เทหน้าตักรักนางมารร้าย (ฉบับรีไรท์ ทำ e-book)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: 10/1
ดวงตาคู่กลมโตขมวดมุ่นขณะเขม้นมองชายหนุ่มที่สามนาฬิกา อีกฝ่ายอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นและกำลังขะมักเขม้นขุดดินเลนเพื่อลงต้นกล้าโกงกางเช่นเดียวกับพนักงานผู้มีจิตอาสาคนอื่นๆ หมวกสานปีกกว้างที่เขาสวมอยู่ถูกปลดออกจากศีรษะแต่ยังคล้องอยู่ที่คอเผยให้เห็นผมสั้นสีน้ำตาลเข้มสะบัดปลายสะท้อนกับแสงแดด แม้เสื้อผ้าและร่างกายหลายส่วนของเขาจะเลอะเทอะไปด้วยดินเลน หากใบหน้าขาวคมคายนั้นกลับสะอาดสะอ้านอย่างไม่น่าเชื่อดูแทบไม่ต่างไปจากวันทำงาน เอ หรือหมอนั่นจะพกกระจกมาปลูกป่าจริงๆ...
ครั้นพอหันกลับมาดูตัวเองที่พกความลัลล้ามาเต็มที่ ต่อให้ไม่ได้พกกระจกก็พอจะรู้ว่าคงจะมอมจนดูไม่จืด แต่ใครจะสนล่ะ เธอมาปลูกป่าชายเลนไม่ได้มาเดินแบบ จะให้สวยเป๊ะเว่อร์ได้ยังไง ปุณยวีร์ยักไหล่ไม่แคร์แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาปลูกต้นโกงกางให้ได้จำนวนตามที่ตั้งใจไว้สลับกับละเลงโคลนแกล้งเด็กสาวๆ ที่ปลูกต้นไม้อยู่ในกลุ่มเดียวกันต่อไป
เวลาล่วงเลยไปจนดวงอาทิตย์เกือบตั้งตรงกับศีรษะนั่นแหละพนักงานผู้มีจิตอาสาทั้งหลายถึงได้หยุดมือจากการปลูกป่า ดึงขาออกจากดินเลนแล้วเดินตามกันไปบนสะพานไม้ยาวเหยียดเพื่อไปล้างตัวที่ห้องน้ำที่ที่ทำการศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลน
“เฮ่ย! ใครเอาลูกหมามาปล่อยลงทะเลโคลนวะ” วัชระอุทานเสียงตกอกตกใจ
“ลูกหมาที่ไหนเหรอพี่ต้อ ไม่เห็นมีเลย” ตรัยกวาดตามองไปรอบตัวแล้วถามพาซื่อ
“ก็นั่นไงวะ ลูกหมาตัวเบ้อเร่อเบ้อเท่อ ตาแชแหมหรือไงเอ็งถึงมองไม่เห็น แสนรู้ด้วยนะโว้ยพูดจารู้เรื่อง แต่ต้องพูดภาษาญี่ปุ่นนะ เฮ่ย! จะทำอะไร” วัชระถอยหลังกรูดเมื่อคนตัวมอมเหมือนลูกหมาทำท่าจะพุ่งเข้ามา “เห็นอย่างนี้ แต่พี่ก็ไม่ใช่ผู้ชายใจง่ายนะ จู่ๆ นึกอยากจะกอดก็เข้ามากอดกันง่ายๆ ไม่มีทางซะหรอก” รักนวลสงวนตัวกว่าที่คิด เหอะ!
“อย่าให้เผลอนะพี่ต้อ เดี๋ยวปุ่นจะจัดหนักจัดเต็มเหมือนพี่ปืนเลยคอยดู” ปุณยวีร์เข่นเขี้ยว
“อะไร พี่ไม่ยอมให้กอดแค่นี้ถึงกับลงบัญชีหนังหมาเอาไว้เลย ก็ได้ๆ เห็นแก่อดีตลูกหมาหน้าเคยใส ไปล้างตัวก่อนไป หน้าใสเหมือนเดิมเมื่อไหร่พี่ถึงจะยอมให้กอด” ผู้ชายใจไม่ง่ายยิ้มยั่ว
“อ๊ายยย...พี่ต้อ!” ปุณยวีร์กรีดเสียงสูงปรี๊ด “ปุ่นขออนุญาตนะคะพี่อ้อย” หันไปทางหญิงสาวรุ่นพี่ที่กำลังจะมีอภิสิทธิ์เหนือวัชระทุกอย่างอีกในไม่ช้า (หรือว่ามีแล้วก็สุดรู้) “ขอเอาขี้โคลนยัดปากคนปากไม่ดีหน่อยเถอะ ทนไม่ไหวแล้ว” และด้วยรูปร่างที่เล็กปราดเปรียวกว่าบวกกับมีผู้สนับสนุนหลายคน วัชระจึงหนีเธอไม่พ้นเพราะถูกเพื่อนร่วมงานหลายคนขวางเอาไว้ ใบหน้ายียวนกวนประสาทของเขาจึงถูกเธอละเลงด้วยโคลนจนเละเทะไม่ต่างกันในที่สุด
“เถื่อนแล้วยังซกมกอีกไอ้นี่ รู้งี้ไม่หลงเป็นติ่งมาตั้งนานหรอก” วัชระบ่นอุบพลางยกแขนเสื้อถูขี้โคลนออกจากปาก
“พี่ต้อ!” คนที่แทบจะไม่มีอะไรดีๆ หลงเหลือให้ปลื้มขู่ฟ่อ
วัชระรีบมองหาทางหนีทีไล่อีกครั้งแล้วเขาก็เห็น “ไอ้ปุ้น!”
ชื่อของคนที่จู่ๆ ก็หายไหนไม่รู้ทำให้ปุณยวีร์หันขวับหมดความสนใจในตัวคนที่ชอบพูดจากวนโมโหลงเท่านั้น“พี่ปุ้น”
“ปุ่น... ทำไมถึงมอมแบบนี้ล่ะครับ” ภควัตถามดวงตาคู่เรียวรีซ่านระยับกลบรอยหมองหม่นที่เธอสังเกตเห็นเมื่อแรกสบตากันไปจนสิ้น
“พี่ปุ้นหายไปไหนมาตั้งนาน” นอกจากจะไม่ตอบคำที่เขาถามปุณยวีร์ยังยิงคำถามกลับ
คนที่หายไปนานอึกอัก “เอ่อ คือพี่... มีธุระนิดหน่อย”
ปุณยวีร์เลิกคิ้ว “ธุระ?”
ภควัตยิ้ม นับเป็นครั้งแรกที่ล่ามสาวรู้สึกไม่ชอบรอยยิ้มของเขาเลย มันดูเหมือนกับยิ้มขัดตาทัพ ยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนหรือปกปิดอะไรบางอย่าง
“ช่างเถอะ ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก ปุ่นรีบไปล้างตัวได้แล้วไป มอมเป็นลูกหมาตกถังโคลนเชียว” เขาไม่เพียงพูดเปล่า แต่ฝ่ามือหนาใหญ่นั้นยังเอื้อมเข้ามาลูบผมเผ้ารกรุงรังให้เป็นดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นก่อนจะจับสองไหล่ของเธอให้หันไปยังทิศทางที่ห้องอาบน้ำตั้งอยู่
แต่มีหรือที่คนหน้ามอมเป็นลูกหมาจะยอมทำตามง่ายๆ เธอขืนตัวเอาไว้แล้วถามเขาว่า “พี่ปุ้นก็กำลังจะไปล้างตัวเหมือนกันใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ”
ปุณยวีร์กระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะยกสองมือที่เต็มไปด้วยโคลนเลนขึ้นลูบใบหน้าอบอุ่นใจดีที่เธอปลื้มตั้งแต่แรกเห็นให้มอมแมมเสมอภาคกัน
“ไม่เอาปุ่น เลอะไปหมดแล้ว” ภควัตประท้วงขณะพยายามหันหน้าหลบ
“ไหนๆ ก็จะไปล้างตัวอยู่แล้วก็เลอะให้มันสุดๆ ไปเลยสิคะ แล้วนี่ก็เป็นการทำโทษที่จู่ๆ พี่ปุ้นก็หนีหายไปไหนไม่รู้ ปล่อยให้ปุ่นตามหาตั้งนาน” ท้ายประโยคว่าน้ำเสียงกระเง้ากระงอด
คนที่หายไปไม่บอกไม่กล่าวจึงหยุดอาการแข็งขืนแล้วยืนนิ่งๆ ให้คนที่ต้องตามหาเขาละเลงโคลนลงบนใบหน้าจนพอใจ
วัชระส่ายศีรษะ “จอมมารของแท้เลยว่ะยัยเด็กบ้านี่ แม้แต่กับแฟนสุดที่รักก็ยังไม่เว้น”
“เฮ่ย!” ก้องภพถึงกับเบิกตากว้างอุทานเสียงดังเมื่อหันไปแล้วเห็น ‘ใครบางคน’ ในสภาพที่เขาไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าจะมีวันได้เห็น
กีรฎาหันมองตามสายตาของแฟนหนุ่มแล้วก็ต้องเบิกตากว้างยิ่งกว่า “ชิน!”
ก็จะไม่ให้เธออุทานเสียงหลงยังไงไหวในเมื่อคนเป็นเพื่อน ที่แม้จะไม่ถึงกับเนี้ยบเป๊ะไปทุกกระเบียดนิ้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายมักจะดูดีอยู่เสมอ แม้จะตกอยู่ในสถานะลุยๆ อย่างการทำกิจกรรมปลูกป่าชายเลน แต่ใบหน้าคมคายของเขาก็ยังสะอาดสะอ้านมีเพียงเนื้อตัวบางส่วนอย่างแขนที่ต้องขุดหลุมและขาที่ต้องเดินลุยในดินเลนเท่านั้นที่เลอะเทอะไม่ต่างไปจากคนอื่น ปลูกป่าอยู่ด้วยกันจนกระทั่งเสร็จสิ้นกิจกรรมแล้วเธอก็ยังเห็นว่าสภาพของเขายังโอเคอยู่มาก แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น! “ไปทำอีท่าไหนน่ะชิน ซุ่มซ่ามเดินสะดุดขาตัวเองแล้วเอาหน้าไปโหม่งโคลนเหรอ” ถามเสียงกลั้วหัวเราะ
ดวงตาคู่คมของชินพัตต์ตวัดมองกลับมาขณะที่ริมฝีปากได้รูปเม้มแน่น เขาไม่ตอบคำถามดังคาดก่อนจะผลุน ผลันเดินนำหน้าคนอื่นๆ ไปห้องอาบน้ำ
“ขำอะไร หรือได้แกล้งพี่แล้วสนุกฮึ” ภควัตถามคนที่เดินอยู่ข้างๆ กันที่จู่ๆ ก็หลุดหัวเราะกิ๊กขึ้นมา
ปุณยวีร์ทำได้เพียงส่ายศีรษะแรงๆ แทนคำตอบที่พูดออกไปไม่ได้เพราะขำจนเปล่งเสียงไม่ไหว
“หึ ต่อให้ส่ายหัวจนหลุดพี่ก็ไม่เชื่อหรอก ร้ายดีนักต้องเจอแบบนี้” ว่าแล้วคนที่เคยยอมกันก็เอาคืนด้วยการละเลงโคลนไปตามใบหน้าและเนื้อตัวจนคนที่ตอนแรกแค่มอมเป็นลูกหมากลายร่างเป็นมนุษย์โคลน
“กรี๊ดดด... พี่ปุ้น หยุดเดี๋ยวนี้นะ ทำปุ่นเลอะไปหมดทั้งตัวแล้วเนี่ย” ถึงคราวคนที่ชอบแผลงฤทธิ์ใส่คนอื่นไปทั่วร้องประท้วงบ้าง
ภควัตหัวเราะ “อ้าว ก็ปุ่นพูดเองไม่ใช่เหรอว่าไหนๆ ก็จะไปล้างตัวอยู่แล้ว ก็ทำให้เลอะสุดๆ ไปเลย”
เสียงร้องกรี๊ดๆ สลับกับเสียงหัวเราะห้าวๆ ของคนที่ชินพัตต์ไม่นึกอยากจะจำ หากเขาก็รู้ซึ้งดีว่าเป็นเสียงของใครเล็ดลอดเข้ามาให้ได้ยินถึงข้างในห้องอาบน้ำ
‘เหอะ! ยัยล่ามทิงเจอร์! ยัยล่ามจอมมาร! ยัย... โว้ย!’
ไม่รู้จะนิยามยังไงถึงจะสาสมกับความร้ายกาจของอีกฝ่าย ผู้หญิงอะไรเหลือเกินจริงๆ ตัวเองอยากเล่นสนุกจนมอมเป็นลูกหมาก็เป็นไปคนเดียวสิ มายุ่งอะไรกับเขาด้วย เขาไม่ได้พูดจาหาเรื่องเธอสักหน่อย ทั้งยังไม่ได้อยู่ในฐานะคนรู้ใจที่จู่ๆ ก็หนีหายไปโดยไม่บอกไม่กล่าวให้เธอต้องลงโทษด้วย
เขาก็แค่...
“ยิ้มอะไรของคุณ!”
ตอนนั้น... หลังจากเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ทยอยเดินกลับไปยังที่ทำการศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อล้างตัวกันแล้ว หากเขายังเดินเอ้อระเหยชมนกชมไม้กุ้งหอยปูปลาไปเรื่อย เพื่อเป็นการฆ่าเวลาแทนที่จะรีบเดินตามคนอื่นไปแล้วต้องแกร่วรอคิวอยู่นาน ไม่นึกเลยว่าพอปีนขึ้นไปบนสะพานไม้เพื่อจะกลับไปล้างตัวบ้างจะทำให้เขาได้พบกับใครบางคน…
คนที่มอมยิ่งกว่าลูกหมาซนๆ มอมจนจำเค้าเดิมแทบไม่ได้ ตอนเห็นไกลๆ เขาก็พอจะอดทนอดกลั้นไม่ปล่อยเสียงหัวเราะออกไป แต่พอได้เห็นจังๆ ใครจะไปทนไหวก็สภาพของคนตรงหน้าน่ะยิ่งกว่าตัวตลกเสียอีก
หากคนนิสัยดีไม่เคยหาเรื่องรังควานใครก่อนอย่างเขาก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปตอนที่เจ้าของดวงตาคู่กลมโตเอาเรื่องกระชากเสียงถามอย่างมีอารมณ์ ทำเพียงพยายามดึงริมฝีปากที่คลี่ออกเป็นรอยยิ้มให้กลับเข้ารูปเข้ารอยเดิมแล้วมองเมินไปอีกทาง ครั้นพอเห็นว่าเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบรับคนเจ้าอารมณ์ก็สะบัดหน้าจนคอแทบหักแล้วตั้งหน้าตั้งตาเดินไปบนสะพานไม้ที่ทอดยาวไปสู่ที่ทำการศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลน หากเดินไปได้ไม่เท่าไรเจ้าหล่อนก็หยุดกึกก่อนจะหันกลับมาจนเขาหยุดเท้าแทบไม่ทัน
“เป็นอะไรของคุณ” เขาอดถามออกไปไม่ได้
เจ้าของใบหน้ามอมแมมไม่ตอบ แต่ดวงตากลมโตคู่นั้นกลับเบิกกว้างแล้วแหกปาก “กรี๊ดดด…”
เสียงแหลมสูงนั่นทำเอาแก้วหูของเขาสะเทือนเลื่อนลั่นจนต้องยกสองมือขึ้นปิดหู “นี่คุณ! เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นคุณก็บอกสิ อย่าเอาแต่กรี๊ด” บอกเสียงเหนื่อยหน่าย
คนที่เอาแต่กรี๊ดชี้นิ้วสั่นๆ ไปทางด้านหลังเขา “ก็นั่น… นั่น…”
“นั่นอะไร” ถามก่อนจะหันไปดูเองเพราะขี้เกียจรอคำตอบแล้วเต็มทน “นั่นไหน อะไรของคุณ ผมไม่เห็นจะมีอะ… เฮ้ย!” ท้ายประโยคเขาอุทานเสียงหลงเพราะแรงผลักจากด้านหลังที่ทำเอาเขาเสียหลักตกจากสะพานไม้โดยเอาหน้าพุ่งลงไปโหม่งโคลนเลนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ฮะๆ ทะ... โทษทีนะคุณจู่ๆ ฉันเป็นอะไรไม่รู้มันหน้ามืดเหมือนจะวูบน่ะเลยไปพิงคุณ ฉันว่าฉันพิงแค่หน่อยเดียวเองนะ ไหงคุณถึงตกสะพานได้ล่ะ” คนนิสัยไม่ดีผลักเขาเต็มแรงพูดกลั้วหัวเราะไม่พอยังจะแอ๊บว่าตัวเองแค่ผลักอีก เหอะ! กล้าพูด
เนอะยัยเถื่อน!
ชินพัตต์หมุนเปิดฝักบัวจนสุด ไม่ใช่แค่ต้องการให้กระแสน้ำที่ไหลแรงช่วยชำระล้างเนื้อตัวที่เลอะเทอะมอมแมมให้สะอาดสะอ้านขึ้นเท่านั้น หากเขายังหวังให้มันช่วยชำระล้างความรู้สึกที่เริ่มจะไม่ถูกที่ถูกทางให้กลับมาอยู่ในการควบคุมเหมือนเดิมอีกครั้ง
กับรุ่นพี่จอมกวน... เธอแกล้งเพราะความปากเสียของอีกฝ่าย
กับรุ่นพี่ที่แสนดีที่หนึ่งคนนั้น... เธอก็แกล้งเพราะจู่ๆ ฝ่ายนั้นก็หายหัวไปไม่บอกไม่กล่าว
แล้วกับตัวเขาล่ะ มันเพราะอะไร...
...TBC...
ครั้นพอหันกลับมาดูตัวเองที่พกความลัลล้ามาเต็มที่ ต่อให้ไม่ได้พกกระจกก็พอจะรู้ว่าคงจะมอมจนดูไม่จืด แต่ใครจะสนล่ะ เธอมาปลูกป่าชายเลนไม่ได้มาเดินแบบ จะให้สวยเป๊ะเว่อร์ได้ยังไง ปุณยวีร์ยักไหล่ไม่แคร์แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาปลูกต้นโกงกางให้ได้จำนวนตามที่ตั้งใจไว้สลับกับละเลงโคลนแกล้งเด็กสาวๆ ที่ปลูกต้นไม้อยู่ในกลุ่มเดียวกันต่อไป
เวลาล่วงเลยไปจนดวงอาทิตย์เกือบตั้งตรงกับศีรษะนั่นแหละพนักงานผู้มีจิตอาสาทั้งหลายถึงได้หยุดมือจากการปลูกป่า ดึงขาออกจากดินเลนแล้วเดินตามกันไปบนสะพานไม้ยาวเหยียดเพื่อไปล้างตัวที่ห้องน้ำที่ที่ทำการศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลน
“เฮ่ย! ใครเอาลูกหมามาปล่อยลงทะเลโคลนวะ” วัชระอุทานเสียงตกอกตกใจ
“ลูกหมาที่ไหนเหรอพี่ต้อ ไม่เห็นมีเลย” ตรัยกวาดตามองไปรอบตัวแล้วถามพาซื่อ
“ก็นั่นไงวะ ลูกหมาตัวเบ้อเร่อเบ้อเท่อ ตาแชแหมหรือไงเอ็งถึงมองไม่เห็น แสนรู้ด้วยนะโว้ยพูดจารู้เรื่อง แต่ต้องพูดภาษาญี่ปุ่นนะ เฮ่ย! จะทำอะไร” วัชระถอยหลังกรูดเมื่อคนตัวมอมเหมือนลูกหมาทำท่าจะพุ่งเข้ามา “เห็นอย่างนี้ แต่พี่ก็ไม่ใช่ผู้ชายใจง่ายนะ จู่ๆ นึกอยากจะกอดก็เข้ามากอดกันง่ายๆ ไม่มีทางซะหรอก” รักนวลสงวนตัวกว่าที่คิด เหอะ!
“อย่าให้เผลอนะพี่ต้อ เดี๋ยวปุ่นจะจัดหนักจัดเต็มเหมือนพี่ปืนเลยคอยดู” ปุณยวีร์เข่นเขี้ยว
“อะไร พี่ไม่ยอมให้กอดแค่นี้ถึงกับลงบัญชีหนังหมาเอาไว้เลย ก็ได้ๆ เห็นแก่อดีตลูกหมาหน้าเคยใส ไปล้างตัวก่อนไป หน้าใสเหมือนเดิมเมื่อไหร่พี่ถึงจะยอมให้กอด” ผู้ชายใจไม่ง่ายยิ้มยั่ว
“อ๊ายยย...พี่ต้อ!” ปุณยวีร์กรีดเสียงสูงปรี๊ด “ปุ่นขออนุญาตนะคะพี่อ้อย” หันไปทางหญิงสาวรุ่นพี่ที่กำลังจะมีอภิสิทธิ์เหนือวัชระทุกอย่างอีกในไม่ช้า (หรือว่ามีแล้วก็สุดรู้) “ขอเอาขี้โคลนยัดปากคนปากไม่ดีหน่อยเถอะ ทนไม่ไหวแล้ว” และด้วยรูปร่างที่เล็กปราดเปรียวกว่าบวกกับมีผู้สนับสนุนหลายคน วัชระจึงหนีเธอไม่พ้นเพราะถูกเพื่อนร่วมงานหลายคนขวางเอาไว้ ใบหน้ายียวนกวนประสาทของเขาจึงถูกเธอละเลงด้วยโคลนจนเละเทะไม่ต่างกันในที่สุด
“เถื่อนแล้วยังซกมกอีกไอ้นี่ รู้งี้ไม่หลงเป็นติ่งมาตั้งนานหรอก” วัชระบ่นอุบพลางยกแขนเสื้อถูขี้โคลนออกจากปาก
“พี่ต้อ!” คนที่แทบจะไม่มีอะไรดีๆ หลงเหลือให้ปลื้มขู่ฟ่อ
วัชระรีบมองหาทางหนีทีไล่อีกครั้งแล้วเขาก็เห็น “ไอ้ปุ้น!”
ชื่อของคนที่จู่ๆ ก็หายไหนไม่รู้ทำให้ปุณยวีร์หันขวับหมดความสนใจในตัวคนที่ชอบพูดจากวนโมโหลงเท่านั้น“พี่ปุ้น”
“ปุ่น... ทำไมถึงมอมแบบนี้ล่ะครับ” ภควัตถามดวงตาคู่เรียวรีซ่านระยับกลบรอยหมองหม่นที่เธอสังเกตเห็นเมื่อแรกสบตากันไปจนสิ้น
“พี่ปุ้นหายไปไหนมาตั้งนาน” นอกจากจะไม่ตอบคำที่เขาถามปุณยวีร์ยังยิงคำถามกลับ
คนที่หายไปนานอึกอัก “เอ่อ คือพี่... มีธุระนิดหน่อย”
ปุณยวีร์เลิกคิ้ว “ธุระ?”
ภควัตยิ้ม นับเป็นครั้งแรกที่ล่ามสาวรู้สึกไม่ชอบรอยยิ้มของเขาเลย มันดูเหมือนกับยิ้มขัดตาทัพ ยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนหรือปกปิดอะไรบางอย่าง
“ช่างเถอะ ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก ปุ่นรีบไปล้างตัวได้แล้วไป มอมเป็นลูกหมาตกถังโคลนเชียว” เขาไม่เพียงพูดเปล่า แต่ฝ่ามือหนาใหญ่นั้นยังเอื้อมเข้ามาลูบผมเผ้ารกรุงรังให้เป็นดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นก่อนจะจับสองไหล่ของเธอให้หันไปยังทิศทางที่ห้องอาบน้ำตั้งอยู่
แต่มีหรือที่คนหน้ามอมเป็นลูกหมาจะยอมทำตามง่ายๆ เธอขืนตัวเอาไว้แล้วถามเขาว่า “พี่ปุ้นก็กำลังจะไปล้างตัวเหมือนกันใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ”
ปุณยวีร์กระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะยกสองมือที่เต็มไปด้วยโคลนเลนขึ้นลูบใบหน้าอบอุ่นใจดีที่เธอปลื้มตั้งแต่แรกเห็นให้มอมแมมเสมอภาคกัน
“ไม่เอาปุ่น เลอะไปหมดแล้ว” ภควัตประท้วงขณะพยายามหันหน้าหลบ
“ไหนๆ ก็จะไปล้างตัวอยู่แล้วก็เลอะให้มันสุดๆ ไปเลยสิคะ แล้วนี่ก็เป็นการทำโทษที่จู่ๆ พี่ปุ้นก็หนีหายไปไหนไม่รู้ ปล่อยให้ปุ่นตามหาตั้งนาน” ท้ายประโยคว่าน้ำเสียงกระเง้ากระงอด
คนที่หายไปไม่บอกไม่กล่าวจึงหยุดอาการแข็งขืนแล้วยืนนิ่งๆ ให้คนที่ต้องตามหาเขาละเลงโคลนลงบนใบหน้าจนพอใจ
วัชระส่ายศีรษะ “จอมมารของแท้เลยว่ะยัยเด็กบ้านี่ แม้แต่กับแฟนสุดที่รักก็ยังไม่เว้น”
“เฮ่ย!” ก้องภพถึงกับเบิกตากว้างอุทานเสียงดังเมื่อหันไปแล้วเห็น ‘ใครบางคน’ ในสภาพที่เขาไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าจะมีวันได้เห็น
กีรฎาหันมองตามสายตาของแฟนหนุ่มแล้วก็ต้องเบิกตากว้างยิ่งกว่า “ชิน!”
ก็จะไม่ให้เธออุทานเสียงหลงยังไงไหวในเมื่อคนเป็นเพื่อน ที่แม้จะไม่ถึงกับเนี้ยบเป๊ะไปทุกกระเบียดนิ้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายมักจะดูดีอยู่เสมอ แม้จะตกอยู่ในสถานะลุยๆ อย่างการทำกิจกรรมปลูกป่าชายเลน แต่ใบหน้าคมคายของเขาก็ยังสะอาดสะอ้านมีเพียงเนื้อตัวบางส่วนอย่างแขนที่ต้องขุดหลุมและขาที่ต้องเดินลุยในดินเลนเท่านั้นที่เลอะเทอะไม่ต่างไปจากคนอื่น ปลูกป่าอยู่ด้วยกันจนกระทั่งเสร็จสิ้นกิจกรรมแล้วเธอก็ยังเห็นว่าสภาพของเขายังโอเคอยู่มาก แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น! “ไปทำอีท่าไหนน่ะชิน ซุ่มซ่ามเดินสะดุดขาตัวเองแล้วเอาหน้าไปโหม่งโคลนเหรอ” ถามเสียงกลั้วหัวเราะ
ดวงตาคู่คมของชินพัตต์ตวัดมองกลับมาขณะที่ริมฝีปากได้รูปเม้มแน่น เขาไม่ตอบคำถามดังคาดก่อนจะผลุน ผลันเดินนำหน้าคนอื่นๆ ไปห้องอาบน้ำ
“ขำอะไร หรือได้แกล้งพี่แล้วสนุกฮึ” ภควัตถามคนที่เดินอยู่ข้างๆ กันที่จู่ๆ ก็หลุดหัวเราะกิ๊กขึ้นมา
ปุณยวีร์ทำได้เพียงส่ายศีรษะแรงๆ แทนคำตอบที่พูดออกไปไม่ได้เพราะขำจนเปล่งเสียงไม่ไหว
“หึ ต่อให้ส่ายหัวจนหลุดพี่ก็ไม่เชื่อหรอก ร้ายดีนักต้องเจอแบบนี้” ว่าแล้วคนที่เคยยอมกันก็เอาคืนด้วยการละเลงโคลนไปตามใบหน้าและเนื้อตัวจนคนที่ตอนแรกแค่มอมเป็นลูกหมากลายร่างเป็นมนุษย์โคลน
“กรี๊ดดด... พี่ปุ้น หยุดเดี๋ยวนี้นะ ทำปุ่นเลอะไปหมดทั้งตัวแล้วเนี่ย” ถึงคราวคนที่ชอบแผลงฤทธิ์ใส่คนอื่นไปทั่วร้องประท้วงบ้าง
ภควัตหัวเราะ “อ้าว ก็ปุ่นพูดเองไม่ใช่เหรอว่าไหนๆ ก็จะไปล้างตัวอยู่แล้ว ก็ทำให้เลอะสุดๆ ไปเลย”
เสียงร้องกรี๊ดๆ สลับกับเสียงหัวเราะห้าวๆ ของคนที่ชินพัตต์ไม่นึกอยากจะจำ หากเขาก็รู้ซึ้งดีว่าเป็นเสียงของใครเล็ดลอดเข้ามาให้ได้ยินถึงข้างในห้องอาบน้ำ
‘เหอะ! ยัยล่ามทิงเจอร์! ยัยล่ามจอมมาร! ยัย... โว้ย!’
ไม่รู้จะนิยามยังไงถึงจะสาสมกับความร้ายกาจของอีกฝ่าย ผู้หญิงอะไรเหลือเกินจริงๆ ตัวเองอยากเล่นสนุกจนมอมเป็นลูกหมาก็เป็นไปคนเดียวสิ มายุ่งอะไรกับเขาด้วย เขาไม่ได้พูดจาหาเรื่องเธอสักหน่อย ทั้งยังไม่ได้อยู่ในฐานะคนรู้ใจที่จู่ๆ ก็หนีหายไปโดยไม่บอกไม่กล่าวให้เธอต้องลงโทษด้วย
เขาก็แค่...
“ยิ้มอะไรของคุณ!”
ตอนนั้น... หลังจากเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ทยอยเดินกลับไปยังที่ทำการศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อล้างตัวกันแล้ว หากเขายังเดินเอ้อระเหยชมนกชมไม้กุ้งหอยปูปลาไปเรื่อย เพื่อเป็นการฆ่าเวลาแทนที่จะรีบเดินตามคนอื่นไปแล้วต้องแกร่วรอคิวอยู่นาน ไม่นึกเลยว่าพอปีนขึ้นไปบนสะพานไม้เพื่อจะกลับไปล้างตัวบ้างจะทำให้เขาได้พบกับใครบางคน…
คนที่มอมยิ่งกว่าลูกหมาซนๆ มอมจนจำเค้าเดิมแทบไม่ได้ ตอนเห็นไกลๆ เขาก็พอจะอดทนอดกลั้นไม่ปล่อยเสียงหัวเราะออกไป แต่พอได้เห็นจังๆ ใครจะไปทนไหวก็สภาพของคนตรงหน้าน่ะยิ่งกว่าตัวตลกเสียอีก
หากคนนิสัยดีไม่เคยหาเรื่องรังควานใครก่อนอย่างเขาก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปตอนที่เจ้าของดวงตาคู่กลมโตเอาเรื่องกระชากเสียงถามอย่างมีอารมณ์ ทำเพียงพยายามดึงริมฝีปากที่คลี่ออกเป็นรอยยิ้มให้กลับเข้ารูปเข้ารอยเดิมแล้วมองเมินไปอีกทาง ครั้นพอเห็นว่าเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบรับคนเจ้าอารมณ์ก็สะบัดหน้าจนคอแทบหักแล้วตั้งหน้าตั้งตาเดินไปบนสะพานไม้ที่ทอดยาวไปสู่ที่ทำการศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลน หากเดินไปได้ไม่เท่าไรเจ้าหล่อนก็หยุดกึกก่อนจะหันกลับมาจนเขาหยุดเท้าแทบไม่ทัน
“เป็นอะไรของคุณ” เขาอดถามออกไปไม่ได้
เจ้าของใบหน้ามอมแมมไม่ตอบ แต่ดวงตากลมโตคู่นั้นกลับเบิกกว้างแล้วแหกปาก “กรี๊ดดด…”
เสียงแหลมสูงนั่นทำเอาแก้วหูของเขาสะเทือนเลื่อนลั่นจนต้องยกสองมือขึ้นปิดหู “นี่คุณ! เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นคุณก็บอกสิ อย่าเอาแต่กรี๊ด” บอกเสียงเหนื่อยหน่าย
คนที่เอาแต่กรี๊ดชี้นิ้วสั่นๆ ไปทางด้านหลังเขา “ก็นั่น… นั่น…”
“นั่นอะไร” ถามก่อนจะหันไปดูเองเพราะขี้เกียจรอคำตอบแล้วเต็มทน “นั่นไหน อะไรของคุณ ผมไม่เห็นจะมีอะ… เฮ้ย!” ท้ายประโยคเขาอุทานเสียงหลงเพราะแรงผลักจากด้านหลังที่ทำเอาเขาเสียหลักตกจากสะพานไม้โดยเอาหน้าพุ่งลงไปโหม่งโคลนเลนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ฮะๆ ทะ... โทษทีนะคุณจู่ๆ ฉันเป็นอะไรไม่รู้มันหน้ามืดเหมือนจะวูบน่ะเลยไปพิงคุณ ฉันว่าฉันพิงแค่หน่อยเดียวเองนะ ไหงคุณถึงตกสะพานได้ล่ะ” คนนิสัยไม่ดีผลักเขาเต็มแรงพูดกลั้วหัวเราะไม่พอยังจะแอ๊บว่าตัวเองแค่ผลักอีก เหอะ! กล้าพูด
เนอะยัยเถื่อน!
ชินพัตต์หมุนเปิดฝักบัวจนสุด ไม่ใช่แค่ต้องการให้กระแสน้ำที่ไหลแรงช่วยชำระล้างเนื้อตัวที่เลอะเทอะมอมแมมให้สะอาดสะอ้านขึ้นเท่านั้น หากเขายังหวังให้มันช่วยชำระล้างความรู้สึกที่เริ่มจะไม่ถูกที่ถูกทางให้กลับมาอยู่ในการควบคุมเหมือนเดิมอีกครั้ง
กับรุ่นพี่จอมกวน... เธอแกล้งเพราะความปากเสียของอีกฝ่าย
กับรุ่นพี่ที่แสนดีที่หนึ่งคนนั้น... เธอก็แกล้งเพราะจู่ๆ ฝ่ายนั้นก็หายหัวไปไม่บอกไม่กล่าว
แล้วกับตัวเขาล่ะ มันเพราะอะไร...
...TBC...

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 พ.ย. 2557, 08:09:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 พ.ย. 2557, 08:09:14 น.
จำนวนการเข้าชม : 1232
<< ตอนที่ 9 | ตอนที่ 10/2 >> |

sai 16 พ.ย. 2557, 09:58:32 น.
ตามอ่านอยู่นะคร้าา
ตามอ่านอยู่นะคร้าา

Zephyr 2 ธ.ค. 2557, 13:34:03 น.
อุ้ย แหม หวั่นไหว
อุ้ย แหม หวั่นไหว