...คาสบลังก้า...ดารัลฟาเดล...(จบแล้วค่ะ)
สืบเนื่องมาจากเรื่อง "อะรูซะตี...เจ้าสาวของผม"
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของลูกสาวสุดหวงของหมอดานีส
กับนาดา โดยเรื่องราวของคุณพ่อเมื่ิอครั้งก่อนนั้น
จะเป็นแนา "แต่งก่อนจีบ"
แต่สำหรับรุ่นลูกแล้ว จะเป็นแนว "จีบก่อนแต่ง"

ต้องมาคอยดูกันค่ะว่า จะจีบกันอย่างไร แล้วคุณหมอดานีส
ที่ต้องมารับบทบาทเป็นพ่อของลูกทั้งเจ็ดจะตกอยู่ในสภาพเช่นไร..
แล้วนาดาจะเป็นแม่แบบไหน...



เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของเมือง
"คาสบลังก้า" หรือ "อัดดารัลบัยฎออ์"
ซึ่งแปลว่า..."บ้านสีขาว"
ดินแดนในฝันดั่งต้องมนต์เสน่หาแห่งโมร็อกโก...
กับดินแดนอันแสนอบอุ่นด้วยไอรักแห่งแดนอาทิตย์อุทัย...

พบกับเขาและเธอ...

...ดารัล...ฟาเดล...

หญิงสาวที่หัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความรักความอบอุ่น
จากครอบครัวอันแสนสุขและน่ารัก...
ชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่เคยต้องการสิ่งใดอีกแล้ว
เพราะเธอพอใจทุกอย่างที่มีมาตลอด

จนเมื่อเจอกับเขา...ที่นั่น "คาสบลังก้า"
เขาทำให้เธอไม่อาจลบลืมมนต์เสน่หาของที่นั่นได้เลย
ไม่ว่าจะยามหลับหรือตื่น...

กับ

ชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยรูปเปลือกที่สวยงามสมบูรณ์
หากภายในใจนั้นยังคงโหยหาไออุ่นแห่งรักจากใครสักคน
มาเติมเต็มหัวใจกำพร้าของเขา...

แล้วเธอคือผู้ที่เขาค้นพบว่ามีทุกอย่างที่เขากำลังต้องการอยู่
ดังนั้น...ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาก็จะปล่อยเธอ
ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!




Tags: หวานซึ้งโรแมนติก ดราม่า โมร็อกโก คาสบลังก้า ทะเลทรายซาฮาร่า ดารัล ฟาเดล โสภณพสุธ

ตอน: บทที่ 18 คนนิสัยเสีย



ฟาเดลยืนกอดอกพิงขอบประตูตรงทางออกสู่ระเบียงบ้าน
มองภาพภรรยาสาวที่นั่งขีดๆเขียนๆอะไรบางอย่างอยู่บนกระดาษ
สีหน้าท่าทางค่อนข้างหมกมุ่นราวกับไม่สนใจสิ่งรอบข้าง

บางครั้งก็เห็นเธอยกดินสอเคาะขมับเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
เขารู้สึกว่าเธอทำตัวประหลาดไปนับตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องกับเขา…

หากก็ไม่อยากคิดว่า เหตุการณ์นั่นมีอิทธิพลต่อเธอ
เพราะเธอเป็นฝ่ายบอกปัดเขาไปแล้วว่าไม่ติดใจเอาความ…

ซึ่งฟาเดลคงยังไม่รู้ว่า ผู้หญิงนั้น ปากกับใจมักจะไม่ตรงกันเสมอไป
ยิ่งในบางครั้งปากกับการกระทำก็อาจจะสวนทางกันเลยด้วยซ้ำไป…

ยิ่งมาได้ยินคำพูดที่หลุดมาจากปากของเธอ แม้จะเป็นเพียงการพึมพำคนเดียว
หากเขาก็ได้ยินชัดถ้อยชัดคำ…
มันทำให้เขาต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เกี่ยวกับดารัลทันที…

“ผู้หญิง…พูดไทยชัด…รู้เรื่องโปรแกรมการท่องเที่ยวของเรา…
และน่าจะรู้เวลาไปกลับของพี่ฟาเดล…ต้องการให้พี่ฟาเดลเสื่อมเสียชื่อเสียง…
คู่แข่งทางธุรกิจเหรอ…ไม่มั้ง…เรื่องอื้อฉาวพวกนี้อาจกระทบกับงานบ้าง
แต่ก็ไม่น่าจะมากจนทำให้ธุรกิจเสียหายมากมายอะไรนักหรอก…

แต่ก็ไม่แน่…ภาพพจน์มุสลิมที่ดีมาตลอด
เคร่งครัดเรื่องศาสนาของพี่ฟาเดลอาจเสียหายไปด้วยในสายตาคนอื่น
จนอาจนำมาเป็นการลดทอนความน่าเชื่อถือได้
เมื่อศีลธรรมสั่นคลอน ชีวิตและการงานก็จะสั่นสะเทือนตามไปด้วย”

ดารัลพึมพำคนเดียวพร้อมกับวาดวงกลมล้อมรายละเอียด
และตัวเชื่อมโยงลงบนกระดาษพลางเคาะขมับไปด้วย
ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาราวกับตกอยู่ในภวังค์

“แต่พี่ฟาเดลไม่เคยมีศัตรูมาก่อนนี่นา…นักธุรกิจที่ทำกันขนาดนี้ได้
ถ้าไม่เกลียดขี้หน้ากันมากๆ…ก็คงจะแค้นกันจนขนาด
จะไม่ให้มีหน้าบนแผ่นดินกันเลยทีเดียว…ใครนะ…ใคร…

แล้วทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย บริษัทไหนกันที่จะแค้นพี่ฟาเดล
ถึงขั้นต้องลงทุนทำกันขนาดนี้ด้วย…
ก็คู่แข่งทางธุรกิจก็ไม่ได้แข่งกันดุเดือดขนาดนี้นี่นา…”

ดารัลส่ายหน้าไปมาราวกับไม่อยากจะชี้ชัดลงไป
สำหรับประเด็นความขัดแย้งทางธุรกิจเลย

เพราะเท่าที่เธอรู้มาตลอดก็คือ เขาเป็นคนทำธุรกิจมือสะอาด
จนใครๆต่างให้การนับถือและชื่นชมในความสามารถ

และเขาไม่ใช่คนโลภอยากมีอยากได้อยู่คนเดียวไม่แบ่งปันใคร
จนต้องถึงกับตัดแข้งตัดขาคู่แข่ง

ดังนั้น เรื่องที่คู่แข่งจะเล่นสกปรกกับเขาแบบนี้ก็ไม่น่าจะใช่เสียทีเดียว…

“แต่ถ้าพี่ฟาเดลเสียชื่อเสียงเรื่องผู้หญิงขนาดมีคลิิปฉาวกับผู้หญิงถึงสี่คน…
เผลอๆนั่นอาจส่งผลให้เราเลิกกับพี่ฟาเดลไปด้วยก็ได้…
ผู้หญิงที่ไหนก็คงไม่อาจทนรับสภาพของสามีแบบนั้นได้แน่ๆ…

และคนของตระกูลโสภณพสุธก็คงไม่มีทางให้อภัยการกระทำ
ของเขยใหญ่ได้แน่ๆ…ยิ่งนั่นเป็นการชิงลงมือถึงถิ่น
แล้วทุกคนก็อยู่กันพร้อมหน้าในที่นั่นด้วย…
หากพี่ฟาเดลตื่นมาในตอนเช้าแล้วพวกเราเข้าไปเห็นสภาพเขากับผู้หญิงสี่คน…

โอ้…นี่สิๆ…นี่อาจเป็นการเลิกราขั้นเด็ดขาดเลยทีเดียว…
ยิ่งมีวิดิโอยืนยันการกระทำ ยิ่งแก้ตัวไม่ขึ้น…
ประเด็นนี้สิค่อยน่าสนใจหน่อย…”ดารัลยิ้มปรายก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นอีกครั้ง

“แต่ทำไมถึงอยากให้เราเลิก…นั่นน่ะสิ…”

ดารัลเติมรายละเอียดลงไปในกระดาษอีก…
พยายามพิจารณาสิ่งที่เขียนลงไปทั้งหมดอย่างใคร่ครวญ

“ผู้หญิง ผู้หญิง ใช่…คนในเงานั่นเป็นผู้หญิง…”
ดารัลดีดนิ้วพร้อมรอยยิ้มพราวระยับ…

“สามีเราก็ออกจะหล่อซะ…ทั้งรวยทั้งเก่ง ใครเห็นเป็นหลงใหลออกอย่างนั้น ”
คราวนี้ดารัลเหมือนจะเห็นเงาอะไรลางๆขึ้นมาบ้างแล้ว…

“พูดไทยชัด…สำหรับฮ่าน่าคงต้องตัดไป…ถึงจะรักพี่ฟาเดล
และเคยกล้าทำอะไรๆทำนองนั้นมาก่อน แต่ก็สำนึกและกลับตัวแล้ว…
แล้วยังเคร่งศาสนามากขึ้นอีก…คนตรงไปตรงมา
และมีปมเรื่องครอบครัวหย่าร้างแบบนั้นไม่มีทางเล่นลอบกัดกับสามีชาวบ้านแน่…

แล้วใครล่ะที่พูดไทยชัดๆที่อยู่ใกล้เราจนรู้ข้อมูลเชิงลึกได้อีก…ใครนะ…”

แล้วดวงตาของดารัลราวกับมีแสงจ้าเข้ากระทบ…
สมองก็เธอพลันนึกไปถึงใบหน้าหนึ่งขึ้นมาในเงาลางๆเลือนๆนั่น…
ที่เหมือนจะชัดขึ้นเรื่อยๆในความรู้สึก

และเหมือนความคิดนั้นจะหยุดชะงักลงเมื่อมีเสียงหนึ่งขัดขึ้น
หลังจากทนดูภาพหญิงสาวที่หมกมุ่นจนไม่รู้ตัว
ว่ามีคนเฝ้าจับตาเธอมานานจนเกินไปแล้ว

“ทำอะไรอยู่ครับ…”เสียงเรียบๆนั้นทำเอาดารัลถึงกับสะดุ้ง
หลุดจากภวังค์แห่งความคิดทันที…และไวเท่าความคิด
หญิงสาวคว่ำหน้ากระดาษลง หันไปยิ้มให้คนที่เดินเข้ามาทักทาย

“ตกใจหมดเลย…ทำไมมาเงียบๆล่ะคะ…”ฟาเดลจ้องมองกระดาษ
ที่เจ้าของเอามาวางไว้บนหน้าตักราวกับหวงแหนนั่นนิ่ง
ก่อนจะทรุดลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับหญิงสาว เอ่ยเสียงเรียบ
ด้วยสีหน้าและแววตาที่ยากจะคาดเดาความคิด

“รู้ตัวบ้างรึเปล่่าว่าทำตัวประหลาดๆมาหลายวันแล้ว…”

ฟาเดลยกแขนทั้งสองขึ้นวางบนโต๊ะแล้วเท้าคางจ้องหน้าดารัลนิ่ง

“ประหลาดยังไงคะ…”ดารัลเลิกคิ้วสูงขณะถาม

“หมกมุ่น…ดูหมกมุ่นเกินไป…มีอะไรที่พี่ควรจะรู้รึเปล่า…”
ฟาเดลหยั่งเชิง ทว่าดารัลกลับส่ายหน้า

“ตอนนี้ยังค่ะ…เอาไว้น้องรัลแน่ใจเมื่อไหร่จะบอกพี่ฟาเดลเป็นคนแรกเลย…”
ฟาเดลเลิกคิ้วนิดนึง แววตาที่ทอดมองอีกฝ่ายเต็มไปด้วยคำถามมากมาย

“ไม่ใช่ว่ากำลังวางแผนหาทางหนีพี่กลับไปญี่ปุ่นกับคนอื่นๆในวันพรุ่งนี้หรอก…ใช่มั้ย…”
ดารัลยิ้มกว้างกับถ้อยคำสัพยอกนั้น

“ถ้าจะหนีพี่ฟาเดลกลับญี่ปุ่นน่ะ น้องรัลคงไม่ต้องวางแผนอะไรเลย
แค่เดินเข้าไปเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าแล้วก็จองตั๋วกลับเท่านั้นเอง
โอกาสมีทุกวัน โดยเฉพาะวันที่พี่ฟาเดลต้องไปทำงาน…
กว่าจะกลับก็มืดค่ำมิใช่เหรอคะ…”

ฟาเดลพยักหน้าหงึกๆ เธอมีเวลาแอบหนีเขาไปไหนก็ได้
ยามที่เขาต้องไปทำงานจริงๆอย่างที่เธอว่านั่นแหล่ะ

“แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธใช่มั้ยว่าแผนการในกระดาษนั่น มันเกี่ยวข้องกับพี่โดยตรง…”

ฟาเดลชี้ไปที่กระดาษที่วางอยู่บนตักของดารัลพร้อมแววตาคาดคั้น…
แต่ไม่ว่าจะคาดคั้นแค่ไหน คนตรงหน้าก็ดูจะไม่อนาทรร้อนใจ
กลับยิ้มแฉ่งได้อย่างชื่นบาน แถมยังยอมรับโดยไม่ให้ข้อมูลอะไรเลยสักนิด…

“ค่ะ…เกี่ยวกับพี่โดยตรง…”ฟาเดลจ้องหน้าคนพูดด้วยแววตาคมกริบ
ทำให้ดารัลรู้ว่า เขากำลังไม่พอใจที่เธอจงใจปกปิดเขา…

“พี่ฟาเดลเชื่อใจน้องรัลแค่ไหน…”หญิงสาวถามออกไปด้วยสีหน้าจริงจัง

“เรื่องอะไรล่ะครับ…”

“ทุกๆเรื่อง…”ฟาเดลยกมุมปากนิดนึง…

“เรื่องหัวใจน่ะ พี่เชื่อ…แต่เรื่องอื่นๆพี่ยังไม่วางใจ…
ความสวยและความฉลาดของผู้หญิงเป็นอาวุธชั้นเยี่ยม…
ยิ่งมีความรู้ความสามารถยิ่งประมาทไม่ได้…

พี่อาจจะยังไม่รู้จักน้องรัลหมดในทุกอย่าง…
แต่สิ่งหนึ่งที่พี่แน่ใจก็คือ…น้องรัลเป็นคนดี…รักเดียวใจเดียว…”

ฟาเดลเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หากแววตาที่จับจ้องดารัลนั้นยังส่อแววกังขา

“แต่ไม่ว่ายังไง พี่ก็อยากให้น้องรัลรอบคอบ อย่าประมาท
เพราะสิบเท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง…”ดารัลพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
รู้สึกดีเหลือเกินที่คนตรงหน้าเป็นห่วงเป็นใยเธอขนาดนี้

“ค่ะ…น้องรัลจะไม่ประมาท…”

หากถ้อยคำต่อมาของเขากลับทำให้ดารัลถึงกับยิ้มไม่ออก

“ภรรยาที่ดีไม่ควรออกไปข้างนอกตามลำพังโดยไม่บอกสามีให้รู้…”

ถ้อยคำเหมือนจะตำหนินั้นทำให้ดารัลถึงกับสะดุ้ง
เพราะนั่นเท่ากับทำให้รู้ว่าเขารู้การเคลื่อนไหวของเธอ…

“และพี่พร้อมจะให้อภัย ถ้าน้องรัลจะไม่ทำแบบนั้นอีก…

ที่นี่คือคาสบลังก้า…ไม่เหมาะที่ผู้หญิงจะเดินทางไปไหนเพียงลำพัง
ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นจะเก่งกาจและฉลาดเอาตัวรอดเก่งแค่ไหนก็ตาม…”

ฟาเดลลุกขึ้นแล้วตั้งท่าจะปลีกตัวจากไป
ทว่าดารัลกลับคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ก่อนจะสวมกอดเขาจากทางด้านหลัง
แนบหน้าลงบนแผ่นหลังนั่นขณะเอ่ยว่า

“น้องรัลขอโทษ…”เธอรู้ว่าเขากำลังโกรธเธอ แม้เขาจะไม่ดุด่า
แต่แววตาตัดพ้อและคำพูดแฝงนัยตำหนิในน้ำเสียงนั้น
เธอรู้...รู้ว่าเขากำลังไม่พอใจเธอ…

“น้องรัลมีความจำเป็นค่ะ…พี่ฟาเดลอย่าโกรธน้องรัลเลยนะคะ…”

“งั้นรับปากพี่ได้มั้ยว่าจะไม่ทำแบบที่เคยทำอีก…จะไม่ไปไหนมาไหนคนเดียวอีก…
แล้วจะบอกพี่ทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก…รับปากกับพี่สิ…”ดารัลถึงกับนิ่งงันไป

ฟาเดลจึงแกะมือที่กอดเขาไว้ออก พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
ชวนให้คนฟังรู้สึกร้อนๆหนาวๆว่า

“ถ้ายังดื้อและไม่เชื่อฟังกัน…ต่อให้ต้องขังเธอเอาไว้แต่ในห้อง พี่ก็จะทำ!”

ดารัลเห็นเขากำลังโกรธจัดและกำลังจะเดินหนีไปอีก
ก็รีบวิ่งเข้าไปหาแล้วสวมกอดเอาไว้จากทางด้านหลังอีกครั้งราวกับจะง้อ…

“ทำไมถึงดื้ออย่างนี้นะ…”ฟาเดลพยายามแกะมือที่เหนียวเหมือนตุ๊กแกนั้นออก
แต่ไม่เป็นผล

“ถ้าไม่รับปากก็เตรียมตัวเป็นนักโทษได้เลย…และพี่ไม่ได้ขู่!
พ่อแม่พี่น้องหรือใครก็ไม่มีสิทธิ์ช่วยเธอได้…”

ดารัลซบหน้าลงตรงแผ่นหลังของเขา
จนฟาเดลรับรู้ได้ถึงความเย็นของของเหลวที่ซึมผ่านเข้าสู่เนื้้อหนัง
แล่นเข้าสู่หัวใจของเขา

…แต่คราวนี้เขาจะไม่ใจอ่อนกับคนตัวเล็กอีก…ไม่มีอีกแล้ว!

เธอไม่เคยคิดถึงหัวอกของเขาเลยว่าเขาจะกังวลใจแค่ไหน
ตอนที่รู้ว่าเธอหายไปจากบ้านโดยไม่บอกกล่าว
แถมกลับมายังปกปิดไม่บอกกล่าวอะไรด้วยการหาเรื่องกลบเกลื่อนอีก

และไม่ใช่แค่เขา พ่อแม่พ่ีน้อง
และคนอื่นๆต่างก็ห่วงกังวลคิดไปสารพัดว่าเธอจะตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่า…

ข้างนอกนั่นน่ะไม่ได้เหมาะสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวเลยสักนิดเดียว

…เธออาจจะม่ันใจในตัวเอง แต่เขาไม่มั่นใจสังคมและผู้คนภายนอก…

แม้ที่คาสบลังก้าจะเป็นเมืองค่อนข้างปลอดภัย แต่อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น…
ที่นี่ไม่ได้มีแต่เฉพาะคนในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาติดต่อทำธุรกิจ
มีนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตา ร้อยพ่อพันแม่ หลากหลายสายพันธุ์
ที่ยากจะคาดเดาความคิดอ่าน

โดยเฉพาะเขาเริ่มรู้มาว่ามีคนกำลังคิดมิดีมิร้ายต่อเขาและเธออยู่…
แม้ตอนนี้จะยังไม่รู้เป้าหมายที่แน่ชัด

แต่มันไม่ควรเลยที่เขาจะปล่อยให้เธอออกไปเที่ยวเดินข้างนอกเพียงลำพัง…

“ทำไมถึงไม่หัดเข้าใจพี่บ้าง…ได้โปรดเถิดน้องรัล…
อย่าให้พี่ต้องใช้ไม้แข็งกับเธอเลย…”

“น้องรัลขอแค่เรื่องนี้ เรื่องเดียว พี่ฟาเดลให้น้องรัลได้มั้ยคะ…
น้องรัลขอเวลาแค่เดือนเดียว แล้วน้องรัลจะยอมให้พี่ฟาเดลกักขังน้องรัล
ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลยก็ได้…”ดารัลต่อรองด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น

จะให้เธอเลิกสืบเรื่องผู้หญิงคนนั้นเธอหยุดไม่ได้หรอก…
ยิ่งให้เขาเข้ามาช่วยทำแทน เธอยิ่งมองไม่เห็นว่าเขาจะช่วยอะไรได้…

ผู้ชายหรือจะรู้เท่าทันผู้หญิงด้วยกัน ผู้หญิงกับผู้ชายใช่จะมีหลักความคิด
และวิธีการที่เหมือนกันเสียที่ไหน…

ยิ่งอารมณ์พวกผู้หญิงแล้ว ผู้ชายที่ไหนจะหยั่งถึง…

แล้วผู้หญิงที่ทำได้ขนาดนั้นมันต้องเจออย่างเธอ!
เธอมั่นใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้หญิง ผู้หญิงด้วยกันต้องสะสางเอง

“งั้นพี่ก็คงต้องบอกว่า…เสียใจ…เธอยังรู้จักพี่น้อยไปน้องรัล…”

ฟาเดลแกะมือนั้นออกแล้วเดินจากไป
โดยไม่หันมามองใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตานั่นแม้แต่น้อย
ทำเอาดารัลถึงกับน้อยใจยกสองมือปิดหน้าร้องไห้ไร้เสียงสะอ้ืนไห้…





ครั้นเมื่อส่งพ่อแม่พ่ีน้องรวมทั้งคุณย่าของเธอกลับญี่ปุ่นแล้ว
ดารัลก็ถูกจำกัดพื้นที่โดยฟาเดลส่งบอดีการ์ดสาวมาคุมถึงสองคน
จนไม่อาจขยับตัวไปไหนมาไหนได้อย่างเคยอีก…

สร้างความหงุดหงิดให้หญิงสาวไม่น้อย
จนพาลหาเรื่องกับเจ้าตัวต้นเหตุแทบทุกครั้งที่สบโอกาส

“พี่ฟาเดลจะมาทำกับน้องรัลแบบนี้ไม่ได้…น้องรัลจะกลับญี่ปุ่น…”

“ถ้าคิดว่ากลับได้ก็ลองดู…”ฟาเดลท้า

“ถ้ากลับไปญี่ปุ่นได้ล่ะก็…จะไปไม่กลับมาอีกเลย”

ดารัลรับคำท้าด้วยแววตาวาวโรจน์…
ขุ่นโกรธที่เขาจำกัดอิสรภาพของเธอในช่วงที่เธอต้องการมันมากที่สุด
ถ้าเป็นช่วงเวลาอื่นเธอจะไม่โกรธถึงขั้นนี้

“คราวก่อนโน้นก็พูดแบบนี้…แล้วเป็นไงล่ะ…สุดท้ายก็ต้องมาอยู่ที่นี่่กับพี่อยู่ดี…
พี่ว่า…เธอหาทางออกไปจากคฤหาสถ์หลังนี้ให้ได้ก่อนเถิด
อย่างน้อยเธอก็ต้องล้มคนของพี่ให้ได้เสียก่อน

เก่งนักไม่ใช่เหรอ...แสดงฝีมือให้ดูหน่อยเป็นไร…”

ฟาเดลยิ้มเยาะราวกับจะยั่วอีกฝ่าย
ดารัลกัดฟันจนอยากจะใช้ฟันกัดเนื้อกล้ามเป็นมัดๆที่ต้นแขนเขาเหลือกำลัง

อยากรู้นักว่าจะยิ้มเย้ยเธอแบบที่ยิ้มอยู่ต่อไปได้อีกรึเปล่า…

“อย่าท้านะอย่าท้า…”

ฟาเดลหัวเราะฮึๆในลำคอ ทำเอาคนที่กำลังโกรธถึงกับเดือดพล่าน
และยิ่งถึงจุดเดือดเมื่อเห็นสีหน้ายียวนกวนอารมณ์ยื่นเข้ามาหา
เอามือมาดึงมาลูบที่ผม แล้วใช้นิ้วเรียวเกลี่ยแก้มเธอเบาๆราวกับจะยั่ว…

ดารัลจึงคว้าข้อมือข้างนั้นของเขาให้หงายขึ้นแล้วใส่แรงบิดเข้าที่แขนและไหล่
แล้วใส่แรงกดดันที่ข้อศอก ทุกอย่างรวดเร็วจนฟาเดลแทบไม่มีเวลาตั้งตัว

“โอ๊ยๆๆ…”เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นพร้อมกับร่างเล็กที่หมุนมือไปข้างหลัง
จนล็อกหัวไหล่แล้วจึงทุ่มไปข้างหน้า…ก่อนจะเข้าล็อกเขาเอาไว้ทั้งตัว
ในท่านอนคว่ำหน้าบนพื้นพรม มีร่างเล็กคร่อมเหนือร่างใหญ่อยู่ทางด้านบน…

ล็อกข้อต่อของเขาเอาไว้ไม่ให้ขยับได้โดยง่าย
ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างริมหูของคุณสามีด้วยเสียงหวานพร้อมรอยยิ้มว่า

“คิดว่าน้องรัลต้องยอมพี่ไปตลอดทุกทีใช่มั้ย...น้องรัลก็สู้คนนะคะ…”

ฟาเดลที่ถูกจับล็อกนอนคว่ำถึงกับอมยิ้ม
ปล่อยให้เธอทิ้งน้ำหนักลงบนตัวเขาอยู่เช่นนั้น รอจนเธอเผลอ…
เขาจึงใช้ช่วงจังหวะนั้นในการพลิกตัวแล้วม้วนตัว หมุนเป็นวงกลม
เปลี่ยนจากฝ่ายเสียเปรียบเป็นฝ่ายได้เปรียบในพริบตา…

เมื่อตอนนี้ร่างเล็กกว่ากำลังนอนหงายในขณะที่เขาขึ้นคร่อมร่างเธอเอาไว้ได้สำเร็จ…
อย่าว่าแต่ขยับเขยื้อนเลย แม้แต่จะพูดก็หมดโอกาส

“ครูผู้ฝึกไม่สอนน้องรัลบ้างเหรอว่านักสู้ที่ดีนั้นควรเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับที่ดี…”

พูดจบเขาก็ก้มลงหอมแก้มแดงๆนั่นทั้งซ้ายและขวา
ก่อนจะมอบจุมพิตหวานละมุนให้ทันทีที่เธออ้าปากจะพูด
จากจูบที่อ่อนหวานเปลี่ยนเป็นรุกเร้าดูดดื่มทำเอาคนที่ตกเป็นเบี้ยล่าง
ถึงกับครางออกมาอย่างพ่ายแพ้หมดรูป มือไม้และเร่ี่ยวแรงหดหายไปจนหมดสิ้น

ฟาเดลจึงยอมถอนจุมพิตนั้นแล้วมองแก้มแดงๆด้วยแววตาเป็นประกาย

“น้องรัลคงต้องเรียนรู้วิธีต่อสู้กับจูบของพี่เพิ่มแล้วล่ะ…
และพี่ยินดีเป็นสนามทดลอง…”

พูดจบเขาก็ก้มลงมอบจุมพิตให้กับเธออีกครั้งและอีกครั้ง
ไม่ยอมปล่อยโอกาสให้เธอได้พูดหรือประท้วง…

สองแขนที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระเพราะเจ้าของมือที่ตรึงมือเธอเอาไว้
ใช้ประโยชน์จากมือนั้นในการลูบไล้เรือนกายของเธอแทน…

ดารัลจึงยกสองแขนโอบรอบคอของเขาเอาไว้…

และคนที่ถูกท้าก็ไม่ลืมที่จะรับคำท้าเสียด้วย!!!

ดารัลใช้สองแขนโน้มใบหน้าของเขาเข้าหาอีกครั้ง
จนลมหายใจเป่ารดใบหน้ากันและกัน

รอยยิ้มหวานของเธอทำเอาฟาเดลถึงกับหัวใจหลอมละลายจนเผลอตัว
ก้มลงหมายจะมอบจุมพิตยังริมฝีปากอวบอิ่มสวยที่กำลังแย้มยิ้มให้เขาอีกครั้ง

กว่าจะรู้ตัวหรือคิดจะป้องกันก็สายจนเกินไป
เมื่อเธอใช้ศีรษะโขกกับหน้าผากของเขาเต็มแรง

“โอ๊ย…”ฟาเดลรู้สึกเจ็บ มึน ปวดหนึบ เหมือนจะหน้ามืดไปชั่วขณะ
เริ่มเห็นดาวกะพริบระยิบระยับตอนกลางวัน แต่ยังไม่ทันผุดลุก
ก็ต้องร้องครางอีกครั้ง

“โอ้ย…..”เสียงร้องครางดังยาวเพราะท่อนแขนของเขา
โดนฟันของคนตัวเล็กฝังเขี้ยวลงไม่ยอมปล่อย…

เมื่อสมใจแล้วเจ้าของร่างก็ผลักเขาจนหงายหลังก่อนจะดีดตัวม้วนตัวหนีไปอีกทาง…

เมื่อกอบกู้เอกราชจากการตกเป็นเมืองขึ้นได้สำเร็จเสร็จสิ้น
ดารัลจึงใช้จังหวะนั้นลุกข้ึนวิ่งหนีไปที่ประตูห้องทันที
พร้อมเสียงหัวเราะสดใสร่าเริงเบิกบาน ไม่ลืมหัวมามองคนที่นั่ง
ยกมือกุมหน้าผากด้วยสีหน้าเหยเกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสดใสว่า

“ครูผู้ฝึกสอนน้องรัลว่า เมื่อเรายังสู้ไม่เก่ง เราต้องหนีให้เก่ง…
รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา…รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี…”

ฟาเดลกัดฟันมองหน้าคนพูดนิ่ง
ถ้าเขาจะลุกไปตะครุบตัวแม่เนื้อหอมอีกครั้งคงไม่ใช่เรื่องยาก
แต่อยากจะรู้นักว่าเธอจะคิดหาวิธีใดมากอบกู้อิสรภาพอีก…

“อ้อ…พี่ฟาเดลเองก็ต้องหัดรู้จักเรียนรู้วิธีต่อสู้กับมารยาผู้หญิงเอาไว้เยอะๆด้วยนะคะ…
และดูว่าผู้หญิงข้างนอกนั่นจะเป็นสนามทดลองได้ดีกว่าน้องรัลเป็นไหนๆซะด้วย…
ระวังตัวเอาไว้ให้ดีเถอะ…พลาดท่าเสียทีขึ้นมาจะหาว่าไม่เตือนไม่ได้นะเออ…”

พูดจบเจ้าร่างบางก็เปิดประตูก้าวออกไป

แต่จะไปไหนพ้น ในเมื่อต่อให้เก่งแค่ไหน
ก็คงไม่อาจล้มคนของเขาที่อยู่ข้างนอกได้อยู่ดี…





ดารัลมองไปรอบๆห้องก็ไม่พบเครื่องมือสื่อสารใดๆที่พอจะติดต่อโลกภายนอกได้
มือถือของเธอและที่เธอยึดมาได้จากสี่สาวนั่นก็โดนเขายึดไป
ส่วนโทรศัพท์บ้านก็พ่วงกับเครื่องในห้องทำงานของเขา
แค่เพียงยกหูขึ้นมาโทร เขาหรือคนของเขาก็สามารถยกหูขึ้นฟังการสนทนา
ระหว่างเธอกับปลายสายได้ทันที…

จะมีก็แค่มือถือที่เขาเอามาให้ มือถือที่มีความสามารถเพียงโทรเข้า
กับโทรออกได้เท่านั้น และเบอร์ที่ถูกบันทึกไว้ในเครื่อง
ก็มีเพียงเบอร์ของเขากับของที่บ้านและที่บริษัทเท่านั้น…
ซ้ำยังเป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นโบราณเต่าล้านปีที่ไม่สามารถเข้าอินเตอร์เนตได้อีก

เขาปิดการเชื่อมต่อโครงข่ายบริการอินเตอร์เนต
แม้กระทั่งคอมพิวเตอร์ที่วางไว้ให้ใช้งานก็ไม่สามารถเชื่อมต่อโลกภายนอกได้

นี่เขากะจะมือตัดแขนเธอเลยหรือยังไงกัน…

ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจเป็นที่สุด…ขนาดนี้แล้วเธอก็ยังหาโอกาสออกไปนอกคฤหาสถ์หลังนี้ไม่ได้
อย่างมากสุดก็แค่ออกไปสูดอากาศตรงสวนสวยน่ันแหล่ะ ไปได้ไกลสุดแค่นั้นเอง…

ส่วนปู่กับย่าของเขาก็ไปพักอยู่กับญาติสนิิทที่กรุงราบัด
ซึ่งเป็นเมืองหลวงของโมร็อกโกตั้งแต่วันที่พ่อแม่พี่น้อง
และคุณย่าของเธอกลับไปญี่ปุ่นแล้ว

“ถามหน่อยเถอะ…พี่ฟาเดลเห็นน้องรัลเป็นอะไร…ถึงได้ทำกันแบบนี้…
สาแก่ใจพี่รึยัง…หัวใจพี่ยังมีรึเปล่า…”

ดารัลต่อว่าต่อขานคนที่โผล่หน้ามารองรับอารมณ์เธอพร้อมถาดอาหารในมือนั่น…

“พี่ก็เห็นเธอเป็นนักโทษน่ะสิ…เลิกดื้อเมื่อไหร่ค่อยเซ็นสัญญาสงบศึกกันอีกรอบ…
อย่าลืมนะว่าเธอทำผิดข้อสัญญาฉบับก่อนกับพี่…
สัญญาฉบับนั้นก็เลยถือเป็นโมฆะ…”
ฟาเดลพูดพลางวางถาดลงบนโต๊ะตรงโซฟาในห้องนอน…

“มาทานข้าวกันเถอะ…พี่อุตส่าห์ลงมือทำเองเลยนะ…ข้าวผัดทะเลที่เธอชอบไง…”

ดารัลมองข้าวผัดที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นสองจาน
กับน้ำเปล่าสองแก้วในถาดที่คนนำมากำลังยกขึ้นจัดแจง

“ไม่กิน…”ดารัลปฏิเสธทั้งๆที่กำลังหิวจัด
เพราะหมดพลังงานไปกับอารมณ์หงุดหงิดงุ่นง่านที่ขึ้นๆลงๆทั้งวัน…

“ไม่หิวหรือไง…”

“ถึงหิวก็ไม่กิน…ยิ่งพี่ทำมายิ่งไม่อยากกิน…เอาออกไป
แล้วก็ไม่ต้องมานั่งกินยั่วในห้องนี้…ออกไปทั้งคนทั้งข้าวผัดนั่นแหล่ะ
ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากกิน…”

ดารัลปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมกับหันหลังให้อาหารจานโปรด
โดยเฉพาะหน้าคนทำเธอไม่อยากเห็น เห็นที่ไรแล้วของขึ้นอยู่ร่ำไป

…เพราะเขา เพราะเขาคนเดียวเลยที่ทำให้แผนการของเธอต้องพ่ายพัง…
เขาทำลายแผนการทุกอย่างของเธอจนหมดสิ้น ทุกอย่างกำลังไปได้สวย
แต่เขาก็เข้ามาขัดขวางการดำเนินการของเธอ...

แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดจะทำอะไรต่อ
คนแบบนั้นคงไม่วางมือง่ายๆแน่ๆ แล้วเธอมาโดนกักขังแบบนี้จะทำอะไรใครได้
แค่จะเอาตัวเองยังไม่รอดเลย…

ป่านนี้ผู้หญิงคนนั้นคงไหวตัวทัน
จนไอ้ที่เธอทำๆมามันคงจะใช้การไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ

โธ่เอ๊ย!!!…

“อย่าให้พี่ต้องป้อนข้าวเธอด้วยวิธีพิเศษเลยนะน้องรัล…”

เสียงราบเรียบนั่นทำเอาคนที่ยืนหันหลังให้ถึงกับชาสันหลังวาบ…
หันมามองหน้าเจ้าของข้าวผัด แล้วก็ได้เห็นแววตาคมกริบที่จ้องมองมา

“จะมานั่งกินดีๆหรือจะให้พี่ป้อน เลือกเอา…”
ดารัลกัดฟันกรอด เม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง

“ไม่กิน…ไม่ต้องมาขู่…ไม่ต้องมาทำดีด้วย…ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงใย
ไม่ต้องมาเสียเวลาเอาใจ ในเมื่อคิดจะกักขังกันก็ไม่ต้องมาดูแลเอาใจใส่
ปล่อยให้นอนแห้งเหี่ยวตายคาห้องนี้แหล่ะ…

ถ้าอยากจะกิน น้องรัลมีปัญญาลงไปทำกินเองในครัวได้…
ไม่ต้องมาทำเป็นตบหัวแล้วลูบหลัง…ยังไงๆน้องรัลก็ไม่ยอม…
อยากให้ยอมอยากให้หยุดนักใช่มั้ย งั้นก็รอเก็บศพได้เลย…”

ดารัลตัดพ้อต่อว่าผู้เป็นสามีที่ไม่เคยจะเข้าใจเธอเลยสักนิดเดียว…

อีกแค่นิดเดียว เธอก็จะรู้อยู่แล้วว่าใครอยู่เบื้องหลังแผนการอุบาทว์นั่น
คนแบบนั้นปล่อยไปจะเป็นปัญหาของสังคม เธอยอมไม่ได้หรอก!!

“อยากจะขังก็ขังไป…ขังได้ขังไปสิ…เอาให้สาแก่ใจไปเลย…
แต่อย่าหวังว่าดารัลคนนี้จะคุกเข่าอ้อนวอนพี่นะ…อยากทำสงครามกันนักใช่มั้ย
งั้นก็ไม่ต้องสงบกันละ…ถ้าไม่ตายไปก่อนก็อย่าหวังว่าจะยอมหยุด…
จะไม่หยุดคิดหยุดวางแผนแม้แต่วันเดียวเลย...”

ฟาเดลที่นั่งจ้องคนพูดมานานโดยไม่เอ่ยคำใดถึงกับขบกรามแน่นจนขึ้นสันนูน…
ก่อนจะลุกขึ้นคว้าไหล่ของดารัลแล้วบีบเอาไว้แน่น

“ทำไมถึงได้ดื้ออย่างนี้นะน้องรัล…พี่ต้องทำยังไงเธอถึงจะหยุด…และวางมือ...
บอกพี่สิว่าต้องทำยังไง…ทำไมไม่วางใจพี่แล้ววางมันให้พี่ วางมันในมือพี่สิ
บอกพี่แล้วพี่จะจัดการให้ทุกอย่าง...ทุกอย่าง!”

ชายหนุ่มเขย่าร่างบางจนโยกไปมาด้วยแรงโทสะ…
ดารัลยืนนิ่งสงบ แววตานิ่งราวกับทะเลไร้คลื่น

“พี่แค่อยากมีเมียที่รู้จักเชื่อฟังกันบ้าง…พี่ต้องการแค่นี้เอง…
แค่นี้น้องรัลให้พี่ไม่ได้หรือไง…”แววตาตัดพ้อต่อว่านั้นทำเอาดารัลถึงกับหวั่นไหว

“ทั้งๆที่พี่ไม่เชื่อใจน้องรัลเลยอย่างนั้นหรือ…ทำไมพี่ถึงไม่เชื่อว่าน้องรัล
สามารถดูแลตัวเองได้บ้าง…ทำไมถึงไม่เชื่อ…ขนาดพี่ยังไม่เชื่อใจน้องรัล
แล้วจะให้น้องรัลเชื่อฟังคนที่ไม่คิดที่จะเชื่อใจเราอย่างนั้นหรือ…

งั้นพี่ก็คงต้องกักขังน้องรัลไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ…
อยู่ในคฤหาสถ์หลังงามหลังนี้ไปจนตายมันนั่นล่ะ…
ไม่ต้องทำอะไรเลย หิวก็กิน ง่วงก็นอน…ร้อนก็อาบน้ำ…
อย่างนี้ใช่มั้ยที่พี่หวังจะให้น้องรัลเป็น…น้องรัลมีค่าชีวิตแค่นี้เองหรือ
ถ้าเกิดมามีค่าแค่นี้ ก็ไม่รู้จะอยู่เป็นผู้เป็นคนไปทำไมให้รกโลก...”

ดารัลใช้มือดันร่างฟาเดลออกด้วยน้ำเสียงและแววตาตัดพ้อ…

“แต่ถ้ารอดไปได้เมื่อไหร่ อย่าคิดว่าน้องรัลจะบินกลับมาอยู่ในกรงทองของพี่อีก…
น้องรัลไม่ใช่นกน้อยในกรงทอง…ไม่เคยถูกเลี้ยงมาแบบนั้น
น้องรัลหากินเองได้มานานแล้ว…ไม่จำเป็นต้องรอให้ใครมาป้อนอาหารให้ถึงปาก…”

ฟาเดลหันหลังกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อข่มใจ
ข่มอารมณ์ที่กำลังปะทุ หากก็สุดจะต้านทาน

ชายหนุ่มหันกลับไปคว้าร่างบางเข้ามาปะทะกับอก
แล้วก้มลงจุมพิตริมฝีปากนั้นหมายจะลงทัณฑ์
ก่อนจะยกร่างบางขึ้นอุ้มแล้ววางลงบนเตียงนอนอย่างง่ายดาย
โดยที่เจ้าของร่างไม่แม้แต่จะขัดขืน…

ฟาเดลจึงสามารถจัดการกับเสื้อผ้าของเธอที่กีดขวางออกไปโดยสะดวก…
หากร่างบางของเจ้าเนื้อหอมกลับแข็งเกร็งเหมือนท่องซุง
ทำเอาอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นของฟาเดลลดฮวบ…

เขามองใบหน้าที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกนั้นอย่างเจ็บปวด…
และยิ่งปวดแปลบแสบไปถึงทรวงกับถ้อยคำตัดพ้อนั้นของเธอ

“เอาสิ…พี่เก่งกว่าน้องรัลอยู่แล้วนี่…จะทำให้ท่อนซุงกลายเป็นเทียนลนไฟยังไงก็ได้…
เอาเลย…อยากทำอะไรก็ทำเลย…เอาให้พอใจเลยนะ…
อยากได้ลูกกี่คนก็ขอให้บอก…น้องรัลพร้อมแล้ว
พร้อมจะอยู่เลี้ยงลูกนกในกรงทองไปจนตายเลย...”

ฟาเดลกัดฟันกรอดก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากที่ช่างต่อว่าต่อขานเขาเหลือเกิน
มือก็ลูบไล้ไปทั่วร่างที่กำลังสั่นเหมือนลูกนกนั่น

ในเมื่อเธอบอกว่าพร้อม เขาก็จะสนองให้ตามที่บอก…

จากท่อนซุงแข็งๆก็หลอมละลายกลายเป็นเทียนลนไฟดั่งปากเธอพร่ำว่าเขา…
ใช่...เขาสามารถทำให้เธอเป็นอย่างท่ีใจเขาต้องการได้จริงๆนั่นล่ะ...

แต่เขากลับก้าวไปไม่ถึงฝั่ง เมื่อเห็นแววตาเจ็บปวดของผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ…
แววตาที่มีปฏิกิริยาตรงกันข้ามกับร่างกายที่ตอบรับเขา…

แววตาที่เป็นหน้าต่างของหัวใจ!!!…

ฟาเดลหยุดทุกอย่างลงทันทีที่สบตาคู่นั้นของเธอเข้า
ก่อนจะลุกขึ้นแล้วหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ลวกๆเดินออกจากห้องนั้นไป...
ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองอีกคน...อย่างที่ครั้งหนึ่งเขาเคยทำมาแล้ว…



ดารัลก้มหน้ากับหมอนร้องไห้สะอื้นทันทีที่ได้เห็นภาพเดิมๆเข้ามาฉายซ้ำ…
ภาพที่ดึงสติทั้งมวลของเธอกลับมาจนครบถ้วน
ก่อนจะยกกำปั้นทุบเตียงนอนด้วยความเจ็บใจ

เจ็บใจที่เธอปล่อยให้อารมณ์ครอบงำสติ จนทำร้ายทั้งเขาและตัวเองอีกจนได้

…ทำไมนะ ทำไมนะ…ทำไมเป็นคนแบบนี้นะดารัล…ทำไมปากร้ายอย่างนี้นะ…
ทำไมถึงได้เป็นคนแบบนี้…ใครใช้ให้แกพูดอะไรแบบนั้นลงไป
ผีห่าซาตานที่ไหนยุยงแกให้พูดจาแบบนั้นออกไป…
ทำแบบนี้แล้วมันได้อะไรขึ้นมา ฮือๆๆ

เขาเป็นสามีแกไม่ใช่หรือ แกเองก็รักเขาไม่ใช่หรือ เขาเองก็รักแกมิใช่หรือ…
แล้วทำไมถึงทำแบบนั้น พูดจาร้ายกาจแบบนั้นกับเขาไปทำไม…ทำไปทำไม…ฮือๆๆ…

หญิงสาวได้แต่โกรธตัวเองว่าตัวเองพร้อมกับเปิดปากร้องไห้

รู้ทั้งรู้ว่าทำตัวไม่ดีไม่น่ารักเลย แต่ไม่รู้จะเปลี่ยนยังไง…

ปากมันก็พูดๆไปแบบนั้น แต่น้องรัลรักพี่ฟาเดลนะคะ…
ไม่เคยคิดจะไปจากพี่จริงๆสักหน่อย…

แล้วก็ให้หวนนึกถึงถ้อยคำพร่ำสอนของบิดาผู้ให้กำเนิด…

‘น้องรัลเป็นผู้หญิง ซึ่งผู้หญิงนั้นจะมีปัญหาเรื่องของอารมณ์มากกว่าผู้ชายหลายเท่า
ดังนั้น การจะทำงานหรือคุมคนให้ได้ผล
น้องรัลต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองให้ได้เสียก่อน

หากควบคุมอารมณ์หรือบริหารอารมณ์ตัวเองไม่ได้
ก็ไม่สามารถที่จะควบคุมคนหรืองานได้นะลูก…

อย่าปล่อยให้อารมณ์เป็นใหญ่…เพราะนอกจากมันจะทำร้ายคนอื่นแล้ว
ท้ายที่สุดมันก็จะย้อนกลับมาทำร้ายเรา ทำลายงานการของเรา
ทำลายชีวิตเราด้วย…

ธรรมชาติของผู้หญิงเป็นเช่นน้ีก็จริง และพ่อไม่ได้บอกให้น้องรัลฝืนธรรมชาติ
แต่กำลังจะบอกว่า เราสามารถควบคุมมันได้ต่างหาก…
ขอแค่เราตั้งใจและมีความอดทน รู้จักคิดรู้จักใช้สติ…
ใช้ปัญญาที่เรามีพยายามเอาชนะมัน…’

ซึ่งดารัลเห็นจริงอย่างที่บิดากล่าวมาทั้งหมดแล้ว…

เธอมันไม่ดีเอง อยากเป็นคนมีค่า อยากมีชีวิตที่มีค่า
อยากช่วยเหลืองานการของเขา อยากช่วยเหลือเขา
แต่สุดท้้ายก็เหลว…เพราะอารมณ์ตัวเองแท้ๆ

ดารัลได้แต่หวังเหลือเกินว่าเขาจะให้อภัยเธอ…อย่างที่เคยให้อภัยมาโดยตลอด…



...โปรดติดตามตอนต่อไป....


ตกม้าตายเอาตอนเข้าด้ายเข้าเข็มอีกแล้วพระ-นางของเต่า...ฮ่าๆๆๆ

จะพยายามมาให้บ่อยเท่าที่จะทำได้นะคะ...
ขอกำลังใจทั้งคอมเม้นท์และจำนวนไลค์ให้ชื่นใจหน่อยนะคะ...เฮะๆ

ดารัลยังมีอะไรๆที่ใครๆคาดไม่ถึงอีกเพียบ!!!


...ขอคุยกับนักอ่านค่ะ...

1.คุณร้อยวจี...พ่อเขาสอนสั่งกันมาอย่างดีค่ะ...คนนี้ลูกสาวพ่อ
มากกว่าจะเป็นลูกสาวแม่...อิอิอิ

2.คุณแว่นใส...คุณหมอดานีสพ่อตาฟาเดลเขาก็เคยเตือนๆอีตาลูกเขยได้แล้วนะคะ
ตอนก่อนแต่งน่ะ รีบจนไม่ดูตาม้าตาเรือ ตอนนี้เลยตกม้าเสียก็โสน้าหน้าเนอะ...ฮ่าๆ

3.คุณChii...อาจจะเป็นเพราะแรงยุยง วันนี้เต่าเลยเร่งสปีดมาให้กันอีกแล้ว...เฮๆ

4.คุณคิมหันตุ์...ยังร้ายไม่หมดค่ะ ลายยังมีอีกเพียบ...
ก็ต้องมาดูกันว่าลวดลายของใครจะเยอะกว่ากัน
ระหว่างนางเอกร้ายกับนางมารร้าย...อิอิ

5.คุณPat...ต้องมารอดูเบื้องหลังการเลี้ยงดูดารัลมาล่ะค่ะ...

ของแบบนี้ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ ทุกอย่างล้วนผ่านการฝีกเคี่ยว...
ส่วนนางร้ายเราตอนนี้จะคิดแผนไรต่อค่อยมาดูกันค่ะ...

6.คุณAmarilys...ชอบชื่อนี้มากเลยค่ะ...
ขอบคุณมากๆนะคะที่เข้ามาให้กำลังใจเต่าโย...
พลอยทำให้เต่ามีแรงสปีดขึ้นอีกเยอะเลย...
แต่คนเราต่อให้เก่งแค่ไหน ถ้าไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ล่ะก็
เสร็จทุกราย...เฮะๆ

7.คุณตุ๊งแช่....พี่หะบีบี้เสียอย่างค่ะ...อย่างไรๆเสียก็คงไม่แคล้วกัน
โยรู้น้าว่าที่ลุ้นๆน่ะ กะจะลุ้นฉากเข้าพระเข้านางช่่ายมะ...ฮ่าๆๆ
พระเอกเต่างี่เง่าจะตาย...ตกม้าตายตลอด...ฮ่่าๆๆ
จะปล้ำก็ไม่ปล้ำ จะทำให้เต็มใจทั้งกายและใจก็ทำไม่เป็น...
ทั้งยั่วทั้งยียวนกวนประสาท ทั้งปลอบทั้งโอ้โลมปฏิโลมเข้าแแล้วก็ไม่สำเร็จซ้ากกะที
ปล่อยให้ซื่อบื้อไปสักพักก่อนค่ะ ปล่อยไปก่อน เหอๆ


สุดท้ายไม่ท้ายสุด...

ขอบคุณนักอ่านเช่นเคยค่ะ ขอบคุณทุกๆไลค์ทุกๆคอมเม้นท์ที่มอบให้

...รักษาสุขภาพนะคะ...

"เต่าโย"







yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 พ.ย. 2557, 20:47:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 พ.ย. 2557, 20:47:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 3663





<< บทที่ 16 แรงปรารถนา   บทที่ 18 คลื่นสัญญาณความคิดถึง >>
แว่นใส 12 พ.ย. 2557, 23:01:53 น.
เป็นเรื่องอีกละ ดีกันได้ไม่กี่วัน


ตุ๊งแช่ 13 พ.ย. 2557, 08:14:28 น.
เหมือนจะดี เฮ้อ คนอ่านเพลียยย อารมณ์นางจริ๊งจริงๆๆ ไม่ลุ้นแล้วค่า ลุ้นมาหลายเรื่อง หึหึ ยังไม่ฟีดเจอริ่งกันง่ายๆแน่นอน แต่แรงทั้งคู่ จริงๆ อ่านไปอ่านมาแอบ งงโกรธเคืองกันเรื่องไรนี่ ขี้ปะติ๋วจริงๆๆ งานนี้แอบเข้าข้างดารัล ละเมิดสิทธิกันเห็นๆ


คิมหันตุ์ 13 พ.ย. 2557, 11:42:08 น.
หรอบเดิมเลย T___T แง๊


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account