คิวปิด...ตัวกวนป่วนรัก
เมื่อเทพคิวปิดถูกลดหน้าที่ให้เป็นแค่ ‘เทพเบ๊’ คิวปิดสาวจึงเร่งปฎิบัติกอบกู้ศักดิ์ศรี แต่ดันแผลงศรพลาด ทำให้ว่าที่เจ้าบ่าวตกหลุมรัก ‘พี่ชาย’ ของสาวคนรัก เรื่องป่วนๆ จึงเริ่มขึ้น !
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอน 1
ร้านเวดดิ้งสตูดิโอแห่งนี้ใหญ่โตโอ่อ่า สมกับเป็นร้านชั้นนำที่คู่รักผู้มีอันจะกินหลายคู่เลือกใช้บริการ แม้ขณะนี้ใกล้ถึงเวลาสองทุ่มซึ่งเป็นเวลาปิดร้าน แต่ก็ยังมีลูกค้าลองชุดเจ้าสาวอยู่ด้านใน หน้าประตูมีน้ำพุรูปคิวปิดซึ่งสลักจากหินอ่อนสีขาวกระจ่างตั้งตระหง่านอยู่ใต้ฐานทรงกลมซึ่งรายล้อมด้วยควันสโมกสีขาวนุ่ม จึงดูคล้ายเจ้าคิวปิดกำลังลอยละล่องอยู่บนปุยเมฆ
แต่จู่ๆปุยเมฆก็ก่อตัวหนาแน่นขึ้นกลายเป็นก้อนใหญ่ แล้วค่อยๆ บิดรูปกลายเป็นรูปร่างของมนุษย์สาวทั่วไป แต่สิ่งที่ผิดแผกไปก็คือปีกสีขาวที่งอกจากหลัง รวมทั้งคันธนูสีทองที่สะพายไขว่ไหล่ เซเลน่ากระพริบตาถี่ๆ ปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสงจากหลอดไฟ แล้วกวาดตามองไปรอบๆ อย่างสำรวจ ไม่รู้ว่าคาถาบน ‘โปรแกรมเนื้อคู่-คู่ถัดไป’ แล้วตามด้วยชื่อของมนุษย์ชาย-หญิงซึ่งถูกระบุว่าเป็นเนื้อคู่กัน นำพาหล่อนมาที่แห่งใด ห้องสีขาวซึ่งมีกรอบรูปมนุษย์ชาย-หญิงในชุดแต่งงานขนาดใหญ่เท่าตัวจริงแขวนอยู่บนฝาผนัง กำแพงด้านหนึ่งเป็นกระจกใสจึงสามารถมองเห็นยานพาหนะที่วิ่งขวักไขว่กันอยู่บนถนน
‘ว้าย !’
เซเลน่าร้องลั่นเมื่อหันไปเห็นรูปปั้นบรรพบุรุษของพวกหล่อน ตอนแรกคิดว่าท่านคิวปิดลงมาตามหล่อนเสียอีก หากพิจารณาจากท่ายืนนิ่ง จึงเข้าใจว่าสิ่งนั้นเป็นเพียงรูปปั้น เซเลน่าถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนยิ้มภูมิใจ
‘เสียดายไม่ได้เอากล้องถ่ายรูปลงมาด้วย จะได้ถ่ายรูปปั้นท่านคิวปิดไปอวดสักหน่อย เทพท่านอื่นจะได้รู้กันเสียบ้างว่าพวกมนุษย์เคารพเทพคิวปิดถึงขนาดสร้างรูปปั้นเอาไว้บูชากันเลย’
“เสร็จแล้วค่ะ”
เสียงหวานดังขึ้นขัดความคิด เซเลน่ามองผ่านประตูไม้ขนาดใหญ่ซึ่งเปิดแง้มเอาไว้ ทว่าสิ่งที่เซเลน่าสนใจมากกว่าคือชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟายาว ใบหน้าคมเข้มงดงามราวภาพวาด ดวงตายาวรีภายใต้ขนคิ้วยาวหนาเป็นแพจับจ้องหญิงสาวที่อยู่ในชุดเจ้าสาวเกาะอกสีขาวรับกับผิวสีน้ำผึ้ง ผมยาวรวบเป็นหางม้าไว้ด้านหลังอย่างง่ายๆ แต่หล่อนก็ยังดูสวยงดงามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย
“เป็นยังไงคะพี่รัก โอเคไหม” ผู้ที่อยู่ในชุดเจ้าสาวถามอย่างไม่มั่นใจ
‘พี่รัก? นายคนนี้คือรักษิตแน่ๆ’ เซเลน่าสรุป พิจารณาจากสายตาเป็นประกายที่นายรักษิตมองหญิงสาวผู้นี้นั้น ‘เอ๊ะ! หรือว่าผู้หญิงคนนี้คือดาลัด แต่ไม่น่าใช่ เขาสองคนควรจะเพิ่งได้พบกัน แล้วทำไมถึงจะแต่งงานกันแล้วล่ะ’
“โอเคสิ น้องสาวพี่ใส่อะไรก็โอเคทั้งนั้นแหละ” คำพูดของ ‘เป้าหมายฝ่ายชาย’ ทำให้คิวปิดสาวกระจ่าง...ที่แท้ก็เป็นพี่น้องกัน ดีนะที่เซเลน่าไม่พลาดยิงลูกศรใส่พวกเขาไป เพราะเท่ากับว่าหล่อนจะเสียลูกศรที่ขโมยมาจากคลังเก็บอาวุธที่มีเพียงดอกเดียวไปเลย เนื่องจากลูกศรของเทพคิวปิดจะไม่แสดงผล ถ้าผู้ถูกยิงมีสายเลือดเดียวกับผู้ที่ปรากฎแก่สายตาของผู้ถูกยิงเป็นคนแรก
“พี่รักน่ะ เอาดีๆ สิคะ ยาโอเคหรือยัง” รักษิยาถามซ้ำพร้อมกับถอยหลังไปเล็กน้อย เพื่อให้ผู้เป็นพี่ชายมองได้อย่างถนัดตา
รักษิตไล่สายตามองร่างบางของน้องสาวด้วยความตื้นตัน เผลอแปบเดียวจากน้องสาวตัวเล็กที่เขาเอาขึ้นหลังบ่อยๆ ตอนนี้รักษิยาโตเป็นสาวเต็มวัยและกำลังจะกลายเป็นเจ้าสาวในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว
“เป็นยังไงคะพี่รัก โอเคไหม” รักษิยาถามซ้ำหลังจากเห็นพี่ชายเงียบไป
สำหรับสายตาของผู้เป็นพี่ชาย รักษิยาสวยมาก แต่ด้วยความที่ไม่เคยชินกับการพูดจาหวานหู ปากของเขาจึงพูดออกไปแค่ว่า “โอเคจ้ะ”
“แน่นะคะ”
“งั้นเดี๋ยวให้ไอ้ภูมิมาบอกเองก็แล้วกัน ยาจะได้มั่นใจ” รักษิตแซว เลยถูกน้องสาวค้อนวงใหญ่
โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของรักษิตดังขึ้น เขาล้วงหยิบขึ้นมามองหน้าจอ
“พงษ์หรือเปล่าคะ” รักษิยาถามถึงรักพงษ์น้องชายคนเล็กของครอบครัวที่บอกว่าประชุมเรื่องวิทยานิพนธ์กับเพื่อนเสร็จจะแวะมาหาที่นี่เพราะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยของเขา
“เปล่า ไอ้ภูมิน่ะ” รักษิตตอบก่อนกดรับสาย “ว่าไง โอเค” รักษิตพูดเพียงเท่านั้นแล้ววางสาย “ภูมิใกล้จะถึงแล้ว”
หากรักษิยายังไม่ทันได้ถามอะไร พนักงานสาวก็ถามแทรกขึ้นว่า
“ตกลงว่าคุณภูมิจะมาใช่ไหมคะ ดิฉันจะได้ไปเตรียมชุดสูทมาเตรียมไว้ให้ลอง”
รักษิตยิ้มรับ พนักงานจึงหันหลังเดินตรงมายังที่เซเลน่ายืนอยู่ เซเลน่าหลบไม่ทันพนักงานก็เลยเดินทะลุร่างของหล่อน
“ว้าย !” เซเลน่าร้องด้วยความตกใจ
ส่วนมนุษย์สาวหยุดชะงัก มองไปรอบๆ รู้สึกประหลาดคล้ายมีลมปะทะลำตัว หากไม่เห็นอะไรผิดปกติ จึงเดินเลี่ยงออกไปทางตู้แขวนชุดสูทสำหรับเจ้าบ่าว
“พี่ภูมิถึงไหนแล้วคะ” รักษิยาถามพลางหันไปมองสำรวจตัวเองในกระจก ถึงจะเป็นการลองชุด แต่รักษิยาก็อยากให้ภูมิประทับใจเมื่อเห็นหล่อนอยู่ในชุดเจ้าสาวเป็นครั้งแรก
แล้วพอปลายสายบอกว่าอยู่หน้าปากซอยแล้ว จึงถามต่อว่า “น้องดามาด้วยหรือเปล่าคะ น้องดามาเหรอคะ ดีเลยค่ะ พี่รักจะได้เจอน้องดาสักที” รักษิยายิ้ม
“ยังไม่เลิกทำตัวเป็นแม่สื่อสักทีนะเรา” รักษิตบอกพร้อมโยกศีรษะของน้องสาว
“เอ๊...อย่ามากล่าวหากันนะคะ ยากับพี่ภูมิไม่ได้คิดจะจับคู่ให้พี่รักกับน้องดาสักหน่อย เราแค่อยากให้พี่รักกับน้องดารู้จักกันเท่านั้นเอง เนอะพี่ภูมิเนอะ” รักษิยาถามความเห็นจากปลายสาย เสียงหัวเราะและแซวว่ารักษิตคงจะเขินดังลอดโทรศัพท์ออกมา
“ขอพี่คุยหน่อย” รักษิตแย่งโทรศัพท์จากมือน้องสาว “ไม่ต้องพูดมากเลยไอ้ภูมิ รีบๆ มาซะ อย่าทำให้ฉันโมโห ไม่อย่างงั้นฉันเปลี่ยนใจไม่ยกน้องสาวให้จริงๆ ด้วย” ขู่แล้วกดวางสาย หันไปเอ็ดน้องสาวที่กำลังกลั้นยิ้มอย่างไม่จริงจังนัก “เราก็อีกคน อยากให้พี่แต่งงานไปถึงไหน”
“ยาไม่อยากให้พี่รักเหงานี่คะ ต่อไปยาแต่งงานแล้วก็ต้องไปอยู่บ้านพี่ภูมิ พงษ์ก็อยู่หอ พี่รักก็ต้องอยู่บ้านคนเดียว” หญิงสาวพูดถึงรักพงษ์น้องชายคนเล็กของครอบครัวพลางเกาะและซบหน้ากับแขนล่ำของพี่ชาย
“งั้นยาก็มีลูกมาให้พี่เลี้ยงเยอะๆ แล้วกัน พี่จะได้ไม่เหงา”
“พี่รักน่ะ” แก้มนวลแดงเรื่อด้วยความเขิน ก่อนเสริมว่า “ทำเป็นพูดดีไปเถอะค่ะ เอาไว้รอเจอน้องดาก่อน ขี้คร้านพี่รักจะรีบขอให้พี่ภูมิเป็นพ่อสื่อช่วยจีบน้องดาให้”
ขณะที่สองพี่น้องกำลังคุยกันอยู่นั้น เซเลน่าก็กำลังหาทำเลสำหรับปฎิบัติภารกิจครั้งยิ่งใหญ่ หล่อนเลือกยืนด้านหลังของเป้าหมายฝ่ายชาย เพื่อที่จะได้มองเห็นเป้าหมายฝ่ายหญิงที่เข้ามาภายในร้านได้ถนัด และพอดาลัดปรากฏตัว หล่อนจะยิงลูกศรใส่หลังของรักษิต แล้วทันทีที่หญิงสาวผู้เป็นเนื้อคู่ปรากฏแก่สายตาของเขา ความรักก็จะก่อตัวขึ้นอย่างถอนไม่ขึ้น
‘คิดแล้วเขินแทน’ เซเลน่าหัวเราะคิกคัก
“คุณภูมิมาแล้วค่ะ” พนักงานสาวอีกคนเดินเข้ามาบอก
คิวปิดสาววิ่งไปยืนข้างหลังรักษิต หยิบลูกศรจากกระบอกซึ่งห้อยติดกับคันธนูออกมาเสียบที่คันธนู แล้วยกขึ้นเล็งไปบนแผ่นหลังของชายหนุ่ม แต่ผู้ที่เปิดประตูกระจกใสเข้ามามีแค่ชายหนุ่มผิวขาว ไม่ปรากฏร่างของหญิงสาวสักคน เซเลน่าจึงลดคันธนูลง
“ผู้ชายหลายคนต้องอิจฉาพี่แน่ๆ ที่พี่มีเจ้าสาวสวยขนาดนี้” ดวงตาเล็กหยีภายใต้แว่นกรอบใสกำลังมองว่าที่เจ้าสาวอย่างไม่วางตา แล้วก้าวเข้าไปเกาะกุมมือเล็กบางขึ้นจะจูบอย่างอดใจไม่อยู่
“อะแฮ่ม !” รักษิตกระแอมในลำคอพร้อมกับมองตาขวาง
ภูมิปล่อยมือรักษิยา บ่นว่า “เฮ้ย ! ยังจะหวงน้องสาวอยู่อีกเหรอวะ ฉันกำลังจะแต่งงานกับยาอยู่แล้วนะ”
“เอาไว้เข้าพิธีให้เรียบร้อยเป็นสามี-ภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมายก่อน แล้วจะแสดงความรักกันในที่สาธารณะอย่างนี้ ฉันจะไม่ยุ่งด้วยเลย”
“คร๊าบ...ไอ้คุณพี่เขย” ภูมิประชด แล้วชี้ไปทางถาดวางแก้วน้ำเย็นที่พนักงานนำมาวางเอาไว้ให้ “รัก ฉันวานรินน้ำให้แก้วสิ ขับรถมาเมื่อยชะมัดเลยว่ะ”
รักษิตหันหลังไปหยิบให้เพื่อนอย่างไม่อิดออด ภูมิไม่รอช้าคว้ามือคนรักสาวขึ้นมาจูบฟอดใหญ่ ฝ่ายหญิงตีแขนของภูมิและส่งสายตาดุระคนขวยเขิน แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติเพื่อไม่ให้พี่ชายจับสังเกตได้ว่าภูมิขัดคำสั่ง
“น้องดาละคะ”
“คุยโทรศัพท์อยู่หน้าร้านจ้ะ” ภูมิยิ้มหลิ่วตาให้ฝ่ายหญิงอย่างรู้ทัน ก่อนมองไปทางประตู “นั่นไงมาแล้ว ดาทางนี้จ้ะ”
เซเลน่าหันไปมองตาม เห็นหญิงสาวซึ่งมีหน้าตาละม้ายคล้ายภูมิกำลังเดินผ่านประตูกระจกใสเข้ามา จึงวิ่งไปอยู่หลังรักษิตที่หันหลังรินน้ำใส่แก้วอยู่พร้อมยกคันธนูขึ้งเล็งไปที่แผ่นหลังกว้างของฝ่ายชายอีกครั้ง
“ว้าว ! พี่สะใภ้ดาสวยจังเลยค่ะ” ดาลัดทักทาย
“ขอบใจจ้ะ” รักษิยายิ้ม
“ดาจ้ะ มานี่เร็ว พี่จะแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนสนิทพี่” ภูมิก้าวเข้าไปยืนเคียงข้างร่างสูงแต่ผอมเพรียวราวนางแบบของญาติผู้น้อง “รัก นี่ไงน้องดา”
รักษิตวางเหยือกน้ำลงบนโต๊ะ กำลังจะหันไปหาภูมิ
เซเลน่าหรี่ตา ดึงเส้นเอ็นสุดแรง นับในใจ...1...2...3 !
ปลายลูกศรวิ่งแหวกอากาศตรงไปยังแผ่นหลังของเป้าหมายฝ่ายชาย
แต่สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ ปากกาในกระเป๋าเสื้อของรักษิตตกพื้น ก้มลงเก็บ ลูกศรจึงวิ่งผ่านไปปักกลางอกของภูมิแทน ! ภายในเสี้ยววินาที รักษิตก็เงยหน้าขึ้นจากพื้นพอดี ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นบุคคลแรกที่ปรากฎแก่สายตาของภูมิ !
แค่ประตูสู่โลกมนุษย์เปิดออก เซเลน่าก็ได้ยินเสียงสัญญาณจากวิหารของท่านซีอุสดังกระหึ่ม เหล่าเทพไม่ได้ยินเสียงนี้มานานมาก ครั้งหลังสุดก็ตั้งแต่ตอนที่ท่านซีอุสจับได้ว่าหมู่เทพตรีตอนส์คึกคะนองลงไปเป่าปี่ที่ทะเลทำให้เกิดคลื่นยักษ์คราชีวิตผู้คน โชคดีที่ท่านซีอุสห้ามเอาไว้ได้ทันและสั่งลงโทษด้วยการสร้างกำแพงเมืองทรอย
เพียงเซเลน่าก้าวออกจากประตูสู่โลกมนุษย์ เทพหุ่นกำยำสองท่านก็ปราดเข้ามาล็อคแขนสองข้างทันทีราวกับรอคอยอยู่แล้ว
“พวกท่านจับตัวข้าทำไม ! ปล่อยข้านะ !”
เซเลน่าทั้งร้องและดิ้น ซ้ำยังสะบัดปีกที่หลังฟาดใส่หน้าเทพตัวใหญ่จนแดงไปแถบ แต่ก็ไม่ได้ผล คิวปิดสาวถูกพาตัวมุ่งหน้าไปยังวิหารของท่านซีอุสซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเทือกเขาโอลิมปัส ตามทางเดินคราคร่ำไปด้วยเหล่าทวยเทพนับพันที่ยืนออรอเห็นหน้าต้นเหตุของเสียงสัญญาณ เซเลน่าอับอายจนต้องคว้าปลายปีกทั้งสองข้างดึงมาปิดบังใบหน้าจนกระทั่งก้าวเข้ามาภายในวิหาร จึงปล่อยปีกออก ชมความสวยงามและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดบนเทือกเขาโอลิมปัสให้เต็มตา
เพดานสูงโปร่งและกำแพงทั้งสี่ด้านอยู่ไกลสุดลูกหูลูกตาบ่งบอกความใหญ่โตงตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังบอกเรื่องราวของประวัติของเทือกเขาโอลิมปัส เสาหินสลักลวดลายวิจิตรนับร้อยต้นตั้งเรียงรายไปตามทางเดินซึ่งปูด้วยพรมสีทองอร่าม
เทพหุ่นล่ำทั้งสองปล่อยเซเลน่าลงตรงกลางห้อง แล้วหนึ่งในเทพหุ่นล่ำก็กดบ่าเซเลน่าให้คุกเข่าลง ก่อนที่พวกท่านจะเดินไปหยุดยืนรวมกับเทพหุ่นล่ำท่านอื่น เซเลน่าพยายามมองไปข้างหน้าก็ไม่อาจเห็นร่างผู้เป็นประมุขของเหล่าทวยเทพได้ เนื่องจากที่นั่งของท่านซีอุสอยู่ไกลสุดลูกหูลูกตา เห็นได้เพียงแสงสีทองจากขอบเก้าอี้ส่งประกายระยิบระยับ
“เจ้านี่เอง” เสียงทุ้มก้องกังวานน่าเกรงขามดังมาจากเก้าอี้ตัวนั้น “เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเจ้าทำอะไรลงไป” เสียงทุ้มนั้นแม้จะไม่ได้เกรี้ยวกราดแต่ก็ทรงพลังมากเสียจนเซเลน่าต้องรีบก้มหน้า
“เอ่อ...ข้า...ข้า” เซเลน่าอึกอัก ยังไม่แน่ใจว่าควรพูดถึงเรื่องที่ตัวเองไปแผลงศรผิดดีหรือไม่ เผื่อว่าสิ่งที่ท่านซีอุสพูดเป็นคนละเรื่องกัน “ข้าทำสิ่งใดหรือท่าน”
“ท่านแคนดัส” ท่านซีอุสเรียกชื่อเลขาฯ โดยไม่ต้องบอกว่าต้องการสิ่งใด ท่านเทพแคนดัสก็รู้ได้ทันทีจึงกดแท่งสี่เหลี่ยมสีดำหน้าตาคล้ายรีโมทไปในอากาศตรงหน้าคิวปิดสาว ไม่นานความว่างเปล่าในอากาศก็แปรเปลี่ยนเป็นกรอบสี่เหลี่ยม
เซเลน่าเงยหน้ามองแล้วอึ้ง เมื่อเห็นนายรักษิตในสภาพเปลือยท่อนบนเผยกล้ามเป็นมัดๆ กำลังวาดการ์ตูนอยู่หน้าคอมพิวเตอร์จอใหญ่ แม้จะนั่งอยู่หน้าพัดลมตัวใหญ่ แต่ผิวสีแทนก็มีเหงื่อพราวช่วยเสริมให้ชายหนุ่มดูเซ็กซี่ น่ามอง ยืนยันได้จากเสียงฮือในลำคอจากเหล่าเทพธิดาที่นั่งเรียงกันอยู่มุมด้านหนึ่ง ก่อนโดนสายตาพิฆาตของท่านเทพแคนดัสเลยพากันเงียบกริบ ต่อมามนุษย์ชายหน้าขาวที่เซเลน่ารู้ว่าเขาชื่อภูมิก็เดินถือแก้วกาแฟเปิดประตูเข้ามา ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีครีมกับกางเกงสแลคสีดำดูเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว
“ฉันชงกาแฟมาให้” ภูมิวางแก้วกาแฟไว้บนโต๊ะทำงาน
“ขอบใจ” รักษิตตอบทั้งที่ไม่ละสายตาจากหน้าจอคอมพ์ “แล้วทำไมยังไม่ไปรับยาที่ร้านอีก วันนี้นายนัดยาไปแจกการ์ดให้ผู้ใหญ่ไม่ใช่เหรอ”
“ขี้เกียจว่ะ ฉันเลยยกเลิกนัดไปแล้ว”
“เฮ้ย แต่วันนี้ยาอุตส่าห์ไม่ขับรถไปร้านเลยนะ เพราะคิดว่านายจะไปรับ ถึงนายจะไม่ไปแจกการ์ดก็ไปรับน้องสาวฉันกลับมาเลย” รักษิตสั่ง
“รู้แล้วน่ะ นี่เพิ่งจะบ่ายสาม เดี๋ยวอีกสักชั่วโมงค่อยไปก็ได้” ภูมิบอก ก่อนชี้ไปบนหน้าจอคอมพ์ ถามว่า “งานใหม่เหรอ”
“อืมม์”
“เพลาๆ งานลงบ้างนะรัก ฉันเป็นห่วง” ภูมิไม่พูดเปล่า หากยังเคลื่อนมือไปจับบ่ากว้างของอีกฝ่าย
ท่านเทพแคนดัสกดรีโมทให้ภาพค้าง แล้วกดซูมเข้าไปที่ดวงตาเล็กภายใต้แว่นกรอบใสที่มองรักษิตนั้นทอประกายเหมือนตอนที่ภูมิมองรักษิยาในชุดเจ้าสาวไม่มีผิด เทพแคสดัสยิงรีโมทปิด ภาพและกรอบสี่เหลี่ยมในอากาศแว่บหายไป
“ทีนี้คงไม่ต้องให้ข้าบอกแล้วนะว่าเจ้าทำอะไรลงไป” ท่านซีอุสเอ่ย
“ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ โปรดยกโทษให้ข้าด้วย” เซเลน่าก้มหน้างุด
“ข้ายกโทษให้เจ้าไม่ได้หรอก เพราะจะเป็นเยี่ยงอย่างแก่เทพท่านอื่น”
เซเลน่าอ้าปากค้าง “ได้โปรดเมตตาข้าด้วย ที่ข้าทำลงไป เพราะข้าแค่อยากกู้ศักดิ์ศรีของเทพคิวปิด ข้าไม่อยากให้ใครเรียกพวกข้าว่าเป็น เทพเบ๊”
ภายในห้องเงียบสงัดไปอึดใจ ก่อนท่านซีอุสจะเอ่ยขึ้น
“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงสั่งระงับหน้าที่แผลงศรให้มนุษย์กับพวกเจ้า”
“ข้าไม่รู้”
แล้วท่านซีอุสก็เล่าให้ฟังว่าในปัจจุบันพวกมนุษย์รักกันเองได้อย่างง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ เห็นได้จากจำนวนของสมุดรักบันทึกมนุษย์โลกที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ท่านซีอุสจึงจำเป็นต้องให้ยุติหน้าที่ของเหล่าเทพคิวปิดอย่างไม่มีกำหนด เพื่อยุติการเพิ่มจำนวน “คู่รัก” ของมนุษย์
“เทพคิวปิดอย่างข้าก็เลยต้องอยู่อย่างไม่มีศักดิ์ศรี ทั้งที่พวกข้าคือผู้ที่สร้างความรักให้เกิดขึ้นบนโลกมนุษย์” เซเลน่าไม่รู้ว่าสิ่งใดดลใจให้หล่อนกล้าต่อปากต่อคำกับท่านประมุขเช่นนี้ “แต่พอท่านสั่งระงับหน้าที่ของพวกข้า พวกข้าก็เลยต้องคอยทำงานตามที่เทพท่านอื่นใช้ มันยุติธรรมแล้วหรือท่าน”
“ระวังคำพูดของเจ้าด้วย” เทพแคนดัสเลขาฯ ของท่านมหาเทพซีอุสปราม
“ไม่เป็นไรหรอกท่านแคนดัส” ท่านซีอุสขัดขึ้น แล้วเอ่ยชื่อของคิวปิดสาวด้วยน้ำเสียงเปี่ยมเมตตา“เซเลน่า ศักดิ์ศรีของเจ้ามันไม่ได้อยู่ที่คันธนู หากมันอยู่ที่ตัวของเจ้าต่างหาก และเจ้าเชื่อข้าเถอะ ตราบใดที่พวกเจ้ายังอยู่บนเทือกเขาโอลิมปัสแห่งนี้ พวกเจ้าและเทพคณะอื่นๆ มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกันหมด”
หยาดน้ำตาไหลเป็นสายออกจากดวงตา หล่อนไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมท่านซีอุสจึงเป็นมหาเทพของเหล่าทวยเทพได้
“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านจะลงโทษข้าอย่างไร ข้าก็ยอม”
“ความผิดของเจ้าเกิดจากความหวังดีต่อเทพคิวปิด เอาเป็นว่าข้าจะยังไม่ลงโทษเจ้า”
เซเลน่าเงยหน้า ยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความดีใจ
“จะดีหรือท่านซีอุส เพราะอาจจะเป็นเยี่ยงอย่างให้กับเทพท่านอื่นทำสิ่งใดโดยพลการอีกก็ได้นะท่าน” ท่านแคนดัสประท้วง
“เรื่องบางอย่างมันก็อยู่เหนือความควบคุมของข้า” ประมุขของเหล่าเทพเอ่ยอย่างมีเลศนัย “เซเลน่าในเมื่อเจ้าเรียนผูก เจ้าก็จะต้องเป็นเรียนแก้ด้วยตัวเอง”
“ท่านจะให้ข้าสิ่งใดบอกข้ามาได้เลย ข้ายินดีทำทุกอย่าง”
“เจ้าต้องลงไปจัดการแก้ไขปัญหาที่เจ้าก่อ ก่อนที่มนุษย์พวกนั้นจะเดือดร้อนเพราะฝีมือของเจ้า และห้ามให้มนุษย์ผู้ใดรู้ด้วยว่าเจ้าไม่ใช่มนุษย์ !”
รถมอเตอร์ไซค์พ่วงถังไอศกรีมยี่ห้อดังเคลื่อนเข้ามาจอดใต้ต้นไม้ใหญ่ ชายคนขายวัยกลางคนลงจากรถ แล้วเปิดฝาถัง ควันขาวจากก้อนน้ำแข็งแห้งลอยฟุ้ง เขาก้มนับจำนวนไอศกรีมที่เหลือไม่กี่แท่งพลางผิวปากอย่างอารมณ์ดี วันนี้ขายดีอย่างไม่น่าเชื่อ ตามปกติถ้าหน้าหนาวเช่นนี้สั่งไอศกรีมล็อตใหม่มาแต่ละครั้งต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองวันถึงจะขายหมด แต่วันนี้เขาเริ่มออกขายตอนเที่ยง...ตกเย็นไอศกรีมก็เกือบจะหมดแล้ว
‘โชคดีชะมัด พรุ่งนี้หวยออกเห็นทีว่าจะมีเฮ’
ชายคนขายจัดไอศกรีมจัดไอศกรีมที่เหลือให้เป็นระเบียบพลางนึกเลขเด็ด ขณะเดียวกันควันขาวจากก้อนน้ำแข็งแห้งที่ควรจะลอยหายไปในอากาศกลับก่อตัวหนาแน่นขึ้นและเกิดเป็นประกายระยิบระยับราวเกล็ดเพชรยามส่งกระทบกับแสงไฟ ชายคนขายเห็นความผิดปกตินั้นจากหางตา มือทั้งสองข้างจึงหยุดชะงัก หันขวับมามอง แล้วไอศกรีมในมือก็ตกลงพื้น เมื่อเห็นว่าก้อนสีขาวก่อตัวเป็นรูปร่างมนุษย์สาวที่มีปีก !
“ผะ...ผะ...ผีหลอก !!!” ชายคนขายร้องลั่น
“มะ...มะ...นุด !!!!!” เซเลน่าตกใจ ไม่คาดฝันว่าจะได้ประจันหน้ากับมนุษย์เช่นนี้ หากเสียงเซเลน่าคงดังกว่า ชายคนขายจึงกระโดดขึ้นรถ สตาร์ทเครื่อง แต่รถเจ้ากรรมดันสตาร์ทไม่ติด เขาก็เลยลงจากรถแล้วเข็นหนีหายไปอย่างเร็ว
“ครั้งนี้ไม่นับนะท่าน ข้ายังไม่ทันได้ตั้งตัว” เซเลน่าแหงนหน้าขึ้นบนฟ้าบอกท่านซีอุส ก่อนแบมือ หลับตานึกถึงสิ่งที่ท่านซีอุสให้มา
เพียงอึดใจสร้อยเส้นยาวมีจี้รูปปีกนกสีเงินวาวก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ พอเซเลน่าสวมสร้อยลงลำคอ อำนาจของ ‘สร้อยปีกนก’ ก็ทำให้ปีกสองข้างและคันธนูสีทองหายไป เหลือเพียงอาภรณ์เนื้อนิ่มสีขาวแขนกุด ชายกระโปรงยาวพอดีเข่าดูแล้วไม่แตกจากมนุษย์สาวทั่วไป ทั้งนี้เซเลน่ายังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นภายในร่างกายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนอีกด้วย
‘เมื่อเจ้าสวมสร้อยปีกนก เจ้าจะกลายเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ แต่ถ้าเจ้าถอดสร้อยออก เจ้าก็จะกลับร่างไปเป็นคิวปิดเหมือนเดิม’ เสียงกำชับของท่านซีอุสยังดังกึกก้องอยู่ในหัว
เซเลน่ายกมือแตะที่สร้อย...ในเมื่อท่านซีอุสเมตตาให้โอกาสหล่อนแก้ตัว หล่อนจะต้องทำทุกวิธีทางเพื่อแก้อิทธิฤทธิ์จากปลายศรในร่างของนายภูมิให้ได้
ว่าแต่ประตูสู่โลกมนุษย์นำพาหล่อนมาที่ใด คิวปิดสาวมองไปรอบๆ ทั้งสองข้างของถนนขนาบไปด้วยบ้านเรือน พลันสายตาก็หันไปเห็นมนุษย์หญิงเดินจูงเด็กอยู่อีกฟากของถนนจึงเรียก
“ท่าน” ทว่ามนุษย์หญิงไม่ได้ยิน จึงเรียกเสียงดังขึ้น พร้อมวิ่งไปหา “ท่านผู้หญิง ท่านเด็กคะ ข้ามีเรื่องจะถามหน่อยค่ะ”
พลันเสียงบีบแตรก็ดังลั่น เซเลน่าหันไปทางเสียง จึงเห็นรถกำลังวิ่งตรงเข้ามาหาหล่อน แล้วเสียงล้อรถลากเบียดกับพื้นถนนก็ดังเอี๊ยดสนั่นไปทั่วทั้งซอย คิวปิดสาวสัมผัสได้ถึงแรงกระแทกบริเวณขา ก่อนสติสัมปชัญญะจะดับวูบ !
********************************************
ตอบคุณ วิรัตต์ยา , เบญจามินทร์ , บุลินทร์
ขอบคุณมากๆ ค่ะ ยังไงติดตามต่อไปนะคะ ^^
แต่จู่ๆปุยเมฆก็ก่อตัวหนาแน่นขึ้นกลายเป็นก้อนใหญ่ แล้วค่อยๆ บิดรูปกลายเป็นรูปร่างของมนุษย์สาวทั่วไป แต่สิ่งที่ผิดแผกไปก็คือปีกสีขาวที่งอกจากหลัง รวมทั้งคันธนูสีทองที่สะพายไขว่ไหล่ เซเลน่ากระพริบตาถี่ๆ ปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสงจากหลอดไฟ แล้วกวาดตามองไปรอบๆ อย่างสำรวจ ไม่รู้ว่าคาถาบน ‘โปรแกรมเนื้อคู่-คู่ถัดไป’ แล้วตามด้วยชื่อของมนุษย์ชาย-หญิงซึ่งถูกระบุว่าเป็นเนื้อคู่กัน นำพาหล่อนมาที่แห่งใด ห้องสีขาวซึ่งมีกรอบรูปมนุษย์ชาย-หญิงในชุดแต่งงานขนาดใหญ่เท่าตัวจริงแขวนอยู่บนฝาผนัง กำแพงด้านหนึ่งเป็นกระจกใสจึงสามารถมองเห็นยานพาหนะที่วิ่งขวักไขว่กันอยู่บนถนน
‘ว้าย !’
เซเลน่าร้องลั่นเมื่อหันไปเห็นรูปปั้นบรรพบุรุษของพวกหล่อน ตอนแรกคิดว่าท่านคิวปิดลงมาตามหล่อนเสียอีก หากพิจารณาจากท่ายืนนิ่ง จึงเข้าใจว่าสิ่งนั้นเป็นเพียงรูปปั้น เซเลน่าถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนยิ้มภูมิใจ
‘เสียดายไม่ได้เอากล้องถ่ายรูปลงมาด้วย จะได้ถ่ายรูปปั้นท่านคิวปิดไปอวดสักหน่อย เทพท่านอื่นจะได้รู้กันเสียบ้างว่าพวกมนุษย์เคารพเทพคิวปิดถึงขนาดสร้างรูปปั้นเอาไว้บูชากันเลย’
“เสร็จแล้วค่ะ”
เสียงหวานดังขึ้นขัดความคิด เซเลน่ามองผ่านประตูไม้ขนาดใหญ่ซึ่งเปิดแง้มเอาไว้ ทว่าสิ่งที่เซเลน่าสนใจมากกว่าคือชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟายาว ใบหน้าคมเข้มงดงามราวภาพวาด ดวงตายาวรีภายใต้ขนคิ้วยาวหนาเป็นแพจับจ้องหญิงสาวที่อยู่ในชุดเจ้าสาวเกาะอกสีขาวรับกับผิวสีน้ำผึ้ง ผมยาวรวบเป็นหางม้าไว้ด้านหลังอย่างง่ายๆ แต่หล่อนก็ยังดูสวยงดงามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย
“เป็นยังไงคะพี่รัก โอเคไหม” ผู้ที่อยู่ในชุดเจ้าสาวถามอย่างไม่มั่นใจ
‘พี่รัก? นายคนนี้คือรักษิตแน่ๆ’ เซเลน่าสรุป พิจารณาจากสายตาเป็นประกายที่นายรักษิตมองหญิงสาวผู้นี้นั้น ‘เอ๊ะ! หรือว่าผู้หญิงคนนี้คือดาลัด แต่ไม่น่าใช่ เขาสองคนควรจะเพิ่งได้พบกัน แล้วทำไมถึงจะแต่งงานกันแล้วล่ะ’
“โอเคสิ น้องสาวพี่ใส่อะไรก็โอเคทั้งนั้นแหละ” คำพูดของ ‘เป้าหมายฝ่ายชาย’ ทำให้คิวปิดสาวกระจ่าง...ที่แท้ก็เป็นพี่น้องกัน ดีนะที่เซเลน่าไม่พลาดยิงลูกศรใส่พวกเขาไป เพราะเท่ากับว่าหล่อนจะเสียลูกศรที่ขโมยมาจากคลังเก็บอาวุธที่มีเพียงดอกเดียวไปเลย เนื่องจากลูกศรของเทพคิวปิดจะไม่แสดงผล ถ้าผู้ถูกยิงมีสายเลือดเดียวกับผู้ที่ปรากฎแก่สายตาของผู้ถูกยิงเป็นคนแรก
“พี่รักน่ะ เอาดีๆ สิคะ ยาโอเคหรือยัง” รักษิยาถามซ้ำพร้อมกับถอยหลังไปเล็กน้อย เพื่อให้ผู้เป็นพี่ชายมองได้อย่างถนัดตา
รักษิตไล่สายตามองร่างบางของน้องสาวด้วยความตื้นตัน เผลอแปบเดียวจากน้องสาวตัวเล็กที่เขาเอาขึ้นหลังบ่อยๆ ตอนนี้รักษิยาโตเป็นสาวเต็มวัยและกำลังจะกลายเป็นเจ้าสาวในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว
“เป็นยังไงคะพี่รัก โอเคไหม” รักษิยาถามซ้ำหลังจากเห็นพี่ชายเงียบไป
สำหรับสายตาของผู้เป็นพี่ชาย รักษิยาสวยมาก แต่ด้วยความที่ไม่เคยชินกับการพูดจาหวานหู ปากของเขาจึงพูดออกไปแค่ว่า “โอเคจ้ะ”
“แน่นะคะ”
“งั้นเดี๋ยวให้ไอ้ภูมิมาบอกเองก็แล้วกัน ยาจะได้มั่นใจ” รักษิตแซว เลยถูกน้องสาวค้อนวงใหญ่
โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของรักษิตดังขึ้น เขาล้วงหยิบขึ้นมามองหน้าจอ
“พงษ์หรือเปล่าคะ” รักษิยาถามถึงรักพงษ์น้องชายคนเล็กของครอบครัวที่บอกว่าประชุมเรื่องวิทยานิพนธ์กับเพื่อนเสร็จจะแวะมาหาที่นี่เพราะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยของเขา
“เปล่า ไอ้ภูมิน่ะ” รักษิตตอบก่อนกดรับสาย “ว่าไง โอเค” รักษิตพูดเพียงเท่านั้นแล้ววางสาย “ภูมิใกล้จะถึงแล้ว”
หากรักษิยายังไม่ทันได้ถามอะไร พนักงานสาวก็ถามแทรกขึ้นว่า
“ตกลงว่าคุณภูมิจะมาใช่ไหมคะ ดิฉันจะได้ไปเตรียมชุดสูทมาเตรียมไว้ให้ลอง”
รักษิตยิ้มรับ พนักงานจึงหันหลังเดินตรงมายังที่เซเลน่ายืนอยู่ เซเลน่าหลบไม่ทันพนักงานก็เลยเดินทะลุร่างของหล่อน
“ว้าย !” เซเลน่าร้องด้วยความตกใจ
ส่วนมนุษย์สาวหยุดชะงัก มองไปรอบๆ รู้สึกประหลาดคล้ายมีลมปะทะลำตัว หากไม่เห็นอะไรผิดปกติ จึงเดินเลี่ยงออกไปทางตู้แขวนชุดสูทสำหรับเจ้าบ่าว
“พี่ภูมิถึงไหนแล้วคะ” รักษิยาถามพลางหันไปมองสำรวจตัวเองในกระจก ถึงจะเป็นการลองชุด แต่รักษิยาก็อยากให้ภูมิประทับใจเมื่อเห็นหล่อนอยู่ในชุดเจ้าสาวเป็นครั้งแรก
แล้วพอปลายสายบอกว่าอยู่หน้าปากซอยแล้ว จึงถามต่อว่า “น้องดามาด้วยหรือเปล่าคะ น้องดามาเหรอคะ ดีเลยค่ะ พี่รักจะได้เจอน้องดาสักที” รักษิยายิ้ม
“ยังไม่เลิกทำตัวเป็นแม่สื่อสักทีนะเรา” รักษิตบอกพร้อมโยกศีรษะของน้องสาว
“เอ๊...อย่ามากล่าวหากันนะคะ ยากับพี่ภูมิไม่ได้คิดจะจับคู่ให้พี่รักกับน้องดาสักหน่อย เราแค่อยากให้พี่รักกับน้องดารู้จักกันเท่านั้นเอง เนอะพี่ภูมิเนอะ” รักษิยาถามความเห็นจากปลายสาย เสียงหัวเราะและแซวว่ารักษิตคงจะเขินดังลอดโทรศัพท์ออกมา
“ขอพี่คุยหน่อย” รักษิตแย่งโทรศัพท์จากมือน้องสาว “ไม่ต้องพูดมากเลยไอ้ภูมิ รีบๆ มาซะ อย่าทำให้ฉันโมโห ไม่อย่างงั้นฉันเปลี่ยนใจไม่ยกน้องสาวให้จริงๆ ด้วย” ขู่แล้วกดวางสาย หันไปเอ็ดน้องสาวที่กำลังกลั้นยิ้มอย่างไม่จริงจังนัก “เราก็อีกคน อยากให้พี่แต่งงานไปถึงไหน”
“ยาไม่อยากให้พี่รักเหงานี่คะ ต่อไปยาแต่งงานแล้วก็ต้องไปอยู่บ้านพี่ภูมิ พงษ์ก็อยู่หอ พี่รักก็ต้องอยู่บ้านคนเดียว” หญิงสาวพูดถึงรักพงษ์น้องชายคนเล็กของครอบครัวพลางเกาะและซบหน้ากับแขนล่ำของพี่ชาย
“งั้นยาก็มีลูกมาให้พี่เลี้ยงเยอะๆ แล้วกัน พี่จะได้ไม่เหงา”
“พี่รักน่ะ” แก้มนวลแดงเรื่อด้วยความเขิน ก่อนเสริมว่า “ทำเป็นพูดดีไปเถอะค่ะ เอาไว้รอเจอน้องดาก่อน ขี้คร้านพี่รักจะรีบขอให้พี่ภูมิเป็นพ่อสื่อช่วยจีบน้องดาให้”
ขณะที่สองพี่น้องกำลังคุยกันอยู่นั้น เซเลน่าก็กำลังหาทำเลสำหรับปฎิบัติภารกิจครั้งยิ่งใหญ่ หล่อนเลือกยืนด้านหลังของเป้าหมายฝ่ายชาย เพื่อที่จะได้มองเห็นเป้าหมายฝ่ายหญิงที่เข้ามาภายในร้านได้ถนัด และพอดาลัดปรากฏตัว หล่อนจะยิงลูกศรใส่หลังของรักษิต แล้วทันทีที่หญิงสาวผู้เป็นเนื้อคู่ปรากฏแก่สายตาของเขา ความรักก็จะก่อตัวขึ้นอย่างถอนไม่ขึ้น
‘คิดแล้วเขินแทน’ เซเลน่าหัวเราะคิกคัก
“คุณภูมิมาแล้วค่ะ” พนักงานสาวอีกคนเดินเข้ามาบอก
คิวปิดสาววิ่งไปยืนข้างหลังรักษิต หยิบลูกศรจากกระบอกซึ่งห้อยติดกับคันธนูออกมาเสียบที่คันธนู แล้วยกขึ้นเล็งไปบนแผ่นหลังของชายหนุ่ม แต่ผู้ที่เปิดประตูกระจกใสเข้ามามีแค่ชายหนุ่มผิวขาว ไม่ปรากฏร่างของหญิงสาวสักคน เซเลน่าจึงลดคันธนูลง
“ผู้ชายหลายคนต้องอิจฉาพี่แน่ๆ ที่พี่มีเจ้าสาวสวยขนาดนี้” ดวงตาเล็กหยีภายใต้แว่นกรอบใสกำลังมองว่าที่เจ้าสาวอย่างไม่วางตา แล้วก้าวเข้าไปเกาะกุมมือเล็กบางขึ้นจะจูบอย่างอดใจไม่อยู่
“อะแฮ่ม !” รักษิตกระแอมในลำคอพร้อมกับมองตาขวาง
ภูมิปล่อยมือรักษิยา บ่นว่า “เฮ้ย ! ยังจะหวงน้องสาวอยู่อีกเหรอวะ ฉันกำลังจะแต่งงานกับยาอยู่แล้วนะ”
“เอาไว้เข้าพิธีให้เรียบร้อยเป็นสามี-ภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมายก่อน แล้วจะแสดงความรักกันในที่สาธารณะอย่างนี้ ฉันจะไม่ยุ่งด้วยเลย”
“คร๊าบ...ไอ้คุณพี่เขย” ภูมิประชด แล้วชี้ไปทางถาดวางแก้วน้ำเย็นที่พนักงานนำมาวางเอาไว้ให้ “รัก ฉันวานรินน้ำให้แก้วสิ ขับรถมาเมื่อยชะมัดเลยว่ะ”
รักษิตหันหลังไปหยิบให้เพื่อนอย่างไม่อิดออด ภูมิไม่รอช้าคว้ามือคนรักสาวขึ้นมาจูบฟอดใหญ่ ฝ่ายหญิงตีแขนของภูมิและส่งสายตาดุระคนขวยเขิน แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติเพื่อไม่ให้พี่ชายจับสังเกตได้ว่าภูมิขัดคำสั่ง
“น้องดาละคะ”
“คุยโทรศัพท์อยู่หน้าร้านจ้ะ” ภูมิยิ้มหลิ่วตาให้ฝ่ายหญิงอย่างรู้ทัน ก่อนมองไปทางประตู “นั่นไงมาแล้ว ดาทางนี้จ้ะ”
เซเลน่าหันไปมองตาม เห็นหญิงสาวซึ่งมีหน้าตาละม้ายคล้ายภูมิกำลังเดินผ่านประตูกระจกใสเข้ามา จึงวิ่งไปอยู่หลังรักษิตที่หันหลังรินน้ำใส่แก้วอยู่พร้อมยกคันธนูขึ้งเล็งไปที่แผ่นหลังกว้างของฝ่ายชายอีกครั้ง
“ว้าว ! พี่สะใภ้ดาสวยจังเลยค่ะ” ดาลัดทักทาย
“ขอบใจจ้ะ” รักษิยายิ้ม
“ดาจ้ะ มานี่เร็ว พี่จะแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนสนิทพี่” ภูมิก้าวเข้าไปยืนเคียงข้างร่างสูงแต่ผอมเพรียวราวนางแบบของญาติผู้น้อง “รัก นี่ไงน้องดา”
รักษิตวางเหยือกน้ำลงบนโต๊ะ กำลังจะหันไปหาภูมิ
เซเลน่าหรี่ตา ดึงเส้นเอ็นสุดแรง นับในใจ...1...2...3 !
ปลายลูกศรวิ่งแหวกอากาศตรงไปยังแผ่นหลังของเป้าหมายฝ่ายชาย
แต่สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ ปากกาในกระเป๋าเสื้อของรักษิตตกพื้น ก้มลงเก็บ ลูกศรจึงวิ่งผ่านไปปักกลางอกของภูมิแทน ! ภายในเสี้ยววินาที รักษิตก็เงยหน้าขึ้นจากพื้นพอดี ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นบุคคลแรกที่ปรากฎแก่สายตาของภูมิ !
แค่ประตูสู่โลกมนุษย์เปิดออก เซเลน่าก็ได้ยินเสียงสัญญาณจากวิหารของท่านซีอุสดังกระหึ่ม เหล่าเทพไม่ได้ยินเสียงนี้มานานมาก ครั้งหลังสุดก็ตั้งแต่ตอนที่ท่านซีอุสจับได้ว่าหมู่เทพตรีตอนส์คึกคะนองลงไปเป่าปี่ที่ทะเลทำให้เกิดคลื่นยักษ์คราชีวิตผู้คน โชคดีที่ท่านซีอุสห้ามเอาไว้ได้ทันและสั่งลงโทษด้วยการสร้างกำแพงเมืองทรอย
เพียงเซเลน่าก้าวออกจากประตูสู่โลกมนุษย์ เทพหุ่นกำยำสองท่านก็ปราดเข้ามาล็อคแขนสองข้างทันทีราวกับรอคอยอยู่แล้ว
“พวกท่านจับตัวข้าทำไม ! ปล่อยข้านะ !”
เซเลน่าทั้งร้องและดิ้น ซ้ำยังสะบัดปีกที่หลังฟาดใส่หน้าเทพตัวใหญ่จนแดงไปแถบ แต่ก็ไม่ได้ผล คิวปิดสาวถูกพาตัวมุ่งหน้าไปยังวิหารของท่านซีอุสซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเทือกเขาโอลิมปัส ตามทางเดินคราคร่ำไปด้วยเหล่าทวยเทพนับพันที่ยืนออรอเห็นหน้าต้นเหตุของเสียงสัญญาณ เซเลน่าอับอายจนต้องคว้าปลายปีกทั้งสองข้างดึงมาปิดบังใบหน้าจนกระทั่งก้าวเข้ามาภายในวิหาร จึงปล่อยปีกออก ชมความสวยงามและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดบนเทือกเขาโอลิมปัสให้เต็มตา
เพดานสูงโปร่งและกำแพงทั้งสี่ด้านอยู่ไกลสุดลูกหูลูกตาบ่งบอกความใหญ่โตงตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังบอกเรื่องราวของประวัติของเทือกเขาโอลิมปัส เสาหินสลักลวดลายวิจิตรนับร้อยต้นตั้งเรียงรายไปตามทางเดินซึ่งปูด้วยพรมสีทองอร่าม
เทพหุ่นล่ำทั้งสองปล่อยเซเลน่าลงตรงกลางห้อง แล้วหนึ่งในเทพหุ่นล่ำก็กดบ่าเซเลน่าให้คุกเข่าลง ก่อนที่พวกท่านจะเดินไปหยุดยืนรวมกับเทพหุ่นล่ำท่านอื่น เซเลน่าพยายามมองไปข้างหน้าก็ไม่อาจเห็นร่างผู้เป็นประมุขของเหล่าทวยเทพได้ เนื่องจากที่นั่งของท่านซีอุสอยู่ไกลสุดลูกหูลูกตา เห็นได้เพียงแสงสีทองจากขอบเก้าอี้ส่งประกายระยิบระยับ
“เจ้านี่เอง” เสียงทุ้มก้องกังวานน่าเกรงขามดังมาจากเก้าอี้ตัวนั้น “เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเจ้าทำอะไรลงไป” เสียงทุ้มนั้นแม้จะไม่ได้เกรี้ยวกราดแต่ก็ทรงพลังมากเสียจนเซเลน่าต้องรีบก้มหน้า
“เอ่อ...ข้า...ข้า” เซเลน่าอึกอัก ยังไม่แน่ใจว่าควรพูดถึงเรื่องที่ตัวเองไปแผลงศรผิดดีหรือไม่ เผื่อว่าสิ่งที่ท่านซีอุสพูดเป็นคนละเรื่องกัน “ข้าทำสิ่งใดหรือท่าน”
“ท่านแคนดัส” ท่านซีอุสเรียกชื่อเลขาฯ โดยไม่ต้องบอกว่าต้องการสิ่งใด ท่านเทพแคนดัสก็รู้ได้ทันทีจึงกดแท่งสี่เหลี่ยมสีดำหน้าตาคล้ายรีโมทไปในอากาศตรงหน้าคิวปิดสาว ไม่นานความว่างเปล่าในอากาศก็แปรเปลี่ยนเป็นกรอบสี่เหลี่ยม
เซเลน่าเงยหน้ามองแล้วอึ้ง เมื่อเห็นนายรักษิตในสภาพเปลือยท่อนบนเผยกล้ามเป็นมัดๆ กำลังวาดการ์ตูนอยู่หน้าคอมพิวเตอร์จอใหญ่ แม้จะนั่งอยู่หน้าพัดลมตัวใหญ่ แต่ผิวสีแทนก็มีเหงื่อพราวช่วยเสริมให้ชายหนุ่มดูเซ็กซี่ น่ามอง ยืนยันได้จากเสียงฮือในลำคอจากเหล่าเทพธิดาที่นั่งเรียงกันอยู่มุมด้านหนึ่ง ก่อนโดนสายตาพิฆาตของท่านเทพแคนดัสเลยพากันเงียบกริบ ต่อมามนุษย์ชายหน้าขาวที่เซเลน่ารู้ว่าเขาชื่อภูมิก็เดินถือแก้วกาแฟเปิดประตูเข้ามา ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีครีมกับกางเกงสแลคสีดำดูเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว
“ฉันชงกาแฟมาให้” ภูมิวางแก้วกาแฟไว้บนโต๊ะทำงาน
“ขอบใจ” รักษิตตอบทั้งที่ไม่ละสายตาจากหน้าจอคอมพ์ “แล้วทำไมยังไม่ไปรับยาที่ร้านอีก วันนี้นายนัดยาไปแจกการ์ดให้ผู้ใหญ่ไม่ใช่เหรอ”
“ขี้เกียจว่ะ ฉันเลยยกเลิกนัดไปแล้ว”
“เฮ้ย แต่วันนี้ยาอุตส่าห์ไม่ขับรถไปร้านเลยนะ เพราะคิดว่านายจะไปรับ ถึงนายจะไม่ไปแจกการ์ดก็ไปรับน้องสาวฉันกลับมาเลย” รักษิตสั่ง
“รู้แล้วน่ะ นี่เพิ่งจะบ่ายสาม เดี๋ยวอีกสักชั่วโมงค่อยไปก็ได้” ภูมิบอก ก่อนชี้ไปบนหน้าจอคอมพ์ ถามว่า “งานใหม่เหรอ”
“อืมม์”
“เพลาๆ งานลงบ้างนะรัก ฉันเป็นห่วง” ภูมิไม่พูดเปล่า หากยังเคลื่อนมือไปจับบ่ากว้างของอีกฝ่าย
ท่านเทพแคนดัสกดรีโมทให้ภาพค้าง แล้วกดซูมเข้าไปที่ดวงตาเล็กภายใต้แว่นกรอบใสที่มองรักษิตนั้นทอประกายเหมือนตอนที่ภูมิมองรักษิยาในชุดเจ้าสาวไม่มีผิด เทพแคสดัสยิงรีโมทปิด ภาพและกรอบสี่เหลี่ยมในอากาศแว่บหายไป
“ทีนี้คงไม่ต้องให้ข้าบอกแล้วนะว่าเจ้าทำอะไรลงไป” ท่านซีอุสเอ่ย
“ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ โปรดยกโทษให้ข้าด้วย” เซเลน่าก้มหน้างุด
“ข้ายกโทษให้เจ้าไม่ได้หรอก เพราะจะเป็นเยี่ยงอย่างแก่เทพท่านอื่น”
เซเลน่าอ้าปากค้าง “ได้โปรดเมตตาข้าด้วย ที่ข้าทำลงไป เพราะข้าแค่อยากกู้ศักดิ์ศรีของเทพคิวปิด ข้าไม่อยากให้ใครเรียกพวกข้าว่าเป็น เทพเบ๊”
ภายในห้องเงียบสงัดไปอึดใจ ก่อนท่านซีอุสจะเอ่ยขึ้น
“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงสั่งระงับหน้าที่แผลงศรให้มนุษย์กับพวกเจ้า”
“ข้าไม่รู้”
แล้วท่านซีอุสก็เล่าให้ฟังว่าในปัจจุบันพวกมนุษย์รักกันเองได้อย่างง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ เห็นได้จากจำนวนของสมุดรักบันทึกมนุษย์โลกที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ท่านซีอุสจึงจำเป็นต้องให้ยุติหน้าที่ของเหล่าเทพคิวปิดอย่างไม่มีกำหนด เพื่อยุติการเพิ่มจำนวน “คู่รัก” ของมนุษย์
“เทพคิวปิดอย่างข้าก็เลยต้องอยู่อย่างไม่มีศักดิ์ศรี ทั้งที่พวกข้าคือผู้ที่สร้างความรักให้เกิดขึ้นบนโลกมนุษย์” เซเลน่าไม่รู้ว่าสิ่งใดดลใจให้หล่อนกล้าต่อปากต่อคำกับท่านประมุขเช่นนี้ “แต่พอท่านสั่งระงับหน้าที่ของพวกข้า พวกข้าก็เลยต้องคอยทำงานตามที่เทพท่านอื่นใช้ มันยุติธรรมแล้วหรือท่าน”
“ระวังคำพูดของเจ้าด้วย” เทพแคนดัสเลขาฯ ของท่านมหาเทพซีอุสปราม
“ไม่เป็นไรหรอกท่านแคนดัส” ท่านซีอุสขัดขึ้น แล้วเอ่ยชื่อของคิวปิดสาวด้วยน้ำเสียงเปี่ยมเมตตา“เซเลน่า ศักดิ์ศรีของเจ้ามันไม่ได้อยู่ที่คันธนู หากมันอยู่ที่ตัวของเจ้าต่างหาก และเจ้าเชื่อข้าเถอะ ตราบใดที่พวกเจ้ายังอยู่บนเทือกเขาโอลิมปัสแห่งนี้ พวกเจ้าและเทพคณะอื่นๆ มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกันหมด”
หยาดน้ำตาไหลเป็นสายออกจากดวงตา หล่อนไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมท่านซีอุสจึงเป็นมหาเทพของเหล่าทวยเทพได้
“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านจะลงโทษข้าอย่างไร ข้าก็ยอม”
“ความผิดของเจ้าเกิดจากความหวังดีต่อเทพคิวปิด เอาเป็นว่าข้าจะยังไม่ลงโทษเจ้า”
เซเลน่าเงยหน้า ยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความดีใจ
“จะดีหรือท่านซีอุส เพราะอาจจะเป็นเยี่ยงอย่างให้กับเทพท่านอื่นทำสิ่งใดโดยพลการอีกก็ได้นะท่าน” ท่านแคนดัสประท้วง
“เรื่องบางอย่างมันก็อยู่เหนือความควบคุมของข้า” ประมุขของเหล่าเทพเอ่ยอย่างมีเลศนัย “เซเลน่าในเมื่อเจ้าเรียนผูก เจ้าก็จะต้องเป็นเรียนแก้ด้วยตัวเอง”
“ท่านจะให้ข้าสิ่งใดบอกข้ามาได้เลย ข้ายินดีทำทุกอย่าง”
“เจ้าต้องลงไปจัดการแก้ไขปัญหาที่เจ้าก่อ ก่อนที่มนุษย์พวกนั้นจะเดือดร้อนเพราะฝีมือของเจ้า และห้ามให้มนุษย์ผู้ใดรู้ด้วยว่าเจ้าไม่ใช่มนุษย์ !”
รถมอเตอร์ไซค์พ่วงถังไอศกรีมยี่ห้อดังเคลื่อนเข้ามาจอดใต้ต้นไม้ใหญ่ ชายคนขายวัยกลางคนลงจากรถ แล้วเปิดฝาถัง ควันขาวจากก้อนน้ำแข็งแห้งลอยฟุ้ง เขาก้มนับจำนวนไอศกรีมที่เหลือไม่กี่แท่งพลางผิวปากอย่างอารมณ์ดี วันนี้ขายดีอย่างไม่น่าเชื่อ ตามปกติถ้าหน้าหนาวเช่นนี้สั่งไอศกรีมล็อตใหม่มาแต่ละครั้งต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองวันถึงจะขายหมด แต่วันนี้เขาเริ่มออกขายตอนเที่ยง...ตกเย็นไอศกรีมก็เกือบจะหมดแล้ว
‘โชคดีชะมัด พรุ่งนี้หวยออกเห็นทีว่าจะมีเฮ’
ชายคนขายจัดไอศกรีมจัดไอศกรีมที่เหลือให้เป็นระเบียบพลางนึกเลขเด็ด ขณะเดียวกันควันขาวจากก้อนน้ำแข็งแห้งที่ควรจะลอยหายไปในอากาศกลับก่อตัวหนาแน่นขึ้นและเกิดเป็นประกายระยิบระยับราวเกล็ดเพชรยามส่งกระทบกับแสงไฟ ชายคนขายเห็นความผิดปกตินั้นจากหางตา มือทั้งสองข้างจึงหยุดชะงัก หันขวับมามอง แล้วไอศกรีมในมือก็ตกลงพื้น เมื่อเห็นว่าก้อนสีขาวก่อตัวเป็นรูปร่างมนุษย์สาวที่มีปีก !
“ผะ...ผะ...ผีหลอก !!!” ชายคนขายร้องลั่น
“มะ...มะ...นุด !!!!!” เซเลน่าตกใจ ไม่คาดฝันว่าจะได้ประจันหน้ากับมนุษย์เช่นนี้ หากเสียงเซเลน่าคงดังกว่า ชายคนขายจึงกระโดดขึ้นรถ สตาร์ทเครื่อง แต่รถเจ้ากรรมดันสตาร์ทไม่ติด เขาก็เลยลงจากรถแล้วเข็นหนีหายไปอย่างเร็ว
“ครั้งนี้ไม่นับนะท่าน ข้ายังไม่ทันได้ตั้งตัว” เซเลน่าแหงนหน้าขึ้นบนฟ้าบอกท่านซีอุส ก่อนแบมือ หลับตานึกถึงสิ่งที่ท่านซีอุสให้มา
เพียงอึดใจสร้อยเส้นยาวมีจี้รูปปีกนกสีเงินวาวก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ พอเซเลน่าสวมสร้อยลงลำคอ อำนาจของ ‘สร้อยปีกนก’ ก็ทำให้ปีกสองข้างและคันธนูสีทองหายไป เหลือเพียงอาภรณ์เนื้อนิ่มสีขาวแขนกุด ชายกระโปรงยาวพอดีเข่าดูแล้วไม่แตกจากมนุษย์สาวทั่วไป ทั้งนี้เซเลน่ายังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นภายในร่างกายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนอีกด้วย
‘เมื่อเจ้าสวมสร้อยปีกนก เจ้าจะกลายเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ แต่ถ้าเจ้าถอดสร้อยออก เจ้าก็จะกลับร่างไปเป็นคิวปิดเหมือนเดิม’ เสียงกำชับของท่านซีอุสยังดังกึกก้องอยู่ในหัว
เซเลน่ายกมือแตะที่สร้อย...ในเมื่อท่านซีอุสเมตตาให้โอกาสหล่อนแก้ตัว หล่อนจะต้องทำทุกวิธีทางเพื่อแก้อิทธิฤทธิ์จากปลายศรในร่างของนายภูมิให้ได้
ว่าแต่ประตูสู่โลกมนุษย์นำพาหล่อนมาที่ใด คิวปิดสาวมองไปรอบๆ ทั้งสองข้างของถนนขนาบไปด้วยบ้านเรือน พลันสายตาก็หันไปเห็นมนุษย์หญิงเดินจูงเด็กอยู่อีกฟากของถนนจึงเรียก
“ท่าน” ทว่ามนุษย์หญิงไม่ได้ยิน จึงเรียกเสียงดังขึ้น พร้อมวิ่งไปหา “ท่านผู้หญิง ท่านเด็กคะ ข้ามีเรื่องจะถามหน่อยค่ะ”
พลันเสียงบีบแตรก็ดังลั่น เซเลน่าหันไปทางเสียง จึงเห็นรถกำลังวิ่งตรงเข้ามาหาหล่อน แล้วเสียงล้อรถลากเบียดกับพื้นถนนก็ดังเอี๊ยดสนั่นไปทั่วทั้งซอย คิวปิดสาวสัมผัสได้ถึงแรงกระแทกบริเวณขา ก่อนสติสัมปชัญญะจะดับวูบ !
********************************************
ตอบคุณ วิรัตต์ยา , เบญจามินทร์ , บุลินทร์
ขอบคุณมากๆ ค่ะ ยังไงติดตามต่อไปนะคะ ^^
สาธิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.ค. 2554, 10:45:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.ค. 2554, 10:58:29 น.
จำนวนการเข้าชม : 1890
<< บทนำ | ตอน 2 >> |
เบญจามินทร์ 6 ก.ค. 2554, 18:29:20 น.
เซเลน่าจะเริ่มป่วนแล้วสิเนี่ย ^^
เซเลน่าจะเริ่มป่วนแล้วสิเนี่ย ^^
วิรัตต์ยา 6 ก.ค. 2554, 20:43:49 น.
กรี๊ดด เซเลน่าถูกรถชนเหรอ ใครชน แล้วจะตายป่ะ เอ๊ะ พวกเทพเนี่ย เค้าตายกันป่ะคะ อิอิ
กรี๊ดด เซเลน่าถูกรถชนเหรอ ใครชน แล้วจะตายป่ะ เอ๊ะ พวกเทพเนี่ย เค้าตายกันป่ะคะ อิอิ
Pat 6 ก.ค. 2554, 22:19:38 น.
น่าสนุก
น่าสนุก
สาธิตา 6 ก.ค. 2554, 22:38:44 น.
คุณเบญจามินทร์, คุณวิรัตต์ยา : ต้องรอติดตามตอนต่อไปนะ ^^
คุณ Pat : ขอบคุณมากค่ะ ฝากผลงานด้วยค่ะ มีอะไรก็แนะนำกันได้เลยนะคะ และขอกระซิบบอกค่ะ ว่าเรื่องนี้มีหมอเมษ มายด์ น้องปอม ตัวละครในเรื่อง "ฝากรักไว้ข้างบ้าน" ของเบญจามินทร์ เป็นแขกรับเชิญอยู่ด้วยนะคะ ^^
คุณเบญจามินทร์, คุณวิรัตต์ยา : ต้องรอติดตามตอนต่อไปนะ ^^
คุณ Pat : ขอบคุณมากค่ะ ฝากผลงานด้วยค่ะ มีอะไรก็แนะนำกันได้เลยนะคะ และขอกระซิบบอกค่ะ ว่าเรื่องนี้มีหมอเมษ มายด์ น้องปอม ตัวละครในเรื่อง "ฝากรักไว้ข้างบ้าน" ของเบญจามินทร์ เป็นแขกรับเชิญอยู่ด้วยนะคะ ^^