เศษหนึ่งส่วนสองยกกำลังศูนย์

เป็นเรื่องราวของคนหน้าตาไม่เข้าตา ไม่เป็นที่นิยม
ไม่ฮิต ไม่ฮอตของคนสองคน...
ที่ไม่สมบูรณ์แบบ มีตำหนิ...ภาพประวัติไม่สวยงาม...
แต่นิสัยที่ซ่อนไว้ค่อนข้างสวยสดงดงาม...
แฝงไว้ด้วยเสน่ห์แห่งการมีชีวิต...การสร้างครอบครัว


เศษหนึ่งส่วนสอง หรือ ครึ่งหนึ่งของชีวิตหนึ่ง
มาพบกับ อีกครึ่งหนึ่งของอีกชีวิตหนึ่ง
แล้วยกกำลังด้วยศูนย์...

เลขศูนย์ที่ดูไร้ค่า ไร้ความหมาย แค่เลขกลมๆเลขนึง

หากมันได้ทำให้ เศษหนึ่งส่วนสองยกกำลังศูนย์
มีค่าเท่ากับ หนึ่งได้!

สมการทางคณิตศาสตร์ที่น่าพิศวงนี้
นำมาสู่สมการของความรักของทั้งสอง...

ทั้งคู่ที่ชีวิตไม่สมบูรณ์แบบและมีตำหนิ
จะหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร...

เรื่องนี้มีคำตอบ!!!


Tags: ดราม่า ขุนพล ไนค์ บิลกีส

ตอน: บทที่ 7 รักเกินตัดใจ



“ทำอะไรอยู่…หืม…”บิลกีสถึงกับสะดุ้ง พู่กันในมือสะบัด
จนทำให้สีเขียวที่กำลังละเลงลงบนใบบัวในสระอยู่ด้านล่าง
มีอันต้องพาดผ่านไปบนท้องฟ้าเบื้องบน…

ทำเอาจิตรกรถึงกับพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะหันไปทางต้นเสียง
และต้นเหตุที่ทำให้ฟ้าสีฟ้าของเธอเกิดมีเมฆสีเขียวสด
พาดผ่านน่านฟ้าไปได้อย่างน่าใจหาย

“โทษที ฉันไม่นึกว่าเธอจะขวัญอ่อนขนาดนี้…”

ขุนพลเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะนิดๆ
ทำเอาเจ้าของภาพวาดถึงกับค้อนขวับ

“เพิ่งรู้นะว่า มังกรของเธอนี่สีเขียว…หรือว่ามันคือพญานาคขี้เซา
ที่อยู่ๆก็เกิดนึกสนุกผุดลุกขึ้นจากสระบัวของเธอขึ้นไปพ่นน้ำบนฟ้าล่ะ…”

เสียงหยอกเย้านั้นทำเอาเจ้าของภาพต้องหันไปจ้องภาพวาดของตนอีกรอบ

เอ่อเนอะ ช่างคิดไปได้…มังกรสีเขียว
แล้วไหนจะพญานาคขี้เซาอีก…ก็เขานั่นแหล่ะต้นเหตุแท้ๆ…

“คุณทำภาพฉันเลอะ…”เสียงนั้นกดต่ำ…

“โธ่…อย่าเพิ่งเคืองกันสิ…ฉันไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย
ใครจะนึกว่าได้เมียเป็นจิตรกรกับเขาล่ะ…ไม่เคยรู้มาก่อนนี่
ว่าเธอจะวาดรูปสวยกับเขาเหมือนกัน…”

นั่นๆ เขายังหาเรื่องแหย่เธอไม่เลิกอีก…สงสัยวันนี้จะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
กลับบ้านตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน แถมยังมีอารมณ์สุนทรีย์
พอที่จะมานั่งวิพากวิจารณ์ภาพวาดของเธอด้วยสีหน้าระรื่น

“แล้วให้ทำไงล่ะเนี่ย เกือบจะเสร็จแล้วด้วย อุตส่าห์นั่งวาด
นั่งจินตนาการทั้งวัน…”หญิงสาวบ่นปอดแปด มองภาพวาดบนขาตั้ง
ด้วยแววตาเสียดายอย่างสุดซึ้ง

“ไม่เห็นจะยากเลย…ก็แค่เปลี่ยนให้ไอ้เส้นเขียวๆของเธอ
เป็นมังกรยักษ์หน้าตาดีเหมือนฉันซะก็สิ้นเรื่อง…”

คนต้นเหตุยังมีหน้ามาเสนอแนะด้วยน้ำเสียงเป็นต่อ
ราวกับว่ามันเป็นเรื่องง่ายดาย

“มังกรยักษ์ที่อยู่ๆก็โผล่มาจากสระบัวตื้นๆแค่นี้เนี่ยนะ…”

เออ…เขาช่างสรรหามาคิดได้ มังกรยักษ์ที่ไหนจะมาอาศัย
อยู่ในสระบัว…เขาคิดได้
แต่เธอน่ะคิดหรือจินตนาการไม่ได้หรอกนะ...ไอ้แบบนี้น่ะ

“ก็ไม่เห็นแปลก…คิดซะว่า…เป็นสระบัวพิสดาร…”

“ในสวนข้างบ้านเนี่ยนะคะ…”บิลกีสไม่เลิกต้อนตัวต้นเหตุ

“เธอทำเอาฉันไปไม่ถูกเลย…”ขุนพลสารภาพผิดด้วยสีหน้าที่
เหมือนถูกต้อนให้จนมุม หมดหนทางตะกาย

ยิ่งเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดปวดขมับ แถมยังยกมือกุมหัวอีก
เขาก็ยิ่งรู้สึกผิด จึงคุกเข่าลงข้างเฟรมภาพ

“ฉันขอโทษนะ…”

“ไม่ยกให้หรอก…”เสียงนั้นเหมือนจะยังงอนๆอยู่
แม้จะไม่สะบัดซะทีเดียวแต่ใบหน้าก็งอง่ำอยู่ไม่น้อย

“ถ้าไม่ยกโทษให้ก็ช่วยยกพู่กันในมือให้ฉันได้มั้ย…”

ว่าแล้วเขาก็คว้าพู่กันไปจากมือของเธอ แล้วมองภาพตรงหน้า
เอียงซ้ายเอียงขวาอยู่ครู่นึงก่อนจะก้มลงมองจานสี
ถือวิสาสะจิ้มสีนั้นลงสีนี้ ทำเอาเจ้าของภาพถึงกับใจหายใจคว่ำอยู่พักใหญ่
ที่โดนมือดีละเลงภาพของตัวเองอย่างถือดี…

หากเพียงไม่นาน ภาพมังกรยักษ์สีเขียวๆที่โผล่มาจากสระบัวของเธอ
ก็ถูกลบไปได้อย่่างไม่น่าเชื่อ…

หญิงสาวไม่แน่ใจว่าตัวเองอ้าปากค้างอยู่นานแค่ไหน มารู้ตัวก็ต่อเมื่อหุบมันลง
พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากด้วยหัวใจที่แสนจะโล่ง
หลังจากที่โดนเขาพลิกหงายพลิกคว่ำมันไปเมื่อครู่

“คุณทำได้ยังไงอ่ะ…”

“เธอก็นั่งดูอยู่ตลอด ยังจะมาถามอีก…”นั่นคำพูดของคนทำผิดเหรอ
เมื่อกี้ยังขอโทษเธออยู่หยกๆ ตอนนี้ดูสีหน้าของเขาสิ
ดูไม่ค่อยจะหลงตัวเองเลย…ไอ้สีหน้าที่บ่งบอกว่า ผมเก่งนี่
มันช่างน่าหมั่นไส้เสียเหลือเกิน…

“นี่…”ว่าแล้วเขาก็จิ้มพู่กันแล้วตวัดมันลงบนพวงแก้มของเธอ
ก่อนจะลุกหนีเข้าห้องไปทันที ไม่วายตะโกนล้อเธอราวกับสนุก
เสียเหลือเกินกับการหาเรื่องแกล้งชาวบ้าน

“ฉันเอาไอ้มังกรยักษ์หรือไอ้พญานาคขี้เซานั้น
ไปไว้บนหน้าเธอแทนแล้วไง…
คราวนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่ามันจะไปเล่นน้ำในสระบัวของเธออีก…
แต่ให้ระวังตัวเอาไว้ คืนนี้มันอาจจะเปลี่ยนมานอนรัดเธอทั้งคืน…”

อ๊ายยยยยยยย…นี่อย่าบอกนะว่าเขาตวัดสีเขียวๆนั่นลงบนแก้มเธอ…
บิลกีสยกนิ้วขึ้นแตะแก้มตัวเองแล้วยกมือขึ้นดูก็พบว่ามันเป็นสีเขียว
ที่เกิดจากผลงานของเขา…

ดุจมณีที่นั่งเล่นตุ๊กตาอยู่แถวนั้นหันมามองก็ได้แต่หัวเราะจนท้องแข็ง

“พี่กีสหน้ามอมหมดแล้วค่ะ…แถมหน้าแดงด้วย…ฮ่าๆๆ”

“พี่ชายน้องไอซ์น่ะสิ หาเรื่องภาพวาดพี่ไม่พอ
ยังมาหาเรื่องให้แก้มพี่เลอะอีก…”บิลกีสหน้างอง้ำ
ค้อนคนในห้องที่ปิดประตูล็อกซะแน่นเชียว

อย่าให้แม่เข้าไปได้ก็แล้วกันนะ
แล้วจะได้รู้อิทธิฤทธิ์แม่แน่ๆพ่อมังกรยักษ์ตัวดี…

คิดเหรอว่าคืนนี้จะยอมให้นอนรัดทั้งคืนน่ะ…อย่าหวัง!






หลังจากวันนั้นเขาก็หายหน้าหายตาไปสี่วันเต็มๆ
เพราะต้องไปดูสถานที่ถ่ายทำในต่างจังหวัด

แล้วเขาก็กลับเข้ามาในห้องชุดพร้อมกับหญิงสาวหน้าตาสวยงามหมดจด
ราวกับนางฟ้าคนนึง

บิลกีสยืนต้อนรับทั้งสองด้วยหัวใจที่รู้สึกปวดแปลบปลาบ…

แม้เธอจะไม่กังวลใดๆเกี่ยวกับความรู้สึกของหญิงสาวผู้นี้
หากแววตาท่ีผู้เป็นสามีชำเลืองมองเธอผู้นี้มากกว่าที่ส่งผลด้านลบต่อเธอ
อย่างไม่อาจควบคุมหัวใจให้เป็นปกติไม่รู้สึกรู้สาได้

“นี่คือคุณหมอปองขวัญ ณรันยา…เธอจะมาเยี่ยมคุณพ่อของฉัน”

เขาแนะนำหญิงสาวที่อยู่ในชุดเดรสสีชมพูอ่อนเกือบขาวตัวยาวครอมเท้า
มีเสื้อคลุมไหมพรมแขนยาวสีขาว
ท่าทางสุภาพเรียบร้อยอ่อนหวานให้บิลกีสได้รู้จัก
พร้อมกับแนะนำเธอให้อีกฝ่ายรู้จักเช่นกัน

“และนี่บิลกี ภรรยาของพี่ครับ…”
สองสาวจึงทักทายด้วยการสัมผัสมือและส่งรอยยิ้มให้กัน…

“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ…”เสียงของเธอกังวานหวานน่าฟัง

“เช่นกันค่ะ…”บิลกีสยิ้มตอบกลับไป แล้วต่อจากนั้นก็เป็นหน้าที่
ที่เขาจะพาแขกไปเยี่ยมคนป่วยในห้อง…บิลกีสจึงเดินไปยังห้องครัว
เพี่อเตรียมของว่าและเครื่องดื่มให้แขก…

ตลอดเวลาเธอจะได้ยินเสียงทุ้มนุ่มของเขาดังมาตลอด…

เขาดูสุภาพอ่อนโยนกับหญิงสาวผู้นี้ และมีรอยยิ้มแต้มบนใบหน้าตลอดเวลาที่อยู่กับเธอ…
ท่าทางดูกระตือรือร้น มีชีวิตชีวาไม่เย็นชา ไม่เฉยเมยเฉื่อยๆ

บิลกีสที่คอยสังเกตอยู่ตลอดจนอดไม่ได้ที่จะหันไปทาง
ดุจมณีที่ดูจะสนใจแขกผู้นี้อยู่ไม่น้อยเช่นกัน…

“พอดีว่าเจอพี่ไนค์ ตอนแรกก็ไม่คิดหรอกค่ะว่ายัยสิ้นเพื่อนรัก
ของปองจะเลือกบริษัทพี่ไนค์ให้มาดูแลโปรเจ็คของพวกเรา
วันนี้ได้เจอตัวเป็นๆก็เลยนึกถึงคุณลุง อยากแวะมาเยี่ยมเยือนน่ะค่ะ…
เพราะเราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เคยเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงกันมาก่อนน่ะค่ะ…
ตั้งแต่สมัยเด็กๆโน่นแล้วล่ะค่ะ…”

ปองขวัญหันมาคุยกับบิลกีสด้วยท่าทางสบายๆ ยิ้มแย้มและเป็นมิตร…

“ช่วงหลังๆมานี้ปองจะมาอยู่ที่กรุงเทพฯน่ะค่ะ เพราะพี่ลม
เอ่อ…สามีของปองต้องมาคอยดูแลงานทางนี้ ปองเองก็เลยต้องพลอย
ติดสอยห้อยตามเขามาด้วย…”

บิลกีสยิ้มกว้างเมื่อเห็นแววตารักใคร่ของหญิงสาวผู้นี้เมื่อยามเอ่ยถึงผู้เป็นสามี…

แล้วเธอก็หันไปทางดุจมณี เอ่ยกับหญิงสาวด้วยแววตาเอ็นดู
อย่างคนที่พร้อมจะเข้าใจโลก เข้าใจหัวใจคนอื่น….

“น้องไอซ์ล่ะคะ…มีความสุขดีมั้ย อยากจะไปเที่ยวบ้านพี่ปองหรือเปล่า
ที่นั่นมีเด็กๆเต็มไปหมดเลยนะคะ…”

“อยากไปค่ะ…พี่ปองมารับมาส่งไอซ์ได้มั้ยล่ะคะ…
เพราะพี่ไนค์ไม่ค่อยมีเวลา…ส่วนพี่กีสก็ต้องอยู่ดูแลคุณลุง…”

เสียงใสๆของดุจมณีกับแววตาเว้าวอนนั้นส่งผลให้ปองขวัญถึงกับหัวเราะ
เสียงใสอย่างนึกเอ็นดู

“อย่ารบกวนพี่ปองเขาสิไอซ์…”ขุนพลปรามน้องสาวเสียงเบา
ด้วยท่าทางเกรงอกเกรงใจแขกผู้มาเยือน

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ…เอาไว้พรุ่งนี้พี่จะมารับไปเที่ยวที่บ้านพี่ดีมั้ย…
แล้วจะให้คนขับรถที่บ้านมาส่ง…”

ปองขวัญอาสาด้วยนึกสงสารหญิงสาวตรงหน้าที่แม้รูปร่างหน้าตาจะไม่เด็ก
หากสติปัญญาและความคิดอ่านนั้นไม่ได้แตกต่างไปจากเด็กไม่กี่ขวบ…

“ไม่เป็นไรครับ…ลำบากน้องปองเปล่าๆ…”เขายังคงความสุภาพ
อ่อนโยนเสมอกับแขกคนสำคัญ

“ไม่ลำบากหรอกค่ะ…ช่วงนี้ปองอยู่บ้านตลอด เพราะต้องดูแล
เจ้าตัวเล็กที่ซนอย่างกับลิง…ได้น้องไอซ์ไปช่วยอีกแรงคงดีไม่ใช่น้อย
ว่าแต่น้องไอซ์อยากไปช่วยพี่ปองเลี้ยงน้องรึเปล่า…”

ปองขวัญแข็งขันที่จะอาสาพาหญิงสาวผู้นี้ออกไปชื่นชมโลกภายนอกบ้าง…
ถึงแม้เธอจะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับหญิงสาว

แต่ก็พอเดาออกถึงสถานการณ์ภายในครอบครัวของหนุ่มใหญ่ผู้นี้ดี…

“อยากไปค่ะ…ไอซ์ชอบเด็กๆ…”หญิงสาวออกตัว
จนคนเป็นพี่ได้แต่ส่ายหน้าแล้วก็ลอบถอนใจยาว

“งั้นเอาอย่างนี้ก็ได้ครับ ตอนเช้าพี่จะพายัยตัวยุ่ง
ไปฝากไว้ที่บ้านน้องปอง แล้วเย็นๆถ้าพี่สามารถไปรับกลับได้
ก็จะไปรับกลับนะครับ แต่ถ้าติดงานก็คงต้องรบกวนน้องปองแล้วล่ะครับ…”

ขุนพลแบ่งรับแบ่งสู้ทำเอาดุจมณีถึงกับกระโดดเข้าหาปองขวัญ
และร้องเต้นดีใจยกใหญ่

ทำให้บิลกีสมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม การได้เห็นหญิงสาวผู้นี้
มีความสุขมันสร้างความสุขให้เธอได้เหมือนกัน…
แม้จะรู้สึกเหงาๆไปบ้างยามไม่มีดุจมณีอยู่เป็นเพื่อน
แต่ตอนนี้เธอมีงานเขียนภาพแล้ว คงไม่เหงาเท่าไหร่หรอก…

“สบายมากค่ะ…เรื่องรับกลับมาไม่ต้องกังวลนะคะ…
ปองจะให้คนรักทางบ้านมาส่งถึงที่เลย…”

ปองขวัญพูดจบก็หันมาทางดุจมณีแล้วลูบมือหญิงสาวเบาๆพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู…

“ถ้าเป็นไปได้ ปองมีเรื่องอยากแนะนำพี่ไนค์น่ะค่ะ…”
ปองขวัญเว้นช่วงเพื่อรอให้อีกฝ่ายอนุญาตให้เธอพูด

“ว่ามาเลยครับ…”

“ปองอยากให้คนป่วยได้รับอากาศดีๆกับบรรยากาศดีๆ…
เพราะมันจะส่งผลให้คนป่วยมีสุขภาพจิตที่ดีกว่านี้ พอสุขภาพจิตดี
สุขภาพกายก็จะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ…”ปองขวัญกล่าวแนะนำ
พร้อมกับหันไปทางภรรยาของขุนพลด้วย

“คุณหมอพิทยาก็แนะนำมาอย่างนี้เหมือนกันครับ…
พี่เองก็เห็นด้วย เพียงแต่ยังไม่พร้อม…”

“ค่ะ…ปองเข้าใจ…และถ้ามีอะไรที่ปองพอจะช่วยเหลือได้
ก็ขอให้บอกนะคะ ปองเต็มใจช่วยค่ะ…

เรื่องที่ผ่านมาปองไม่คิดติดใจอะไรแล้วท้ังนั้น…
และเช่ือว่าคนอื่นๆก็คงคิดเหมือนปอง
พวกเรายินดีช่วยเหลือพี่ไนค์และครอบครัวของพี่ไนค์นะคะ…”

หญิงสาวเอ่ยด้วยแววตาจริงใจ สร้างความประทับใจให้กับคนฟังได้ไม่น้อยเลย…
แต่แปลกที่แววตาพึงพอใจที่เขามีต่อแขกคนสำคัญ
ทำให้คนที่แอบมองอยู่ตลอดอย่างบิลกีสถึงกับเจ็บแปลบ…

เพราะแม้แต่เธอที่ทำหน้าที่ภรรยาให้แก่เขามาเดือนกว่าๆแล้ว
ก็ยังไม่เคยได้รับแววตาเช่นนี้จากเขาเลย…ไม่เคย…

“ขอบคุณน้องปองมากๆนะครับ…ขอบคุณจริงๆ…”ปองขวัญยิ้มรับไมตรี…

“งั้นเห็นทีปองคงต้องขอตัวกลับก่อนแล้วล่ะค่ะ…เป็นห่วงเจ้าตัวเล็ก
ปล่อยไว้กับพ่อของเขาทีไร มอมแมมทั้งพ่อทั้งลูกประจำค่ะ…”
ปองขวัญเอ่ยขอตัวกับทั้งสาม

“แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะคะพี่ปอง…”ดุจมณียิ้มร่าขณะเอ่ยกับแขกที่ดูใจดีของเธอ

“จ๊ะ…”ปองขวัญรับคำก่อนจะหันไปร่ำลาบิลกีสและขุนพลอีกครั้ง

“ขอบคุณนะคะสำหรับของว่าง อร่อยมากค่ะ…
แล้วว่างๆปองจะแวะมาเยี่ยมอีกนะคะ…”

“แล้วเจอกันใหม่นะคะ…”บิลกีสลาแขกด้วยการสัมผัสมือ…พร้อมคำอวยพร

“ขอให้พระเจ้าคุ้มครองนะคะ…”

แล้วขุนพลก็อาสาเดินไปส่งแขกที่โรงรถ

บิลกีสยืนถอนใจยาว เธอแอบมองตาคู่นั้นที่บ่งบอกความในใจ
ทุกๆครั้งที่เขาใกล้กับแขกคนสำคัญ…แล้วก็อดเจ็บในใจลึกๆไม่ได้
หากก็ไม่อาจทำอะไรได้ ได้แต่ยืนอยู่ตรงนี้เพื่อรับรู้ความเป็นไป…

แม้จะเจ็บเพียงใด ก็คงต้องอดทนไว้ หากอยากอยู่ใกล้ชิดเขาไปอย่างนี้
หญิงสาวจึงได้แต่บอกตัวเอง ปลอบตัวเองซ้ำๆว่าอย่าไปคิดอะไร…
แม้หัวใจมันจะไม่ค่อยเชื่อฟัง…

บิลกีสจึงเดินกลับมาจัดการถ้วยชามบนโต๊ะไปเก็บล้าง
ส่วนดุจมณีก็ตามมาคุยจ้อด้วยเป็นการใหญ่

“พี่ปองเขาน่ารักดีนะคะพี่กีส…สวย น่ารักและก็ใจดีสุดๆไปเลย
พี่เขาซื้อชุดมาฝากไอซ์ด้วยล่ะค่ะ…”ว่าแล้วก็หยิบชุดดังกล่าว
ออกมาโชว์ให้บิลกีสดูพร้อมกับลองทาบกับตัวแล้วหมุนไปมาให้พี่สะใภ้วิจารณ์

“สวยมั้ยคะพี่กีส…”

“สวยค่ะ สวยมากๆ เหมาะกับน้องไอซ์สุดๆ…”บิลกีสมองชุดเดรสสีฟ้า
น้ำทะเลตัวยาว รูปแบบเรียบหรูดูดีแล้วอดชื่นชมรสนิยมของคนเลือกไม่ได้…
เพราะมันดูเข้ากับดุจมณีจริงๆ

“พี่กีสไม่น้อยใจนะที่พรุ่งนี้ไอซ์จะไปเที่ยวบ้านพี่ปอง…”บิลกีสส่ายหน้าแล้วยิ้มบาง

“ไม่เลยค่ะ…พี่ออกจะดีใจเสียอีก…ที่น้องไอซ์จะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกบ้าง…”

แล้วดุจมณีก็โผเข้าสวมกอดบิลกีสทันที
หญิงสาวมองน้องของสามีแล้วได้แต่ยิ้มก่อนจะลูบไล้เส้นผมนั้นขณะกล่าวว่า

“งั้นเดี๋ยวพี่จะทำคุกกี้ใส่ขวดโหลไว้ พรุ่งนี้น้องไอซ์จะได้เอาไป
ฝากเด็กๆที่บ้านพี่ปองดีมั้ยคะ…”คนฟังรีบผละออกจากบิลกีส
แล้วจ้องตาคนพูดด้วยดวงตาไหวระริก

“จริงเหรอคะ…พี่กีสจะทำคุกกี้ไว้ให้ไอซ์พาไปฝากเด็กๆจริงๆเหรอ”

“หรือเราไม่อยากช่วยพี่ทำคุกกี้…จะให้พี่ทำคนเดียว…”
บิลกีสหยอกเย้าคนที่ดูจะตื่นเต้นมากจนเกินไป…

“ช่วยสิคะ…มาค่ะมา…ไอซ์พร้อมแล้ว…ว่าแต่พี่กีสทำคุกกี้
ได้ด้วยเหรอคะ…แล้วเรามีอุปกรณ์ในการทำหรือคะ…”

“ของกล้วยๆค่ะ…วันก่อนพี่เพิ่งได้ตังค์ค่าภาพวาดมาก็เลยสั่งซื้อเตาอบ…
เขาเพิ่งมาส่งให้เมื่อเช้านี้เอง…มาค่ะมา…เรามาลองของใหม่ด้วยกัน…
แต่ก่อนอื่นต้องเอาชุดไปเก็บเข้าตู้ให้เรียบร้อยก่อนนะคะ…”

“ค่า…”




เมื่อขุนพลกลับเข้าห้องชุด สองสาวจึงขอตัวออกไปซุปเปอร์มาร์เกต
เพื่อไปซื้อวัตถุดิบและอุปกรณ์จำเป็นในการทำขนม
โดยฝากให้ขุนพลเฝ้าดูแลคนป่วยในห้อง…

เมื่อลับร่างของสองสาว ขุนพลค่อยๆเดินย่องเข้าไปดูบิดา
ก่อนจะเดินไปยังห้องทำงาน มองไปรอบๆผนังห้อง
ที่มีรูปถ่ายของหญิงสาวซึ่งเป็นรักแรกของเขาในทุกๆอิริยาบถติดอยู่เต็มไปหมด…

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม้เขาจะไม่ได้พบได้เจอเธอ
แต่เขาก็ยังคงพยายามติดตามข่าวคราวของเธอเสมอมาด้วยความเคยชิน…

เพียงแค่อยากรับรู้ว่าเธอเป็นอย่างไร มีความสุขหรือไม่และมีชีวิตเช่นไรแล้วเท่านั้น…
เขาพอใจที่จะยืนอยู่ตรงนี้ ขอแค่มองเธอไกลๆ แค่เก็บเธอเอาไว้ในใจ
ไม่ต้องการผูกพันธ์หรือเรียกร้องใดๆ และไม่เคยคิดที่จะไปยืนแทนเขาคนนั้น…

เมื่อก่อนเขาทำได้แค่ฝัน ปัจจุบันเพียงแค่ได้รับรู้ก็เพียงพอแล้ว…

ยิ่งได้พบได้พูดคุยอีกครั้งในวันนี้ เขาก็ยิ่งมั่นใจว่า...
เธอยังคงอยู่ที่เดิมในหัวใจของเขา…เป็นนางฟ้าในใจเขาไม่เปลี่ยนแปลง…


แล้วเพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงสองสาวแว่วดังเข้ามา…
ชั่วอึดใจ ขุนพลก็ถึงกับลมหายใจสะดุด
หันไปมองรอบๆห้องที่ถูกจัดไว้เป็นระเบียบอยู่เสมอ…
ดูสะอาดตาราวกับมีคนเข้ามาดูแลทุกวัน…

ยิ่งเมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับแววตานิ่งๆของภรรยาที่ยืนตรงอยู่ขอบประตูทางเข้า
ห้องทำงานของเขาพร้อมกับถ้อยคำเรียบๆ

“วันนี้อยากทานอะไรคะ…”ขุนพลถึงกับพูดไม่ออก บอกไม่ถูก
เมื่อความรู้สึกบางอย่างกำลังจู่โจมเขาเข้าอย่างจัง

“เอ่อ…ห้องนี้…เธอเข้ามาทำความสะอาดทุกวันรึเปล่า…”

แทนที่จะตอบคำถาม ขุนพลกลับเดินหน้าตั้งคำถามในสิ่งที่
กำลังเกาะหนึบในใจเขาในยามนี้…

“ค่ะ...ฉันไม่อยากให้คุณกลับมาทำงานอยู่ท่ามกลางฝุ่น…จะเสียสุขภาพได้”
หญิงสาวตอบออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ…แววตานิ่งสนิท

“คราวหลังไม่ต้องก็ได้…เดี๋ยวฉันทำเอง…”

บิลกีสลอบถอนใจก่อนจะยิ้มให้เขาอย่างเข้าใจ

…ใช่…เธอคิดว่าเธอเข้าใจแววตาคู่นั้นที่เขาทอดมองเธอ

…เขากำลังรู้สึกผิดต่อเธอ…

“ฉันอยากบอกว่าฉันเข้าใจคุณ…เพราะฉันก็เหมือนคุณ…
คนบางคนเราก็ไม่อาจลืมไม่อาจตัดใจได้…
ยิ่งให้ลืมบางคนที่ไม่อยากลืม…มันยากเย็นฉันรู้…”

ขุนพลสบตาบิลกีสนิ่ง พยายามมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น
แล้วเขาก็พบว่ามันดูจริงใจ ไร้การเสแสร้งใดๆ…

“ฉันไม่ขอให้คุณลืมบางคนที่ไม่อาจลืม…มันไม่ใช่เรื่องของสิทธิ
แต่ฉันรู้ว่า เรื่องแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้ เพราะขนาดหัวใจฉัน
ฉันก็ยังบังคับมันไม่ได้เลย ฉันก็ไม่คิดว่าฉันจะสามารถบังคับใจใครได้
และคุณก็ไม่ได้ทำเรื่องผิดบาป…”

บิลกีสยิ้มให้เขาจากใจ

แม้ส่วนลึกจะเจ็บปวด แต่เธอก็เข้าใจเขา ยิ่งเข้าใจก็ยิ่งเจ็บ…

“ปัจจุบันคุณคือสามีของฉัน…และฉันก็ยินดีทำหน้าที่ของภรรยาที่ดีต่อไป…
คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดต่อความรู้สึกที่คุณมีมาก่อนหน้าที่จะแต่งงานกับฉัน…

เพราะฉันรู้มาตลอดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ฉันก็ยังเลือกที่จะใช้ชีวิตที่เหลือกับคุณ
ฉันเลือกของฉันเอง คุณไม่ได้บังคับให้ฉันเลือก…
ถ้าจะมีคนผิด…คนๆนั้นก็คือฉันเอง…”

แปลก…ที่ขุนพลไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลยกับถ้อยคำที่ได้ยินนั้น
ถ้อยคำที่เข้าอกเข้าใจของเธอไม่ได้ทำให้ความรู้สึกผิดที่กัดกินเขาทีละนิดนี้
หมดไปจากใจของเขาได้เลย…

“งั้นเราทานข้าวผัดทะเลก็แล้วกันนะคะ…”บิลกีสวกกลับมาเรื่องอาหารมื้อค่ำ…
ทำเอาคนที่เอาแต่เงียบไม่ปริปากพูดอะไรเลยอย่างขุนพล
ถึงกับต้องหันมองไปทางอื่นขณะกล่าวว่า

“เธอทำอะไรมาฉันกินได้หมดแหล่ะ…”บิลกีสพยักหน้าแล้วหันหลังกลับ
ทว่า เสียงของเขาทำให้เท้าที่กำลังเดินไปจากตรงนั้นต้องหยุดชะงักลง

“ถ้า…เธอไม่ได้แต่งงานกับฉัน…เธอจะเป็นยังไง…”

เสียงนั้นดูกวัดแกว่งเหมือนไม่ได้เปล่งออกมาจากคนที่มี
จิตใจมั่นคงหนักแน่นอย่างเขา…

“ฉันก็คงจะเป็นสาวโสดอยู่บนคานไปอีกนานแสนนานเลยล่ะค่ะ”

ว่าพลางหันกลับมามองสีหน้าคนถาม…แล้วก็ได้พบกับเครื่องหมายคำถาม
บนแววตาของเขา…

“ที่ผ่านมา…ฉันได้เรียนรู้มาตลอดว่า…นอกจากคุณแล้ว…ฉันรักคนอื่นไม่เป็น…
และฉันก็ไม่คิดจะเอาชีวิตทั้งชีวิตไปผูกติดกับคนที่ฉันไม่ได้รักซะด้วย…
คนอื่นอาจทำได้ แต่ฉันคนนึงที่ทำไม่ได้แน่ๆ…”

แววตาของบิลกีสมั่นคงหนักแน่นและตรงกับใจอย่างที่สุด…

เธอไม่คิดจะปิดบังความรู้สึกของตัวเองต่อหน้าเขาแน่ๆ
เพราะแน่ใจว่าต่อให้เธอโกหกเขา เขาก็ย่อมรู้ดีว่าเธอโกหก
เธอไม่เคยโกหกใครได้สำเร็จ นั่นคือเรื่องจริง!

“ฉันคิดมาตลอดว่า การได้แต่งงานกับคุณนั้นย่อมดีกว่าอยู่เป็นโสดบนคาน…
อย่างน้อยฉันก็จะได้ทำหน้าที่ภรรยาให้คนที่ฉันรัก…

ฉันถูกฝึกมาไม่ให้คาดหวังในสิ่งที่รู้ว่ายากจะได้มา…
เพราะถ้าเราไม่คาดหวัง เราก็จะไม่ผิดหวัง…”

ขุนพลสบตาคู่นั้นก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา

“ฉันไม่เข้าใจเธอเลย…ไม่เข้าใจจริงๆ…”

“ก็เพราะว่าความผิดหวังเคยเป็นเพื่อนเก่าของฉันมานานแสนนานแล้วน่ะสิคะ…
ฉันรู้จักมันดี…รู้จักอย่างลึกซึ้ง…
ฉันจึงต้องฝึกไม่ให้ตัวเองหวังอะไรลมๆแล้งๆ…”

พูดจบบิลกีสก็ยิ้มออกมา…ยิ้มที่เป็นยิ้มจริงๆ มิใช่ย้ิมที่เสแสร้งแกล้งทำ
ทำเอาคนมองถึงกับไม่เข้าใจ…

“ฉันไม่ใช่คนที่เข็มแข็ง ไม่ได้มั่นคงสักเท่าไหร่หรอกค่ะ
แต่ฉันรู้ว่า…ทุกอย่างจะง่ายขึ้น เพียงแค่เรายิ้มทักทายกับสิ่งต่างๆที่เข้ามาหาเรา…”

แล้วหญิงสาวก็เดินหันหลังจากไป…ทิ้งรอยยิ้มเอาไว้
ให้ขุนพลยืนนิ่งงันเหมือนถูกสาปให้กลายเป็นหุ่นขี้ผึ้ง

...ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงแปลกและประหลาดที่เขาไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน...

เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า เขาคิดถูกหรือผิดกันแน่ ที่พาเธอมาร่วมทุกข์ร่วมสุข
ร่วมหัวจมท้ายกับคนที่ไม่เคยตัดใจจากความรักครั้งก่อนได้อย่างเขา...

แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ชีวิตของเขาตอนนี้

ต้องการภรรยา ต้องการแม่บ้านแม่เรือนอย่างเธอ!



...โปรดติดตามตอนต่อไป.......


เป็นคนที่ยืนอยู่ข้างเธอคอยดูแล อยู่...เมื่อเธอเหงาใจ
เป็นเพียงคนหนึ่งที่เธอเห็นแล้วผ่านไป เธอ...จะรู้หรือเปล่า

ในใจมีเธอทำเพื่อเธอเพียงคนเดียว แต่...ก็เท่านั้นเอง
เป็นลมเบาๆที่เธอนั้นไม่เคยเห็น เธอไม่เคยมองดูที่ฉัน

ไม่ได้ขอ...ให้เธอมารัก ไม่เคยขอ...ให้เธอห่วงใย
แค่อยากรู้...เรื่องที่ค้างในใจ อยาก อยากจะถามเธอ

ถ้าคนอย่างฉันตาย...จากไป เธอ...เศร้าใจหรือเปล่า
หนึ่งคนที่ข้างเธอยามเหงา มันมีค่าสักแค่ไหน (สำหรับเธอ)

เดินเพียงลำพังเพราะฉันมันตัวคนเดียว เธอ...ไม่เคยสนใจ
ยังมีเพียงเธอและจะรักตลอดไป ต่อให้ใจเธอไม่มีฉัน

ไม่ได้ขอ...ให้เธอมารัก ไม่เคยขอ...ให้เธอห่วงใย
แค่อยากรู้เรื่องที่ค้างในใจ อยากๆจะถามเธอ

ถ้าคนอย่างฉันตาย...จากไป เธอ...เศร้าใจหรือเปล่า
หนึ่งคนที่ข้างเธอยามเหงา มันมีค่าสักแค่ไหน (สำหรับเธอ)

โปรดเถอะตอบคำถาม ช่วยยืนยันให้ฉันฟังก่อน
อยากจะรู้...กับเธอแล้ว...ความรักนี้ของฉัน...มีค่าแค่ไหน

ถ้าคนอย่างฉันตายจากไป เธอเศร้าใจหรือเปล่า
หนึ่งคนที่ข้างเธอยามเหงา มันมีค่าสักแค่ไหน (สำหรับเธอ)

ถ้าคนอย่างฉันตายจากไป เธอเศร้าใจหรือเปล่า
หนึ่งคนที่ข้างเธอยามเหงา มันมีค่าสักแค่ไหน (สำหรับเธอ)


(เพลง ฉันมีค่าแค่ไหน...ของพีซเมกเกอร์) ศิลปีนโปรดของเต่าโย^^

เอาเพลงมาฝากค่ะ...คิดว่าเพลงนี้น่าจะเข้ากับอารมณ์ตัวละคร
ในตอนนี้ได้ดีสุดๆแล้ว...
ตอนเขียนไปก็ให้หวนนึกถึงเพลงเก่าแก่เพลงนี้ขึ้นมา...
ไม่รู้จะยังมีคนจำเพลงนี้กันได้รึเปล่า...




...คุยกับนักอ่านจากตอนที่แล้วจ้า....


1.คุณตุ๊งแช่...เต่าต้องรีบปั่นเมื่อมีโอกาสค่ะ เขาว่าน้ำขึ้นให้รีบตัก
ตอนนี้น้ำใกล้ท่วมแล้ว(ฝนตกทุกวันเลย...อิอิ)ก็เลยต้องรีบตักน้ำค่ะ...เฮะๆ
ส่วนคานน้อยตั้งใจจะนำมาเสริฟแบบติดๆกันให้จบเลย นักอ่านจะได้ไม่ค้าง
(เพราะค้างมาแรมปีแล้วเนอะ...ฮ่า่ๆ)

2.คุณแว่นใส...ทั้งเรื่องงานทั้งเรื่องคนเลยจ้าาาา...มาพร้อมกันเลยงานนี้...
น่าจะตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า "แผลเก่า" ว่ามั้ยคะ...อิอิอิ...
เรื่องชื่อของเรื่องกับนิยายนั้นโยคิดว่าสัมพันธ์กันแน่...แต่จะสัมพันธ์กันในแง่ใด
ต้องมาดูกันให้ถึงตอนจบของเรื่องค่ะ...เศษหนึ่งส่วนสองยกกำลังศูนย์...^^

3.คุณใบบัวที่น่ารัก...ไปเที่ยวหรือคะ...สงสัยพระเอกเราคงจะฉายเดี่ยวค่ะ
เพราะแต่งเมียก็เพื่อให้มาดูแลพ่อ และพ่อก็นอนเป็นผักอยู่อย่างนั้น
เมียก็คงไปไหนไม่รอดแหงมๆ...ส่วนน้องสาวก็คงจะพาไปไหนมาไหนลำบาก
ยิ่งไปในเรื่องงานคงยากค่ะ...งานนี้พ่อพระเอกเราก็ไปไหนมาไหน
ได้คล่องเลยงานนี้...เต่าโยคิดว่า...
ทุกเรื่องที่เขียนมา ชีวิตของนางเอกเรื่องนี้น่าจะรันทดที่สุดแว้วววววว...เฮะๆๆ


สุดท้ายไม่ท้ายสุด...

ขอบคุณนักอ่านทุกท่าน ขอบคุณทุกไลค์ และทุกๆกำลังใจมากๆเลยนะคะ

...รักษาสุขภาพนะคะ...

"เต่าโย"






yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ต.ค. 2557, 21:02:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ต.ค. 2557, 21:02:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 2443





<< บทที่ 6 ราชินีในตำนาน   บทที่ 8 ดอกไม้แห่งราตรีกาล (1) >>
โอชิน 23 ต.ค. 2557, 00:08:16 น.
ข้อคิดดีๆมีมาตลอด..คุณเต่าโยจัดสรรเว้นวรรคย่อหน้าได้ดีมาก..ปราณีตและอ่านง่าย..นับถือค่ะ..ตามอ่านค่ะ อยากรู้จังว่ามันจะขมไปถึงไหน ?


Pat 23 ต.ค. 2557, 05:28:26 น.
หายากนะคะคนแบบบิสกีส ยิ่งอ่านยิ่งชอบนางเอกของเราจังเลย


แว่นใส 23 ต.ค. 2557, 11:03:01 น.
น่าสงสารจริง เมื่อไหร่จะรู้ตัวนะ


ใบบัวน่ารัก 23 ต.ค. 2557, 16:12:05 น.
น่านดิเป็น คนดูแลเด็กและคนป่วย
เสียใจแทน
เค้าอยากไปเที่ยวๆๆๆๆๆๆๆๆ
แหะๆๆเรียกร้องแทนไอซ์


RightHand 21 พ.ย. 2557, 22:43:34 น.
แง่มๆ คุณเต่าโยมาอัพเดพนิยายเรื่องบ้างก็ได้น้าา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account