ซีรีส์บุปผาสันนิวาส Flower of love<<<รอยฝันกุหลาบนางฟ้า>>>
สร้อยเส้นนี้สำคัญมากขนาดไหน คำตอบที่มีให้ ก็คงบอกได้ว่า เท่ากับภาพวาดสีน้ำรูปดอกไม้รูปนั้น และคงไม่มีใครรู้ซึ้งเท่าพวกเขาและเธอ ความรัก ความลับ ความหลัง คำสัญญาในอดีต ที่ผูกพันเธอและพวกเขาไว้ด้วยกัน ถูกกักเก็บไว้ในสร้อยสำคัญที่หายไป และภาพวาดภาพนั้น ที่ส่งผลทำให้...
เธอรอ...มาตลอด โดยที่ไม่รู้ว่าต้องรอใคร
ส่วนเขาทั้งคู่ ตามหา...มายาวนาน โดยที่ไม่รู้ว่าต้องตามหาใคร
ฉะนั้นเพื่อเปิดเผยคำถามในหัวใจที่ค้างคา ภารกิจค้นหาชิ้นส่วนสำคัญของสร้อยที่หายไป และเพื่อไขความลับในภาพวาดที่ถูกเก็บไว้ จึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางความอลหม่านของหัวใจสามดวง
เมื่อหนึ่งชายนั้น คืออดีตรักที่เธอไม่เคยลืม แม้เขาจะทำให้หัวใจเธอบอบช้ำก็ตามที
และอีกหนึ่งคน ที่เพิ่มเติมเข้ามาเพราะความจำเป็น ทว่ากลับผูกพันกับเธอลึกซึ้ง ยิ่งกว่าชายใด!

Tags: ตำนานดอกไม้,นิรันดร์-จิรัสยา,จิรัสยา,ทานตะวัน,กรรณิการ์,พิสูจน์รักทานตะวัน,รอยฝันกุหลาบนางฟ้า,กรรณิการ์มนตรารัก

ตอน: บทที่ 2 บุพกรรม ๑ 2.2

ตัวอาคารสีขาวสองชั้นอันใช้เป็นสำนักงานของสวนพิกุลนั้น ชั้นล่างใช้เป็นห้องทำงาน กับรับแขก ส่วนชั้นบนทั้งชั้นใช้เก็บเอกสาร เมื่อเปิดประตูกระจกเข้าไป สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศ

ช่วงกลางของอาคารเป็นโถงโล่ง มีกระถางไม้ใบตั้งอยู่ พร้อมกับบอร์ด และตู้กระจกโชว์ถ้วยรางวัล อันเกิดจากผลงานของสวน ขวามือเป็นห้องประชุมกับห้องรับแขก ส่วนทางด้านซ้ายที่ติดกับโถงกลาง คือห้องทำงานของจิรัสยา ถัดไปเป็นพื้นที่โล่ง มีฉากกั้นใช้เป็นที่ทำงานของสำนักงาน และมีบันไดขึ้นไปยังชั้นสอง

วิมาลาที่เดินนำหน้านายสาวเข้ามา เดินเลี้ยวไปทางซ้าย เพื่อทำงานต่อ ในขณะที่จิรัสยาเปิดประตูห้องทำงานของตัวเองเข้าไป ในห้องนั้นตกแต่งเรียบๆ ส่วนมากเป็นโทนสีครีมและน้ำตาล มีโต๊ะทำงานตั้งอยู่กึ่งกลางห้อง ตามผนังวางตู้ไม้ บ้างวางแฟ้มเอกสาร บ้างวางใบประกาศนียบัตรต่างๆ ที่ได้รับมา จะพิเศษตรงที่ตู้ทางด้านซ้ายด้านบนวางพระพุทธรูปไว้

หน้าต่างกระจกบานยาวหลังโต๊ะทำงาน ที่มักเปิดเวลาที่จิรัสยาอยู่ในห้อง ตอนนี้ถูกปิดไว้ด้วยผ้าม่านสีน้ำตาลอ่อนลายดอกไม้ และตรงโต๊ะทำงานที่มีแฟ้มวางอยู่สองสามแฟ้ม กับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และกระถางกล๊อกซีเนียเล็กๆ มีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งเอนๆ อยู่บนเก้าอี้หันข้างมาให้เธอ วางนิตยสารปิดใบหน้า สองมือผสานกันใต้อก ดูคล้ายกำลังหลับ

กรรณิการ์ ลูกพี่ลูกน้องของจิรัสยา...นั่นละ สาวห้าวขาโหดประจำบ้าน

กรรณิการ์เป็นลูกของปสพกับกิ่งแก้ว ลุงกับป้าสะใภ้ของเธอ และยังเกิดวันเดียวกันกับหญิงสาว พร้อมกับทานตะวัน ที่เป็นลูกของพันลอก ผู้เป็นอากับทิชา อาสะใภ้ เพียงแต่ต่างเวลากันเท่านั้น ทานตะวันเกิดตอนเช้า จิรัสยาเกิดตอนเที่ยงวัน และกรรณิการ์นั้นเกิดตอนเย็น และพวกเธอก็ต่างเป็นลูกคนเดียวเช่นกัน

“คราวนี้ที่ตกงาน เพราะเผลอไปทะเลาะกับเจ้านาย เข้ากันไม่ได้กับเพื่อนร่วมงาน หรือว่าไปด่าลูกค้ามา”

หญิงสาวเจ้าของห้องเดินไปหยุดที่หน้าโต๊ะทำงาน วางสองมือเท้าบนโต๊ะ หน้าคนที่ไว้ผมสั้นเคลียบ่า และแต่งกายทะมัดทะแมง ด้วยเสื้อยืดสีเทาสกรีนลายตัวโคร่ง กับกางเกงผ้าขายาวพอดีตัว ซึ่งกำลังหยิบนิตยสารออกจากหน้า เผยให้เห็นตาโตดูดุใต้แผงขนตาหนา คิ้วเรียวขมวดมุ่นบ่งว่าหงุดหงิดอย่างหนัก

กรรณิการ์เหยียดแขนไปจนสุดความยาวของโต๊ะ ก่อนวางคางตามลงไป ริมฝีปากบางบิดเบ้ ใบหน้าเหยเก จนคนมองส่ายหน้าอย่างเอือมๆ กับคนที่เปลี่ยนงานได้ทุกๆ สามเดือน พลางหันไปคว้าเก้าอี้ทางซ้ายมือของโต๊ะทำงานมานั่ง

“อย่าเพิ่งซ้ำ ช่วยคิดทีจะทำไงดี อิสระของกรรณ มันเหลือริบหรี่เต็มทีแล้ว”

คนที่หากตกงานครบสิบสองครั้งต้องกลับไปช่วยงานที่บ้านครวญ จนจิรัสยาอดหัวเราะไม่ได้

“แหม! เหลือตั้งครั้งหนึ่งแน่ะ”

สาวห้าวชะงักกึกเหลือบตามองค้อนแต่ยังไม่ทันที่จะได้โอดครวญต่อ เสียงเล็กๆใสๆ ก็ดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดออก ผสมกับเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังกึกๆ และทั้งสองก็รู้ได้ทันทีว่าผู้มาเยือนคือใคร

ทานตะวัน...ผู้นำแฟชั่นประจำบ้าน ที่มีความมั่นใจในตัวเองมาก...ขอย้ำว่า‘มาก’

“ทู้กโค้น-น-น!”

จิรัสยาถอนหายใจเมื่อหันไปมอง ในขณะที่กรรณิการ์เบือนหน้าหนีพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่

“วันนี่มาแล้วจ้า!”

คนที่เข้ามาใหม่เป็นสาวร่างอวบ แต่ที่สะดุดตาและดึงดูดความสนใจเป็นอย่างแรก คือที่คาดผมรูปดอกทานตะวันอันใหญ่ สีเหลืองโดดเด่นเด้งเข้าตา บนเรือนผมสีน้ำตาลทอง ที่ตอนนี้กลายเป็นโลโก้ประจำตัวไปแล้ว ดวงตาค่อนไปทางโตสีน้ำตาลอ่อนหยีลง ริมฝีปากอิ่มสีแดงสด บนใบหน้าสวยน่ารักอย่างบ่งว่าเป็นลูกครึ่ง แย้มยิ้มส่งมาให้ มือเรียวข้างหนึ่งเท้าสะเอว โพสท่าราวกับนางแบบ

แต่ที่เด่นที่สุด คงเป็นชุดที่สวม เอี๊ยมกระโปรงกำมะหยี่สีแดงสั้นเหนือเข่า...กับเสื้อคอบัวสีดำแขนสามส่วน และปิดท้ายด้วย ส้นสูงสี่นิ้วสีเหลืองอ๋อย

“ไง ชุดนี้ของเค้าเป็นยังไงบ้าง สวยใช่มะ ไม่ต้องบอกหรอก วันนี่รู้ตัว ก็คนมันสวยอะนะ!”






เกือบห้าโมงเย็น รถยนต์เล็กคันนั้น ก็วิ่งเลี้ยวลงจากถนนใหญ่ สู่ถนนสายเล็กๆ ที่พอให้รถสวนกันได้ สองข้างทางเป็นทุ่งนา บ้างเป็นสวนมะพร้าว ก่อนจะตรงไปสุดที่ทางตัน ซึ่งเป็นรั้วไม้ไผ่ตีติดต้นเสาล้อมรอบแสดงอาณาเขต

ภายในรั้วกว้างขวางราวกับป่า ด้วยร่มรื่นไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ ประตูด้านหน้าไม่ได้ปิดไว้ รถคันนั้นเลยวิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างสบาย ผู้โดยสารในรถนั้นมีเพียงจิรัสยาและกรรณิการ์ เพราะทานตะวันที่ขับรถมาอีกคัน บอกว่าจะขอแวบไปดูลาดเลาบ้านสวนของหนุ่มในฝันสักนิด แล้วจะรีบตามมา

ไม่นานเมื่อรถคันเล็กก็วิ่งผ่านสะพานไม้แข็งแรง ที่พาดผ่านคลองดินกว้างราวสองช่วงตึก ที่ไหลผ่านหน้าบ้านทรงไทย แล้วอ้อมไปทางด้านหลังเรือน ใกล้ๆ สะพานเป็นศาลาไม้ท่าน้ำ ก่อนจะไปหยุดลงที่โรงจอดรถ ใต้เงาต้นปีปที่มีมากที่สุดในบริเวณนั้น และกรรณิการ์ที่ก้าวลงมาก่อนก็เหยียดแขนเหยียดขา

“ถึงซะที เมื่อยเป็นบ้า อืม...ว่าแต่กลิ่นอะไรนะหอมๆ ชักหิวแล้วสิ”

คนพูดก้าวเดินนำหน้าบ่นงุบงิบว่าหิวโดยมีจิรัสยาเดินรั้งท้าย ดวงตาสีน้ำตาลแก่ จ้องจับยังบ้านทรงไทยหลังใหญ่ที่คุ้นตาคุ้นใจ ด้วยความอิ่มใจ

เพราะสำหรับจิรัสยา ไม่ว่าจะบ้านหลังใด ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าเป็น‘บ้าน’ เท่ากับบ้านหลังนี้เลย

ใช่...เธอรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เพราะเมื่อเข้ามาอยู่ในอาณาเขตนี้ เหมือนต้นไม้ทุกต้น สายน้ำที่ไหลริน สายลมที่พัดผ่าน หมู่นกที่ส่งเสียงร้องแจ๋วๆ อยู่ตามยอดไม้ กระทั่งต้นหญ้า ผืนดิน และแม้แต่กระดานแต่ละแผ่น ที่ประกอบขึ้นมาเป็นบ้านทรงไทยหลังตรงหน้านี้ คล้ายจะกระซิบกระซาบ บอกกล่าวกับเธอด้วยประโยคเดิมๆ ซ้ำๆ...ทุกครั้งว่า

‘ยินดีต้อนรับ...กลับบ้าน’






บ้านสวนของคุณย่าพวกเธอเป็นบ้านทรงไทยแบบที่เรียกว่าเรือนหมู่คหบดี คุณทวดซึ่งเป็นพ่อของพิกุลมียศถึงพระยาในสมัยนั้น แต่ก่อนที่จะมีสงครามโลกครั้งที่สองเคยปลูกอยู่แถวๆ สาธรซึ่งสมัยนั้นก็เรียกได้ว่าบ้านนอกเต็มที แต่เพราะพิษไฟสงครามเลยย้ายเรือนมาปลูกใหม่ที่นี่แทน

ปกติเวลากลับมาบ้านสวนซึ่งอย่างน้อยๆ ในหนึ่งเดือนลูกหลานจะต้องมารวมตัวกัน ที่ที่ชุมนุมก็มักจะเป็นชานระเบียงเรือนนอนของพิกุล ที่อยู่ถัดมาจากหอนั่งที่สุดมุมขวาของบ้านตรงข้ามกับเรือนครัว เวลาลมพัดมา มักได้กลิ่นหอม ของซุ้มการเวกกลางบ้าน สลับกับกลิ่นดอกโมกข์ในกระถางริมหอนั่ง บรรยากาศรอบด้านสงบเงียบ ได้ยินกระทั่งเสียงลมพัด นกร้องบางครั้งบางคราได้ยินเสียงเครื่องเรือแผดมาแต่ไกลๆ

เวลาบ่ายแก่ๆ เช่นนี้พิกุลมักนั่งทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ไปพลางพร้อมกับปรุง อดีตพี่เลี้ยงที่โตด้วยกันมาซึ่งอายุมากกว่าไม่กี่ปี ชานระเบียงหน้าหอนอนของผู้เป็นย่ามักเต็มไปด้วยข้าวของ อย่างเช่นตู้โชว์ไม้สักฉลุลายเถาองุ่น ในนั้นวางเชี่ยนหมากนาก ขันเงิน พานทองเหลืองลวดลายอ่อนช้อย กับหมอนถักไหมพรมลายสวย ซึ่งตั้งใกล้กับประตูห้อง

ผนังห้องส่วนหนึ่งติดรูปถ่ายครั้งอดีต ส่วนมากก็ไล่เรียงกันมาตั้งแต่ปู่ย่าตาทวด ที่กรรณิการ์กับทานตะวันไม่ค่อยสนใจนัก คงมีเพียงจิรัสยาเท่านั้น ที่คอยเอารูปมาไล่เรียงซักถามอยู่เสมอ เมื่อตอนเล็กๆ แถมด้วยข้าวของที่ใช้ส่วนมากยังเป็นของสมัยก่อน ที่สะสมกันมา แบบที่พวกเล่นของเก่าเคยมาเห็นตาลุก และพยายามตื๊อขอซื้อแต่ไม่เป็นผล อย่างแสงไฟที่มาจากโป๊ะไฟจีบสะบัดสีขาวนมซึ่งติดตามต้นเสานี่ก็ไม่เว้น

“ว่าไงล่ะลูก”

พิกุลย้ำถามเอาคำตอบ ในขณะที่จิรัสยาซึ่งนั่งต่ำลงมาบนชานลดบนเสื่อถอนหายใจ เธอนั่งอยู่ใกล้กับปรุงซึ่งแก่วัยกว่าพิกุลสองสามปี ใบหน้ากลมมน ดวงตาค่อนข้างเล็ก เวลายิ้มจะเห็นเป็นรูปสระอิ หญิงชรารูปร่างท้วม แต่ดูจะกระฉับกระเฉง ผมสีดอกเลาตัดสั้นแล้วดัด เพราะเจ้าตัวบอกว่าสบายดีกว่าไว้ผมยาวและยังเคี้ยวหมาก

จิรัสยาไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้ที่ผู้เป็นย่าให้พวกเธอทั้งสามคนกลับมาบ้านสวนนั้นจะเป็นเพราะเรื่อง

‘แต่งงาน!’

มันเป็นคำสองคำของพิกุลที่ประกาศออกมา และช็อกความรู้สึกของจิรัสยาได้มากพอดู และกว่าเธอจะหายมึนจากอาการจับต้นชนปลายไม่ถูก ก็ได้ยินทานตะวันที่ตามมาสมทบประกาศก้องแล้วว่า

‘เอาค่ะ! หนูวันเอา หนูวันอยากแต่งงาน หนูวันอยากถูกจับคลุมถุงชน ชนแรงๆ เลยก็ได้ หนูวันเอาหมด!’

ทานตะวันเป็นคนเดียวที่ตอบรับด้วยเสียงอันดัง และท่าทางเต็มใจยิ่ง ก่อนที่เจ้าหล่อนจะบอกถึงความต้องการ ว่าใครคือผู้ชายคนนั้น ที่ญาติผู้น้องของเธอ อยากจะตกกระไดพลอยโจนด้วยมากที่สุด

ตะวัน...พี่ชาย บ้านใกล้เรือนเคียง ที่ทานตะวันแอบรักมาตั้งแต่เด็ก นั่นละ...ผู้ชายคนนั้น คือผู้โชคดี ที่จิรัสยาบอกได้ไม่เต็มปากนัก ว่าใช่...หรือเปล่า เพราะโชคดีที่ว่า มันน่าจะเป็นของญาติผู้น้องของเธอมากกว่า ด้วยพี่ชายบ้านใกล้ ดูจะไม่ได้คิดสนใจ ทานตะวันมากไปกว่าคนรู้จักกัน

และ...คนที่หย่อนระเบิดไว้ เมื่อบอกความต้องการของตัวเองเสร็จ ก็เผ่นผลุงลงจากเรือนไป!

ส่วนสาเหตุน่ะหรือ ง่ายนิดเดียว เพราะว่า...วันนี้เป้าหมายจะกลับบ้าน ทานตะวันเลยต้องไปทำคะแนน กับว่าที่แม่สามีในอนาคต แต่ทิ้งระเบิดไว้ให้เธอกับกรรณิการ์แทน!!

“กรรณไม่แต่งค่ะ ให้หัวเด็ดตีนขาด กรรณก็ไม่ กรรณยอมทุกอย่างยกเว้นเรื่องนี้เรื่องเดียว!”

กรรณิการ์ที่นั่งอยู่เยื้องไปจากเธอนิดประกาศดังลั่น ส่วนจิรัสยาเองได้แต่ถอนหายใจอีกเฮือก

“ผู้ชายสมัยนี้นะคะคุณย่ากรรณไม่เอาด้วยหรอก กรรณเลี้ยงตัวเองได้ เดี๋ยวนี้น่ะผู้หญิงอยู่ตัวคนเดียวเป็นโสดตลอดชีวิตก็มี ก็...” กรรณิการ์เหล่มองไปยังปรุง “ย่าปรุงไงคะ ย่าปรุงยังโสด”

ปรุงอุทานแทบจะตบเข่าฉาด “ไหมเล่า! วกมาหานางปรุงจนได้สิน่า คุณกรรณ”

พิกุลหัวเราะขึ้นเบาๆ ก่อนจะเงียบไปพลางขมวดคิ้ว เพราะหลานสาวยืนยันหนักแน่นก่อนจะเผ่นลงจากเรือนตามทานตะวันไปอีกคน ทิ้งให้จิรัสยาที่ได้แต่นั่งฟังไว้เพียงลำพัง หญิงสาวเลยได้แต่ยิ้มแหย เมื่อรู้สึกว่าผู้เป็นย่ากำลังจับจ้องมองมาอย่างคาดหวัง และในขณะที่กำลังขยับจะปฏิเสธ พิกุลก็เอ่ยขึ้น

“ไอ้ย่าก็หวังดี”

สุ้มเสียงคนพูดฟังสะเทือนใจอย่างมาก แถมปรุงยังกระเถิบเข้าไปใกล้ วางมือลงบนต้นขาผู้เป็นนาย มองด้วยสายตาเข้าอกเข้าใจยิ่ง “ก็ไม่ได้จะบังคับ แค่อยากแนะนำให้รู้จักคนดีๆ ไว้เผื่ออนาคตก็เท่านั้น แต่ดูซีปรุง...หลานๆ ฉัน เขาก็คงคิดว่าฉันไปก้าวก่ายชีวิตของเขา โถ ฉันล่ะเสียใจ ที่ความหวังดีของฉันสื่อไปไม่ถึงเขา”

แม้พูดเช่นนั้น แต่สายตาที่มองมาอย่างคาดหวัง ยิ่งทำให้จิรัสยาพูดไม่ออก นี่แหละ...ไม้ตายของย่าพิกุล กรรณิการ์เองก็รู้ ถึงได้เผ่นแน่บไปก่อนที่จะใจอ่อน

“โถ ทำไมคุณคิดแบบนั้น” คนสนิทรับคำ แล้วหันมาหาหลานเจ้านาย

“ใช่มั้ยคะคุณจาว คุณจาวก็เห็นด้วยกับคุณย่าใช่มั้ยคะ”

จิรัสยาถอนหายใจ เพราะเธอน่ะทั้งๆ ที่รู้ ว่านี่เป็นลูกไม้เด็ดของย่า ที่ใช้ในเวลาที่ต้องการให้ลูกหลานตามใจ แต่เธอกลับไม่เคยใจแข็งได้เสียที เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ หญิงสาวเองก็ได้แต่ถอนหายใจอีกหน ยิ้มแห้งๆ แล้วรับคำ

“ค่ะ” เท่านั้นเอง...ใบหน้าของพิกุลก็แย้มยิ้มมีความสุข ทีนี้เรื่องเล่าเกี่ยวกับ‘คู่หมาย’ ที่จะจับคู่ให้พวกเธอ ก็ไหลหลั่งพรั่งพรู จิรัสยาเออออฟังไป เพราะต้องการเอาใจคนชรา พร้อมกับนึกปลง

มิน่าล่ะ...ใครๆ ถึงบอกว่า เมื่ออายุย่างเข้ายี่สิบห้า มักมีเรื่องยุ่งๆ เกิดขึ้นเสมอ นี่มันอาถรรพณ์เบญจเพสโดยแท้!




========================================================================>>>>>>


ดีค้าพายายจาวมาส่งค่าาาาาาาาาาาาาาาาา ^O^

คุณพันธ์แตงกวา เจ่เจ้ คุณกรรณเธอมาเพื่อสิ่งนี้กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ขอบทัยเพคะที่ชมอิๆ ส่วนทานตะวันอีกหนึ่งสาวเจ่เจ้ดูดี๊ ดูที่นางทำ 555+ ทิ้งระเบิดแล้วหนีเบย อิๆ
คุณZephyr กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด อุ๊! พี่พีทหลบไปนั่งทำใจมาด้วยละตัว ใครๆก็ไม่รักพีท หึ! คือมาดพี่ครอสนี่ถอดออกมาจากตัวต้นแบบเลยอ่ะ เก๊าปลื้มแอนดริว ณเกร็กฉัน เอ๊ย ป๋าดริวอ่ะ เวลาป๋ายิ้ม ป๋าขี้เล่น ป๋าน่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก 555+
คุณแว่นใส 555+ งานนี้ต้องมีคนยอมเศร้าค่ะ ต้องรอดูว่าหลังใครจะทำคะแนนได้เยอะ ถ้าทำคะแนนสูสีนี่มีโอกาสผุดอีกเรื่อง 555+ (เรื่องนี้ให้รอดก่อนเหอะ) >//////<
คุณบุลินทร หมี้ริน เดี๋ยวมาต่อ แต่คราวนี้ให้แม่น้อยย้อนอดีตกันบ้างไรบ้าง อิๆ ยากจริง ยากจุง แก้มาสามรอบแล้วนี่ไงอ่า แต่อยากลองของ อารมณ์แบบแต่ปางก่อน มาเต็มฮ่ะ 555+ คือจำได้ตอนนั้นชอบมากถึงขั้นาหนังสือมาอ่าน เป็นเล่มแรกๆที่ขวนขวายหาร้านดอกหญ้า 555+

และคุณๆรีดเดอร์นะค้า ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาคุย มากดคะแนนให้นะค้า ขอบคุณมากๆๆค่า

เอาละ คืนนี้ไปแล้วนะค้า แต่อย่าลืม อย่าลื้ม!

รอยพรหมลิขิตรัก เรื่องรักๆใคร่ๆของพี่แทนนะค้า แฮ่ วันนี้แอบแวบไปยังไม่เข้า(หนอนน้อยอยู่รอบนอก) เห็นทางร้านว่าไม่เกนิวันเสาร์ แต่ในเมืองได้ข่าวว่าวางไปแล้วจ้า ^O^

ฝันดี ราตรีสวัสดิ์นะคะ ไปแว้ววววววววววววว ^O^



ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 พ.ย. 2557, 17:40:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 พ.ย. 2557, 17:40:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1442





<< บทที่ 2 บุพกรรม ๑ 1.1   บทที่ 3 บุพกรรม ๒ 1.2 >>
พันธุ์แตงกวา 13 พ.ย. 2557, 18:18:03 น.
จับคู่ดูตัวแล้ว เค้าอยากถูกคุณย่าจับคู่กับครอสบ้างงงง ครอสจัเอาป่าวไม่ยู้ แต่จิพลีกายถวายชีพให้ พี่พีทเสร็จละ เค้าจะดูตัวกันละนะ


แว่นใส 13 พ.ย. 2557, 19:02:53 น.
น่าติดตามว่าจาวจะได้คู่ใครกันแน่


Zephyr 13 พ.ย. 2557, 20:00:56 น.
จาวคู่ครอสไปเลย ไม่ต้องจับให้ยากค่ะย่าขา
มันกำหนดมาแล้วค่ะย่า แค่ย่าพามาเท่านั้นค่ะ
ออกนอกหน้ามากมายยยยยย


บุลินทร 13 พ.ย. 2557, 21:20:53 น.
ทำไมมีแต่คนเชียร์ครอส ฮ่าๆๆ คนเขียนเปลี่ยนพระเอกยังทันนะ ว่าแต่ยี่สิบห้ามันจะมีเรื่องวุ่นๆจริงหรือ อายุยังไม่ถึงเลย


นักอ่านเหนียวหนึบ 15 พ.ย. 2557, 09:32:18 น.
เอิ่มมม ตอนนี้ วันนี่ แย่งซีนมากมายยยย นึกว่าเรืาองของนาง 555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account