...คาสบลังก้า...ดารัลฟาเดล...(จบแล้วค่ะ)
สืบเนื่องมาจากเรื่อง "อะรูซะตี...เจ้าสาวของผม"
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของลูกสาวสุดหวงของหมอดานีส
กับนาดา โดยเรื่องราวของคุณพ่อเมื่ิอครั้งก่อนนั้น
จะเป็นแนา "แต่งก่อนจีบ"
แต่สำหรับรุ่นลูกแล้ว จะเป็นแนว "จีบก่อนแต่ง"

ต้องมาคอยดูกันค่ะว่า จะจีบกันอย่างไร แล้วคุณหมอดานีส
ที่ต้องมารับบทบาทเป็นพ่อของลูกทั้งเจ็ดจะตกอยู่ในสภาพเช่นไร..
แล้วนาดาจะเป็นแม่แบบไหน...



เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของเมือง
"คาสบลังก้า" หรือ "อัดดารัลบัยฎออ์"
ซึ่งแปลว่า..."บ้านสีขาว"
ดินแดนในฝันดั่งต้องมนต์เสน่หาแห่งโมร็อกโก...
กับดินแดนอันแสนอบอุ่นด้วยไอรักแห่งแดนอาทิตย์อุทัย...

พบกับเขาและเธอ...

...ดารัล...ฟาเดล...

หญิงสาวที่หัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความรักความอบอุ่น
จากครอบครัวอันแสนสุขและน่ารัก...
ชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่เคยต้องการสิ่งใดอีกแล้ว
เพราะเธอพอใจทุกอย่างที่มีมาตลอด

จนเมื่อเจอกับเขา...ที่นั่น "คาสบลังก้า"
เขาทำให้เธอไม่อาจลบลืมมนต์เสน่หาของที่นั่นได้เลย
ไม่ว่าจะยามหลับหรือตื่น...

กับ

ชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยรูปเปลือกที่สวยงามสมบูรณ์
หากภายในใจนั้นยังคงโหยหาไออุ่นแห่งรักจากใครสักคน
มาเติมเต็มหัวใจกำพร้าของเขา...

แล้วเธอคือผู้ที่เขาค้นพบว่ามีทุกอย่างที่เขากำลังต้องการอยู่
ดังนั้น...ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาก็จะปล่อยเธอ
ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!




Tags: หวานซึ้งโรแมนติก ดราม่า โมร็อกโก คาสบลังก้า ทะเลทรายซาฮาร่า ดารัล ฟาเดล โสภณพสุธ

ตอน: บทที่ 14 รักเดียวใจเดียว (100%)



เป็นอีกครั้งที่ฟาเดล เจ้าถิ่นต้องเตรียมการต้อนรับคณะลูกทัวร์จากแดนปลาดิบ
ที่ขนปลาดิบมาด้วยราวกับจะตอกย้ำเขา แถมยังต้อนเขาเสียจนมุม…
มันผ่านด่านมาได้สำเร็จเสมอด้วยการเตรียมการอันแสนฉลาดปราดเปรื่อง
ของเจ้าของเครื่องบินเล็ก ซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของเจ้าพ่อค้ายา
อย่างคุณหมอดานีส แห่งตระกูลโสพณพสุธ

ตระกูลนี้ค้ายามาตลอดเป็นเวลาร่วมร้อยปี
เพราะยาที่ว่าหาใช่ยาเสพติดจึงรอดพ้นอุปสรรคต่างๆมาได้โดยสะดวก…

จึงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักยาที่ผลิตโดยชื่อของบริษัทแห่งนี้…
ฟาเดลจึงมักแอบเรียกพ่อตาในใจเสมอว่า ‘เจ้าพ่อค้ายา’

เพราะลักษณะของคุณหมอดานีสนั้น เวลาอยู่กับเขาหาได้มี
รัศมีสีแสงของคุณหมอแม้แต่น้อย…

ซ้ำเมื่อมาถึงคาสบลังก้าได้ไม่กี่ก้าวก็เริ่มเหยียบเขาเสียจมดินบ้านเกิดทันที

“ที่ขนปลามาให้กินน่ะ ก็เผื่อว่าคนทางนี่จะไม่มีปลาให้กิน
พวกปลาน่ะมีโอเมก้าสูง บำรุงประสาท และสมอง…
เป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย ทำให้ยืดอายุไปได้อีกหลายปี…
ถ้าไม่ตายด้วยอุบัติเหตุหรือด้วยเหตุอุบัติที่คาดไม่ถึงเสียก่อน…”

ฟาเดลถึงกับเสียวสันหลังวาบกับเสียงเย็นเยียบบนใบหน้าเปื้อนย้ิมนั้น
ของคุณหมอดานีส พ่อตาเขาเอง

ก่อนจะอึ้งไปเลยทีเดียวเมื่อเห็นจำนวนปลาที่ถูกขนมาด้วย
ราวกับจะมาเปิดร้านซูชิที่คาสบลังก้า…

และยิ่งอึ้งเมื่อร่วมรับประทานอาหารมื้อถัดมากับคณะจากแดนปลาดิบ…

ชายหนุ่มมองเมนูอาหารบนโต๊ะแล้วกลืนน้ำลายลงคอเฮือกๆ

“วันนี้เมนูปลาค่ะพี่ฟาเดล…”

เสียงใสๆของหะบีบี้ดังขึ้นก่อนใครราวกับรู้ใจเขา
ก่อนจะร่ายชื่อเมนูบนโต๊ะให้เขาฟังด้วยรอยยิ้มหวานเย็น

“สลัดปลาซาวม่อน แซนด์วิชทูน่ามายองเนส ปลาหิมะย่างเกลือ
ต้มยำปลามะกุโระ ปลาซาบะย่างราดซอส และนี่ก็…”

สาวน้อยชี้มายังชามใบใหญ่ที่วางตรงหน้าของตัวเองพร้อมชูตะเกียบในมือขึ้น

“ข้าวราดหน้าปลาไหลอุนากิ…ของโปรดของบีบี้เอง…”

อุนากินั้นเป็นชื่อปลาไหลทะเล และข้าวราดหน้าปลาไหล
ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูดังของแดนปลาดิบ
จนกลายเป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติในเวลาต่อมา

“อ้อ...ยังมีไข่หวานด้วยค่ะ…”หญิงสาวชี้ไปทางเมนูดังกล่าว
ที่หน้าตาแตกต่างกว่าชาวบ้าน…

ฟาเดลยิ้มแหย เมื่อเห็นไข่หวานที่เขาเคยมีโอกาสได้กินเป็นครั้งแรก
ตอนไปเยือนบ้านโสพณพสุธ เพื่อดูตัวว่าที่เจ้าสาวในคราวนั้น

รสชาติของมันคงเป็นที่ถูกปากคนอื่น แต่ไม่ใช่เขาหรอก…
ไข่หวานๆแบบนั้นมันไม่ได้อยู่ในข่ายอาหารจานโปรดของเขาเลยแม้จนนิดเดียว…

ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ต้มยังพอไหว
แต่ไข่หวาน แม้หน้าตาจะดึงดูดแค่ไหน แต่เขารู้รสชาติของมันดี
รสชาติที่ทำให้เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออกมาแล้ว

และยิ่งแหยง…ด้วยรู้ดีว่าคนญี่ปุ่นนิยมกินปลา แต่เขาไม่ใช่
เขาไม่ถนัดกินปลาเอาเสียเลย

และดูเหมือนว่าภรรยาของเขาจะเข้าอกเข้าใจเขาในเรื่องนี้
เธอจึงเอ่ยราวกับปลอบใจว่า

“เป็นเมนูตามใจแขกค่ะพี่ฟาเดล…ทั้งหมดทั้งมวลนี้พ่อน้องรัลบัญชามา
และน้องรัลถูกกันออกจากห้องครัวด้วยค่ะ…
ไม่สามารถเฉียดกรายเข้าไปในนั้นได้เลย…”

ดารัลสารภาพด้วยสีหน้าสลดตั้งแต่เห็นหน้าคุณสามีเหลือสองคืบ
เมื่อนั่งลงมองดูเมนูบนโต๊ะ…

ฟาเดลจึงหันไปทางพ่อตาที่มองมาด้วยแววตาสมใจกึ่งท้าทาย

“ปลาสดๆทั้งนั้น ฉันอุตส่าห์ขนมาจากตลาดปลาซึกิจิเลยเชียวนะ…”

ดานีสเอ่ยราวกับประกาศชัยชนะกลางโต๊ะอาหาร
หลังจากทิ้งระเบิดปรมาณูลงบนโต๊ะอาหารด้วยเมนูปลาพวกนี้สำเร็จแล้ว…

“มันเป็นตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยนะครับพี่ฟาเดล…”นาบีลสำทับ

“พ่อกับผมไปช่วยกันเลือกปลาสดๆที่นั่นเพื่อพี่โดยเฉพาะ…”

ตลาดปลาซิกิจิ (Tsukiji Fish Market) ที่ว่านั้น
เป็นตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซ้ำยังเป็นตลาดค้าส่งปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลกเสียด้วย
ตั้งอยู่ในเมืองโตเกียว มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า
Tokyo Metropolitan Central Wholesale Market
และเปิดบริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1935

“และผมก็เป็นคนปรุงเมนูพวกนี้เองครับพี่…เราทำทุกอย่างเพื่อพี่…อย่างสุดฝีมือ…
พี่ต้องกินให้หมดนะ…ไม่งั้นพวกเราเสียใจแย่…”

จาลัลเชือดนิ่มๆ แม้ปากจะบอกว่า ‘ไม่งั้นพวกเราเสียใจแย่’
ทว่า แววตานั้นสื่อไปอีกทางว่า ‘ไม่งั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เตือน’

ก็แล้วใครจะไปกล้ากับเขา…

ฟาเดลมองข้าวสวยในจานแล้วมองไปยังเมนูปลาบนโต๊ะ
ก่อนจะมองไปยังแขกซึ่งเป็นบุรุษทั้งสาม

นับว่าเป็นการผนึกกำลังกันมาเพื่อเหยียบเขาโดยเฉพาะ…
โชคดีที่ดารุสติดธุระมาด้วยไม่ได้…ไม่งั้นเขาคงจะโดนยิ่งกว่านี้
เพราะรายนั้นดุดันและฉลาดเป็นกรด

…บุรุษแห่งตระกูลโสพณพสุธไม่ธรรมดาเลย…
เพียงแค่ก้าวเข้ามาเหยียบแผ่นดินนี้ไม่กี่ก้าว
พวกเขาก็สามารถยึดครองพื้นที่ของห้องครัวในบ้านเขาไปได้เรียบร้อยแล้ว

“หัดกินปลาไว้บ้างก็ดีนะเจ้าฟาเดล…”

เสียงคุณปู่เหมือนจะปลอบขวัญ แต่เมื่อหันไปมองแววตาของท่านก็ให้สยอง

“เขาว่ากินปลาแล้วจะอายุยืน…
ปู่ยังไม่อยากให้เจ้าเป็นอะไรไปเสียก่อนจะมีหลานให้ปู่…สักสองสามคน…
จริงมั้ยหมอดานีส…”คุณปู่ของเขาหันไปพยักพเยิดกับแขกคนสำคัญ
ราวกับจะไปช่วยเสริมทัพด้วยก็ไม่ปาน

“เกรงว่าหลานท่านจะไม่่มีปัญญาน่ะสิครับ…ผมถึงต้องขนปลา
มาช่วยเสริมสร้างสติปัญญาให้…แต่ดูไปแล้วมันจะไม่ค่อยนำพาสักเท่าไหร่…
เหมือนจะฝืนๆกิน…”ดานีสจ้องตาลูกเขยนิ่งก่อนจะยิ้มเย็นขณะกล่าวว่า

“ดูเหมือนว่า อะไรๆที่ฉันนำมาให้นาย…นายจะไม่ค่อยปลื้มเอาเสียเลย
ถ้ามันฝืนนัก ก็ไม่ต้องแตะให้เสียของ…เดี๋ยวฉันจะเอากลับญี่ปุ่นไปด้วย…”

ฟาเดลดูเหมือนจะงงๆกับสำนวนดังกล่าว
เขาไม่เก่งภาษาไทยมากขนาดจะตีความนัยได้นักหรอก…
แต่เมื่อได้ยินประโยคถัดมาเขาก็เข้าใจในบัดดล…

“โดยเฉพาะสิ่งสำคัญที่ฉันยกให้นายก่อนที่นายจะหอบมาที่นี่ด้วย…
ฉันมาคราวนี้ก็กะจะมาเอาคืน…ไม่อยากเห็นคนฝืนกินปลาที่ถูกผู้ใหญ่ยัดเยียดให้
ทั้งๆที่ไม่ชอบ…”ฟาเดลถึงกับใจหายวาบ หัวใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
มือที่ถือตะเกียบอยู่ถึงกับสั่น ทุกอย่างเหมือนชะงัก อึ้งไปหลายนาที
ก่อนจะถูกเรียกสติด้วยประโยคถัดมา

“ของดีมีประโยชน์ไม่รู้จักกินอย่างนายน่ะ…ฉันไม่ควรเสียเวลาสรรหามาให้เลย…
แม้จะปรุงให้เป็นอาหารรสเลิศด้วยเชฟมือดีมีชื่อเสียงและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนแค่ไหน…
ถ้ามันไม่ถูกปากเสียอย่างก็คงยากจะกลืนกิน…ฉันพูดถูกใช่มั้ยฟาเดล”

เสียงนั้นฟังดูเยียบเย็นและหนักแน่น ทำเอาคนฟังถึงกับหน้าชา
หัวใจราวกับถูกบีบ เขารู้ตัวว่าตอนนี้กำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยง

เขากำลังเล่นของสูง…ดารัลสำคัญสำหรับบุรุษตรงหน้าอย่างที่สุด
มิเช่นนั้น เขาจะไม่ได้ยินประโยคเหล่านี้จากปากคุณหมอที่ขึ้นชื่อว่าใจดี
จิตใจงามเป็นแน่

ฟาเดลจึงวางตะเกียบลงก่อนจะตั้งสติ
แล้วอธิบายสิ่งที่ติดอยู่ในใจของเขาออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น มั่นคง
ปราศจากความหวาดหวั่นใดๆออกไปว่า

“ที่ผมไม่ถนัดกินปลา ไม่ใช่เพราะปลาไม่อร่อยหรือไม่ถูกปากครับ…”

ฟาเดลเอ่ยพลางมองหน้าดารัลที่นั่งก้มหน้านิ่งๆอยู่ข้างๆเขา

“แต่เพราะตอนเด็กๆ ผมกินปลาทีไรก้างก็มักจะติดคอประจำ
ทำอย่างไรก็ไม่หลุด และหลายครั้งที่รู้สึกทรมาน
จะกลืนน้ำลายแต่ละครั้งก็ลำบาก จนต้องวุ่นวายไปหาหมอ
เพื่อให้หมอช่วยเอาก้างออกให้ ผมทั้งเจ็บทั้งอาย
ที่ต้องไปหาหมอเพียงเพราะแค่เรื่องก้างปลาติดคอ
แถมยังเจ็บคออยู่หลายวันเพราะค้างชิ้นโตที่ติดคอ…

ส่วนก้างชิ้นเล็กๆแม้จะไม่ทำให้เจ็บคอเท่าก้างชิ้นโต
แต่ก็ทำให้หงุดหงิดใจไม่น้อย…เพราะจะไปให้หมอเอาออกให้ก็อาย
ให้เอาออกเองมันก็ไม่ยอมหลุด ก็เลยต้องปล่อยๆไป
ทั้งๆที่มันไม่ยอมปล่อยผมจนกว่ามันจะเปื่อยไปเอง…

และผมก็ต้องทนกับมันอยู่หลายวัน…ผมเลยถอดใจ เลิกกินปลาไปเลย
พอไม่กินนานๆเข้า ก็กลายเป็นไม่ชิน ไม่ถนัด แต่ไม่ใช่เพราะไม่ชอบแน่ๆครับ…
เพียงแต่ทุกครั้งที่เห็นปลาก็มักนึกไปถึงก้างปลาทุกที…”

ทุกเสียงบนโต๊ะเงียบกริบ มีเพียงเสียงของชายหนุ่มเท่านั้น

“จนผมถึงกับขยาดทุกครั้งที่เห็นเมนูปลา…ไม่กล้าแตะหรือเอาเข้าปาก
เพราะรู้ว่ามันจะต้องสร้างปัญหาให้แน่ๆ…

สำหรับคนอื่นอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
แต่สำหรับคนที่ก้างติดคอประจำเวลากินปลาอย่างผม มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย…
เรื่องนี้คุณปู่กับคุณย่าทราบดี”

ฟาเดลทวนความจำให้ผู้เป็นปู่กับย่า ทำให้ทั้งสองหันไปพยักหน้าให้กับดานีส
และเป็นคุณย่าของเขาเองท่ีช่วยสำทับให้

“เป็นเช่นนั้นจริงๆคุณหมอ…รายนี้เขาเข็ดขยาดกับการกินปลา
มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว…ถ้าเห็นเขากิน นั่นแสดงว่าเขาพยายามต่อสู้กับมัน
อย่างหนักเลยทีเดียว…”

ดารัลที่ได้รับรู้ความจริงข้อนี้ถึงกับมองปลาซาบะในจานของคนข้างๆทันที…

“งั้นต่อไป…น้องรัลจะช่วยพี่ฟาเดลแกะก้างให้นะคะ…
ก้างจะได้ไม่ติดคอไง…พี่ฟาเดลจะได้กินเนื้อปลาอร่อยๆ
แถมมีประโยชน์อย่่างที่พ่อบอกด้วย…พ่อน้องรัลน่ะรักพี่ฟาเดลนะ
เพราะถ้าไม่รักก็คงไม่หยิบยื่นสิ่งดีๆให้หรอก…ใช่มั้ยคะพ่อ”

ไม่พูดเปล่า ดารัลหันไปคีบปลาในจานฟาเดลแล้วเขี่ยดูก้างให้
เป็นการพิสูจน์ว่าเธอเต็มใจจะดูแลเขา…

ทำเอาดานีสและคนอื่นๆถึงกับอมยิ้มให้กับภาพนั้น
โดยเฉพาะฟาเดลถึงกับก้มมองท่าทางเหมือนแม่ที่กำลังแงะก้างออกจากปลา
ให้ลูกน้อย…

แต่ก็อดไม่ได้ที่จะประทับใจกับความน่ารักของเธอ

“ขอบคุณครับ…”

น้ำเสียงอ่อนโยนและอ่อนหวานนั้นทำให้คนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาควานหาก้าง
เพื่อแยกออกจากเนื้อปลาอยู่เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มหวานให้…

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ…ต่อไปน้องรัลจะสอนพี่ฟาเดลกินปลาไม่ให้ก้างติดคอเอง…
รับรองว่าพี่จะต้องชอบการกินปลาเป็นชีวิตจิตใจเหมือนที่พวกเราชอบ…
ใช่มั้ยจาลัล…”ดารัลหันไปพยักพเยิดกับน้องชายที่ปรุงรสอาหาร
ซึ่งเป็นเมนูปลามาอย่างดีอย่างสุดฝีมือ

แม้จะรู้ว่าสามีของเธอถูกหนุ่มๆแกล้ง แต่เธอก็รู้ดีว่าหนุ่มๆที่ว่าน่ะ
แกล้งเพราะรักและปรารถนาดี…ไม่ใช่เพียงแค่ความสนุกสนานบันเทิงเริงใจเท่านั้น…

หากก็ต้องการสอนแกมขู่สามีของเธอเท่านั้น…
เธอรู้ รู้จักพ่อและน้องชายทั้งสองดี…

“งั้นระหว่างอยู่ที่นี่ ผมก็จะทำเมนูปลาให้กินกันละ…”

จาลัลตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มระคนหัวเราะในลำคอ
ราวกับสมใจในสิ่งที่ปรารถนา

“พี่เขยของผมจะได้กินปลาเป็นไวๆ…”นาบีลจึงหันมาสมทบกับจาลัลด้วยอีกว่า

“รับรองว่างานนี้พี่ฟาเดลได้รับโอเมก้าจากปลาไปเต็มๆ…สมใจพ่อเรา”

“ปลาเยอะขนาดนั้น พี่ว่าเปิดร้านซูชิได้สบายๆเลยนะ…
นายน่าจะหันมาทำกิจการร้านซูชิเสียที่นี่…
รณรงค์ให้คนที่นี่หันมากินปลากันเยอะๆ…รับรองว่ารุ่งแน่”

ฟาเดลเลยแหย่อีกฝ่ายกลับทันทีพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ…

“เป็นความคิดที่ดีนะ…แต่ก็ไม่อยากอยู่เป็นก้างใครแถวนี้…
เห็นใจหรอกว่าจะทรมานเพราะก้างติดคอ…
อุตส่าห์หาหนทางคาบปลาคาร์ฟที่พ่อทั้งรักทั้งหวง
ทั้งทนุถนอมเลี้ยงมาอย่างดีหนีมากินเสียไกลถึงที่นี่…

ผมก็ไม่อยากตามมาเอาคืนเหมือนพ่อหรอก…
เพราะดูท่าปลาคาร์ฟจะไม่ยอมกลับบ่อเดิมง่่ายๆเสียแล้ว…หรือพ่อว่าไงครับ”

จาลัลได้ทีแหย่ทั้งพ่ีเขยและพี่สาว
ก่อนจะพาลไปถึงบิดาด้วยสีหน้าเบิกบาน…

“พี่ไม่ใช่แมว…”ฟาเดลร้องค้าน

“แต่ก็มีนิสัยบางอย่างเหมือนแมว…”จาลัลไม่ยอมลงให้พี่เขยง่ายๆ…

ในเมื่อกะจะมาเหยียบแล้ว ก็จะเหยียบให้แบนจมดินไปเลย…

“ไม่เป็นไรหรอกจาลัล…เราก็รู้นี่ว่าพี่ชอบแมว…”

ดารัลแทรกอย่างมีชั้นเชิง…
เรื่องรู้ทันทางพี่น้องด้วยกันน่ะ ไม่มีใครเกินเธอหรอก…

“ผมรู้ พ่อก็รู้ แม่ก็รู้ ใครๆเขาก็รู้
รู้กันตั้งแต่พี่ยอมกลับคำสาบานมาอยู่ที่นี่แล้วล่ะ
แล้วยิ่งแน่ใจก็ตอนที่เห็นพี่คอยแงะก้างปลานั่นออกเพ่ือเอาใจแมวแถวนี้
ให้กินปลาของพ่อได้อย่างสบายใจและโล่งคอไง…”

จาลัลไม่วายแหย่พี่สาวอย่างนึกสนุก โดยไม่ลืมเน้นหนัก
ตรงคำว่า ‘ปลาของพ่อ’ และคำว่า ‘โล่งคอ’

ทำเอาคนบนโต๊ะที่เหลือถึงกับกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้
ยามที่เห็นใบหน้าสีแดงจัดของดารัล
ไม่แน่ใจว่าเพราะสะเทิ้นอายหรือเพราะกำลังเดือดปุดๆที่โดนเจ้าน้องชายแหย่เอา…

ส่วนฟาเดลนั่งอมยิ้มด้วยความสุขใจที่เห็นคนข้างๆออกโรงปกป้องเขาเต็มที่
ทุกการกระทำทุกคำพูดล้วนสื่อให้รู้ว่าเธอพร้อมจะเคียงข้างเขา
และเธอห่วงใยเขาแค่ไหน…

“ว่าแต่จะไม่ลองไข่หวานดูบ้างเหรอ…สีสันน่าทาน เนื้อนุ่มนิ่ม คล่องคอนะ”

เสียงนั้นดังมาจากดานีสที่เคยสังเกตลูกเขยท่าทางผะอืดผะอม
ตอนโดนคะยั้นคะยอให้กินไข่หวานเมื่อคราวไปเยือนบ้านของเขาเป็นครั้งแรก…

“ไม่ดีกว่าครับ…อันนี้ผมไม่กินเพราะไม่ถูกปากจริงๆ…”

ฟาเดลส่ายหน้าปฏิเสธพัลวันด้วยสีหน้าผะอืดผะอม
ทำให้ทุกคนถึงกับหัวเราะออกมาหลังจากพยายามกลั้นมาหลายรอบแล้ว…

“พี่ฟาเดลไม่ชอบเมนูไข่จริงๆค่ะพ่อ…พ่อน่ะแกล้งไม่เลิกจริงๆ…”

ดารัลค้อนบิดาที่ตั้งหน้าตั้งตาแกล้งสามีของเธอไม่ยอมเลิกราง่ายๆ

“อย่างนี้เลี้ยงยากนะ โน่นก็กินไม่ถนัด นี่ก็ไม่ชอบ…
พ่อว่าเราจะพลอยลำบากไปด้วยนะน้องรัล…”

ดานีสหันมาแหย่ลูกสาวต่อในขณะที่ยื่นมือไปตักไข่หวาน
ก่อนจะส่งเข้าปากเคี้ยวด้วยสีหน้าสุขสำราญ

“น้องรัลเต็มใจลำบากค่ะ…ที่สำคัญพี่ฟาเดลกำลังเอาต้นแคมาปลูก
ที่สวนแล้วด้วยค่ะ…ต่อไปน้องรัลก็จะได้กินแกงส้มดอกแคของชอบแล้ว
พ่อกับแม่เองก็ชอบ พี่ฟาเดลก็ชอบ…”

“ครับ…ผมเอามันมาลงได้สักพักแล้ว มันปลูกไม่ยากกว่าที่คิด…”
ฟาเดลเสริมพร้อมรอยยิ้มละมุน ก่อนจะหันมายิ้มให้คนนั่งข้างๆ
ที่ดูจะเอาอกเอาใจเขาและออกโรงปกป้องเขาเป็นพิเศษ

“ปลูกต้นมันได้ ก็ใช่ว่ามันจะยอมออกดอกให้กินหรอกนะ…”

ดานีสเลิกคิ้วราวกับจะส่งคำท้ารบ…

“คงต้องเสี่ยงดูครับ…ถ้ามันไม่ยอมออกดอกจริงๆ…ผมจะลองหาวิธีอื่นๆดู…”
ฟาเดลไม่ยอมถอย…

“ของบางอย่างน่ะเหมือนจะดูแลง่ายนะ แต่ถ้าเอาใจไม่ถูกที่ไม่ถูกใจล่ะก็
มันก็อาจเหี่ยวเฉาตายได้…บางครั้งกว่าจะรู้ว่ามันชอบอะไร
หรือต้องการอะไรกันแน่ ก็สายเกินไป…”

ดานีสเอ่ยราวกับจะเตือนอยู่ในทีและฟาเดลก็สามารถรับรู้สารดังกล่าวได้ไม่ยาก…
เพราะผู้หญิงข้างๆกายเขานั้นมิใช่อะไรที่ง่ายต่อการเข้าถึงเลย…
มิเช่นนั้นเขาก็คงครอบครองเธอได้ทั้งกายและใจไปนานแล้ว…

“แต่เอาเถอะ…ฉันจะลองเชื่อมือนายดู…ว่าจะมีปัญญา
ทำให้ฉันกับน้ำค้างได้อุ้มหลานเมื่อไหร่…”

“พ่อน่ะ…”ดารัลหันมาค้อนบิดาแล้วก้มหน้างุดทันทีด้วยความเขินอาย

“ก็เห็นแต่งพร้อมกัน…แต่พี่ชายเราน่ะเขากำลังจะมีหลานให้พ่อแล้วนะ…”

“ปู่กับย่าก็อยากอุ้มเหลนแล้วนะฟาเดล…”

ฝั่งฟาเดลที่นั่งเงียบฟังคนอื่นรุมเหยียบหลานตนเองมานานแล้วก็เอ่ยปากขึ้นบ้าง
ฟาเดลเลยหันไปทางดารัลราวกับจะปรึกษา…

“เอ้อ…ผมว่าค่อยเป็นค่อยไปดีกว่าครับ…”

“ด้วยการให้เมียเราหัดเลี้ยงแมวไปพลางๆน่ะเหรอ…
วันก่อนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะแมวที่เลี้ยงมา
เกิดกระโดดน้ำฆ่าตัวตายไปทั้งสองตัว…เห็นแล้วย่าเองก็รับไม่ได้...
นี่คงจะเหงาใช่มั้ยลูก…”คุณย่าของฟาเดลหันมาปลอบดารัล

“ถ้ามีลูกเสีย ก็คงจะไม่เหงาล่ะ…ไอ้จะให้ไปทำงานนอกบ้านน่ะ
ย่าไม่สนับสนุนหรอกนะ…สวยๆแบบหนูรัลน่ะ…ย่าไม่ไว้ใจ
พวกหนุ่มๆที่บริษัทนักหรอก ไหนจะพวกลูกทัวร์อะไรอีก…
หรือเราอยากให้เมียเราไปทำงานที่บริษัทให้คนอื่นจิกมอง…”
ฟาเดลส่ายหน้า

“ไม่เคยครับคุณย่า เพราะน้องรัลรั้งตำแหน่งรองประธานทำงาน
อยู่ที่บ้านแล้วครับ…แค่นี้ก็ช่วยผมได้มากพอจนไม่ต้องออกไปรบกับงานข้างนอกแล้ว…”

“งั้นก็หางานให้เมียเราเพิ่มอีกสักนิดจะเป็นไรไป…”

“งานอะไรคะคุณย่า…”ดารัลถามด้วยแววตาใสซื่อ
ทำเอาคนอื่นๆพากันหัวเราะคิก โดยเฉพาะอะมานีที่อดปากไม่ไหว
ต้องเฉลยแทนเพื่อนรักไปว่า

“ก็งานเลี้ยงลูกคนแทนเลี้ยงลูกแมวน่ะสิน้องรัล…”เท่านั้นแหล่ะ
แก้มขาวๆก็แดงขึ้นทันทีโดยไม่ต้องปัดแก้ม…

“แล้วจะติดใจ จนคนเดียวก็ไม่พอ ต้องขอเพิ่มอีกเหมือนแม่เราไง…
เลี้ยงไปเลี้ยงมา เพลินจนนับรอบสุดท้ายได้เจ็ดคน…
กว่าจะรู้ตัวว่ามีลูกเต็มบ้านก็ตอนที่ย่าทักนั่นล่ะ…”

คราวนี้เป็นทีของนาดาบ้างที่จะต้องหลบหน้าผู้คนบนโต๊ะอาหาร
ด้วยความเขินอาย ทำเอาดานีสที่นั่งอยู่ใกล้ๆถึงกับหัวเราะในลำคอ…
เสียงหัวเราะที่คนเป็นภรรยาถึงกับรู้สึกหมั่นไส้เหลือกำลัง…

“ส่วนพ่อเราน่ะรึ ไม่คิดจะทักหรอก ถ้าให้ได้ถึงสิบคนก็คงยินดี…
แถมจะหน้าบานล่ะไม่ว่า…”

“แม่ผมช่างรู้ใจลูกชายจริงๆ…”ดานีสหันไปยิ้มหวานให้มารดา

“แล้วจะรู้ว่าเลี้ยงหลานน่ะมันยิ่งกว่าเลี้ยงลูก…”อะมานีขัดด้วยน้ำเสียง
ที่ดูก็รู้ว่าคนพูดนั้นมีความสุขใจแค่ไหน

“ผมก็เลยลุ้นๆอยู่ไงครับ…แต่คงจะตื่นเต้นไม่เท่าคนที่อยากจะเลี้ยงเหลน…”
อะมานีค้อนลูกชายแล้วหัวเราะอย่างเปิดเผย

“โดยเฉพาะลูกของบีบี้ใช่มั้ยคะคุณย่า…”

เสียงใสๆแทรกขึ้นสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนอื่นๆได้ไม่น้อยเลย…
โดยเฉพาะอะมานีที่ไม่ค่อยแน่ใจเอาเสียเลยว่า
จะอยู่รอได้ดูลูกของแม่หลานสาวตัวน้อย
ซึ่งเป็นหลานสาวคนเล็กสุดที่เอ่ยทักขึ้นมาได้รึเปล่า

“ถ้าไม่นานจนเกินไป ย่าก็พอจะรอไหวอยู่หรอกนะ…”

“ผมว่าคุณย่าจะรอเก้อซะล่ะมากกว่าครับ…”นาบีลได้ทีแหย่น้องสาว

ก็เขากินข้าวอร่อยอยู่ดีๆ ฟังคนอื่นพูดกันเพลินๆ
อยู่ๆยัยลูกปาดของพี่รัลก็โพล่งขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ทำเอาแทบสำลักปลาซาบะ น้ำหูน้ำตาพาลจะไหลลงมารวมกันที่ปาก…

“อย่างบีบี้น่ะชายใดได้ไป ผมว่านอนฝันร้ายไปหลายคืน…”

“ทำไมพี่นาบีลมาว่าเค้า…เค้าไปทำร้ายจิตใจตัวเมื่อไหร่…
ถึงได้จ้องทำร้ายจิตใจเค้าขนาดนี้…”

“เพราะตัวเกือบทำเค้าสำลักปลาซาบะน่ะสิ…พูดมาได้ว่า
จะมีเหลนให้คุณย่า…ข้ามหน้าพี่ไปก่อนเถอะ…”

“หน้าอย่างพี่จะมีเหลนให้คุณย่าได้หรือ…
เค้าไม่ข้ามหน้าตัวให้เสียเวลาหรอก…
เพราะเค้าจะกระโดดขี่คอหลานเขยคุณย่าทันที
ที่เขาขี่ม้ามารอรับเลยเชียวล่ะ…”หะบีบี้ลอยหน้าลอยตาพูด
ด้วยท่าทียียวนกวนประสาทอีกฝ่าย

“พูดไม่อาย เป็นสาวเป็นนางแท้ๆ…”
นาบีลไม่วายกัดแกมหยิกน้องสาวเล่นอย่างปกติที่เคยทำ
ทำเอาคนฟังอึกหลายคนถึงกับส่ายหน้าไหวๆ

“สมัยนี้ใครเขาขี่ม้ากันเล่า…มันโบราณไปแล้ว…
ถ้าเป็นเจ้าชายขี่อูฐล่ะก็ว่าไปอย่าง...อันนี้คุณย่าคงช่วยสงเคราะห์ให้ได้
เพราะรู้จักเจ้าชายแถบอาหรับอยู่หลายคน

หรือไม่ก็นั่งขี่ช้้างชมจันทร์ในเมืองไทยอะไรทำนองนั้น...
อยากได้ควานช้างมาเป็นหลานเขยคุณย่าก็บอกพี่มาเถอะ...
พี่จะได้เดินทางไปเมืองไทย จะพยายามสรรหามาให้ได้เชียวน้องยาของพี่...
เอาแบบพระเอกหนังเรื่องต้มยำกุ้ง ผู้พิทักษ์ช้างไทยเลยเป็นไง...

แต่ไอ้อัศวินขี่ม้าขาวนี่ มันมีแต่ในตำนาน...พี่คงลำบากหากต้องนั่ง
ยานอวกาศฝ่าหลุมดำข้ามมิติไปงมหาหลานเขยให้คุณย่าที่เราดันสนใจอยู่ได้...
พี่ก็เลยอยากจะเตือนคุณย่าถ้าจะต้องรอลูกของตัวน่ะว่า...อาจจะต้องรอเก้อไงล่ะ...”

“ก็ไม่แน่หรอก…เห็นแล้วพี่นาบีลอาจจะอิจฉาอัศวินขี่ม้าขาวในใจบีบี้ก็ได้”

“จะรอดูหน้ามัน…ไอ้เจ้าของม้าตัวนั้นน่ะ…
ว่ามันจะทำหน้ายังไงตอนโดนลูกปาดกระโดดเกาะหลังน่ะ…”

นาบีลหัวเราะอย่างสนุกที่ได้แหย่ให้น้องสาวที่พูดเป็นต่อยหอย
อ้าปากพะง้าบๆเพราะสู้ไม่ไหว

“พอๆๆเลยทั้งสองคน…พักเรื่องเหลนของย่าเอาไว้ก่อนก็ได้…
ย่าไม่ได้เร่งเราสองคนนะ…เอาเถอะ…ย่าจะพยายามอยู่รอ
ดูลูกของเรานะบีบี้…หากพระเจ้าประสงค์”

อะมานีขัดตาทัพด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะทันที
ที่เห็นรำไรว่าสงครามจะลุกลามไปถึงดินแดนในฝันที่หลานสาวตัวน้อยของเธอ
เคยเล่าให้ฟังประจำ

…ไอ้ผู้ชายขี่ม้าสีขาวอะไรนั่นอีก…

สงสัยหลานสาวคนเล็กของเธอจะฝันอะไรเพ้อเจ้อ
หรือไม่ก็อาจเพราะเธอกดดันให้หลานสาวศึกษาวิชาประวัติศาสตร์
และภาษาอาหรับโบราณมากเกินไป
เลยเผลอจินตนาการโน่นนี่จนเก็บเอาไปฝันเป็นเรื่องเป็นราว

แม้ตอนนี้หลานสาวคนเล็กจะอายุแค่สิบหกสิบเจ็ด
และเวลาที่ว่าก็คงจะอีกนาน อาจจะอีกสิบปีด้วยซ้ำไปถึงจะแต่งงานออกเรือน

ถึงตอนนั้น เธอก็ไม่แน่ใจว่าจะยังมีชีวิตอยู่อีกรึเปล่า
แต่แค่ได้เห็นลูกหลานมีความสุข ประสบความสำเร็จ แค่นี้ก็ดีที่สุดแล้ว…

แม้ลึกๆจะสังหรณ์แปลกๆเกี่ยวกับหลานสาวคนเล็กทุกครั้งที่หลานสาว
เล่าความฝันถึงดินแดนแปลกๆนั้นกับผู้ชายที่ขี่ม้าขาวให้ฟังก็ตาม…

และนั่นทำให้เธอได้รู้สาเหตุว่าทำไมหลานสาวของเธอจึงไม่เคยเอ่ยถึงชายใด
หรือหนุ่มคนไหนให้ฟังเลย นอกจากหนุ่มในฝันคนนั้น…
ทั้งๆที่บอกว่าไม่เคยได้เห็นหน้า แต่ก็ดูจะมีแววตื่นเต้นตลอด
จนต้องวิ่งมาเคาะห้องเธอเพื่อเล่าเรื่องราวในฝันให้ฟังประจำ…

‘บีบี้ไม่รู้ค่ะคุณย่าว่าว่าที่หลานเขยของคุณย่าจะหล่อรึเปล่า
เพราะเขาไม่เคยเปิดเผยใบหน้าให้บีบี้ดู…แต่เขาเท่มากๆค่ะคุณย่า
บีบี้รู้สึกได้ว่าเขาทั้งเท่และดูอบอุ่นมากๆ…ดูแข็งแกร่ง
เขาปกป้องบีบี้และคอยดูแลบีบี้ค่ะคุณย่า…

ที่นั่นมีแต่ผู้ชาย แต่เขาคือผู้ชายคนเดียวที่กล้าเข้าใกล้บีบี้…
คนอื่นไม่กล้าเลย ไม่กล้าแม้แต่จะมองบีบี้ด้วยซ้ำ…เขาคือผู้กล้าค่ะคุณย่า…

เขาบอกว่า…บีบี้คือชายาของเขา…

ดังนั้น บีบี้จะรอเขา จะไม่รักใคร…จะไม่ตอบรับหนุ่มคนไหนค่ะคุณย่า
และจะไม่แต่งงานกับใครจนกว่าจะแน่ใจว่าเขาไม่มีตัวตนจริงๆ…’

และนั่นก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หะบีบี้ หลานสาวคนเล็กของเธอ
หันมาสนใจเอาเป็นเอาตายกับการเรียนภาษาอาหรับโบราณ…
และศึกษาคัมภีร์อัลกุรอ่านอย่างจริงๆจังๆ รวมทั้งประวัติศาสตร์ต่างๆ
อีกมากมายด้วยความมุมานะโดยให้เหตุผลว่า

‘บีบี้เห็นคนในฝันเขาพูดกันแต่ภาษาอาหรับโบราณค่ะ…
แล้วสภาพวิถีชีวิตก็คล้ายๆกับที่ถูกกล่าวไว้ในประวัติศาสตร์
ที่บีบี้เรียนและอ่านมาด้วยค่ะ…เลยซ้อมไว้…เผื่อฝันจะกลายเป็นจริงขึ้นมา’

อะมานีเลยเร่ิมสนใจความฝันของหลานสาวตัวน้อยมากขึ้นเรื่อยๆ
สอบถามบ่อยครั้งว่าฝันถึงอีกรึเปล่า…

จนพักหลังๆเห็นจะเงียบหายไป จนคิดว่าหลานสาวจะลืมไอ้หนุ่มขี่ม้าขาวนั่นไปได้แล้ว
เลยเลิกฝันถึง

แต่ที่ไหนได้ เมื่อกี้นี้ยังเอามาพูดถึงอยู่…แสดงว่ายังไม่ลืมจริงๆ

และเรื่องดังกล่าวก็มิใช่เรื่องความลับอะไรเสียด้วย
เพราะทุุกคนในครอบครัวจะรับรู้จากปากของหลานสาวคนเล็กกันถ้วนหน้า
เนื่องจากหะบีบี้เป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมา และซื่อสัตย์ทั้งต่อคนอื่น
และต่อความรู้สึกของตัวเอง…

ทว่า เรื่องที่หลานสาวคนนี้เล่าให้ฟังนั้น ทุกคนที่ได้รับฟังต่างลงมติกันว่า
มันเป็นแค่ความฝัน และดินแดนนั่นก็เป็นแค่เพียง ดินแดนในฝันเท่านั้น
ไม่มีทางจะมีอยู่จริงในโลกปัจจุบันนี้ได้แน่...



...โปรดติดตามตอนต่อไป.......



เอาอีก 50% มาให้กันค่ะ...เรียกน้ำย่อยไปกับเมนูปลา อิอิอิ


ยกหน้ามีดูอิทธิฤทธิ์จากคณะทัวร์แดนปลาดิบกันต่อนะคะ...

ส่วนยกนี้ต้องยกความดีให้ลูกปาดที่ทำให้พี่สาวและพี่เขย
ขายผ้าเอาหน้ารอดไปได้...ฮ่าๆๆ




...ขอคุยกับนักอ่านนิดนึงค่ะ...

1.คุณคิมหันตุ์...เอาที่เหลือมาให้จ้าาาา...คุณหมอดานีสเดินทางมา
พร้อมปลาสดๆกันเลยทีเดียว แต่เรื่องราวกับแสบของพ่อตายังไม่หมดเพียงเท่านี้
หรอกค่ะ...ต้องมาดูกันต่อ...ส่วนเรื่องคดีน้องแมว ต้องรอผู้เชี่ยวชาญค่ะ

2.คุณChii...ว้าวๆ ได้เห็นชื่อคุณChii อีกรอบ ดีใจค่ะ...
นึกว่าจะเลิกตามอ่านกันซะแล้ว...ขอบคุณมากๆนะคะที่เข้ามาส่งกำลังใจให้กัน

3.คุณตุ๊งแช่...ยกนี้ดารัลไม่ใช่แค่ใจกล้านะคะ แต่ยังกางปีกปกป้องคุณสามี
เสียจนคนอื่นเขารู้กันหมดถ้วนหน้าแล้วว่าไอ้ที่ผ่านๆมานั้นน่ะ...
แค่กลบเกลื่อนว่าไม่อยากแต่งงานกับฟาเดลเท่านั้น...

4.คุณแว่นใส...คนๆนั้นกำลังจะมาช่วยน้องแมวของเราแล้วค่ะ
เพียงแต่ว่า คณะทัวร์มาทำป่วนเสียก่อน...อิอิ

5.น้องเจื้อยแจ้ว...ยกนี้ก็หวานๆมันๆนะจ๊ะ...อิทธิฤทธิ์คุณหมอในยกนี้
ถือว่ายังเบาะๆ ฮ่าๆ เจอก้างปลาไป ฟาเดลก็เกือบไม่รอดแล้ว
ถ้าเจออะไรที่หินกว่านี้ ไม่รู้จะร่อแร่รึป่าว...ฮ่าๆ...
ต้องรอดูกันต่อไปจ้าาาาาาา...


สุดท้ายไม่ท้ายสุด...หายไปหลายวันกับเรื่องนี้ ยังไงต้องขออภัยนักอ่าน
ที่กำลังติดตามกันทุกคนด้วยนะคะ และก็ขอขอบคุณทุกๆท่าน ทุกๆกำลังใจ
ทุกๆไลค์จ้าาาาา...


...รักษาสุขภาพนะคะ...

"เต่าโย"










yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 พ.ย. 2557, 17:35:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 พ.ย. 2557, 17:35:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 3440





<< บทที่ 14 รักเดียวใจเดียว 50%   บทที่ 15 ร้ายเดียงสา >>
แว่นใส 8 พ.ย. 2557, 20:24:02 น.
หะบีบี้ ลูกปาดน้อย จะได้เจอชายในฝันเมื่อไหร่นะ


Chii 8 พ.ย. 2557, 21:47:46 น.
ตามอ่านอยู่ค่ะ กดไลค์ไว้บ้าง แต่บางทีก็ไม่ทันเม้นท์หรอกค่ะ

เพราะงั่น... รออยู่นะคะะะะ

//กดดันนนน 55


คิมหันตุ์ 9 พ.ย. 2557, 01:15:20 น.
ใจร้ายนะคะเนี่ยหมอดานีสแกล้งลูกเขยที่รักได้ลงคอ


ตุ๊งแช่ 10 พ.ย. 2557, 08:52:19 น.
โห ยกพวกถึงถิ่นเขา ยังยึดพื้นที่ได้อีกตะหาก สุดยอดคุณพ่อจอมหวง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account