...คาสบลังก้า...ดารัลฟาเดล...(จบแล้วค่ะ)
สืบเนื่องมาจากเรื่อง "อะรูซะตี...เจ้าสาวของผม"
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของลูกสาวสุดหวงของหมอดานีส
กับนาดา โดยเรื่องราวของคุณพ่อเมื่ิอครั้งก่อนนั้น
จะเป็นแนา "แต่งก่อนจีบ"
แต่สำหรับรุ่นลูกแล้ว จะเป็นแนว "จีบก่อนแต่ง"

ต้องมาคอยดูกันค่ะว่า จะจีบกันอย่างไร แล้วคุณหมอดานีส
ที่ต้องมารับบทบาทเป็นพ่อของลูกทั้งเจ็ดจะตกอยู่ในสภาพเช่นไร..
แล้วนาดาจะเป็นแม่แบบไหน...



เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของเมือง
"คาสบลังก้า" หรือ "อัดดารัลบัยฎออ์"
ซึ่งแปลว่า..."บ้านสีขาว"
ดินแดนในฝันดั่งต้องมนต์เสน่หาแห่งโมร็อกโก...
กับดินแดนอันแสนอบอุ่นด้วยไอรักแห่งแดนอาทิตย์อุทัย...

พบกับเขาและเธอ...

...ดารัล...ฟาเดล...

หญิงสาวที่หัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความรักความอบอุ่น
จากครอบครัวอันแสนสุขและน่ารัก...
ชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่เคยต้องการสิ่งใดอีกแล้ว
เพราะเธอพอใจทุกอย่างที่มีมาตลอด

จนเมื่อเจอกับเขา...ที่นั่น "คาสบลังก้า"
เขาทำให้เธอไม่อาจลบลืมมนต์เสน่หาของที่นั่นได้เลย
ไม่ว่าจะยามหลับหรือตื่น...

กับ

ชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยรูปเปลือกที่สวยงามสมบูรณ์
หากภายในใจนั้นยังคงโหยหาไออุ่นแห่งรักจากใครสักคน
มาเติมเต็มหัวใจกำพร้าของเขา...

แล้วเธอคือผู้ที่เขาค้นพบว่ามีทุกอย่างที่เขากำลังต้องการอยู่
ดังนั้น...ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาก็จะปล่อยเธอ
ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!




Tags: หวานซึ้งโรแมนติก ดราม่า โมร็อกโก คาสบลังก้า ทะเลทรายซาฮาร่า ดารัล ฟาเดล โสภณพสุธ

ตอน: บทที่ 12 เรามีเรา

เรามีเรา


จากหนึ่งสัปดาห์เป็นสองสัปดาห์ที่ผ่านพ้นไป เขาก็ยังไม่กลับบ้าน
ส่งข่าวผ่านทางคุณปู่ของเขามาบอกเธอว่า
เขาจะไปดูงานแต่งสวนที่ต่างจังหวัดและอาจต้องไปดูงานเก่ียวกับ
โรงแรมและรีสอร์ทที่ต่างประเทศ


นับตั้งแต่วันนั้น ก็ไม่มีเขามากวนใจเธอ ไม่มีเสียงหวานๆแว่วให้ได้ยิน
ไม่มีเขาที่คอยเอาอกเอาใจเธอ...
ไม่มีเสียงเดินที่เธอคอยเงี่ยหูฟังประจำเพื่อจะหันไปมอง
แล้วพบกับเขาและรอยยิ้มของเขา...
ไม่มีเสียงรถที่เธอเฝ้ารอเสียงของมันทุกเช้าค่ำผ่านเข้ามา...
แม้แต่โทรศัพท์จากเขาเธอก็ไม่ได้รับสายเลย…ไม่มีเลย


เมื่อก่อนเธอนอนหลับฝันดีแม้จะต้องนอนไปหวาดระแวงเขาที่นอนอยู่บนโซฟาไปก็ตาม
แต่นับตั้งแต่เขาจากไป ทุกคืนหลับยังไม่ลง เฝ้าคิดถึงแต่เขา...
เฝ้าแต่หันไปมองเจ้าของโซฟาตัวนั้นแล้วน้ำตามันก็ไหล...
เพิ่งรู้ว่าความเดียวดายมันช่างแสนนาน...ค่ำคืนที่ผ่านพ้นไปช่างเหน็บหนาวแค่ไหน

ฟ้าทุกเช้าที่เคยสดใสก็ดูจะหม่นหมองสีเทา ห้องนอนก็ดูกว้างใหญ่เกินไป
ที่จะนอนคนเดียว...เพิ่งรู้ว่าอ้อมกอดนั้นหวานแค่ไหนก็เมื่อเขาไปไกลลับตา
ยามนี้แม้คิดจะใช้ทั้งสองมือไขว่คว้า ก็คงไม่มีค่าใดอีกแล้ว...

ดารัลยกเจ้าลูกแมวสีขาวขนฟูขึ้นอุ้ม…ลูกแมวที่เขาเสาะหามาให้เธอเลี้ยงคลายเหงา
ยามที่เขาไม่อยู่…เพียงเธอเอ่ยปากขอ เขาก็พร้อมจะมอบทุกอย่างให้...
ไม่เคยจะปฏิเสธความต้องการของเธอเลย...

หญิงสาวกอดมันไว้แน่น คิดไปถึงอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของเขา

…อ้อมกอดที่ไม่มีอะไรทดแทนได้...

แล้วน้ำตาก็ไหลลงอาบสองแก้ม อยากพบอยากเจอเขา
อยากบอกเขาว่าเธอคิดถึงเขา…คิดถึงเหลือเกิน…
ขอแค่ได้พบเจอเขา แค่นี้ก็สุขใจแล้ว...


แล้วอยู่ๆเธอก็รู้สึกว่ามีอะไรนุ่มๆมาคลอเคลียอยู่ตรงข้อเท้า
หญิงสาวก้มดูก็พบเจ้าคุโระหรือเจ้าดำของเขาเข้ามาออดอ้อนเธอ
อย่างพยายามเอาอกเอาใจเธอ คงจะเห็นเธอเอาแต่กอดเจ้าชิโระอยู่ล่ะสิ
ถึงได้เข้ามาประจบเธอแบบนี้ ดารัลยิ้มทั้งน้ำตาก่อนจะอุ้มเจ้าคุโระ
ขึ้นมาวางไว้บนตักข้างๆเจ้าชิโระแล้วลูบหัวมันอย่างรักใคร่

“สวัสดีค่ะคุณดารัล…”

เสียงนั้นทำเอาดารัลที่กำลังน้ำตาซึมถึงกับหลบซ่อนหน้าแล้วรีบปาดน้ำตาทิ้ง
ก่อนจะเงยขึ้นสบตาแขกผู้มาเยือน แล้วพยายามส่งยิ้มออกไปทักทาย

“ช่าได้ข่าวว่าคุณฟาเดลไม่อยู่ ไปดูงานที่ต่างประเทศก็เลยคิดว่า
คุณดารัลจะเหงา เลยแวะมาหาค่ะ…”น้ำเสียงและถ้อยคำที่ดูห่วงใยนั้น
ทำให้ดารัลหันมารับการสัมผัสมือจากหญิงสาว

“ขอบคุณนะคะ…มีเจ้าสองตัวนี้แล้วก็ไม่ค่อยเหงาเท่าไหร่ค่ะ…”

หญิงสาวพยายามก้มหน้าซ่อนแววไหวบางอย่าง
ด้วยการก้มลงมองเจ้าลูกแมวในตักแทน

“นี่ค่ะ…ช่าเอาอาหารสำหรับแมวมาฝากด้วย…”
หญิงสาวยื่นของฝากท่ีหิ้วมาวางลงบนโต๊ะ

“ขอบคุณแทนเจ้าสองตัวนี้ด้วยนะคะ…”ดารัลเอ่ยขอบคุณ
พร้อมรอยยิ้มที่พยายามปกปิดความรู้สึกเหงาปนเศร้าเอาไว้

“ว่าแต่คนอื่นๆไปไหนกันหมดคะ…”ถามพลางสอดส่่ายสายตาสำรวจไปรอบๆบ้าน
ก็พบกับความเงียบ

“คุณปู่กับคุณย่าออกไปดูต้นไม้ด้วยกันค่ะ…ส่วนแม่บ้านก็คงจะ
กำลังทำอาหารมื้อค่ำอยู่ในครัว ยังไงวันนี้อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันนะคะ…”

ดารัลถือโอกาสชวนแขกผู้มาเยือน และนาตาชา
ไม่ยอมปล่อยโอกาสงามๆหลุดลอยไปง่ายๆ เธอจึงยิ้มพร้อมพยักหน้า

“แล้วน้องฮาน่าล่ะคะ…”

“ฮาน่ามีเรียนค่ะ ปกติเขาจะอยู่หอพักใกล้ๆมหาลัย เห็นบอกว่า
จะได้ตื่นสายๆไปเรียนได้…จะกลับมาอยู่บ้านก็ในช่วงวันหยุดค่ะ
ให้คนรถที่นี่ไปรับกลับมา…เพราะคุณปู่กับคุณย่ายังไม่อยากให้
ฮาน่าหัดขับรถเองตอนนี้…เธอยังไม่รู้จักทางและไม่ชินกับเส้นทางถนนหนทางที่นี่นัก…”

ดารัลตอบเรื่อยๆเมื่อเห็นอีกฝ่ายชวนคุย
เพราะปกติเธอเองไม่ใช่คนคุยเก่งนัก…มักจะเป็นผู้ฟังเสียมากกว่า

“ว่าแต่คุณนาตาชามาได้ยังไงคะ…”

“เอารถที่บริษัทมาค่ะ…”หญิงสาวตอบพลางมองท่่าทางอีกฝ่ายไปด้วย
เธอจับอะไรบางอย่างบนใบหน้าหญิงสาวตรงหน้าได้แล้ว…

ซึ่งมันฟ้องให้รู้ว่า การที่ฟาเดลไม่อยู่ด้วยย่อมต้องมีอะไรมากกว่าเรื่องงาน…

“ฮาน่ามีใบขับขี่สากล…และพอจะรู้หนทางที่นี่บ้างแล้วค่ะ
เพราะให้คนทางรีสอร์ทช่วยพาไปโน่นมานี่บ่อยๆ…”

หญิงสาวอธิบายเสริม…ก่อนจะคุยโน่นคุยนี่กับดารัลไปเรื่อยๆ
อยู่ทานข้าวเย็นเป็นเพื่อน ซึ่งมื้อนั้นผู้เฒ่าทั้งสองไม่ได้มาร่วมวงด้วย
โทรมาบอกว่ารถเกิดเสียกลางทาง…กว่าจะกลับถึงบ้านคงจะล่วงเวลาไปมากแล้ว
จึงให้ดารัลทานข้าวไปก่อน ท่านจะหาอะไรๆแถวนั้นทาน
ระหว่างรอรถจากทางบ้านไปรับ…

จึงเป็นโอกาสดีที่เธอจะได้สอดส่องสำรวจบ้านหลังนี้ด้วยการขอให้
ดารัลพาไปเดินเล่นรอบๆสวน…แล้วขอตัวกลับบ้านก่อนผู้เฒ่าทั้งสองจะกลับมา

…เธอไม่ไว้ใจสายตาคนแก่ เพราะคนแก่บางคนไม่ได้แก่แค่สังขาร
หากยังมีความแก่กล้าในวิชาด้วย



หลังจากเดินไปส่งแขกที่โรงรถแล้ว ดารัลก็หันกลับจะเข้าบ้าน
แต่อยู่ๆก็เปลี่ยนใจเดินไปยังสวนสวย นั่งลงบนชิงช้า แหงนหน้า
มองดูดวงดาวที่กลาดเกลื่อนอยู่บนท้องฟ้า…

“พี่ฟาเดล…ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไรอยู่…
กำลังมองดาวเหมือนที่น้องรัลมองอยู่รึเปล่า…อยากบอก
บอกพี่ว่า…น้องรัลคิดถึง…ขออ้อมกอดพี่ได้ไหม...”

หญิงสาวพร่ำคิดถึงเขา ยกสองแขนขึ้นกอดตัวเอง
เธอไม่รู้จริงๆว่าเขาอยู่ที่ไหนในตอนนี้ เพราะโทรหาเขาไม่ติด…
พยายามโทรหาหลายครั้งแล้ว แต่ก็เหมือนเดิม…

เขาขาดการติดต่อไปเลย...เธออยาก อยากให้เขากลับมา
กลับมารักกัน...

"อภัยให้น้องรัลนะคะ..."

ดารัลจึงยกมือถือในมือขึ้นมอง
แล้วกดหาน้องสาวที่อยู่อีกฟากหนึ่งหรืออีกนัยคืออยู่อีกทวีปหนึ่งทันที…

“นีล…นี่พี่เองนะ…”

“อ้าวพี่รัล…เงียบหายไปเลย…”เสียงใสๆตอบกลับมา
ทำให้ดารัลสามารถจินตนาการได้ว่าตอนนี้น้องสาวของเธอมีสีหน้าดีใจแค่ไหน
เธอก็ดีใจเช่นกันที่ได้ยินเสียงน้องสาว
แล้วเพียงไม่นานเธอก็ได้ยินเสียงน้องสาวอีกสองคนส่งเสียงตามมาด้วย…

“พี่รัลคงได้ยินเสียงฟ้ากับลูกปาดของพี่แล้วใช่มั้ย…”

“จ๊ะได้ยินชัดเจนเชียว…”

“ยับลูกปาดของพี่บอกว่า…ว่างเมื่อไหร่จะกระโดดไกลไปหาพี่รัลด้วยแหล่ะ”

“จริงเหรอ…มาสิๆ พี่กำลังคิดถึงอยู่พอดี อยากเจอหน้าสุดๆ…”

“อย่ามาพูดเลย…ตอนหายไปเป็นเดือนๆไม่เห็นคิดถึง
มาคิดถึงตอนนี้ คิดช้าไปรึเปล่า…”เสียงน้องสาวเย้าแหย่

“ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้มีคนอื่นให้คิดถึงมากกว่าพวกเราแล้วใช่มั้ยล่ะ…
พวกเราน่ะตกกระป๋องไปตั้งนานแล้ว…”เสียงยัยลูกปาดดังมาแว่วๆ
แสดงว่าน้องสาวของเธอเปิดลำโพงให้ทุกคนได้ยินเสียงเธอกันอย่างถ้วนทั่ว

“คุณย่าก็บอกว่า จะรอให้พวกเราว่างพร้อมๆกันจะบินไปหาพี่รัลถึงโน่น…
จะไปอยู่ด้วยให้หายคิดถึง พ่อกับแม่ก็ได้แต่ร้องเพลงรอ…
เพราะรอวันหยุดยาวของบีบี้อยู่…

ส่วนคู่พี่รุสน่ะ หวานหยด มดไต่ขาพวกเราจนไม่รู้จะหนีไปอยู่ที่ไหนแล้วแหล่ะพี่รัล
ตอนนี้นะบ้านเราจะกลายเป็นไร่อ้อยไปแล้ว…

อีกสักพักคงมีหลานๆให้นีลเลี้ยงแน่ๆเลยพี่รัล…พ่อกับแม่ก็ลุ้นกันเหลือเกิน
ยุแล้วยุอีก…สงสัยยังไม่เข็ด…อยากเลี้ยงเด็กๆอีก…
บอกว่าเลี้ยงลูกกับเลี้ยงหลานมันไม่เหมือนกานนนนน”

เสียงน้องสาวเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องครอบครัวให้เธอฟัง…
ดารัลฟังไปยิ้มไป นึกถึงใบหน้าและภาพของทุกคนไปด้วย

“แล้วเมื่อไหร่ล่ะที่คนทางโน้นจะว่างพร้อมกันน่ะ…”
ดารัลชักเสียงงอนๆใส่คนอีกฟาก

“ถึงตอนนั้นพี่คงเหงาตายไปแล้วล่ะ…”

“นี่พี่ฟาเดลปล่อยให้พ่ีรัลของเราเหงาได้ด้วยเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อ…”

น้องสาวฝาแฝดอีกคนของเธอแซวมาอย่างสนุก แต่ดารัลที่อยู่ทางนี้
กลับไม่ได้สนุกไปด้วย เพราะคำพูดนั้นมันกระแทกใจเธอจนน้ำตาแทบเล็ด

“ก็เหงาจริงๆนะ คิดถึงทุกคนทางโน้นมากเลยรู้มั้ย…”

ดารับยอมรับออกมาทั้งน้ำตาอาบแก้ม…โดยลืมไปว่าเสียงสั่นๆของตัวเอง
จะทำให้คนทางโน้นเอะใจ และเสียงน้ันไม่อาจรอดพ้น
วิสัยของลูกปาดที่เคยบอกว่าจะกระโดดไกลมาหาเธอถึงนี่

“พี่รัลถึงกับร้องไห้เพราะคิดถึงพวกเราเหรอ…”เสียงใสๆของหะบีบี้แทรกเข้ามา…

“โอ๋โอ๋…เดี๋ยวบีบี้จะรีบกระโดดไปหานะ…รอวันหยุดยาวก่อนนะพี่รัล…
รับรองว่าจะขอไปนอนกอดพี่รัลแย่งกับพี่ฟาเดล
เราสี่สาวจะนอนกอดกันให้หายหนาวเหมือนเมื่อก่อนเลยดีมั้ย…”

ถ้อยคำเหล่านั้นทำเอาดารัลถึงกับสะอื้นใหญ่
ความพยายามที่จะกักเก็บเอาไว้พังทลายลง ปล่อยโฮออกมาทันที…
ทำเอาคนทางโน้นถึงกับหันมามองหน้ากันด้วยความแปลกใจ

“พี่รัลมีอะไรรึเปล่า…”น้ำเสียงของนาดีญาดูห่วงใยอย่างลึกซึ้ง

“ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่คิดถึงบ้าน คิดถึงพวกเราทางโน้นน่ะ…
ก็เราไม่เคยจากกันไกลขนาดนี้นี่นา…มันก็ต้องมีคิดถึงกันบ้างสิ…”

ดารัลบ่ายเบี่ยงที่จะพูดอะไรออกไปให้คนทางโน้นไม่สบายใจ

“แน่นะว่าไม่่มีอะไร…”คราวนี้เป็นดารีย่าที่แอบกังวลใจตามนิสัยชอบคิดมาก…
คิดลึกกว่าใคร…

“อื้อ…”แต่นั่นก็ไม่อาจทำให้สามสาวสบายใจได้เลย…

“พี่รัล…เราเป็นพี่น้องกันนะ…ลูกพ่อแม่เดียวกัน…
จะดีจะร้าย เลือดก็ข้นกว่าน้ำนะพี่รัล
ยังไงเราก็ยังมีกันและกัน เรายังมีเรานะพี่รัล…
ถ้าพี่รัลคิดถึงบ้าน คิดถึงพวกเรา ก็กลับมาได้นี่…กลับมาได้ตลอด...
ที่นี่ไม่ใช่แค่ 'บ้าน'...พี่รัลก็รู้...”

เป็นหะบีบี้ที่เอ่ยประโยคนั้นออกมา ทำเอาพี่สาวอีกสองคนที่ประคบซ้ายขวาอยู่
หันมามองแล้วยกแขนขึ้นโอบไหล่น้องน้อย สามสาวเลยกอดกันกลม

แม้จะไม่ได้ยินเสียงจากทางปลายสายที่ร่างกายอยู่อีกทวีปหนึ่ง
แต่พวกเธอแน่ใจว่ายามนี้พี่สาวต้องการพวกเธอมากแค่ไหน…

“พี่รักพวกเรานะ…คิดถึงมากๆด้วย…อยากกลับไปหา แต่ยังไปไม่ได้น่ะสิ”

“พวกเรารู้…พวกเราเข้าใจ...เดี๋ยวพวกเราจะไปหาเองนะ…”

สามสาวส่งเสียงมาอย่างพร้อมเพรียงกัน…ทำเอาดารัลถึงกับสะอื้น…

…การแต่งงานพรากสิ่งนี้ไปจากเธอ…

จากที่เคยอยู่ด้วยกันฉันท์พี่น้อง มีอะไรก็เล่าสู่กันฟัง
กอดคอปรึกษากันทุกครั้งที่มีปัญหา ไม่เคยมีอะไรที่ยากสำหรับพวกเธอ
ที่จะต่อสู้ไปด้วยกัน

…บ้านที่แสนอบอุ่น ครอบครัวสุขสันต์ ช่างอยู่ไกลเกินเธอจะเอื้อมคว้าในยามนี้…

ดารัลหันไปรอบๆสถานที่ที่เธออยู่ ทุกอย่างดูดีไปหมดดีกว่าบ้านที่เธอจากมา
แต่มันก็อ้างว้างเกินกว่าจะแทนที่บ้านหลังที่เธอเคยอยู่มาทั้งชีวิต…

“พี่รัล แม่มา จะคุยกับแม่มั้ย…”นาดีญาเอ่ยออกมา ทำให้ดารัลตอบรับไปว่า

“คุยสิ…”

“น้องรัล…นี่แม่เองนะลูก…”
น้ำเสียงเอื้ออาทรนั้นทำให้ดารัลถึงกับน้ำตาไหลด้วยความโหยหา

“ค่ะแม่”

“สบายดีมั้ย…”

“ค่ะ…น้องรัลสบายดี…”

“เมื่อวานแม่ขอคุณพ่อเอาไว้ว่าจะไปหาน้องรัล…
คุณย่าของหนูรู้เข้าก็เลยอยากจะขอไปด้วย…
เพราะทนคิดถึงน้องรัลไม่ไหวเหมือนกัน…

เราสองคนที่ว่างงานอยู่แล้ว ก็เลยขอไปหาน้องรัลก่อน
เพราะรอคนอื่นที่ยังยุ่งๆกันอยู่ไม่ไหวแล้ว…พรุ่งนี้แม่จะบินไปหาลูกนะ…
จะไปอยู่กับหนูสักพัก ให้หนูชินกับการอยู่ที่นั่นก่อน…
ส่วนทางนี้แม่ฝากให้พ่อดูแลไปก่อน…”

ดารัลยิ้มกว้าง เมื่อได้ยินน้ำเสียงและถ้อยคำของมารดา
เธอแทบไม่ต้องเอ่ยคำใดออกไปเลย
มารดาของเธอก็เหมือนจะรับรู้และพร้อมจะเข้าใจพร้อมจะปลอบใจเธอเสมอมา…

เธอรู้ว่าท่านไม่ได้แค่เลี้ยงเธอให้แค่โตมาแต่ตัวเท่านั้น
แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา มารดาทำให้เธอรู้ว่าท่านใส่ใจเธอทุกอย่าง
เคียงข้างเธอมาตลอด…และเป็นอีกคนที่ไม่เคยทำร้ายเธอ

“แม่เลี้ยงหนูมา…แม่รู้ว่าหนูไม่ใช่คนอ่อนแอ…
แต่เพราะหนูไม่เคยอยู่โดยไม่มีพวกเรามาก่อน…
หนูจะได้รู้สึกดีขึ้น หากแม่ไปอยู่ด้วยสักพักนึง…

แม่เองก็ชักจะเบื่อคนแก่แถวๆนี้แล้วเหมือนกันนะ
ปล่อยให้นอนคนเดียวสักพัก...
จะได้รู้ซึ้งสักทีว่างานกับเมียอย่างไหนสำคัญกว่ากัน…”

แล้วเธอก็ได้ยินเสียงบิดาแว่วตามหลังมา…สงสัยว่าตอนนี้พ่อแม่
และสามสาวจะไปกองกันอยู่ที่เดียวแล้วแน่ๆ…
ช่างสมัครสมานสามัคคีกันจริงๆบ้านเรา…

“อย่างนี้พ่อก็เหงาแย่สิคะ…ไม่ได้นอนกอดแม่…”
ดารัลเลิกเศร้าหันมาแหย่มารดาแทน

“น้องรัลไม่ต้องห่วงหรอก พ่อให้หนูยืมแม่ไปกอดพลางๆ
แล้วพอน้องรัลเบื่อแล้ว พ่อจะตามไปทวง…”เสียงพ่อของเธอตอบกลับมา
สร้างความอบอุ่นใจให้แก่ดารัลไม่น้อยเลย…ความเหน็บหนาว
ก่อนหน้านี้จางหายไป แทนที่ด้วยความอบอุ่นอย่างที่เธอเคยได้รับมาตลอดทั้งชีวิต…

“รักพ่อนะคะ…รักแม่ด้วย…รักทุกคนเลย…”

“แล้วพ่อจะฝากแม่ไปหอมแก้มนะ…จำที่พ่อบอกได้มั้ย
ว่าถ้าใครหน้าไหนมันทำให้ลูกพ่อเสียใจ พ่อจะไปเหยียบมัน…”

ถ้อยคำและน้ำเสียงของบิดาทำเอาดารัลถึงกับหัวเราะเสียงใสออกมา

“ดุจริงๆนะ…งั้นไปพร้อมกันเลยมั้ยพรุ่งนี้…”

เสียงมารดาของเธอที่คงจะแหย่พ่อเล่นตามปกติดังมาตามสาย…

“ส่งสายลับไปก่อน…หลังจากนั้นนายทัพพร้อมไพร่พล
ค่อยตามไปเหยียบก็ยังไม่สาย…”

แล้วเสียงหัวเราะจากคนทางโน้นก็ดังประสานเสียงกัน
สงผลให้ดารัลนั่งยิ้มให้กับโทรศัพท์ก่อนจะวางสายไป
แล้วกลับเข้าบ้านด้วยความอบอุ่นหัวใจ

หลับไปพร้อมรอยยิ้มหลังจากที่คืนก่อนๆต้องหลับทั้งน้ำตา
เมื่อหันไปยังโซฟาตัวเดิมแล้วไม่เห็นเงาของใครบางคนที่เคยนอนอยู่ตรงนั้น

…แม้คืนนี้จะไม่มีเขา แต่ก็ไม่เหงาเท่าคืนก่อนๆ…
เพราะความอบอุ่นจากคนอีกทวีปได้แผ่ซ่านไปทั่วทั้งหัวใจ
ที่แสนอ้างว้างในแดนคาสบลังก้า…

...ไม่ว่าจะเหนื่อยและล้าแค่ไหนในชีวิตใหม่ แต่เมื่อกลับไปหารักแท้
ของพ่อกับแม่และพี่น้องคราวใด วันคืนที่ร้ายแรงก็ไม่ร้ายแรงเท่าที่เป็น...



และเมื่อลืมตาตื่นเพื่อพบกับวันรุ่งขึ้น วันนั้นเองที่ดารัล
ได้อ้อมกอดอบอุ่นของมารดามาแทนอ้อมกอดของฟาเดล…

เธอไม่ได้เล่าเรื่องราวข้อขัดแย้งระหว่างเธอกับฟาเดลให้มารดาทราบ
เพราะไม่อยากนำเรื่องดังกล่าวไปเล่าให้มารดาไม่สบายใจ
เธอคิดว่าเมื่อเขากลับมา และเปิดใจจะรับฟังเธออีกครั้ง
เธอจะอธิบายให้เขาเข้าใจเธอทุกอย่าง…

ดังนั้นมารดาจึงรับรู้แค่ว่าลูกเขยติดงานที่ต่างแดน
ซึ่งคนเป็นปู่กับย่าของเขาเองก็เข้าใจเช่นนั้น
เพราะไม่เคยเห็นความขัดแย้งระหว่างเธอกับฟาเดลแม้สักครั้งเดียว
เนื่องจากเธอกับเขาไม่เคยมีปัญหาหรือทะเลาะกันต่อหน้าคนอื่น

สิ่งที่คนอื่นเห็นก็คือความรักหวานชื่นที่ทั้งสองมอบให้แก่กันและกัน

ทว่า มารดาของเธอดูจะไม่เชื่อเธอนัก…ก็แน่ล่ะ…นั่นน่ะแม่ของเธอ
แม่รู้…รู้โดยไม่ต้องบอกด้วยซ้ำ




“เขาติดต่อกลับมาบ้างรึเปล่าน้องรัล…”

นาดาถามลูกสาวเมื่ออยู่ในห้องเพียงลำพังหลังจากมาพักอยู่กับลูกสาว
ได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ส่วนท่านหญิงอะมานีนั้นเกาะติดเพื่อนสนิทแจ
มีบ้างบางครั้งที่ท่านลอบมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ

…คุณย่าเธอน่ะ ใครก็ประมาทไม่ได้เลย
เห็นนิ่งๆอย่างนั้น ความคิดช่างล้ำลึกยิ่งนัก…

“แม่รู้เหรอคะ…”ดารัลถามทั้งๆที่แน่ใจว่ามารดาเธอย่อมไม่เชื่อ
ที่เธอโกหกไปว่าเขาโทรมาหาเธอเพื่อพูดคุยด้วยประจำทุกวัน

แม้จะไม่อยากโกหก หากครั้งนี้มันจำเป็นเหลือเกินที่ต้องโกหกไป
เพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจ…

“น้องรัลโกหกแม่ไม่ได้หรอกลูก…”

“ไม่เลยค่ะ…ติดต่อไม่ได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน…อยู่กับใคร...
เขาโกรธน้องรัลค่ะแม่ เขาคงโกรธน้องรัลมาก…
น้องรัลเป็นต้นเหตุที่ทำเขาโกรธ ทำให้เขาไม่พอใจค่ะแม่…”

แล้วดารัลก็สะอื้นเมื่อนึกถึงภาพที่เขาเดินไปจากเธอ…


นาดาจึงรั้งร่างลูกสาวเข้ามากอดแล้วลูบหัวนั้นด้วยความรักใคร่เอ็นดูปนสงสาร

“น้องรัลเป็นห่วงเขาค่ะแม่…ไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง จะสบายดีอยู่รึเปล่า…
จะมีใครคอยดูแลเขาบ้างมั้ยก็ไม่รู้…ไม่เคยได้ข่าวเขาเลย”

ที่สำคัญไปกว่านั้น เธออยากรู้ว่าเขาจะคิดถึงเธอเหมือนที่เธอคิดถึงเขาบ้างรึเปล่า…
ทำไมเขาไม่ยอมติดต่อมาหา
ทำไมเขาไม่ยอมกลับมาหาเธอเสียที…

“อย่ากังวลไปเลย เดี๋ยวเขาก็กลับมา…เชื่อแม่เถอะ…
ว่าแต่พอจะเล่าให้แม่ฟังได้มั้ยว่าทำไมเขาถึงต้องโกรธลูก…
เล่ามาเถอะ แม่รับรองว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้…
แม้แต่พ่อกับคุณย่าของหนู”

นั่นแหล่ะ ดารัลจึงยอมเปิดปากเล่าให้มารดาฟังอย่างไม่ปกปิด
แล้วนาดาก็ถึงกับลอบถอนใจ นึกถึงตัวเองในอดีตขึ้นมา…

คิดได้ดังนั้นก็กอดลูกสาวเอาไว้และปลอบโยนพร้อมทั้ง
ชี้ทางออกให้ลูกสาวไปด้วยว่า

“ถ้าน้องรัลรักเขา…ซึ่งแม่เชื่อว่าตอนนี้น้องรัลรักเขาแล้วล่ะลูก…”

ถ้อยคำนั้น ทำเอาดารัลถึงกับสบตาคนพูดนิ่งเพื่อค้นหาความจริง
นาดายิ้มให้ลูกสาวอย่างอ่อนโยน

“น้องรัลต้องรู้จักให้อภัยเขาแม้ว่าเขาจะไม่รู้ตัวว่าเขาทำผิด
หรือทำร้ายจิตใจน้องรัล น้องรัลก็ต้องอภัยให้เขาให้ได้นะลูก…”
ดารัลส่ายหน้า

“น้องรัลไม่ได้โกรธเขานะคะแม่…เขาต่างหากที่โกรธน้องรัล…
เขาต่างหากที่ไม่พอใจน้องรัล…”นาดายิ้มบางมองลูกสาวอย่างเข้าใจ

“ลูกอาจจะไม่ได้โกรธที่เขาจากไป เพราะลูกคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ
และเป็นคนผิด…แต่หนูโกรธและไม่พอใจเขาแน่ที่เขาไม่ยอมส่งข่าว
ไม่ยอมกลับมาหาหนูสักที…ที่สำคัญ หนูกำลังน้อยใจ
ที่เขาทำเหมือน ไม่แคร์ ไม่สนใจหนู…แต่หนูก็ห่วงใยเขา คิดถึงเขาด้วย ใช่มั้ย…”


ดารัลพยักหน้ายอมรับ เพราะเธอรู้สึกอย่างที่มารดาบอกจริงๆ

ตอนนี้เธอรู้จักกับความรู้สึกของตัวเองชัดเจนแล้ว…เมื่อแม่ของเธอ
ช่วยแยกแยะมันออกจากกันไม่ปะปนกันอย่างแต่ก่อนจนทำให้เธอสับสน
หาทางออกให้ตัวเองไม่ได้

“ถ้าอย่างนั้น…น้องรัลก็ต้องปล่อยให้ตัวเองได้ทำตามหัวใจตัวเอง อย่าปิดกั้นมัน…”

“แต่น้องรัลกลัว กลัวการผูกพันธ์แบบนั้น…น้องรัลกลัวจริงๆนะคะแม่”

นาดากุมมือลูกสาวเอาไว้แล้วยิ้มบางอย่างเข้าใจ…

“มันไม่ได้น่ากลัวหรอกลูก…เชื่อแม่เถอะ…มันไม่ได้น่ากลัว
หรือน่าขยะแขยงสักนิด หากว่ามันมาจากคนที่เรารัก…
มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์…ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือเรื่องผิดแปลกที่ลูกต้องกลัว…

เหมือนฝนนั่นแหล่ะ…ฝนก็เป็นธรรมชาติ

ตอนที่เราอยู่ข้างใน เราก็กลัวเกี่ยวกับฝนสารพัด กลัวอย่างนั้นอย่างนี้
แต่ลองออกไปยืนตากน้ำฝนดูสิลูก เราจะรู้ว่าฝนมันก็
ไม่ได้น่ากลัวอะไรสักนิด ออกจะเย็นชื่นฉ่ำ

ถ้าหนูกลัวว่าจะไม่สบาย หนูก็แค่อย่าตากมันนานจนตัวสั่น
รู้จักอาบน้ำ เมื่อป่วยก็รู้จักกินยารักษา…ไม่มีใครตายเพราะตากฝนนะลูก…

หรือถ้ามีคนตายเพราะเป็นปอดนวมเนื่องจากตากฝน แม่ก็ว่าน้อยคนเหลือเกิน…”

นาดาพูดไปยิ้มไป ดารัลเองก็อดนึกไปถึงหลักการเปรียบเทียบของมารดาไม่ได้
มันเห็นภาพอยู่หรอกนะ แต่ก็ยังอดหวั่นไม่ได้อยู่ดี

…เธอคงเป็นเจ้าสาวที่กลัวฝน…เลยไม่กล้าเสี่ยง...

และพอใจที่จะให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาเป็นไปอย่างที่เคยเป็น
ไม่อยากให้ล่วงล้ำไปถึงจุดนั้น จุดที่เธอกังวลและหวาดหวั่นมาตลอด...

“หนูจะหนีฝนไปชั่วชีวิตไม่ได้หรอกน้องรัล…
ซึ่่งแม่ไม่เห็นประโยชน์อะไรที่หนูจะต้องหนีฝน…ลองเผชิญหน้ากับมันดูสิลูก…
อย่ากลัวเจ็บปวดหรือกลัวการผูกมัด
เพราะที่หนูเป็นอยู่ตอนนี้ แม่ว่ามันก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย

หนูอาจจะไม่รู้ตัว แต่หนูก็ต้องยอมรับให้ได้ว่า ตอนนี้หนูไม่ได้มีความสุขเลย…
เขากลายเป็นหนึ่งในความสุขของลูกไปแล้วน้องรัล…”

นาดาสบตาลูกสาวนิ่งแล้วยิ้ม กวาดตามองใบหน้าซูบซีด
ร่างกายที่ผ่ายผอมลงอย่างเห็นได้ชัด
ก่อนจะลูบหน้าลูบผมลูกสาวขณะกล่าวว่า

“ดังนั้น…ความสุขของเขาจึงกลายเป็นความสุขของลูก…
ถ้าลูกอยากมีความสุข…ลูกก็จงทำให้เขามีความสุข…
หนูต้องพยายามรู้ให้ได้ว่าอะไรคือความสุขของเขา…
เมื่อรู้แล้ว หนูก็จะอยากทำให้เขามีความสุข เพราะหนูรักเขา…
หนูอยากเห็นเขามีความสุขไม่ใช่หรือน้องรัล…”

“แม้เราจะต้องฝืนใจทำอย่างนั้นหรือคะ…”ดารัลถามอย่างไม่แน่ใจ
ทว่า นาดากลับส่ายหน้า

“ไม่มีการฝืนใจหรอกลูก…เมื่อความสุขที่เราหยิบยื่นให้เขา
ไม่ได้เป็นสิ่งที่ศาสนาห้าม…และหนูจะมีความสุขเมื่อเห็นคนที่หนูรัก
มีความสุขกับสิ่งที่หนูหยิบยื่นให้เขา

และถ้าเขารักหนู เขาก็ย่อมต้องการให้หนูมีความสุขด้วย…

ฟาเดลรักหนู เขารักหนู แม่ดูออก…
และรู้ว่าตอนนี้เขาก็ต้องคิดถึงลูกอยู่ไม่น้อยไปกว่ากัน…

ดังนั้น...ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกเลยที่เขาจะปรารถนาในตัวลูก
เพราะนั่นคือธรรมชาติของมนุษย์...มนุษย์ถูกสร้างมาแบบนี้...”

ดารัลน้ำตาไหลอาบแก้มลงมาอีกระลอกเมื่อนึกถึงใบหน้าของเขา…

ต้นเหตุคือเธอ ที่ทำให้เขาต้องปวดร้าว เป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องจากไป


นี่เธอทำได้ยังไง เธอทำร้ายใจของคนที่ดีต่อเธอขนาดนี้ได้ยังไง...

อยากให้เขาเข้าใจ อยากให้เขาอภัยให้เธอ...

“อย่าปล่อยให้อะไรๆมาทำให้ลูกกับเขาเจ็บปวดอย่างนี้อีกนะน้องรัล
หนูไม่ควรเสียเวลาแห่งความสุขไป เพื่อจะจมอยู่กับความเจ็บปวดแบบไม่จำเป็นแบบนี้…
หากรักเขาก็ต้องเชื่อมั่นในตัวเขา…ต้องรู้จักหาวิธีปรับความเข้าใจกัน...คุยกัน
ฟังกันให้มากๆ อย่าเอาแต่ใจ รู้มั้ยลูก...”

ดารัลกอดมารดาแน่นพร้อมกับพยักหน้า

“ค่ะแม่…น้องรัลจะเชื่อมั่นในตัวเขา…น้องรัลจะทำให้เขามีความสุข
สิ่งใดที่จะทำให้เขามีความสุขน้องรัลจะทำเพื่อเขาค่ะ…”

นาดาระบายยิ้มเมื่อเห็นว่าลูกสาวดูจะเข้าใจในสิ่งที่เธอพยายามบอกพยายามสอน

"อย่าลืมขอโทษพี่เขาซะ คงไม่ต้องให้แม่สอนใช่มั้ยว่า ต้องทำยังไงบ้าง..."

นาดาลูบหัวลูกสาวด้วยแววตารักใคร่ รักบริสุทธิ์ ที่ไม่เคยต้องการสิ่งใดตอบแทน
ขอเพียงแค่ได้เห็นคนๆนี้มีความสุข แค่นั้นเอง...


"การที่เราเชื่อฟังสามี ยอมตามใจเขา ทำให้เขามีความสุข เอาอกเอาใจเขา
ใส่ใจดูแลเขา ไม่ได้หมายความว่าเราไม่รักตัวเองหรือเรายอมสูญเสียสิทธิสตรีไป..
หรือคิดว่าเรากำลังโดนอีกเพศเอาเปรียบ ไม่เลยลูก เราไม่ได้สูญเสียสิ่งดังกล่าวไปเลย

เพราะในความรักและในการใช้ชีวิตคู่ สิ่งที่ลูกไม่ควรนำมาเก็บไว้ในใจนั่นคือ
การแสวงหาผลประโยชน์อย่างที่พวกนักลงทุนเขาใช้กัน
เพราะมันจะเป็นตัวทำลายความสุขของชีวิตคู่...ทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จ
ในการใช้ชีวิตคู่...และมันทำให้ชีวิตเราขาดทุนด้วย...

ขอให้ลูกเพียรแสวงหาความพึงพอใจจากเขา สิ่งใดที่เขาพึงพอใจและไม่ขัดต่อหลักศาสนา
ก็จงตอบสนองแก่เขา...เมื่อเขาพึงพอใจในตัวลูก พระเจ้าก็จะพึงพอใจ
ในตัวลูกด้วย...ความสุขและความพึงพอใจนั้นก็จะกลับมาหาลูก...
หากไม่ได้รับในโลกนี้ หนูจะได้รับการตอบแทนจากพระเจ้าในโลกหน้าจ๊ะ...
ไม่มีอะไรที่ลูกสาวแม่ทำไม่ได้ ขอแค่ลูกต้องรู้จักอดทนและเข้มแข็ง...
ปัญหาทุกอย่าง ก็ไม่ยากหรอกที่จะผ่านมันไปได้..."นาดาจ้องตาลูกสาวแน่วนิ่ง
เมื่อต้องกล่าวประโยคต่อมาว่า

"เพราะ...ศัตรูที่น่ากลัวของลูกที่ลูกต้องต่อสู้อยู่ทุกลมหายใจ
ก็คืออารมณ์ใฝ่ต่ำในตัวของลูกเอง
หากอยากจะชนะอะไร ก็ต้องชนะอารมณ์ใฝ่ต่ำของตัวเองให้ได้ก่อน...
อย่าให้มันอยู่เหนือการควบคุมของลูก...ปัญญาของเราจะไม่ถูกเรียกใช้งาน
เมื่อสติของเราถูกครอบงำด้วยอารมณ์ใฝ่ต่ำ...จำไว้นะดารัล..."

นาดาพยายามสอนลูกสาวจากท่ีเคยสอนมาก่อนหน้านี้แล้ว...
เพราะเชื่อว่าสถานการณ์เช่นนี้ คำสอนที่เคยสอนย่อมจะซึมซาบเข้าสู่หัวใจ
ของลูกสาวของเธอได้ไม่ยากเย็นนัก...

"น้องรัลจะลองทำอย่างที่แม่สอนค่ะ...จะฝึกฝนควบคุมตัวเอง..."

ดารัลแม้จะเป็นคนดื้อ แต่หากใช้เหตุและผลเข้าอธิบาย
เธอก็จะยอมรับมันได้ไม่ยากเย็นนัก...

“แม่ว่า…คุณย่าอะมานีของหนูน่าจะรู้ว่าตอนนี้หลานเขยคนโปรดของท่านอยู่ที่ไหน…
เอาไว้แม่จะลองล้วงดู…พรุ่งนี้เราน่าจะได้รู้กันล่ะ
หนูคงอยากเจอเขาแล้วใช่มั้ย…”ดารัลถึงกับตาโตกับสิ่งที่มารดาเอ่ย
และไม่เข้าใจว่าคุณย่าของเธอจะรู้เรื่องเขาได้อย่างไร…

ที่สำคัญ อะไรทำให้มารดาของเธอคิดว่าคุณย่าของเธอรู้ล่ะ
และเหมือนนาดาจะอ่านความคิดของลูกสาวขาด…จึงเอ่ยไปว่า

“ที่ผ่านมา…แม่พิสูจน์มาแล้วว่า…ไม่มีอะไรที่คุณย่าของหนูอยากรู้
หรือต้องการแล้วไม่ได้มาน่ะสิ…ขนาดฟาเดลที่คุณย่าของหนู
อยากได้มาเป็นหลานเขยคนโต…ท่านก็ยังทำจนสำเร็จลุล่วง…
โดยที่น้องรัลก็ไม่อาจปฏิเสธได้…”และนั่นคือคำตอบที่ชัดเจน

และทำให้ วันรุ่งขึ้น…ดารัลที่รอรับฟังข่าวคราวของฟาเดล
อย่างใจจดใจจ่อก็ได้รับรู้ว่าเขาไม่ได้หายไปไหนเลย…

เขายังอยู่ที่คาสบลังก้า…ทำตัวเหมือนนินจา
ที่แอบล่องหนมาหาเธอโดยที่เธอไม่รู้ตัวและไม่ทิ้งร่องรอยอะไร
ให้ใครแกะรอยได้เลยน่ะสิ…

น่าเจ็บใจจริงๆที่เธอเผลอร้องไห้ให้เขาไม่เว้นแต่ละวัน

ืทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้ไปไหนไกลอย่างที่คิด

…นี่เขาคงรู้แล้วสินะว่าเธอร้องไห้เป็นเผาเต่า
เพราะคิดถึงเขาขนาดไหนตอนที่เขาไม่อยู่…


คุณย่าของเธอรู้ทั้งรู้แต่ก็ยังปล่อยให้หลานสาวคนโตเสียน้ำตาไปเป็นไห…
หรือคุณย่าจะรักหลานเขยคนโปรดมากกว่าหลานในไส้กันแน่…
ถึงได้อยู่ฝั่งเขา เข้าข้างเขา
ปล่อยให้เขาทำอย่างนั้นอยู่ได้ยังไง…คุณย่านะคุณย่า


“คนใจร้าย…คอยดูนะ กลับมาจะบิดให้เนื้อเขียวเลย คอยดู!”

ดารัลกัดฟันด้วยแววตาหมายมาด…วาดไปถึงดวงหน้าคม คิ้วเข้ม
ดวงตาที่มองคราวใดหัวใจก็ละลายไปด้วย

ถ้าโดนบิดจนเนื้อเขียว เขาจะร้องเป็นภาษาอะไรนะ ชักอยากรู้!



...โปรดติดตามตอนต่อไป....

ิมาแบบอบอุ่นของความรักของคนในครอบครัวหญ่ายยยยยยย...อิอิอิ


คิดถุงลูกปาดกันบ้างมั้ยคะ เสร็จจากเรื่องนี้จะต่อเรื่องของลูกปาดดดดดดดด...

ส่วนคนใจร้าย ชักเริ่มส่อเค้าร้ายกาจนะงานนี้...
ทำตัวเหมือนแมวที่หลบไปเลียแผลไม่ให้ใครเห็น...
แล้วยังจะมาทำตัวเป็นนินจาล่องหนอีก...

ยกหน้ามาดูกันค่ะว่า...ใครจะเนื้อเขียว...ฮาาาาาา

งานนี้คุณแม่กางปีกปกป้องเต็มที่เชียว...สุดแต่คุณลูกแล้วว่าจะทำได้ดีแค่ไหน
ขี้กลัวขนาดนั้น ไม่น่าหาเรื่องแต่งงานเลยเนอะ
(เอ โยลืมไปว่าโดนพระเอกเขาเอาถุงคลุมแล้วปิดปากถุงเอาไว้ซะแน่น
ก่อนแบกถุงขึ้นเครื่องมาคาสบลังก้านี่นะ)ฮ่าๆ



...ขอคุยกับนักอ่านจากตอนที่แล้วกันค่ะ...


1.คุณคิมหันตุ์...เอิ่ม คงประมาณว่า...
รักจะแย่อยู่แล้วนะแต่ไม่บอกดีฝ่า...ฮ่่าๆ
ก็ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไมนะคะ ไอ้คำว่ารักน่ะ เก็บไว้ก็ไม่งอกเงย...
สู้ปล่อยออกไป มันจะบานจะเหี่ยวช่างมานนนน...อ่าๆ
(เต่าโยมาแนวโหด เพราะในชีวิตจริง เป็นคนขวานผ่าซากน่ะค่ะ)อิอิ

2.คุณตุ๊งแช่...อย่าได้สงสัยเรื่องอายุในบัตรประชาชนเลยค่ะ...
มันหลอกลวง...ฮ่าๆ...อายุของจริงอยู่ที่ใบหน้าและที่ก้านสมองค่ะ...ฮิฮิ...
แต่อายุของเต่าโยอยู่ที่หน้าผาก เส้นยิ่งมากอายุ(ขัย)ก็ยิ่งน้อย...ฮ่า
งานนี้แม่น้ำค้างสอน แต่ลูกเหมือนจะไม่จำมาปฏิบัติ แม่เลยต้องย้ำกัน...
ส่วนพ่อเหมือนจะอยากตามมาเหยียบ(ลูกเขย)เสียให้ได้...ฮิ...


3.น้องเจื้อยแจ้ว...ดีใจจังที่แวะเข้ามาอ่านมาทักทายพี่...
คนเรามักจะเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าโดนหลอก ไม่ว่าจะโดนหลอกให้รอ
หรือหลอกใช้ หรือหลอกให้รัก เจ็บปวดหมด...
พี่นั้นโดนหลอกมาหลายรูปแบบแล้ว ไม่เว้นแม้กระทั่งโดนผีหลอก...อิอิ
แต่ผีไม่น่ากลัวเท่าคน...คอนเฟิร์ม!
ส่วนพี่ฟาเดลเขามาแบบแสนดีมาตลอด พอจะมาเล่นบทโหด ใครก็ตั้งรับไม่ได้
สู้โหดเสมอต้นเสมอปลายก็ไม่ได้เนอะน้องเจื้อยแจ้วเนอะ...อิอิ
ว่าจะสร้างพระเอกโหดๆเหมือนกาน...แต่สงสารนางเอก(แล้วนางเอกพี่
เรื่องไหนไม่น่าสงสารบ้าง ไม่มีเลยเนอะ...อิอิ)ก็ว่าจะส่งน้องหะบีบี้เข้าประกวด
เป็นนางเอกแสนดีและไม่น่าสงสารแต่น่ารักคู่พระเอกโหดอยู่
ไม่รู้จะไปไหวรึเปล่า วางพล๊อตไว้เล่นๆแล้ว เรื่องนี้ไม่ยาวมากนัก
แต่คนเขียน เขียนไปพักไป ก็ไม่รุ้เมื่อไหร่จะจบเหมือนกานจ๊ะ...เฮะๆ


4.คุณแว่นใส...นั่นแหล่ะค่ะ ตัวปัญหาเลย...
การไม่ยอมพูดกันให้รู้เรื่อง หรือรู้เรื่องแต่ไม่พูด หรือพูดไม่รู้เรื่อง
อะไรทำนองนี้ ทำให้เรื่องไม่เป็นเรื่องก็เป็นเรื่องได้ประจำ...
ทะเลาะกันจนมีลูกหัวปีท้ายปีมาหลายคู่แล้ว...อิอิ...


สุดท้ายไม่ท้ายสุด...ขอบคุณนักอ่านทุกท่านนะคะที่เข้ามาอ่าน เข้ามากดไลค์

...รักษาสุขภาพนะคะ...

"เต่าโยแรงช้างสามเศียร"







yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ต.ค. 2557, 02:31:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ต.ค. 2557, 02:31:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 3244





<< บทที่ 11 ไฟริษยา   บทที่ 13 ตำแหน่งมักมาพร้อมกับหน้าที่ >>
คิมหันตุ์ 17 ต.ค. 2557, 03:05:16 น.
คิดอยู่ แล้วเชียวว่าฮีจะต้องไม่ได้ไปไหน เพียงแต่ไม่ออกมาหาแค่นั้น ก็รักสาวขนาดแบกมาคาสบลังก้าได้นี่เนอะ...อิอิ

รอดูค่ะว่าตอนหน้าคนแก่จะบอกรักสาวได้เนื้อเขียวขนาดไหน อิอิ


แว่นใส 17 ต.ค. 2557, 08:26:04 น.
จะโผล่มาให้บอกรักได้หรือยังนะ


ตุ๊งแช่ 17 ต.ค. 2557, 10:11:38 น.
นี่ถ้าไม่ได้คุณโย ช่วยส่งแม่น้ำค้างมาช่วยเขี่ยผงที่เข้าตา ไม่รู้หนูดารัลจะหายช้ำในไหมนี่ อยากให้พ่อตามาเหยียบเลย 555 เลิฟพ่อตามากกว่าลูกเขย


pseudolife 18 ต.ค. 2557, 00:37:24 น.
แหมนินจา ทำน้องรัลร้องไห้เป็นเผาเต่า
แต่ก็ดีน้า จะได้รู้ใจตัวเองเสียที ครอบครัวน้องรัลนี่น่ารักจริงๆ ขำลูกปาด ฮ่าๆ
เรื่องของบีบี้ดูน่าสนุก รออ่านตอนต่อไปค่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account