...คาสบลังก้า...ดารัลฟาเดล...(จบแล้วค่ะ)
สืบเนื่องมาจากเรื่อง "อะรูซะตี...เจ้าสาวของผม"
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของลูกสาวสุดหวงของหมอดานีส
กับนาดา โดยเรื่องราวของคุณพ่อเมื่ิอครั้งก่อนนั้น
จะเป็นแนา "แต่งก่อนจีบ"
แต่สำหรับรุ่นลูกแล้ว จะเป็นแนว "จีบก่อนแต่ง"

ต้องมาคอยดูกันค่ะว่า จะจีบกันอย่างไร แล้วคุณหมอดานีส
ที่ต้องมารับบทบาทเป็นพ่อของลูกทั้งเจ็ดจะตกอยู่ในสภาพเช่นไร..
แล้วนาดาจะเป็นแม่แบบไหน...



เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของเมือง
"คาสบลังก้า" หรือ "อัดดารัลบัยฎออ์"
ซึ่งแปลว่า..."บ้านสีขาว"
ดินแดนในฝันดั่งต้องมนต์เสน่หาแห่งโมร็อกโก...
กับดินแดนอันแสนอบอุ่นด้วยไอรักแห่งแดนอาทิตย์อุทัย...

พบกับเขาและเธอ...

...ดารัล...ฟาเดล...

หญิงสาวที่หัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความรักความอบอุ่น
จากครอบครัวอันแสนสุขและน่ารัก...
ชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่เคยต้องการสิ่งใดอีกแล้ว
เพราะเธอพอใจทุกอย่างที่มีมาตลอด

จนเมื่อเจอกับเขา...ที่นั่น "คาสบลังก้า"
เขาทำให้เธอไม่อาจลบลืมมนต์เสน่หาของที่นั่นได้เลย
ไม่ว่าจะยามหลับหรือตื่น...

กับ

ชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยรูปเปลือกที่สวยงามสมบูรณ์
หากภายในใจนั้นยังคงโหยหาไออุ่นแห่งรักจากใครสักคน
มาเติมเต็มหัวใจกำพร้าของเขา...

แล้วเธอคือผู้ที่เขาค้นพบว่ามีทุกอย่างที่เขากำลังต้องการอยู่
ดังนั้น...ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาก็จะปล่อยเธอ
ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!




Tags: หวานซึ้งโรแมนติก ดราม่า โมร็อกโก คาสบลังก้า ทะเลทรายซาฮาร่า ดารัล ฟาเดล โสภณพสุธ

ตอน: บทที่ 19 นักล่า



กรุงเทพมหานคร เมืองที่คลาคร่ำไปด้วยรถรามากมาย
แสงสีในยามค่ำคืนล่อใจให้เหล่าแมลงเม่่ามารวมตัวกัน…

หากมีหญิงสาวนางหนึ่งที่ขอปลีกวิเวกจากเหล่าเพื่อนฝูง
หลังจากสิ้นสุดปาร์ตีเฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จในการขยายอาณาจักร
ไปยังคาสบลังก้าของเธอที่เพื่อนฝูงในวงการร่วมกันจัดขึ้น
เพื่อกลับไปยังคฤหาสถ์หลังงามริมแม่น้ำเจ้าพระยา…

“ไม่สนุกหรือนาย…”
ชายสูงวัยเอ่ยถามหลานสาวที่เดินเข้ามาสวมกอดอย่างออดอ้อน

“ก็งั้นๆแหล่ะค่ะ…ตอนนี้นายมีเรื่องที่น่าสนุกกว่างานปาร์ตีพวกนั้นอีก”
นายิกาเอ่ยกับผู้เป็นปู่ด้วยแววตาเป็นประกายจ้า

“ได้ข่่าวว่าเซ็นสัญญาอะไรเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย…”เสียงแหบแห้ง
ถามขึ้นด้วยแววตาหมายมาด

“ค่ะ…แม้จำนวนหุ้นจะไม่มากมายในตอนนี้ แต่นายคิดว่า
ไม่น่าจะยากเกินความสามารถของนายค่ะคุณปู่…”

ผู้เป็นปู่ลูบผมสีน้ำตาลเป็นลอนนั้นด้วยความภาคภูมิใจ
หลานสาวคนนี้ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังเลยจริงๆ…

“ปู่ได้ข่าวว่าเขาแต่งงานมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้ว…”

“ค่ะ…แต่งแล้ว…”เสียงคนพูดมิได้ส่ออารมณ์เสียดายอะไรออกมาแม้แต่น้อย

“ลูกเต้าเหล่าใครรู้รึเปล่า…”

“ดารัล โสภณพสุธค่ะคุณปู่…”ชื่อของหญิงสาวที่ถูกเอ่ยนั้น
มิได้ทำให้ผู้สูงวัยสะทกสะท้านมากเท่านามสกุลของเธอ

“คุณปู่น่าจะรู้จักคุณหมอดานีส โสภณพสุธ…นั่นแหล่ะค่ะพ่อแท้ๆของดารัล…”

ผู้สูงวัยก้มมองหลานสาวที่ตอนนี้เงยหน้าขึ้นมองเขา
ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม เขากับหลานสาวมักสื่อสารกันได้ด้วยดวงตาเสมอ

“หลานสาวคนโตของอะมานีสินะ…”
น้ำเสียงนั้นติดไปทางดุดันเมื่อเอ่ยถึงชื่อของบุคคลดังกล่าว

“ค่ะ…หลานสาวคนโตของท่านหญิงอะมานี…”

“สวยมากมั้ย…”

“น้อยคนจะได้เห็นหน้าค่ะ…ได้ข่าวว่าไม่ค่อยเปิดเผยตัวให้ใครรู้จัก ทำตัวเป็นเงา…”

น้ำเสียงคนพูดติดจะหมิ่นแคลนนิดๆอย่างไม่อาจปกปิดได้

เพราะตอนนี้เธอสามารถเป็นตัวของตัวเองได้
โดยไม่ต้องระวังอะไรเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ที่เป็นยิ่งกว่าชีวิตของเธอ

“นิสัยของนักล่า…”ชายสูงวันเปรยเสียงทุ้มต่ำ

“เห็นเขาว่าสวยมากนะคะ…แต่นายยังไม่เคยเจอตัวจริงหรอกค่ะ…
คนที่นายรู้จักและเคยไปร่วมงานแต่งบอกมาอย่างนั้น…”

“อะมานีเขาเป็นคนสวย…สมัยนั้นใครๆก็หลงรูปเขากันทั้งนั้น…
ขนาดว่าไม่ค่อยเปิดเผยโฉมหน้าให้ใครได้เห็นสักเท่าไหร่
แต่ใครๆก็อยากจะเห็น อยากจะทำความรู้จัก…
ยิ่งได้เห็นได้รู้จักก็ยากจะถอนตัวถอนใจ…”

น้ำเสียงนั้นยิ่งดุดันมากขึ้น จนทำให้คนฟังรู้สีกได้ถึงความเยียบเย็นที่ถูกส่งออกมา…

“คุณปู่รู้จักท่่านหญิงอะมานีหรือคะ…”

“ยิ่งกว่ารู้จักเสียอีก…”น้ำเสียงหนักแน่น
แววตาเจิดจ้านั้นทำให้นายิกาถึงกับขมวดคิ้ว

“ไม่ใช่แค่สวยหรอก เขาทั้งฉลาด เก่ง มีความรู้ความสามารถมากเลยทีเดียว…”

“ที่สำคัญ…เขาเคยเป็นว่าที่คู่หมั้นของปู่มาก่อน…”

ถ้อยคำนั้นทำเอานายิกาถึงกับตาโตอย่างคาดไม่ถึง
ไม่คิดว่าโลกจะกลมถึงปานนี้…เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลย…

“แล้วทำไมถึง…เอ่อ…”นายิกาหยุดไว้แค่นั้นเมื่อเห็นแวตาอ่อนล้าของคนเป็นปู่

“อย่าไปสนใจมันเลย…นั่นมันอดีต…แต่ปัจจุบันนี่สิ…
หลานจะทำให้มันกลายเป็นอนาคตที่เราฝันไว้ได้รึเปล่า…”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะคุณปู่…นายไม่สนหรอกค่ะว่าเขาจะแต่งงานหรือมีเมียชื่ออะไร…
ยังไงๆนายก็ไม่ลืมเป้าหมายของการไปเยือนคาสบลังก้าแน่ๆค่ะ…”
นายิกายิ้มพรายเมื่อนึกถึงเป้าหมายของเธอ

“แต่ตอนนี้ปู่อยากให้สนเรื่องเมียของเขาหน่อย…”
นายิกากะพริบตาอีกครั้งเพื่อมองหน้าคนพูดให้ชัดขึ้น

“ทำไมต้องสนคะ…”หญิงสาวเลิกคิ้วสูงด้วยแววตาไม่เข้าใจ

“สืบเรื่องทั้งหมดของคนในตระกูลโสพณพสุธให้ปู่หน่อย….”

“แต่….”

“ไม่มีแต่…เพราะปู่จำได้ดีว่าอะมานีมีเพื่อนสนิทที่แต่งงาน
ไปกับมหาเศรษฐีที่คาสบลังก้า…หวังว่าคงไม่ใช่คนๆเดียวกัน
กับย่าของนายฟาเดลอะไรนั่นหรอกใช่มั้ย…”

“นายก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่าใช่คนๆเดียวกันหรือเปล่า”

“ถ้าใช่ฟารีดา เพชรมงกุฎล่ะก็ใช่แน่…สืบให้ปู่หน่อย…”

“ปู่คงไม่…”แววตาของหญิงสาวส่อเค้าไม่แน่ใจ
จนกระทั่งผู้สูงวัยยืนยันออกมาว่า

“ใช้เสน่ห์ของหลานต่อไป…ส่วนเรื่องที่เหลือปล่อยให้เป็นเรื่องของปู่…”

“นายไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรให้เขารักนายได้…รักมากพอที่จะเลิกกับเมีย…
เพราะเขาไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้เหมือนผู้ชายคนอื่นๆที่นายเคยรู้จัก…
ไม่ใช่คนที่จะหลงในรูปเพียงอย่างเดียว…

ใครๆเขาก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ผู้ชายคนนี้รักเมียมาก…
และไม่ชายตามองหญิงใดเลย…ไม่เคยเลยค่ะคุณปู่…

จนนายชักจะอิจฉาผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา…นายคงจะมีความสุขมาก
ถ้านายได้เป็นผู้หญิงคนนั้น…คนที่เขารักคนเดียว…”

หญิงสาวลอบถอนหายใจเพียงนิด หากนั่นก็ทำให้ชายสูงวัยที่เลี้ยงดู
หญิงสาวตรงหน้ามาตั้งแต่แบเบาะจนเป็นสาวสะพรั่ง
ก็ดูออกว่าหลานสาวกำลังคิดอะไรอยู่…

“ตอนนี้เขารักเมียคนเดียว…แต่ถ้าเมียเขาไม่มี…นั่นมันก็อีกเรื่องนึงไม่ใช่หรือนาย…”

นายิกาถึงกับเงยหน้าขึ้นมองคุณปู่ของเธอทันทีด้วยแววตาที่คาดไม่ถึง

“คุณปู่หมายความว่า…”

“เป็นนักล่าต้องเด็ดขาด…ใจกล้า…และไม่อ่อนข้อให้กับเหยื่อ…

ชวนพวกเขามาเที่ยวทะเลบ้านเราสิ…ให้เขามาเยือนอาณาจักรของเรา
ต้อนรับพวกเขาอย่างดี เมื่อเขาสูญเสีย เราก็เติมเต็มให้…
ไม่นานทุกอย่างที่นายหวังก็จะเป็นของนายทั้งหมดไงลูก…”

ชายสูงวัยลูบเส้นผมของหลานสาวด้วยแววตาเป็นประกาย…

อดีตของผู้แพ้พ่ายในเกมรักและเกมชีวิต

เขาจะไม่มีวันให้มันซ้ำรอยเดิมหรอก ไม่มีวันอะมานี!!!



นายิกาทอดสายตามองไปยังผืนน้ำในความมืด ร่างสูงโปร่งระหงยืนนิ่งราวกับหุ่นขี้ผึ้ง
สายตาจดจ้องอยู่ตรงผืนน้ำหากในห้างคำนึงกลับนึกไปถึงใบหน้าของบุรุษ
ที่เธอเพิ่งจากมาได้สองวัน…

ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะคิดถึงชายใดได้รุนแรงเท่าบุรุษผู้นี้มาก่อน…
และอดยอมรับไม่ได้ว่าฟาเดล อัลดิน มีเสน่ห์ดึงดูดใจอย่างมหาศาล
ไม่ว่าจะด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียง ความรู้ความสามารถ
อีกทั้งความดีงามที่ซ่อนตัวอยู่ภายใน…

ครั้งแรกที่เธอเห็นรูปถ่ายของเขา เห็นผลงานของเขา
เฝ้าติดตามดูความสำเร็จของเขาอยู่ไกลๆ…
เธอก็เฝ้านับวันรอที่จะได้เจอกับตัวเป็นๆของเขา หาหนทางเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดเขา

จนในที่สุดโอกาสนั้นก็มาเยือน เมื่อนายบารัค ที่คุณปู่ของเธอรู้จักดีต้องการขายหุ้น
เธอจึงติดต่อเจรจาขอซื้อในทันทีอย่างไม่ต้องคิดให้เหนื่อย…

แม้จะรู้ว่าเขาแต่งงานแล้ว…หากเธอก็ไม่อาจตัดใจจากชายในฝันของเธอได้…

และต่อให้ต้องรอเขาไปอีกนานสักเท่าไหร่เธอก็เต็มใจรอ…
ขอแค่วันนึงเขาจะหันมามอง หันมารักเธอ…

แม้จะต้องทำให้เขาล้มละลายจนไม่เหลืออะไรเลย
แม้กระทั่งเงินทอง ชื่อเสียง และเกียรติยศ
โดยเธอคอยโอบประคองเขาในวันนั้น เธอก็ยินดีจะทำ

ถ้ามันจะทำให้เขาเป็นของเธอ!

ถ้ามันทำให้เขาเห็นความรักของเธอและมอบรักเดียวในใจให้กับเธอ…

เธอจะลบภาพผู้หญิงคนนั้นออกไปจากใจเขาให้หมด
ขอเพียงแค่เขาจะมอบโอกาสให้กับเธอ…

แรกเริ่มนั้นเธอเพียงคิดจะรอจนกว่าผู้หญิงคนนั้นทิ้งเขาไป
หลังจากที่ได้ทำให้เขาหมดสิ้นทุกอย่างไปแล้ว…
ไม่ได้คิดที่จะทำให้เธอคนนั้นหายไปจากโลกใบนี้เลย…

แต่พอเธอได้เจอเขาจริงๆ เขาที่แทบไม่ชายตามองผู้หญิงคนไหนเลย…
บวกกับสิ่งที่คุณปู่ของเธอชี้นำ…มันก็ทำให้เธอเริ่มตระหนักมากขึ้นว่า

ฝันของเธอจะไม่มีวันเป็นจริงได้เลย ตราบที่ผู้หญิงคนนั้นยังมีชีวิตอยู่!!!

…เธอเฝ้าเก็บใจเก็บความรักไว้เพื่อรอเขามานานแสนนานแล้ว…

…แล้วทำไมเธอต้องยอมให้ใครก็ไม่รู้มายึดครองหัวใจเขาไป…

…เธอไม่ยอมหรอก…ไม่มีทาง…เธอรักเขามานานแล้ว

รักมาก่อนผู้หญิงคนนั้นเสียอีก…ไม่มีทางที่ผู้หญิงคนนั้นจะรักเขาก่อนเธอแน่ๆ ไม่่มีวัน!





ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

“คุณย่าคะ…นี่น้องรัลนะคะ…”ดารัลโทรทางไกลไปหาผู้เป็นย่าด้วยน้ำเสียงสดใส…

“ว่าไง…โทรมาหาย่าแบบนี้ต้องมีอะไรมาแน่ๆ…”

“รู้ทันน้องรัลตลอดเลย…”

“ก็ที่นี่มืดค่ำพอดี…ถ้าน้องรัลไม่มีธุระจริงๆคงไม่โทรมาย่ารู้…”

“ค่ะ…น้องรัลจะโทรมาถามคุณย่าว่า…
คุณย่าพอจะรู้จักคนในตระกูล รุจิรัตนานุกูลมั้ยคะ…”

ชื่อสกุลที่หลานสาวคนโตเอ่ยถึง ทำเอาอะมานีถึงกับลอบถอนใจ
และเงียบไปครู่หนึ่งราวกับกำลังใคร่ครวญ จนทำให้ดารัลถึงกับถามย้ำอีกครั้ง

“ว่าไงคะคุณย่า…”

“น้องรัลคงอยากจะรู้เรื่องของ นายิกา รุจิรัตนานุกูลใช่มั้ย…”
ดารัลยิ้มทันทีที่รู้ว่าผู้เป็นย่าฉลาดรู้ทันเธอไปหมด

“ค่ะ…คนนั้นแหล่ะ…”

“เขาไปทำอะไรให้เราระคายเคืองใจรึเปล่า…ปกติไม่เห็นจะสนใจใครเป็นพิเศษนี่…”

เป็นอีกคร้ังที่ดารัลถึงกับอมยิ้มเมื่ออีกฝ่ายดูจะเข้าอกเข้าใจ รู้ไส้รู้พุงเธอไปหมด…

“ไม่เชิงหรอกค่ะ…แค่อยากรู้จักหุ้นส่วนคนใหม่ของพี่ฟาเดลเท่านั้น”

“แสดงว่่าคนนี้ต้องสวยมาก…”
แล้วอะมานีก็ได้ยินเสียงหัวเราะสดใสมาจากปลายสายทันทีที่เธอพูดจบ

“คนสวยน่ะน้องรัลไม่กลัวหรอกค่ะ…เพราะน้องรัลก็สวย…
หรือคุณย่าว่าคุณย่าตอนสาวๆไม่สวย…”อะมานีได้แต่อมยิ้ม
พร้อมส่ายหน้าให้กับหลานช่างพูด…

เพราะถ้าเธอบอกไปว่าหลานสาวคนนี้ไม่สวย
นั่นก็เท่ากับกำลังจะบอกว่าตัวเองไม่สวยนั่นเอง

เพราะดารัลมีรูปร่างหน้าตาเหมือนเธอตอนสาวๆราวกับแกะ
และแน่นอน ดารัลเหมือนพ่อ เพราะพ่อของดารัล
ซึ่งก็คือหมอดานีสนั้นหน้าตาแกะมาจากเธอ…

สรุปแล้วหลานสาวคนโตของเธอต้องสวย…เพราะหมอดานีสหล่อ
และเธอซึ่งเป็นย่าของดารัลนั้นสวย…จะเรียกว่าลักษณะเฉพาะของสายพันธุ์
ที่ถูกถ่ายทอดกันต่อๆมาหรือจะเรียกว่าพันธุกรรมก็คงไม่แปลก…

“แสดงว่าคุณย่ารู้เรื่องที่คุณนายิกาเข้ามาถือหุ้นรายใหม่แล้วใช่มั้ยคะ…”
อะมานีลอบถอนหายใจอีกรอบ…

“ก็ไม่ค่อยอยากจะรู้เลย แก่แล้วไม่ค่อยอยากจะรู้อะไรแล้ว
แต่ก็มีคนส่งข่าวมาให้รู้จนได้…ย่าเองก็กำลังกลุ้มใจอยู่…”

“ทำไมต้องกลุ้มใจล่ะคะ…”

“ก็คงจะเหมือนเราไง…ที่โทรมาหาย่าไม่ใช่เพราะกำลังกลุ้มใจ
เรื่องผู้หญิงคนนี้หรอกหรือ…”อะมานีย้อนเข้าให้ ทำเอาคนฟังถึงกับอึ้ง

“จะเรียกว่ากลุ้มคงไม่ได้ค่ะคุณย่า น้องรัลกำลังคิดจะล้อมคอกก่อนวัวหาย…”

“เออ…เข้าใจหาสำนวนมาพูดดี…ย่าชอบ…”คุณย่าของเธอชมไปอย่างนั้นเองดารัลรู้

“อะไรทำให้คิดว่าวัวจะหาย…”

“เพราะน้องรัลฝันเห็นเสือ…จะเข้ามากินวัวน่ะสิคะคุณย่า…”

“ดีนะที่แค่ฝันไป…”

“จะว่าแค่ฝันอย่างเดียวก็ไม่ใกล้เคียงนักหรอกค่ะ…เรื่องมันมีมูล”

แล้วดารัลก็เล่าเหตุการณ์เรื่องสี่สาว
กับแผนการที่สี่สาวนั้นบอกเล่าให้เธอฟังเมื่อครั้งก่อนโน้น…

“งั้นก็ยังสรุปไม่ได้อยู่ดีว่าใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง…”

“และนั่นเลยทำให้น้องรัลอยากทำคอกล้อมวัวไงคะคุณย่า…”

“วัวเราเขาไม่ได้กินหญ้าไม่ใช่เหรอ…ย่าว่าย่าคัดสรรมาอย่างดีนะ”
ดารัลหัวเราะคิกกับถ้อยคำสัพยอกของผู้เป็นย่า

“ถ้าไม่มีคอกมันก็ดูง่ายเกินไปสำหรับเสือน่ะสิ…
น้องรัลกลัวว่าวัวจะไม่ทันรู้ตัวว่ากำลังจะกลายเป็นเหยื่ออันโอชะมากกว่า…”

“งั้นก็บอกให้รู้ตัวซะสิ…จะได้ระวังหน้าระวังหลัง…”อะมานีชี้แนะ

“เขาจะได้หาว่าน้องรัลขี้หึง…และขี้หวงน่ะสิ…ไม่เอาอ่ะ เสียฟอร์มหมด…”

“ระหว่างเสียฟอร์มกับเสียวัวไปจะเอาอย่างไหนล่ะ…”

“วัวพ่อพันธุ์ดีๆอย่างนี้ ใครๆก็อยากได้…ย่าอุตส่าห์ไปต้อนมาให้เราแล้ว…
ถ้าปล่อยให้หลุดไปล่ะก็ อย่ามาร้องไห้ให้ได้ยินก็แล้วกัน…”

อะมานีต่อให้อย่างนึกหมั่นไส้หลานสาวเหลือกำลัง

“เราเลิกพูดเรื่องวัวพ่อพันธุ์กันดีกว่าค่ะคุณย่า
น้องรัลว่ามันกำลังชักนำให้นึกไปถึงเรื่องอย่างว่า…
น้องรัลยังไม่อยากหูเน่าตอนนี้ค่ะคุณย่าขา…”
ดารัลรีบตัดบททันทีเมื่อผิวแก้มเริ่มแดงระเรื่อ…

“อย่าบอกนะว่าแต่งงานมาจวนจะครึ่งปีแล้วความสัมพันธ์ยังไปไม่ถึงไหน…”
อะมานีเอ่ยด้วยน้ำเสียงอิดหนาระอาใจ…

“ย่าว่ายอมๆเขาบ้างเถอะน้องรัล…ผู้ชายเขาไม่ได้มีน้ำอดน้ำทน
ในเรื่องนี้มากนักหรอก…เดี๋ยวจะสูญเสียเขาไป แล้วจะหาว่าย่าไม่เตือนไม่ได้นะ…”

ดารัลหน้าหงอ คอตกทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
และเหมือนจะตอกย้ำเข้าไปอีกเมื่อได้ยินประโยคต่อมา

“ยิ่งมีคนพยายามทอดสะพานเสริมคอนกรีตอย่างหนามาให้ด้วยแล้ว
คนที่ไม่ใช่อิฐใช่ปูนจะทนได้สักกี่น้ำ…”ดารัลถึงกับพูดไม่ออก…
ในอกนั่นใครจะล่วงรู้ว่าเธอรู้สึกเช่นไร…

“น้องรัลกลัวค่ะคุณย่า…”ดารัลสารภาพอย่างไม่อาย

“ทีเรื่องอื่นล่ะกล้านัก…เฮ้อ…”

“แล้วจะให้น้องรัลทำไงล่ะคะ…”ถ้าอะมานีได้เห็นสีหน้าของหลานสาวตอนนี้ล่ะก็
คงหัวเราะไม่ออกแน่ๆ…

“ก็ทำให้เขารู้สึกว่าเรารักเขาและเต็มใจจะมอบทั้งกายและใจให้เขานะสิ…ทำได้มั้ย…”
ดารัลก้มหน้า แววตาเริ่มเครียดขึ้นมา

“อย่ามองมันเป็นเรื่องลามกสิ…นั่นน่ะเป็นการแสดงออกถึงความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง
หรือว่าเรายังรักเขาไม่มากพอ…”

“รักนะคะ…น้องรัลยอมรับว่ารักพี่เขาแล้ว…”

“แต่ก็…เฮ้อ…”อะมานีถอนใจด้วยสีหน้าระอาเหลือทนกับหลานสาว
ที่ไม่เอาไหนในเรื่องเหล่านี้เอาเสียเลย ทีเรื่องอื่นล่ะสอนง่าย หัวไว คล่องไปหมด…
มาตกม้าตายเอาเรื่องนี้…

“มันเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกค่ะคุณย่า…”

“งัั้นก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ อย่าไปกะเกณฑ์อะไรกับมัน
เดี๋ยวถึงเวลามันเรียกหาของมันเอง…”แล้วหน้าที่แดงอยู่แล้วก็ยิ่งแดงเห่อเข้าไปอีก…
ดารัลยกมือถูแก้มไปก็ทู่ซี่ถามเรื่องเดิมที่ยังไปไม่ถึงไหนอีกว่า

“แล้้วเรื่องคุณนายิกา…”

“ย่าว่า เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน…เรื่องสำคัญตอนนี้ก็คือ
เราต้องจัดการเรื่องระหว่างเรากับพี่เขาให้ชัดเจนไปก่อน…

เมื่อความสัมพันธ์ชัดเจน…แน่นแฟ้น…
ใครหน้าไหนก็ยากจะมาแยกเราออกจากกันได้…
ต่อให้แยกกายได้ก็ใช่ว่าจะแยกหัวใจได้…

ถ้าย่าไม่รักปู่ของเราจริงๆ…คนๆนั้นก็คงจะได้หัวใจย่าไปครองเสียตั้งนานแล้ว…
เพราะตอนที่ปู่ของเราเสียน่ะ ย่ายังสาวอยู่มาก…”

“คุณย่ากำลังจะบอกอะไรกับน้องรัลหรือคะ…”ดารัลซักด้วยสีหน้าลุ้นระทึก

“ย่ากำลังจะบอกว่าเคล็ดลับของการผูกใจเขาให้อยู่กับเรา
ก็คือ ทำให้กายและใจของเขากับเราหลอมเป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้…

รักไม่ใช่การแย่งชิง แต่รักคือการให้ คือความเข้าใจ เป็นกำลังใจ จริงใจต่อกัน…
ไม่เห็นแก่ตัว ไม่มั่วเอาแต่ใจ ไม่ทำลายทำร้ายใคร…รักคือการให้ซึ่งกันและกัน…

นั่นแหล่ะที่จะทำให้สองหัวใจผูกพันเป็นหนึ่งเดียวได้…
เมื่อเป็นหนึ่งเดียวกัน ต่อให้อย่างใดอย่างหนึ่งต้องแยกออกจากกัน
ก็ยังจะผูกพันธ์คิดถึงกัน เนิ่นนานอีกเท่าไหร่ใจนั้นก็ยังเหมือนเดิม…”

ดารัลอดสะเทือนใจมิได้เมื่อได้ยินถ้อยคำของผู้เป็นย่า
และลึกลงไป เธออดชื่นชมความรักที่คุณย่าของเธอมีให้คุณปู่ผู้ล่วงลับของเธอไม่ได้…

“คนบางคนอาจคิดว่า…การทำให้อีกคนตายไปแล้วจะได้อย่างที่ตัวเองต้องการ…
แต่มันไม่ใช่หรอกน้องรัล…ของบางอย่างมันไม่ได้มีไว้ให้คนแย่งชิง…
แต่มีให้แก่คนที่สมควรจะได้เท่านั้น…”

เป็นอีกครั้งที่ทำให้อะมานีถึงกับน้ำตาไหลเมื่อต้องพูดในสิ่งที่ไม่เคยพูดให้ใครได้รับรู้
แม้กระทั่งลูกชายก็ไม่เคยรู้ในเรื่องนี้เลย…

อาจจะเป็นเพราะมันนาน นานแล้ว แต่ไม่ว่านานแค่ไหน
แปลกที่หัวใจเธอยังรู้สึกได้ถึงความผูกพันธ์ที่มีต่อสามีผู้ล่วงลับ…

คนที่ใครๆก็คิดว่าตายเพราะอุบัติเหตุ…ใช่…มันคืออุบัติเหตุ
ที่คนบางคนจงใจให้มันเกิดขึ้นกับคนที่เธอรักสุดหัวใจ…

และเธอเพียงต้องการหยุดความบาดหมางลง ไม่อยากให้มีการนองเลือดเกิดขึ้น
จึงเลือกที่จะไม่พูดออกไป…

และมันก็เงียบมานาน นานจนคนๆนั้นหายไปจากความทรงจำของเธอแล้ว
แต่เพิ่งจะมาผุดเอาก็เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง…

“คุณย่ากำลังจะส่งสัญญาณเตือนอะไรแก่น้องรัลกันแน่คะ…
น้องรัลชักหวั่นๆจัง…เร่่ืองนี้มันมีมากกว่าที่เห็นใช่มั้ยคะ…”

ดารัลที่คิดไวอยู่เสมอถามขึ้น และนั่นทำให้อะมานีตัดสินใจเล่าเรื่องราวในอดีต
ให้หลานสาวคนโตฟังเป็นครั้งแรก

“นายอินทวงศ์ รุจิรัตนานุกูล ผู้ที่เป็นปู่ของนายิกา
ผู้หญิงที่กำลังจะมาเป็นหุ้นส่วนของฟาเดลเคยเป็นว่าที่คู่หมั้นของย่ามาก่อน
แต่ก็เป็นได้แค่นั้น…เพราะย่าไม่เคยรักเขา เขาพยายามไปมาหาสู่
ติดต่อผ่านผู้ใหญ่…แรกๆพ่อของย่า คุณปู่ทวดของเราน่ะ
ท่านไม่เห็นชอบด้วยสักเท่าไหร่นัก เพราะว่าเราแตกต่างกันในหลายๆเรื่อง
โดยเฉพาะเรื่องความศรัทธา เรื่องศาสนา

พอย่าได้เจอกับปู่ของน้องรัล ย่าก็มั่นใจในวินาทีแรกเลย
ว่าคนนี้แหล่ะที่ย่าจะสามารถร่วมชีวิตไปด้วยกันได้…

แม้ตอนนั้นจะปั้นปึ่งใส่กันบ้าง แต่สุดท้ายย่าก็ยอมตกลงแต่งงาน
กับคุณปู่ของเราในที่สุด…

แต่คนบางคนกลับไม่ยอมรามือง่ายๆ…เขาคิดว่าเขามาก่อน เขาย่อมมีสิทธิ์…”

อะมานีหยุดไปครู่นึงเพื่อกลืนก้อนแข็งๆลงคอ…ก่อนจะเล่าต่อไปว่า

“เขาคิดง่ายๆว่าถ้าไม่มีปู่เสีย ย่าก็จะหันไปรักเขา ยอมไปอยู่กับเขา”

ดารัลถึงกับยกมือปิดปาก เมื่อรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของเธอต่อจากนั้น

“ย่าไม่คิดว่าจิตใจของมนุษย์บางจำพวกก็ไม่ได้แตกต่างจากสัตว์เดรัจฉาน
หรืออาจจะยิ่งกว่าสัตว์พวกนั้นด้วยซ้ำไป…”

ดารัลกลืนน้ำลายลงคอเมื่อฟังมาถึงตรงนี้…

“เขาเคยพูดถึงกับว่า ไม่รังเกียจแม่ม่ายลูกติดอย่างย่าเลย…
จะประคับประคองชีวิตย่าอย่างดี จะให้ความสุขสบายแก่ย่าและลูกชายของย่า…”
อะมานีเล่าไปก็หวนนึกไปถึงความหลังเมื่อครั้งยังสาวยังสวย…

“หญิงสาวที่ขาดเสาหลัก แถมมีลูกชายให้ต้องเลี้ยงดู
กับหัวใจที่บอบช้ำจากการสูญเสียคนรัก อาจจะเอนเอียงหาหลักใหม่ได้ง่ายก็จริงอยู่…

แต่สำหรับย่่าแล้ว…ย่าไม่เหลือหัวใจให้ผู้ชายคนไหนอีก
เพราะต่อให้ปู่ของเราจะตายไปแล้ว แต่ย่าก็ไม่เคยคิดว่าเขาจะจากย่าไปไหนจริงๆหรอก…

ความรักมันไม่ได้ตายไปด้วยสักหน่อย…และหัวใจของย่ามันก็ยังไม่ตาย…
หัวใจที่หลอมรวมไว้กับอีกหัวใจหนึ่งมันยังเต้นอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกของย่า…

ต่อให้เจอมรสุมสักกี่ลูก ย่าก็ไม่เคยคิดจะหาเสาหลักอันใหม่มายึดสักครั้ง…
ปล่อยให้มันผ่านไปไม่เหลียวแลอย่างที่ไม่เคยคิดจะแล…
ต่อให้เป็นเรือลำใหญ่แล่นผ่านเข้ามา ย่าก็ไม่สน…”

ดารัลฟังไปก็น้ำตาไหลไปด้วยความเห้นอกเห็นใจผู้เป็นย่าขึ้นมา

เธอไม่เคยคิดว่า อดีตของผู้เป็นย่าจะเป็นเช่นนี้…

“ยิ่งคนที่ฆ่าคนรักของย่า แค่ไม่เอาเรื่องก็นับว่าเมตตาปรานีมากแล้ว
เขาคงคิดว่าย่าโง่ไม่รู้ทันแผนการของเขา…
เขาคิดว่าผู้หญิงจะต้องอ่อนแอ และง่ีเง่าเสมอไป…
คนแบบนั้นก็ควรแล้วล่ะน้องรัลที่จะจมอยู่กับปลัก…
ขนาดใกล้จะตายแล้วก็ยังไม่วายสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านไม่เลิก…

ย่าเคยสัญญากับตัวเองไว้ว่า ถ้าเขาไม่มายุ่งเกี่ยวอะไรกับย่าอีก
ย่าก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขา แต่รู้สึกว่่าทางนั้นจะวอนหาที่…”

“คุณย่าใช้ศัพท์วัยรุ่นมากเลยค่ะ…”ดารัลแกล้งแหย่ผู้เป็นย่า
เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศตึงเครียด

เธอไม่อยากให้คุณย่าของเธอเสียสุขภาพจิต…

“ตอนนั้นย่าแค่เสียดาย ที่ไม่มีโอกาสได้ช่วยเหลือคุณปู่ของเรา
กว่าจะรู้ก็สายไปหมด…คุณปู่เขาก็ล่วงหน้าย่าไปเสียแล้ว…

ส่วนคนที่ทำกับปู่ของเรา เขาก็อยู่ชดใช้เวรกรรมไป…
และสงสัยจะยังสร้างเวรไม่สาแก่ใจ…เลยก็เลยส่งหลานมาสร้างเวรเพิ่ม…”

อะมานีเอ่ยอย่างรู้เท่าทันความคิดอ่านของคนอีกฟาก
แม้เวลาจะผ่านมานานแสนนาน แต่สันดานคนก็เป็นอะไรที่ขุดยากขุดเย็นเหลือเกิน

เพราะจากที่ได้ฟังเรื่องราวของคนฝั่งโน้นมาจากเพื่อนสนิท…
เธอก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้บ้างแล้ว…

“คุณย่าปล่อยให้น้องรัลจัดการเถอะค่ะ…เชื่อมือน้องรัลเถอะ
ผู้หญิงหน้าไหนน้องรัลก็ไม่ไว้หน้าหรอกค่ะ ถ้าคิดจะมายุ่งกับพี่ฟาเดล

น้องรัลไม่เคยคิดจะรังแกใคร แต่ถ้าเขาร้ายมา น้องรัลก็มีสิทธิ์ที่จะต่อสู้…และตอบโต้…”
อะมานีได้ฟังก็ค่อยเบาใจลงบ้าง หากก็ยังไม่วางใจนัก

“ย่าว่าเรานั่นแหล่ะจะมีอันตราย…”

“ไม่ต้องห่วงนะคะ…ไม่ใช่ว่าน้องรัลอวดดี อวดเก่ง
แต่น้องรัลมีทีมของน้องรัลค่ะ เป็นทีมที่จ้างด้วยหัวใจไม่ได้จ้างด้วยเงินอย่างเดียว…”
อะมานียิ้มได้แม้จะยิ้มไม่เต็มหน้านัก

“แต่ถ้าเหนือบ่ากว่าแรง น้องรัลจะเรียกพี่ดารุสมาช่วยสมทบอีกแรง
ถ้าพี่ดารุสไม่ไหวก็ค่อยเรียกหาพ่อค่ะ…ถ้าสองท่านนี้เอาไม่อยู่
ค่อยถึงคิวคุณย่าก็แล้วกันนะคะ…”อะมานียิ้มทั้งน้ำตา

หลานสาวคนโตของเธอไม่ได้เป็นไข่ในหินอย่างที่ใครๆเห็นหรอก
เธอซ่อนหลานสาวคนโตเอาไว้ในหินก็จริง แต่เป็นหินที่ใหญ่เท่าถ้ำ

ถ้ำที่สอนให้รู้จักการล่าในทุกรูปแบบ…ล่าในวิถีของนักสู้ที่ดี…

ในเมื่อมนุษย์คือนักล่าอันทรงพลังที่สุดด้วยธรรมชาติอยู่แล้ว
หากวีถีในการต่อสู้นั่นจะทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์หรือเป็นเพียงสัตว์หรือเป็นยิ่งกว่าสัตว์
ก็สุดแท้แต่มโนสำนึกของแต่ละคนไป…

เธอให้เกียรติในการต่อสู้แก่ทุกชีวิต…

แต่ผู้ที่เข้มแข็งเท่านั้นที่จะอยู่รอดปลอดภัยทั้งในโลกนี้และโลกหน้า…

“งั้นย่าจะบอกให้เรารู้ไว้อย่างนึง…เพื่อเป็นกำลังใจว่า

คนคิดไม่ดี ไม่มีวันได้ดีหรอก…เพราะเราจะได้ตามที่เราเจตนา…
ไอ้ที่เห็นๆว่าได้ดีมีสุขอยู่น่ะ เพราะว่าวันสุดท้ายยังมาไม่ถึงต่างหาก

มวยน่ะเขาตัดสินกันตอนจบ…ถ้าถูกน็อกก็จบ เขาก็ไม่มานับคะแนนกันแล้วล่ะ…

เหมือนคนที่ทำดีมาทั้งชีวิตแต่มาชั่วเอาตอนใกล้ตายนั่นแหล่ะ…
ไม่เหมือนคนที่ทำชั่วมามากมายแต่มาสำนึกได้ก่อนตาย…
จุดจบวัดคนได้…จำคำย่าไว้นะลูก…”

ดารัลรับคำที่ย่าสอนสั่ง

“น้องรัลจะจำไว้ค่ะ…และไม่ลืมว่า…คนผิดสมควรได้รับผิด
ส่วนคนสำนึกผิดก็สมควรได้รับการให้อภัย ถูกมั้ยคะคุณย่า…”

“ถูกต้องที่สุด…”แล้วสองเสียงก็ประสานเสียงหัวเราะพร้อมกัน…



“มีอะไรครับแม่…หัวเราะเสียงดังเชียว…ผมก็นึกว่าหัวเราะคนเดียวเสียอีก…
ดีที่เห็นว่ากำลังถือโทรศัพท์อยู่เสียก่อน…”

ดานีสเดินเข้ามาโอบมารดาเอาไว้พร้อมกับเย้าแหย่

…สำหรับเขา แม้เขาจะแก่และมารดาจะแก่กว่า
แต่เขาก็ไม่เคยลืมว่าผู้หญิงคนนี้คือมารดาผู้ให้กำเนิด…

ผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเขา…

“น้องรัลโทรมาปรึกษาโน่นนี่…”

“งั้นหรือครับ…แสดงว่าเรื่องน่าจะไม่เล็ก…เพราะโทรมาป่านนี้…”

“ไม่เล็กไม่ใหญ่…เห็นบอกว่าถ้าไม่ไหวจะเรียกให้ไปช่วย…”

“งั้นคงต้องให้เกียรติในการต่อสู้แก่เขาไปก่อน…”
ดานีสพยักหน้าอย่างเข้าใจเมื่อพูดออกไปเช่นนั้น

“แม่เชื่อมือเขา…”

“ก็เลี้ยงและฝึกมาเองกับมือ ถ้าไม่เชื่อคนที่เราช่วยกันเลี้ยงมาก็ไม่รู้จะเชื่อใคร…
จริงมั้ยครับ…”ดานีสพูดพลางก้มลงหอมแก้มเหี่ยวๆของมารดา
อย่างที่ไม่เคยนึกจะรังเกียจความเหี่ยวย่นนั่นเลยแม้แต่น้อย

“แม่ลืมโบ๊ะแป้งนะครับ…”เสียงเย้าแหย่นั่นทำให้คนแก่ถึงกับค้อนขวับ

“งั้นก็ไปหอมแก้มคนที่โบ๊ะแป้งในห้องแกโน่นไป…ฉันจะนอนแล้ว
มาอ้อยอิ่งอยู่นั่นแหล่ะ…บอกไว้ก่อนนะว่ายากถ้าคิดจะมาง้างปากกันตอนนี้น่ะ…”

“หมายความว่า ถ้าเป็นตอนอื่นก็ไม่แน่ใช่มั้ยครับ…โอเค…
งั้นผมถอยทัพกลับไปตั้งหลักก่อนก็แล้วกัน…”

พูดจบผู้เป็นลูกชายก็ก้มลงหอมแก้มที่บอกว่าลืมโบ๊ะแป้งอีกฟอด
พร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ…

แต่ไม่วายหันมามองอย่างห่วงๆไม่ได้ เพราะเมื่อครู่ตอนก้มลงไปหอมแก้มารดา
เขาแอบเห็นคราบน้ำตาบนแก้มเหี่ยวๆนั่น

…นานแล้วที่เขาไม่เห็นมารดาร้องไห้หรือเสียน้ำตา

“เกิดอะไรขึ้น!”ดานีสเดินกลับห้องไปก็บ่นพึมพำไปด้วย…

“น้องรัลโทรมาพูดเรื่องอะไร?…”






ณ คาสบลังก้า

“ทางคุณนายิกาเขาโทรมาชวนเราไปเที่ยวทะเลที่ไทยด้วยกัน น้องรัลว่าไง…”

ฟาเดลหันมาถามภรรยาสาวที่กำลังนั่งป้อนอาหารให้เจ้าเสืออยู่ตรงข้างๆโซฟา
ในห้องรับแขก โดยใช้หลังพิงโซฟา ส่วนฟาเดลนั่งอยู่บนโซฟาใกล้ๆกันกับเธอ
แต่อยู่ต่างระดับกันเท่านั้น

“ไหนว่าจะไปฮันนีมูนที่ทะเลทรายซาฮาร่า พาไปนอนกลางทะเลทราย
นอนดูทะเลดาว…และก็ขี่อูฐชมจันทร์ด้วยกันสองต่อสองไง”
ดารัลทวงสัญญาทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว

“แสดงว่ากลัวว่าไปทะเลที่ไทยแล้วจะเจอก้างใช่มั้ย…”

ฟาเดลเอ่ยอย่างรู้ทัน ก็แววตาใสๆเหมือนกระจกสะท้อนเงาอย่างนั้น
ทำไมเขาจะอ่านไม่ออก…

“ก้างชิ้นโตซะด้วยสิ…หรือว่าพี่ฟาเดลดูไม่ออกว่าคุณนายิกานั่น
เขากำลังหาทางใกล้ชิดพี่อยู่…น้องรัลไม่ได้แสดงออกว่าหึงนะ
เพียงแค่แสดงความคิดเห็นไปตามเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินไป…
ซึ่งทิศทางของมันเก๊าะฟ้องว่าอย่างนั้น…”

ดารัลพยายามจะรักษาฟอร์มเอาไว้อย่างแข็งขัน
เสียสามีน่ะไม่ยอมหรอก ส่วนเรื่องเสียฟอร์มก็ไม่ยอมเหมือนกัน…

“พี่เองก็ไม่อยากไปเมืองไทยเหมือนกัน กลัวว่าเดี๋ยวน้องรัลจะไปเจอ
พี่ฟารุกอะไรนั่นเข้า…ห่างๆไว้ก็ดี เพราะพี่หึง…”

คนไม่กลัวเสียฟอร์มรับว่าหึงเต็มปากเต็มคำ…ทำเอาคนฟอร์มจัดถึงกับแบะปาก

“สนุกมั้ยเลี้ยงแมวน่ะ เห็นแทนตัวเองว่าแม่แทบทุกคำ…ขี้ตู่จริงๆ
คลอดก็ไม่ได้คลอด แต่เรียกเสียเต็มปากเต็มคำว่าแม่รัล…”

ดารัลหันมาค้อนคนพูดแล้วบิดเนื้อตรงหน้าขาของเขาไปหนึ่งรอบ

“เพิ่งรู้ว่ามีเมียเป็นนักบิด…”

“เดี๋ยวก็บิดให้ดูอีกสักรอบหรอก…”ดารัลยกนิ้วขึ้นขู่

“พอเถอะ…รอบเดียวก็กินขาดแล้ว ไม่อยากได้เมียเป็นเด็กแว้น…”

ฟาเดลมองภาพการเอาใจใส่ที่เธอมีให้เจ้าเสือก็อดจินตนาการ
ไปถึงภาพที่เธออุ้มลูกของเขาขึ้นมาไม่ได้…เขาว่าเธอต้องทำได้ดีแน่ๆ
เพราะขนาดแมวเธอยังดูแลขนาดนี้ ถ้าเป็นลูกของเราล่ะ จะขนาดไหน

“พี่ว่าน้องรัลเป็นแม่คนได้สบายเลยนะ…ดูจากการเป็นแม่แมวแล้ว
จากคะแนนเต็มสิบพี่ให้ร้อยเต็ม…”

ดารัลก้มหน้าซ่อนความเขินอายทันที
และไม่ลืมเรื่องที่เคยได้คุยกับผู้เป็นย่าเมื่อหลายวันก่อน…

“ถ้าพี่พาน้องรัลไปฮันนีมูนที่ทะเลทรายซาฮาร่าแทนทะเลที่ไทย
โดยการปฏิเสธทางโน้นไป…น้องรัลจะยอมเป็นแม่ให้ลูกของพีี่…ก็ได้”

พูดไปก็หน้าแดงด้วยความกระดากอายไปด้วย ไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย

…ก็มันเท่่ากับเป็นการเชิญชวนเขาเห็นๆ แกเป็นผู้หญิงนะดารัล
พูดไปอย่างนั้นมันจะเสียฟอร์มรึเปล่านะ…แต่ก็น้า…พูดไปแล้วนี่…

ดารัลเลยได้แต่ก้มหน้า จริงๆล่ะอยากจะมุดลงไปใต้โต๊ะด้วยซ้ำ
แต่หัวเธอมันโตเกินกว่าจะมุดเข้าไปได้นี่สิ…เฮ้อ…อายจัง

“เข้ามาใกล้ๆพี่สิ พี่ฟังไม่ถนัด…เมื่อกี้น้องรัลพูดว่าไงนะ…พูดให้ชัดๆซิ”

ดารัลอยากจะแหวใส่คนเรื่องมาก พอได้คืบแล้วจะเอาศอกอยู่ร่ำไป

“เร็วสิ…พี่ฟังไม่ชัดจริงๆนะ…ขอชัดๆอีกทีสิ…”
ดารัลช้อนตามองคนที่นั่งเหนือเธออยู่บนโซฟาอย่างเคืองๆ

“ก็บอกว่าถ้า…พาไปฮันนีมูนที่ทะเลทรายซาฮาร่าแทนทะเลที่ไทยน่ะ
ย้ำนะว่าต้องปฏิเสธทางโน้นไป…น้องรัลก็จะ…จะ…”คราวนี้เริ่มติดอ่าง
ยิ่งเห็นแววตาที่เขาจ้องมองมายิ่งทำให้ปากคอเริ่มสั่น พูดไม่คล่องปากขึ้นมาเสียเฉยๆ…

“จะ…อะไร…”

“จะยอมเป็นแม่ให้ลูกของพี่ไง…”ดารัลรีบๆพูดไปเพื่อผลักภาระให้พ้นตัว

แล้วก็ก้มหน้าไม่กล้าสบตาคู่นั้นของเขาอีกต่อไป…

“พี่ไม่ได้เป็นพ่อม่ายนะ จะได้มีลูกติด เธอจะมาเป็นแม่ของลูกพี่ได้ยังไง…”

“โอ๊ย…คนอะไร หาเรื่องจริงๆ…ไม่พูดด้วยแล้ว…”

พูดแล้วก็ยันกายลุกขึ้นด้วยสีหน้างอนๆ แก้มแดงไปถึงหู เรื่อยไปถึงลำคอ…
ฟาเดลเลยรีบคว้าร่างบางแล้วกระชากให้นั่งลงบนตักของเขา
ก่อนจะกระซิบริมกกหูของดารัลเบาๆทว่าหนักแน่น ชัดเจนทุกถ้อยคำว่า

“ก็เธอเล่นพูดข้ามซ็อตสำคัญไป…มันต้องเป็นเมียพี่ก่อนสิ เมียทางพฤตินัย
ไม่ใช่เมียที่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ นั่นแหล่ะถึงจะเป็นแม่ให้ลูกพี่ได้…
พี่เข้าใจถูกใช่มั้ยว่าเธอต้องการแบบนี้”

ดารัลไม่ตอบ ไม่กล้ายืนยัน เพราะมัวแต่มองหาที่กำบัง
เพื่อจะซ่อนหน้าที่ร้อนเห่อของเธอเอาไว้แล้วอำพรางไม่เห็นเขาเห็นมัน

แต่จะไปไหนได้ ในเมื่อเขาล็อกเธอเอาไว้ทั้งร่าง ใจมันก็ไม่ยอมสู้เสียด้วย…

แปลกหัวใจและร่างกายตัวเองเสมอ เวลาเจอสายตาของเขาทีไร เป็นสู้ไม่ไหวทุกที…

ต่อให้เขาจะรุกมาท่าไหนเธอก็ตั้งรับไม่ได้สักท่า
ลีลาที่เคยวาดใส่คู่ต่อสู้ก็เหมือนจะติดปีกบินหนีไป ไม่มาช่วยกันเลย…

มีเพียงสัญชาตญาณของผู้หญิงล้วนๆที่ไม่ค่อยนำพาสักเท่าไหร่เท่านั้นแหล่ะ
ที่อยู่ด้วยกับเธอในเวลาฉุกเฉินแบบนี้น่ะ…

แล้วจะเอาอะไร ก็นั่งเขินให้เขาแหย่เล่นอยู่น่ะสิ…
นี่ถ้าสามารถพูดออกไปได้มากกว่านี้ ก็คงทำไปนานแล้ว...

“แก้มแดงๆแบบนี้แสดงว่าใช่เลย…งั้นพี่ตกลงจะโทรไปแคนเซิลทางโน้น
แล้วเราไปฮันนีมูนที่ทะเลทรายซาฮาร่าด้วยกันสองต่อสองนะครับ
จะได้ไม่มีก้างติดคอ…เที่ยวคราวนี้น้องรัลต้องมีลูกของพี่ติดท้องกลับมาด้วยนะ…
ไม่งั้นพี่ไม่ยอม…”

ดารัลถึงกับปากคอสั่น รู้สึกหวิวหวั่น

ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งอาย อายจนไม่อยากมีหน้าอยู่แถวๆนี้แล้วด้วยซ้ำ
ถ้าแปลงร่างกลายเป็นลมได้เธอจะทำทันทีเลย…

“แล้วเราก็จะไม่บอกโปรแกรมนี้กับใครดีมั้ย…กะจะย่องไปกันสองคนไม่ให้ใครรู้
จะได้ไม่มีใครไปขัดคอเรา โทรศัพท์เราก็จะปิดให้หมด
ไม่ติดตงติดต่อชาวโลกกันแล้วดีมั้ย…”

ฟาเดลไม่วายเย้าแหย่คนแก้มแดงอีกครั้งก่อนจะอดใจไม่ไหว
จึงก้มลงฝังจมูกโด่งลงบนพวงแก้มนั้นหนักๆ

“น้องรัลชอบมั้ย…โลกที่จะมีแค่เราสองคน…พี่จะได้เสกให้น้องรัล…”

ดารัลพยักหน้ารับ แม้จะกระดากอายแค่ไหน หากเสียงหัวใจของเธอมันร่ำร้องหาเขา

…เธอว่าเธอเข้าใจที่คุณย่าอะมานีของเธอบอกแล้วล่ะ...
...ว่าเมื่อถึงเวลา…มันก็จะเรียกหาเอง…

“แล้วเจ้าเสือล่ะคะ…”

เสียงแรกจากดารัลหลังจากนั่งเขินมาเนิ่นนาน
เพราะเพียงสายตาหันไปสบกับตาใสๆของเจ้าเสือเข้า
เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงมัน ว่าจะเอายังไงกับมันดี…

“จะเอามันไปทำไม…นี่แหล่ะก้างชิ้นโต หนึ่งในชาวโลกที่เราไม่ควรติดต่อด้วย
ตอนอยู่ที่นั่น”

ก็หลายคืนมานี้มันยึดเตียงของเธอแล้วยึดอ้อมกอดของเมียของเขา
ไปหน้าตาเฉย...เอาไปก็เกะกะเปล่าๆ…

“ไม่ต้องมาส่งสายตาอ้อนวอน…ฉันไม่ให้แกไปด้วยหรอก…”

ฟาเดลหันไปดุเจ้าเสือที่ส่งสายตาใสซื่อเมียงมองมาทางเขา…

“นอนเฝ้าหนูอยู่ที่บ้านนี่แหล่ะ เผื่อมันจะโผล่มาเล่นกับแกตอนดึกๆ
ตอนที่ฉันกับแม่แกไม่อยู่…เฝ้าบ้านดีๆล่ะ…”

ฟาเดลชิงปาดหน้าภรรยาสาวโดยไม่รอให้เธอได้มีโอกาสยื่นอุทธรในกรณีนี้อีกเลย

ถึงจะรักจะเอ็นดูขนาดไหน เขาก็เอามันไปฮันนีมูนด้วยไม่ได้เด็ดขาด!

“น่าสงสารออกค่ะ…แล้วมันจะอยู่กับใคร…ใครจะป้อนข้าวให้อาหารมัน
มันยังเล็กอยู่เลย”

อุตส่าห์ปิดทางเอาไว้แล้ว แม่คุณก็ยังหาช่องจะพาก้างชิ้นนี้ไปด้วยให้ได้

“ฮาน่าไง…ฝากฮาน่่าหรือไม่ก็เนเนตแล้วกัน…ให้เนเนตดูแลไปพลางๆ”
ฟาเดลเสนอทางออกทีี่เพิ่งนึกขึ้นได้หมาดๆ

“เนเนตไม่ชอบแมว…”

“เฮ้อ…งั้นพี่จะฝากคุณย่า คุณย่าชอบแมว…รับรองไม่มีปฏิเสธ…”

คราวนี้ดารัลหมดหนทางเอาเจ้าเสือไปด้วยแล้วจริงๆ
ในเมื่อพ่อของเจ้าเสือตัดสินใจเด็ดขาดเสียขนาดนี้

“อย่าซนนะเจ้าเสือ เพราะถ้าซนล่ะก็จากเจ้าเสือจะกลายเป็นเจ้าซารุซนรู้มั้ย…”

ดารัลยกนิ้วชี้จิ้มไปที่จมูกน้อยๆของมัน มันก็เผยอหน้ามารับเชียว
จนดารัลอดหัวเราะออกมาให้กับความน่ารักน่าเอ็นดูของมันไม่ได้

ฟาเดลได้แต่ส่ายหน้าให้กับท่าทางหลงรักแมวหัวปักหัวปำนั่นของเธอ…

...นี่ถ้ามีลูกน่ารักๆล่ะก็…เขามั่นใจเลยว่าจากแม่แมว
จะต้องกลายเป็นแม่คนที่น่ารักที่สุดในโลกแน่ๆ…


คิดแล้วก็อยากจะไปฮันนึมูนที่ทะเลทรายซาฮาร่าเสียคืนนี้เลย...


....โปรดติดตามตอนต่อไป....


ได้ทีขี่แพะไล่เลยพระเอกเรา...ฮ่าๆ
และยังสามารถขจัดก้างชิ้นโตไปได้อย่างเด็ดขาดเลยทีเดียว
น่าสงสารเจ้าเสือจริงๆ...

....ขอคุยกับนักอ่านจากตอนที่แล้วจ้า...



1.คุณตุ๊งแช่...คนเขียนสนใจศิลปะการต่อสู้เกือบทุกแขนงเลยค่ะ
ตอนเด็กๆพ่อจะสอนมวยไทยให้มีน้องชายกับต้นกล้วยเป็นกระสอบทรายให้...เฮะๆ
พอไปเรียนที่ญี่ปุ่นเลยลองไปเรียนศิลปะการต่อสู้แบบญี่ปุ่นเขามานิดๆหน่อยๆ
ไม่เก่งเลย เหมือนเป็ดน่ะค่ะ ทำได้หลายอย่างแต่ไม่ช่ำชองสักอย่าง...ฮ่าๆ
ส่วนเรื่องตอนฝาชีรุกนั้น รายนั้นเขามาเหนือเเมฆค่ะ...ทำเอาดารัลของเรา
ควบคุมหัวใจตัวเองไม่ได้ สู้ไม่ไหวตลอด...ฮ่าๆ...แต่เรื่องนี้พระเอกเต่า
ก็ไม่เบาหรอกค่ะ ต้องมาดูกันไปนานๆจนกว่าจะจบ(มีโฆษณาเชิญชวนด้วย)
ส่วนเรื่องร่วมหอลงโรงนี่...เอิ่ม...ตอนหน้้า(รึเปล่า)นะ...ฮ่า


2.คุณคิมหันตุ์...ที่ว่าโหดนี่...ใช่น้องรัลรึเปล่าคะ...หรือว่านางมารร้ายของเต่า
ตอนนี้นางมารโผล่มาอีกนางแล้ว...มาดูกันว่าใครจะร้ายกว่าใคร...
แต่เท่าที่ดู...ดารัลก็ร้ายใช่หยอกนะ...แอบชวนฟาเดลไปหวานกันไม่ปันใคร..ฮ่าๆ
แถมมีแผนจะเอาโซ่เสน่หาไปคล้องคอพ่อวัวพันธุ์ดีของคุณย่าอะมานีเสียด้วยสิ...
ต่อจากนั้นคงล้อมคอกไรเสร็จแล้วมั้ง(เห็นให้บอดีการ์ดกับแมวรออยู่ที่บ้าน)
น่าจะให้อยู่สร้างคอกวัวให้...ฮ่าๆ

3.คุณแว่นใส...นั่นน่ะสิ...ทีมนักล่าต้องวางแผนล้อมคอกให้พ่อวัวพันธุ์ดี
อยู่แน่ๆเลย...ยิ่งมีตัวละครเพิ่มก็ยิ่งต้องล้อมคอกให้เสร็จไวๆ...ฮ่าๆ
ส่วนเจ้าเสือนั้น ตอนนี้ก็พอจะรู้ๆกันแล้วใช่มั้ยคะว่า เป็นแมวของใครกันแน่...อิอิอิ
เพราะมันก็กลายเป็นชาวโลกที่ฟาเดลไม่อยากติดต่อด้วยตอนไปฮันนีมูนขึ้นมาน่ะสิ...
ขนาดแมวก็ไม่มีข้อยกเว้น...




...สุดท้ายไม่ท้ายสุด...

ขอบคุณนักอ่านทุกท่าน ทุกไลค์ ทุกคอมเม้นท์ค่ะ


...รักษาสุขภาพนะคะ...

"เต่าโย"




yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 พ.ย. 2557, 10:19:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 พ.ย. 2557, 10:19:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 3491





<< บทที่ 18 คลื่นสัญญาณความคิดถึง   บทที่ 20 RAK...เมืองแห่งรัก >>
แว่นใส 14 พ.ย. 2557, 12:34:02 น.
นักล่าสองฝ่าย ต้องสู้กันนานแน่กว่าจะชนะขาด


ตุ๊งแช่ 14 พ.ย. 2557, 14:18:43 น.
เอิ่ม กลัวคำว่า นานๆ แล้วมีไม้ยมกที่สุดดดดด หวังว่าคงไม่มหากาพยืแบบคานน้อยน๊าา


คิมหันตุ์ 15 พ.ย. 2557, 02:33:48 น.
ฮิ้วววจะไปฮันหนีมุนนนกันแบ้วววว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account