ซีรีส์บุปผาสันนิวาส Flower of love<<<รอยฝันกุหลาบนางฟ้า>>>
สร้อยเส้นนี้สำคัญมากขนาดไหน คำตอบที่มีให้ ก็คงบอกได้ว่า เท่ากับภาพวาดสีน้ำรูปดอกไม้รูปนั้น และคงไม่มีใครรู้ซึ้งเท่าพวกเขาและเธอ ความรัก ความลับ ความหลัง คำสัญญาในอดีต ที่ผูกพันเธอและพวกเขาไว้ด้วยกัน ถูกกักเก็บไว้ในสร้อยสำคัญที่หายไป และภาพวาดภาพนั้น ที่ส่งผลทำให้...
เธอรอ...มาตลอด โดยที่ไม่รู้ว่าต้องรอใคร
ส่วนเขาทั้งคู่ ตามหา...มายาวนาน โดยที่ไม่รู้ว่าต้องตามหาใคร
ฉะนั้นเพื่อเปิดเผยคำถามในหัวใจที่ค้างคา ภารกิจค้นหาชิ้นส่วนสำคัญของสร้อยที่หายไป และเพื่อไขความลับในภาพวาดที่ถูกเก็บไว้ จึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางความอลหม่านของหัวใจสามดวง
เมื่อหนึ่งชายนั้น คืออดีตรักที่เธอไม่เคยลืม แม้เขาจะทำให้หัวใจเธอบอบช้ำก็ตามที
และอีกหนึ่งคน ที่เพิ่มเติมเข้ามาเพราะความจำเป็น ทว่ากลับผูกพันกับเธอลึกซึ้ง ยิ่งกว่าชายใด!

Tags: ตำนานดอกไม้,นิรันดร์-จิรัสยา,จิรัสยา,ทานตะวัน,กรรณิการ์,พิสูจน์รักทานตะวัน,รอยฝันกุหลาบนางฟ้า,กรรณิการ์มนตรารัก

ตอน: บทที่ 3 บุพกรรม ๒ 1.2


พอตกค่ำ แสงไฟก็สว่างขึ้นแทนที่แสงตะวันที่หมดลง ในสวนกว้างใต้เงาไม้ใหญ่ วับแวมไปด้วยแสงสว่างนวลๆ ราวกับแสงจันทร์จากโคมไฟที่มีไว้ตามทางเดิน อากาศรอบด้านเริ่มเย็นลง เพราะอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ และใกล้ๆ ยังมีคลองสายเล็กๆ ไหลผ่าน ไอชื้นเลยมากกว่าทุกที่

และเพราะวันนี้ค่ำแล้วทั้งสามสาวเลยตัดสินใจค้างที่บ้านสวนหนึ่งคืน หลังทานอาหารค่ำร่วมกับผู้เป็นย่า และพ่อแม่ของเธอซึ่งอยู่ดูแลสวนพิกุลสาขาหนึ่งที่นี่ พิกุลและกรรณิการ์ก็ดูจะไว้เชิงกันและกันอยู่ เพราะเมื่อผู้เป็นย่าพยายามจะพูดเรื่องดูตัวกับหลานสาวอีกครั้ง แต่สาวห้าวประจำบ้านก็ดูจะรู้ทันและหลบหลีกไปได้ทุกครั้ง และเช่นเดิมที่ประชุมลับของสามสาวในบ้านสวนก็คือห้องของจิรัสยา

“ไม่แต่ง ยังไงก็ไม่แต่ง จาวไม่ต้องมากล่อมเลย!”

กรรณิการ์ว้ากลั่น เมื่อเจ้าของห้องแย้มๆให้ทำตามใจผู้เป็นย่า ขณะนั้นญาติผู้พี่ของเธอยืนยกมือเท้าเอวอยู่หน้าเตียง หันหลังให้โต๊ะเขียนหนังสือ ส่วนจิรัสยานั่งพิงหัวเตียงหย่อนเท้าลงพื้น มือสองข้างเท้ากับที่นอน มีกรรณิการ์คว่ำหน้ากับหมอน นอนเหยียดยาวอยู่ข้างๆ

“ก็ไม่ได้กล่อม ก็แค่...เอ้อคุณย่าท่านก็อายุเยอะแล้ว จาวก็อยากให้ตามๆใจท่านหน่อย กรรณเองก็ต้องเข้าใจคุณย่าบ้าง ท่านก็คงห่วงแหละ อยากเห็นเรามีหลักมีฐาน ท่านจะได้สบายใจก็เท่านั้น”

“อื้อ หนูวันเห็นด้วย ตัวน่ะ เรื่องมากจริงกรรณ กะอีแค่ไปดูตัว”

“ไม่ต้องมาพูดเลยนะยายวัน เค้ายังไม่ได้สะสาง เรื่องที่ตัวรับเป็นคนแรกเลยนะ!”

กรรณิการ์เข่นเขี้ยว ในขณะที่ทานตะวันเบ้ปากทำหน้าไม่ใส่ใจ เลยยิ่งทำให้อีกฝ่ายหน้าแดงหูแดง ร่ำๆโกรธจนลมกำลังจะออกหู จนจิรัสยาอดขำออกมาไม่ได้ แม้จะเครียดๆ เรื่องดูตัวอยู่ก็ตามที

“นี่ยายจาว กรรณเครียดนะ บอกตรงๆ ว่าเครียดมาก ยังจะมาทำขำอีก”

“ขอโทษ แต่จาวอดไม่ได้จริงๆ”

จิรัสยาบอกกลั้วหัวเราะ ส่วนญาติผู้พี่ค้อนขวับ อีกพักหนึ่งนั่นแหละ เธอถึงกลั้นหัวเราะไว้ได้ แล้วเอ่ยเป็นการเป็นงาน “นี่กรรณฟังนะ ไอ้เรื่องที่จาวบอกว่าให้ตามใจคุณย่าน่ะ ไม่ใช่ว่าจะให้เราแต่งงานอย่างที่คุณย่าต้องการ จาวแค่อยากให้กรรณตามใจท่านเท่าที่จะทำได้ ในเมื่อท่านอยากให้เราไปดูตัว เราก็ไปซี้ แต่ไปแล้ว เราจะชอบหรือไม่ชอบ มันก็อีกเรื่อง คุณย่าท่านจะว่าอะไรได้ ในเมื่อเรา‘ยอม’ไปดูตัวแล้วนี่ จาวพูดจริงๆนะ คุณย่าท่านจะหาคู่ให้เราดูตัวได้สักกี่คนกัน”

กรรณิการ์มองเธอนิ่ง ในขณะที่ทานตะวัน เงยหน้าขึ้นจากหมอนมองอย่างทึ่งๆ

“คุณย่าเคยรู้มั้ย ว่าหลานรักเสี้ยมคนอื่นให้แข็งข้อได้ขนาดไหน”

“ช่าย-ย-ย” ทานตะวันลากเสียงยาว “จาวร้ายอ่ะ ดื้อเงียบ เจ้าเล่ห์มั่กมาก หนูวันจะฟ้องคุณย่า!”

จิรัสยาหัวเราะ หันไปตีเพียะลงบนต้นแขนของทานตะวัน ที่ยังพูดต่อกับกรรณิการ์

“นี่ตัว ตัวเคยสงสัยมั้ย ว่ามีใครมาสิงยายจาวผู้เรียบร้อยของเรา ใครจะคิดคนที่ตามใจคุณย่าทุกอย่าง จะเป็นคนที่ขัดใจคุณย่าได้ทุกอย่างเหมือนกัน แต่ขัดแบบเนียนๆ นะ ไม่ต้องขัดใจคุณย่า แต่ก็ไม่ได้ฝืนใจเรา โอ๊ย หนูวันอยากกระทืบไลค์ให้จริงๆ จาวจ๋า จาวนี่เป็นแม่พระของหนูวันกับกรรณจริงๆ น้า ยกนิ้วให้เลยเลิศค้า!”

“อือนั่นสิ ถ้ามีเรื่องหนักใจอะไรมานะ จาวแก้ให้ได้หมดจริงๆ”

กรรณิการ์เข้ามาโอบเธอไว้แล้วเขย่าแรงๆ ในขณะที่ญาติผู้พี่ยังสรรเสริญต่อ โดยที่ญาติผู้น้องของเธอพยักหน้าเห็นด้วย จนคอแทบหักว่า “หู้ย! ใครจะนึก จาวนี่แหละ แกนนำผู้ต่อต้านเผด็จการคุณย่าโดยแท้!”






แต่กระนั้นใครจะนึก ว่าแกนนำผู้ต่อต้านเผด็จการคุณย่าจะเข้าตาจนในวันนี้!

“จาวขอไปให้อาหารตรงศาลาริมน้ำข้างๆ วัดได้มั้ยคะ คุณย่า คุณย่าริน”

ร่างเล็กบางที่สวมเชิ้ตชีฟองสีขาวแขนสั้น คอปกแต่งลูกไม้กับกางเกงยีนส์พอดีตัว เอ่ยขออนุญาต หลังติดตามพิกุลมาทำบุญที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งโดยนัยแล้วคือ...มาดูตัวแทนกรรณิการ์ที่ชิ่งหนีกะทันหันในเมื่อวานนี้

หลังจากวันที่พิกุลประกาศเรื่องการดูตัว มันก็กินเวลามาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ทานตะวันคงลอยลำและวุ่นอยู่กับการหาทางพิชิตใจพี่ชายข้างบ้าน ดังนั้นเป้าหมายของผู้เป็นย่าเลยพุ่งไปที่กรรณิการ์ก่อน แน่นอนญาติผู้พี่ของเธอซึ่งยืนยันว่าไม่ไปดูตัวเด็ดขาด ก็อ้างนู่นอ้างนี่ไปเรื่อย ว่าไม่สบายบ้าง ติดธุระบ้าง และอีกสารพัดสารพันที่เจ้าตัวสรรหามา

แต่คุณย่าของพวกเธอก็ไม่ละความพยายาม ยังคงนัดจับคู่ให้กรรณิการ์แทบทุกอาทิตย์ และอีกฝ่ายก็หาทาง‘เบี้ยว’ ได้ทุกอาทิตย์เช่นกัน และเพราะอย่างนั้นในทีแรกๆ จิรัสยาเลยค่อนข้างสบายใจ เพราะเห็นพิกุลมัวแต่วุ่นวายกับกรรณิการ์ เลยยังไม่ได้จัดการหาคู่มาให้เธอดูตัว!

ทว่ากลับคิดผิด เรื่องเลยกลายเป็นว่าเธอต้องมานั่งอยู่ตรงนี้แทนญาติผู้พี่เสียเอง!

“เอาสิลูก จาวยังไม่เคยมานี่นะ ไปเถอะเดี๋ยวย่าจะกลับ จะไปตาม”

พิกุลที่วันนี้สวมเสื้อลูกไม้กับผ้าถุงสีเหล็ก นั่งเยื้องไปด้านหน้ากับบัวรินผู้เป็นเพื่อนที่แต่งกายคล้ายกัน ละการสนทนากับเจ้าอาวาส และแม่ชีที่รู้จักกันดีหันมาบอก ในขณะที่กำลังนั่งกันอยู่ภายในศาลาการเปรียญของวัด

ส่วนบัวรินที่จิรัสยาเห็นว่ายังสวยหนักหนา ทั้งๆ ที่วัยเลยเจ็ดสิบมาแล้วก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนส่งมาให้ แววตาของเพื่อนย่า ที่เธอได้เจอกันครั้งแรกในตอนที่อีกฝ่ายนั่งรถตู้มารับพิกุลและเธอที่สวนพิกุลสาขาสองนั่น ทำให้จิรัสยาคุ้นอย่างประหลาด เพราะคล้ายๆ ว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

จากคำบอกเล่าของพิกุล บัวรินเป็นหม่อมหลวงแห่งราชสกุลสายหนึ่ง และดูออกจะเป็นลูกครึ่งอยู่หน่อยๆ เพราะมีมารดาเป็นชาวต่างชาติ เพื่อนของผู้เป็นย่า เป็นเจ้าของกิจการโรงแรม และจิวเวลรี่รายใหญ่ในระดับต้นๆ ที่มีชื่อเสียงมากพอดู หม่อมหลวงบัวรินมีลูกสาวคนเดียวชื่อภริดา และแต่งงานกับ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวอังกฤษ ชื่อคริสเตียน ซึ่งทั้งคู่ก็มีลูกชายหนึ่งคน ชื่อโครนอส...คู่ดูตัวของกรรณิการ์ ที่ต่างพร้อมใจกันชิ่งหนี การดูตัวในวันนี้

และมันเป็นเรื่องให้เธอแอบขำเพราะในขณะที่กรรณิการ์หนีการดูตัว จนพิกุลเป็นทุกข์เป็นร้อน เพราะกลัวเสียเพื่อน ที่ตัวเองผิดคำพูดมาหลายครั้งแล้ว ทว่าคราวนี้ฝ่ายชายเอง ก็ดูเหมือนว่าจะ‘หนี’ด้วย แต่แรกที่จิรัสยาได้ฟัง เธอต้องก้มหน้ามองพื้นเพื่อไม่ให้หลุดขำ ในสิ่งที่หญิงสูงวัยผู้เป็นเพื่อนย่าบอกออกมา ด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ และรอยยิ้มแห้งๆ

‘เอ้อ ขอโทษเถอะพิกุล หนูจาว คือตาครอสติดประชุมด่วนน่ะ แต่เขารับปากนะ ว่าถ้าเลิกเร็วจะรีบมา’

นั่นแหละ...คือคำปฏิเสธอย่างนุ่มนวลที่สุด!

พิกุลและผู้เป็นเพื่อน นัดกันมาทำบุญที่วัดแถวชานเมืองแห่งหนึ่งไม่ไกลนัก และจิรัสยาก็ชอบเสียด้วย เพราะไม่ใช่วัดดังที่มีผู้คนพลุกพล่านจนหาความสงบไม่เจอ วัดนี้อยู่ห่างจากถนนใหญ่พอสมควร ทำให้ไม่ค่อยมีเสียงเครื่องยนต์มารบกวน รอบๆ เป็นชุมชนริมน้ำเล็กๆ และในวัดล้อมรอบด้วยไม้ใหญ่ร่มรื่น

ส่วนศาลาริมน้ำที่เธอเอ่ยในตอนแรก อยู่ติดกับคลองขนาดกลางที่ไหลผ่านชุมชนนี้ แล้วโอบขนาบวัดทั้งทางด้านหลังและด้านซ้าย รอบวัดถูกกำหนดให้เป็นเขตอภัยทาน ปลาเลยชุกชุมคนเลยชอบไปให้อาหารปลาตรงศาลานั่น

“ไปเถอะหนูจาว นั่งฟังคนแก่คุยกันคงเบื่อสิลูก”

“ไม่หรอกค่ะ จาวชอบฟัง แต่เห็นมีขายอาหารปลาตอนเข้ามา เลยอยากไปให้อาหารมันสักหน่อยน่ะค่ะ”

คำตอบของเธอ ผู้ฟังคงพอใจ เพราะดูได้จากรอยยิ้ม

“ขานี้เขาปากหวานละเธอ หลานสาวสามคนของฉัน มีคนนี้ละนิ่งๆ เงียบๆ จาวเขาชอบอยู่เงียบๆ ชอบไปวัด ดูของเก่าๆ เป็นคนเย็นๆ เรียบๆ แต่ถ้าเป็นยายกรรณละเธอเอ๋ย นั่นจะเป็นอีกแบบ เพราะเธอจะขี้เกียจฟัง จนต้องไล่ให้ไปที่อื่นเสีย” พิกุลบอกกลั้วหัวเราะ ขณะที่ผู้ฟังเองเออออ

“อย่างนั้นเหรอ ถ้าได้เจอกับตาครอสคงสนุกพิลึกละ”

จิรัสยาค่อยถอยออกมา และนั่นเป็นประโยคสนทนาสุดท้ายที่เธอได้ฟัง หญิงสาวก้าวลงจากบันไดศาลา ก่อนหยุดยืนมองสำรวจโดยรอบ

วัดนี้พื้นที่ไม่ได้กว้างมาก แต่ก็ไม่ได้น้อยจนเกินไป พื้นที่ส่วนมากเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ส่วนสิ่งก่อสร้างในวัดไม่มีอะไรไปมากกว่า ศาลาไม้การเปรียญเก่าแก่ รอบระเบียงเปิดโล่งหนึ่งหลัง โบสถ์ที่เพิ่งสร้างเสร็จ เยื้องออกไปทางด้านหลัง ส่วนข้างๆ เป็นสระน้ำมีโบสถ์กลางน้ำเล็กๆ อีกแห่ง นอกนั้นเป็นกุฏิที่ซ่อนอยู่ในเงาไม้

ลานกว้างหน้าวัดที่ใช้เป็นที่จอดรถอยู่ติดกับสระน้ำ มีรถยนต์จอดอยู่เกือบสิบคัน รอบสระทำที่นั่งง่ายๆ ด้วยต้นตาลที่ตัดเป็นเก้าอี้ ฝังลงในดิน และปลูกต้นลูกปืนใหญ่ ออกดอกระย้าย้อยดกจนน่าชม

ริมกำแพงวัดด้านหน้าปลูกไม้ผลจำพวกมะม่วง ชมพู่ และมะยม มีลั่นทมต้นใหญ่ขึ้นกลางสนาม ออกดอกสีขาวอมเหลืองพร่าง ที่โคนต้นมีดอกร่วงเกลื่อน และเห็นคนที่มาทำบุญ กำลังยืนถ่ายรูปอย่างติดใจ

จิรัสยาแวะซื้ออาหารปลาก่อนจะเดินตามทางเดินปูด้วยอิฐ เลาะเลี้ยวไปตามต้นแก้วและโมกข์ที่ปลูกขนาบข้าง ภายใต้ไม้
ใหญ่จำพวกคูณ และหูกวางไปทางด้านซ้ายของศาลาการเปรียญ ราวร้อยเมตรเธอก็เห็นกำแพงเหล็กโปร่งๆ มีศาลาท่าน้ำหลังขนาดกลางอยู่หลังหนึ่ง ตรงนั้นมีคนนั่งอยู่ก่อนแล้วสองสามคนพอเธอเดินไปถึง ก็พอดีกับคนอื่นๆ ลุกขึ้นเดินสวนจากมา จิรัสยาเดินเข้าไปในศาลาก้าวลงไปทางบันไดระหว่างตัวศาลาและท่าน้ำ

เธอทรุดลงนั่งตรงขั้นบันไดที่ทอดลงไปในน้ำนั่นเอง พลางหว่านอาหารเม็ดที่ซื้อมา ก่อนจะเห็นกลุ่มปลาตัวใหญ่มากมายกระโดดฮุบโผงผาง รอบๆ บริเวณเงียบได้ยินแต่เสียงลม บ้านที่อยู่ตรงข้ามวัด มองเห็นเงาคนผ่านหน้าต่างแวบๆ ส่วนในคลอง มีเรือสองสามลำกำลังพายจากไป

และด้วยเป็นเวลาบ่ายแก่แล้ว ด้านนี้จึงได้อาศัยร่มเงาของต้นไม้ บดบังแสงแดดไม่ให้ร้อน จิรัสยาเลยถือโอกาสนั่งเล่นพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย จนนึกได้ว่าเธอมานานแล้ว เลยยื่นมือลงไปกวักน้ำเพื่อล้างมือ คิดจะกลับไปหาพิกุลและบัวริน ก่อนจะชะงักเพราะได้ยินเสียงทักมาจากทางด้านหลัง

“เอ่อ...ขอโทษที คุณใช่คุณจาวหรือเปล่า”

หญิงสาวเอี้ยวตัวกลับมามอง ก่อนจะนิ่งขึงไป เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ยืนอยู่บนพื้นศาลา มองตรงมาที่เธอ แสงแดดยามบ่ายแก่ๆ ที่ทอลอดกิ่งไม้ตกมาต้อง สาดส่องร่างสูง จนเกิดเงาซ้อนทับ...เป็นภาพเลือนๆ คล้ายมองผ่านกระจกที่เป็นฝ้า ด้วยละไอน้ำที่ระเหยจับเกาะ หัวใจเธอคล้ายหยุดเต้นไปในชั่วที่มองสบตา

ภาพในฝันที่เคยเลือนราง จำไม่ได้เลยสักครั้ง ดูเหมือนจะซ้อนทับกับภาพแห่งความจริงตรงหน้า กระตุ้นความทรงจำในเบื้องลึกให้ตื่นขึ้นมา ภายในเสี้ยววินาทีนั้นเอง






ผู้หญิงคนนั้น ที่นั่งหันหลังให้ อยู่ที่พื้นท่าน้ำ ซึ่งยื่นเข้าไปในคลอง...ดูคุ้นๆ

นั่นละ...เป็นความคิดแรก ที่โครนอสรู้สึก หลังคนที่เขาขอร้องให้ช่วยพานำทางมาชี้บอก ก่อนจะเดินจากไปตามทางเดิม ชายหนุ่มคงหยุดยืนมองอีกฝ่ายนิ่ง แผ่นหลังบอบบางทำให้เขารู้สึก...คล้ายๆ ว่าคิดถึง

ชายหนุ่มมาถึงเอาตอนที่ผู้เป็นย่าและเพื่อนกำลังจะกลับแล้ว เขาเลยถูกวานให้มาตามหลานสาวของพิกุล หญิงสูงวัยที่ดูเหมือนจะตกใจในตอนแรกที่ได้เห็นหน้าของเขา พร้อมบอกว่าเขาหน้าเหมือนใครบางคนที่หญิงสูงวัยรู้จัก หากโครนอสไม่ได้ถามว่าใคร ก่อนจะปลีกตัวออกมา

ร่างสูงใหญ่พับแขนเสื้อเชิ้ตที่สวมขึ้นไปถึงข้อศอก ก่อนจะสอดมือลงไปในกระเป๋ากางเกง ยามก้าวเข้าไปในศาลา แล้วยืนเอนพิงๆ กับต้นเสาแข็งแรงต้นหนึ่ง และถึงขนาดนั้น ผู้หญิงคนที่เขามองก็ยังไม่รู้สึกตัว ดูเหมือนเธอกำลังคิดอะไรเพลินอยู่เสียด้วย เสี้ยวหน้าที่พอมองเห็น เพราะเจ้าหล่อนก้มลงมองฝูงปลาในน้ำ พลอยทำให้โครนอสยิ้มออกมาอย่างเผลอไผลโดยไม่รู้ตัว

ก็...น่ารักดี สำหรับคู่ดูตัวคนนี้ นั่นคือข้อสรุปของเขา

เกือบสิบนาทีต่อมา สาวเจ้าก็ยังไม่รู้สึกตัวว่าเขายืนจ้องอยู่ ดูเธอคล้ายเด็กๆ ที่ไม่ค่อยระมัดระวังตัวเองเท่าไหร่นัก และเขาเองก็ไม่อยากขัดความเป็นส่วนตัวของเธอด้วย เลยยืนมองอยู่อย่างนั้น ด้วยบริเวณรอบๆ ก็ร่มรื่นดี

มันเหมือน...เขาเคยเห็นภาพนี้มาแล้ว บรรยากาศแบบนี้ ที่ท่าน้ำ มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ สองฝากฝั่งคลอง ต่างเต็มไปด้วยโสนดอกสีเหลือง ทั้งบัวผันสันตะวาใบพายขึ้นเต็มสองฝั่งที่ตื้นเขิน หากลึกลงไปกลายเป็นบัวหลวง ชูช่อและฝักไหวเอนไปมา สายน้ำไหลเอื่อย แสงแดดยามบ่ายแก่ต้องจับผืนน้ำที่ไหวกระเพื่อม เป็นประกายระยิบระยับ รอบด้านสงัดเงียบ ได้ยินแต่เสียงลมพัด เสียงนกร้อง และนานๆ ที จะมีเรือพายลำเล็กลอยลำผ่านไปมา

เสียงหัวเราะใสๆ ดังแผ่วคลอเคล้าเสียงลม บางระยะเป็นเสียงพูดคุยเริงรื่น รอยยิ้มแต้มใบหน้านวล พลอยทำให้ใบหน้าคมคายแย้มยิ้มตาม...ช่วงเวลานั้น ดูราวกับความสุขทั้งมวล มารวมกันอยู่แค่ที่แห่งเดียว มันช่างเป็นสุขนัก

ใช่...ช่างเป็นสุข

ชายหนุ่มกะพริบตาถี่ๆ หลังได้ยินเสียงเครื่องเรือใกล้เข้ามา พอได้สติโครนอสก็ขำตัวเองที่คิดอะไรได้เป็นเรื่องเป็นราว ก่อนที่เขาจะหันมาสนใจกับคู่ดูตัวแก้ขัดของเขา ที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม ซึ่งเธอกำลังมองตามเรือหางยาวที่แล่นผ่านไปจนลับตา เธอนั่งนิ่งอยู่ครู่ ก่อนจะก้มลงวักน้ำล้างมือ และนั่นแหละ ชายหนุ่มเลยส่งเสียงเรียกออกไป

“เอ่อ ขอโทษที คุณใช่คุณจาวหรือเปล่า”

ร่างบอบบางดูสะดุ้งจนโครนอสอดยิ้มขำไม่ได้ แต่พอเธอเอี้ยวตัวหันมามอง ภาพบางภาพที่เคยฝันเห็นก็ปรากฏชัด ร่างเล็กอรชร ดวงหน้าอ่อนเยาว์ ริมฝีปากจิ้มลิ้มระเรื่อ และดวงตาสีน้ำตาลแก่อ่อนเชื่อมซึ่งมองสบมา ถูกล้อมกรอบอยู่ในกลุ่มผมสลวยยาวประบ่า...ดูเหมือน

ผู้หญิงในฝันของเขา

“กุหลาบ” โครนอสยืดตัวยืนตรง ดวงตาเขาเบิกกว้าง ความยินดีผุดพลุ่งในส่วนลึก จิรัสยาเองก็ดูจะตะลึงไปเหมือนกัน ก่อนที่หญิงสาวจะก้มหน้าหลุบตาไม่ยอมสบด้วย เป็นนานทีเดียว ก่อนที่เธอจะขยับลุกขึ้นยืน พลางปัดฝุ่นตามเนื้อตัว แล้วเอ่ยถามขึ้นก่อนว่า

“ค่ะ...เอ่อ ขอโทษนะคะ เมื่อกี๊คุณพูดกับฉันหรือเปล่า คือไม่ค่อยได้ยินสักเท่าไหร่”

โครนอสกะพริบตาถี่ๆ หลังรู้สึกว่าตนเองเอาแต่มองเกินไป จนดูคล้ายเสียมารยาทเต็มที

“ครับ คือผม...ง่า เป็นเอ่อ หลานชายคุณยายบัวรินน่ะครับ เพิ่งมาถึงเมื่อครู่ แล้วท่านให้มาตามคุณ คุณจาว อ้อ คือคุณยายท่านบอกว่าคุณมาที่ศาลานี่น่ะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมโครนอส หรือคุณจะเรียกครอสก็ได้”

ชายหนุ่มบอกเก้อๆ รู้สึกอายขึ้นมาบ้าง ก่อนจะหัวเราะแก้เขิน หลังหญิงสาวที่ยืนอยู่ต่ำลงไปมองสบมา ส่วนจิรัสยาพยักหน้ารับรู้ แล้วหลุบตาลงต่ำ เธอยกมือขึ้นไหว้คนตรงหน้า และแนะนำตัวบ้างเช่นกัน

“ฉันจิรัสยา จาวค่ะ วันนี้มาเป็นเพื่อนคุณย่า ขอโทษด้วยนะคะที่ต้องให้คุณมาตาม เอ่อ พอดีนั่งเพลินไปหน่อย”

หญิงสาวก้าวเดินตรงเข้ามาหาคนที่มาตาม ซึ่งยืนอยู่บนขั้นบันไดขั้นที่สาม ก่อนที่อีกฝ่ายจะยื่นมือส่งมาให้ จิรัสยาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือ สลับกับมือที่ยื่นมาอย่างชั่งใจ จนโครนอสที่ก้มมองอยู่แทบไม่วางตาเลยเอ่ยขึ้น

“บันไดมันชันครับ มาเถอะเดี๋ยวหกล้ม”

จิรัสยาถอนใจ เพราะคนตรงหน้าอุตส่าห์มีน้ำใจขนาดนี้ หากเธอก็ปฏิเสธ มันก็ดูจะเกินไป สุดท้ายเธอเลยวางมือลงบนมือเขา ความอบอุ่นที่ได้รับ ทำให้หัวใจเต้นแรง ยิ่งเมื่อมือใหญ่กระชับมือเธอแน่นขึ้น จิรัสยาก็รู้สึกราวกับจะหายใจไม่ออกเอาดื้อๆ แข้งขาพลันอ่อนแรงโดยไม่มีสาเหตุ โดยเฉพาะเมื่อเงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าของมือ ที่ยิ้มละมุนส่งมาให้

“เอ่อ ขอบคุณค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ”

โครนอสรู้สึกหัวใจชุ่มชื้น ขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ยามที่ได้ยินเสียงหวานตอบรับอ้อมแอ้มกลับมา เขายิ้มรับ แล้วฉุดให้หญิงสาวก้าวขึ้นไปพร้อมกัน และในนาทีนั้นเอง จิรัสยารู้สึกเหมือนตัวเองถูกดึงจนสุดแรง ให้หงายหลังลงไป

สัญชาตญาณเลยทำให้เธอคว้าเขาที่อยู่ข้างๆ เป็นหลักยึด ส่วนโครนอสเองที่ไม่ทันตั้งตัว ก็ทำได้แค่โอบรัดร่างเล็กเข้าไว้แนบอก ก่อนเอาตัวเองต่างเบาะ แรงกระแทกทำให้ชายหนุ่มจุก เช่นเดียวกับจิรัสยา หัวใจเธอหล่นวูบเมื่อทั้งเธอกับเขาต่างร่วงลงมาด้วยกัน และก่อนสำนึกสุดท้ายจะหลุดลอย คล้ายหญิงสาวจะได้ยินเสียงพูดแว่วๆ ดังมาแต่ที่ไกลๆ

“พลาด...พลาดอีกแล้ว!”



===============================================================>>>>>


ดีค้า พายายจาวมาส่ง อิๆ มีข่าวมาบ้อกกกกกกกกกกก ^O^

วันนี้ บ.ก. ส่งปกพี่ธรรม มาให้ได้ยล ค่ะ กรี๊ดกร๊าดดี๊ด๊ามากพอควรเลย แฮ่ๆๆ แต่ยังไม่เรียบร้อยค่ะ ยังแก้ไขอยู่และคิดว่าพี่ธรรม 'ทอรักห่มใจ' คงได้วางแผงประมาณปลายเดือน ธันวา หรือไม่ก็ ต้นมกราคมค่ะ ยังไงช่วงนี้ระหว่างรอพี่ธรรม ก็ฝากพี่แทน (รอยพรหมลิขิรัก) กับ ยายคุณ (กุล) (ใยรักพันใจ) ด้วยนะค้า สามพี่น้องนี่ถ้ามีไม่ครบไม่หนุกนะเออ เอ๊ย หนุกน้อยลงซิ 555+ ตอนนี้พี่แทน กับยายคุณ(กุล) วางแล้วนะคะ ถามหาได้ที่ร้านหนังสือทั่วไปค่ะ ทั้ง นายอินทร์ และ ซีเอ็ด

คุณพันธ์แตงกวา กรีดร้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง เจ่เจ้ลำเอียงๆๆๆๆ เจ่เจ้ไม่รักพีท ดีดดิ้นกลิ้งเกลือกกับพื้น 555+ น่าสงสารพีพีทดีไหมละเนี่ย อิๆ ว่าแต่ ครอสกับจาวสามรอบนี่แบบหนอนหมดแรง >//////<
คุณแว่นใส เรื่องนี้ต้องลุ้นค่ะว่าจะใช่คนที่คุณหวังอ่ะป่าว อุๆ แต่งานนี้ดูแล้วใครๆก็เชียร์ครอส กร๊ากกกกกกกกกกกก
คุณZephyr เฟอร์รี่จังงงงงงงงงงงลำเอียงงงงงงงงงงง เฟอร์รี่รักแต่ครอสจัง ไม่รักพี่พีทเลย 555+ แบ่งใจให้พีพีทบ้างซี้ นะๆๆๆๆ รักพี่พีทบ้างไรบ้างอิๆ
คุณบุลินทร เดี๋ยวๆๆ ไหนใครยังไม่ถึง 25 เนี่ย ต๊ายกล้าพูด 555+ ฝากธนาคารไว้หราาาาาาาาาาาาาา ส่วนเรื่องเชียร์หนอนจะไม่พูดไม่พูด เดี๋ยวหลุดไม่ต้องมาหลอกถาม!
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ คือตอนเขียนก็ชอบนางมาก นางเปิ้ดสะก๊าดซ้าาาาาาาาาาาาาา 555+ กำลังรอปลายสีค่ะ แต่่ช่วงนี้งานปลายสีค่อนข้างเยอะ มารอไปด้วยกันนะคะ เค้าก็รออ่านยายวัน กร๊ากกกกกกกกกก

และคุณๆรีดเดอร์นะค้า ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาคุย มากดคะแนนให้ค่า ขอบคุณมากๆๆๆๆ

คืนนี้ไปแล้วค่ะ หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์จ้า ^O^



ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 พ.ย. 2557, 18:19:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 พ.ย. 2557, 18:19:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 1781





<< บทที่ 2 บุพกรรม ๑ 2.2   บทที่ 3 บุพกรรม ๒ 2.2 >>
บุลินทร 18 พ.ย. 2557, 21:09:35 น.
ครอสตามประสาพระรองหรือ มีซีนกับนางเอกมากหน่อย ส่วนพระเอกค่อยมาทำคะแนนทีหลัง ฮ่าๆๆ


พันธุ์แตงกวา 18 พ.ย. 2557, 21:43:07 น.
เจอกันแล้วววววบัดเดี๋ยวนี้ หม่อมฉันรอท่านชายครอสทุกเมื่อเชื่อวันมังคะ หม่อมฉันนะมังคะ ไม่ใช่ยายจาว
น่าร้อกอ่ะ!!!


แว่นใส 18 พ.ย. 2557, 22:05:40 น.
เสียงนั้นเป็นวิญญาณอาฆาตหรือเปล่า


Sukhumvit66 18 พ.ย. 2557, 22:09:42 น.
มาลงชื่อคร้าบบ...


Zephyr 21 พ.ย. 2557, 00:04:04 น.
พลาด พลาดอีกแล้ว
พลาดจนค้างงงงงงงงอีกแล้ว
ยาวๆๆๆ ขอยาวๆๆๆๆ
ระลึกชาติได้แม้เพียงสบตา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account