...คาสบลังก้า...ดารัลฟาเดล...(จบแล้วค่ะ)
สืบเนื่องมาจากเรื่อง "อะรูซะตี...เจ้าสาวของผม"
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของลูกสาวสุดหวงของหมอดานีส
กับนาดา โดยเรื่องราวของคุณพ่อเมื่ิอครั้งก่อนนั้น
จะเป็นแนา "แต่งก่อนจีบ"
แต่สำหรับรุ่นลูกแล้ว จะเป็นแนว "จีบก่อนแต่ง"

ต้องมาคอยดูกันค่ะว่า จะจีบกันอย่างไร แล้วคุณหมอดานีส
ที่ต้องมารับบทบาทเป็นพ่อของลูกทั้งเจ็ดจะตกอยู่ในสภาพเช่นไร..
แล้วนาดาจะเป็นแม่แบบไหน...



เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของเมือง
"คาสบลังก้า" หรือ "อัดดารัลบัยฎออ์"
ซึ่งแปลว่า..."บ้านสีขาว"
ดินแดนในฝันดั่งต้องมนต์เสน่หาแห่งโมร็อกโก...
กับดินแดนอันแสนอบอุ่นด้วยไอรักแห่งแดนอาทิตย์อุทัย...

พบกับเขาและเธอ...

...ดารัล...ฟาเดล...

หญิงสาวที่หัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความรักความอบอุ่น
จากครอบครัวอันแสนสุขและน่ารัก...
ชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่เคยต้องการสิ่งใดอีกแล้ว
เพราะเธอพอใจทุกอย่างที่มีมาตลอด

จนเมื่อเจอกับเขา...ที่นั่น "คาสบลังก้า"
เขาทำให้เธอไม่อาจลบลืมมนต์เสน่หาของที่นั่นได้เลย
ไม่ว่าจะยามหลับหรือตื่น...

กับ

ชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยรูปเปลือกที่สวยงามสมบูรณ์
หากภายในใจนั้นยังคงโหยหาไออุ่นแห่งรักจากใครสักคน
มาเติมเต็มหัวใจกำพร้าของเขา...

แล้วเธอคือผู้ที่เขาค้นพบว่ามีทุกอย่างที่เขากำลังต้องการอยู่
ดังนั้น...ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาก็จะปล่อยเธอ
ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!




Tags: หวานซึ้งโรแมนติก ดราม่า โมร็อกโก คาสบลังก้า ทะเลทรายซาฮาร่า ดารัล ฟาเดล โสภณพสุธ

ตอน: บทที่ 18 คลื่นสัญญาณความคิดถึง



หลังจากวันนั้น ดารัลก็ไม่พบแม้แต่ร่างหรือแม้แต่เงาของเขาอีก…
ตอนแรกคิดว่าเขาจะยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระแล้ว
แต่ที่ไหนได้ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เธอยังเป็นนักโทษ
เป็นนกน้อยในกรงทองของเขาอยู่ดี เช้าตื่นขึ้นมาก็มีอาหารเช้า
รออยู่บนโต๊ะอาหาร สามารถเดินไปไหนมาไหนได้หมด
แต่ไม่สามารถก้าวพ้นขอบรั้วของคฤหาสถ์หลังงามนี้ได้อยู่ดี…

นี่เธอโดนขังอยู่ที่นี่กี่วันแล้วนะ…ดารัลตั้งใจหันไปถามบอดีการ์ดสาว
ราวกับจะชวนคุยเสียมากกว่าจะต้องการคำตอบ
เพราะสำหรับเธอแล้ว วันเวลาไม่เห็นจะสำคัญอีกต่อไปแล้ว…

“เธอมาทำงานที่นี่กี่วันแล้ว…”

“สองสัปดาห์แล้วค่ะ…”เสียงราบเรียบตอบกลับมาพร้อมใบหน้านิ่งสงบไร้อารมณ์
ทำเอาอารมณ์ที่อยากจะหาคนคุยด้วยมลายหายไปในทันที
แต่ก็ยังทู่ซี่คุยต่อไป ก็อยากจะลองดูเหมือนกันว่าระหว่างเธอกับบอดีการ์ดสาวตรงหน้า
ใครจะด้านทนกว่ากัน

“ไม่เบื่อบ้างเหรอ…”

“ไม่หรอกค่ะ มันคือหน้าที่…”

“แล้วไม่เมื่อยบ้างเหรอ…”

“ไม่ค่ะ…มันคือหน้าที่…”

“ไม่มีครอบครัวให้กลับไปหาบ้างรึไง…”

“ไม่มีค่ะ…ทุกคนตายหมดแล้ว เหลือตัวคนเดียว…”

ดารัลรู้สึกหัวใจกระตุกวูบนิดนึง หากเมื่อเห็นแววตาไร้ความรู้สึกนั้น
เลยไม่กล้าตอแยถามต่ออีก…อย่างน้อยเธอก็ยังโชคดีกว่าบอดีการ์ดสาวคนนั้น
อยู่หลายเท่า…แต่ก็ยังไม่วายทิ้งท้ายก่อนเดินไปนั่งชิงช้าตัวเก่าว่า
อย่างที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้น

“ตอนนี้ไม่มี ก็ใช่ว่าจะสร้างไม่ได้นี่…เธอยังมีโอกาสสร้างครอบครัวของเธอได้นะ…
แม้จะไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินมนุษย์อย่างเราๆจะทำได้นี่นา…
นกบนต้นไม้นั่นยังสร้างรักสร้างรังของมันได้เลยเห็นมั้ย”

ดารัลชี้ชวนไปยังนกที่อาศัยอยู่บนรังตรงต้นไม้ในสวน
แล้วก้าวเดินไปยังชิงช้า หากยังก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว
ดารัลก็ต้องชะงักขาที่กำลังจะขยับ

“ถ้ามีครอบครัวแล้วต้องเป็นเหมือนนกน้อยในกรงทองอย่างคุณ
ฉันยอมเป็นบอดีการ์ดไร้คู่ดีกว่า…”

ดารัลหันมายิ้มให้เจ้าของคำพูดที่ปกติดูจะประหยัดคำพูดเสียจนเธอหมั่นไส้
พร้อมกับเอ่ยเสียงราบเรียบออกไปว่า

“มันก็ไม่แย่นักหรอกนะ…อย่างน้อยเขาก็ทำเพราะรักฉัน…
ถึงฉันจะไม่ชอบที่เขาทำแบบนี้กับฉันก็เถอะ…ถ้าเธอรักใครสักคน
เธอจะเข้าใจว่าบางทีเหตุผลก็ไม่สามารถอธิบายความรักได้หมด…”

แล้วดารัลก็ได้เห็นประกายบางอย่างจากแววตาของบอดีการ์ดสาว
ที่ทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของเธอมาตลอดสองอาทิตย์

“นกน่ะ ต่อให้ติดปีกบินไปได้อย่างอิสระ นั่นเพราะมันมีหน้าที่
ต้องบินออกไปหาอาหารของมัน ออกไปหากิ่งไม้ใบหญ้ามาสร้างรังให้แข็งแรง

และไม่ว่ามันจะบินไปไกลแค่ไหนก็ตาม…
แต่สุดท้ายแล้วมันก็ต้องหาทางเอาตัวรอดเพื่อบินกลับรังของมันให้ได้อยู่ดี
เพราะมันรู้ว่าที่รังมีรักรออยู่ และเป็นที่ที่อบอุ่นปลอดภัยกว่าข้างนอกเป็นไหนๆ…

ความสำเร็จที่แสนเหนื่อยยากกว่าจะได้มาจะน่าภูมิใจได้อย่างไร
ถ้าไร้คนคอยร่วมชื่นชม เธอว่ามั้ย…”

บอดีการ์ดสาวที่ไม่เคยยิ้มกลับยิ้มออกมาขณะพูดกับเธอว่า

“คุณกำลังกล่อมฉันอยู่ใช่มั้ย…”

ดารัลหัวเราะอย่างชอบใจออกมาหลังจากไม่ได้หัวเราะเช่นนี้มาหลายวันแล้ว

“เธอก็รู้นี่ว่าฉันเองก็เบื่อเหลือเกิน…กับการเป็นนกที่บินไปไหนไม่ได้”

“ไม่มีใครเขาเด็ดปีกคุณเสียหน่อย…”เสียงนั้นตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มแต้มเพียงนิด
หากดารัลก็รู้ดีว่า มันคือรอยยิ้มจริงๆจากคนยิ้มยากเช่นนี้

“ถ้าไม่อยากเป็นบอดีการ์ดไร้คู่ อย่าลืมติดต่อฉันก็แล้วกัน…
ฉันน่ะสามารถหางานที่จะทำให้เธอสร้างครอบครัวเหมือนนกคู่นั้นได้นะ…”

ดารัลยังคงชี้ไปยังนกในรังให้บอดีการ์ดสาวดู

“คุณเป็นคนฉลาด…”บอดีการ์ดสาวเอ่ยชม
ดารัลจึงหันมายิ้มให้อย่างจริงใจขณะกล่าวสืบไปว่า

“เธอจะไม่มีวันเดือดร้อนเพราะฉันหรอก…เชื่อสิ…”

กล่าวจบก็หันหลังหมายจะเดินไปยังชิงช้า แล้วก็ต้องยิ้มกว้างออกมา
เมื่อได้ยินประโยคสั้นๆ หากมันก็สามารถสร้างความมั่นใจให้เธอ
ได้อย่างไม่คาดคิด…ความมั่นใจที่หายไปพักใหญ่กำลังจะกลับมาอีกครั้งด้วยคำว่า

“ฉันเชื่อ…”

“เหมือนเธอจะรู้จักฉันมากกว่าสามีฉันเสียอีก…”

“น่ันอาจเพราะเขารักคุณเกินไปก็ได้…”ดารัลพยักหน้าเห็นด้วย

“เขาเองก็จะได้รู้ว่าฉันก็สามารถทำอะไรได้มากกว่าที่เขาคิด
ก็ด้วยเพราะรักท่ีฉันมีให้เขา…”ดารัลเอ่ยพร้อมรอยยิ้มบาง

“ฉันไม่เคยเชื่อในความรัก แต่แปลกที่คุณกลับมีอะไรบางอย่าง
ที่ทำให้ฉันชักจะเริ่มเชื่อ…”ดารัลพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
โดยไม่ได้หันมาพูดกับบอดีการ์ดสาวต่อ…

ซึ่งเป้าหมายของเธอคือชิงช้าตัวนั้นไม่เปลี่ยนแปลง…





ดารัลมองโทรศัพท์ในมือครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยความคิดถึงคนึงหา
เพราะไม่เห็นหน้าค่าตาเขามาเกือบจะสัปดาห์แล้ว เสียงก็ไม่ได้ยิน

ถ้าเธอกดไปหาเขาเขาจะรับสายเธอม้ัยนะ…

นิ้วหัวแม่มือรอเวลามานานเพื่อจะกดปุ่มสีเขียวๆนั่น…
หากเจ้าของหัวแม่มือกลับไม่สามารถตัดสินใจได้เสียที

…แค่ได้ยินเสียงของเขา ขอแค่นี้ เขาจะยอมทำให้เธอมั้ยนะ…

ดารัลได้แต่เดินไปเดินมาราวกับหนูติดจั่น สายตาไม่คลาดไปจากจอโทรศัพท์

“เฮ้อ…”หญิงสาวถอนใจยาวระอากับความไม่กล้าของตัวเอง…
ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ดารัลรีบลงไปยังด้านล่าง
คว้าโทรศัพท์บ้านขึ้นมากดเบอร์เขาทันที…

ขอแค่ได้ยินเสียงเขาก็พอ…ไม่อยากให้เขารู้ว่าเราโทรไปหานี่นา…

หากเมื่อโทรไปกลับไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
ดารัลยังไม่ละความพยายามที่จะโทรอีกครั้งและอีกครั้ง อยู่หลายครั้ง
หากก็ยังเป็นเช่นเดิม…จนดารัลขี้เกียจจะยืนรอฟังเสียงสัญญาณตอบรับอีกต่อไป
หญิงสาวเดินหน้างอคอตกขึ้นบนห้องไป…

สักพักเสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น…หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง
รีบถลาเข้าไปรับสายทันที…

“ฮัลโหล…”เสียงหวานตอกกลับไปทันทีอย่างมีความหวัง

“คุณรัลใช่มั้ยคะ…นี่ช่่านะคะ…”ดารัลถึงกับหุบยิ้มแทบไม่ทัน

“ค่ะ…รัลเอง…ว่าไงคะ…”

“วันนี้คุณรัลว่างมั้ย…ช่ากะจะไปเยี่ยมค่ะ…ช่วงนี้ยุ่งๆเลยไม่ได้แวะไปหาเลย…
คิดถึงก็เลยอยากไปหาน่ะค่ะ…”

“มาสิคะ…รัลว่างทุกวันแหล่ะค่ะ…”ดารัลเปิดทางออกกว้าง
สำหรับต้อนรับหนึ่งในผู้ต้องสงสัยของเธอ
อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ไม่มีโอกาสออกไปหาเบาะแสใดๆได้
จะเป็นไรไปถ้าจะเปิดโอกาสให้ผู้ต้องสงสัยเดินมาหา…



เพียงไม่นาน ดารัลก็มีโอกาสต้อนรับแขกขาประจำ
ซึ่งวันนี้เธอไม่ได้มาคนเดียว แต่หอบลูกแมวติดมือมาด้วย

“ช่าได้ข่าวว่าเจ้าคุโระกับชิโระเสียไปแล้ว ก็เลยคิดว่าคุณรัลน่าจะเหงา
เลยเอาเจ้าเสือมาฝากค่ะ…ถือว่ามันเป็นที่ระลึกจากช่าก็แล้วกันนะคะ”

ดารัลมองแมวลายเสือในมือนาตาชาด้วยแววตาเอ็นดู
ก่อนจะรับมาวางไว้บนตักลูบหัวมันเบาๆด้วยรอยยิ้มเอื้อเอ็นดู

“ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ตอนที่เสียเจ้าคุโระกับชิโระไปใหม่ๆ
รัลแทบไม่เป็นอันกินอันนอนเลยจริงๆ คิดถึงมันมากๆ
จนไม่อยากเลี้ยงแมวอีก กลัวว่าถ้ามันตายไปอีก รัลจะรับไม่ไหว…
แต่พอเห็นเจ้าเสือของคุณช่า รัลแทบอยากจะเปลี่ยนความคิดเลยค่ะ”

น้ำเสียงและแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของดารัล ทำให้บอดีการ์ดสาว
ที่ยืนอยู่ตรงมุมห้องอดยิ้มที่มุมปากไม่ได้…หากแววตาก็ยังไม่วาย
คอยสังเกตการณ์ทุกคนที่เข้าใกล้รัศมีของเจ้านายไม่วางตา

ยิ่งชื่อของแขกแล้ว ยิ่งทำให้เธอต้องคอยคุมเจ้านายแจ
เพราะนายจ้างของเธอสั่งกำชับเอาไว้…

“ช่าดีใจที่คุณรัลชอบเจ้าเสือ ตอนที่ไปเลือกเจ้าลูกแมว
เห็นแมวสีขาวกับสีดำก็ตั้งใจจะซื้อมาฝาก แต่คิดไปคิดมา
มันอาจจะทำให้คุณรัลพลอยคิดถึงเจ้าสองตัวที่จากไปอีก
ก็เลยเปลี่ยนใจเอาเจ้าเสือมาแทน เห็นลายของมันสวยดี…เหมือนลูกเสือเลย…”

เสียงของแขกดูสดใสจนดารัลแทบไม่อยาก
จะปักใจเชื่อว่าเธอผู้นี้จะเป็นคนในเงานั่นไปได้…

หรือเธอจะคิดและมองหญิงสาวผู้น้ีในแง่ร้ายเกินไป…
เพราะเท่าที่ผ่านมา หญิงสาวผู้นี้ก็มิได้ทำอะไรที่ดูไม่ดีหรือส่อพิรุธเลยจริงๆ…

แววตาก็ดูจริงใจไร้พิษภัย…

“คุณช่าใจดีกับรัลเสมอเลยนะคะ…ดีจน…”ดารัลหยุดไว้แค่นั้น
ก่อนจะยิ้มอย่างจริงใจให้หญิงสาว

“เอาไว้ถ้ารัลตอบแทนอะไรคุณช่า หรือมีอะไรพอที่รัลจะสามารถ
ช่วยคุณช่าได้ก็ขอให้บอกนะคะ…รัลอยากตอบแทนน้ำใจของคุณช่าบ้าง…”

“อย่าเลยค่ะ…ที่ช่าทำไปก็ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน…
แค่ได้แวะมาหาให้หายเหงา มีเพื่อนคุยก็พอแล้วค่ะ…
ว่าแต่วันนี้ขออยู่ทานข้าวด้วยคนได้มั้ยคะ…”
ว่าพลางก็ชำเลืองมองราวกับกำลังหาใคร

“คุณฟาเดลไม่อยู่เหรอคะ…เห็นบ้านเงียบๆ…”

“ไม่อยู่หรอกค่ะ ช่วงนี้คงยุ่งกับงาน…ส่วนคุณปู่คุณย่ายังไม่กลับเลยค่ะ…
บอกว่าอยากท่องเที่ยวหาความสำราญให้ชีวิตด้วยกัน…
ตอนนี้เห็นจะอยู่แถวๆทางเหนือน่ะค่ะ…”ดารัลเล่าไปก็ก้มมองเจ้าเสือในตักไปด้วย…

“นี่มันกินอะไรมารึยังคะ…”

“ยังค่ะ…”

“ดูท่าน่าจะซนกว่าเจ้าสองตัวนั้นมากเลยนะคะ”ดารัลเอ่ยขึ้น
เพราะเจ้าเสือดูจะอยู่ไม่สุข พยายามจะดิ้นลงไปวิ่งเสียให้ได้
จนเธอต้องยอมปล่อยมันลงบนพื้น พอเท้าแตะพื้นเท่านั้นมันก็ออกวิ่งฉิวทันที
ส่งผลให้ดารัลถึงกับหัวเราะกับท่่าทางนั้นของมัน

“ดูนะคะ…ดูมันจะเห่อบ้านหลังใหม่…”นาตาชาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสไม่แพ้กัน…

ดารัลจึงพ่นลมหายใจออกมา กะว่าคืนนี้เธอจะเอามันไปนอนกอดด้วยที่ห้อง

“คราวนี้คงไม่เหงาแล้วล่ะค่ะ…”





ระหว่างที่กำลังทำอาหารเย็นด้วยกัน นาตาชาก็เอ่ยราวกับจะเล่าสู่กันฟังว่า

“คุณรัลรู้รึยังคะว่า ตอนนี้ที่บริษัททัวร์ของคุณฟาเดลมีหุ้นส่วน
ชาวต่างชาติคนใหม่เข้ามาซื้อหุ้นของคุณบารัค…”

“เหรอคะ…”ดารัลตอบรับด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ได้มีแววตาตื่นเต้น
หรือสนใจข่าวสารดังกล่าว เพราะสำหรับเรื่องนี้นั้นมิใช่เรื่องประหลาด
อะไรเลยสำหรับเธอ

ทว่าประโยคต่อมานี่สิที่ทำให้ดารัลต้องหันมาสนใจในทันที

“ได้ข่าวว่าเป็นคนไทยค่ะ…เป็นผู้หญิงซะด้วย…เขาว่าทั้งสวยทั้งเก่งเลยนะคะ…
แถมยังรวยเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของเมืองไทยเลยทีเดียว…
คุณฟาเดลก็เห็นจะสนใจเพราะทางโน้นเขาดำเนิินธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรม
และรีสอร์ทในเมืองไทย ขยายสาขาไปทั่วทั้งภูมิภาค นี่ก็กะจะมาขยายปีกที่คาสบลังก้า…”

นาตาชามองหญิงสาวที่กำลังหั่นผักอยู่อย่างใคร่ครวญ
แววตาที่ส่อแววสนใจฉุดประกายให้เธอต้องพูดประโยคถัดมาอย่างอยากจะเน้น

“ได้ข่าวว่ายังโสดอยู่เลยนะคะ อายุก็แค่สามสิบเอง…แต่หน้าเด็กมาก…
หนุ่มๆคาสบลังก้าคงต้องแหงนหน้ามองแน่ๆค่ะ
คนไทยน่ะขึ้นชื่อว่าสวยอยู่แล้ว…ยิ่งรายนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ช่าเองเห็นแล้วอดขอถ่ายรูปด้วยไม่ได้…เดี๋ยวช่าจะเอามาให้ดูนะคะ
มันอยู่ในโทรศัพท์…”ไม่พูดเปล่า นาตาชาหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟน
ออกมาแล้วส่งให้ดารัลดู

“เป็นไงคะ…ช่าว่าสวยกว่าพวกดาราดังเสียอีก…”

ดารัลเองก็อดยอมรับไม่ได้ว่าหุ้นส่วนคนใหม่ของฟาเดลสวยจริงๆ…
สวยชนิดหาตัวจับยาก

เธอว่า สมัยนี้ผู้หญิงสวยดูจะมากกว่าผู้หญิงไม่สวยเสียอีก…
ไม่ว่าจะมองไปทางใดก็เจอแต่คนสวยทั้งนั้น ไอ้ที่ขี้ริ้วขี้เหร่แทบจะหาไม่ได้เสียแล้ว…

“สวยอย่างที่คุณช่าว่าจริงๆด้วย…”ดารัลยิ้มให้เจ้าของโทรศัพท์
หากนาตาชาไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ยังเลื่อนให้ดูภาพอื่นๆอีก
จนไปถึงภาพที่หญิงสาวผู้น้ันยืนเคียงกันกับฟาเดล…
นาตาชาก็รีบนำโทรศัพท์ไปเก็บทันทีราวกับไม่อยากให้เธอเห็น…

“เรามาทำกับข้าวกันต่อดีกว่าค่ะ…ช่าเองก็มัวแต่ชวนคุณรัลดูอะไรที่ไร้สาระ…
มาค่ะมา…วันนี้ข้าวผัดทะเลนะคะ…”แขกขาประจำ
พยายามเปลี่ยนเรื่องและหันมาขมักขะเม้นกับการทำอาหารทันที

หากดารัลกลับหมดอารมณ์เมื่อภาพที่ได้เห็นดันติดตา
จนแม้แขกขาประจำกลับไปแล้ว เธอก็ยังไม่สามารถสลัดภาพนั้นออกไปได้…

“ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรกอีก…เฮ้อ…
การมีสามีหล่อนี่เป็นบุญพาวาสนาส่งหรือ ท่าจะไม่จริงซะแล้ว…

นี่ถ้าแต่งงานไปกับพี่ฟารุก ก็คงไม่ต้องปวดหัว วุ่นวายแบบนี้…”

ดารัลบ่นพึมพำขณะลูบขนเจ้าเสือไปด้วย…แล้วก็อดคิดไปถึงหญิงสาวผู้นั้นไม่ได้

…บางที…นาตาชาอาจจะไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยหมายเลขหนึ่งอีกต่อไปแล้วก็ได้…
ในเมื่อหุ้นส่วนคนใหม่ก็ดูจะเข้าข่ายอยู่เหมือนกัน…
เห็นทีจะต้องหาทางสืบเรื่องนี้อย่างลับๆเสียแล้ว

แต่จะสืบอย่างไรล่ะ อิสรภาพแทบไม่มีแบบนี้…

ที่สำคัญ...ยังไม่อยากเห็นคนตกงานและเดือดร้อนเพราะเธอน่ะสิ…
เพิ่งรับปากบอดีการ์ดสาวไปหยกๆว่าจะไม่ทำให้เดือดร้อน...เฮ้อ...

เอาเถอะ...เรื่องนี้น่าจะมีทางออกที่สวยงามอยู่บ้างหรอก...

“ผู้หญิงคนนั้นไม่น่าไว้ใจหรอกค่ะ…”

เสียงนั้นดังมาจากบอดีการ์ดสาวของดารัล
ทำเอาดารัลถึงกับเงยหน้าขึ้นมองคนที่เหมือนทำตัวราวกับเงาล่องหน
กลมกลืนไปกับสถานที่ที่ยืนอยู่ได้อย่างลงตัว…

“พยายามจะคิดแบบนั้นหลายครั้งแล้วเหมือนกัน
แต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาสนับสนุนความคิดนั้นได้
เธอไม่มีอะไรให้มองในแง่ร้ายได้เลยจริงๆ…”

“คุณเองก็น่าจะมีสัญชาตญาณของนักล่า ไม่น่าจะมองไม่เห็นผู้ล่าด้วยกัน…”

“อาจจะตกเป็นเหยื่อเสียมากกว่าจะเป็นนักล่า…”ดารัลเอ่ยเสียงเรียบ

“ไม่มีนักล่าที่ไหนเขาแสดงตัวหรือทำตัวเด่นเป็นที่น่าสังเกต
ขณะกำลังจะล่าเหยื่อหรอกค่ะ…ผู้หญิงที่เป็นแขกของคุณน่ะ มีนิสัยของนักล่า…”

คำอธิบายนั้นดูจะทำให้ดารัลอดคิดตามไม่ได้…

“ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้นล่ะ…”

“ด้วยสัญชาตญาณล้วนๆ…”คำตอบนั่นทำเอาดารัลถึงกับนิ่งคิดไปนาน
มือก็ยังคงลูบขนนิ่มๆนั่นของเจ้าเสือไปด้วย…

“เธอเชื่อในความสามารถของฉันมั้ย…”ดารัลเอ่ยถาม…

“เรื่องแบบนี้…ฉันจะเชื่อก็ต่อเมื่อได้ประลองฝีมือกันเท่านั้น…”

“อยากออกกำลังกายก่อนนอนมั้ยล่ะ…”ดารัลชวน…
อีกฝ่ายก็ไม่คิดปฏิเสธ…


เพียงไม่นาน สนามหญ้าที่กว้างขวางตรงสวนหลังบ้าน
ก็กลายเป็นสนามประลองฝีมือการต่อสู้แบบมือเปล่่าของสองสาว
โดยมีบอดีการ์ดสาวอีกคนกับบอดีการ์ดผู้ชายอีกสองคนเป็นผู้ชมและผู้ตัดสิน…

และเพียงไม่กี่นาทีต่อมา บอดีการ์ดสาวก็ถูกสยบจนหมอบราบคาบแก้วสิ้นฤทธิ์…

ดารัลยื่นมือให้คนที่นอนอยู่บนพื้นหญ้าเพื่อพะยุงให้ลุกขึ้นพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร

“คุณนี่สุดยอดจริงๆ…”บอดีการ์ดสาวถึงกับเอ่ยปากชมเจ้านายสาวจากใจจริง
เพราะบอดีการ์ดที่เคยดูแลคุ้มกันแขกวีไอพีเช่นเธอมาก่อน
ยังถูกล้มจนหมดฤทธิ์เพียงไม่กี่นาทีโดยที่อีกฝ่ายดูจะไม่ได้เสียแรงไปเท่าไหร่เลย
แม้แต่เหงื่อบนใบหน้าสวยก็ไม่มีปรากฎ…

นับว่าเป็นการต่อสู้ที่ใช้ไวพริบและชั้นเชิงมากกว่าใช้แรงเข้าต่อสู้…
แถมไม่เสี่ยงต่อการเจ็บตัวอีกต่างหาก…

น่ันทำให้เธอได้รู้ว่าหญิงสาวที่เป็นเจ้านายตรงหน้ามีความรู้เรื่องสรีระ รูปร่าง
โครงสร้างทั้งภายนอกและภายในของมนุษย์หมดทุกซอกทุกมุม
ไม่เว้นแม้แต่เส้นประสาท ข้อต่อ และจุดสำคัญต่างๆในร่างกายมนุษย์…

“พอดีสร้างสมบุญเก่าไว้เยอะ…ต้องยกความดีความชอบให้พ่อกับอาจารย์ดารุสค่ะ…
สองท่านนี้เป็นผู้ประสาทวิชาให้ตั้งแต่อายุสามขวบ
คงบอกไม่ได้ว่าเป็นศิลปะวิชาการต่อสู้แขนงไหนบ้าง
รู้แต่ว่ามันผสมผสานกันจนไม่รู้ว่าชาติไหนเป็นชาติไหน
เหมือนกับใบหน้าและสายเลือดของฉันนี่แหล่ะ…”

เสียงหัวเราะในตอนท้ายทำเอาบอดีการ์ดสาวถึงกับแอบยิ้มตาม…

แสดงว่าสัญชาตญาณของเธอไม่ผิด…ผู้หญิงตรงหน้ามีความเป็นนักล่า
มากกว่าจะตกเป็นเหยื่อใครง่ายๆ อีกทั้งยังมีน้ำใจนักกีฬาเสียด้วย

“มันพอจะการันตีได้รึยัง…”คนถูกถามส่ายหน้า

“ถ้าคุณล้มสามคนนี้หน้าคว่ำจูบพื้นหญ้านี้ได้ภายในสิบห้านาที…
ฉันจะยอมทำตามที่คุณขอทุกอย่าง…อย่างไม่มีข้อยกเว้น”

บอดีการ์ดสาวยื่นข้อเสนอยั่วใจชนิดที่ดารัลแทบไม่อยากปฏิเสธเลย…

“สิบห้านาที…ด้วยชุดนี้เนี่ยนะ…”

ดารัลชี้มายังชุดกระโปรงบานครอมเท้าของเธอ
แม้ปกติเธอจะใส่กางเกงแลกกิ้งขายาวเอาไว้ข้างในด้วยก็ตาม
แต่ถ้าต้องต่อสู้กับผู้ชายตัวใหญ่ๆถึงสองคนกับอีกหนึ่งสาว
ก็ชักไม่แน่ใจขึ้นมาว่ากระโปรงตัวนี้จะไม่ทำให้เธอหน้าคว่ำจูบพื้นหญ้าแทนสามคนนั่น

“ก็ต้องเป็นเช่นนั้นสิคะ…เพราะสถานการณ์จริงคุณเลือกไม่ได้หรอกว่า
จะเจอศัตรูตอนที่คุณกำลังสวมชุดอะไรอยู่…”

ดารัลมองบอดีการ์ดทั้งสามคนที่ยืนเรียงหน้ากันอยู่อย่างชั่งใจ…
พลางคิดในใจ ถ้าเธอไม่สามารถล้มสามคนนี้ได้ภายในสิบห้านาที
มันก็ไม่สมควรที่คนอย่างเธอจะออกไปเผชิญผองภัยข้างนอก
ที่ไม่มีทางรู้ได้ว่าใครเป็นศัตรู…ยิ่งศัตรูอยู่ในเงามืดด้วยแล้ว

เธอจะมามัวลังเลแบบนี้ไม่ได้…เพราะศัตรูที่มองไม่เห็นตัวนั้นสามารถจู่โจมเธอได้ทุกเมื่อ

“มันก็คุ้มอยู่หรอกนะ…งั้นเข้ามา…”

แล้วศิลปะการต่อสู้มือเปล่าก็เปิดฉากขึ้นอีกครั้ง…
โดยที่ดารัลเลือกใช้ความกลมกลืนในการต่อสู้
ด้วยการใช้ความแข็งแรงจากฝ่ายตรงข้ามให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง

ยิ่งฝ่ายตรงข้ามแรงมาเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีต่อผู้รับ

ก่อนจะเปลี่ยนเป็นผู้รุกบ้างด้วยท่วงท่าพริ้วไหว…
ไม่ว่าจะเป็นการใช้ขาและเท้าในการหมุนหลบหลีกและเพื่อลดแรงปะทะ
ทำให้บอดีการ์ดสาวที่ล้มลงไปนอนคว่ำวัดพื้นหญ้าเมื่อสามนาทีก่อน
ลุกมายืนมองการต่อสู้ระหว่างผู้ชายตัวโตกับผู้หญิงร่างเล็กด้วยความเพลิดเพลิน

อดชื่นชมท่าล็อกทั้งตัวที่เจ้านายสาวเลือกใช้เพื่อประโยชน์ต่อการควบคุมฝ่ายตรงข้าม
ที่ตัวโตกว่าและมีจำนวนมากกว่าอย่างคาดไม่ถึง…

ยิ่งท่ามวยไทยโบราณบางท่าที่ยากจะได้เห็นในการต่อสู้ในสถานการณ์จริง
ที่ปัจจุบันมีน้อยคนที่จะรู้จักนำมาประยุกต์ใช้นั่นอีก อย่างท่ามอญยันหลัก
เมื่ออีกฝ่ายเสียหลักจึงรีบตามติดด้วยท่าบาทาลูบพักตร์
ที่ใช้เท้าขวายันไปที่ใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม
แล้วจบด้วยท่าฟาดหางจระเข้ตวัดกลับ แม้ไม่แรงแต่ก็คว่ำบอดีการ์ดร่างยักษ์
ลงไปนอนคว่ำหน้าจูบพื้นหญ้าแบบแนบสนิทชิดเชื้อภายในห้านาทีต่อมาได้อย่างจังงัง…

ก่อนจะหันกลับมาจัดการกับอีกคนที่ยืนตั้งรับอยู่แล้วด้วยศิลปะการต่อสู้
ในแบบไอคิโด้ของชนชาติญี่ปุ่นเป็นหลัก

เพราะศิลปะแขนงนี้จะไม่เน้นเรื่องความแข็งแรงของกล้ามเนิื้อ
แต่เน้นการยกทุ่มและพินหรือการยึดให้หยุดการเคลื่อนไหว

โดยดารัลเลือกใช้มือทั้งสองจับที่แขนข้างเดียวของคู่ต่อสู้
ใช้ข้อนิ้วด้านฝ่ามือกดเข้าที่เส้นประสาทในแขนใกล้กระดูก
ก่อนจะตวัดหมุนจนอีกฝ่ายเสียสมดุลย์ หลอกล่อเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของอีกฝ่าย
อยู่ชั่วครู่ จนแน่ใจ คราวนี้จึงเข้าจัดการด้วยการตีไปยังจุดสำคัญของร่างกาย
ตรงท้ายทอยเมื่ออีกฝ่ายเผลอเพื่อสยบคู่ต่อสู้โดยเร็ว
จนล้มลงไปนอนจูบพื้นหญ้าเป็นคนสุดท้าย…

แม้ไม่รุนแรงถึงขั้นสลบเหมือด แต่ก็สามารถหยุดการคุกคามลงได้สำเร็จตามเป้าหมาย
และกติกาการต่อสู้…

เสียงปรบมือจึงดังขึ้นพร้อมกัน…

“สิบสี่นาทีห้าสิบสามวินาที…งานนี้ฉันคงต้องยอมให้คุณจริงๆ…”

บอดีการ์ดสาวเดินมาหาเจ้านายสาวด้วยรอยยิ้มกว้าง
ยิ้มที่น้อยคนจะได้รับหรือได้เห็น…

ดารัลรับผ้าขนหนูมาจากบอดีการ์ดสาวอีกคนมาซับเหงื่อบนใบหน้า
ก่อนจะกระชับผ้าคลุมศีรษะให้เข้าที่เข้าทางพร้อมกับบ่นไปด้วยว่า

“เกือบไม่รอดแน่ะ…”

“น่าจะเป็นพวกเราที่ต้องพูดแบบนั้นนะ…”
ชายร่างยักษ์ที่เพิ่งลุกขึ้นได้สวนขึ้นในขณะที่คลำท้ายทอยด้วยสีหน้าเหยเก…

“ออมมือให้กันเห็นๆ…”ดารัลประท้วง…

“เปล่าเลย…พวกเราไม่เคยคิดจะแกล้งเนเนต…จริงมั้ยเนเนต”

หนุ่มร่างยักษ์หันไปพยักพะเยิดกับบอดีการ์ดสาวที่ส่งคำท้ารบ
ให้เจ้านายสาวก่อนหน้านี้ด้วบรอยยิ้มกว้าง

“ในสนามประลอง คุณก็รู้ว่าไม่มีการออมมือกันหรอก…”
เนเนตย้ำถึงชัยชนะของนายสาว…และอดชื่นชมฝีไม้ลายมือของคนตรงหน้าไม่ได้

และด้วยทุกท่วงท่าท่ีเจ้านายสาวเลือกใช้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นท่า
ที่คู่ต่อสู้แทบไม่มีทางเข้าถึงเนื้อถึงตัวได้เลย…
เนื่องจากนายสาวรู้จักหลบหลีกได้อย่างชำนาญก่อนจะจู่โจมอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่พวกเขาเผลอ…มีลูกล่อลูกชนจนคนดูอดมองอย่างเพลิดเพลินไม่ได้

นับว่าเป็นเสน่ห์ชวนมองที่เหล่าบอดีการ์ดอดชื่นชมไม่ได้…

“เธอคงคิดไม่ถึงแน่เนเนตว่าฉันจะให้เธอทำอะไรให้ฉันบ้าง…”

ดารัลถือโอกาสทวงข้อตกลงทันทีอย่างไม่รอให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสต้ังรับ

“สมกับเป็นนักล่าจริงๆนะคุณ…เลือกจะจู่โจมทั้งทีก็ไม่รอให้เหยื่อได้มีเวลาตั้งรับเลย…”

“อยู่กับฉันแล้ว…เราจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อใครง่ายๆหรอก…เชื่อสิ…”

บอดีการ์ดสาวรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาแปลกๆกับคำว่า ‘เรา’ ของนายสาว

“ฉันเชื่ออยู่แล้ว…”บอดีการ์ดสาวไร้คู่หัวเราะออกมาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน…
เมื่อนึกไปถึงประโยคเมื่อเช้าที่ได้พูดกับเจ้านายสาว
เรื่องสร้างรักสร้างรัง…สร้างครอบครัว…

ใครจะคิดว่าคนตรงหน้าจะเอาจริง…
แต่เท่าที่เห็น นายสาวของเธอตั้งใจจริงที่จะหาคู่ให้เธอ
ด้วยการหาทางให้เธอเปลี่ยนใจมาทำงานกับนายสาวแทนนายผู้ชาย
ที่ส่งเธอมาควบคุมการเคลื่อนไหวของอยู่หลายอาทิตย์แล้ว…

งานที่เธอเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอะไรบ้าง…
แต่เมื่อลงได้พูดออกไปแล้วจะกลับคำก็เห็นจะเสียชาติเกิด…

“มนุษย์เป็นสัตว์นักล่าที่ทรงพลังที่สุดในห่วงโซ่อาหาร…
ดังนั้น…คืนนี้ฉันจะเลี้ยงสลัดผักพวกเธอนะ…เพราะถึงจะกินข้าวเย็นไปแล้ว
แต่คงต้องหาอะไรกินก่อนนอนเพื่อเติมพลังแล้วล่ะ…
ใครสนใจจะกินผักกับฉันก็ตามมาเลย…”

เสียงหัวเราะสดใสของนายสาวพาลทำให้เหล่าบอดีการ์ดหน้ายักษ์
พลอยอดหัวเราะตามไปด้วยไม่ได้…

ทำให้คนที่ยืนหลบมุมอยู่ตรงระเบียงบ้านที่เฝ้าจับตาการเคลื่อนไหว
ทุกฝีก้าวของทุกชีวิตบนสนามหญ้าอยู่นานแล้วระบายยิ้มออกมาอย่างลืมตัว

“เหมี้ยว…”เสียงเจ้าเหมียวลายเสือร้องราวกับต้องการจะเรียกร้อง
ความสนใจจากคนที่กำลังอุ้ม ทำให้นิ้วเรียวหันมาเกาคางให้มัน
จนมันเคลิบเคลิ้ม หลับตาพริ้มอย่างมีความสุขเสียจนน่าอิจฉา…





“เหมี้ยวๆ…เจ้าเสือ…เจ้าเสือ…”ดารัลส่งเสียงเรียกเจ้าลูกแมวเหมียว
ที่ไม่ยอมโผล่หน้าออกมาเลยตั้งแต่เธอชวนเหล่าบอดีการ์ดกินผักเสร็จ
จนข้ีนมาตามหาถึงชั้นบนทุกซอกทุกมุมแล้วก็ยังไม่ได้รับการตอบรับ
จากสมาชิกใหม่ของบ้าน…

“ไปซนถึงไหนนะ…ถ้าไม่ยอมออกมาจากที่ซ่อนล่ะก็
แม่รัลจะเปลี่ยนชื่อจากเจ้าเสือเป็นเจ้าลิงซารุซนเลยคอยดูนะ…
สงสัยคงจะเห่อเดินชมบ้านหลังใหญ่ไม่เลิกอยู่แน่ๆล่ะสิท่า…

เจ้าซารุซน…ออกมาหาแม่มา…เหมี้ยวๆ…”

ดารัลเรียกหาเจ้าเหมียวด้วยชื่อที่เพิ่ิ่งนึกได้หมาดๆ
ซึ่งลิงในภาษาญี่ปุ่นนั้นคือซารุ
ดารัลเลยเล่นตั้งชื่อแบบไทยผสมญี่ปุ่นเสียจนคนที่แอบฟังอยู่ถึงกับยิ้มขัน

“มาแอบหลับอยู่ที่นี่นี่เอง แสนรู้จริงๆนะ…
รู้ได้ไงว่าเจ้าของเขาอนุญาตให้นอนน่ะฮะ…”

ดารัลหันไปเจอเจ้าเสือที่เพิ่งถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเจ้าซารุซนไปหมาดๆ
นอนขดตัวอยู่ตรงมุมโซฟาตัวใหญ่ในห้องนอนส่วนตัวของเธอกับฟาเดล

“เกิดเจ้าของเขากลับมาเห็นแมวมอมแมมลายพาดกลอนเหมือนเสือ
แต่มีชื่อเหมือนลิงมานอนแย่งที่เขาล่ะจะหาว่าแม่ไม่เตือนไม่ได้นะ…”

พูดพลางก็นั่งลงบนโซฟาลูบขนนุ่มๆของมันอย่างนึกเอ็นดู…
ก่อนจะยกมันขึ้นอุ้มมาวางไว้บนเตียงแล้วเกากางให้มันจนมันหลับพริ้มไป…
แล้วจึงค่อยๆยันกายยืนมองภาพลูกแมวด้วยรอยยิ้มอยู่นาน

ก่อนจะผวาสะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ๆก็มีลำแขนแข็งแรงเข้ามารวบเอวเธอ
เอาไว้ทางด้านหลัง ดารัลเตรียมพร้อมที่จะกรี๊ดด้วยสัญชาตญาณของผู้หญิง

หากจมูกที่ไวกว่าปากได้กลิ่นน้ำหอมบวกกับกลิ่นกายของคนที่กำลังกอดเธออยู่
ทำให้หญิงสาวหยุดที่จะส่งเสียง…

“พอดีมีคนส่งความคิดถึงไปหา…ก็เลยตามคลื่นสัญญาณความคิดถึงมา”

“ขี้ตู่…”ดารัลเอ่ยออกไปด้วยเสียงสั่นๆ ส่วนใบหน้านั้นไม่ต้องถาม
ป่านนี้มันคงแดงเป็นลูกตำลึงประจานเจ้าของมันไปแล้วล่ะ…

ยิ่งคนที่กำลังสวมกอดเธออยู่ทางด้านหลังก้มลงกดจมูกลงตรงขมับ
แล้วขยับมาฝังลงตรงพวงแก้ม ก็ทำเอาคนที่เฝ้าคิดถึงเขามาหลายวันถึงกับก้มหน้ายิ้ม

“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ…”

“ก็นานพอจะเห็นอะไรดีๆ…”เสียงนั้นฟังดูหวานจนคนฟัง
อดหวั่นไหวไปกับความอ่อนไหวในใจไม่ได้…

“อยากบอกว่าพี่คิดถึงน้องรัลนะครับ…”พูดพลางก็จับไหล่หญิงสาวให้หันไปหาเขา
ก่อนจะเชยคางขึ้นเพื่อจะได้มองใบหน้าในห้วงความคิดถึงของเขาได้ถนัดขึ้น

“ไม่โกรธน้องรัลแล้วเหรอคะ…”ดารัลถามขณะสบตาเขานิ่่ง

“ไม่ ไม่โกรธ…แต่น้อยใจ…น้อยใจที่คนที่รักไม่ยอมเข้าใจ…”

แววตาของเขาทำเอาดารัลถึงกับน้ำตารื้น
ก่อนจะสวมกอดเขาซบหน้าลงตรงอกกว้างนั้น…

“น้องรัลขอโทษที่พูดไม่ดี พูดไม่คิด ทำให้พี่เสียใจ…
น้องรัลนิสัยไม่ดี แต่ก็ไม่รู้จะเปลี่ยนยังไงเหมือนกัน…”

ดารัลสารภาพผิดออกไปด้วยแววตาสำนึกอย่างจริงใจ

“มันเปลี่ยนยาก…พี่ฟาเดลเข้าใจน้องรัลนะคะ…”

“พี่เข้าใจ…และพี่ก็จะหยุดกักขังน้องรัล…เพียงแค่ขอ
ขอให้น้องรัลบอกพี่ให้รู้ว่าน้องรัลกำลังจะไปที่ไหน ไปทำอะไร
หรือไม่ก็ต้องมีคนอื่นคอยติดตามไปด้วย จะไม่ไปไหนเพียงลำพังอีก…

พี่ไม่ได้อยากกักขังน้องรัลแบบนี้ อยากเห็นน้องรัลหัวเราะมีความสุข...
แต่พี่เป็นห่วง กลัวน้องรัลจะได้รับอันตราย…พี่ไม่อยากสูญเสียน้องรัลไป…
เข้าใจพี่นะครับ…”

ดารัลพยักหน้า…ถ้าพูดและตกลงกันอย่างนี้ได้ตั้งแต่ต้นโดยไม่ใส่อารมณ์
เธอกับเขาก็คงเข้าใจกันเสียตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว…

ไม่ต้องคอยมานั่งคิดถึงนอนคิดถึงอย่างหลายวันที่ผ่านมา…

“เนเนตจะไปเป็นเพื่อนน้องรัลทุกที่ค่ะ…น้องรัลไว้ใจเขา…
เชื่อในสัญชาตญาณของเขา…เนเนตคนที่พี่ฟาเดลจ้างให้มาเป็นบอดีการ์ดคนสนิท
ที่คอยตามติดน้องรัลทุกฝีก้าวคนน้ันไงคะ…”
ฟาเดลพยักหน้ารับ

“แล้วคนอื่นล่ะ…จะให้ทำไง…”

“คนอื่นก็ให้เฝ้าบ้าน หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน เราค่อยเรียกหา
น้องรัลเชื่อว่า…คนในเงาจะเคลื่อนไหวอีกครั้งเร็วๆนี้แน่…

และพี่ฟาเดลก็ควรมีบอดีการ์ดคอยเป็นหูเป็นตาให้ด้วย
น้องรัลว่าหนุ่มยักษ์สองคนนั่นใช่เลย…ส่วนผู้หญิงอีกคน
น้องรัลจะให้อยู่ดูลาดเลาที่บ้านค่ะ…”

“ก็ดีนะครับ…เพื่อความสบายใจกันทั้งสองฝ่าย พี่ยินดีจะรับบอดีการ์ด
ร่างยักษ์สองคนมาประกบซ้ายขวาตามบัญชาของเจ้าหญิงดารัล”

ดารัลยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าพี่ฟาเดลคนเดิมกลับมาแล้ว…

“งั้นน้องรัลขอไปอาบน้ำก่อนนะคะเจ้าชายฟาเดล…
เมื่อกี้ออกกำลังไปเยอะ เหม็นเหงื่อออกค่ะ…แล้วก็เหนียวตัวด้วย…”

พูดพลางก็ค่อยๆผละออกจากอกแกร่งกับลำแขนแข็งแกร่งที่โอบเธอเอาไว้แน่น

“ไม่เห็นจะเหม็นเลย…”พูดพลางพิสูจน์กลิ่นด้วยการก้มลงหอมแก้มหญิงสาวฟอดใหญ่…

“แก้มน่ะอาจจะยังไม่ทันเหม็น แต่เชื่อสิคะว่าเนื้อตัวน้องรัล
ต้องมีกลิ่นตุๆแล้วแน่ๆ…”ฟาเดลได้ยินเช่นนั้นก็แสร้งทำจมูกฟุดฟิด

“สงสัยคงต้องพิสูจน์ดูซะแล้วสิ…”ดารัลเบี่ยงหลบอย่างชำนาญ
ก่อนจะสาวเท้าวิ่งเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับชุดคลุมกับผ้าขนหนู
ส่งผลให้ฟาเดลมองตามไปอย่างขำขันกับท่าทางระแวดระวังนัั่น

“เมื่อไหร่จะเลิกกลัวเรื่องความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาสักทีนะน้องรัล
ทีเรื่องอื่นล่ะกล้าได้กล้าเสีย…แต่กับเรื่องนี้…เฮ้อ…”ฟาเดลบ่นพึมพำก่อนจะถอนใจยาว…



เมื่อดารัลกลับออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นอีกฝ่ายนอนหลับอยู่บนโซฟา
ที่ประจำไปเรียบร้อยแล้ว…หญิงสาวเองที่รู้สึกเพลีย
เพราะออกแรงล้มบอดีการ์ดทั้งสี่ไปเลยมองเตียงนอนนุ่มๆพร้อมรอยยิ้ม
ก่อนจะปีนขึ้นไปนอนกอดเจ้าเสือที่นอนขดตัวอยู่แล้วหลับไปโดยง่ายดาย

มารู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่รู้สึกถึงเตียงนอนที่ยุบตัวลง
แล้วตัวเองถูกรวบจากทางด้านหลังจากลำแขนแข็งแกร่ง…

ดารัลยิ้มทั้งๆที่ยังปิดตาอยู่โดยไม่ขัดขืนหรือปัดป้อง…

เพราะนับวันก็ยิ่งผูกพัน และยิ่งผูกพันก็ยิ่งโหยหา คิดถึง ยิ่งแน่ใจ
มั่นใจในตัวเขามากขึ้นเรื่อยๆ…

ดารัลจึงพลิกกายหันไปหาไออุ่นจากแผงอกกว้างนั้น
แล้วซุกกายอิงแอบแนบชิด วาดวงแขนโอบรอบเอวเขาไว้อย่างเต็มอกเต็มใจ…

ฟาเดลที่ยังไม่หลับจึงอุทิศแขนแทนหมอนให้หัวทุยๆได้รองหนุน
ก่อนจะก้มลงฝังจมูกตรงกระหม่อมนั้นแล้วเข้าสู่นิทราไปด้วยรอยยิ้ม…

ปิดฉากความขุ่นโกรธก่อนหน้านี้ลงจนไม่เหลือร่องรอยอีกต่อไป…

หลายครั้งที่เธอทำอะไรเอาแต่ใจ…ดื้อจนน่าโมโห
คิดอยากจะออกไปไหนมาไหนโดยไม่บอกกล่าว อยู่ดีๆก็หายไป…

จนเขาสืบจนรู้ได้ในที่สุดว่าที่หายๆไปนั้นเพราะไปตามสืบเรื่องของสี่สาว
แถมยังเข้าไปจัดการกับสี่สาวเพียงลำพังในที่ที่เสี่ยงภัย

โชคดีแค่ไหนที่รอดปลอดภัยกลับมาได้…เขาจึึงไม่ต้องการให้เธอ
กลับไปทำอะไรเสี่ยงๆแบบนั้นอีก…แม้จะรู้ว่ามีวิชาพอจะเอาตัวรอดได้
แต่เธอก็คือผู้หญิง เกิดพลาดพลั้งไปจะเสียหายยิ่งกว่าผู้ชายอย่างเขา…

และเขายอมไม่ได้หรอกที่จะให้ภรรยาสุดที่รักออกไปทำอะไรแบบนั้น
โดยที่เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะรับรู้…เลยเลือกที่จะจับเธอกักขังไว้...

แม้จะไม่อยากทำ แต่สำหรับผู้หญิงที่ดื้อดึงเช่นดารัล เขาก็ไร้หนทาง
ที่จะรั้งเอาไว้ นอกเสียจากวิธีเดียว คือขังเอาไว้อย่างที่ทำ...
เธอจะได้ไม่สามารถออกไปไหนตามใจชอบโดยที่เขาไม่รู้อีก...

ซึ่งสุดท้ายเธอก็ยอมเข้าใจเขาในที่สุด…

ชีวิตเขา…ตั้งแต่มีเธอ ได้โอบกอดเธอเอาไว้ตั้งแต่ครั้งแรก
เขาก็รู้ได้ทันที ว่าเธอคือคนที่เขารอคอย…คือคนที่เขารักหมดใจ
และไม่คิดจะแสวงหาหญิงใดหรือต้องการใครเพิ่มอีกเลย…

แม้ศาสนาจะเปิดโอกาสให้เขาสามารถมีภรรยาได้สี่คน
หากเขาก็พอใจจะมีเพียงเธอ เพียงพอแล้วแค่มีเธอ…






.....โปรดติดตามตอนต่อไป.......


งานเข้า!
มีสาวโผล่มาอีกนาง!



เผลอแป๊บเดียว ดารัลก็หาพวกได้แล้ว...ฮ่า

มาดูว่า "ทีมนักล่า" ของเราจะลงมือทำอะไรกันบ้าง

อย่าเพิ่งงงๆไปนะคะว่า ถ้านางเอกเรามีปัญญาคว่ำบอดีการ์ดได้ขนาดนี้
ทำไมถึงยอมโดนขังเล่น...

ยกหน้ามาดูกัน แล้วจะเคลียร์กว่านี้ค่ะ


...คุยกับนักอ่านค่ะ...

1.คุณแว่นใส...พ่อแง่แม่งอนจ้าาาาา...ผีเข้าผีออก...ฮ่าๆ
ตอนนี้ดูจะไปได้สวยเนอะ...

2.คุณตุ๊งแช่...อย่าเพิ่งเพลียค่ะ...นางเอกเรายังสู้ตาย
คว่ำบอดีการ์ดสามคนภายในสิบห้านาทีได้เลย...
โยเองอยากสร้างภาพให้นักอ่านเห็นลีลาการต่อสู้แบบมือเปล่าของนางเอกนัก
แต่มีปัญญาเขียนบรรยายได้แค่ที่เห็นนั่นแหล่ะค่ะ...อิอิ
ส่วนเรื่องงงๆ ว่าเขาเคืองกันเรื่องอะไรนั้น...สงสัยโยคงบรรยายไม่เคลียร์
ส่วนใหญ่แล้วคู่สมรสกันก็งอนๆกันในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องประจำค่ะ...เ
เช่น หายไปไหนมาหา ทำไมไม่บอก
แล้วก็มักงอนมักทำโทษโดยยึดผลประโยชน์ของตนเป็นหลัก ซึ่งเรื่องพวกนั้นมันชอบ
ลดทอนความไว้วางใจ ความเชื่อใจกันระหว่างคนสองคนได้โดยคาดไม่ถึงทีเดียว
คุณภรรยาที่ดีจึงควรบอกคุณสามีเวลาไปไหนมาไหนอย่างไรล่ะคะ...
ซึ่งเป็นหลักการหลักของการครองเรือนในอิสลามเลยทีเดียว...
โยเอามาจากตรงนั้นเลย...เฮะๆ
เพราะเรื่องใหญ่ของคนแต่งงานจริงก็คงเป็นเรื่อง "อย่า" กับ เรื่อง "หย่า"
ขึ้นอยู่ว่าพูดในวาระใด ว่ามั้ยตัวเอง...อิอิอิ
อุ้ย! หันขึ้นไปมอง เผลอเขียนเสียยาวววววเลย...ฮ่าๆ

3.คุณคิมหันตุ์...ประมาณนั้นเลยค่ะ...ขิงก็ราข่าก็แรง...
ส่วนตอนนี้ก็...ขิงอ่อนข่าเลยอ่อน...เหอๆ
คู่นี้เขาส่อแววมาตั้งแต่ตอนเจอกันครั้งแรกแล้ว...
ดารัลเขาไม่เยือกเย็น สุขุมเหมือนแม่ แต่ดันซ่อนความดุดันไว้เหมือนพ่อ...
คุณหมอดานีสนั่นแหล่ะค่ะ...นักอ่านที่เคยเซ็งๆหมอดานีสมาก่อน
มาอ่านเรื่องนี้อาจจะเซ็งดารัลไปด้วย...เพราะเลือดพ่อแรงกว่าเลือดแม่...ฮ่าๆ
โยวางคาแรกเตอร์เขาไว้อย่างนั้น...ลีล่าท่าทางของนางเอกคนนี้จึงเป็นเยี่ยงนี้แล...



สุดท้ายไม่ท้ายสุด...ขอบคุณนักอ่านทุกท่าน ทุกไลค์ ทุกคอมเม้นท์เช่นเคยค่ะ...
ถ้าห่างหายไปไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า อย่าเพิ่งตกใจนะคะ...
เรื่องผลุบๆโผล่ๆ เป็นปกติวิสัยของเต่าเอง...เฮะๆ...

รักษาสุขภาพนะคะ

"เต่าโย"





yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 พ.ย. 2557, 14:49:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 พ.ย. 2557, 14:49:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 3754





<< บทที่ 18 คนนิสัยเสีย   บทที่ 19 นักล่า >>
ตุ๊งแช่ 13 พ.ย. 2557, 15:37:21 น.
เอิ่ม คนเขียนไปเรียนการต่อสู้มาป่าวนี่ เป็นฉากๆๆเลยย แล้วที่ตอนคุณฝาชีรุก ล่ะ หึหึ ..
ดีกันแล้วนึกว่าจะยอมร่วมหอลงโรง ซะอีก..


คิมหันตุ์ 13 พ.ย. 2557, 16:03:06 น.
โหดจัง. ยัยช่าจะร้ายได้ขนาดไหนนะ


แว่นใส 13 พ.ย. 2557, 16:53:49 น.
ทีมนักล่าต้องวางแผนอะไรแน่ เพราะตัวละครเพิ่มขึ้น
จริง ๆ แล้วเจ้าเสือเนี่ยเป็นแมวใครกันแน่


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account