุกๆให้ทำแน่ๆค่ะ…”ดารัลยิ้มให้แขกของบ้านอย่างเป็นมิตร
และด้วยแววตาเอื้ออาทรอย่างจริงใจ

ทำให้ฟาเดลถึงกับยิ้มที่มุมปากกับความน่ารักของภรรยา

เขาจำได้ดีว่า พี่ชายของหญิงสาวเคยบอกเขาว่า…
ดารัลแม้จะเป็นคนดื้อ แต่ก็น่ารัก…
เขาเห็นด้วยจริงๆว่าเธอนั้นน่ารักเหลือเกิน…



แล้วทั้งสามก็มีอันต้องชะงักไปนิดเมื่อได้ยินเสียงรถเข้ามาจอดตรงบริเวณบ้าน
ดารัลยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าเป็นใคร…

หญิงสาวในชุดดำทั้งชุดที่คลุมมิดชิดพร้อมผ้าคลุมฮิญาบ
เดินเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมรอยยิ้มกระจ่าง ในมือกอดหนังสือเอาไว้มั่น
สีหน้าท่าทางร่าเริงสดใสนั่น ทำให้ดารัลรู้ว่า
ผู้มาใหม่ต้องมีข่าวดีมาบอกเธอกับฟาเดลแน่ๆ

“ฮาน่าสอบเข้าเรียนได้แล้วนะคะ ได้เรียนในสาขาการโรงแรมด้วย
ถ้าบีบี้รู้ล่ะก็ต้องกรี๊ดแน่ๆค่ะ…เพราะเขาเชียร์ฮาน่าอยู่
เดี๋ยวฮาน่าว่าจะโทรไปบอกบีบี้ด้วยล่ะค่ะ…”

เสียงประกาศอย่างตื่นเต้นนั้นทำเอาดารัลต้องลุกขึ้นไปหา
แล้วกอดร่างบางนั้นไว้ด้วยความยินดี

“ยินดีด้วยนะจ๊ะฮาน่า…พี่เห็นหายหน้าไปหลายวัน
ไม่คิดว่ากลับมาจะเอาข่าวดีมาฝากอย่างนี้…”

“ก็ฮาน่าไปแอบซุ่มท่องหนังสือที่รีสอร์ทของพี่ฟาเดลมาน่ะสิคะ
ที่นั่นเงียบสงบ บรรยากาศดีมากๆ…สมองฮาน่าก็เลยใส…
ยังไม่อยากจะเชื่อหัวตัวเองเลยค่ะว่าจะมีปัญญาสอบเข้าได้…”

ว่าพลางดารัลก็พาหญิงสาวหน้าตาสะสวยเดินมานั่งยังที่นั่งข้างๆเธอ

“พี่ยินดีด้วยนะฮาน่า…”ฟาเดลยิ้มอย่างยินดีให้สาวน้อย
ที่เขาได้เห็นความเปลี่ยนแปลงมากมายในตัวเธอ
หลังจากที่คุณย่าของเขาเข้าไปรับตัวมาอยู่ด้วยกับท่าน…ไม่ดื้อไม่ซน ไม่เกเร
และดูจะมีความตั้งใจเรียนมากขึ้น…

“ขอบคุณค่ะ…”หญิงสาวกล่าวขอบคุณ และหันไปยังฝั่งตรงข้าม
ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นหญิงสาวที่กำลังอุ้มลูกแมวอยู่ในตักที่กำลังส่งยิ้มมาให้เธอ…
แววตาบางอย่างของผู้หญิงคนนี้ทำเอาฟาฮาน่าถึงกับกระตุกคิ้ว

และเมื่อดารัลกับฟาเดลเห็นเช่นนั้น
จึงรีบแนะนำให้ทั้งสองได้รู้จักกัน…ฟาฮาน่าจึงยกมือทักทาย
ขอรับสัมผัสจากอีกฝ่ายพร้อมเปิดรอยยิ้มกว้าง
แม้ใจจะยังคลางแคลงกับรอยยิ้มนั้นของแขก แต่สาวน้อยก็รีบปัดมันออกไปจากใจ
ก่อนจะเอ่ยเสียงใสเมื่อเห็นเจ้าเหมียวพร้อมกับขอมาอุ้ม

“มีใครเป็นเจ้าของไปแล้วรียังคะเนี่ย…”เสียงใสเอ่ยถาม
ด้วยแววตาขี้เล่นปนซุกซน ฟาเดลเลยบุ้ยใบ้ไปทางดารัล
ทำเอาสาวน้อยถึงกับเปิดเสียงหัวเราะร่าเริง

“งั้นฮาน่าคงทำได้แค่เป็นแม่ทูนหัวของมันใช่มั้ยคะ…อิจฉาพี่รัลจริงๆ
มีสามีแสนดีมาให้เลี้ยงดูไม่พอ ยังมีแมวน่ารักๆขนาดนี้มาให้เลี้ยงอีก…”

น้ำเสียงและสีหน้าคนพูดอย่างตรงไปตรงมาและพาซื่อทำเอา
สองสาวที่ได้ยินมีสีหน้าที่แตกต่างกัน หน้าหนึ่งมีแต่รอยยิ้มและแววตาเอ็นดู
กับอีกหน้านึงที่ซีดลงเหมือนโดนคำพูดนั้นตอกลงตรงกลางใจดำ

“อยากได้บ้างก็รีบเรียนให้จบๆ…เดี๋ยวพี่กับคุณย่าจะช่วยกันเสาะแสวงหา
สามีที่แสนดีพร้อมลูกแมวน่ารักๆมาให้เลี้ยงพร้อมกันเลยเป็นไง”

ฟาเดลพูดเย้าแหย่อีกฝ่ายเล่น ทำเอาคนโดนแหย่ถึงกับหัวเราะร่า

“พูดแล้วห้ามคืนคำนะ…”

“ลูกแมวน่ารักๆน่ะพอไหว แต่แน่ใจนะว่าจะให้พี่หาสามีให้เราจริงๆ”
ฟาเดลยังไม่วายหยอกสาวน้อยไม่เลิก เลยโดนดารัลแอบหยิกเนื้อ
ตรงลำแขนเขาเข้าให้อยากนึกหมั่นไส้

“ถ้าได้แบบแสนดีเหมือนพี่ฟาเดลล่ะก็ ไม่มีปัญหา แต่ว่าจะหาให้ได้จริงๆเร่อ
สามีแบบพี่ฟาเดลน่ะ ไม่ได้จะหากันง่ายๆนะ…ออปชั่นเพียบขนาดนี้…
ลูกเล่นแพรวพราวแบบนี้จะมีมาให้ยลอีกหรือ”

ฟาฮาน่ารับหน้าตาเฉย…ทำเอาคนที่แอบคิดเหมือนเธออีกคนที่นั่งเงียบๆ
ประหยัดคำพูดมาตลอดถึงกับหัวใจกระตุก…

รู้สึกเหมือนสาวน้อยคนนี้มีความคิดที่ไม่ได้แตกต่างจากเธอเลย
เพียงแต่สาวน้อยคนนี้กล้าพูดและยอมรับอย่างตรงไปตรงมา
แถมยังพูดได้อย่างไม่น่าเกลียดเสียด้วยสิ

หากเป็นเธอพูดแบบนั้นออกไป เห็นท่าจะดูไม่น่ารักสักเท่าไหร่หรอก

“ไม่ยากหรอก…แสนดีล้านดีกว่าพี่ก็มีอีกแยะ แค่เรายังไม่เจอเท่านั้น…
แต่พี่น่ะเล็งๆเอาไว้ให้แล้วล่ะ…”ถ้อยคำนั้นทำเอาฟาฮาน่าถึงกับตาโต
เงยหน้าขึ้นจากความสนใจเจ้าเหมียวในตักขึ้นมองคนพูด
ด้วยดวงตาแวววาว ขี้เล่นปนซุกซน

“จริงอ่ะ…บอกมานะว่าที่เล็งๆไว้น่ะใช่มนุษย์จริงๆ…”

ถ้อยคำของสาวน้อยเรียกเสียงหัวเราะจากคนฟังได้ไม่น้อยเลย

“มนุษย์นี่แหล่ะ ไม่ได้มาจากดาวดวงอื่นหรอก…”
ฟาเดลรับมุกด้วยรอยยิ้มเอ็นดูคนตรงหน้า

“งั้นน่าจะพามาให้ฮาน่ารู้จักหน่อย…จะได้รู้ว่าพี่ฟาเดลไม่ได้โม้…”

ฟาเดลส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มให้กับความกล้า
ก๋ากั่นเกินวัยของสาวน้อยตรงหน้า

“เรียนให้จบก่อนสิ…แล้วจะพามาให้ดูตัวเลย…”
ฟาเดลสวนกลับอย่างเป็นต่อ

“แล้วถ้าฮาน่าไม่ชอบที่พี่เล็งๆไว้ให้ล่ะ…”

“เธอปฏิเสธเขาคนนี้ไม่ไหวหรอก เชื่อพี่สิ…”ฟาเดลไม่วายแหย่อีกฝ่าย

“แล้วถ้าเขาไม่สนใจฮาน่าล่ะ…”

“เรื่องนี้พี่ไม่เกี่ยว…มันขึ้นอยู่กับเสน่ห์ของเธอ…พี่คงช่วยไม่ได้…”
คนฟังแสร้งตีหน้างอ ก่อนจะยิ้มและหัวเราะเสียงใสเมื่อได้ยิน
ประโยคต่อมาว่า

“แต่ถ้าพี่เชียร์ เขาก็คงใจอ่อน เห็นเสน่ห์สาวน้อยคนนี้บ้างล่ะ…”

“เลิกแกล้งน้องได้แล้วค่ะพี่ฟาเดล…”ดารัลปรามคุณสามีที่ดูจะสนุก
กับการแหย่อีกฝ่ายเล่นเสียเหลือเกิน

“พี่ไม่ได้แค่แหย่เล่นนะฮาน่า พี่พูดจริง…เอาไว้เราเรียนจบเมื่อไหร่
พี่จะพาเขามาให้ดูตัวจริงๆนะ…”ฮาน่าเลิกไหล่น้อยๆราวกับไม่ได้
ให้ความใส่ใจอะไรมากนัก…ก่อนจะเปลี่ยนทิศหันทางแขกของบ้าน
แล้วชวนอีกฝ่ายอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกัน

“พี่นาตาชาอยู่ทานข้าวกับพวกเรานะคะ…”อีกฝ่ายจึงพยักหน้า
รับคำอย่างว่าง่ายพร้อมรอยยิ้ม

“ค่ะ…”

“งั้นเดี๋ยวแม่บ้านคนนี้ขอตัวเข้าครัวดีกว่า…”ดารัลออกตัว
พร้อมลุกขึ้นยืนแล้วหันมากำชับกับฟาฮาน่าว่า

“น้องฮาน่าช่วยรับรองแขกแทนพี่ด้วยนะจ๊ะ…แล้วฝากให้อาหารเจ้าเหมียวด้วย…
สงสัยจะหิวแล้วแน่ๆ”

ฟาเดลที่นึกถึงอาหารของแมวขึ้นมาก็บอกแก่ฟาฮาน่าว่า

“คุณย่ามาเรียฝากอาหารสำเร็จรูปมาให้มันด้วย อยู่ในตะกร้าครับ”
ฟาฮาน่าจึงหันไปดูที่ตะกร้า ก็พบกับอาหารแมวซึ่งเป็นชิ้นปลา
หน้าตาน่าหม่ำ มิใช่อาหารอัดเม็ดอย่างที่เธอคิดไว้

“แหม แมวไฮโซนะเนี่ย กินของดีของแพงซะด้วย…
มาอยู่กับพี่ฮาน่าแล้ว ต้องรู้จักลดตัวลงบ้างนะจ๊ะ
เพราะพี่ฮาน่าจะเลี้ยงดูเจ้าให้รู้จักการกินข้าวคลุกปลาทูด้วย…
กินอย่างนี้บ่อยๆจะเคยตัว…

ส่วนเรื่องอาบน้ำแปรงขนต้องให้แม่เจ้าทำนะ
เพราะพี่ฮาน่าไม่ถนัด อาจเผลอกดหัวเจ้าลงไปในน้ำ
จนขาดอากาศหายใจโดยไม่รู้ตัวก็ได้…”ดารัลกับฟาเดลได้แต่ยืนยิ้ม
ส่ายหน้าให้สาวน้อยที่กำลังจ้อกับลูกแมวก่อนที่ดารัลจะผละจากไป
ไม่วายหันมาทางแขกของบ้านถามอย่างเอาใจว่า

“คุณนาตาชาอยากทานอะไรพิเศษรึเปล่าคะ…”หญิงสาวส่ายหน้า

“ช่าทานอะไรก็ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา…”ดารัลพยักหน้าเข้าใจ
แล้วเลี่ยงไปยังห้องครัว…ทิ้งให้ทั้งสามเล่นกันอยู่ในห้องรับแขกกับลูกแมว…

…และหากใครได้เห็นแววตาบางอย่างของแขกที่มองไปยัง
เจ้าลูกแมวตัวน้อยพร้อมกับสลักถ้อยคำของสาวน้อย
ที่เพิ่งเอ่ยไปเมื่อครู่เอาไว้ในจิตใจแล้ว
จะเข้าใจถึงนิยามคำว่าไฟริษยาได้จากแววตาคู่นั้น…
นาตาชาจ้องมองเจ้าลูกแมวนิ่ง…

‘รอไปก่อนเถอะ รอจนกว่าเจ้าจะกลายเป็นที่รักของใครๆ
แล้วคนเหล่านั้นจะเข้าใจว่า การสูญเสียของรักเหมือนที่เธอ
เผชิญอยู่มันเป็นเช่นไร!’









วันนี้เป็นอีกวันที่ดารัลออกมายืนรับเขาตรงหน้าบ้าน
พร้อมกับเจ้าขาวของเขา หรือเจ้า ‘ชิโระ’ ของเธอที่อุ้มพาดไหล่ไว้
ส่วนเจ้าดำของเขาหรือ ‘คุโระ’ ของเธอ
ซึ่งคุณย่ามาเรียของเขานำมาเพิ่มให้ถูกอุ้มอยู่ในอุ้งมือ

เขาชักจะเริ่มชินกับภาพน่าเอ็นดูแบบนี้เสียแล้วสิ
และจะดีไม่น้อยเลย ถ้าเปลี่ยนจากลูกแมวเป็นลูกคนแทน

ฟาเดลระบายยิ้มกว้างเดินเข้าไปหาร่างบางแล้วโอบเอาไว้หลวมๆ
พร้อมกับก้มลงหอมแก้มซ้ายและขวาของเธออย่างที่ทำเป็นประจำเสมอ

“ระวังอย่าให้ขนแมวเข้าจมูกเข้าปากนะครับ…”
เสียงนั้นเตือนด้วยความห่วงใย

“ไม่หรอกค่ะ…น้องรัลอาบน้ำแปรงขนให้เจ้าชิโระกับคุโระทุกวัน
ขนมันไม่หลุดค่ะ…”

ฟาเดลเห็นจริงดังเธอว่า เพราะเจ้าของมันขยันอาบน้ำขยันแปรงขนประจำ
จนแมวตัวเล็กๆอ้วนท้วนสมบูรณ์ ขนนุ่มสะอาดน่าสัมผัส
ที่สำคัญกลายเป็นที่รักของเธอและทุกๆคนในบ้านบ้าน
ภายในระยะเวลาเพียงไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ…

โดยเฉพาะเจ้าของดูจะทั้งรักทั้งหลงมันเสียเหลือเกิน…
ทำเอาคนเป็นสามีอย่างเขาชักจะเริ่มอิจฉามันขึ้นมาตะหงิดๆแล้วสิ…

“วันนี้วันที่เท่าไหร่แล้วน้าาาา…”เสียงทอดยาวส่อความนัยบางอย่าง
กับแววตาเป็นประกาย และท่าทางที่ยกมือขึ้นมานับระหว่าง
เดินโอบเอวเธอเข้าบ้านไปนั้น ทำเอาดารัลถึงกับสะดุ้งวาบในหัวอก
เมื่อระลึกได้ว่า ความนัยที่เขาว่านั้น คืออะไร!

“ว่าไงครับ…น้องรัลจำได้มั้ย…”คนถามดูจะไม่ยอมให้เธอเดินเงียบๆ
พร้อมกับรับเจ้าคุโระที่เธออุ้มอยู่มาอุ้มไว้ในมือเขาแทน…
ลูบหัวมันเบาๆ ทว่าแววตาของเขากลับจ้องเธอตาเป็นมัน

…คงไม่มีหนทางต่อรองเขาได้แล้วสินะ…

เพราะที่ผ่านมา เขาก็พิสูจน์ให้เธอเห็นแล้วว่าเขารักษาคำพูดแค่ไหน
และเป็นท.ทหารอดทนได้ดีเยี่ยมอย่างไร...

ดารัลคิดในใจแล้วได้แต่ลอบถอนใจยาว…

“เหมือนว่าวันนี้จะครบหนึ่งเดือนแล้วนะ…”เสียงนั้นดูจะมีความยินดี
อย่างซ่อนเอาไว้ไม่มิด ทำเอาคนฟังถึงกับค้อนคนพูดเสียวงใหญ่…

“หนึ่งเดือนมีสามสิบวัน…”เขาย้ำพร้อมนับนิ้วให้อีกคนดูอีกรอบ
ย้ำตรงจุดเดิม…จุดเดิมที่เธอยังหวั่นๆ

“แต่หนึ่งเดือนของน้องรัลมีสามสิบเอ็ดวัน…”

คนฟังถึงกับตาโตอย่างคาดไม่ถึงว่าคนที่เดินอยู่ข้างๆจะมาไม้นี้…

นี่คิดจะยืดเวลาออกไปหรือน้องรัล
จะทรมารใจท.ทหารอดทนคนนี้ไปอีกนานแค่ไหน…

แม้จะแค่วันเดียว แต่เป็นอีกวันเดียวที่เขาไม่อยากจะอดทนอีกแล้วน่ะสิ…
ใจมันกระหยิ่มรอคอยวันนี้มาตลอด

พอวันนี้ที่เขารอคอยมาถึง แม้จะเพียงหนึ่งเดือนแต่มันเหมือนนานแสนนาน…
เขาเฝ้านับวันรอ…เมื่อมันมาถึง เขาก็คาดหวัง วาดหวังถึงวิมานรัก

แล้วเธอ เธอมาบอกว่า…

โอ้…พระเจ้า…ฟางเส้นสุดท้าย ทำไมมันหนักเยี่ยงนี้…

“แต่หนึ่งเดือนของพี่มีสามสิบวันนี่…”ฟาเดลไม่ยอมแพ้

ใช่…เขาต้องสู้เพื่อเอาฟางเส้นสุดท้ายของเธอโยนทิ้งไปจากบ่่าให้ได้

ไม่เอาแล้ว…ไม่รับแล้ว ไม่แบกแล้ว…พอแล้ว ความอดทนของคนรอ
หมดลงแล้วน้องรัล มันหมดแล้ว…อย่าบอกให้พี่ทนอีกเลย…
อย่าขอร้องพี่เรื่องนี้อีกเลย…

“แต่หนึ่งเดือนของน้องรัลมีสามสิบเอ็ดวันนี่คะ…”เสียงออดอ้อนนั้น
หาทำให้ท.ทหารอดทนอย่างเขาใจอ่อนไม่…

ฟาเดลวางลูกแมวลงแล้วนำเจ้าลูกแมวที่หญิงสาวอุ้มอยู่บนบ่า
จับมาวางลงข้างๆอีกตัวเช่นกัน

ก่อนจะลากเธอขึ้นไปยังห้องนอนด้านบน…นั่งลงบนโซฟา
ที่ที่เขาใช้นอนมาเกือบสองเดือน แล้วรั้งร่างบางนั่งลงบนตักของเขา
กอดกระชับไว้แน่น…หอมแก้มซ้ายขวาสลับไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เพื่อลงโทษคนตรงหน้า เอาให้คนที่ชอบบ่นว่าแก้มช้ำ ได้แก้มช้ำจริงๆเสียที

และด้วยความน้อยอกน้อยใจที่มีต่อเธอ
ฟาเดลถึงกับจูบริมฝีปากนั้นอย่างดุดัน…ไม่อ่อนหวาน
ละมุนละไมอย่างทุกๆครั้งที่เคยจูบเธอ…

ทำเอาดารัลถึงกับหายใจไม่ทัน ใจสั่น ร่างกายอ่อนยวบสลับกับเกร็ง
พยายามผลักอกกว้างและดิ้นหนีเขา…รู้สึกแสบตามใบหน้าและลำคอ
เมื่อโดนแก้มสากๆของเขาลากถูปัดป่าย ปากบวมเจ่อเพราะโดนเขาจูบ
แบบไม่บันยะบันยังราวกับเธอไม่ใช่สิ่งมีชีวิต…

ดารัลพยายามดิ้นจนหลุด แต่เขาก็ฉุดรั้งแขนเธอกลับมานั่งลงบนตักของเขาได้อีกครั้ง

และครั้งนี้เขาก็ใช้มือข้างนึงจับที่ท้ายทอยของเธอไว้มั่นก่อนจะก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากเธอ
อย่างเร่าร้อน ดารัลเม้มปากแน่น หากเขาก็งัดง้างปากเธอได้สำเร็จ
จนสามารถเข้าไปควานหาความหวานจากมันเนิ่นนาน...

“พี่ฟาเดล…”

หญิงสาวส่งเสียงห้ามปรามเขาเมื่อปากได้รับอิสรภาพ
ทว่า ฟาเดลกลับไม่สะทกสะท้าน เธอแกล้งเขามากเกินไปแล้ว…
เขาไม่สนุกแล้วด้วย…เกือบสามเดือนแล้วที่เขาแต่งงานกับเธอ
โดยไม่เคยเลยที่จะได้ร่วมเรียงเคียงหมอนกัน
ไม่เคยได้ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์เหมือนคู่อื่นๆเขา

…เธอขอ เขายินดีให้ แม้จะรู้ดีว่าตัวเองจะต้องทรมารกายและใจและอึดอัดแค่ไหน
กับหลายเดือนที่ผ่านมา…ในเมื่อหญิงสาวคนนี้ทั้งน่ารักน่าหลงไหล
น่าแนบชิดแค่ไหน แล้วเขาก็รักเธอเหลือเกิน…รักจนล้นหัวใจ…

หากผู้ชายคนไหนรู้ว่าเขาปล่อยภรรยาที่สวยขนาดนี้บริสุทธิ์ผุดผ่อง
มาหลายเดือนโดยที่เขาคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี
ได้แต่นอนมองเฉยๆทำอะไรเธอไม่ได้

ผู้ชายเหล่านั้นคงหัวเราะเยาะเขา เหยียดหยามเขา หาว่าเขาไร้น้ำยา
ไร้เสน่ห์และเป็นผู้ชายหน้าโง่…โง่งมงายที่ยอมทนเธออยู่อย่างนี้...

แต่เพื่อเธอ ให้ทำอะไรเขาก็ทำให้ได้ทุกอย่าง...ยอมให้เธอได้ทำตามใจ

ยอมตามใจเธอจนลืมศักดิ์ศรีที่เคยมีมานานแสนนาน...

ไม่เข้าใจตัวเองเลย ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรักเธอ...
ผู้หญิงคนนี้มีดีอะไร ทำไมเขาต้องคอยเอาใจให้ความสำคัญ...
ต้องยอมเธอขนาดนี้...ยอมโง่งมงายขนาดนี้...เธอมีดีอะไร!

“พี่ฟาเดล…”

หญิงสาวเริ่มประท้วงอีกครั้งเมื่อเขายกร่างเธอขึ้น
แล้วอุ้มไปวางไว้บนเตียงนุ่ม เตียงที่เขายอมให้เธอยึดครองคนเดียว
มาเกือบสองเดือน ก่อนจะโถมกายตามมาแนบชิด
ซุกใบหน้าสากลงกับซอกคอและจุมพิตริมฝีปากเธออย่างเร่าร้อน
เรียกร้อง ไม่ได้อ่อนโยนอย่างทุกครั้ง
มือของเขาปะป่ายไปตามสีข้างของเธอ
ลากไล้ขึ้นมายังทรวงงามแล้วสัมผัสมันอย่างที่ไม่เคยกระทำแบบนี้กับเธอมาก่อน…

เขาไม่เคยก้าวล่วงล้ำเขตหวงห้ามด้วยการกระทำเช่นนี้
เขาไม่ใช่ฟาเดลที่คอยเอาใจเธออย่างแต่ก่อน
แต่กลายเป็นฟาเดลที่เอาแต่ใจตัวเอง เอาแต่อารมณ์...
อารมณ์ของเขาทำให้เธอแทบสติหลุด แทบลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง...

มือของเขาปลดกระดุมเสื้อเธอออก
แล้วก้มหน้าลงจุมพิตไปทั่วเนินอกขาวอวบนุ่มหยุ่นนั่นของดารัล
อย่างไม่อาจห้ามใจได้อีก ก่อนจะถือสิทธิ์ครอบครองมันเมื่อสามารถ
กำจัดชุดชั้นในที่เธอแสนหวงออกไปได้สำเร็จ โดยไม่ฟังเสียงร้องประท้วง
จากเธอเลยแม้จนนิดเดียว...

ดารัลแน่ใจตอนนี้เองว่ากำลังอันเล็กน้อยของเธอสู้กำลังผูุ้ชายตัวใหญ่มิได้เลย
มันน้อยนิดเท่าแรงมดเมื่อเทียบกับพละกำลังของเขา


และสิ่งที่เธอประสบอยู่ มันทำให้เธอมั่นใจแล้วว่า...
เขาสามารถตักตวงทุกอย่างจากเธอได้ หากเพียงเขาปรารถนาจะทำมัน...

ร่างบางสั่นสะท้านราวกับลูกนกด้วยความหวาดหวั่นและวาบหวาม
ไปกับพายุอารมณ์ที่เขาใช้ปลุกปั่นเธอขึ้นมา...
ก่อนจะรู้สึกเกร็งเมื่อเขาลากมือไปตามแนวสะโพก

“อย่าค่ะพี่ฟาเดล อย่า…”

หญิงสาวร้องห้ามเสียงแหบปร่าเมื่อรู้ว่าเขากำลังจะกระชากกระโปรงของเธอออก
เมื่อได้สติ มือบางก็รีบคว้าขอบกระโปรงเอาไว้

ฟาเดลพยายามหักใจ ตัดสวาทจากผิวหอมกรุ่นและนุ่มหยุ่นนั้นอย่างเสียดาย
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาหญิงสาวที่ตอนนี้น้ำตากำลังเปื้อนอาบสองแก้ม…
ขอบตาบอบช้ำ ปากบวมเจ่อแดงเหมือนผลเชอร์รี่...พวงแก้มสีชมพูจัด

ยิ่งเห็นน้ำตาของเธอใจเขาก็ยิ่งเจ็บ…เจ็บแปลบไปทั้งใจ…

…เธอร้องไห้เสียใจเป็นเผาเต่าเพราะไม่ต้องการให้เขาทำกับเธอแบบเมื่อกี้นี้หรือ

…เธอปฏิเสธเขา…ไม่ต้องการเขา เธอกลัวเขาจนตัวสั่นงันงก…
เหมือนไม่ปรารถนาในตัวเขาอย่างที่เขาปรารถนาในตัวเธอเลยใช่ไหม…

…นี่เขาคิดไปเองใช่ไหมว่าเธอก็ปรารถนาในตัวเขา
ที่ผ่านมาถึงยอมให้เขากอดจูบได้ด้วยความเต็มใจไม่ขัดขืน...


...ที่ผ่านมาเขามองผิดไป เข้าข้างตัวเองมากเกินไปใช่มั้ย
ที่คิดว่าเธอก็มีใจให้ เพราะสิ่งที่เธอทำมันทำให้เขาคิดไปแบบนั้น...
เขาแปลการกระทำต่างๆที่ผ่านมาของเธอผิดไปอย่างนั้นหรือ...

แต่แล้วเมื่อกี้เล่า…ทำไมเธอต้องร้องไห้ขนาดนั้น เสียใจขนาดนี้ด้วย
เอ่ยปากปฏิเสธเขา ตัดรอนเขาเหมือนไม่แคร์เขาเลยสักนิดแบบนี้…

ทั้งๆที่เขาเฝ้าอดทน เฝ้าคอยค่ำเช้าเอาใจ…ทน อดทนเพราะรักเพียงเธอคนเดียว…
อดใจรอตามที่ได้ให้สัญญามาตลอด…

ใจที่เคยหวัง หวังว่าเธอจะเปิดรับเขา แต่จากที่เห็นเมื่อครู่มันไม่ใช่

…เหนื่อย…เหนื่อยใจเหลือกิน…เขาไม่เคยเหนื่อยเท่านี้มาก่อน…


แล้วความน้อยใจก็เข้าจู่โจมจนฟาเดลถึงกับดีดตัวลุกขึ้นนั่งหันหลังให้ร่างบาง
ที่พาลจะทำให้สติและความยับยั้งชั่งใจของเขากระเจิง
พร้อมกับยกมือทั้งสองขึ้นลูบหน้า…กุมขมับ

ทำไมนะ ทำไมเขาถึงยอมให้ผู้หญิงใจร้ายคนนี้ทำร้ายเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ก็รู้อยู่ว่าต้องทรมานกายและใจแค่ไหนก็ยังรักเธออยู่อย่างนี้…

เพียงแค่คิดหัวใจก็สั่นหวั่นไหว ไม่เข้าใจว่าเขาต้องมนต์อะไร
ถึงได้ยอมเธอหมดทุกอย่างแบบนี้…ยอมอย่างที่ไม่เคยยอมให้ใครได้ขนาดนี้มาก่อน…

พยายามเติมใจเธอด้วยรัก เติมไปจนหมดใจ
แต่เหมือนหยดน้ำของเขาที่พยายามเติมใจเธอมันดูไม่มีค่า
ไม่มีความหมายกับเธอเลย…

เพราะนับตั้งแต่เขาฝืนใจเธอให้มาแต่งงานให้มาอยู่ที่นี่กับเขา
เขาก็พยายามบอกกับตัวเองมาเสมอว่า
เขาจะไม่ให้เธอต้องฝืนใจอีก และไม่ต้องการบังคับฝืนใจเธออีก
ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม…


เขาพยายามแล้ว...พยายามทุกหนทางที่จะประคองชีวิตคู่
ที่เขาฝืนใจเธอมาร่วมหัวจมท้ายด้วย
และยิ่งพยายามเท่าไหร่ ก็ยิ่งทรมาน...

เขาต้องรอไปอีกนานไหม ต้องทนต้องเหนื่อยต้องล้าแค่ไหน...
เขาต้องทน ทนเพื่ออะไร เพื่อเธออย่างนั้นหรือ...

แล้วเขาเล่า ไฟรักของเขา เขาจะดับมันได้อย่างไร…
เมื่อยิ่งใกล้เธอเท่าไหร่ ไฟรักของเขาก็ยิ่งลุกโชนแบบนี้

และตอนนี้ ไฟรักนั่นมันก็กำลังแผดเผาเขาอยู่…
เผาจนเขาร้อนรุ่มไปทั้งกายและใจ…

“เคยเห็นใจผู้ชายคนนี้บ้างหรือเปล่าน้องรัล…”

เสียงตัดพ้อต่อว่านั้นทำเอาดารัลถึงกับลุกขึ้นนั่งใช้มือจับสาบเสื้อเอาไว้แน่น
เพื่อมองแผ่นหลังกว้างและแกร่งดังขุนเขาเจ้าของคำพูดนั้นด้วยหัวใจปวดร้าว…

“บอกพี่มาตามตรงเถอะ…ว่าที่ผ่านมา…ไม่เคยมีใจให้พี่เลยใช่มั้ย…
สิ่งที่พี่ทำให้เธอมันไม่เคยมีค่ามีความหมายต่อเธอเลยใช่มั้ย…

อยากให้พี่รอถึงเมื่อไหร่ก็บอกพี่ตรงๆ สั่งมาเลย...แล้วพี่จะรอ…
ขออย่างเดียว...อย่าหลอกให้พี่รอ…
อย่าหลอกให้พี่รอโดยไม่รู้ว่าต้องรอไปอีกนานแค่ไหน...
อย่าหลอกให้พี่รอเพื่อจะพบกับความผิดหวังแบบนี้

ถ้าไม่อยากรักกันก็อย่าฝืน…บอกมาเลยว่าพี่เป็นคนอื่นสำหรับเธอ”

เธอจับได้ว่าน้ำเสียงของเขาสั่น หากคนพูดก็พยายามไม่ให้มันสั่น
แต่เธอจะบอกเขายังไง ในเมื่อเธอไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะขยับปาก…

“พี่เหนื่อย…และก็อยากจะพัก…”เสียงนั้นราวกับคนหมดอาลัยตายอยาก
เมื่อคำถามของเขาไม่ได้รับคำตอบใดๆจากเธอเลย...

ดารัลไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ตั้งแต่วันแรกที่พบกัน เธอใจร้ายกับเขาอย่างไร
วันนี้ เวลานี้ เธอก็ยังใจร้ายกับเขาอยู่อย่างนั้น แค่รูปแบบเท่านั้นที่เปลี่ยนไป
แต่ความใจร้ายที่เธอมีต่อเขามันยังคงเดิม...เธอใจร้าย!

การบังคับฝืนใจให้คนไม่ได้รักมารักตัวเองนั้น มันเหนื่อยและเจ็บปวดแค่ไหน
เขาได้รู้ซึ้งก็วันนี้เอง...

“พี่ขอโทษ…ที่ฝืนใจเธอ บังคับใจเธอมาตลอด…”

น้ำเสียงสั่นๆกับถ้อยคำของเขา คำขอโทษของเขา
เธอรู้ว่าเขาพูดมันมาจากหัวใจของเขา…คำพูดที่บาดหัวใจเธอจนเจ็บ

แล้วมันยังส่งผลให้ดารัลถึงกับน้ำตาไหลพรากลงอาบสองแก้ม
มือที่กำลังจะเอื้อมไปหาเขาหมดแรงร่วงตกลง
หมดแรงเอื้อมคว้าเมื่อเขาไม่ยอมหันมามองเธอ…

ดารัลได้แต่สะอื้นไห้ไม่มีเสียง มองภาพร่างสูงอันคุ้นเคย
ที่ค่อยๆเดินหายไปจากเธอ…

หญิงสาวกำสาบเสื้อไว้แน่นแล้ววิ่งไปยังหน้าต่างของห้อง
เมื่อได้ยินเสียงรถของเขาแว่วดังเข้ามา

เขาจากไปแล้ว…

ดารัลทรุดเข่าลงกับพื้นห้อง ยกมือทั้งสองขึ้นปิดหน้าร้องไห้สะอื้น…ปากสั่นระริก…
ก่อนจะล้มลงนอนบนพื้นห้อง คดคู้ตัวงอยกสองมือกอดตัวเองร้องไห้ตัวสั่นราวกับจับไข้

เจ็บ…เจ็บเหลือเกิน…

เพิ่งรู้ซึ้งถึงคำว่า ‘ขาดใจ’ มันเป็นเช่นไรก็ตอนนี้




...โปรดติดตามตอนต่อไป...


รักเริ่มร้าว เพราะความไม่เข้าใจกัน...คือปัจจัยหลัก
นางร้ายไม่เกี่ยวเลยสำหรับเหตุการณ์นี้...

เต่าโยสปีดความเร็วสูง(แต่ก็ยังเป็นแรงเต่า มิใช่แรงม้า อิอิ)
มาเสริฟความหวาน เปรี้ยว ขม หลากรสในตอนเดียวให้กันแล้วนะคะ

ขอกำลังใจอุ่นๆด้วยนะจ๊ะ...

ตอนหน้ายังไม่แน่ใจว่าจะสปีดได้เท่านี้ไหม...เฮะๆ...



...ขอคุยกับนักอ่านจากตอนที่แล้วค่ะ...

1.คุณคิมหันตุ์...ยกนี้คุณแม่ม่ายยังไม่สำแดงฤทธิ์ พระนางของเรา
ก็มีปัญหากันเสียแล้ว...มาดูกันค่ะ ว่าตอนหน้าจะเป็นเยี่ยงไร...
จากไปในสภาพแบบนั้น ราหูที่รอเขมือบอยู่จะดีใจแค่ไหนหนอ...


2.คุณแว่นใส...ความเชื่อใจคงไม่อาจมั่นคงได้
เมื่อไม่สามารถปรับความเข้าใจให้ตรงกันได้แบบนี้...
สงสัยคงจะทะเลาะกันจนมึลูกสิบคน(หรืออาจเป็นลูกแมวสิบตัวแทนก็ได้
ถ้าพระเอกยังซื่อบื้อแบบนี้อยู่)มั้งคะ...ฮ่าๆ

3.คุณsaralun...ผู้หญิงแบบนาตาชามีเยอะ เพราะผู้หญิงแบบดารัลมีน้อยค่ะ
ต้องมาดูว่าดารัลจะแก้ไขสถานการณ์นี้อย่างไร...
ไอ้ที่จะได้ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์นั้นท่าจะยาก แต่ถ้าราหูอมพระจันทร์อันนี้น่าลุ้น...ฮ่าๆ

4.คุณตุ๊งแช่...แต่ฟาเดลเขายังคิดว่า นางเอกของเขา
ยังคงใจร้ายกับเขาอยู่เหมือนเดิมนะคะ...ไอ้ที่เธอหวานๆใส่นั้นแค่มายา...
ไม่รู้ว่าพระเอกโยกินหญ้า หรือว่าคนเขียนกินปลาเยอะไป
โอเมก้าในปลาเลยสูงขนาดนี้...อิอิอิ...
ถ้าดารัลไม่มีสติ ตอนนี้คงได้กลายเป็นชีเปลือย โป๊ให้เราเห็นกันแล้วแน่ๆ...ฮ่าๆ
แต่ดูไปแล้ว สติของเธอหาได้ช่วยให้เธอรอดพ้นจากความเจ็บปวดไม่...เหอๆ



สุดท้ายไม่ท้ายสุด ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่าน เข้ามากดไลค์นะคะ...


...รักษาสุขภาพนะคะ...

"เต่ามาแรงเท่าแรงม้า"










yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ต.ค. 2557, 12:31:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ต.ค. 2557, 12:31:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 3271





<< บทที่ 10 สัญญาสงบศึก   บทที่ 12 เรามีเรา >>
คิมหันตุ์ 16 ต.ค. 2557, 13:50:03 น.
น่าสงสารแฮะฟาเดลขี้งอลจริงๆ หลอกล่อหน่อยเร๊วววว ดารัลก็รัจะแย่แบ้ววววนะตัวเทอวว


ตุ๊งแช่ 16 ต.ค. 2557, 16:08:02 น.
เริ่มสงสัยอายุ คู่นี้จริงๆ ตกลงแม่น้ำค้างไม่ได้สอนลูกแมวรึว่าอย่าเล่นกับอารมณ์คน กรรม


pseudolife 16 ต.ค. 2557, 22:20:55 น.
แง้ เพิ่งคอมเม้นท์ตอนที่แล้วเสร็จไป ตอนใหม่มาแล้ววววว
เดี๋ยวไปก่อนจ้า ชะแว้บบ


แว่นใส 16 ต.ค. 2557, 23:08:31 น.
ก็ไม่ยอมพูดกันให้รู้เรื่อง เลยเป็นเรื่องไง


pseudolife 16 ต.ค. 2557, 23:12:15 น.
นั่นน่ะสิคะ เป็นเรื่องของคนสองคนเลยล่ะ
พี่ฟาเดลใจเย็นๆ หน่อยน้า นี่คงรู้สึกเหมือนถูกหลอก
แต่ถ้ามาแบบโหด น้องรัลก็ตั้งตัวไม่ติดน่ะสิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account