ซีรีส์บุปผาสันนิวาส Flower of love<<<รอยฝันกุหลาบนางฟ้า>>>
สร้อยเส้นนี้สำคัญมากขนาดไหน คำตอบที่มีให้ ก็คงบอกได้ว่า เท่ากับภาพวาดสีน้ำรูปดอกไม้รูปนั้น และคงไม่มีใครรู้ซึ้งเท่าพวกเขาและเธอ ความรัก ความลับ ความหลัง คำสัญญาในอดีต ที่ผูกพันเธอและพวกเขาไว้ด้วยกัน ถูกกักเก็บไว้ในสร้อยสำคัญที่หายไป และภาพวาดภาพนั้น ที่ส่งผลทำให้...
เธอรอ...มาตลอด โดยที่ไม่รู้ว่าต้องรอใคร
ส่วนเขาทั้งคู่ ตามหา...มายาวนาน โดยที่ไม่รู้ว่าต้องตามหาใคร
ฉะนั้นเพื่อเปิดเผยคำถามในหัวใจที่ค้างคา ภารกิจค้นหาชิ้นส่วนสำคัญของสร้อยที่หายไป และเพื่อไขความลับในภาพวาดที่ถูกเก็บไว้ จึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางความอลหม่านของหัวใจสามดวง
เมื่อหนึ่งชายนั้น คืออดีตรักที่เธอไม่เคยลืม แม้เขาจะทำให้หัวใจเธอบอบช้ำก็ตามที
และอีกหนึ่งคน ที่เพิ่มเติมเข้ามาเพราะความจำเป็น ทว่ากลับผูกพันกับเธอลึกซึ้ง ยิ่งกว่าชายใด!

Tags: ตำนานดอกไม้,นิรันดร์-จิรัสยา,จิรัสยา,ทานตะวัน,กรรณิการ์,พิสูจน์รักทานตะวัน,รอยฝันกุหลาบนางฟ้า,กรรณิการ์มนตรารัก

ตอน: บทที่ 1 บุพกรรม 1/2


‘น้อย’

เสียงทุ้มนุ่มอ่อนระโหยโรยแรงดังแผ่วเพรียกหา พลอยทำให้หญิงสาวรูปร่างแบบบางสูงราวร้อยห้าสิบปลายๆ ได้แต่ยืนหมุนซ้ายหมุนขวามองหาที่มาของเสียง ทว่า...แม้จะพยายามสักเท่าใด ก็หาได้จับตำแหน่งต้นเสียงนั้นได้

จิรัสยาทรุดลงนั่งแปะกับพื้นอย่างหมดแรง ดวงหน้าหวานตอนนี้อมเศร้า ดวงตาเรียวยาวสีน้ำตาลแก่ฉายแววสับสน ปนเปไปกับความตระหนกและหวาดหวั่น ที่ที่เธออยู่นั้นมันเป็นที่โล่งกว้างหากถูกหมอกสีขาวขุ่นลอยตัวบดบังเสียจนมองอะไรไม่เห็น ก็ขนาดว่ายื่นมือออกไปเบื้องหน้าจนสุดแขน เธอไม่สามารถจะมองเห็นมือของตนที่ยื่นออกไปนั้นได้เลย แถมด้วยความเคว้งคว้างว่างเปล่าทำให้เธออ่อนแอ ด้วยเสมือนว่าโลกทั้งใบมีเพียงเธอผู้เดียว

‘น้อย น้อยของพี่’

เสียงเรียกดังมาอีกหน มันสะท้อนก้องไปทุกทิศทุกทาง แสงสว่างทั้งหมดทั้งมวลมีแต่ตรงที่เธอนั่งอยู่นอกนั้นคือความมืดมิด ลึกลับชวนให้หวาดหวั่น ยิ่งเสียงที่ได้ยินเหมือนจะเติมความกลัวให้เพิ่มพูน พอๆ กับอีกหนึ่งความรู้สึก

คิดถึง โหยหา...และเจ็บปวด

“คุณเป็นใครคะ อยู่ที่ไหน ฉันมองไม่เห็น มองไม่เห็น”

หญิงสาวสะอื้นตะโกนออกไปอย่างสุดแรงด้วยความอัดอั้น ทว่า...มันกลับดังอยู่แค่เพียงริมฝีปากเท่านั้นเอง

‘ลืมเสียแล้ว น้อยลืมพี่เสียแล้ว’

สุ้มเสียงตัดพ้อที่ได้ยินเต็มไปด้วยความสลดหดหู่และผิดหวังเสียเต็มประดา ราวกับเจ้าตัวของเสียงเจ็บปวดเป็นหนักหนากับคำถามของเธอ จิรัสยาเหลียวมองรอบกายอย่างหวาดๆ ก่อนสะดุ้งโหยงเมื่อคราวนี้เสียงดังอยู่ที่ริมหูนี่เอง

‘จำได้ไหมเล่า สัญญาของพี่กับน้อย’

หญิงสาวกอดตัวเองแน่นขึ้นกวาดตามองทั้งน้ำตาแต่ก็ประสบเพียงความว่างเปล่า ชั่ววูบหนึ่งลมอุ่นที่พัดวูบมาให้สัมผัสคลับคลายคลับคลา มือที่เอื้อมมาแตะเพียงแผ่วเบาที่แก้มนวลคล้ายจะซับหยดน้ำตาที่ไหลรินให้

ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้เพียงเล็กน้อย หากทั่วทั้งร่างกายและหัวใจที่เหน็บหนาวกลับอุ่นขึ้นมาในฉับพลันทันใด

“สัญญาอะไรคะ สัญญาของใคร”

เสียงหวานทวนถามคล้ายละเมอ ก่อนสายลมอันเย็นเยียบจะกวาดผ่านร่างของเธอ พอเงี่ยหูฟังก็กลับได้ยินคล้ายเสียงผ่อนลมหายใจ เป็นนานกว่าจะได้เสียงตอบอันแสนเศร้ากลับมา

‘อย่าร้องเลย น้อยของพี่ น้ำตาของเธอ... พี่... ไม่ปรารถนาเลยที่จะเห็นมัน จำได้มั้ย พี่เคยบอก ว่าพี่หลงรัก... รอยยิ้มของเธอตั้งแต่แรกเจอ ฉะนั้นพี่จึงปรารถนา... เหลือเกิน น้อยของพี่ ก่อนที่พี่จะหลับตา ขอให้ได้เห็นรอยยิ้มของเธออีกสักครั้ง พี่มันบุญน้อย เสียใจนัก... ที่ไม่อาจอยู่ดูแลน้อยของพี่ อย่างที่ได้รับปากไว้ แต่ถ้าชาติหน้ามีจริง พี่สาบานด้วยลมหายใจที่มี สัญญาด้วยชีวิตของพี่ น้อยจะเป็นสิ่งสำคัญเดียว เพียงคนเดียวที่พี่จะทุ่มเทให้ จะไม่มีอะไรมาแบ่งความสำคัญจากน้อยไปได้ พี่สัญญา... สัญญา ไม่ว่าจะชาติภพไหน พี่จะตามหาน้อยให้เจอ จะรักน้อยของพี่เพียงคนเดียว’

เสียงพูดแผ่วเบายิ่งและแหว่งวิ่นขาดห้วงยิ่งกว่าราวกับคนพูดกำลังจะสิ้นลม จิรัสยาน้ำตาไหลพรากใช่เพียงสำเนียงเสียงที่สะท้อนก้อง หากดูเหมือนเธอจะรับรู้ได้ถึงความวิโยคโศกศัลย์นั้นได้ดี

มันเจ็บในใจเหลือเกิน เหมือนคนที่กำลังจะสูญเสียของรักไปอย่างไม่มีวันกลับ

“น้อยหรือคะ สัญญา สัญ...ญาของเรา”

หญิงสาวสะอื้นตัวสั่นเทายกมือเรียวขึ้นปิดหน้าและสะอื้นฮักออกมา ในขณะที่เสียงปริศนายังย้ำให้ได้ยินซ้ำๆ

‘ใช่สัญญา...สัญญาของเรา อย่าลืมนะน้อย อย่าลืม’

เปลือกตาบางปรือเปิดขึ้น เมื่อยามเจ้าของฟื้นตื่นจากนิทรายามค่ำคืน จิรัสยาลืมตาโพลงทั้งยังสะอื้นพลางยกมือขึ้นแตะตรงหางตา ก่อนพบว่าตนเองกำลังร้องไห้อย่างหนัก คิ้วเรียวแม้จะไม่ดกหนา หากเรียงตัวเป็นระเบียบและได้รูปสวยราวกับวาดไว้ขมวดมุ่นอย่างครุ่นคิด

ร่างเล็กแบบบางดึงผ้าห่มออกพ้นตัว เผยให้เห็นเสื้อยืดพอดีสีขาวตัวกับกางเกงเลที่เจ้าตัวสวมใส่เป็นชุดนอนประจำจากแสงไฟสลัวหัวเตียงที่เปิดไว้ จิรัสยาคู้เข่าขึ้นมาก่อนแนบแก้มลงไป แสงสลัวจากโคมไฟที่อยู่นอกมุ้งผ้าพริกไทยซึ่งคลุมเตียงไม้สี่เสาหลังใหญ่ไว้ ส่องให้เห็นนาฬิกาไม้ที่ตั้งอยู่ข้างหัวเตียง ซึ่งบอกว่าว่านี่เป็นเวลาสองนาฬิกา เธอผ่อนลมหายใจยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตา และเงียบอยู่พักจึงได้ส่ายหน้าพึมพำกับตัวเอง

“ใช่นั่นแหละ ฝันเหมือนเดิมอีกแล้ว”

เสียงหวานดังแผ่วเบาก่อนจะตามด้วยเสียงผ่อนลมหายใจ สุดท้ายเจ้าตัวก็แหวกมุ้งออกเป็นสองไขและก้าวลงจากเตียงตรงไปยังหน้าต่างที่เปิดไว้ซึ่งห่างออกไปเพียงสองก้าว

จันทราดวงโตลอยเด่นกึ่งกลางท้องฟ้า วันนี้เดือนงามฉายแสงเพราะเป็นช่วงข้างขึ้น และเป็นวันพระ ๑๕ ค่ำ

จิรัสยาทอดสายตามองเหม่อขึ้นไปบนท้องฟ้าสีนิล อันถูกแสงจันทร์กระจ่างทอจับเป็นสีนวลๆ จางๆ จนกลบแสงดาวมิด จากในฝันทำให้เธอนอนไม่หลับอีกต่อไป และมันเป็นเช่นนี้แทบทุกครั้งที่ฝันเห็น

ใครคนนั้นที่เธอไม่รู้เช่นกันว่าคือใคร ใครสักคนที่หน้าเหมือนกับ ‘เขา’

หญิงสาวผ่อนลมหายใจขยับเลื่อนเก้าอี้ออกเพื่อลงนั่ง แล้วเปิดลิ้นชักโต๊ะที่ใช้นั่งทำงานเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งวางชิดติดกับนาฬิกาเรือนใหญ่ เพราะฝันประหลาดและบรรยากาศดูเหงาๆ เลยทำให้เธออดคิดถึงเขาขึ้นมาไม่ได้ เลยทำให้ต้องหยิบเอาสมุดบันทึกเก่าๆ เล่มหนึ่ง กับอัลบั้มภาพถ่ายที่วางไว้ใกล้ๆ ออกมา

อัลบั้มนั้นเปิดกว้าง เผยให้เห็นรูปหนุ่มลูกครึ่งในชุดนักศึกษาคนหนึ่ง มองตรงมายังกล้องและเปิดยิ้มกว้าง

‘นิพิฐ’ พี่พีท...เขาคนนั้น ที่ครั้งหนึ่งเธอรัก...และความรู้สึกนั้นก็ยังฝังอยู่ในใจมาจนบัดนี้ จิรัสยาไม่เคยลืมเขา ทุกภาพทุกเหตุการณ์ยังฝังลึกในหัวใจ แม้แต่ตอนที่ได้เจอกันเป็นครั้งแรก มันก็เหมือนเพิ่งจะผ่านมาเมื่อวานนี้เอง






สาวน้อยวัยสิบแปดปีแม้จะหน้ามันย่องและเห็นชัดว่าถูกถูกแต่งแต้มด้วยสี พร้อมผมที่ถูกจัดทรงประหลาด จนดูไม่ได้ กระนั้นรอยยิ้มก็ยังเกลื่อนหน้า เช่นเดียวกับนักศึกษาน้องใหม่วัยเดียวกันอีกหลายคน เสื้อสีขาวมีรอยเปื้อนของแป้งสีเป็นจุดๆ เช่นเดียวกับกระโปรงจีบรอบสีดำ และรองเท้าผ้าใบที่เธอสวมอยู่เช่นกัน

เสียงพูดคุยครื้นเครงเฮฮา หลังได้นั่งพักเหนื่อยกันใต้ร่มไม้ใหญ่หน้าคณะ ห่างออกไปไม่มากนัก เป็นแผ่นหินสลักตัวอักษรบ่งบอกสถานที่ มีชายหนุ่มหญิงสาวเดินไปมาขวักไขว่

จิรัสยาดูจะตัวเล็กที่สุดในกลุ่มนั้น การเข้าสู่สังคมใหม่ดูจะไม่เป็นปัญหา สาวน้อยยิ้มง่าย หัวเราะง่าย และคุยสนุก แถมยังมีน้ำใจเอื้อเฟื้อ จนเพื่อนๆ ทั้งชายและหญิงต่างติดเนื้อต้องใจ และเธอเองไม่รู้เลยว่าเสียงหัวใสๆ ของตัวเองจะดึงดูดสายตาใครบางคนไว้ได้

กระทั่งพอถูกจ้องมองนานเข้าก็เริ่มรู้สึกตัว เธอเงยหน้าขึ้นมองหาสายตาที่จ้องมา ก่อนชะงักเมื่อพบรุ่นพี่หนุ่มร่างสูงผิวขาว ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ใต้ร่มไม้ห่างออกไปกำลังมองมา และดูเขาเองก็มีอาการเช่นเดียวกันกับเธอ

ใบหน้าคมคายได้รูปยาวดูงุนงง เพราะคิ้วเข้มพาดตรงขมวดเข้าหากัน ดวงตาของเขาที่มีสีอ่อนเบิกกว้างนิดๆ ริมฝีปากบางเฉียบที่แต่แรกเผยอยิ้มค้าง ตอนนี้เม้มแน่น แต่ในชั่วกะพริบตา นัยน์ตาคู่คมสีอ่อนก็เต็มไปด้วยแววยินดี เพราะริมฝีปากคลี่ออกเป็นรอยยิ้มกว้าง จนมองเห็นลักยิ้มชัด

นั่นเองที่ทำให้จิรัสยาหลุบตาลงต่ำไม่มองสำรวจไปมากกว่านั้น แต่กระนั้นก็รู้ตัวเสมอ ว่าเขาไม่ได้ละสายตาไปไหนสองแก้มระเรื่อขึ้นหลังกระจ่างชัดแก่ใจ ยามเพื่อนใหม่ คนที่นั่งข้างกระซิบบอกเบาๆ

‘จาว นี่พี่คนนั้นมองจาวไม่วางเลย หล่ออะ เท่ระเบิด’

พอเห็นเธอไม่สนใจ ผู้เป็นเพื่อนก็เซ้าซี้จนเธอต้องเงยหน้าขึ้นมอง คราวนี้สิ่งที่ได้รับหลังสบตา คือรอยยิ้มอ่อนโยนที่ส่งมาให้ ซึ่งมันส่งผลกับหัวใจสาวน้อยโดยตรง






นั่นละ...ครั้งแรก ที่หัวใจดวงน้อยซึ่งไม่เคยหวั่นไหว เต้นระรัวอย่างไม่รู้ตัว

วันนั้นทั้งวันจิรัสยาแทบคิดอะไรไม่ออก เพราะหลายครั้งที่รุ่นพี่คนนั้นแวะเวียนเฉียดเข้ามาใกล้ บางทีเข้ามาช่วยรุ่นพี่คนอื่นๆ คิดเกม บางทีก็มาร่วมเล่นเกม แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น เธอกับเขาไม่ได้พูดกันสักคำ เพราะดูท่าทางแล้วชายหนุ่มจะเป็นที่สนใจของใครๆ จนต้องแวะเวียนไปกลุ่มนั้นทีกลุ่มนี้ที

หญิงสาวเองบอกไม่ถูกอีกเช่นกัน ว่าทำไมถึงได้รู้สึกว่าคุ้นหน้ารุ่นพี่คนนี้เหลือเกิน นอกจากความเขินอายอันเป็นปกติวิสัยแล้ว เธอยังรู้สึกว่าเขา‘คล้าย’ คนในฝัน คล้ายทั้งๆ ที่ตอนนั้นเธอยังจำหน้าคนในฝันไม่ได้ด้วยซ้ำ!

แต่เธอก็ยังฝันถึงเสมอ และเป็นคนที่เธอไม่รู้ว่าเป็นใคร ทำไม...เธอถึงฝันถึงเขาด้วย

จิรัสยาไม่ได้บอกใครในเรื่องนี้ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องเลอะเทอะ และหากพูดออกไป ญาติสาวอีกสองคนก็คงได้รุมล้อเธอกันใหญ่ เพราะกรรณิการ์และทานตะวันเองรู้ดีเรื่องฝันของเธอ และสองคนนั้นก็คอยเย้าแหย่มาตลอด ว่าได้เจอใครคนนั้นในฝันแล้วหรือยัง

ซึ่งก่อนหน้าที่จะได้เจอนิพิฐ ถึงจะมีหนุ่มๆ แวะเวียนมาขายขนมจีบเนืองๆ แต่ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกว่าจะ‘รัก’หรือ‘หวั่นไหว’ ได้เลยสักคน แล้วทั้งหมด ทั้งมวล...ความรู้สึกเหล่านั้น ก็มาบังเกิดขึ้น เมื่อได้เจอหน้ากับรุ่นพี่คนนี้!

หลังเจอนิพิฐ ฝันที่เธอฝันถึงบ่อยๆ ก็หายไป และเธอเองก็ไม่รู้จะอธิบายได้อย่างไร ว่าทำไมเธอถึงไม่ฝันเห็นอีก ในขณะที่นิพิฐกลับเริ่มมีอิทธิพลในหัวใจของเธอ มากขึ้น มากขึ้นทุกที จนจิรัสยาต้องพยายามปรามหัวใจของตัวเอง ทั้งเรื่องฝันว่ามันก็เป็นแค่ฝัน และเรื่องที่ตนมักตนตกเป็นเป้าสายตาของรุ่นพี่คนดังเสมอ

เรื่องทุกอย่างดำเนินไป ในลักษณะต่างคนต่างอยู่...ได้ไม่กี่วัน

รัตนาสาวร่างอวบช่างจ้อ เพื่อนคนใหม่ที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิทเพราะนิสัยเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยได้ดีกับเธอ ก็มักมีเรื่องเขามาเล่าให้ฟังเสมอ บางทียังสะกิดบอกเธอ ยามที่บังเอิญได้เจอรุ่นพี่คนดัง ว่าอีกฝ่ายกำลังมองมา

‘นั่นน่ะพี่เขาชื่อว่า นิพิฐ ชื่อเล่นพีท พี่เขาเรียนอยู่ปีสามละ เห็นว่าเคยเป็นเดือนของคณะ เนื้อหอมสุดๆ แล้วก็ที่บ้านนะรวยมากมีเชื้อเจ้าด้วย พวกสาวๆ น่ะกรี๊ดพี่เขาจะตายไป เห็นตั้งฉายาให้กันว่า คุณชายด้วยแหละ นี่รัตก็ว่าพี่เขาหน้าตาให้มากเลยนะ เห็นแล้วนึกถึงคุณหลวงสมัยก่อน’

จิรัสยาเองเพียงรับฟังไว้พลางนึกขำ เมื่อหน้าตาอีกฝ่ายออกจะลูกครึ่งปานนั้น

กระทั่งผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ รัตนาก็ชักชวนเธอที่ยังไม่ได้เข้าชมรมไหน ให้ไปสมัครเข้าชมรมอาสาพัฒนา พร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ที่จิรัสยาได้แต่แปลกใจ กว่าจะถึงบางอ้อก็เมื่อไปถึงแล้ว และได้รู้ว่ารุ่นพี่คนดังเป็นหนึ่งในสมาชิกชมรมนี้ แรกเลยจิรัสยาแทบจะหันหลังเดินหนีออกมาทันที ถ้าหากไม่ถูกดึงไว้

‘ขออนุญาตค่ะ หนูสองคนมาขอสมัครเข้าชมรมค่ะ’

เสียงใสแจ้วๆ ช่างพูดของผู้เป็นเพื่อนดังขึ้นเมื่อจูงมือเธอเปิดประตูห้องเข้าไป ห้องนั้นกว้างพอสมควร คะเนแล้วจุคนได้ถึงห้าสิบคนทีเดียว ห้องของชมรมเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าทาสีขาว ติดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ซึ่งดูพิเศษมากกว่าชมรมอื่นๆ ก็ตรงนี้ ที่มากสุดก็ได้แค่ติดพัดลม

รัตนาเล่าให้เธอฟังว่า พ่อของรุ่นพี่คนหนึ่งในนี้ ซึ่งก็คงจะเป็นนิพิฐ เป็นผู้บริจาคให้มหาวิทยาลัยเป็นอันดับต้นๆ สิทธิพิเศษก็คงจะมาจากการนั้น

จิรัสยามองสำรวจเพียงลวกๆ และเห็นว่าหน้าต่างเป็นกระจกสีควันบุหรี่ ผนังด้านหลังเต็มไปด้วยตู้เก็บเอกสาร มีโต๊ะไม้อัดยาวตั้งเรียงต่อกันสามสี่ตัว เก้าอี้ไม้สอดเรียบร้อยใต้โต๊ะ มีแจกันพลูด่างวางตรงกลาง ขวามือเป็นโต๊ะตั้งเครื่องเล่นวีดีโอพร้อมกับโทรทัศน์จอใหญ่พอสมควร ในนั้นมีคนอยู่ราวห้าหกคน เป็นผู้หญิงสองคนที่นั่งบนโต๊ะ ตรงหน้าวางกองเอกสาร และกำลังกดเครื่องคิดเลขยิกๆ

ส่วนอีกสามคนเป็นผู้ชาย สองในสามกำลังง่วนอยู่กับกล่องกระดาษเงยหน้าส่งยิ้มมาให้ ส่วนอีกคนยืนหันหลังอยู่หน้าตู้เก็บเอกสาร จิรัสยายิ้มตอบทุกคนได้ตามประสาคนยิ้มง่าย แต่พอเห็นใบหน้าและสายตาของรุ่นพี่ คนที่หันหลังให้หันมา เธอก็รู้สึกว่าใบหน้าเห่อร้อน ด้วยแววตาอึ้งๆ ปนร่องรอยของความดีใจของเขามันฉายชัด

เธอก้มหน้าหลบสายตาเขาทันที เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากรุ่นพี่คนอื่นๆ และเห็นสายตาทุกคนที่มองเธอ แล้วหันไปมองนิพิฐเหมือนรู้กัน หญิงสาวพยายามกระตุกชายเสื้อของเพื่อนสนิท แต่รัตนาไม่สนใจ ยังคงยิ้มแป้น ทวงใบสมัครหน้าตาเฉย กระทั่งนิพิฐเข้ามายืนตรงหน้า ยื่นแผ่นหนึ่งส่งให้เพื่อนของเธอ

‘ยินดีครับ เอ่อ นี่ใบสมัคร แล้วก็ปากกา นั่งเขียนในนี้ได้ตามสบาย’

เขาเงียบไปพักหนึ่ง และจ้องเธอตลอดเวลา รอจนกระทั่งจิรัสยาเงยหน้าขึ้นมอง รุ่นพี่ลูกครึ่งอดีตเดือนเด่นของคณะก็ค่อยคลี่ยิ้มละมุน พลางยื่นกระดาษมาตรงหน้าเธอ ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง เพราะคราวนี้เขาจงใจพูดกับเธอโดยเฉพาะ

‘พี่ชื่อพีท ยินดีที่ได้รู้จัก...จ้ะ น้องจาว’

แต่มันก็แค่นั้น เพราะอดีตเหล่านั้นผ่านมาแล้ว!

จิรัสยาถอนตัวเองออกจากภวังค์ เธอปิดสมุดบันทึกก่อนตามด้วยอัลบั้มภาพถ่าย และเก็บพวกมันกลับลงที่เดิม หญิงสาวลุกขึ้นเปิดมุ้งลวดก่อนงับประตูบานสูงปิดลง เดินตรงไปที่เตียงสำรวจว่าเหน็บชายมุ้งดีแล้ว ก็หันไปสวดมนต์ไหว้พระเพื่อให้ใจสบายอย่างที่เคยทำ จากนั้นจึงได้ล้มตัวลงนอนบนฟูกในเตียงไม้เก่า

หญิงสาวผ่อนลมหายใจก่อนค่อยปิดเปลือกตาลง หูได้ยินเสียงแว่วๆ ของหรีดหริ่งเรไรดังระงม ก่อนที่เธอจะผล็อยหลับไป ในระหว่างครึ่งหลับครึ่งตื่น คลับคลายคลับคลาว่ามีใครสักคนเรียกเธอแว่วๆ ในห้วงของการดำดิ่งสู่นิทรา

จิรัสยาระลึกตัวเองอยู่เสมอว่า เธอกำลังฝันถึงคนๆ นั้นอีกแล้ว ฝันที่กลับมา นับแต่ที่...นิพิฐจากไป

‘น้อยจ๊ะ น้อยของพี่’

อา...นี่แหละ ความฝัน ที่เธอจำได้แค่คำพูดไม่กี่คำ ฝันที่ทำให้เธอรู้สึกเศร้าเหลือเกิน

และในขณะที่หญิงสาวดำดิ่งลงสู่ห้วงแห่งฝัน ที่ด้านนอกนั้นภายใต้เงาต้นไม้ใหญ่ด้านล่างกำลังมีสายตามองจับมายังบริเวณอันเป็นห้องส่วนตัวของเธอ

‘จวนแล้ว’

เสียงสายลมหวีดหวิวแทรกผ่านไปในสุมทุมพุ่มไม้ยืนต้น ก่อให้เกิดคล้ายเสียงพูดคุยดังกระซิบกระซาบอยู่ภายในเงามืด แสงสว่างเลือนรางที่เกิดจากดวงจันทร์ดูจะไม่มีผลอะไรเลยโดยเฉพาะในเงาไม้ที่มืดครึ้ม มองคล้ายมีเงาของมนุษย์ปรากฏขึ้นตรงโน้น ตรงนี้ กำลังยืนจับจ้องมองตรงไปยังบ้านทรงไทย โดยเฉพาะบริเวณก่อนหน้าที่มีผู้หญิงคนหนึ่งเท้าแขนกับขอบหน้าต่างยืดตัวมองออกไปบนฟากฟ้า

เงามืดนั้นวูบวาบ ไม่แน่นอนตามกระแสลมที่พัดพาให้เงาไม้โอนเอน

‘อา...อีกไม่นาน...ไม่นานหรอก อีกนิดเดียวเท่านั้น’

ลมพัดมาวูบใหญ่ท่ามกลางเสียงแสกสากของใบไม้กิ่งไม้ซึ่งไหวเอนกระทบกัน ยังมีคำพูดแผ่วเบาลอยลมปนแทรกอยู่ก่อนลอยเลยหายไป ท่ามกลางความมืดมนอนธการของยามค่ำคืนซึ่งแสนจะน่าหวาดกลัว



===========================================================>>>>>>

พายายจาวมาส่งค้าาาาาาาาาาาาาาา แฮ่...โดนสแปมแฝงเครื่องฮ่ะ กำลังหาทางกำจัดอยู่แบบยากเย็น ไม่อยากลงโปรแกรมใหม่ TT^TT

คุณพันธ์แตงกวา คราวนี้ได้รู้แน่ฮ่ะ เจ่เจ้ อุเหม่ ไม่อยากคิด ยายจาวตามหลังเรื่องการเขียนแล้วเขียนอีกเหมือนเฮียอัคไม่มีผิด กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก
คุณบุลินทร หมี้มี่คุง เดี๊ยนปาดเหงื่อเลยนะฮะ 555+ คราวนี้กลั้นใจเขียนให้จบแย้ว ไม่แก้แล้ว 555+
คุณปลายสี ปลายจี้ตามเค้าให้ไวนะตัวเองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
คุณคิมหันต์ รอบที่สามอ่ะ อุๆ รู้สึกเหมือนโดนหนามเสียบ 555+ ชอบนะ เรื่องนี้ชอบกว่าทุกเรื่อง แต่จะเข็นให้จบนี่แบ่บ อารมณ์หนอนหายไปหนายยยยยยยยยย วิ่งตาเหมือนวิ่งตามว่าวที่ขาดลอยไปตามลม 555+
คุณPat Prasansin Chamnan กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด คาราวะมุกโซเดียว แถมแอบเอาไปใช้แล้วด้วย 555+ หนอนก็ไม่ชอบมาม่าเดี๋ยวกระดูกพรุน แต่แหม...มันอดไม่ได้อ่า ฮิ้วววววววววววววววว

และคุณๆรีดเดอร์นะคะ ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาคุย มากดคะแนนให้ ขอบคุณจริงๆค่ะ

เจอกันตอนหน้าวันพฤหัสนะจ๊า คืนนี้บะบาย จุ๊บๆๆๆ >.<



ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 พ.ย. 2557, 20:01:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ย. 2557, 20:01:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 2350





<< บทนำ   บทที่ 1 บุพกรรม 2/2 >>
พันธุ์แตงกวา 4 พ.ย. 2557, 21:53:51 น.
หนอนน้อยกลับมาแล้ว นี่มันลายเซ็นของหนอนน้อยชัดๆ
จาวกับพีท กิ๊บกิ้ว


กาซะลองพลัดถิ่น 4 พ.ย. 2557, 23:09:09 น.
เสียงเรียกแบบนี้ มันหวามไหวเข้าไปในทรวงเสียจริงขนลุก ขนชัน เป็นเราคือกรี๊ดแน่นอน
แต่ถ้าหล่อก็อภัยให้ได้ เตรียมตัวอ่านต่อไป


ปลายสี 4 พ.ย. 2557, 23:18:32 น.
อยากโดนหนุ่มหล่อจ้องมองบ้างงง อยากหัวใจเต้นระรัวบ้างงงงง


บุลินทร 4 พ.ย. 2557, 23:25:06 น.
ฉากแรกบีบคั้นสุดๆเลย รอติดตามตอนต่อปายยยย


นักอ่านเหนียวหนึบ 6 พ.ย. 2557, 15:02:30 น.
ตอนนี้คุ้นๆ ว่าเหมือนเดิม แต่บทนำดูไม่คุ้น เอ๊ะ หรือเราจำไม่ได้เอง แต่อ่าน สองตอนนี้แล้วเหมือนว่า พี่พีท จิเป็นพระเอกสินะ ม๊ายยยยยย น้าาาา


แว่นใส 6 พ.ย. 2557, 21:27:16 น.
จวนอะไรนะ


Zephyr 9 พ.ย. 2557, 16:47:06 น.
เหยยยย มาคล้าย้ดิม อต่จะเหมือนเดิมมั้ยนะ
เค้ายังเลือกข้างอยู่นะ ตัวจะเปลี่ยนพระเอกเรอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account