ซีรี่ส์บุปผาสันนิวาส <กรรณิการ์มนตรารัก>
รักร้ายในความคิดทำให้เธอวิ่งหนี แต่รักแท้จากเขากลับตามติด ทว่ามันมาพร้อมกับกลมนตรา ที่เขาต้องช่วยเธอสะสาง
Tags: ซีรี่ส์บุปผาสันนิวาส กรรณิการ์ ทานตะวัน จิรัสยา

ตอน: บทที่ 3 : ซินเดอร์เรลลา

จะมัวกังวลกันไปทำไม ปล่อยใจลอยไปให้สุขสบาย ลืมความวุ่นวาย... อยู่กับแร้งอยู่กับกา
อยู่คนเดียวให้มันสบาย ไม่รู้ไม่ชี้ ไม่คิดไม่แคร์อะไร มาคล้องแขนโยกย้าย กระโดดออกมา ออกมาเต้นรำ

ไฟแสงสีส่องวูบวาบอยู่บนเวที นักดนตรีบรรเลงเพลงด้วยท่วงทำนองเร้าใจ นักร้องนำออกมาโยกย้ายหน้าเวทีอย่างสนุกสนาน แต่ที่ฟลอร์หน้าเวทีตรงนั้น เห็นจะไม่มีใครออกลวดลายสุดเหวี่ยงได้เกินไปกว่า ‘คู่ห่วยแห่งปี’

ธีร์เทพผูกผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่รอบหน้าผาก ส่วนกรรณิการ์ถอดรองเท้าทิ้งไว้ตรงเคาน์เตอร์ กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกด้วยท่วงท่าหลุดโลก ท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้คนซึ่งยืนล้อมรอบอยู่

ชายหนุ่มจับมือสองข้างของหญิงสาว พาเธอหมุนวนรอบตัวอย่างสนุกสนาน การได้สัมผัสถึงอิสรภาพ ทำให้ทั้งสองคนส่งเสียงหัวเราะร่าขึ้นอย่างมีความสุข

ทว่าไม่ทันไรกรรณิการ์ก็เสียหลักเซถลา เขารีบดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดเพื่อประคองเอาไว้ ร่างนุ่มอยู่ภายใต้วงแขนแข็งแกร่งอย่างแนบสนิท ใบหน้าอยู่ใกล้ชิดจนรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นของอีกฝ่าย ดวงตาสองคู่สบประสานนิ่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง ก่อนชายหนุ่มจะสัมผัสถึงน้ำหนักตัวของหญิงสาวที่ค่อยๆทิ้งลงมา อันแสดงว่าสติสัมปชัญญะกำลังเหลือน้อยลงไปทุกที เขาจึงเอ่ยเสียงนุ่ม

“ไปพักก่อนเถอะ เดี๋ยวผมพาไป”

ธีร์เทพโอบประคองกึ่งบังคับพาหญิงสาวกลับไปนั่งตรงบาร์ แล้วก็เป็นดังคาด กรรณิการ์ฟุบลงกับโต๊ะอย่างหมดสภาพทันที

“คุณ...” ชายหนุ่มสะกิดแขน แล้วจับแก้มสองข้างให้หันมาหา เห็นดวงตาคู่สวยกำลังหรี่ปรือ “คุณจะกลับยังไง กลับบ้านคนเดียวแบบนี้ไม่ได้นะ”

“ช้าน...โทร.บอก” หญิงสาวสะอึกคั่นจังหวะ “ลูกพี่ลูกน้องให้มารับตั้งแต่หัวค่ำแล้ว”

“แล้วทำไมเขายังไม่มา”

“เขากำลังมา”

“แน่นะ”

“แน่สิ ญาติฉัน ไม่ทิ้งฉันหรอก แต่บ้านเราอยู่ไกล เขาเลยยังมาไม่ถึง”

“ก็แล้วไป” ชายหนุ่มทอดถอนใจ แล้วตัดพ้อ “ทีหน้าทีหลัง อย่ามาเที่ยวคนเดียวแบบนี้อีกนะ”

“เมาเปล่าคุณ ที่คุยกันไปเมื่อหัวค่ำ ฉันนึกว่าคุณเข้าใจแล้วนะ ฉัน...ไม่...ได้...มา...เที่ยว! ถ้าเมาก็กลับบ้านไปนอนก่อนไป”

“รู้แล้วน่าว่ามาประชดชีวิต แล้วจะให้ผมกลับได้ยังไง ในเมื่อคุณเป็นแบบนี้” ชายหนุ่มอ่อนเสียงลง “ที่สำคัญ...ผมมีบ้านให้กับที่ไหนกันเล่า”

กรรณิการ์เงยขึ้นมองสีหน้าสลดของชายหนุ่มด้วยความเห็นใจ “ฉันขอโทษ...”

“ไม่เป็นไรหรอก” ธีร์เทพพยักหน้าอย่างไม่ถือสา พลันหญิงสาวยกมือขึ้นปิดปาก ทำท่าพะอืดพะอม “เป็นอะไร จะอ้วกเหรอ”

กรรณิการ์พยักหน้าหงึกๆ ธีร์เทพหันมองซ้ายขวา ถ้าจะคว้าตัวหญิงสาวไปห้องน้ำตอนนี้เห็นทีว่าคงจะไม่ทันการณ์ เขาจึงหยิบถังขยะบนพื้นขึ้นมารองเอาไว้ให้

หมดไส้หมดพุง เพราะวันนี้ตั้งแต่เช้าหญิงสาวยังไม่มีข้าวตกถึงท้องสักเม็ด นอกจากน้ำจากยอดข้าวที่ซัดเข้าไปเกือบครึ่งโหลได้ ชายหนุ่มกลั้นหายใจ หันมองไปทางอื่น พลางลูบหลังให้อย่างเบามือ

“น้องขอผ้าเย็นหน่อย” ธีร์เทพส่ายหน้า ย่นจมูก แล้ววางถังขยะกลับลงพื้น เขาหยิบผ้าเย็นขึ้นมาบรรจงเช็ดดวงหน้าสะสวยอย่างเอาใจใส่ กรรณิการ์ปรือตามองภาพนั้นด้วยความรู้สึกประหลาด ดวงตาคมของเขาฉายวี่แววกังวลยามมองมา หัวใจของหล่อนวูบไหว เนื้อตัวร้อนรุ่มราวกับจะจับไข้เมื่อต้องใกล้ชิดกับผู้ชายแปลกหน้าเช่นนี้มาก่อน อดชื่นชมในความมีน้ำใจ และเสน่ห์จากแววตาเอื้ออาทรณ์คู่นั้นไม่ได้

“เดี๋ยวผมไปห้องน้ำก่อน ห้ามลุกไปไหนเด็ดขาด เข้าใจมั้ย มันอันตราย” ชายหนุ่มจ้องเขม็ง หญิงสาวจึงพยักหน้า “น้อง...พี่ฝากด้วย” ธีร์เทพหันไปสั่งความกับบาร์เทนเดอร์แล้วเดินจากไป แต่ยังไม่วายหันกลับมามองคู่เต้นรำของเขาด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง

ชายหนุ่มอมยิ้มกับตัวเอง หัวใจของเขาเต้นโครมครามด้วยความรู้สึกแปลกๆ ยามหวนนึกถึงภาพที่โอบประคองเรือนกายนุ่มเอาไว้ในอ้อมแขน และได้จับจ้องดวงตาคู่สวยนั้น ดวงตาของเธอเปี่ยมไปด้วยวี่แววของความจริงใจ ไม่สร้างภาพ เหมือนกับผู้หญิงที่เขาเคยคบหามาก่อน

ธีร์เทพส่ายหน้าให้กับความคิดของตนเอง ก่อนละสายตาลงจากภาพของเธอ แล้วสาวเท้ายาวๆเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

“ยายกรรณ-ณ-ณ อยู่นี่เอง เค้าโทร.มาทำไมตัวไม่รับ” ทานตะวันยืนเท้าสะเอวอยู่หน้าบาร์ โดยมีตะวันยืนเคียงข้าง

“หือ” กรรณิการ์เงยหน้าขึ้นอย่างสลึมสลือ รอยยิ้มยินดีผุดขึ้นบนดวงหน้าใส “ยายวันมาแล้วเหรอ นั่งก่อนๆ กินอะไรสั่งเลย ฉันเลี้ยงเอง”

“กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย เค้าไม่ให้คนตกงานเลี้ยงหรอกน่า”

“ตัวอย่ามาซ้ำเติมเค้านะ” ถ้าไม่ติดว่าจิรัสยากำลังตั้งท้องอยู่ละก็ กรรณิการ์คงโทร.หาลูกพี่ลูกน้องรายนั้นให้มารับแทนแล้ว เพราะจิรัสยาพูดจาปลอบประโลมได้เย็นใจกว่านี้เยอะ

“เค้าเปล่าพูดอะไรผิดนี่ ก็ตัวตกงานจริงๆไม่ใช่เหรอ”

“อย่ามาย้ำ!”

“พี่ซัน ดูสิคะ”

“เอาเถอะครับ อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลย พี่ว่ารีบพากรรณกลับบ้านก่อนดีกว่า” ตะวันตัดบท พลางช่วยประคองหญิงสาวคอพับคออ่อนให้ออกเดิน ทว่า

“รองเท้า...” กรรณิการ์ก้มลงหยิบรองเท้าขึ้นมาถือไว้ แล้วถูกลากออกไปอย่างรวดเร็ว

ธีร์เทพกลับมาจากห้องน้ำ ไม่พบร่างของหญิงสาวนั่งอยู่ที่เดิม หัวใจของเขาหล่นวูบลงทันใด

“น้อง! ผู้หญิงที่นั่งตรงนี้ล่ะ”

“ท่าทางว่าเพื่อนจะมารับไปแล้วครับ เป็นผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาออกลูกครึ่ง แต่งตัวเหมือน...เหมือนอะไรดีละ พูดยาก อ้อ! เสื้อโค้ทเลื่อมๆยาวๆ นุ่งกางเกงขาสั้น คล้ายนักมายากลอะไรแบบนี้ครับ มากับผู้ชายสูงๆ หน้าตาดีอีกคนหนึ่ง เห็นคุยกันสนิทสนมมาก เรียกว่าเค้ากับตัว คงเป็นคนที่จะมารับนั่นแหละครับ”

ชายหนุ่มพยักรับรู้ อดใจหายไม่ได้ที่จะไม่ได้พบกับเธออีก เสียดายเขาน่าจะถามชื่อและขอเบอร์โทรศัพท์ของเธอเอาไว้ก่อน ไม่นึกว่าจะคลาดกันอย่างง่ายดายเช่นนี้

เจ้าของร่างสูงเหลือบเห็นรองเท้าคัชชูข้างหนึ่งที่กรรณิการ์ทำตกเอาไว้ เขาพ่นลมหายใจด้วยความขบขัน ตรงเข้าไปหยิบมันมาถือไว้
“ซิลเดอร์เรลลาหรอกเหรอนี่...จะเป็นบุพเพหรือเวรกรรมอะไรก็แล้วแต่ ที่ทำให้ผมได้พบกับคุณในคืนนี้ ขอบุพเพและกรรมนั้น ช่วยชักนำให้ผมได้พบกับคุณอีกสักครั้งได้มั้ย”




ตะวันขับรถกลับมาถึงบ้านพักในกรุงเทพฯของครอบครัวบุปผาวงศา ที่เป็นบ้านจัดสรรสีขาวความสูงสองชั้น ขนาดสามห้องนอนสามห้องน้ำครึ่ง ตั้งอยู่กลางหมู่บ้านแถบชานเมืองอันร่มครึ้มด้วยต้นไม้สีเขียวขจี โดยบ้านของตะวันก็อยู่หมู่บ้านข้างๆนี่เอง

สมัยเรียนมหาวิทยาลัยทั้งทานตะวันและกรรณิการ์อาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านหลังนี้ แต่จิรัสยาแยกไปอยู่ยังบ้านสวนพิกุลสาขาสอง เพราะต้องช่วยครอบครัวดูแลกิจการร้านต้นไม้ แม้สองสาวจะดูเหมือนเป็นคู่กัดกันตลอดเวลา แต่นั่นเป็นเพราะว่าต่างก็รัก รู้จัก รู้ใจกันมากเกินกว่าคำว่าเกรงใจจะมาขวางกั้น

“ตัวจะกินข้าวอีกมั้ย” ทานตะวันถามขึ้นขณะประคองลูกพี่ลูกน้องเข้าไปในห้องนั่งเล่น “หรือจะนอนเลย”

“เค้าจะอาบน้ำก่อน”

“ตัวนี่ยังไงนะ เค้าถามให้เลือกตั้งสองอย่าง กลับตอบอย่างที่สามซะงั้น เวียนหัวจริงๆ”

“ตัวเองก็เวียนหัวน้อยซะที่ไหนล่ะ ชุดเสื้อโค้ทเลื่อมๆวับๆนี่นะ บอกเลย เค้าเห็นแล้วยิ่งเมาเข้าไปใหญ่”

“ถ้างั้นเอาอย่างนี้นะครับสาวๆ” ตะวันเสนอทางออกให้ เมื่อเห็นว่าชักจะไปกันใหญ่ “เดี๋ยวหนูวันไปส่งกรรณอาบน้ำก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกทีดีมั้ย”

“โอ.เค.ค่ะ” ทานตะวันยอมรับความเห็นของแฟนหนุ่มด้วยความชื่นชม แล้วหายลับเข้าไปในห้องนอนของกรรณิการ์ที่ชั้นบนครู่หนึ่ง จึงกลับลงมา ตะวันชงชาร้อนๆนั่งรออยู่หน้าเคาน์เตอร์

“เรียบร้อยมั้ย”

“กำลังอาบน้ำอยู่ค่ะ เกิดอยากจะแช่อ่างขึ้นมาซะอย่างนั้น เรื่องมากจริงๆเลย เดี๋ยวหนูวันจะโทร.ไปฟ้องยายจาวให้หมดเลย คอยดู”

“สรุปแล้วตอนนี้ กรรณตกงานครบ...โหลแล้วใช่มั้ย”

หญิงสาวพยักหน้า กลั้นยิ้ม ทั้งที่จริงก็ขำแทบแย่ เพราะรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายต้องลงเอยแบบนี้ แต่การซ้ำเติมคนที่กำลังเสียใจอยู่เป็นสิ่งไม่ดี ผู้หญิงเพอร์เฟ็คอย่างเธอไม่ควรทำ พลางเอ่ยถ้อยคำโลกสวย

“จะว่าไปก็ดีเหมือนกันนะคะพี่ซัน ช่วงนี้ลุงปสพไม่ค่อยสบายอยู่ กรรณจะได้กลับไปอยู่ดูแลพ่อใกล้ๆ”

ตะวันตาลุกวาวด้วยความภาคภูมิใจกับความคิดของแฟนสาว “จริงสิครับ ตกลงหมอเขาว่าเป็นอะไร”

หญิงสาวหย่อนกายลงนั่งเก้าอี้ข้างๆ รับแก้วน้ำชาจากชายหนุ่มมาถือไว้ ตอบกลับแบบมีหลักการ

“หมอยังสรุปไม่ได้ค่ะ ทั้งสแกนทั้งส่องกล้องก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ บางทีก็ปวดท้องจนจะทนไม่ไหว แต่บางทีก็หายปวดไปเฉยๆ เลยไม่รู้จะทำยังไง” พลันร่างท้วมชะงักนิ่ง สีหน้าวิตก “หนูวัน...หนูวันสังหรณ์ใจยังไงก็ไม่รู้”

“หนูวันเห็นอะไรหรือเปล่า” ตะวันถามด้วยสีหน้าจริงจัง

“ไม่เห็นค่ะ แต่รู้สึกเย็นแปลกๆ”

“ถ้าอย่างนั้นดื่มชาอุ่นก่อนแล้วกันอย่าเพิ่งคิดมาก” ตะวันขมวดคิ้วมุ่น ทอดสายตมองหญิงคนรักจิบน้ำชา แล้วชวนเปลี่ยนเรื่อง “เอ้อ! ช่วงนี้พี่ได้ข่าวว่าจะมีโรงงานมาสร้างแถวภูไพรหมอกเหรอ”

“หนูวันก็ได้ยินลุงปสพพูดถึงเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ” หญิงสาววางแก้วน้ำชาลง หันกลับมาด้วยความสนใจ อธิบายพลางทำท่าประกอบ ไม่ต่างจากนางงามผู้มากด้วยสติปัญญา กำลังตอบคำถามสื่อมวลชน “เห็นว่าตอนนี้ยังอยู่ช่วงสำรวจความคิดเห็นของชาวบ้าน ลุงปสพนี่ละค่ะเป็นตัวตั้งตัวตีคัดค้านไม่ให้โรงงานมาตั้ง เพราะไม่อยากให้เกิดมลพิษในชุมชน และไม่อยากให้รถบรรทุกสินค้าคันใหญ่เข้ามาวิ่งผ่านถนนหน้าโรงเรียน กลัวว่าเด็กๆจะได้รับอันตราย แต่ก็มีคนที่จะได้รับผลประโยชน์จากการตั้งโรงงานคอยผลักดันส่งเสริมอีกด้าน เรื่องนี้เลยยังหาข้อยุติกันไม่ได้”

“ก็จริงนะพี่ว่า ต้องเลือกเอาระหว่างความเจริญกับการอนุรักษ์ ข้อดีของการมีโรงงานมาตั้งก็คือ ชาวบ้านจะมีงานทำ ไม่ต้องเข้ามาขายแรงงานที่กรุงเทพฯ แต่ก็ต้องดูกันอีกทีว่าชุมชนพร้อมแล้วหรือยัง ข้อดีกับข้อเสียอะไรมากกว่ากัน”

“พี่ซันเก่งที่สุดเลยค่ะ รู้มั้ยคะตอนนี้แค่มีข่าวลือ ราคาที่ดินแถวนั้นก็ขึ้นเป็นสองเท่าตัว ชาวบ้านที่เคยเอาที่ดินไปจำนองไว้กับนายทุน ก็ถูกโกงไปหลายราย เพราะนายทุนจะกว้านซื้อเก็บไว้ขายให้พวกที่จะมาสร้างที่พักคนงานหรือร้านค้ารอบๆโรงงาน โดยเฉพาะกำนันเพชร คู่ปรับของลุงปสพ หนูวันเคยได้ยินลุงปสพพูดถึงเรื่องรับจำนองที่ดินและเรื่องคอร์รัปชั่นของกำนันเพชรอยู่บ่อยๆค่ะ”

“อืม ถ้ามีคนที่มีความรู้ด้านกฎหมายมาช่วยชาวบ้านไม่ให้ถูกโกงก็คงจะดีนะ”

“หนูวันก็คิดเหมือนพี่ซันค่ะ”

“คิดเหมือนกันเลยเหรอ” ตะวันหอมแก้มแฟนสาวอย่างแสนรัก สองสายตาสบประสานกันอย่างหวานซึ้ง

พลันสายตาของทานตะวันเหลือบไปเห็นกรรณิการ์ในชุดเสื้อยืด สวมกางเกงผ้านุ่มขายาว เดินลงบันไดมาด้วยศีรษะเปียกชื้นพอดี สีหน้าของหญิงสาวดูสดชื่นขึ้นมาก เธอหยุดชะงักเล็กน้อย ทานตะวันจึงทักทายขึ้น

“อ้าว! ไหนตัวว่าจะแช่อ่าง”

“แช่ลงไปแล้ว สบู่หมด เลยราดฝักบัวดีกว่า”

“เอาสบู่เค้าไปก่อนสิ” ทานตะวันเสนอ

“ไม่ละ เสร็จแล้ว แค่นี้พอ”

“อี๊” ทานตะวันเบ้ปาก “ซกม๊ก”

“ซกม๊กที่ไหน สระผมแล้ว” กรรณิการ์อมยิ้ม

“สระผม แต่ไม่อาบน้ำนี่นะ” ทานตะวันส่ายหน้า

“เถอะน่า” กรรณิการ์เฉไฉ เปลี่ยนประเด็น “แหม ตะกี้หวานซะมดจะขึ้นเคาน์เตอร์เชียวนะ น่าอิจฉาเหลือเกิ๊น”

“ตัวก็รีบหาแฟนดีๆสักคนสิ”

“ไม่เอาละ เค้าคงไม่โชคดีอย่างตัวกับจาวหรอก กลัวชีวิตจะวุ่นวายกว่าเดิมละสิไม่ว่า”

“มันก็ไม่วุ่นวายเสมอไปหรอกครับ” ตะวันรินน้ำชาร้อนๆ ส่งให้หญิงสาว “โลกนี้ยังมีผู้ชายดีๆ ที่พร้อมจะปกป้องดูแลคนที่เขารักอีกเยอะนะ”

กรรณิการ์อมยิ้มแล้วส่ายหน้า วี่แววแห่งความสุขฉายวับบนดวงตาคู่สวย ยามนึกถึงภาพของชายหนุ่มที่พบในผับ เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันนะ ทำไมถึงถึงชอบนึกถึงแววตาคู่จัง หญิงสาวจำต้องรีบสะบัดศีรษะขับไล่ความรู้สึกต่างๆเหล่านั้นให้หลุดไปอย่างรวดเร็ว

เพ้อเจ้อใหญ่แล้วยายกรรณ!




คืนเดือนมืดไร้แสงจันทร์ เบื้องล่างคือผืนป่าอันมืดทึบที่ถูกโอบล้อมด้วยทิวเขาสลับซับซ้อน ถัดออกมาตรงริมชายป่าเป็นชุมชนขนาดเล็กที่เรียกกันว่าภูไพรหมอก ในยามเช้าดินแดนแห่งนี้จะถูกปกคลุมด้วยผืนหมอก แม้ในฤดูร้อนก็ยังมีหมอกเบาบางให้เห็นตลอดปี

เสียงหวีดร้องของลูกค้าที่ดังขึ้นกลางดึก ทำให้กิ่งแก้วถูกตามตัวให้เข้ามายังภูไพรหมอกรีสอร์ทอย่างกะทันหัน สาวใหญ่สาวเท้ายาวๆเข้ามาหน้าล็อบบี้เช็คอินของรีสอร์ท มองภาพลูกค้าทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติกว่าสิบราย กำลังเอะอะโวยวายอย่างเสียขวัญ บ้างหอบกระเป๋าเดินทาง ทำท่าจะย้ายออกในตอนนี้

“เกิดอะไรขึ้น งามตา”

หญิงสาวใบหน้ากลมมน มีเครื่องหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ผิวพรรณขาวนวลสะอาด มองผาดๆคล้ายแม่หญิงงามของทางภาคเหนือ เธอรวบผมหางม้า นุ่งกางเกงสูทสีน้ำตาล สวมเสื้อโปโลสีขาวปักโลโก้ภูไพรหมอกรีสอร์ทบนหน้าอก รีบรายงานขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

“ลูกค้าที่พักแถวโซนซีทั้งหมด แจ้งว่าถูกผีหลอกค่ะ”

“ผี? ผีอะไรที่ไหนกัน” กิ่งแก้วขมวดคิ้วด้วยความหนักใจ

“เป็นผีตายโหง เดินออกมาจากป่าด้านหลัง มากันหลายตัวเลยค่ะ”

“มีใครเล่นตลกอะไรหรือเปล่า ไปดูหรือยัง”

“คนงานที่ไป ยังไม่มีใครกลับมาสักคนเลยค่ะ”

“ว่าไงนะ!” สาวใหญ่ตกตะลึงระคนสับสน

“สะ สงสัย จะมีผีจริงนะคะคุณกิ่ง ละ ลูกค้าบอกว่า บะ บางตัว ไม่มีหัวด้วยค่ะ ถ้าคนจะแกล้งกันจริงๆ ไม่น่าจะลงทุนตัดหัวตัวเองทิ้งแบบนี้นะคะ”

“จริงค่ะ ฉันเห็นมาเองกับตา” ลูกค้าสาวใหญ่สำทับ เนื้อตัวยังสั่นเทาไม่หาย “ทางรีสอร์ทต้องรับผิดชอบเรื่องนี้นะคะ พะ พวกเราจะขอเงินค่าที่พักคืนค่ะ”

กิ่งแก้วทอดถอนใจ พยายามนึกหาความเป็นไปได้ต่างๆนานา แต่ก็ยังคาดคะเนสาเหตุของปัญหาไม่ได้ ก่อนส่งยิ้มละมุนให้กับลูกค้า

“ทางภูไพรหมอกจะรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดค่ะ ไม่ว่าสิ่งที่ท่านเห็นจะเกิดจากฝีมือของคน หรือ...สิ่งอื่น ทางเราก็ยินดีจะคืนเงินค่าที่พักให้กับลูกค้า แต่ขอความกรุณาท่านอย่าเพิ่งบอกใครในเรื่องนี้นะคะ จนกว่าเราจะสืบหาข้อเท็จจริงได้”

“ค่า ดิฉันไม่บอกใครหรอกค่า เอาเงินคืนมาแล้วเราจะรีบไปหาที่พักที่อื่นอย่างไวเลยค่า”

“ขอบคุณมากค่ะ” สาวใหญ่ทอดถอนใจอีกครั้ง ก่อนพยักพเยิดให้พนักงานดำเนินการจ่ายคืนค่าที่พักให้กับลูกค้า แล้วนำทีมงานไปดูยังสถานที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง

รถกระบะคันใหญ่จอดสนิทลงตรงหน้าอาคารโซนซี กิ่งแก้วเดินนำหน้าคนงานชายหญิงอีกห้าชีวิตเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ โคมไฟที่ริมทางเดินกระพริบติดๆดับๆอยู่หลายอัน ทว่าภายในเรือนพักแต่ละหลังกลับมืดมิด และเย็นวาบชวนให้หันหลังกลับออกไปเหลือเกิน

สาวใหญ่ตัดสินใจเดินเข้าไปกราดไฟฉายส่องดูรอบตัวเรือนหลังหนึ่ง แล้วเปิดสวิตซ์ไฟ แสงจากหลอดนีออนสีขาวสว่างพรึ่บทันที

“ไม่เห็นมีอะไรเลย”

“ตะ แต่ ถ้าเป็นคนมาหลอกกันจริง ก็น่าจะมีรอยเท้า หรืออะไรตกหล่นบนพื้นบ้างนะคะ แต่นี่...ไม่มีอะไรเลย ถ้ามาเยอะอย่างที่ลูกค้าว่าขนาดนั้น น่า...น่าจะมีอะไรบ้าง” งามตาให้ความเห็น

“เหลวไหลน่า ไม่มีอะไรหรอก เราอยู่กันมาตั้งกี่ปี ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อน สงสัยจะมีอะไรเข้าใจผิดกันนั่นแหละ ปิดข่าวนี้ไว้ให้มิด ห้ามใครเอาไปพูดที่ไหนเด็ดขาด เข้าใจมั้ย”

“ค่ะ” ผู้ช่วยผู้จัดการสาวรับคำมั่น

“ทำความสะอาดให้เรียบร้อย พรุ่งนี้จะมีกรุ๊ปสัมนามาลง ยังไงคงต้องใช้โซนซีด้วย”

“แน่ใจเหรอคะ ว่าจะใช้โซนนี้”

“เอาตามนี้ละไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”

กิ่งแก้วรู้สึกหน่วงหนักในอกชอบกล ภูไพรหมอกรีสอร์ทไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน กิจการนี้ก่อตั้งมายี่สิบกว่าปีแล้ว นับได้ว่าอยู่ตัวในระดับดีเยี่ยมทีเดียว แม้จะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น มีฤดูกาลเข้าพักมาเป็นตัวแปร แต่เมื่อหักรายได้และค่าใช้จ่ายรายปีก็ยังมีกำไรเป็นกอบเป็นกำ อีกทั้งการบริหารจัดการต่างๆก็ถูกวางระบบเอาไว้แล้วเป็นอย่างดี

แต่หากมีเรื่องผีที่เหนือธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้องเช่นนี้จริง เธอก็ไม่รู้จะจัดการกับปัญหานี้ให้เด็ดขาดได้อย่างไรกัน




*********************

จบตอนค้า

ต้องขอโทษด้วยที่มาช้า พอดีมีงานเก่าต้องแก้กะทันหัน เมื่อวานทำเพลินลืมกินข้าว พอจะอีดิทเรื่องนี้ตาลายวิ๊งๆ เลยต้องนอนก่อน

เจอกันอีกทีอาทิตย์หน้านะคะ ต้องขออนุญาตกลับไปสะสางงานทางวังศิลารัศม์ให้รีบร้อยซะก่อน

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ



พันธุ์แตงกวา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 พ.ย. 2557, 08:01:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 พ.ย. 2557, 08:31:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 1857





<< บทที่ 2 : ราตรีห่วยๆของคนสองคน   บทที่ 4 : เทวดาผู้วิเศษ >>
พันธุ์แตงกวา 11 พ.ย. 2557, 08:10:48 น.
ตอบคอมเม้นท์

คุณ Tik : มาแว้วๆ ขอบคุณมากๆที่ไปตาม ^^ ยังมีเรื่องของอาตี๋ธีร์กับแม่หยกให้สะเทือนซางอีกเยอะค่ะ

คุณแว่นใส : เจอกันแป๊บเดียวเอง ยังกับซินเดอเรลลาไปนั่น 5555

น้องหนอน : ไม่ทันได้โผล่มาวี๊ดว๊ายบนเตียงน่ะ หนูวันกับซันนี่มาเก็บไปซะก่อน หนอนอดจิ้น กิ้วๆ

คุณ Pat : ขอบคุณค้าบ เหนียวแน่นๆ จุ๊บๆ^^

น้องหมี : ถ้าย้ายงานบ่อย เข้ามาร่วมสมาคมกับยายกรรณมั้ย 5555 ยายกรรณยังมีความอุบาทมาโชว์อีกเยอะ รอติดตามละกาน

คุณ Zephyr : แหม้ เกือบจิได้ไปอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ดั๊นนนน มีคนมาเก็บกลับบ้านไปซะก่อน วัยรุ่นเซ็งเบย ^^


tik 11 พ.ย. 2557, 10:48:59 น.
โอ้ย กำลังสนุกเลย เจอกันอาทิตย์หน้าเชียวรึค่ะ ไหนว่าพฤหัสอ่ะ ตาย ๆ จะลงแดงไม๊นะ
เอ๊ะ ๆ ต้องมีคนรู้กฎหมายเข้ามาช่วยชาวบ้าน นี่เข้าทางอาตี๋ธีร์เชียวค่ะ อาการคนตกหลุมรักนี่บรรยายได้เข้าถึงอารมณ์มากเลยอ่ะ อิอิ แอบเขิลตามไปด้วยเลย
กรรณหมดมาดนางเอกเลยตอนอาเจียนเนี๊ยะ ดีนะมีชายหนุ่มหากระโถนมาให้ ไม่ไปโก่งคออ้วกข้างถนน เปิดประตูลงแทบไม่ทันอ่ะค่ะ 5555+ รอ ๆๆๆๆ อีกนานไปไม๊ค่ะ


แว่นใส 11 พ.ย. 2557, 12:06:42 น.
มารร้ายเริ่มสำแดงเดชแล้ว เทวดาเมื่อไหร่จะมาช่วยคะ


ดังปัณณ์ 11 พ.ย. 2557, 18:17:19 น.
อุ้ยมีมาทิ้งรองเท้าแก้วไว้ให้ด้วย อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย 555+

กามเทพเล็งศรปักหัวใจจึ้กๆๆแล้วซี้ โดนหน้าอกข้างซ้ายทั้งกันนี่ กับ ตีตี้เลย อิๆ

แหม เจ่เจ้ ถึงไม่มีแต่ก็ฟินได้ อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย พ่อสุภาพบุรุษ พ่อคนดี ตีตี้ของหนอนนนนนนนนนนนนนน อิๆ


Zephyr 11 พ.ย. 2557, 19:38:22 น.
หนูวันจะเก็บยายกรรณกลับมาทำไม เอ๊
นางกำลังจะได้เทพปกปักรักษานะ
ขัดลาภจริงๆเล้ยยยยยย
พี่ตะวันนี่จิตแข็งน่าดูถึงอยู่กะหนูวันได้ 555
เดี๋ยวรออ่านเรื่องหนูวันจะได้รู้ว่าทำไมพี่ตะวันถึงจิตกล้าแกร่ง


บุลินทร 11 พ.ย. 2557, 21:08:00 น.
สองคนนี้นี่รั่วจริงๆ ฮ่าๆๆ เพลงก็จังหวะมันเลย พระนางเลยแดนซ์กันสุดเหวี่ยง แค่เจอกันครั้งแรก พระเอกก็เริ่มหลงเสน่ห์ยายกรรณเข้าแล้วสินี่ อ่านไปอ่านมา ยายกรรณก็ประทับใจพระเอกเหมือนกาน แบบนี้มีวี่แววลงเอยอยู่ไม่ไกลแล้ววว / ภูไพรหมอกมีผีจริงหรือออ รอติดตามครับบบ


นักอ่านเหนียวหนึบ 14 พ.ย. 2557, 19:19:30 น.
อร๊ายยยยยย นางซินนนนน


ปลายสี 25 ธ.ค. 2557, 22:25:59 น.
ตอนนี้หนูวันดูมีความรู้อ่ะ 5555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account