ซีรีส์บุปผาสันนิวาส Flower of love<<<รอยฝันกุหลาบนางฟ้า>>>
สร้อยเส้นนี้สำคัญมากขนาดไหน คำตอบที่มีให้ ก็คงบอกได้ว่า เท่ากับภาพวาดสีน้ำรูปดอกไม้รูปนั้น และคงไม่มีใครรู้ซึ้งเท่าพวกเขาและเธอ ความรัก ความลับ ความหลัง คำสัญญาในอดีต ที่ผูกพันเธอและพวกเขาไว้ด้วยกัน ถูกกักเก็บไว้ในสร้อยสำคัญที่หายไป และภาพวาดภาพนั้น ที่ส่งผลทำให้...
เธอรอ...มาตลอด โดยที่ไม่รู้ว่าต้องรอใคร
ส่วนเขาทั้งคู่ ตามหา...มายาวนาน โดยที่ไม่รู้ว่าต้องตามหาใคร
ฉะนั้นเพื่อเปิดเผยคำถามในหัวใจที่ค้างคา ภารกิจค้นหาชิ้นส่วนสำคัญของสร้อยที่หายไป และเพื่อไขความลับในภาพวาดที่ถูกเก็บไว้ จึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางความอลหม่านของหัวใจสามดวง
เมื่อหนึ่งชายนั้น คืออดีตรักที่เธอไม่เคยลืม แม้เขาจะทำให้หัวใจเธอบอบช้ำก็ตามที
และอีกหนึ่งคน ที่เพิ่มเติมเข้ามาเพราะความจำเป็น ทว่ากลับผูกพันกับเธอลึกซึ้ง ยิ่งกว่าชายใด!

Tags: ตำนานดอกไม้,นิรันดร์-จิรัสยา,จิรัสยา,ทานตะวัน,กรรณิการ์,พิสูจน์รักทานตะวัน,รอยฝันกุหลาบนางฟ้า,กรรณิการ์มนตรารัก

ตอน: บทที่ 1 บุพกรรม 2/2

เขาว่ากันว่า หากเราคิดถึงใครสักคนมากๆ เข้า แม้แต่ยามหลับตา ความคิดถึงนั้น ก็จะตามเราไปในฝันด้วย

และมันก็คงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะถึงผ่านมานานขนาดนี้ ‘นิพิฐ’ก็ยังคงคิดถึงเจ้าของดวงหน้ารูปไข่ซึ่งแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน ดวงตาทอประกายอ่อนเชื่อม เขาไม่เคยลืมกระทั่งน้ำเสียงอ่อนหวาน ซึ่งยังติดหู และภาพแห่งความสุขครั้งเก่าก่อนที่ยังตรึงอยู่ในใจมาตลอด นับตั้งแต่จากมา เขาไม่เคยลืมหรอก ไม่เคยลืมแม้สักวินาที

เพราะเธอคือนางในฝัน รักแรก และเธอ...ยังเป็นรักเดียวของเขาตลอดมา นี่คือสิ่งที่เขามั่นใจเป็นหนักหนา

ซึ่งเธอคนนั้นก็คือ...จิรัสยา

ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องนอนกว้างโทนสีน้ำตาลดำ ค่อยเปิดเปลือกตาสองชั้นลืมขึ้น หลังตื่นจากนิทรา เมื่อแสงแดดอ่อนๆ ทอลอดผ้าม่านหนาหนักบริเวณหัวเตียง ที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้องเข้ามา บ่งว่านี่เป็นเวลาเช้าแล้ว

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนยาวเรียว มีแววเลื่อนลอยในตอนแรก กะพริบถี่ๆ จนเห็นแพขนตาบางตรง และแล้วคิ้วเข้มหนาพาดตรงก็ขมวดมุ่น เมื่อแววเลื่อนลอยหายไป ริมฝีปากบางเฉียบเม้มแน่น จนปรากฏรอยบุ๋มข้างแก้ม ส่วนใบหน้าคมคาย อย่างบ่งว่าเป็นลูกครึ่งนั้น ดูเศร้าอย่างประหลาด

เรือนร่างสูงเพรียวล่ำสัน ค่อยขยับลุกขึ้นนั่งบนเตียงนอนสีขาวหลังใหญ่ ผ้าห่มสีเดียวกันกับเตียง ที่คลุมตัวหลุดลงไปกองที่หน้าตัก เผยให้เห็นลอนกล้ามท้องเป็นมัด ด้วยเจ้าของไม่ได้สวมเสื้อนอน ผมสั้นสีน้ำตาลแก่ดูยุ่งเหยิงหนักขึ้น เพราะเขายกมือขึ้นเสยลวกๆ ก่อนขยี้แรงๆ สามสี่ครั้ง ก่อนเอี้ยวตัวไปมองนาฬิกา ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะไม้กลมเล็กหัวเตียง ซึ่งใช้เก็บของเล็กๆ น้อยๆ พลางถอนหายใจ ก่อนยกมือขึ้นลูบหน้าไปมา

ฝัน...เขาฝันอีกแล้ว ฝันเดิมๆ...ที่นิพิฐ ฝันเห็นมานับแต่ที่ได้ไปค้างยังบ้านของผู้เป็นย่า ตอนอายุสิบห้าปี

มันเป็นวัง...ที่บิดาบอกว่า เมื่อก่อนสมัยตอนยังเล็ก กระทั่งโตเป็นหนุ่มเคยอยู่อาศัยมาก่อน แต่พอแต่งงานกับแม่ พ่อก็พาแม่ย้ายออกมาอยู่คอนโด เพราะสะดวกกว่าจนเหลือเพียงคุณย่าที่ยังอาศัยอยู่ที่นั่น

และตั้งแต่นั้นมา นิพิฐก็ฝันถึงตึกทรงปั้นหยาสองชั้นสีขาวนวลๆ ภายใต้เงาไม้ร่มรื่น ที่อยู่ภายในรั้วปูนก่ออิฐ หน้าต่างทุกบานในตัวบ้านเปิดกว้างรับลม เสียงพูดคุยแกมหัวเราะดังมาให้ได้ยินแว่วๆ สลับกับเสียงนกร้อง เสียงลมพัดผ่าน และนานๆ จะได้ยินเสียงรถยนต์วิ่งผ่านไปสักครั้ง

ต้นปีปสูงใหญ่ปลูกทั่วสนาม โปรยดอกทิ้งลงมาขาวลานตา พุ่มแก้วปลูกอยู่ข้างทางเดินรอบตัวตึก ดอกสีขาวส่งกลิ่นหอมมีหมู่แมลงบินตอม บนชานระเบียงข้างตัวตึกปูด้วยหินอ่อน กว้างโล่งน่านั่งเล่น

คลับคล้ายเสียงพูดคุยดังมาจากที่ตรงนี้ ทว่า...กลับไม่มีใคร พอเงี่ยหูฟัง เสียงก็ห่างออกไป

รอบๆ ด้านเต็มไปด้วยหมอกสีขาวพร่างพรมลงมาจนทัศนียภาพหม่นมัว แม้แต่ตัวตึกเองก็เห็นเพียงลางๆ คล้ายมองผ่านกระจกฝ้า เขายื่นมือออกไปเพื่อสัมผัสกับปุยหมอกด้วยความเคยชินท่ามกลางแสงแดดส่องรำไรเป็นแสงสีทองจางๆ และแล้วหมอกสีขาวก็ค่อยจางลง พร้อมกับปรากฏร่างของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังช้อนชูชมดอกแก้วข้างตึก

‘แม่น้อย’

น่าแปลก...ที่เสียงเอ่ยออกไปดังออกมาจากปากของเขาเอง แถมในใจยังเต็มตื้นไปด้วยความดีใจ พอๆ กับความโหยหาที่ปะทุขึ้นมาในหัวใจที่กำลังเต้นระรัว เมื่อเธอค่อยๆ ละมือจากช่อดอกแก้ว สาวสวยเบื้องหน้าสวมเสื้อลูกไม้ แขนกุดสีชมพูอ่อนทรงตรงค่อนข้างหลวม ตรงชายเสื้อคลุมสะโพกผูกเป็นโบ สวมทับผ้าถุงยาวคลุมเข่าสีบานเย็น

‘มังคะ ฝ่าบาท’

เสียงหวานใสขานรับดังกังวานสะกดเขาให้นิ่งฟัง ก่อนจะมัวแต่ตะลึงมองวงหน้ารูปไข่สดใส ที่ถูกล้อมไว้ในกรอบผมสีน้ำตาลแก่ ยาวประบ่าดัดบ๊อบน้อยๆ ดวงตาสีน้ำตาลแก่เจิดจ้ายามมองสบตาเขา ริมฝีปากบางอิ่มแย้มยิ้มนิดๆ ก่อนที่เธอจะก้มหลบ จนเห็นแพขนตายาวที่คล้ายจะทาบไปกับผิวแก้ม อยู่ภายใต้คิ้วเรียวโค้งราวกับพระจันทร์เสี้ยว ในขณะที่เธอทำความเคารพเขาอย่างเรียบร้อย หัวใจก็ยิ่งเต้นรัวแรง

นั่นเอง ที่ทำให้เขาสาวเท้าเข้าไปหาเธอ เอื้อมมือออกไปจะคว้า ทว่า...ทุกอย่างก็สลายไป!

พอนึกมาถึงตรงนี้ นิพิฐก็ลดมือลงถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ ตอนเป็นเด็กหนุ่ม ก่อนที่จะได้เจอกับจิรัสยา เขาเฝ้ามองหาผู้หญิงที่คล้ายในฝันมาตลอด จนเกิดผูกพันกับ‘นางในฝัน’โดยไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่ไม่อาจรู้ได้เลย ว่าเธอมีตัวตนในโลกแห่งความเป็นจริง หรือเป็นแค่ฝัน แค่จินตนาการ ที่เขาสร้างขึ้นมา

กระทั่งเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเป็นปีที่สาม นิพิฐก็ได้พบผู้หญิงเพียงคนเดียว ที่ทำให้เขาหัวใจเต้นแรง...ผู้หญิงที่ทำให้เขารู้สึกหลงรักได้ ที่สำคัญ จิรัสยาก็ยังเหมือนกันกับคนในฝันของเขา ราวกับคนๆ เดียวกัน!

แรกเห็น ชายหนุ่มตกตะลึงพรึงเพริด ได้แต่มองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง กระทั่งได้สบตากัน ความรู้สึกนั้นก็พลุ่งแรงจนเขาต้องหาทางวนเวียนเข้าใกล้เธอ แม้แต่เพื่อนๆ เองก็ยังรู้ จากนั้นนิพิฐก็หาทางเจอหน้ารุ่นน้องสาว ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่แค่ได้สบตา เพราะพอได้รับรอยยิ้มอายๆ กลับมา เขาก็กลับขยับไม่ออกได้แต่มองเธอเดินจากไป

แล้วก็เหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างเมื่อเธอมาสมัครเข้าชมรมเดียวกัน คราวนี้นิพิฐไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า เขาพยายามที่จะเป็นคนพิเศษของเธอ แสดงออกชัดเจนถึงความรู้สึกที่มีให้ และมันก็สำเร็จ

ทว่า...เหตุการณ์ต่อจากนั้นต่างหาก ที่ทำให้เขาต้องจากมาเธอมา โดยไม่ได้บอกลา

ชายหนุ่มหยุดความคิดไว้เท่านั้น เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นเบาๆ เขาเอ่ยอนุญาตออกไปเสียงห้วนๆ ดวงหน้าคมคายบึ้งตึง คิ้วเข้มขมวดมุ่น ส่วนดวงตาสีอ่อนทอประกายเจิดจ้า บ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่สบอารมณ์นัก พลอยทำให้สาวใหญ่ที่เคาะประตูก่อนหน้านี้ และเปิดเข้ามาก้มหน้างุด ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะรายงาน

“พ่อเลี้ยงให้มาเตือนคุณพีทเจ้า เอ้อ...เปิ้นว่า เดี๋ยวจะไปวัดสายเจ้า วันนี้...ง่า เผาศพคุณผู้หญิงแล้วเจ้า”

ชายหนุ่มในวัยยี่สิบเจ็ดย่างยี่สิบแปดปีพยักหน้ารับ ก่อนโบกมือไล่ ต่อเมื่อประตูห้องปิดลงแล้วนั่นแหละ นัยน์ตาคู่คมก็อ่อนแสง หลายปีหนักหนาแล้วที่เขาไม่ได้กลับเมืองไทย

ชีวิตครอบครัวเขามันไม่ได้ดีนักหรอก พิธานกับนิโคล พ่อแม่ของเขา แยกทางกันตั้งแต่นิพิฐอายุได้สองสามขวบเท่านั้น เขาเองอยู่กับพ่อจนอายุยี่สิบสอง ก่อนที่ผู้เป็นพ่อซึ่งถูกหักหลังทางธุรกิจจะจมดิ่งกับยาเสพย์ติดและการพนัน สุดท้ายก็เสียชีวิตอย่างน่าอนาถ หลังจากเขาเรียนจบและยังไม่ทันได้รับปริญญาด้วยซ้ำ

ทุกอย่างที่เลวร้ายประดังเข้าหา เพราะเขาและบัวพิศ ผู้เป็นย่า รู้หลังจากนั้นว่าบิดามีหนี้ก้อนโต สมบัติเท่าที่เหลือก็ไม่พอใช้หนี้ จนเขากับย่าเกือบจะต้องขายวังทิ้งไป หาก แม่ของเขาก็ยื่นมือเข้ามาช่วย พร้อมยื่นข้อเสนอว่าชายหนุ่มต้องย้ายไปอยู่โคลอมเบียกับมารดา และรวิสุต ผู้เป็นพ่อเลี้ยง ด้วยนิโคลแม่ของเขาบอกว่า พ่อเลี้ยงของเขาไม่มีลูก และต้องการผู้สืบทอดกิจการ กระนั้นพอไปอยู่โคลอมเบียได้ไม่ถึงเดือน เขาก็ย้ายจากมารดาไปอยู่อังกฤษ

ช่วงนั้นมันเป็นช่วงเวลาสับสน เพราะเขานึกไม่ถึงกับการเสียชีวิตของบิดา ซึ่งเกิดขึ้นกะทันหัน กว่าจะตั้งหลักได้ก็ผ่านไปเกือบปี เป็นปีที่เขาไม่ได้ติดต่อจิรัสยา และไม่ได้ติดต่อเรื่อยมาจนถึงบัดนี้

พอนึกมาถึงตรงนี้ สายตาของนิพิฐก็กร้าวกระด้างขึ้นทันตา เขาขบกรามจนเห็นเป็นสันนูน มือที่กำกันแน่นมองเห็นเส้นเอ็นปูดโปน เขาต้องอยู่ในฐานะคนไร้ญาติขาดมิตรมาหลายปี ต้องจำทนทิ้งอดีตทุกอย่างเพราะความจำเป็น แต่ทุกอย่างมันกำลังจะจบลงแล้ว ตอนนี้...นิพิฐไม่มีห่วงอะไรทั้งสิ้น

เขากำลังจะเป็นอิสระ ขอเพียงให้เรื่องราวทุกอย่างนี่ ดำเนินไปเหมือนที่เคยเป็นมา เขาก็จะเป็นไทเสียที!

ชายหนุ่มขยับตัวไปนั่งที่ขอบเตียง ก่อนเปิดผ้าม่านแง้มออก ต้นไม้ใหญ่สีเขียวสด ทิวทัศน์ละไอหมอกจางๆ ทำให้เขาผ่อนคลาย นี่คือแม่ฮ่องสอนในเมืองไทย ผืนแผ่นดินเดียวกันกับคนที่เขารักอาศัยอยู่ รอยยิ้มอ่อนโยนแต้มที่มุมปาก ในใจของนิพิฐขณะนั้นนึกเพียงแต่ว่า

‘พี่กลับมาแล้วจาว...ไม่นานหรอก ไม่นาน...พี่จะกลับไปหาจาว’







บ้านหลังใหญ่แถวชานเมือง ที่มีเนื้อที่ราวๆ สามไร่ติดกับถนนใหญ่ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นมากนัก โดยเฉพาะด้านหน้าตัวบ้าน นอกกำแพงซึ่งเป็นคลองน้ำใสกว้างราวสิบเมตรยาวขนานไปจนสุดแนว ปลูกบัวหลวงไว้ มีทั้งดอกสีขาว สีชมพู มีทั้งกลีบซ้อน และไม่ซ้อน กำลังออกดอกพราว บ้างเห็นฝักบัวสีเขียวทั้งแก่ ทั้งอ่อนแซมอยู่ดูละลานตา

ซึ่งคนในเล็กซัสซีอาร์วีสีดำคันหนึ่ง ที่วิ่งเลียบเข้าข้างทาง ตามแนวรั้วก่ออิฐสีแดง กำลังชะแง้มองอย่างเพลิดเพลิน ในระหว่างที่บีบแตร และจอดรออยู่หน้าประตูเหล็กดัดลายเครือเถา เพื่อให้คนที่อยู่ในบ้านมาเปิดให้

“วันนี้กลับแต่หัววันเชียวครับนาย”

คนพูดตัวสูงค่อนข้างผอมอายุราวสี่สิบต้นๆ สวมเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์สีซีดเก่าๆ มีรอยเปื้อนเป็นดวงๆ ใบหน้ากลมๆ ค่อนข้างมัน มีหยดเหงื่อจับที่ขมับ และเพราะสันจมูกหลบใน เวลายิ้มกว้าง จึงมองดูคล้ายแป๊ะยิ้มไปโดยปริยาย และคงจะเหมือนกว่านี้ ถ้าหากว่าจะไม่มีเส้นผมดกหนา เช่นเดียวกับคิ้วหนา และขนตาที่ดกเสียจนทำให้ ดวงตาเล็กเรียวที่หยีลงจนแทบปิด ดูมีเสน่ห์ขึ้นเป็นเท่าตัว

“อื้อ ไม่มีอะไรมากน่ะ แล้วนี่คิดยังไงมาทำสวน จริงสิมีใครกลับมาแล้วหรือยัง พี่มิตร”

คนในรถที่ลดกระจกลงถาม สวมแว่นตาดำ จึงเห็นเพียงโครงใบหน้ารูปไข่ค่อนข้างเรียว ดูหล่อเหลา‘เหลือร้าย’ เมื่อพินิจรวมกับผมสีน้ำตาลอ่อนตัดสั้นดูยุ่งเหยิง ด้วยเจ้าตัวเองคงไม่ได้สนใจจะจัดแต่งทรง

“พอดีว่างครับ รื้อวิชาเสียหน่อย ยังไม่มีใครกลับเลยครับนาย มีแต่คุณยายวันนี้ท่านอยู่บ้านครับ”

คนขับพยักหน้ารับ บอกขอบใจก่อนจะขับรถจากไป ทิ้งให้นายมิตร คนขับรถประจำตัวให้ผู้เป็นยายของเขาค่อยปิดประตูอันกว้างขวางลงตามหลัง

จากถนนหน้าบ้าน วิ่งมาตามทางลาดซีเมนต์อีกราวร้อยเมตร จึงจะถึงตัวบ้านใหญ่สองชั้น สีครีมตัดกับสีน้ำตาลแก่ โครงบ้านส่วนใหญ่เป็นไม้ หลังคาแหลมสูง อันเป็นบ้านสไตล์ทิวดอร์ สองข้างทางเป็นสนามหญ้าตัดเรียบ เตียนเสียจนเหมือนพรม และเหล่าไม้ใหญ่ที่ยืนต้น แผ่ใบร่มครึ้มจนทำให้สวนดูร่มเย็น

ถนนหน้าบ้านตีวงโค้งกว้าง ด้านขวามือเป็นบ่อเลี้ยงปลา มีฐานปูนก่อขึ้นสูงเป็นน้ำพุอยู่ตรงกลาง ใกล้กันกับสระว่ายน้ำ ส่วนทางด้านซ้ายเป็นโรงจอดรถ

ชายหนุ่มเปิดประตูรถก่อนก้าวออกมา เผยให้เห็นเรือนร่างสูงเพรียวล่ำสัน แข็งแรงสมวัยฉกรรจ์ในชุดสีดำทั้งตัว ที่ผิวขาวของเจ้าตัวขับให้ชุดที่สวมอยู่เด่นขึ้น เชิ้ตแขนยาวที่เขาสวม รวบขึ้นมาไว้ที่ข้อศอกลวกๆ เนคไทถูกรูดลงมาอยู่ตรงกลางอก ในขณะที่สูทสีเดียวกัน พาดไว้บนแขนขวา

“คุณครอสกลับไวจังค่ะ คุณยายท่านอยู่ที่ศาลาในสวนค่ะ จะรับของว่างเลยด้วยมั้ยคะ วันนี้มีปั้นขลิบไส้ปลา กับน้ำมะตูมของป้าเมียด”

โครนอสยิ้มเมื่อได้ฟัง มือใหญ่ข้างที่ว่าง หลังยื่นสูทให้หญิงสาววัยสามสิบปลายๆ ที่สวมเสื้อยืดกับกางเกงผ้าขาสามส่วน ยกขึ้นถอดแว่นตาสีดำ เผยให้เห็นดวงตาเรียวสีน้ำตาลอ่อน ใต้เปลือกตาสองชั้น ซึ่งถูกล้อมด้วยแผงขนตาบางยาว ภายใต้คิ้วเข้มพาดยาว พราวไปด้วยรอยขบขัน และพอรวมกับจมูกโด่งเป็นสัน ก็ดูราวกับเป็นคนต่างชาติ มากกว่าลูกครึ่ง

“พี่มิตรกับพี่ฝน ทำให้ผมหายสงสัยแล้วละ ว่าทำไมคนเป็นคู่กัน ถึงได้เหมือนกัน”

ริมฝีปากรูปกระจับแย้มออกกว้าง คราวนี้ทั้งตาทั้งปากเลยดูเป็นรูปสระอิ ชายหนุ่มโคลงศีรษะน้อยๆ เมื่อน้ำฝน สาวใช้ในบ้านที่อยู่ประจำ และรับหน้าที่ดูแลบัวริน ผู้เป็นยายของเขาค้อนขวับ

“ผมไปหาคุณยายนะครับ ขอชิมน้ำมะตูมของป้าเมียดสักนิด ถ้าพี่ฝนจะกรุณา”

โครนอสขยิบตา พลางยิ้มเจ้าเสน่ห์

“วุ้ยปากหวานจริงคุณครอส ไม่ต้องมาทำตาเล็กตาน้อยใส่นะคะ พี่รักเดียวใจเดียวค่ะ”

ชายหนุ่มหัวเราะขึ้นเบาๆ อย่างพอใจก่อนแยกตัวจากมา เขาเดินช้าๆไปตามทางเดินเล็กๆ ซึ่งปูด้วยอิฐสีแดง กั้นกลางระหว่างสระน้ำที่เลี้ยงปลาหางนกยูงหลากสีกับสระว่ายน้ำ ตรงไปสู่ศาลาเรือนไทยหลังเล็กที่อยู่ห่างออกไปทางด้านข้างตัวบ้าน ใต้ต้นหว้าต้นใหญ่ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยต้นยี่โถและกุหลาบหลากสี

ดอกไม้อีกชนิดที่เขารัก...ใช่ มันคงดูแปลก ถ้าผู้ชายทั้งแท่งอย่างเขาชอบดอกไม้ ทว่า...มันก็เป็นไปแล้ว เพราะดอกไม้ชนิดนี้ มันเกี่ยวกับผู้หญิงในฝันของเขา

ผู้หญิงในฝัน คนที่เขาตั้งชื่อให้ว่า‘กุหลาบ’ ไม้ดอกกลิ่นหอม ที่มีหนามแหลมคม



================================================================>>>>>

วันนี้พายายจาวมาส่งแทนค้า ^O^

คุณพันธ์แตงกวา กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกรอบที่สามนี่แบ่บ เริ่มหวาดๆนะเจ่เจ้ จะจบไหม จะรื้อใหม่อีกหรือไม่ 555+ แหมรอบนี้ตัดตอนใหม่ฮ่ะ เปิดตัวทั้งสามคนซะเบย ทั้งจาว ทั้งครอส ทั้งพีท อิๆ
คุณกาซะลองพลัดถิ่น คุณพี่ขาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา 555+ ถ้าหล่อก็ให้อภัยหมายฟามว่าไงเนี่ยอุๆ ความจริงมีคุณคนอ่านคนหนึ่งช่วยบอก เพราะหนอนยังมึนๆกับเฮียอัค เลยอยากรู้ว่ายายจาวเป็นไง สรุปสองเวอร์แรก จาวนุ่มนิ่มหวานเกิ๊น 555+ แต่ก็คงจะสลัดทิ้งไปไม่ได้ นางมาแนวนี้เบยอ่า ว่าแต่...รอบสามหนอนไม่ค่อยแน่ใจ จะหวานยิ่งๆขึ้นไปอีกหรือเปล่าไม่ยู้ว >/////<
คุณปลายสี ปลายจี้ พี่ซันของเธอน่ะขโมยหัวใจหนอนไปแล้วนะครัช ขอเปลี่ยนใจจากหนุ่มๆในสต๊อกไปแย่งพี่ซันแข่งกะยายทาน(พี่)ตะวันได้ป่าวววววววววววววววว
คุณบุลินทร รอบที่สาม ขอบคุณมากๆ หมี่มี้คุง 555+ เนื้อเรื่องพวกฉากจะเป็นอันเก่านะ เพียงแต่ตัดต่อใหม่(พูดยังกะตัดต่อหนัง) กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ อัลไลลลลลลลลลลลลลลลลลล นี่คือแฟนคลับครอสจังหรือเนี่ย อร๊ายยยยยยยยยย บทนำเอามาปรับใหม่ฮ้าบ เวอร์ชั่นแรกอ่ะ แต่ตัดเพลงใส่เข้าไป ส่วนบทที่ 1 เพิ่มฉากฝันเข้าไปอ่ะ นอกนั้นเหมือนเดิม เพียงแต่สลับฉากเปลี่ยนการดำเนินเรื่องใหม่อ่ะ สองอันเก่าเค้ายังไม่ถูกใจอ่ะเตง

และคุณๆรีดเดอร์นะคะ ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาคุย มากดคะแนนให้ ขอบคุณมากๆๆ

วันนี้ไปแล้วนะคะ เจอกันใหม่ตอนหน้า คืนนี้ัฝันดี ราตรีสวัสดิ์จ้า ^O^



ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 พ.ย. 2557, 17:41:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 พ.ย. 2557, 17:41:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 1506





<< บทที่ 1 บุพกรรม 1/2   บทที่ 2 บุพกรรม ๑ 1.1 >>
พันธุ์แตงกวา 6 พ.ย. 2557, 19:18:58 น.
พู่นน่ะมีซาวแทร็กด้วยเวอร์ชั่นนี้ ม่วนนักเจ้า
อ๋อ คุณพีทเป็นหลานย่าบัวพิซซ่านี่เอง เจ้รับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างในตึกนั้น เจ้จิตสัมผัส
ครอสก็มา ครอสจ๋า....คิดถึงจุงเบย


นักอ่านเหนียวหนึบ 6 พ.ย. 2557, 19:25:47 น.
อ่านจอนนี้แล้วพีทดูร้ายอะ 555 ขอให้เป็นผู้ร้าย มะใช่พระเอก ฮิ้วววววว จาก แม่ยกเฮียครอสสส 555


บุลินทร 6 พ.ย. 2557, 21:09:17 น.
เรียบเรียงใหม่แล้วดูน่าสนใจขึ้นกว่าเดิมเลย บทนำเปิดตัวนางเอก บทหนึ่งพระเอกออกมาบ้าง แต่ชอบอารมณ์แบบบทนำมาก ดราม่ากระจาย แบบอารมณ์จะสูญเสีย รอออๆๆ


แว่นใส 6 พ.ย. 2557, 21:19:04 น.
ใครเป็นพระเอกเนี่ย


Zephyr 9 พ.ย. 2557, 16:55:57 น.
อุช่ะต่ะ เหม่ๆๆๆ พาเหรดกันเปิดตัวนะคะ
เอาอีกสิ เปิดอีก ออกมาอีก เยอะๆเลย จะได้งงกันให้ตึ้บไป
พี่ครอสขา ยังคงน่าร้ากกกกกก 5555 ที่รักชั้นมาละ
อิพี่พีทหลบไป ฮีจะพระเอกไม่พระเอกไม่สนแล่วววว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account